• #บทกวี
    #รักธรรมะ
    #ท่านจันทร์
    #thaitimes
    #บทกวี #รักธรรมะ #ท่านจันทร์ #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
    #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้
    #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย
    #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม
    #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร
    พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ
    ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้ #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัจฉริยะ กรำศึก กับ ทนายตั้ม มานานหลายปี กินกันไม่ลงจนต้องสงบศึกกันไป
    .
    พอ ลุงสนธิ ลงมาเล่นเอง...
    .
    เกมส์...
    .
    ภายในไม่กี่อาทิตย์...!!!
    .
    🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    .
    นี่อาจจะเป็นเพราะ ฟ้าส่ง นรกสั่ง ชักนำให้ คุณ อ้อย เข้าร้องเรียนต่อ "เจ้าสำนัก บ้านพระอาทิตย์" พร้อมหลักฐานการกระทำผิด ของ ทนายต้ม เป็นกระบุง ด้วยแหล่ะ...
    .
    แบบนี้หล่ะมั้ง ที่เขาเรียก "ธรรมะจัดสรร"
    อัจฉริยะ กรำศึก กับ ทนายตั้ม มานานหลายปี กินกันไม่ลงจนต้องสงบศึกกันไป . พอ ลุงสนธิ ลงมาเล่นเอง... . เกมส์... . ภายในไม่กี่อาทิตย์...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣 . นี่อาจจะเป็นเพราะ ฟ้าส่ง นรกสั่ง ชักนำให้ คุณ อ้อย เข้าร้องเรียนต่อ "เจ้าสำนัก บ้านพระอาทิตย์" พร้อมหลักฐานการกระทำผิด ของ ทนายต้ม เป็นกระบุง ด้วยแหล่ะ... . แบบนี้หล่ะมั้ง ที่เขาเรียก "ธรรมะจัดสรร"
    ขอบคุณ "สนธิ-ปานเทพ" เปิดโปงความชั่ว "ทนายตั้ม" 07/11/67 #สนธิ #ปานเทพ #ทนายตั้ม #เจ๊อ้อย #อัจฉริยะ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 573 0 รีวิว
  • พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะ #พระพุทธเจ้า #พุทธศาสนา #วันเทโวโรหนะ #นิทาน #นิทานธรรมะ #sightseeingaroundus935
    พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะ #พระพุทธเจ้า #พุทธศาสนา #วันเทโวโรหนะ #นิทาน #นิทานธรรมะ #sightseeingaroundus935
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • "ทนายบอสพอล" พาพยาน 20 ปาก "ดิไอคอน" ให้ปากคำดีเอสไอ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ซื้อขายสินค้าจริง แจงไม่มีการจัดฉากเพราะไม่คุ้มกับอนาคต

    วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 12.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้ากับบริษัทฯ จริง

    น.ส.มลญ่า (หนึ่งในพยาน) กล่าวว่า ตนและพยานจำนวนนึงเดินทางมาเป็นพยานให้กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แล้วยังคงทำธุรกิจขายสินค้ากับบริษัทฯ อยู่ เพื่อแสดงเหรียญอีกนึงด้านยืนยันความบริสุทธิ์กับตัวแทนทุกคน โดยส่วนตัวเคยได้รับความดูแลเป็นอย่างดีกับทางบริษัทฯ และบริษัทมีเมตตาถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจแบบออนไลน์ให้กับตนเองจนสามารถต่อยอดในหลายด้าน นำไปแบ่งปันความรู้ให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ซึ่งตนเป็นคนสายธรรมะก็อยากตอบแทนบริษัทที่เคยช่วยเหลือตนมาก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000106195

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    "ทนายบอสพอล" พาพยาน 20 ปาก "ดิไอคอน" ให้ปากคำดีเอสไอ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ซื้อขายสินค้าจริง แจงไม่มีการจัดฉากเพราะไม่คุ้มกับอนาคต • วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 12.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้ากับบริษัทฯ จริง • น.ส.มลญ่า (หนึ่งในพยาน) กล่าวว่า ตนและพยานจำนวนนึงเดินทางมาเป็นพยานให้กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แล้วยังคงทำธุรกิจขายสินค้ากับบริษัทฯ อยู่ เพื่อแสดงเหรียญอีกนึงด้านยืนยันความบริสุทธิ์กับตัวแทนทุกคน โดยส่วนตัวเคยได้รับความดูแลเป็นอย่างดีกับทางบริษัทฯ และบริษัทมีเมตตาถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจแบบออนไลน์ให้กับตนเองจนสามารถต่อยอดในหลายด้าน นำไปแบ่งปันความรู้ให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ซึ่งตนเป็นคนสายธรรมะก็อยากตอบแทนบริษัทที่เคยช่วยเหลือตนมาก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000106195 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมเห็นด้วยนะ ที่คนตื่นธรรมเขาออกมาสอนธรรมะ คือความจริงของชีวิตในฐานะฆราวาส ให้ประชาชนฟัง เพราะพระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่สอนธรรมะกันแล้ว แถมหลายๆรูปยังสอนเรื่องงมงาย เพื่อหารายได้กันอย่างเดียว..
    ผมเห็นด้วยนะ ที่คนตื่นธรรมเขาออกมาสอนธรรมะ คือความจริงของชีวิตในฐานะฆราวาส ให้ประชาชนฟัง เพราะพระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่สอนธรรมะกันแล้ว แถมหลายๆรูปยังสอนเรื่องงมงาย เพื่อหารายได้กันอย่างเดียว..
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • #thaitimes
    #ท่านจันทร์
    #บทกวี
    #กลอน
    #ข้อคิด
    #รักธรรมะ
    #thaitimes #ท่านจันทร์ #บทกวี #กลอน #ข้อคิด #รักธรรมะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา

    ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง

    ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา
    กลมกลืนกับธรรมดา
    ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา
    ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา

    เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น

    แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ

    ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ

    แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว

    การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น

    จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา

    การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

    พระไพศาล วิสาโล

    🙏🙏🙏
    ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา กลมกลืนกับธรรมดา ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง พระไพศาล วิสาโล 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตเบิกบาน เบิกบานในบุญกุศล ความดีงาม เบิกบานในการฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า..
    จิตเบิกบาน เบิกบานในบุญกุศล ความดีงาม เบิกบานในการฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด

    ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา

    ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเรานำธรรมะเข้าสู่จิตใจ จิตก็จะไม่คิดร้ายคิดชั่ว จะละอายต่อบาปกรรมต่างๆ
    เมื่อเรานำธรรมะเข้าสู่จิตใจ จิตก็จะไม่คิดร้ายคิดชั่ว จะละอายต่อบาปกรรมต่างๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา

    การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต

    จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง

    การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • แก่นสารสาระของการปฏิบัติคือจิต

    "การปฏิบัติ จุดตั้งต้นเริ่มจากจิตของเรา
    หลวงปู่มั่นถึงบอกว่าได้จิตก็ได้ธรรมะ
    ไม่ได้จิตก็ไม่ได้ธรรมะหรอก
    เห็นจิตก็คือการปฏิบัติธรรม
    มองจิตใจตัวเองไม่เห็นก็ไม่ได้ปฏิบัติ
    เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่หลงรูปแบบเกินไป
    จนลืมเนื้อหาแก่นสารสาระ
    แก่นสารสาระของการปฏิบัติก็คือจิตของเรานั่นเอง

