ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้
เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน
พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ
ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา
ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์
เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...
#ราหูอมจันทร์ส่องหล้า
#ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม
#จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน
พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ
ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา
ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์
เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...
#ราหูอมจันทร์ส่องหล้า
#ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม
#จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้
เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน
พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ
ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา
ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์
เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...
#ราหูอมจันทร์ส่องหล้า
#ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม
#จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน