• นักพันธุศาสตร์ Krutovsky กล่าวว่าอาหาร GMO สามารถแทรกซึมเข้าสู่จีโนมมนุษย์ได้

    การศึกษาการถ่ายโอนยีนในแนวนอน (วิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศระหว่างพืชและสัตว์ต่างชนิดกัน) แสดงให้เห็นว่ามนุษย์อาจมีกลไกการถ่ายโอนดังกล่าว

    นั่นหมายความว่าชิ้นส่วนจีโนมต่างๆ ที่ได้จากอาหารไม่เพียงแต่สามารถเข้าสู่กระเพาะอาหารพร้อมกับอาหารเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผ่านทางเลือด ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของยีนในร่างกายอีกด้วย

    เขากล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญต้องการทราบว่าชิ้นส่วน RNA สั้นๆ เช่น ข้าวโพดหรือเห็ดที่ยังไม่สลายตัวอย่างสมบูรณ์ในกระเพาะอาหาร สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำปฏิกิริยากับ RNA ของมนุษย์ได้หรือไม่? งานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้

    หากการแทรกซึมดังกล่าวเกิดขึ้นในเซลล์สืบพันธุ์ อาจส่งผลกระทบต่อรุ่นต่อๆ ไป

    ..............................................................................

    ..ไฟเซอร์อาจแอบใส่เอนไซม์ GMO ลงในชีสอเมริกัน 90% อย่างเงียบๆ — แต่กลับไม่มีอยู่บนฉลาก
    🧬 นักพันธุศาสตร์ Krutovsky กล่าวว่าอาหาร GMO สามารถแทรกซึมเข้าสู่จีโนมมนุษย์ได้ การศึกษาการถ่ายโอนยีนในแนวนอน (วิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศระหว่างพืชและสัตว์ต่างชนิดกัน) แสดงให้เห็นว่ามนุษย์อาจมีกลไกการถ่ายโอนดังกล่าว นั่นหมายความว่าชิ้นส่วนจีโนมต่างๆ ที่ได้จากอาหารไม่เพียงแต่สามารถเข้าสู่กระเพาะอาหารพร้อมกับอาหารเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผ่านทางเลือด ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของยีนในร่างกายอีกด้วย เขากล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญต้องการทราบว่าชิ้นส่วน RNA สั้นๆ เช่น ข้าวโพดหรือเห็ดที่ยังไม่สลายตัวอย่างสมบูรณ์ในกระเพาะอาหาร สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำปฏิกิริยากับ RNA ของมนุษย์ได้หรือไม่? งานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้ หากการแทรกซึมดังกล่าวเกิดขึ้นในเซลล์สืบพันธุ์ อาจส่งผลกระทบต่อรุ่นต่อๆ ไป .............................................................................. ..ไฟเซอร์อาจแอบใส่เอนไซม์ GMO ลงในชีสอเมริกัน 90% อย่างเงียบๆ — แต่กลับไม่มีอยู่บนฉลาก
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน คัดสายพันธ์ุ
    นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 11 : คัดสายพันธ์ุ
    สมาคม American Eugenics Society เป็นสมาคมที่มีวัตถุประสงค์สนับสนุนการคัดสายพันธ์ุและทำหมันประชากรที่ เรียกว่ามีสายพันธ์ด้อย (inferior people)
    สายพันธ์ด้อย หมายถึงใคร แน่นอนไม่ใช่พวกผมทอง ตาสีฟ้า แต่เป็นพวกผิวสี เช่น อาฟริกัน พวกผิวเข้มในเอเซีย และลาติน รวมทั้งผู้มีความไม่สมบูรณ์ทางกายและสมอง
    ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่สมาคมนี้ ได้แก่ Rockefeller, Harriman นายธนาคารจาก J.P Morgan, Mary Duke Biddle ของบริษัทยาสูบใหญ่ etc และอีกหลายคน ๆ ที่เป็นคนรวยในสังคมระดับสูงของอเมริกาและรวมไปถึงพรรคพวกในอีกฝั่ง ของมหาสมุทรคืออังกฤษด้วย คือ English Eugenics Society ซึ่งสมาคมนี้มีสมาชิก เช่น นาย Winston Churchill นาย John Maynard Keynes etc เป็นต้น การสนับสนุนการคัดสายพันธ์ของกลุ่มคนรวยพวกนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1920
    ที่น่าสนใจมูลนิธิ Rockefeller ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กร Planned Parenthood Federation of American มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1922 องค์กรนี้ เป็นองค์กรลูกของ International Planned Parenthood Federation (IPPF) เช่นเดียวกับ สวท. ของคุณสายรุ้ง
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหัวหอกในการดำเนินงาน ชื่อ Margaret Sanger
    คุณนายเน้นนโยบายการคัดสายพันธ์ุ โดยการคุมกำเนิดและทำหมัน ภายใต้การพรางตัวเรียกว่า วางแผนครอบครัว คุณนายบอกว่า
    ความไม่สมดุลย์ระหว่างอัตราการเกิดของผู้ไม่เหมาะสม (unfit) กับเหมาะสม (fit) เป็นสิ่งที่น่ากวนใจอย่างยิ่งสำหรับความเจริญ ก้าวหน้าของมนุษยชาติ
    ในปี ค.ศ.1933 Dr. Gerhard Wagner แพทย์หัวหน้าหน่วย Association Reichsrzfhere นาซีเยอรมัน ได้ยกย่องคุณนาย Sanger ว่านโยบายควบคุมสายพันธ์ของคุณนายเป็นนโยบายที่เยี่ยมมากน่าถือเป็นตัวอย่าง
    สมาคมวางแผนของคุณสายรุ้ง ก็ได้รับรางวัล Margaret Sanger เมื่อปี พ.ศ.2532
    ขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ ริเริ่มโดยนาย John D Rockefeller ที่ 3 หรือที่พวกคนรวยอเมริกาจะเรียกเขาว่า J D III ตั้งแต่ ค.ศ.1932
    เขาเหมือนคนบ้า (หรือมันเป็นบ้าจริง ๆ !) คิด ฟุ้ง สร้าน วุ่นวายอยู่กับขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ุ อยู่หลายสิบปี ถึงขนาดในปี ค.ศ.1952 เขาลงทุนควักกระเป๋าเงินตัวเอง ตั้งสถาบันประชากร (Population Council) ขึ้นที่ นิวยอร์ค เพื่อทำการค้นคว้าอันตรายของการมีประชากรล้นโลก
    สถาบันนี้ใช้เงินไปจำนวนเกือบ 200 ล้านเหรียญ ในช่วง 25 ปี ในการหาวิธีการที่ได้ผลที่สุด ในการลดจำนวนประชากร และสถาบันนี้ได้กลายเป็น สถาบันที่มีอิทธิพลสูงในการเสนอความคิดเกี่ยวกับ การลดจำนวนพลเมือง
(นี่มันฆ่าตัดตอนแบบมายากลนะนี่ !)
    การคัดสายพันธ์ เริ่มเข้มข้น ทำเป็นขั้นตอนในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 เมื่อตระกูล Rockefeller เข้าไปในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งมีพื้นดินอุดมสมบูรณ์
    พวกเขาวางแผน Green Revolution ใช้พืช GMO ขายเมล็ดพันธ์ุพืช ทำลายพื้นดิน ทำลายคุณภาพชีวิตของชาวลาติน ขณะเดียวกันหมัดนี้ยังไม่หนักไม่พอ มันยังเกิดก็ไม่หยุด ขบวนการทำหมัน ก็โหมเข้าไป คนลาตินก็ออกลูกน้อยลงๆ ข้าวโพดสายพันธ์ใหม่ ที่ทดลองปลูกก็มีผู้วิเคราะห์ว่า ถ้ากินเข้าไปมากๆ มีผลทำลายสเปิร์มของผู้ชาย 100%
มันเล่นทั้งฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย เลยนะ แต่ภาพที่โลกเห็นเป็นอย่างไร
    มูลนิธิ Rockefeller ใจดี ใจบุญ เห็นพลเมืองเขาแยะ ก็ไปช่วยวางแผนครอบครัว ทำหมัน ชาวไร่ ชาวนา ทำมาหากินได้ผลน้อย เพาะปลูกพืชไร่ได้ปีละครั้ง ได้เงินไม่กี่อัฐ มูลนิธิก็เอาพันธ์ุพืชใหม่ไปให้ใช้ ปลูกมันปีละ 3, 4 หน ขายได้เงินเพิ่มโขอยู่
    ดูแค่นี้ มันก็เห็นแค่นี้


    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน คัดสายพันธ์ุ นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 11 : คัดสายพันธ์ุ สมาคม American Eugenics Society เป็นสมาคมที่มีวัตถุประสงค์สนับสนุนการคัดสายพันธ์ุและทำหมันประชากรที่ เรียกว่ามีสายพันธ์ด้อย (inferior people) สายพันธ์ด้อย หมายถึงใคร แน่นอนไม่ใช่พวกผมทอง ตาสีฟ้า แต่เป็นพวกผิวสี เช่น อาฟริกัน พวกผิวเข้มในเอเซีย และลาติน รวมทั้งผู้มีความไม่สมบูรณ์ทางกายและสมอง ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่สมาคมนี้ ได้แก่ Rockefeller, Harriman นายธนาคารจาก J.P Morgan, Mary Duke Biddle ของบริษัทยาสูบใหญ่ etc และอีกหลายคน ๆ ที่เป็นคนรวยในสังคมระดับสูงของอเมริกาและรวมไปถึงพรรคพวกในอีกฝั่ง ของมหาสมุทรคืออังกฤษด้วย คือ English Eugenics Society ซึ่งสมาคมนี้มีสมาชิก เช่น นาย Winston Churchill นาย John Maynard Keynes etc เป็นต้น การสนับสนุนการคัดสายพันธ์ของกลุ่มคนรวยพวกนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 ที่น่าสนใจมูลนิธิ Rockefeller ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กร Planned Parenthood Federation of American มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1922 องค์กรนี้ เป็นองค์กรลูกของ International Planned Parenthood Federation (IPPF) เช่นเดียวกับ สวท. ของคุณสายรุ้ง
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหัวหอกในการดำเนินงาน ชื่อ Margaret Sanger คุณนายเน้นนโยบายการคัดสายพันธ์ุ โดยการคุมกำเนิดและทำหมัน ภายใต้การพรางตัวเรียกว่า วางแผนครอบครัว คุณนายบอกว่า ความไม่สมดุลย์ระหว่างอัตราการเกิดของผู้ไม่เหมาะสม (unfit) กับเหมาะสม (fit) เป็นสิ่งที่น่ากวนใจอย่างยิ่งสำหรับความเจริญ ก้าวหน้าของมนุษยชาติ ในปี ค.ศ.1933 Dr. Gerhard Wagner แพทย์หัวหน้าหน่วย Association Reichsrzfhere นาซีเยอรมัน ได้ยกย่องคุณนาย Sanger ว่านโยบายควบคุมสายพันธ์ของคุณนายเป็นนโยบายที่เยี่ยมมากน่าถือเป็นตัวอย่าง สมาคมวางแผนของคุณสายรุ้ง ก็ได้รับรางวัล Margaret Sanger เมื่อปี พ.ศ.2532 ขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ ริเริ่มโดยนาย John D Rockefeller ที่ 3 หรือที่พวกคนรวยอเมริกาจะเรียกเขาว่า J D III ตั้งแต่ ค.ศ.1932 เขาเหมือนคนบ้า (หรือมันเป็นบ้าจริง ๆ !) คิด ฟุ้ง สร้าน วุ่นวายอยู่กับขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ุ อยู่หลายสิบปี ถึงขนาดในปี ค.ศ.1952 เขาลงทุนควักกระเป๋าเงินตัวเอง ตั้งสถาบันประชากร (Population Council) ขึ้นที่ นิวยอร์ค เพื่อทำการค้นคว้าอันตรายของการมีประชากรล้นโลก สถาบันนี้ใช้เงินไปจำนวนเกือบ 200 ล้านเหรียญ ในช่วง 25 ปี ในการหาวิธีการที่ได้ผลที่สุด ในการลดจำนวนประชากร และสถาบันนี้ได้กลายเป็น สถาบันที่มีอิทธิพลสูงในการเสนอความคิดเกี่ยวกับ การลดจำนวนพลเมือง
(นี่มันฆ่าตัดตอนแบบมายากลนะนี่ !) การคัดสายพันธ์ เริ่มเข้มข้น ทำเป็นขั้นตอนในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 เมื่อตระกูล Rockefeller เข้าไปในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งมีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ พวกเขาวางแผน Green Revolution ใช้พืช GMO ขายเมล็ดพันธ์ุพืช ทำลายพื้นดิน ทำลายคุณภาพชีวิตของชาวลาติน ขณะเดียวกันหมัดนี้ยังไม่หนักไม่พอ มันยังเกิดก็ไม่หยุด ขบวนการทำหมัน ก็โหมเข้าไป คนลาตินก็ออกลูกน้อยลงๆ ข้าวโพดสายพันธ์ใหม่ ที่ทดลองปลูกก็มีผู้วิเคราะห์ว่า ถ้ากินเข้าไปมากๆ มีผลทำลายสเปิร์มของผู้ชาย 100%
มันเล่นทั้งฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย เลยนะ แต่ภาพที่โลกเห็นเป็นอย่างไร มูลนิธิ Rockefeller ใจดี ใจบุญ เห็นพลเมืองเขาแยะ ก็ไปช่วยวางแผนครอบครัว ทำหมัน ชาวไร่ ชาวนา ทำมาหากินได้ผลน้อย เพาะปลูกพืชไร่ได้ปีละครั้ง ได้เงินไม่กี่อัฐ มูลนิธิก็เอาพันธ์ุพืชใหม่ไปให้ใช้ ปลูกมันปีละ 3, 4 หน ขายได้เงินเพิ่มโขอยู่ ดูแค่นี้ มันก็เห็นแค่นี้ คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • พาณิชย์ดันราคาข้าวโพด! "จตุพร" ยันมติ นบขพ. กำหนดราคาซื้อ-ขาย พร้อมอัดมาตรการ 4 โครงการมูลค่า 244 ล้านบาทเข้า ครม. หนุนเกษตรกร
    https://www.thai-tai.tv/news/21080/
    .
    #จตุพรบุรุษพัฒน์ #ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ #ราคาข้าวโพด #กระทรวงพาณิชย์ #นบขพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไทด้วย

    พาณิชย์ดันราคาข้าวโพด! "จตุพร" ยันมติ นบขพ. กำหนดราคาซื้อ-ขาย พร้อมอัดมาตรการ 4 โครงการมูลค่า 244 ล้านบาทเข้า ครม. หนุนเกษตรกร https://www.thai-tai.tv/news/21080/ . #จตุพรบุรุษพัฒน์ #ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ #ราคาข้าวโพด #กระทรวงพาณิชย์ #นบขพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไทด้วย
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เมล็ดพันธ์พิฆาต (1)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 8 : เมล็ดพันธ์พิฆาต (1)
    พวกเศรษฐีนักมายากล เล่นกลกันเป็นระบบ เมื่อเขากว้านซื้อไร่ ซื้อนา ในแถบละตินอเมริกาแล้ว อีกด้านหนึ่ง ก็ทุ่มทุนผ่านมูลนิธิ Rockefeller ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ ตามห้องทดลองเกือบ 50 แห่ง
    ในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 ตระกูล Rockefeller ได้ทดลองการผสมพันธ์พืชใหม่ (hybrid) เมื่อเริ่มเห็นผลพอใช้ได้ก็จับมือ Cargill บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจเกษตร และพันธ์พืช ให้มาเป็นพันธมิตรแล้ว เริ่มทดลองเพาะข้าวโพดพันธ์ hybrid และนำมาทดลองปลูกในลาตินอเมริกา และต่อมาก็ทดลองกับพันธ์พืชต่างๆ ที่เรียกว่า GMO (genetic engineering food crops) โดยเฉพาะข้าว
    ซึ่งเศรษฐีนักมายากล ได้ดำเนินการให้แพร่หลายอยู่ในลาตินอเมริกา เม็กซิโก รวมทั้งเอเซีย เช่น อินเดีย และฟิลิปปินส์
    ทั้งหมดอยู่ภายใต้เป้าหมายที่แท้จริงของนักมายากล ที่จะควบคุมอาหาร สำหรับประชากรโลก (ที่สาม) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ความมั่นคงของอเมริกา โดยปฏิบัติการไปพร้อมกับ เรื่องน้ำมันและอำนาจของกองทัพอเมริกา
    มันเป็นยุทธศาสตร์ของอเมริกาได้อย่างไร
    ไม่ยากสำหรับ นาย Nelson Rockefeller ซึ่งเป็นนักเล่นกลฉากนี้ เพราะรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1952 จนถึง ค.ศ.1979 ล้วนแต่เป็นคนที่ตระกูล Rockefeller สร้างมาทั้งนั้น เช่น นาย John Foster Dulles นาย Dean Rusk นาย Henry Kissinger และนาย Cyrus Vance
    ในปี ค.ศ. 1970 ร้อยละ 95 ของจำนวนธัญญพืชอยู่ในมือของ 6 บรรษัทข้ามชาติ Cargill Grain Company, Continental Grain Company, Cook Industries Inc., Dreyfus, Bunge Company และ Archer Daniel Midland ทั้งหมดเป็นบริษัทที่มีฐานอยู่ที่อเมริกา
    Cargill ใช้เวลาอยู่กว่า 2 ทศวรรษ ในการเปลี่ยนนโยบายการค้าของอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อเมริกาสามารถครองตลาดโลกได้ ในธุรกิจการขายเมล็ดพันธ์เกษตร GMO ยาฆ่าแมลงและปุ๋ย และทำให้ชาวไร่ ชาวนา ทั่วโลก เปลี่ยนจากการทำเกษตรในครัวเรือน เป็นเกษตรอุตสาหกรรม และเป็นการเปลี่ยนเมล็ดพันธ์พืชที่ใช่ต่อเนื่องหมุนเวียนไปทุกฤดูกาล เป็น GMO เมล็ดพันธ์ุพืชที่ใช้ได้เพียงฤดูกาลเดียว ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่สมัยรัฐบาล Nixon
    บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cargill อัดตลาดเกษตรด้วยพืช GMO ขยายตัวเกษตรอุตสาหกรรมด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืชเช่นนี้ไปทั่วโลก โดยเฉพาะโลกที่สาม ขณะเดียวกันก็บอกกับชาวไร่ชาวนาในประเทศโลกที่สามว่า ถ้าขืนทำการปลูกข้าว ธัญญพืช อื่นๆ รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วยพืชจากการเกษตรในครอบครัว ยูจะล่มจม เพราะไอจะอัดยูด้วย GMO เข้าใจมั้ย เพราะฉะนั้น ถ้ายูไม่ใช้เมล็ดพันธ์ุGMO พวกยูก็ไปทำไร่ผักสวนครัว ปลูกพริก หอม กระเทียม หรือ ปลูกกล้วย ปลูกอ้อย แทนแล้วกัน
    สำหรับโลกที่ 3 เมื่ออเมริกาส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO เข้าไปให้ มีแต่คนปรบมือ พวกเขาเรียก วิวัฒนาการดังกล่าวว่า Green Revolution มันควรจะได้รับการปรบมือแน่จริงหรือ มาทำความรู้จัก Green Revolution กันหน่อย

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เมล็ดพันธ์พิฆาต (1) นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 8 : เมล็ดพันธ์พิฆาต (1) พวกเศรษฐีนักมายากล เล่นกลกันเป็นระบบ เมื่อเขากว้านซื้อไร่ ซื้อนา ในแถบละตินอเมริกาแล้ว อีกด้านหนึ่ง ก็ทุ่มทุนผ่านมูลนิธิ Rockefeller ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ ตามห้องทดลองเกือบ 50 แห่ง ในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 ตระกูล Rockefeller ได้ทดลองการผสมพันธ์พืชใหม่ (hybrid) เมื่อเริ่มเห็นผลพอใช้ได้ก็จับมือ Cargill บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจเกษตร และพันธ์พืช ให้มาเป็นพันธมิตรแล้ว เริ่มทดลองเพาะข้าวโพดพันธ์ hybrid และนำมาทดลองปลูกในลาตินอเมริกา และต่อมาก็ทดลองกับพันธ์พืชต่างๆ ที่เรียกว่า GMO (genetic engineering food crops) โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเศรษฐีนักมายากล ได้ดำเนินการให้แพร่หลายอยู่ในลาตินอเมริกา เม็กซิโก รวมทั้งเอเซีย เช่น อินเดีย และฟิลิปปินส์ ทั้งหมดอยู่ภายใต้เป้าหมายที่แท้จริงของนักมายากล ที่จะควบคุมอาหาร สำหรับประชากรโลก (ที่สาม) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ความมั่นคงของอเมริกา โดยปฏิบัติการไปพร้อมกับ เรื่องน้ำมันและอำนาจของกองทัพอเมริกา มันเป็นยุทธศาสตร์ของอเมริกาได้อย่างไร ไม่ยากสำหรับ นาย Nelson Rockefeller ซึ่งเป็นนักเล่นกลฉากนี้ เพราะรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1952 จนถึง ค.ศ.1979 ล้วนแต่เป็นคนที่ตระกูล Rockefeller สร้างมาทั้งนั้น เช่น นาย John Foster Dulles นาย Dean Rusk นาย Henry Kissinger และนาย Cyrus Vance ในปี ค.ศ. 1970 ร้อยละ 95 ของจำนวนธัญญพืชอยู่ในมือของ 6 บรรษัทข้ามชาติ Cargill Grain Company, Continental Grain Company, Cook Industries Inc., Dreyfus, Bunge Company และ Archer Daniel Midland ทั้งหมดเป็นบริษัทที่มีฐานอยู่ที่อเมริกา Cargill ใช้เวลาอยู่กว่า 2 ทศวรรษ ในการเปลี่ยนนโยบายการค้าของอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อเมริกาสามารถครองตลาดโลกได้ ในธุรกิจการขายเมล็ดพันธ์เกษตร GMO ยาฆ่าแมลงและปุ๋ย และทำให้ชาวไร่ ชาวนา ทั่วโลก เปลี่ยนจากการทำเกษตรในครัวเรือน เป็นเกษตรอุตสาหกรรม และเป็นการเปลี่ยนเมล็ดพันธ์พืชที่ใช่ต่อเนื่องหมุนเวียนไปทุกฤดูกาล เป็น GMO เมล็ดพันธ์ุพืชที่ใช้ได้เพียงฤดูกาลเดียว ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่สมัยรัฐบาล Nixon บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cargill อัดตลาดเกษตรด้วยพืช GMO ขยายตัวเกษตรอุตสาหกรรมด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืชเช่นนี้ไปทั่วโลก โดยเฉพาะโลกที่สาม ขณะเดียวกันก็บอกกับชาวไร่ชาวนาในประเทศโลกที่สามว่า ถ้าขืนทำการปลูกข้าว ธัญญพืช อื่นๆ รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วยพืชจากการเกษตรในครอบครัว ยูจะล่มจม เพราะไอจะอัดยูด้วย GMO เข้าใจมั้ย เพราะฉะนั้น ถ้ายูไม่ใช้เมล็ดพันธ์ุGMO พวกยูก็ไปทำไร่ผักสวนครัว ปลูกพริก หอม กระเทียม หรือ ปลูกกล้วย ปลูกอ้อย แทนแล้วกัน สำหรับโลกที่ 3 เมื่ออเมริกาส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO เข้าไปให้ มีแต่คนปรบมือ พวกเขาเรียก วิวัฒนาการดังกล่าวว่า Green Revolution มันควรจะได้รับการปรบมือแน่จริงหรือ มาทำความรู้จัก Green Revolution กันหน่อย คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “พิชัย” แจงสภาฯ ดีลภาษีสหรัฐฯ ยันได้ตัวเลขใกล้เคียงอาเซียน ชี้วิน-วินโซลูชั่น ชดเชยด้วยพลังงาน-สินค้าเกษตร
    https://www.thai-tai.tv/news/20673/
    .
    #ไทยไทด้วย #ภาษีสหรัฐ #พิชัยชุณหวชิร #กระทรวงการคลัง #การค้าระหว่างประเทศ #สภาผู้แทนราษฎร #เศรษฐกิจไทย #ข้าวโพด #พลังงาน #วินวินโซลูชั่น
    “พิชัย” แจงสภาฯ ดีลภาษีสหรัฐฯ ยันได้ตัวเลขใกล้เคียงอาเซียน ชี้วิน-วินโซลูชั่น ชดเชยด้วยพลังงาน-สินค้าเกษตร https://www.thai-tai.tv/news/20673/ . #ไทยไทด้วย #ภาษีสหรัฐ #พิชัยชุณหวชิร #กระทรวงการคลัง #การค้าระหว่างประเทศ #สภาผู้แทนราษฎร #เศรษฐกิจไทย #ข้าวโพด #พลังงาน #วินวินโซลูชั่น
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ
    ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก)

    1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน
    - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย..

    2. เควนติน มารันติโน่
    - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน

    3. หว่อง-กาไว
    - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว

    4. ปู่มาร์ตี้
    - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ

    5. ไมเคิล เบย์
    - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม

    5.1. ไมเคิล เบย์
    -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !?

    6. จอห์น วู
    - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ

    7. โรเบิร์ต รอดริเกซ
    - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน

    8. พี่เจ้ย
    - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น

    9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน
    - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน..

    10. เวส แอนเดอร์สัน
    - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล

    11. พี่พจน์ อานนท์
    - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก

    12. คิมคิ ด็อก
    - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ

    13. เดวิด ฟินเชอร์
    - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!!

    14. หม่อมน้อย
    - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต

    15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์
    - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง

    16. เป็นเอก รัตนเรือง
    - ไม่เน้นผี เน้นตีความ

    17. พี่เต๋อ
    - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ

    18. ทิม เบอร์ตัน
    - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์

    19. เดอนี วีลเนิฟว์
    - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์

    20. จอร์ด มิลเลอร์
    - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย

    21. คูบริก
    นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้

    22. เดวิด ลินซ์
    - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก

    23. จิบลิ
    - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย

    24.ชิออน โซโนะ
    - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ

    25. ชินไค มาโคโตะ
    - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด

    26. อังลี่
    - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน

    27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน
    - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ

    28. เจมส์ เคเมรอน
    - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ..

    29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ
    - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้

    30. กีเยโมร์ เดลโทโร่
    -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง

    31.โรเบิร์ต เซเมคิส
    - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.."

    ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก) 1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย.. 2. เควนติน มารันติโน่ - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน 3. หว่อง-กาไว - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว 4. ปู่มาร์ตี้ - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ 5. ไมเคิล เบย์ - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม 5.1. ไมเคิล เบย์ -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !? 6. จอห์น วู - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ 7. โรเบิร์ต รอดริเกซ - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน 8. พี่เจ้ย - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น 9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน.. 10. เวส แอนเดอร์สัน - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล 11. พี่พจน์ อานนท์ - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก 12. คิมคิ ด็อก - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ 13. เดวิด ฟินเชอร์ - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!! 14. หม่อมน้อย - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต 15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์ - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง 16. เป็นเอก รัตนเรือง - ไม่เน้นผี เน้นตีความ 17. พี่เต๋อ - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ 18. ทิม เบอร์ตัน - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์ 19. เดอนี วีลเนิฟว์ - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์ 20. จอร์ด มิลเลอร์ - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย 21. คูบริก นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้ 22. เดวิด ลินซ์ - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก 23. จิบลิ - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย 24.ชิออน โซโนะ - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ 25. ชินไค มาโคโตะ - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด 26. อังลี่ - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน 27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ 28. เจมส์ เคเมรอน - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ.. 29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้ 30. กีเยโมร์ เดลโทโร่ -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง 31.โรเบิร์ต เซเมคิส - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.." ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด!

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20
    ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ!

    ไม่ว่าจะเป็น:
    #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด
    #รากไม้ หรือ #พริกไทย
    #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ
    #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย
    เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด!

    เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม!

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!
    รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย!

    ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ!

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย:
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่:
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
    วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น.

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    ✨ หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด! ✨ ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20 ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็น: ✅ #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด ✅ #รากไม้ หรือ #พริกไทย ✅ #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ ✅ #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย ✅ เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด! เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม! 📦 พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! 🛠️ รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย! ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ! สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย: 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📧 E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่: 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 605 Views 0 Reviews
  • ..การแสดงกำลังจะเริ่มอีกครั้งและนี้คือฉากจบ ,กินข้าวโพดคั่วกันระหว่างหนังดูหนัง,ทั้งในอเมริกาและในไทย.
    ..ความหมายของทรัมป์ คนดีๆนั่งกินป๊อบคอร์นกันให้สบายๆมั้ง,ทำใจให้โล่งๆ,มีอะไรพอดีพอทำพอดำรงชีวิตให้รอดไปก่อนก็พอ,พ้นนีัมีแต่ความร่ำรวยมั่งคั่งสงบสุขสันติกันทุกๆคนและทั่วโลก,คนชั่วเลวในระบบเก่ากำลังถูกลงโทษกวาดล้างเก็บกวาดในทุกๆประเทศทั่วโลกนั้นเอง,คณะผู้นำผิวโลกได้ลงนามกับสภากาแลกติกจักรวาลแล้ว,ช้ากว่านี้จะลงมากำจัดเอง,และจะไม่อ่อนโยนใดๆแก่ญาติใครหน้าไหนแบบปัจจุบันนี้เปิดเมตตากรุณาชี้ช่องช่วยให้ด้วย.
    ..การแสดงกำลังจะเริ่มอีกครั้งและนี้คือฉากจบ ,กินข้าวโพดคั่วกันระหว่างหนังดูหนัง,ทั้งในอเมริกาและในไทย. ..ความหมายของทรัมป์ คนดีๆนั่งกินป๊อบคอร์นกันให้สบายๆมั้ง,ทำใจให้โล่งๆ,มีอะไรพอดีพอทำพอดำรงชีวิตให้รอดไปก่อนก็พอ,พ้นนีัมีแต่ความร่ำรวยมั่งคั่งสงบสุขสันติกันทุกๆคนและทั่วโลก,คนชั่วเลวในระบบเก่ากำลังถูกลงโทษกวาดล้างเก็บกวาดในทุกๆประเทศทั่วโลกนั้นเอง,คณะผู้นำผิวโลกได้ลงนามกับสภากาแลกติกจักรวาลแล้ว,ช้ากว่านี้จะลงมากำจัดเอง,และจะไม่อ่อนโยนใดๆแก่ญาติใครหน้าไหนแบบปัจจุบันนี้เปิดเมตตากรุณาชี้ช่องช่วยให้ด้วย.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 0 Reviews
  • ไส้กรอกเต้าหู้เห็ดหอม

    วิธีทำ น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง น้ำเย็นจัดผสมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน เต้าหู้ขาวบด ปั่นให้ละเอียดกับมันฝรั่ง หรือเผือกหอมบดละเอียด 1 ถ้วย เห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นแท่ง ลวกในน้ำร้อนพอประมาณ ประมาณ 5 นาที หรือ ห่อด้วยอลูมินั่ม ฟอยล์ นำไปนึ่ง จะกินให้ย่าง อบ หรือ ทอด ก็ได้
    ไส้กรอกเต้าหู้เห็ดหอม วิธีทำ น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง น้ำเย็นจัดผสมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน เต้าหู้ขาวบด ปั่นให้ละเอียดกับมันฝรั่ง หรือเผือกหอมบดละเอียด 1 ถ้วย เห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นแท่ง ลวกในน้ำร้อนพอประมาณ ประมาณ 5 นาที หรือ ห่อด้วยอลูมินั่ม ฟอยล์ นำไปนึ่ง จะกินให้ย่าง อบ หรือ ทอด ก็ได้
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • เมื่อก่อน ไม่ชอบเลย จนกระทั่งได้ไปทานร้านของรุ่นพี่ พ.พ. ที่อยู่แถววัดไก่เตี้ย ตั้งแต่นั้นมา มีเวลาจะทำหม่ำตลอด ปกติต้องใช้คะน้า แต่ที่บ้าน สว. ทานผักยาก เลยใช้เม็ดข้าวโพด ถั่วลันเตา แครอท แทน

    #ข้าวผัดปลาเค็ม
    #ดึกแล้วโพสต์รูปของกินได้
    เมื่อก่อน ไม่ชอบเลย จนกระทั่งได้ไปทานร้านของรุ่นพี่ พ.พ. ที่อยู่แถววัดไก่เตี้ย ตั้งแต่นั้นมา มีเวลาจะทำหม่ำตลอด ปกติต้องใช้คะน้า แต่ที่บ้าน สว. ทานผักยาก เลยใช้เม็ดข้าวโพด ถั่วลันเตา แครอท แทน #ข้าวผัดปลาเค็ม #ดึกแล้วโพสต์รูปของกินได้
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง
    - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย
    - สามารถปรับความหนาบางได้
    - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล
    - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม
    - มีความปลอดภัยในการใช้
    กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง
    มอเตอร์ 1 แรงม้า
    ไฟบ้าน 220V
    รับประกันสินค้า 1 ปี
    ราคา 35,000 บาท
    จากปกติ 43,000 บาท จ้า
    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย - สามารถปรับความหนาบางได้ - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม - มีความปลอดภัยในการใช้ 📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง 📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า 📌 ไฟบ้าน 220V 📌 รับประกันสินค้า 1 ปี ราคา 35,000 บาท จากปกติ 43,000 บาท จ้า สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่ #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 981 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1184 Views 0 Reviews
  • Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1
    .
    ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ
    .
    Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร
    .
    หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย”
    .
    เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า
    .
    ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน
    .
    Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน
    .
    ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง
    .
    เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน
    .
    ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ
    .
    ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์
    .
    ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ
    .
    หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ
    .
    จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA)
    .
    ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด
    .
    ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์
    .
    ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป
    .
    หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม

    อ้างอิง :
    • มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/
    • วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140
    • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/
    • ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/
    • Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers
    By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=42108
    Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1 . ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ . Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร . หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย” . เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า . ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน . Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน . ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง . เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน . ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ . ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์ . ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ . หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ . จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) . ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด . ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์ . ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป . หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม อ้างอิง : • มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/ • วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140 • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/ • ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/ • Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=42108
    0 Comments 0 Shares 1321 Views 0 Reviews
  • กัมพูชาแก้เกมขึ้นภาษีของสหรัฐ ด้วยการประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ!!


    กัมพูชาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่โดนมาตรการตอบโต้ด้านภาษีจากสหรัฐอเมริกา

    หลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชา 49% กัมพูชาแก้เกมนี้ด้วย การ "ลดภาษี" สินค้านำเข้าจากอเมริกา

    รัฐบาลกัมพูชาส่งจดหมายถึงเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐฯ โดยเสนอลดการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 19 รายการ ซึ่งรวมถึงวิสกี้ เนื้อวัว ถั่ว ข้าวโพด และมอเตอร์ไซค์ จาก 35% เหลือเพียง 5%

    เงื่อนไขของกัมพูชาเพื่อต้องการเลื่อนการขึ้นภาษีของสหรัฐออกไปก่อน เพื่อหาทางออกและเจรจากันใหม่

    ที่มา: Khmer Times
    กัมพูชาแก้เกมขึ้นภาษีของสหรัฐ ด้วยการประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ!! กัมพูชาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่โดนมาตรการตอบโต้ด้านภาษีจากสหรัฐอเมริกา หลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชา 49% กัมพูชาแก้เกมนี้ด้วย การ "ลดภาษี" สินค้านำเข้าจากอเมริกา รัฐบาลกัมพูชาส่งจดหมายถึงเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐฯ โดยเสนอลดการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 19 รายการ ซึ่งรวมถึงวิสกี้ เนื้อวัว ถั่ว ข้าวโพด และมอเตอร์ไซค์ จาก 35% เหลือเพียง 5% เงื่อนไขของกัมพูชาเพื่อต้องการเลื่อนการขึ้นภาษีของสหรัฐออกไปก่อน เพื่อหาทางออกและเจรจากันใหม่ ที่มา: Khmer Times
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner
    เหมาะสำหรับปลาทุกชนิด หากเป็นปลาขนาดใหญ่ต้องถูกแล่เป็นชิ้นๆ
    ส่วนปลาขนาดเล็กสามารถแยกเนื้อปลาออกจากกระดูก หนัง และเอ็นของปลาได้ เพื่อเพิ่มอัตราการใช้วัตถุดิบและประหยัดต้นทุนแรงงาน เนื้อปลาที่ได้สามารถนำไปทำเป็น ลูกชิ้นปลา เส้นปลา วุ้นเส้นปลา เกี๊ยวปลา เป็นต้น เครื่องนี้ไม่เพียงแต่สามารถแยกปลาได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเนื้อกุ้ง มะขามเปียก และอื่นๆ

    - มอเตอร์ 3 แรงม้า ไฟ 380V
    - กำลังการผลิต 100-300 KG/H
    - ขนาด 800x650x900 มม.
    - น้ำหนัก 250 Kg.

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com

    #เครื่องบดยา #บดสมุนไพร #คั้นน้ำแยกกาก #เครื่องไฮดรอลิก #ถุงมือป้องกันมีดบาด #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดยา #บดสมุนไพร #บดฟ้าทะลายโจร #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง
    เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner เหมาะสำหรับปลาทุกชนิด หากเป็นปลาขนาดใหญ่ต้องถูกแล่เป็นชิ้นๆ ส่วนปลาขนาดเล็กสามารถแยกเนื้อปลาออกจากกระดูก หนัง และเอ็นของปลาได้ เพื่อเพิ่มอัตราการใช้วัตถุดิบและประหยัดต้นทุนแรงงาน เนื้อปลาที่ได้สามารถนำไปทำเป็น ลูกชิ้นปลา เส้นปลา วุ้นเส้นปลา เกี๊ยวปลา เป็นต้น เครื่องนี้ไม่เพียงแต่สามารถแยกปลาได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเนื้อกุ้ง มะขามเปียก และอื่นๆ - มอเตอร์ 3 แรงม้า ไฟ 380V - กำลังการผลิต 100-300 KG/H - ขนาด 800x650x900 มม. - น้ำหนัก 250 Kg. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com #เครื่องบดยา #บดสมุนไพร #คั้นน้ำแยกกาก #เครื่องไฮดรอลิก #ถุงมือป้องกันมีดบาด #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดยา #บดสมุนไพร #บดฟ้าทะลายโจร #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1535 Views 0 Reviews
  • เครื่อง Colloid Mill 100 #พริกดอง #บดโคชูจัง #พริกเกาหลี #พริกซอส
    การทำงานของเครื่องนี้เหมาะสำหรับทำซอสต่างๆ หรือทำเนยถั่ว
    ระบบทำงานของเครื่อง Colloid Mill ทำงานโดยเฟืองสองตัวคอยบดสิ่งของที่มีความเนียนความละเอียดมากขึ้น ลักษณะการทำงานเหมือนเครื่องโม่หิน

    ตัวเครื่องทำมาจากสแตนเลส เกรด 304
    มีระบบไหลวน เพื่อให้ชิ้นงานเนียนละเอียดอย่างที่ต้องการ
    มีระบบหล่อเย็น ไม่ทำให้เกิดความร้อน
    มีหลายขนาดตามกำลังการผลิต
    มอเตอร์ 10 HP. ไฟ 380 V.
    รอบความเร็วฟันตี 2,800 rpm.
    ขนาดเครื่อง 88x49x88 cm. (กว้างxยาวxสูง)
    กำลังการผลิต 50-100 KG/H
    รับประกันสินค้า นานถึง 1 ปี

    เครื่อง Colloid Mill 100
    จัดราคาพิเศษ 250,000 บาท

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com

    #เครื่องบดเนย #ทำเนยถั่ว #เครื่องบดเนียน
    #เครื่องแยกก้าง #มายองเนส #บดโกโก้
    #เครื่องลอกหนังหมู #เครื่องหั่นตะไคร้ #เครื่องหั่นมะระขี้นก
    #เครื่องหั่นใบมะกรูด #เครื่องหมักสูญญากาศ
    #เครื่องเลื่อยกระดูก #เครื่องหั่นหมูแดดเดียว #เครื่องปั้นลูกชิ้น
    #เครื่องอัดไส้กรอก #เครื่องอัดหมูยอ #เครื่องย่อยแผงวงจร
    #เครื่องซีลสูญญากาศ #เครื่องสับไม้ #เครื่องคั้นไฮดรอลิก
    #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #เครื่องทำซอส
    เครื่อง Colloid Mill 100 #พริกดอง #บดโคชูจัง #พริกเกาหลี #พริกซอส การทำงานของเครื่องนี้เหมาะสำหรับทำซอสต่างๆ หรือทำเนยถั่ว ระบบทำงานของเครื่อง Colloid Mill ทำงานโดยเฟืองสองตัวคอยบดสิ่งของที่มีความเนียนความละเอียดมากขึ้น ลักษณะการทำงานเหมือนเครื่องโม่หิน 📌 ตัวเครื่องทำมาจากสแตนเลส เกรด 304 📌 มีระบบไหลวน เพื่อให้ชิ้นงานเนียนละเอียดอย่างที่ต้องการ 📌 มีระบบหล่อเย็น ไม่ทำให้เกิดความร้อน 📌 มีหลายขนาดตามกำลังการผลิต 📌 มอเตอร์ 10 HP. ไฟ 380 V. 📌 รอบความเร็วฟันตี 2,800 rpm. 📌 ขนาดเครื่อง 88x49x88 cm. (กว้างxยาวxสูง) 📌 กำลังการผลิต 50-100 KG/H 📌 รับประกันสินค้า นานถึง 1 ปี เครื่อง Colloid Mill 100 💥จัดราคาพิเศษ 250,000 บาท #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com #เครื่องบดเนย #ทำเนยถั่ว #เครื่องบดเนียน #เครื่องแยกก้าง #มายองเนส #บดโกโก้ #เครื่องลอกหนังหมู #เครื่องหั่นตะไคร้ #เครื่องหั่นมะระขี้นก #เครื่องหั่นใบมะกรูด #เครื่องหมักสูญญากาศ #เครื่องเลื่อยกระดูก #เครื่องหั่นหมูแดดเดียว #เครื่องปั้นลูกชิ้น #เครื่องอัดไส้กรอก #เครื่องอัดหมูยอ #เครื่องย่อยแผงวงจร #เครื่องซีลสูญญากาศ #เครื่องสับไม้ #เครื่องคั้นไฮดรอลิก #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #เครื่องทำซอส
    0 Comments 0 Shares 1639 Views 0 Reviews
  • เครื่อง Colloid Mill 100 #เนยถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์
    เหมาะสำหรับทำซอสต่างๆ หรือทำเนยถั่ว ระบบทำงานของเครื่อง Colloid Mill ทำงานโดยเฟืองสองตัวคอยบดสิ่งของที่มีความเนียนความละเอียดมากขึ้น ลักษณะการทำงานเหมือนเครื่องโม่หิน

    ตัวเครื่องทำมาจากสแตนเลส เกรด 304
    มีระบบไหลวน เพื่อให้ชิ้นงานเนียนละเอียดอย่างที่ต้องการ
    มีระบบหล่อเย็น ไม่ทำให้เกิดความร้อน
    มีหลายขนาดตามกำลังการผลิต
    มอเตอร์ 10 HP. ไฟ 380 V.
    รอบความเร็วฟันตี 2,800 rpm.
    ขนาดเครื่อง 88x49x88 cm. (กว้างxยาวxสูง)
    กำลังการผลิต 50-100 KG/H
    รับประกันสินค้า นานถึง 1 ปี

    เครื่อง Colloid Mill 100
    จัดราคาพิเศษ 250,000 บาท

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com

    #เครื่องจักร #เครื่องโม่ #เครื่องขอดเกล็ดปลา #เครื่องแยกก้าง #เครื่องผ่าปลา #เครื่องลอกหนังปลา
    #เครื่องลอกหนังหมู #เครื่องหั่นตะไคร้ #เครื่องหั่นมะระขี้นก
    #เครื่องหั่นใบมะกรูด #เครื่องหมักสูญญากาศ #เครื่องเลื่อยกระดูก #เครื่องหั่นหมูแดดเดียว #เครื่องปั้นลูกชิ้น
    #เครื่องอัดไส้กรอก #เครื่องอัดหมูยอ #เครื่องย่อยแผงวงจร #เครื่องซีลสูญญากาศ #เครื่องสับไม้ #เครื่องคั้นไฮดรอลิก
    #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #เครื่องทำซอส #เครื่องบดละเอียด #เครื่องทำครีม #ใบมีดบด #รังผึ่้งบด #เครื่องสลัดน้ำจากผัก
    เครื่อง Colloid Mill 100 #เนยถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เหมาะสำหรับทำซอสต่างๆ หรือทำเนยถั่ว ระบบทำงานของเครื่อง Colloid Mill ทำงานโดยเฟืองสองตัวคอยบดสิ่งของที่มีความเนียนความละเอียดมากขึ้น ลักษณะการทำงานเหมือนเครื่องโม่หิน 📌 ตัวเครื่องทำมาจากสแตนเลส เกรด 304 📌 มีระบบไหลวน เพื่อให้ชิ้นงานเนียนละเอียดอย่างที่ต้องการ 📌 มีระบบหล่อเย็น ไม่ทำให้เกิดความร้อน 📌 มีหลายขนาดตามกำลังการผลิต 📌 มอเตอร์ 10 HP. ไฟ 380 V. 📌 รอบความเร็วฟันตี 2,800 rpm. 📌 ขนาดเครื่อง 88x49x88 cm. (กว้างxยาวxสูง) 📌 กำลังการผลิต 50-100 KG/H 📌 รับประกันสินค้า นานถึง 1 ปี เครื่อง Colloid Mill 100 💥จัดราคาพิเศษ 250,000 บาท #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com #เครื่องจักร #เครื่องโม่ #เครื่องขอดเกล็ดปลา #เครื่องแยกก้าง #เครื่องผ่าปลา #เครื่องลอกหนังปลา #เครื่องลอกหนังหมู #เครื่องหั่นตะไคร้ #เครื่องหั่นมะระขี้นก #เครื่องหั่นใบมะกรูด #เครื่องหมักสูญญากาศ #เครื่องเลื่อยกระดูก #เครื่องหั่นหมูแดดเดียว #เครื่องปั้นลูกชิ้น #เครื่องอัดไส้กรอก #เครื่องอัดหมูยอ #เครื่องย่อยแผงวงจร #เครื่องซีลสูญญากาศ #เครื่องสับไม้ #เครื่องคั้นไฮดรอลิก #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #เครื่องทำซอส #เครื่องบดละเอียด #เครื่องทำครีม #ใบมีดบด #รังผึ่้งบด #เครื่องสลัดน้ำจากผัก
    0 Comments 0 Shares 1934 Views 6 0 Reviews
  • #การย่อยและลำดับ

    สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ

    เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่

    โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม

    การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร

    การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น

    เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป

    ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ

    ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ

    โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย

    ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย

    อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน

    เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา

    การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน

    หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย

    เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน

    หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส

    สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เกี่ยวกับการย่อยผลไม้

    แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที

    หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน

    การย่อยผัก

    ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที

    และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที

    การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย

    การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง

    การย่อยเนื้อสัตว์

    ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด

    ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที

    เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่

    การย่อยนม

    โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม

    ย่อยไข่นานแค่ไหน

    ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที

    เมล็ดพืชและถั่ว

    เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย

    ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง

    เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น

    อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง

    อาหารที่ย่อยยาก

    อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม

    ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

    โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว

    น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส

    น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน

    ถั่ว

    ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น

    ผักตระกูลกะหล่ำ

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น

    อาหารรสเผ็ด

    สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก

    ผลิตภัณฑ์นม

    ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น

    เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา

    และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย

    หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น:

    • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง

    • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย

    • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย

    • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง

    • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย

    ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร

    หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

    นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ:

    แพ้แลคโตส

    ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด

    โรค Celiac

    กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก

    หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก

    กรดไหลย้อน

    กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ

    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS)

    ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้

    บทสรุป

    จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ

    วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย

    วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การย่อยและลำดับ สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกี่ยวกับการย่อยผลไม้ แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน การย่อยผัก ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง การย่อยเนื้อสัตว์ ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่ การย่อยนม โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม ย่อยไข่นานแค่ไหน ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที เมล็ดพืชและถั่ว เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง อาหารที่ย่อยยาก อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน ถั่ว ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น อาหารรสเผ็ด สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น: • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ: แพ้แลคโตส ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด โรค Celiac กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก กรดไหลย้อน กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้ บทสรุป จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 1223 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน

    มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

    ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ
    การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม

    กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม
    Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ
    กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน
    ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ
    ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที

    กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่
    ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ
    คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ

    เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย!

    แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

    มาตรการเร่งด่วน
    ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา
    อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ
    ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง

    มาตรการระยะยาว
    พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด
    นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต
    เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ

    เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา
    อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา

    แนวทางการช่วยเหลือ
    กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ
    เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม
    ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ

    รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น
    ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง

    มาตรการเร่งด่วน
    ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น
    เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
    คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า

    มาตรการให้ความรู้เยาวชน
    จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน
    สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง

    รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า!

    เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ

    กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม
    ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
    คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด

    รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568

    #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน 📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม 🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ 🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน 🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ 🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่ 🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ 🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ 🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย! แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการเร่งด่วน ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง มาตรการระยะยาว 🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด 📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต 📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ 👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา แนวทางการช่วยเหลือ ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ 🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง มาตรการเร่งด่วน 🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น 🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต 🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการให้ความรู้เยาวชน 📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน 📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง 🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า! เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด 🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568 📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    0 Comments 0 Shares 1593 Views 0 Reviews
  • เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม.
    #พริกป่น #บดพริกแห้ง
    เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ
    โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o

    ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก
    จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า
    เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP
    เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน

    Model : YWF-10B-6P-JCXT-S
    Capacity : 5-30 KG./H.
    Power : 3 HP , 380V
    Speed : 4,500 RPM
    Dimensions : 64x45x142 cm.
    Weight : 100 KG

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม. #พริกป่น #บดพริกแห้ง เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย👍 บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน Model : YWF-10B-6P-JCXT-S Capacity : 5-30 KG./H. Power : 3 HP , 380V Speed : 4,500 RPM Dimensions : 64x45x142 cm. Weight : 100 KG สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    0 Comments 0 Shares 2206 Views 4 0 Reviews
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #ทดลองหั่นหน่อไม้ #หั่นหน่อไม้ #ขูดหน่อไม้
    - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย
    - สามารถปรับความหนาบางได้
    - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล
    - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม
    - มีความปลอดภัยในการใช้

    กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง
    มอเตอร์ 1 แรงม้า
    ไฟบ้าน 220V
    รับประกันสินค้า 1 ปี

    ราคา 35,000 บาท
    จากปกติ 43,000 บาท จ้า

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก
    #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา
    #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส
    #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง
    #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้
    #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #ทดลองหั่นหน่อไม้ #หั่นหน่อไม้ #ขูดหน่อไม้ - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย - สามารถปรับความหนาบางได้ - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม - มีความปลอดภัยในการใช้ 📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง 📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า 📌 ไฟบ้าน 220V 📌 รับประกันสินค้า 1 ปี ราคา 35,000 บาท 😍😍😍 จากปกติ 43,000 บาท จ้า สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่ #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1893 Views 0 Reviews
  • หยุด การเผาตอซัง ข้าว อ้อย ข้าวโพด เพราะจะทำลายหน้าดินจนหมด

    ทำให้สูญเสียธาตุอาหารในดินโดยไม่รู้ตัว อยากรู้การกำจัดตอซัง ฟังทางนี้

    ไม่ต้องเผา!! นวัตกรรมล่าสุดจุลินทรีย์ ผสมเอนไซม์พิเศษเร่งการย่อยสลาย

    ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้การเผาต่อซัง เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและไว แต่การเผานอกจากสร้าง pm 2.5 แล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาทางระบบหายใจคือ มะเร็งปอด ที่สำคัญคือยังทำลายเงินที่สะสมไว้ในดิน การเผาจะทำลายธาตุอาหารต่างๆที่สะสมอยู่ในดิน รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ดีกับการเจริญเติบโตของข้าว

    และอีกปัญหาที่พบในการใช้จุลินทรีย์แบบเดียวกันคือ ไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวดีดข้าวเด้งได้ จึงสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก

    สูตรล่าสุด ไบโอเจ็ท ผสมตัวเอ็นไซม์ ซึ่งช่วยย่อยสลายเปลือกของเม็ดข้าว ทำให้จุลินทรีย์สามารถเข้าไปทำลายเม็ดข้าวและแก้ปัญหาข้าวดีดได้

    โดยปกติเราและจุลินทรีย์ ต่างๆ เวลาย่อยสลายตอซังข้าวจะใช้วิธีปล่อยเอ็นไซม์ออกมา ซึ่งจะต้องใช้เวลานานมาก แต่ตัวไบโอเจ็ทได้นำเอาเอ็นไซม์ต่างๆ เหล่านั้นมาสกัดเป็นสูตรเข้มข้นในขวดไบโอเจ็ท ทำให้เอ็นไซม์ต่างๆเหล่านั้น มีประสิทธิภาพ และย่อยสลายได้อย่างเร็วขึ้นเมื่อรวมตัวกับตัวเร่งปฎิกิริยา จึงทำให้ตัวเร่งปฎิกิริยา ไฮโดรเจนบอนเดส คะตะลิสต์ (Hydrogen bondase catalyst) จึงทำให้กระบวนการต่างๆเหล่านั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึง


    ประโยชน์ของไบโอเจ็ท

    1.ไม่ทำลายหน้าดินโดยการเผา จึงทำให้ธาตุอาหารต่างๆที่อยู่ในดินไม่โดนทำลาย

    2.จุลินทรีย์ที่ดีจะดำรงอยู่ได้ การปลูกครั้งต่อไปก็จะทำให้รากพืชกินอาหารได้ดีขึ้น

    3.ไม่สร้างมลภาวะเป็นพิษให้กับสิ่งแวดล้อม

    4.ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย ประหยัดเงินในกระเป๋า

    5.แก้ปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้งได้อย่างเห็นผล ย่อยสลายตอซังข้าวได้อย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาอันสั้น
    หยุด‼️ การเผาตอซัง ข้าว อ้อย ข้าวโพด เพราะจะทำลายหน้าดินจนหมด ทำให้สูญเสียธาตุอาหารในดินโดยไม่รู้ตัว อยากรู้การกำจัดตอซัง ฟังทางนี้ ไม่ต้องเผา!! นวัตกรรมล่าสุดจุลินทรีย์ ผสมเอนไซม์พิเศษเร่งการย่อยสลาย ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้การเผาต่อซัง เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและไว แต่การเผานอกจากสร้าง pm 2.5 แล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาทางระบบหายใจคือ มะเร็งปอด ที่สำคัญคือยังทำลายเงินที่สะสมไว้ในดิน การเผาจะทำลายธาตุอาหารต่างๆที่สะสมอยู่ในดิน รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ดีกับการเจริญเติบโตของข้าว และอีกปัญหาที่พบในการใช้จุลินทรีย์แบบเดียวกันคือ ไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวดีดข้าวเด้งได้ จึงสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก สูตรล่าสุด ไบโอเจ็ท ผสมตัวเอ็นไซม์ ซึ่งช่วยย่อยสลายเปลือกของเม็ดข้าว ทำให้จุลินทรีย์สามารถเข้าไปทำลายเม็ดข้าวและแก้ปัญหาข้าวดีดได้ โดยปกติเราและจุลินทรีย์ ต่างๆ เวลาย่อยสลายตอซังข้าวจะใช้วิธีปล่อยเอ็นไซม์ออกมา ซึ่งจะต้องใช้เวลานานมาก แต่ตัวไบโอเจ็ทได้นำเอาเอ็นไซม์ต่างๆ เหล่านั้นมาสกัดเป็นสูตรเข้มข้นในขวดไบโอเจ็ท ทำให้เอ็นไซม์ต่างๆเหล่านั้น มีประสิทธิภาพ และย่อยสลายได้อย่างเร็วขึ้นเมื่อรวมตัวกับตัวเร่งปฎิกิริยา จึงทำให้ตัวเร่งปฎิกิริยา ไฮโดรเจนบอนเดส คะตะลิสต์ (Hydrogen bondase catalyst) จึงทำให้กระบวนการต่างๆเหล่านั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ประโยชน์ของไบโอเจ็ท 1.ไม่ทำลายหน้าดินโดยการเผา จึงทำให้ธาตุอาหารต่างๆที่อยู่ในดินไม่โดนทำลาย 2.จุลินทรีย์ที่ดีจะดำรงอยู่ได้ การปลูกครั้งต่อไปก็จะทำให้รากพืชกินอาหารได้ดีขึ้น 3.ไม่สร้างมลภาวะเป็นพิษให้กับสิ่งแวดล้อม 4.ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย ประหยัดเงินในกระเป๋า 5.แก้ปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้งได้อย่างเห็นผล ย่อยสลายตอซังข้าวได้อย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาอันสั้น
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • **การผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืช (Seed Monopoly)**
    หมายถึงการที่บริษัทหรือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ควบคุมการผลิต จำหน่าย และสิทธิบัตรเมล็ดพันธุ์พืชจนกลายเป็นผู้กุมอำนาจหลักในตลาด ส่งผลให้เกษตรกร ผู้บริโภค และระบบนิเวศเกษตรได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง

    ---

    ### **สาเหตุของการผูกขาดเมล็ดพันธุ์**
    1. **สิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา**
    - บริษัทขนาดใหญ่เช่น **Monsanto (Bayer), Syngenta, Corteva** ใช้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อผูกขาดเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอ (GMO) หรือพันธุ์พืชปรับปรุงใหม่ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้
    - เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี เนื่องจากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ถูกออกแบบให้มีอายุสั้น (Terminator Seed Technology) หรือมีสัญญาผูกพันทางกฎหมายห้ามเก็บเมล็ดต่อ

    2. **การรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions)**
    - การควบรวมบริษัทเมล็ดพันธุ์และสารเคมีการเกษตร เช่น การซื้อ Monsanto โดย Bayer ในปี 2018 ทำให้เกิดการรวมอำนาจทั้งด้านเมล็ดพันธุ์และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ (ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง)

    3. **การควบคุมสายพันธุ์เชิงพาณิชย์**
    - บริษัทเน้นพัฒนาพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูงแต่ต้องใช้สารเคมีร่วมด้วย ส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยว (Monoculture) ซึ่งทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ

    ---

    ### **ผลกระทบจากการผูกขาดเมล็ดพันธุ์**
    1. **เกษตรกรสูญเสียอำนาจต่อรอง**
    - เกษตรกรต้องพึ่งพาบริษัทในการซื้อเมล็ดพันธุ์ทุกปี สูญเสียอิสระในการจัดการทรัพยากรพันธุ์พืชท้องถิ่น
    - มีคดีฟ้องร้องเกษตรกรหลายกรณีจากการละเมิดสิทธิบัตร เช่น กรณี **Percy Schmeiser** ในแคนาดาที่ถูก Monsanto ฟ้องร้อง

    2. **สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ**
    - เมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นและพันธุ์พื้นเมืองถูกแทนที่ด้วยพันธุ์เชิงพาณิชย์ ทำให้พืชดั้งเดิมเสี่ยงสูญพันธุ์

    3. **ความเสี่ยงต่อความมั่นคงอาหาร**
    - การพึ่งพาพันธุ์พืชเพียงไม่กี่ชนิดเพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    4. **เพิ่มต้นทุนการผลิต**
    - เกษตรกรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์และซื้อสารเคมีในราคาสูง

    ---

    ### **แนวทางแก้ไขและทางเลือก**
    1. **ส่งเสริมเมล็ดพันธุ์เปิด (Open Source Seeds)**
    - เมล็ดพันธุ์ที่อนุญาตให้เกษตรกรเก็บรักษาและแลกเปลี่ยนได้ฟรี เช่น โครงการ Open Source Seed Initiative (OSSI)

    2. **อนุรักษ์และฟื้นฟูเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่น**
    - สนับสนุนธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน และเครือข่ายเกษตรกรเพื่อแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชดั้งเดิม

    3. **กฎหมายควบคุมการผูกขาด**
    - รัฐบาลต้องออกกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์ และตรวจสอบการใช้อำนาจเหนือตลาดของบริษัทข้ามชาติ

    4. **สนับสนุนเกษตรอินทรีย์และวนเกษตร**
    - ลดการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์เชิงพาณิชย์ด้วยระบบเกษตรที่เน้นความยั่งยืน

    5. **มาตรการระดับสากล**
    - อนุสัญญา ITPGRFA (International Treaty on Plant Genetic Resources for Food and Agriculture) ส่งเสริมการแบ่งปันทรัพยากรพันธุกรรมพืชอย่างเป็นธรรม

    ---

    ### **กรณีศึกษา**
    - **อินเดีย**: วิกฤตหนี้สินเกษตรกรปลูกฝ้าย Bt ของ Monsanto เนื่องจากราคาเมล็ดพันธุ์สูงและผลผลิตล้มเหลว
    - **เม็กซิโก**: การรุกรานของข้าวโพดจีเอ็มโอทำลายสายพันธุ์ข้าวโพดพื้นเมือง ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านบริษัทข้ามชาติ

    ---

    **สรุป**: การผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืชเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบทั้งระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคม ทางออกคือการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนโดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง และปกป้องสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียม
    **การผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืช (Seed Monopoly)** หมายถึงการที่บริษัทหรือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ควบคุมการผลิต จำหน่าย และสิทธิบัตรเมล็ดพันธุ์พืชจนกลายเป็นผู้กุมอำนาจหลักในตลาด ส่งผลให้เกษตรกร ผู้บริโภค และระบบนิเวศเกษตรได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง --- ### **สาเหตุของการผูกขาดเมล็ดพันธุ์** 1. **สิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา** - บริษัทขนาดใหญ่เช่น **Monsanto (Bayer), Syngenta, Corteva** ใช้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อผูกขาดเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอ (GMO) หรือพันธุ์พืชปรับปรุงใหม่ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้ - เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี เนื่องจากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ถูกออกแบบให้มีอายุสั้น (Terminator Seed Technology) หรือมีสัญญาผูกพันทางกฎหมายห้ามเก็บเมล็ดต่อ 2. **การรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions)** - การควบรวมบริษัทเมล็ดพันธุ์และสารเคมีการเกษตร เช่น การซื้อ Monsanto โดย Bayer ในปี 2018 ทำให้เกิดการรวมอำนาจทั้งด้านเมล็ดพันธุ์และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ (ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง) 3. **การควบคุมสายพันธุ์เชิงพาณิชย์** - บริษัทเน้นพัฒนาพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูงแต่ต้องใช้สารเคมีร่วมด้วย ส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยว (Monoculture) ซึ่งทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ --- ### **ผลกระทบจากการผูกขาดเมล็ดพันธุ์** 1. **เกษตรกรสูญเสียอำนาจต่อรอง** - เกษตรกรต้องพึ่งพาบริษัทในการซื้อเมล็ดพันธุ์ทุกปี สูญเสียอิสระในการจัดการทรัพยากรพันธุ์พืชท้องถิ่น - มีคดีฟ้องร้องเกษตรกรหลายกรณีจากการละเมิดสิทธิบัตร เช่น กรณี **Percy Schmeiser** ในแคนาดาที่ถูก Monsanto ฟ้องร้อง 2. **สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ** - เมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นและพันธุ์พื้นเมืองถูกแทนที่ด้วยพันธุ์เชิงพาณิชย์ ทำให้พืชดั้งเดิมเสี่ยงสูญพันธุ์ 3. **ความเสี่ยงต่อความมั่นคงอาหาร** - การพึ่งพาพันธุ์พืชเพียงไม่กี่ชนิดเพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. **เพิ่มต้นทุนการผลิต** - เกษตรกรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์และซื้อสารเคมีในราคาสูง --- ### **แนวทางแก้ไขและทางเลือก** 1. **ส่งเสริมเมล็ดพันธุ์เปิด (Open Source Seeds)** - เมล็ดพันธุ์ที่อนุญาตให้เกษตรกรเก็บรักษาและแลกเปลี่ยนได้ฟรี เช่น โครงการ Open Source Seed Initiative (OSSI) 2. **อนุรักษ์และฟื้นฟูเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่น** - สนับสนุนธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน และเครือข่ายเกษตรกรเพื่อแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชดั้งเดิม 3. **กฎหมายควบคุมการผูกขาด** - รัฐบาลต้องออกกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์ และตรวจสอบการใช้อำนาจเหนือตลาดของบริษัทข้ามชาติ 4. **สนับสนุนเกษตรอินทรีย์และวนเกษตร** - ลดการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์เชิงพาณิชย์ด้วยระบบเกษตรที่เน้นความยั่งยืน 5. **มาตรการระดับสากล** - อนุสัญญา ITPGRFA (International Treaty on Plant Genetic Resources for Food and Agriculture) ส่งเสริมการแบ่งปันทรัพยากรพันธุกรรมพืชอย่างเป็นธรรม --- ### **กรณีศึกษา** - **อินเดีย**: วิกฤตหนี้สินเกษตรกรปลูกฝ้าย Bt ของ Monsanto เนื่องจากราคาเมล็ดพันธุ์สูงและผลผลิตล้มเหลว - **เม็กซิโก**: การรุกรานของข้าวโพดจีเอ็มโอทำลายสายพันธุ์ข้าวโพดพื้นเมือง ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านบริษัทข้ามชาติ --- **สรุป**: การผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืชเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบทั้งระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคม ทางออกคือการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนโดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง และปกป้องสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียม
    0 Comments 0 Shares 888 Views 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    หลายวันมานี้
    ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป
    เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป

    อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป

    ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว...

    ....................

    ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น
    ในต้นฤดูร้อนแบบนี้

    ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน

    แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย
    สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว

    บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น...

    ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว

    ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน...

    ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น
    ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน....

    ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน

    อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก

    ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม

    "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม

    ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก...

    ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร

    บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง

    ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม

    หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น...

    ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ

    ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย
    ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้

    ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง

    ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ

    ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่

    ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่
    ในความคิดตอนนั้น...

    ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้

    ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น

    บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....?

    ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว
    ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา

    จวบจนความมืดมาเยือน...
    คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด..

    ...............

    ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด
    นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ...
    จนฟ้าสว่าง....

    ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม...

    อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!!

    ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น

    ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร

    ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน

    ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่....

    ไม่มีเสียงนก
    "มันคงยังไม่ตื่น.."
    ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว...

    ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม....

    ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน
    มือไวเท่าความคิด !!!!

    ผมทลายกับดักผมทันที
    หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก...

    มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น

    ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ
    ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก....

    ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา...

    .......................

    ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว

    ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ...
    .
    .
    .
    ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย....

    .........................

    "กับดัก"
    เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ
    ' ล ม ห ว น '
    สมัยที่ผมยังเด็ก... หลายวันมานี้ ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว... .................... ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น ในต้นฤดูร้อนแบบนี้ ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น... ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน... ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน.... ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก... ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น... ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้ ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่ ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่ ในความคิดตอนนั้น... ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้ ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....? ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา จวบจนความมืดมาเยือน... คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด.. ............... ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ... จนฟ้าสว่าง.... ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม... อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!! ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่.... ไม่มีเสียงนก "มันคงยังไม่ตื่น.." ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว... ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม.... ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน มือไวเท่าความคิด !!!! ผมทลายกับดักผมทันที หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก... มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก.... ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา... ....................... ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ... . . . ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย.... ......................... "กับดัก" เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ ' ล ม ห ว น '
    0 Comments 0 Shares 995 Views 0 Reviews
  • เครื่องบด โม่หิน แนวนอน สแตนเลส ขนาดหน้าหิน 12 นิ้ว
    เป็นอุปกรณ์บดเปียกสเตนเลสแบบใหม่ที่ใช้สำหรับบดเมล็ดพืช ถั่วเหลือง ข้าวโพด และวัสดุอาหารอื่นๆ แบบเปียก นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการบดเปียกของวัสดุบางชนิดในยา น้ำตาล อาหาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เมื่อวัสดุถูกใส่ลงในถังหลังจากทำความสะอาดและแช่แล้ว จะเข้าสู่การบดที่สัมผัสกันระหว่างหินบดด้านบนและด้านล่าง
    ด้วยการทำงานแบบแรงเหวี่ยง กระทบซึ่งกันและกันของวัตถุดิบ
    และการบดของหิน จึงสามารถบดวัสดุจากด้านในไปด้านนอกได้ ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียด
    - หินโม่ ขนาด 12 นิ้ว
    - มอเตอร์ 15 แรงม้า ไฟ 380V.
    - ความเร็วรอบมอเตอร์ 1,440 รอบ/นาที
    - กำลังผลิต 200-300 กก./ชม.
    - ขนาดเครื่อง 52x54x135 cm
    - น้ำหนักเครื่อง 210 Kg.
    - ตัวเครื่องทำ0kdสแตนเลส
    - มีตู้ควบคุมการทำงาน เปิด-ปิด
    ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด
    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบด #เครื่องโม่ #เครื่องโม่หิน #เครื่องโม่พริกแกง #เครื่องทำน้ำเต้าหู้ #เครื่องหินบด #เครื่องบดซอส #เครื่องบดแยม #บดพริกแกง #เครื่องบดพริกแกงแบบหิน #เครื่องบดแบบหิน
    เครื่องบด โม่หิน แนวนอน สแตนเลส ขนาดหน้าหิน 12 นิ้ว เป็นอุปกรณ์บดเปียกสเตนเลสแบบใหม่ที่ใช้สำหรับบดเมล็ดพืช ถั่วเหลือง ข้าวโพด และวัสดุอาหารอื่นๆ แบบเปียก นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการบดเปียกของวัสดุบางชนิดในยา น้ำตาล อาหาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เมื่อวัสดุถูกใส่ลงในถังหลังจากทำความสะอาดและแช่แล้ว จะเข้าสู่การบดที่สัมผัสกันระหว่างหินบดด้านบนและด้านล่าง ด้วยการทำงานแบบแรงเหวี่ยง กระทบซึ่งกันและกันของวัตถุดิบ และการบดของหิน จึงสามารถบดวัสดุจากด้านในไปด้านนอกได้ ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียด - หินโม่ ขนาด 12 นิ้ว - มอเตอร์ 15 แรงม้า ไฟ 380V. - ความเร็วรอบมอเตอร์ 1,440 รอบ/นาที - กำลังผลิต 200-300 กก./ชม. - ขนาดเครื่อง 52x54x135 cm - น้ำหนักเครื่อง 210 Kg. - ตัวเครื่องทำ0kdสแตนเลส - มีตู้ควบคุมการทำงาน เปิด-ปิด ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #เครื่องบด #เครื่องโม่ #เครื่องโม่หิน #เครื่องโม่พริกแกง #เครื่องทำน้ำเต้าหู้ #เครื่องหินบด #เครื่องบดซอส #เครื่องบดแยม #บดพริกแกง #เครื่องบดพริกแกงแบบหิน #เครื่องบดแบบหิน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1522 Views 10 0 Reviews
More Results