    ทีแรกจะฝึกจิตให้ตั้งมั่น
    อาศัยสติรู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น เคล็ดลับมันอยู่ตรงนี้
    ทำกรรมฐานอะไรก็ได้ แต่มีสติรู้ทันจิตของตนเองไว้
    อย่างหลวงพ่อทำอานาปานสติบวกพุทโธ
    หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
    แล้วจิตจะหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา
    จิตจะไหลเข้าไปในแสงสว่าง รู้ทัน
    ลมหายใจระงับ จะกลายเป็นแสง
    จิตจะไหลเข้าไปที่แสง รู้ทัน
    เห็นไหม อยู่ที่การรู้ทันจิตตัวเอง

    ทันทีที่เรามีสติรู้ทันจิตตนเองได้
    จิตจะตั้งมั่นเด่นดวงขึ้นมา
    จิตจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
    คำว่าพุทธ พุทธะ พุทโธ
    ก็แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    พุทโธ พุทโธ
    ไม่ใช่เป็นแค่คำเรียกขาน นกแก้วนกขุนทองแบบนั้น
    พุทโธก็คือจิตนั่นเอง
    ถ้าเราไม่เรียนเข้ามาให้ถึงจิตถึงใจ
    ไม่มีวันเข้าใจศาสนาพุทธหรอก"

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
    21 มกราคม 2567

    🙏🙏🙏
    แก่นสารสาระของการปฏิบัติคือจิต "การปฏิบัติ จุดตั้งต้นเริ่มจากจิตของเรา หลวงปู่มั่นถึงบอกว่าได้จิตก็ได้ธรรมะ ไม่ได้จิตก็ไม่ได้ธรรมะหรอก เห็นจิตก็คือการปฏิบัติธรรม มองจิตใจตัวเองไม่เห็นก็ไม่ได้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่หลงรูปแบบเกินไป จนลืมเนื้อหาแก่นสารสาระ แก่นสารสาระของการปฏิบัติก็คือจิตของเรานั่นเอง ทีแรกจะฝึกจิตให้ตั้งมั่น อาศัยสติรู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น เคล็ดลับมันอยู่ตรงนี้ ทำกรรมฐานอะไรก็ได้ แต่มีสติรู้ทันจิตของตนเองไว้ อย่างหลวงพ่อทำอานาปานสติบวกพุทโธ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ แล้วจิตจะหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา จิตจะไหลเข้าไปในแสงสว่าง รู้ทัน ลมหายใจระงับ จะกลายเป็นแสง จิตจะไหลเข้าไปที่แสง รู้ทัน เห็นไหม อยู่ที่การรู้ทันจิตตัวเอง ทันทีที่เรามีสติรู้ทันจิตตนเองได้ จิตจะตั้งมั่นเด่นดวงขึ้นมา จิตจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา คำว่าพุทธ พุทธะ พุทโธ ก็แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทโธ พุทโธ ไม่ใช่เป็นแค่คำเรียกขาน นกแก้วนกขุนทองแบบนั้น พุทโธก็คือจิตนั่นเอง ถ้าเราไม่เรียนเข้ามาให้ถึงจิตถึงใจ ไม่มีวันเข้าใจศาสนาพุทธหรอก" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 21 มกราคม 2567 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ
    ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ
    .
    มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้
    .
    ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่
    https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801
    .
    อนุโมทนานะคะ
    มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ . มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้ . ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801 . อนุโมทนานะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในพระพุทธศาสนา กรรมเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดชีวิตของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด การที่เราเกิดมาในครอบครัวกับพ่อแม่แบบใด เป็นผลจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ เมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถเลือกกำเนิดได้ แต่สามารถเลือกปฏิบัติได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจถึงกรรมที่เชื่อมโยงกับพ่อแม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถทำเพื่อตอบแทนพ่อแม่ ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลท่านทางกายเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยท่านให้เข้าใจธรรมะด้วย

    1. การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดู:
    การเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีความสุขทั้งกายและใจเป็นการตอบแทนพื้นฐาน แม้ว่าในบางครั้งการกระทำของเราจะไม่ตรงกับความคาดหวังของท่าน เราก็ควรตั้งใจทำด้วยความกตัญญูโดยไม่มีเงื่อนไข

    2. การตอบแทนด้วยธรรมะ:
    การช่วยให้พ่อแม่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการช่วยให้ท่านมีที่พึ่งทางใจที่แท้จริง เพราะกรรมดีและธรรมะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ท่านมีความสุขในปัจจุบันและอนาคต หากท่านสามารถเข้าใจเรื่องทาน ศีล และธรรมะได้ ท่านจะมีทางพ้นจากทุกข์ในที่สุด

    3. การให้อภัยและลดโทสะ:
    การที่เราสามารถอภัยพ่อแม่ได้ เป็นการแสดงถึงความมีจิตใจที่สูงพอและเป็นกุศล โทสะและการทะเลาะกับท่านไม่ได้ช่วยให้ท่านเปลี่ยนแปลงหรือเข้าใจธรรมะได้ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

    สรุป:
    การตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการนำพาท่านสู่ธรรมะและกรรมดี เมื่อเราทำหน้าที่ของลูกด้วยจิตที่ปรารถนาดีต่อท่าน จิตใจเราก็จะดีขึ้น โทสะจะลดลง และเราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อแม่ได้

    ในพระพุทธศาสนา กรรมเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดชีวิตของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด การที่เราเกิดมาในครอบครัวกับพ่อแม่แบบใด เป็นผลจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ เมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถเลือกกำเนิดได้ แต่สามารถเลือกปฏิบัติได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจถึงกรรมที่เชื่อมโยงกับพ่อแม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถทำเพื่อตอบแทนพ่อแม่ ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลท่านทางกายเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยท่านให้เข้าใจธรรมะด้วย 1. การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดู: การเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีความสุขทั้งกายและใจเป็นการตอบแทนพื้นฐาน แม้ว่าในบางครั้งการกระทำของเราจะไม่ตรงกับความคาดหวังของท่าน เราก็ควรตั้งใจทำด้วยความกตัญญูโดยไม่มีเงื่อนไข 2. การตอบแทนด้วยธรรมะ: การช่วยให้พ่อแม่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการช่วยให้ท่านมีที่พึ่งทางใจที่แท้จริง เพราะกรรมดีและธรรมะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ท่านมีความสุขในปัจจุบันและอนาคต หากท่านสามารถเข้าใจเรื่องทาน ศีล และธรรมะได้ ท่านจะมีทางพ้นจากทุกข์ในที่สุด 3. การให้อภัยและลดโทสะ: การที่เราสามารถอภัยพ่อแม่ได้ เป็นการแสดงถึงความมีจิตใจที่สูงพอและเป็นกุศล โทสะและการทะเลาะกับท่านไม่ได้ช่วยให้ท่านเปลี่ยนแปลงหรือเข้าใจธรรมะได้ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง สรุป: การตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการนำพาท่านสู่ธรรมะและกรรมดี เมื่อเราทำหน้าที่ของลูกด้วยจิตที่ปรารถนาดีต่อท่าน จิตใจเราก็จะดีขึ้น โทสะจะลดลง และเราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อแม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมะสอนใจ ธรรมะกับชีวิต ธรรมะเตือนสติ ธรรมะพาพ้นทุกข์ ฯ เราก็ไปเรียนรู้เอา ฝึกฝนตนให้ดี
