• พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง

    ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง"

    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี

    ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส"

    พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต

    #Newskit
    พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง" ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส" พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1254 มุมมอง 0 รีวิว