    ธรรมะสอนใจ ธรรมะกับชีวิต ธรรมะเตือนสติ ธรรมะพาพ้นทุกข์ ฯ เราก็ไปเรียนรู้เอา ฝึกฝนตนให้ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระว.วชิรเมธีพลาดหนักรับนิมนต์ดิไอคอน
    ปลายจีวรเฉียดตารางนิดเดียว
    หลังจากที่พระว.ไปเทศน์แล้วปล่อยมุกอวยดิไอคอน แค่อวยเล่นๆ
    ตอนสถานการณ์เดิมมันก็ไม่เป็นประเด็น แต่พอเรื่องแดงออกมาแล้วว่าดิไอคอน
    เป็นองค์กรอาชญากรสูบเลือดคนจนแค่พูดเล่นมันก็เลยเป็นปัญหาขึ้นมา
    ให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมากโดยหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    พระว.โพสต์ด่าหนุ่มกรรชัยแรงเกินเบอร์ถึงขั้นฟาดว่าหนุ่มกรรชัยเดี๋ยวนี้ทําตัวเป็นศาลเตี้ย
    เป็นทั้งฆตกต่อเนื่องในคนคนเดียวโพสต์แบบนี้มีแต่ทําตัวเองพังซ้ำพระว.จึงรีบลบโพสต์แทบไม่ทัน
    แต่นั่นก็ช้าเกินไป
    กลายเป็นเรื่องพระเปิดสงครามน้ําลายกับพิธีกรดัง
    ในสถานการณ์กวาดล้างดิไอคอนการที่สื่อหรือสังคมจะตรวจสอบอย่างเข้มข้นในทุกๆประเด็นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก
    เพราะว.ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนร่วม
    ที่อาจมีส่วนได้เสียก็ต้องโดนสแกนอย่างไม่มีทางเลี่ยง
    ในเมื่อเคยไปอยู่ตรงนั้นพูดไว้แบบนั้นการโดนทดสอบหนนี้เผยให้เห็นว่าพระว.ยังไม่นิ่งพอ
    เกิดความหวั่นไหวว่าสังคมจะมองท่านเสียเสียหายหาย
    ที่สําคัญมือกฎหมายจะเอิ้อมมาถึงท่านหรือไม่
    พระว.ถือว่าพลาดแล้วพลาดอีกจริงๆ
    เรื่องนี้คนเลวตัวจริงเสียงจริงก็คือthe iconจึงหลอกนิมนต์พระว.เพื่อสร้างภาพลักษณ์
    องค์กรแหกตาเหยื่อล้วงเงินจากกระเป๋าเหยื่อ
    หลังจากสงครามกําลังดุเดือด
    อดีตพระอย่างแพรรี่ ไพรวัลย์ชี้ทางออกเรียบง่ายให้พระว.ยอมรับต่อสาธารณชนไปว่าพลาดแล้ว
    มองคนผิดจนตกเป็นเครื่องมือหลอกลวงของthe iconก็แค่นี้
    จากนี้ไปพระว.ก็ต้องพึ่งธรรมะให้เยอะๆ
    สงบจิตตัวเองให้นิ่งกว่าเดิม
    จะถูกพิธีกร ทนายความอินฟลูหน้าไหนแซะต่อเพื่อความบันเทิงก็ต้องใช้อุเบกขาเพื่อให้ทนได้
    ท่านไม่ได้หลอกลวงใครศาลเตี้ยไหนๆก็ทําอะไรท่านไม่ได้หรอก
    หรือว่าท่านทํา?
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่คิงส์โพธิ์ดํา
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #theicon
    พระว.วชิรเมธีพลาดหนักรับนิมนต์ดิไอคอน ปลายจีวรเฉียดตารางนิดเดียว หลังจากที่พระว.ไปเทศน์แล้วปล่อยมุกอวยดิไอคอน แค่อวยเล่นๆ ตอนสถานการณ์เดิมมันก็ไม่เป็นประเด็น แต่พอเรื่องแดงออกมาแล้วว่าดิไอคอน เป็นองค์กรอาชญากรสูบเลือดคนจนแค่พูดเล่นมันก็เลยเป็นปัญหาขึ้นมา ให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมากโดยหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระว.โพสต์ด่าหนุ่มกรรชัยแรงเกินเบอร์ถึงขั้นฟาดว่าหนุ่มกรรชัยเดี๋ยวนี้ทําตัวเป็นศาลเตี้ย เป็นทั้งฆตกต่อเนื่องในคนคนเดียวโพสต์แบบนี้มีแต่ทําตัวเองพังซ้ำพระว.จึงรีบลบโพสต์แทบไม่ทัน แต่นั่นก็ช้าเกินไป กลายเป็นเรื่องพระเปิดสงครามน้ําลายกับพิธีกรดัง ในสถานการณ์กวาดล้างดิไอคอนการที่สื่อหรือสังคมจะตรวจสอบอย่างเข้มข้นในทุกๆประเด็นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะว.ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนร่วม ที่อาจมีส่วนได้เสียก็ต้องโดนสแกนอย่างไม่มีทางเลี่ยง ในเมื่อเคยไปอยู่ตรงนั้นพูดไว้แบบนั้นการโดนทดสอบหนนี้เผยให้เห็นว่าพระว.ยังไม่นิ่งพอ เกิดความหวั่นไหวว่าสังคมจะมองท่านเสียเสียหายหาย ที่สําคัญมือกฎหมายจะเอิ้อมมาถึงท่านหรือไม่ พระว.ถือว่าพลาดแล้วพลาดอีกจริงๆ เรื่องนี้คนเลวตัวจริงเสียงจริงก็คือthe iconจึงหลอกนิมนต์พระว.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ องค์กรแหกตาเหยื่อล้วงเงินจากกระเป๋าเหยื่อ หลังจากสงครามกําลังดุเดือด อดีตพระอย่างแพรรี่ ไพรวัลย์ชี้ทางออกเรียบง่ายให้พระว.ยอมรับต่อสาธารณชนไปว่าพลาดแล้ว มองคนผิดจนตกเป็นเครื่องมือหลอกลวงของthe iconก็แค่นี้ จากนี้ไปพระว.ก็ต้องพึ่งธรรมะให้เยอะๆ สงบจิตตัวเองให้นิ่งกว่าเดิม จะถูกพิธีกร ทนายความอินฟลูหน้าไหนแซะต่อเพื่อความบันเทิงก็ต้องใช้อุเบกขาเพื่อให้ทนได้ ท่านไม่ได้หลอกลวงใครศาลเตี้ยไหนๆก็ทําอะไรท่านไม่ได้หรอก หรือว่าท่านทํา? ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่คิงส์โพธิ์ดํา #คิงส์โพธิ์ดำ #theicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อจรัญ_ฐิตธมฺโม #วัดอัมพวัน #สิงบุรี #ให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง
    หลวงพ่อจรัญ_ฐิตธมฺโม #วัดอัมพวัน #สิงบุรี #ให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • ธรรมะหลวงตามหาบัว #พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระป่ากรรมฐาน
    ธรรมะหลวงตามหาบัว #พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระป่ากรรมฐาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • ถ้าคนอื่นทำไม่ดี แล้วเราพยายามทำดี แม้นถูกมองว่าบ้า ก็จงบ้าเถิด บ้าในสายตาคนอื่น ดีกว่าเดินตามเขาไปทั้งที่ใจรู้อยู่ว่าสิ่งที่เขาทำกันนั้นไม่ดี

    โลกเปลี่ยนได้เพราะมีคนบ้า เพราะวันหนึ่งเมื่อมีคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ แล้วมันไปกระตุ้นความรู้สึกเห็นด้วยในใจของเขา ความบ้าของเรานี้แหละ จะกวักมือเรียกความกล้าที่อยู่ลึกของคนอื่น ให้พร้อมที่จะเดินตามรอยเรา

    แล้วก็จะเกิดคนบ้าคนที่ 2 3 4...เรื่อยไป



    #thaitimes
    #ข้อคิด
    #บทกวี
    #รักธรรมะ
    #ท่านจันทร์
    ถ้าคนอื่นทำไม่ดี แล้วเราพยายามทำดี แม้นถูกมองว่าบ้า ก็จงบ้าเถิด บ้าในสายตาคนอื่น ดีกว่าเดินตามเขาไปทั้งที่ใจรู้อยู่ว่าสิ่งที่เขาทำกันนั้นไม่ดี โลกเปลี่ยนได้เพราะมีคนบ้า เพราะวันหนึ่งเมื่อมีคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ แล้วมันไปกระตุ้นความรู้สึกเห็นด้วยในใจของเขา ความบ้าของเรานี้แหละ จะกวักมือเรียกความกล้าที่อยู่ลึกของคนอื่น ให้พร้อมที่จะเดินตามรอยเรา แล้วก็จะเกิดคนบ้าคนที่ 2 3 4...เรื่อยไป #thaitimes #ข้อคิด #บทกวี #รักธรรมะ #ท่านจันทร์
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อันตัว ไม่รู้ แก่ปัจจุบัน แล้วแล้วไซ (นั้นหมายถึงการปล่อยสติ ทอดกายไปตามกระแสสังคม)"
    เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็โทษปัจจัยแวดล้อม จนลืมหลักตน
    "ตนนั้นแล เป็นที่พึ่งแห่งตน" ธรรมะสวัสดี
    "อันตัว ไม่รู้ แก่ปัจจุบัน แล้วแล้วไซ (นั้นหมายถึงการปล่อยสติ ทอดกายไปตามกระแสสังคม)" เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็โทษปัจจัยแวดล้อม จนลืมหลักตน "ตนนั้นแล เป็นที่พึ่งแห่งตน" ธรรมะสวัสดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดสุวรรณพุทธชยันตี พระมหาเจดีย์พุทธคยา จำลองมาจากสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ประเทศอินเดีย ยอดเจดีย์ทำจากหินทรายแกะสลักจากเมืองจูนนาห์ ประเทศอินเดีย ภายในพระมหาเจดีย์ บรรจุพระสารีริกธาตุ #สมุทรปราการ #วัดไทย #ไหว้พระ #ธรรมะ #ท่องเที่ยว #travel #thaitimes #kaiaminute
    วัดสุวรรณพุทธชยันตี พระมหาเจดีย์พุทธคยา จำลองมาจากสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ประเทศอินเดีย ยอดเจดีย์ทำจากหินทรายแกะสลักจากเมืองจูนนาห์ ประเทศอินเดีย ภายในพระมหาเจดีย์ บรรจุพระสารีริกธาตุ #สมุทรปราการ #วัดไทย #ไหว้พระ #ธรรมะ #ท่องเที่ยว #travel #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 186 0 รีวิว
  • #thaitimes
    #รักธรรมะ
    #ท่านจันทร์
    #13ตุลาคม
    #วันนวมินทรมหาราช
    #thaitimes #รักธรรมะ #ท่านจันทร์ #13ตุลาคม #วันนวมินทรมหาราช
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • #thaitimes
    อย่าตกเป็นเหยื่อของมารศาสนา!!
    ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ประเทศไทยมีผู้ที่ไม่เข้าใจแก่นแท้ของศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก อาจเป็นจากการที่ศาสนิกได้รับการสอนมาแบบผิดๆ หรือไม่ได้สนใจศึกษาเลย
    พวกเราคำนึงเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดตั้งชมรมธรรมะทูบขึ้นเพื่อหวังจะเป็นตัวกลางในการทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนของศาสนาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน เราจะยึดคำสอนจากพระไตรปิฎก 45 เล่มในการทำเนื้อหา
    #thaitimes อย่าตกเป็นเหยื่อของมารศาสนา!! ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ประเทศไทยมีผู้ที่ไม่เข้าใจแก่นแท้ของศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก อาจเป็นจากการที่ศาสนิกได้รับการสอนมาแบบผิดๆ หรือไม่ได้สนใจศึกษาเลย พวกเราคำนึงเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดตั้งชมรมธรรมะทูบขึ้นเพื่อหวังจะเป็นตัวกลางในการทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนของศาสนาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน เราจะยึดคำสอนจากพระไตรปิฎก 45 เล่มในการทำเนื้อหา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts