• ล้างพิษจากวัคซีน mRNA ที่ฉีดไปแล้ว
    เพื่อ บรรเทาภาวะอักเสบในร่างกาย ทำได้โดย

    1. กินอาหารมังสวิรัติ ลดแป้งไม่ทานขนมหวาน
    2. ออกกำลังกาย ด้วย การเดินตั้งแต่ 4500 - 10,000 ก้าว
    3. ตากแดดอ่อนๆ ได้วิตามินดี และ เมลาโทนิน(นอนหลับ..สบาย)
    4. สมุนไพรไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้น โหระพา พริกไทยดำ และอื่นๆ


    สรุป การล้างพิษทำได้ด้วยตนเอง ไม่เสียเงิน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ล้างพิษจากวัคซีน mRNA ที่ฉีดไปแล้ว เพื่อ บรรเทาภาวะอักเสบในร่างกาย ทำได้โดย 1. กินอาหารมังสวิรัติ ลดแป้งไม่ทานขนมหวาน 2. ออกกำลังกาย ด้วย การเดินตั้งแต่ 4500 - 10,000 ก้าว 3. ตากแดดอ่อนๆ ได้วิตามินดี และ เมลาโทนิน(นอนหลับ..สบาย) 4. สมุนไพรไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้น โหระพา พริกไทยดำ และอื่นๆ สรุป การล้างพิษทำได้ด้วยตนเอง ไม่เสียเงิน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว…
    ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี

    COCORA ….Premium Chocolate.
    ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty
    เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว

    ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate
    ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal
    ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ
    ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย

    แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย
    …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง….

    -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process
    = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง
    -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process
    =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป
    -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note

    **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
    -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม
    -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า
    ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง
    …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
    #cocora
    #craftchocolate
    #perfectfermentation
    #ไม่เปรี้ยวแน่นอน
    #rareitem

    ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา
    อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต

    ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว
    ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี

    สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ
    Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ

    https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr

    ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน)

    https://s.lazada.co.th/s.Oi1un

    https://shope.ee/30OIXwR87J
    ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว… ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี COCORA ….Premium Chocolate. ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง…. -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ #cocora #craftchocolate #perfectfermentation #ไม่เปรี้ยวแน่นอน #rareitem ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน) https://s.lazada.co.th/s.Oi1un https://shope.ee/30OIXwR87J
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น
    DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา
    ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ
    รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น
    DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา
    ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ
    รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระเทียม ยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมอง💪 ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 🧠

    พิกัด กระเทียม ลด 40 % 🛒 https://s.shopee.co.th/3LC6aQasB3

    #กระเทียมดีต่อใจ #สมุนไพรไทย #HealthyLife
    กระเทียม ยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมอง💪 ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 🧠 พิกัด กระเทียม ลด 40 % 🛒 https://s.shopee.co.th/3LC6aQasB3 #กระเทียมดีต่อใจ #สมุนไพรไทย #HealthyLife
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄

    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱
    .
    แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪
    .
    คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔
    .
    #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄 เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱 . แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪 . คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔 . #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ใหม่ !!!

    น้ำส้มสายชูหมักธรรมชาติ จากมะขามป้อม
    Indian Gooseberry Cider Vinegar

    ORGANIC & WITH THE MOTHER
    ไม่กรอง ไม่พาสเจอร์ไรส์ อุดมไปด้วย Probiotics
    และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย

    สรรพคุณ :
    - ต้านการอักเสบ ยังยั้งการสร้างเมลานินได้
    - มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินซี
    - แก้ไอ ละลายเสมหะ -แก้กระหายน้ำ
    - ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ
    - ช่วยลด และรักษาเลือดออกตามไรฟัน
    - แก้คลื่นไส้ อาเจียน
    - ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ


    วิธีการใช้ Indian Gooseberry Cider Vinegar: GBCV Keto Friendly
    ==============================
    1 🥤 ผสมกับเครื่องดื่มเย็นๆ อาจจะเป็นน้ำเย็นธรรมดา หรือ น้ำผลไม้ , น้ำสมุนไพร หรือ น้ำโซดา โดยผสมวีนีก้าร์เพียง 2-3 ช้อนชา เท่านั้น
    2 🥘 ใช้เป็นส่วนผสมในปรุง หรือการหมักอาหาร
    3 🥗 ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุง น้ำสลัด , น้ำซอส หรือ น้ำจิ้ม
    4 🥨 ใช้เป็นส่วนผสมในการอบขนม เช่น คุกกี้ หรือ เบเกอรี่ต่างๆ
    5 👧 ใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิวหน้า โดยมีอัตราส่วน 1:1 น้ำวีนีก้าร์ กับ น้ำสะอาด


    สั่งซื้อได้แล้วตอนนี้ ที่ Shopee : https://s.shopee.co.th/6V8qkraHos
    ใหม่ !!! น้ำส้มสายชูหมักธรรมชาติ จากมะขามป้อม Indian Gooseberry Cider Vinegar ORGANIC & WITH THE MOTHER ไม่กรอง ไม่พาสเจอร์ไรส์ อุดมไปด้วย Probiotics และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย สรรพคุณ : - ต้านการอักเสบ ยังยั้งการสร้างเมลานินได้ - มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินซี - แก้ไอ ละลายเสมหะ -แก้กระหายน้ำ - ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ - ช่วยลด และรักษาเลือดออกตามไรฟัน - แก้คลื่นไส้ อาเจียน - ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ วิธีการใช้ Indian Gooseberry Cider Vinegar: GBCV Keto Friendly ============================== 1 🥤 ผสมกับเครื่องดื่มเย็นๆ อาจจะเป็นน้ำเย็นธรรมดา หรือ น้ำผลไม้ , น้ำสมุนไพร หรือ น้ำโซดา โดยผสมวีนีก้าร์เพียง 2-3 ช้อนชา เท่านั้น 2 🥘 ใช้เป็นส่วนผสมในปรุง หรือการหมักอาหาร 3 🥗 ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุง น้ำสลัด , น้ำซอส หรือ น้ำจิ้ม 4 🥨 ใช้เป็นส่วนผสมในการอบขนม เช่น คุกกี้ หรือ เบเกอรี่ต่างๆ 5 👧 ใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิวหน้า โดยมีอัตราส่วน 1:1 น้ำวีนีก้าร์ กับ น้ำสะอาด สั่งซื้อได้แล้วตอนนี้ ที่ Shopee : https://s.shopee.co.th/6V8qkraHos
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 สมุนไพรช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด
    https://youtu.be/WowA7WhyS4c
    Line: @t1herb
    #ดรออย #ขมิ้นชันดรออย #ทีวันทีม #สมุนไพรไทย
    3 สมุนไพรช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด https://youtu.be/WowA7WhyS4c Line: @t1herb #ดรออย #ขมิ้นชันดรออย #ทีวันทีม #สมุนไพรไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 สมุนไพรช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด
    https://youtu.be/WowA7WhyS4c
    Line: @t1herb
    #ดรออย #ขมิ้นชันดรออย #ทีวันทีม #สมุนไพรไทย
    3 สมุนไพรช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด https://youtu.be/WowA7WhyS4c Line: @t1herb #ดรออย #ขมิ้นชันดรออย #ทีวันทีม #สมุนไพรไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩹การได้บริโภคสินค้าที่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้สบายใจได้ถึงคุณภาพของสินค้า
    🧬เพราะการลงลึกในรายละเอียดของสารประกอบแต่ละตัวที่เข้าไปในร่างกายของเรา สารอาหารบางชนิดก็มีเงื่อนไขในการดูดซึม สารบางตัวก็ไปหักล้างกับสารอาหารชนิดอื่นๆซึ่งอาจจะส่งผลบางอย่างที่เป็นแง่ลบกับร่างกาย
    ดังนั้นการวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดสารประกอบที่จะเข้าสู่ร่างกายเรานั้นย่อมเกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลกระทบข้างเคียงที่จะทำให้เกิดผลด้านลบน้อยที่สุด
    🏆การวิเคราะห์เจาะลึกงานวิจัยของ ดร.ออย
    https://youtu.be/Cf8C-7S408o?si=z81qLrBxO9GvR-Ti
    ผลิตภัณฑ์งานวิจัย 🏅 www.t1team.com
    #ดรออย #งานวิจัยดรออย #สมุนไพรดรออย
    🩹การได้บริโภคสินค้าที่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้สบายใจได้ถึงคุณภาพของสินค้า 🧬เพราะการลงลึกในรายละเอียดของสารประกอบแต่ละตัวที่เข้าไปในร่างกายของเรา สารอาหารบางชนิดก็มีเงื่อนไขในการดูดซึม สารบางตัวก็ไปหักล้างกับสารอาหารชนิดอื่นๆซึ่งอาจจะส่งผลบางอย่างที่เป็นแง่ลบกับร่างกาย ดังนั้นการวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดสารประกอบที่จะเข้าสู่ร่างกายเรานั้นย่อมเกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลกระทบข้างเคียงที่จะทำให้เกิดผลด้านลบน้อยที่สุด 🏆การวิเคราะห์เจาะลึกงานวิจัยของ ดร.ออย ุhttps://youtu.be/Cf8C-7S408o?si=z81qLrBxO9GvR-Ti ผลิตภัณฑ์งานวิจัย 🏅 www.t1team.com #ดรออย #งานวิจัยดรออย #สมุนไพรดรออย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩹การได้บริโภคสินค้าที่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้สบายใจได้ถึงคุณภาพของสินค้า
    🧬เพราะการลงลึกในรายละเอียดของสารประกอบแต่ละตัวที่เข้าไปในร่างกายของเรา สารอาหารบางชนิดก็มีเงื่อนไขในการดูดซึม สารบางตัวก็ไปหักล้างกับสารอาหารชนิดอื่นๆซึ่งอาจจะส่งผลบางอย่างที่เป็นแง่ลบกับร่างกาย
    ดังนั้นการวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดสารประกอบที่จะเข้าสู่ร่างกายเรานั้นย่อมเกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลกระทบข้างเคียงที่จะทำให้เกิดผลด้านลบน้อยที่สุด
    🏆การวิเคราะห์เจาะลึกงานวิจัยของ ดร.ออย
    https://youtu.be/Cf8C-7S408o?si=z81qLrBxO9GvR-Ti
    ผลิตภัณฑ์งานวิจัย 🏅 www.t1team.com
    #ดรออย #งานวิจัยดรออย #สมุนไพรดรออย
    🩹การได้บริโภคสินค้าที่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้สบายใจได้ถึงคุณภาพของสินค้า 🧬เพราะการลงลึกในรายละเอียดของสารประกอบแต่ละตัวที่เข้าไปในร่างกายของเรา สารอาหารบางชนิดก็มีเงื่อนไขในการดูดซึม สารบางตัวก็ไปหักล้างกับสารอาหารชนิดอื่นๆซึ่งอาจจะส่งผลบางอย่างที่เป็นแง่ลบกับร่างกาย ดังนั้นการวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดสารประกอบที่จะเข้าสู่ร่างกายเรานั้นย่อมเกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลกระทบข้างเคียงที่จะทำให้เกิดผลด้านลบน้อยที่สุด 🏆การวิเคราะห์เจาะลึกงานวิจัยของ ดร.ออย ุhttps://youtu.be/Cf8C-7S408o?si=z81qLrBxO9GvR-Ti ผลิตภัณฑ์งานวิจัย 🏅 www.t1team.com #ดรออย #งานวิจัยดรออย #สมุนไพรดรออย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ขี้เหล็ก #กสิกรรมธรรมชาติ #พืชสมุนไพร #ความมั่นคง #อาหาร #ยา #พลังงาน #หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง
    https://youtu.be/p1hNx7Pgz9Q
    #ขี้เหล็ก #กสิกรรมธรรมชาติ #พืชสมุนไพร #ความมั่นคง #อาหาร #ยา #พลังงาน #หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง https://youtu.be/p1hNx7Pgz9Q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูแลน้ำตาลในตัวคุณตั้งแต่วันนี้ ด้วย RPQ A+! 🌿✨
    📌 คุณกำลังเผชิญกับปัญหาระดับน้ำตาลสูงอยู่หรือไม่?
    📌 ต้องการดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัยด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ?
    🔥 RPQ A+ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวาน และเสริมสร้างสุขภาพด้วยสมุนไพรเข้มข้น เช่น พลูคาว มะขามป้อม มะระขี้นก และเชียงดา!
    ✅ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ
    ✅ ฟื้นฟูและปกป้องตับอ่อนจากการอักเสบ
    ✅ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
    ✅ ผ่านการรับรองด้วยรางวัลระดับโลก มั่นใจ ปลอดภัย!

    💚 สุขภาพดี เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ
    ข้อมูลเพิ่มเติม 👉 https://rpq.t1team.com/
    #RPQAPlus #สมุนไพรลดน้ำตาล #ดูแลสุขภาพ #เบาหวาน #สุขภาพดีเริ่มที่ตัวคุณ 💊🌿
    ดูแลน้ำตาลในตัวคุณตั้งแต่วันนี้ ด้วย RPQ A+! 🌿✨ 📌 คุณกำลังเผชิญกับปัญหาระดับน้ำตาลสูงอยู่หรือไม่? 📌 ต้องการดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัยด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ? 🔥 RPQ A+ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวาน และเสริมสร้างสุขภาพด้วยสมุนไพรเข้มข้น เช่น พลูคาว มะขามป้อม มะระขี้นก และเชียงดา! ✅ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ ✅ ฟื้นฟูและปกป้องตับอ่อนจากการอักเสบ ✅ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ✅ ผ่านการรับรองด้วยรางวัลระดับโลก มั่นใจ ปลอดภัย! 💚 สุขภาพดี เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ ข้อมูลเพิ่มเติม 👉 https://rpq.t1team.com/ #RPQAPlus #สมุนไพรลดน้ำตาล #ดูแลสุขภาพ #เบาหวาน #สุขภาพดีเริ่มที่ตัวคุณ 💊🌿
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨ เปิดโอกาสทอง! ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจสุขภาพระดับโลกกับ T1TEAM Herbal Innovation ✨
    คุณกำลังมองหาธุรกิจที่ทั้งสร้างรายได้มั่นคง และ ส่งต่อสุขภาพดีสู่สังคม?
    บริษัท T1TEAM Herbal Innovation ผู้นำนวัตกรรมสมุนไพรไทยคุณภาพสูง พร้อมมอบโอกาสดีๆ ให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จแบบไร้ขีดจำกัด!

    🌿 ทำไมต้องร่วมธุรกิจกับเรา?
    1️⃣ ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
    ใช้ นาโนเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ลดผลข้างเคียง
    ได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับโลก เช่น เหรียญทองจาก ICAN 2022
    ผ่านมาตรฐานสากล GMP, HACCP, HALAL

    2️⃣ ระบบธุรกิจที่ได้เปรียบ
    📈 สร้างรายได้ 6 ช่องทาง: ค่าขายปลีก โบนัสแนะนำ โบนัสสร้างทีม ฯลฯ
    💎 ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่มีตก!
    🚀 สมัครฟรี แค่ซื้อสินค้า 1 ชิ้น ก็เป็นสมาชิกทันที

    3️⃣ ความสำเร็จที่พิสูจน์แล้ว
    🔥 ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์รีวิวจริง! เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างมาก
    🌍 มาตรฐานสากล ด้วยโรงงานและทีมวิจัยของเราเอง

    💼 โอกาสอยู่ใกล้แค่นี้!
    อิสระด้านเวลา ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา
    พัฒนาตนเอง ผ่านการฝึกอบรมและชุมชนธุรกิจที่แข็งแกร่ง
    สร้างรายได้แบบยั่งยืน

    💸 เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด

    สนใจสมัครหรือสอบถามเพิ่มเติม
    Line: @t1herb
    หรือคลิกสมัครออนไลน์ทันที: www.t1team.com

    🚀 อย่ารอช้า!
    ร่วมเดินทางกับเรา สร้างสุขภาพดี สร้างรายได้ยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก!
    T1TEAM Herbal Innovation - นวัตกรรมสุขภาพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า 🌍🌱
    ✨ เปิดโอกาสทอง! ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจสุขภาพระดับโลกกับ T1TEAM Herbal Innovation ✨ คุณกำลังมองหาธุรกิจที่ทั้งสร้างรายได้มั่นคง และ ส่งต่อสุขภาพดีสู่สังคม? บริษัท T1TEAM Herbal Innovation ผู้นำนวัตกรรมสมุนไพรไทยคุณภาพสูง พร้อมมอบโอกาสดีๆ ให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จแบบไร้ขีดจำกัด! 🌿 ทำไมต้องร่วมธุรกิจกับเรา? 1️⃣ ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ใช้ นาโนเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ลดผลข้างเคียง ได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับโลก เช่น เหรียญทองจาก ICAN 2022 ผ่านมาตรฐานสากล GMP, HACCP, HALAL 2️⃣ ระบบธุรกิจที่ได้เปรียบ 📈 สร้างรายได้ 6 ช่องทาง: ค่าขายปลีก โบนัสแนะนำ โบนัสสร้างทีม ฯลฯ 💎 ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่มีตก! 🚀 สมัครฟรี แค่ซื้อสินค้า 1 ชิ้น ก็เป็นสมาชิกทันที 3️⃣ ความสำเร็จที่พิสูจน์แล้ว 🔥 ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์รีวิวจริง! เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างมาก 🌍 มาตรฐานสากล ด้วยโรงงานและทีมวิจัยของเราเอง 💼 โอกาสอยู่ใกล้แค่นี้! อิสระด้านเวลา ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา พัฒนาตนเอง ผ่านการฝึกอบรมและชุมชนธุรกิจที่แข็งแกร่ง สร้างรายได้แบบยั่งยืน 💸 เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจสมัครหรือสอบถามเพิ่มเติม Line: @t1herb หรือคลิกสมัครออนไลน์ทันที: www.t1team.com 🚀 อย่ารอช้า! ร่วมเดินทางกับเรา สร้างสุขภาพดี สร้างรายได้ยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก! T1TEAM Herbal Innovation - นวัตกรรมสุขภาพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า 🌍🌱
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿✨ หาค่าขนมเสริม!
    ใครอยากมีรายได้ระหว่างเรียน + ได้ประสบการณ์ในธุรกิจนวัตกรรมสมุนไพร?
    บริษัท T1 TEAM HERBAL INNOVATION เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจงานออนไลน์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ มาร่วมทีม ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ทำได้!
    ทำไมต้องร่วมงานกับเรา?
    ✅ งานใกล้ตัว – ทำงานออนไลน์ ทำได้ทุกที่
    ✅ เวลายืดหยุ่น – เลือกช่วงเวลาได้ ไม่กระทบการเรียน
    ✅ รายได้ดี – แผนรายได้ที่ทำง่าย ได้จริง
    ✅ ฝึกอบรมฟรี – มีการสอนงานทางออนไลน์
    คุณสมบัติผู้สมัคร:
    อายุ 18 ปีขึ้นไป
    สนใจพัฒนาตัวเอง และรักการเรียนรู้
    #หางานนักศึกษา #ค่าขนมเสริม #พาร์ทไทม์กรุงเทพ #สมุทรปราการ #ปทุมธานี #HerbalInnovation
    T1 TEAM – เราเชื่อว่า “โอกาสที่ดีเริ่มจากก้าวแรก” 🌱
    ข้อมูลเพิ่มเติม
    www.t1team.com
    Line: @t1herb
    เริ่มสร้างรายได้และประสบการณ์ไปด้วยกัน! 🚀
    เหมาะสำหรับนักศึกษาที่อยากพัฒนาตัวเอง แถมมีเวลาเหลือเฟือมาทำงานควบคู่การเรียน 😊
    🌿✨ หาค่าขนมเสริม! ใครอยากมีรายได้ระหว่างเรียน + ได้ประสบการณ์ในธุรกิจนวัตกรรมสมุนไพร? บริษัท T1 TEAM HERBAL INNOVATION เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจงานออนไลน์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ มาร่วมทีม ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ทำได้! ทำไมต้องร่วมงานกับเรา? ✅ งานใกล้ตัว – ทำงานออนไลน์ ทำได้ทุกที่ ✅ เวลายืดหยุ่น – เลือกช่วงเวลาได้ ไม่กระทบการเรียน ✅ รายได้ดี – แผนรายได้ที่ทำง่าย ได้จริง ✅ ฝึกอบรมฟรี – มีการสอนงานทางออนไลน์ คุณสมบัติผู้สมัคร: อายุ 18 ปีขึ้นไป สนใจพัฒนาตัวเอง และรักการเรียนรู้ #หางานนักศึกษา #ค่าขนมเสริม #พาร์ทไทม์กรุงเทพ #สมุทรปราการ #ปทุมธานี #HerbalInnovation T1 TEAM – เราเชื่อว่า “โอกาสที่ดีเริ่มจากก้าวแรก” 🌱 ข้อมูลเพิ่มเติม www.t1team.com Line: @t1herb เริ่มสร้างรายได้และประสบการณ์ไปด้วยกัน! 🚀 เหมาะสำหรับนักศึกษาที่อยากพัฒนาตัวเอง แถมมีเวลาเหลือเฟือมาทำงานควบคู่การเรียน 😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอกาสแห่งความสำเร็จรอคุณอยู่! 🚀✨

    📢 T1 TEAM HERBAL INNOVATION เปิดรับสมัครนักธุรกิจที่มีไฟ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน!
    🌱 เราคือบริษัทนวัตกรรมสมุนไพรที่ล้ำสมัย ผสานวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
    🔥 ทำไมต้องร่วมธุรกิจกับเรา?
    ✅ สินค้าคุณภาพสูง – ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรที่ตอบโจทย์ตลาด
    ✅ แผนธุรกิจสุดคุ้มค่า – สร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด
    ✅ ทีมสนับสนุนมืออาชีพ – เราพร้อมเทรนนิ่งและให้คำปรึกษาตลอดเส้นทาง
    ✅ ไม่ต้องมีประสบการณ์ – เริ่มต้นง่าย สร้างธุรกิจได้ทันที
    📌 ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ หรืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเทรนด์สุขภาพ นี่คือเวลาที่ดีที่สุด!
    📞 สนใจสมัครหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    📲 ติดต่อเราได้ที่ www.t1team.com
    Line: @t1herb

    มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จกับ T1 TEAM HERBAL INNOVATION วันนี้! 🌟💼
    โอกาสแห่งความสำเร็จรอคุณอยู่! 🚀✨ 📢 T1 TEAM HERBAL INNOVATION เปิดรับสมัครนักธุรกิจที่มีไฟ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน! 🌱 เราคือบริษัทนวัตกรรมสมุนไพรที่ล้ำสมัย ผสานวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน 🔥 ทำไมต้องร่วมธุรกิจกับเรา? ✅ สินค้าคุณภาพสูง – ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรที่ตอบโจทย์ตลาด ✅ แผนธุรกิจสุดคุ้มค่า – สร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด ✅ ทีมสนับสนุนมืออาชีพ – เราพร้อมเทรนนิ่งและให้คำปรึกษาตลอดเส้นทาง ✅ ไม่ต้องมีประสบการณ์ – เริ่มต้นง่าย สร้างธุรกิจได้ทันที 📌 ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ หรืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเทรนด์สุขภาพ นี่คือเวลาที่ดีที่สุด! 📞 สนใจสมัครหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 📲 ติดต่อเราได้ที่ www.t1team.com Line: @t1herb มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จกับ T1 TEAM HERBAL INNOVATION วันนี้! 🌟💼
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌ฉันเคยเป็นผู้หญิงวัย 50 ที่มี
    ✴️ปัญหาผมแข็งกระด้างจากการใช้ยาย้อมผมมาตลอดหลายปี
    ✴️ผมของฉันเสียและแห้งกร้าน จนทำให้รู้สึกหมดความมั่นใจในตัวเองไปมาก ฉันเคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่โฆษณาว่าสามารถบำรุงผมเสียได้ แต่ไม่มีสิ่งไหนที่ได้ผลดีเท่าที่ควร
    📣จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้เปลี่ยนมาใช้
    📌ยาสระผมมะกรูด เป็นประจำทุกสัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งมาก
    ✅️ ผมของฉันเริ่มนุ่มลื่น มีน้ำหนัก และเงางาม อีกทั้งยัง
    ✅️ลดปัญหาผมร่วง และรังแค อย่างเห็นได้ชัด ฉันรู้สึกว่า❤️ผมของฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่มีอาการผมแห้งกร้านหรือแข็งกระด้างเหมือนแต่ก่อนเลย
    ✅️ตอนนี้ฉันใช้ยาสระผมมะกรูดสูตรนี้เป็นประจำ และยังแนะนำให้เพื่อน ๆ และคนในครอบครัวลองใช้ดู ทุกคนที่ได้ลองใช้ต่างก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ❤️ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบข้าง และรู้สึกภูมิใจที่ได้ค้นพบ
    👍สูตรยาสระผมที่ทำจากสมุนไพรธรรมชาติที่ สามารถบำรุงเส้นผมได้อย่างมี
    ประสิทธิภาพ
    😊ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
    ✅️ ยาสระผมมะกรูดทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้คืนสภาพผมที่ดีให้กับตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพา❌️สารเคมีที่เป็นอันตราย การใช้มะกรูดซึ่งเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายในบ้านเรา ยังช่วยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    ✅️ยาสระผมมะกรูดไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างดีเยี่ยม
    แต่ยังเป็นการกลับไปใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความปลอดภัยและ ได้ผลดีเยี่ยม
    📌ฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนที่มีปัญหาเรื่องผมแข็งกระด้างจากการใช้ยาย้อมผมได้ลองการดูแลเส้นผมด้วยสมุนไพรธรรมชาติไม่เพียงแต่ช่วยให้เส้นผมของคุณแข็งแรงและเงางาม แต่ยังเป็นการดูแลตัวเอง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
    📌แนะนำ: ยาสระผมมะกรูด ออแกนิค ขนาด200ml. ราคา 139 บาท
    📌ฉันเคยเป็นผู้หญิงวัย 50 ที่มี ✴️ปัญหาผมแข็งกระด้างจากการใช้ยาย้อมผมมาตลอดหลายปี ✴️ผมของฉันเสียและแห้งกร้าน จนทำให้รู้สึกหมดความมั่นใจในตัวเองไปมาก ฉันเคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่โฆษณาว่าสามารถบำรุงผมเสียได้ แต่ไม่มีสิ่งไหนที่ได้ผลดีเท่าที่ควร 📣จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้เปลี่ยนมาใช้ 📌ยาสระผมมะกรูด เป็นประจำทุกสัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งมาก ✅️ ผมของฉันเริ่มนุ่มลื่น มีน้ำหนัก และเงางาม อีกทั้งยัง ✅️ลดปัญหาผมร่วง และรังแค อย่างเห็นได้ชัด ฉันรู้สึกว่า❤️ผมของฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่มีอาการผมแห้งกร้านหรือแข็งกระด้างเหมือนแต่ก่อนเลย ✅️ตอนนี้ฉันใช้ยาสระผมมะกรูดสูตรนี้เป็นประจำ และยังแนะนำให้เพื่อน ๆ และคนในครอบครัวลองใช้ดู ทุกคนที่ได้ลองใช้ต่างก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ❤️ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบข้าง และรู้สึกภูมิใจที่ได้ค้นพบ 👍สูตรยาสระผมที่ทำจากสมุนไพรธรรมชาติที่ สามารถบำรุงเส้นผมได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 😊ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ✅️ ยาสระผมมะกรูดทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้คืนสภาพผมที่ดีให้กับตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพา❌️สารเคมีที่เป็นอันตราย การใช้มะกรูดซึ่งเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายในบ้านเรา ยังช่วยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ✅️ยาสระผมมะกรูดไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างดีเยี่ยม แต่ยังเป็นการกลับไปใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความปลอดภัยและ ได้ผลดีเยี่ยม 📌ฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนที่มีปัญหาเรื่องผมแข็งกระด้างจากการใช้ยาย้อมผมได้ลองการดูแลเส้นผมด้วยสมุนไพรธรรมชาติไม่เพียงแต่ช่วยให้เส้นผมของคุณแข็งแรงและเงางาม แต่ยังเป็นการดูแลตัวเอง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย 📌แนะนำ: ยาสระผมมะกรูด ออแกนิค ขนาด200ml. ราคา 139 บาท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ลำไส้แปรปรวน - Irritable Bowel Syndrome

    (IBS)

    IBS เป็นกลุ่มอาการในลำไส้ที่อาจรวมถึงตะคริวในช่องท้อง ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด และมีแก๊ส กลุ่มอาการในลำไส้มักเกิดขึ้นร่วมกันแต่ อาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลาในแต่ละคน

    ประเภทของ IBS แบ่งตามอาการเฉพาะที่เกิดขึ้น เช่น อาการท้องผูกและน้ำหนักลด

    IBS อาจทำให้เกิดความเสียหายในลำไส้ได้และนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากการศึกษาปี 2022 IBS ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตของคุณ

    อาการของ IBS มักประกอบด้วย:

    • ตะคริว

    • อาการปวดท้อง

    • ท้องอืดและมีแก๊ส

    • อาการท้องผูก

    • ท้องเสีย

    • คลื่นไส้และอาเจียน

    • เหนื่อยล้าและอ่อนแรง

    • อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมเศร้า และวิตกกังวล

    มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายสำหรับIBS

    IBS ในผู้หญิง

    IBS มีแนวโน้มที่จะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการปวดท้องและท้องผูกมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการมากขึ้นหรือแย่ลงในช่วงมีประจำเดือน

    IBS ในผู้ชาย

    อาการของ IBS ในเพศชายอาจเหมือนกับอาการในเพศหญิง แต่อาจเน้นไปที่อาการท้องเสียมากกว่าตามการวิจัย

    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ที่เป็นโรค IBS จะมีอาการท้องผูกและท้องร่วง อาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและมีแก๊สมักจะหายไปหลังจากที่คุณถ่ายอุจจาระ อาการไม่ได้เกิดขึ้นถาวรเสมอไป พวกเขาสามารถแก้ไขได้

    อาการปวด IBS

    อาจรู้สึกเหมือนเป็นตะคริว เย็นวูบวาบ เสียวซ่าน คุณจะมีประสบการณ์อย่างน้อย 2 อย่างต่อไปนี้:

    • บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยหลังการถ่ายอุจจาระ

    • ความถี่ในการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป

    • รูปลักษณ์ของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป
    กระบวนการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับ IBS อาจแตกต่างกันไป แต่อาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:

    • การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ช้าลงหรือกระตุก ทำให้เกิดตะคริวอย่างเจ็บปวด

    • ระดับเซโรโทนินในลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้

    สาเหตุของโรค

    สาเหตุที่เป็นไปได้

    - ลำไส้ใหญ่หรือระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกินไปหลังการติดเชื้อเแบคทีเรียในทางเดินอาหาร
    - การรับประทานยาลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง
    - การรับประทานสมุนไพรเพื่อการขับถ่ายอาทิ มะขามแขก น้ำมันละหุ่ง เป็นต้น
    - การได้รับยาปฏิชีวนะ
    - การได้รับยาบางชนิดเพื่อรักษาสภาวะทางการแพทย์เป็นระยะเวลานาน
    - การขาดเมือกในลำไส้
    -การขาดจุลชีพฝั่งดีในลำไส้
    - การเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยรสเผ็ดและรสเปรี้ยว
    - ความเครียดเรื้อรัง ระบบประสาทของคุณควบคุมการเคลื่อนไหวอัตโนมัติหรือการเคลื่อนไหวของระบบย่อยอาหารในระดับที่สูงมาก ซึ่งหมายความว่าความเครียดส่งผลต่อเส้นประสาท ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากเกินไป

    หากคุณมี IBS ลำไส้ใหญ่ของคุณอาจตอบสนองต่อการหยุดชะงักของระบบย่อยอาหารมากเกินไป เชื่อกันว่า IBS ได้รับผลกระทบจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นกัน

    การวินิจฉัย

    แพทย์ของคุณอาจวินิจฉัย IBS ตามอาการของคุณได้ พวกเขายังอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งขั้นตอนเพื่อแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของอาการของคุณ:

    • กำหนดรูปแบบการรับประทานอาหารบางอย่างหรือหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารที่เฉพาะเจาะจงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อแยกแยะการแพ้อาหาร

    • สั่งการทดสอบตัวอย่างอุจจาระของคุณเพื่อขจัดการติดเชื้อ

    • สั่งการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาภาวะโลหิตจางและขจัดโรคช่องท้อง

    • สั่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่

    โดยทั่วไปแพทย์ของคุณจะสั่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการลำไส้ใหญ่บวม โรคลำไส้อักเสบ (โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบแบบเป็นแผล) หรือมะเร็งเป็นสาเหตุของอาการของคุณ

    อาหารอะไรบ้างที่กระตุ้นการเกิด IBS

    อาหารบางชนิดเป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยสำหรับผู้ป่วย IBS อาหารเหล่านี้บางชนิดอาจส่งผลต่อคุณมากกว่าอาหารอื่นๆ

    การจดบันทึกรายการอาหารไว้สักพักเพื่อเรียนรู้ว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นให้เกิดอาจช่วยได้ อาหารบางอย่างที่คุณอาจจำกัดหรือยกเว้น ได้แก่:

    • ถั่วทุกชนิดและทุกรูปแบบ

    • อาหารที่มีซอร์บิทอล แมนนิทอล หรือไซลิทอล

    • หัวหอม กระเทียม มะเขือ มะเขือเทศและผักที่มีรสเปรี้ยวหรือเผ็ด

    • ผลไม้ทุกชนิด

    • อาหารประเภทนม

    • เห็ดและยิสต์

    การเยียวยาที่บ้าน

    การเยียวยาที่บ้านหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการ IBS ของคุณได้โดยไม่ต้องใช้ยา ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเหล่านี้ได้แก่:

    • มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    • จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเนื่องจากคาเฟอีนไปกระตุ้นลำไส้

    • การลดความเครียด (การบำบัดด้วยการพูดคุย การฝึกสติ การสะกดจิต และการฝึกสมาธิ)

    • รับประทานโปรไบโอติก ( จุลินทรีย์ "ดี" ที่มักพบในลำไส้) เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและแก็ส

    • เพิ่มปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหาร หรืออาหารเสริม

    • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอย่างช้าๆ คุณอาจพบว่าการย่อยอาหารในปริมาณน้อยง่ายกว่าการรับประทานอาหารในปริมาณมาก

    • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (2 ลิตร) (เช่น น้ำเปล่า ชาสมุนไพร น้ำซุป) เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ

    • ลองรับประทานอาหาร ที่มี FODMAP ต่ำในระยะสั้นเพื่อช่วยระบุอาหารที่กระตุ้นอาการ FODMAP เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเฉพาะที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการในลำไส้ อาหารที่มี FODMAP สูง ได้แก่ แอปเปิล หัวหอม กระเทียม ข้าวสาลี แล็กโทส แอลกอฮอล์และน้ำตาล

    • เลือกผักที่ปรุงสุกแล้วมากกว่าผักดิบ

    • เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ ไก่ ปลา และโยเกิร์ตธรรมดาที่ไม่มีแลคโตส

    • ปรุงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น การอบ การคั่ว การนึ่งและการต้ม สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายตัวได้เช่นกัน

    • หากคุณมีอาการท้องผูก ควรพิจารณารับประทานใยอาหาร บางประเภท เช่น กระเจี๊ยบเขียว มันสําปะหลัง และไซเลียม หลีกเลี่ยงรำข้าวสาลีและลูกพรุน ซึ่งเป็นใยอาหารที่ย่อยง่าย อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและปวดท้อง

    • จำกัด การรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเช่น บร็อคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำบรัสเซลส์ หากผักหรือพืชเหล่านี้กระตุ้นให้คุณมีอาการ

    • จำกัดปริมาณ น้ำตาลแอลกอฮอล์และสารให้ความหวานเทียม เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล มอลทิทอล และอีริทริทอล

    • หลีกเลี่ยงภาวะแพ้กลูเตนและโรคซีลิแอค บางคนอาจแพ้คาร์โบไฮเดรตในข้าวสาลี(กลูเตน)

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    Paa vill
    Zyem
    Synbc
    K cal
    Butterfly
    Cr. Santi Manadee
    #ลำไส้แปรปรวน - Irritable Bowel Syndrome (IBS) IBS เป็นกลุ่มอาการในลำไส้ที่อาจรวมถึงตะคริวในช่องท้อง ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด และมีแก๊ส กลุ่มอาการในลำไส้มักเกิดขึ้นร่วมกันแต่ อาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลาในแต่ละคน ประเภทของ IBS แบ่งตามอาการเฉพาะที่เกิดขึ้น เช่น อาการท้องผูกและน้ำหนักลด IBS อาจทำให้เกิดความเสียหายในลำไส้ได้และนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากการศึกษาปี 2022 IBS ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตของคุณ อาการของ IBS มักประกอบด้วย: • ตะคริว • อาการปวดท้อง • ท้องอืดและมีแก๊ส • อาการท้องผูก • ท้องเสีย • คลื่นไส้และอาเจียน • เหนื่อยล้าและอ่อนแรง • อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมเศร้า และวิตกกังวล มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายสำหรับIBS IBS ในผู้หญิง IBS มีแนวโน้มที่จะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการปวดท้องและท้องผูกมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการมากขึ้นหรือแย่ลงในช่วงมีประจำเดือน IBS ในผู้ชาย อาการของ IBS ในเพศชายอาจเหมือนกับอาการในเพศหญิง แต่อาจเน้นไปที่อาการท้องเสียมากกว่าตามการวิจัย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ที่เป็นโรค IBS จะมีอาการท้องผูกและท้องร่วง อาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและมีแก๊สมักจะหายไปหลังจากที่คุณถ่ายอุจจาระ อาการไม่ได้เกิดขึ้นถาวรเสมอไป พวกเขาสามารถแก้ไขได้ อาการปวด IBS อาจรู้สึกเหมือนเป็นตะคริว เย็นวูบวาบ เสียวซ่าน คุณจะมีประสบการณ์อย่างน้อย 2 อย่างต่อไปนี้: • บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยหลังการถ่ายอุจจาระ • ความถี่ในการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป • รูปลักษณ์ของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป กระบวนการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับ IBS อาจแตกต่างกันไป แต่อาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้: • การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ช้าลงหรือกระตุก ทำให้เกิดตะคริวอย่างเจ็บปวด • ระดับเซโรโทนินในลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ สาเหตุของโรค สาเหตุที่เป็นไปได้ - ลำไส้ใหญ่หรือระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกินไปหลังการติดเชื้อเแบคทีเรียในทางเดินอาหาร - การรับประทานยาลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง - การรับประทานสมุนไพรเพื่อการขับถ่ายอาทิ มะขามแขก น้ำมันละหุ่ง เป็นต้น - การได้รับยาปฏิชีวนะ - การได้รับยาบางชนิดเพื่อรักษาสภาวะทางการแพทย์เป็นระยะเวลานาน - การขาดเมือกในลำไส้ -การขาดจุลชีพฝั่งดีในลำไส้ - การเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยรสเผ็ดและรสเปรี้ยว - ความเครียดเรื้อรัง ระบบประสาทของคุณควบคุมการเคลื่อนไหวอัตโนมัติหรือการเคลื่อนไหวของระบบย่อยอาหารในระดับที่สูงมาก ซึ่งหมายความว่าความเครียดส่งผลต่อเส้นประสาท ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากเกินไป หากคุณมี IBS ลำไส้ใหญ่ของคุณอาจตอบสนองต่อการหยุดชะงักของระบบย่อยอาหารมากเกินไป เชื่อกันว่า IBS ได้รับผลกระทบจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นกัน การวินิจฉัย แพทย์ของคุณอาจวินิจฉัย IBS ตามอาการของคุณได้ พวกเขายังอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งขั้นตอนเพื่อแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของอาการของคุณ: • กำหนดรูปแบบการรับประทานอาหารบางอย่างหรือหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารที่เฉพาะเจาะจงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อแยกแยะการแพ้อาหาร • สั่งการทดสอบตัวอย่างอุจจาระของคุณเพื่อขจัดการติดเชื้อ • สั่งการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาภาวะโลหิตจางและขจัดโรคช่องท้อง • สั่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยทั่วไปแพทย์ของคุณจะสั่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการลำไส้ใหญ่บวม โรคลำไส้อักเสบ (โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบแบบเป็นแผล) หรือมะเร็งเป็นสาเหตุของอาการของคุณ อาหารอะไรบ้างที่กระตุ้นการเกิด IBS อาหารบางชนิดเป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยสำหรับผู้ป่วย IBS อาหารเหล่านี้บางชนิดอาจส่งผลต่อคุณมากกว่าอาหารอื่นๆ การจดบันทึกรายการอาหารไว้สักพักเพื่อเรียนรู้ว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นให้เกิดอาจช่วยได้ อาหารบางอย่างที่คุณอาจจำกัดหรือยกเว้น ได้แก่: • ถั่วทุกชนิดและทุกรูปแบบ • อาหารที่มีซอร์บิทอล แมนนิทอล หรือไซลิทอล • หัวหอม กระเทียม มะเขือ มะเขือเทศและผักที่มีรสเปรี้ยวหรือเผ็ด • ผลไม้ทุกชนิด • อาหารประเภทนม • เห็ดและยิสต์ การเยียวยาที่บ้าน การเยียวยาที่บ้านหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการ IBS ของคุณได้โดยไม่ต้องใช้ยา ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเหล่านี้ได้แก่: • มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ • จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเนื่องจากคาเฟอีนไปกระตุ้นลำไส้ • การลดความเครียด (การบำบัดด้วยการพูดคุย การฝึกสติ การสะกดจิต และการฝึกสมาธิ) • รับประทานโปรไบโอติก ( จุลินทรีย์ "ดี" ที่มักพบในลำไส้) เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและแก็ส • เพิ่มปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหาร หรืออาหารเสริม • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอย่างช้าๆ คุณอาจพบว่าการย่อยอาหารในปริมาณน้อยง่ายกว่าการรับประทานอาหารในปริมาณมาก • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (2 ลิตร) (เช่น น้ำเปล่า ชาสมุนไพร น้ำซุป) เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ • ลองรับประทานอาหาร ที่มี FODMAP ต่ำในระยะสั้นเพื่อช่วยระบุอาหารที่กระตุ้นอาการ FODMAP เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเฉพาะที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการในลำไส้ อาหารที่มี FODMAP สูง ได้แก่ แอปเปิล หัวหอม กระเทียม ข้าวสาลี แล็กโทส แอลกอฮอล์และน้ำตาล • เลือกผักที่ปรุงสุกแล้วมากกว่าผักดิบ • เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ ไก่ ปลา และโยเกิร์ตธรรมดาที่ไม่มีแลคโตส • ปรุงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น การอบ การคั่ว การนึ่งและการต้ม สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายตัวได้เช่นกัน • หากคุณมีอาการท้องผูก ควรพิจารณารับประทานใยอาหาร บางประเภท เช่น กระเจี๊ยบเขียว มันสําปะหลัง และไซเลียม หลีกเลี่ยงรำข้าวสาลีและลูกพรุน ซึ่งเป็นใยอาหารที่ย่อยง่าย อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและปวดท้อง • จำกัด การรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเช่น บร็อคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำบรัสเซลส์ หากผักหรือพืชเหล่านี้กระตุ้นให้คุณมีอาการ • จำกัดปริมาณ น้ำตาลแอลกอฮอล์และสารให้ความหวานเทียม เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล มอลทิทอล และอีริทริทอล • หลีกเลี่ยงภาวะแพ้กลูเตนและโรคซีลิแอค บางคนอาจแพ้คาร์โบไฮเดรตในข้าวสาลี(กลูเตน) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ Paa vill Zyem Synbc K cal Butterfly Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาตะวันตก กับ ยาแผนโบราณ
    News Punch
    How Rockefeller Founded Big Pharma And Waged War On Natural Cures
    March 27, 2018. Baxter Dmitry

    ผลิตภัณท์ยาของโลกตะวันตกมีส่วนที่ดีอยู่ที่ มันสามารถจัดการกับสถานการณ์เจ็บป่วยฉุกเฉินได้ ..(มันเป็นการรักษาโดยใช้สารออกฤทธิ์ตรงข้ามกับกลุ่มอาการของโรค (allopathy) ตรงข้ามกับการรักษาแบบธรรมชาติ ..homeopathy..ผู้แปล)

    ตอนนี้มันน่าจะถึงเวลาที่เราๆควรรู้ว่าการแพทย์ตะวันตกที่มันโฟกัสไปที่ ..ยา ..การฉายรังสี ..ผ่าตัด ..และยาเท่านั้น ....มาจากการหาเงินของนายทุน Rockefeller ล้วนๆ

    ผู้คนทุกวันนี้จะมองว่าคุณเป็นมนุษย์ประหลาด ถ้าคุณจะพูดถึงการแพทย์แผนโบราณที่ใช้แต่พืชสมุนไพร ..มันก็ถูกต้องแล้ว เพราะเงินถูกใช้ไปมากในการล้างสมองผู้คนเหล่านั้นที่จะให้ชื่นชอบกับแนวทางที่เข้าทางพวกนายทุน

    เรื่องเริ่มต้นเมื่อ John D. Rockefeller (1839 – 1937) ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีระดับ billionaire จากธุรกิจน้ำมัน จอมเขมือบคนแรกในอเมริกา ..เป็นนักผูกขาดโดยสายเลือด

    ตอนต้นศตวรรษที่ 20 โรงกลั่นน้ำมันถึง 90% ทั่วสหรัฐเป็นของ Standard Oil ของเขา และต่อมามีการแตกออกเป็น Chevron, Exxon, Mobil etc.

    จากรายงานของ World Affairs : ช่วงปี 1900 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ เปโตรเคมี ซึ่งทำให้ผลิตสารเคมีได้นานาชนิดจากน้ำมัน เช่นผลิตภัณท์พลาสติก ที่เรียกกันยุคนั้นว่า Bakelite (ตอนผมเป็นเด็กก็เรียกอย่างนั้น) ผลิตในปี 1907 ..และยังมีการค้นพบวิตามินหลายชนิด จึงมีการคาดกันในตอนนั้นว่าน่าจะสามารถผลิตยารักษาโรคจากน้ำมันปิโตรเลียมได้...

    ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้มันจึงเป็นโอกาศอันดีสำหรับร้อคกี้เฟลเลอร์ ที่จะได้ผูกขาดธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมัน เคมีภัณท์และยารักษาโรค พร้อมๆกันไปเลย ..เปโตรเคมีนี่มันยอดเยี่ยมมาก ทุกๆอย่างในนั้นมันเอามาจดสิทธิบัตรผลิตขายสร้างกำไรมหาศาลแน่ๆ..

    แต่มันยังมีปัญหาเล็กๆ ที่มาขวางทางแผนผลิตยาของร้อคกี้เฟลเลอร์อยู่ นั่นคือการแพทย์แผนธรรมชาติและสมุนไพรซึ่งตอนนั้นป้อปปูล่ามากในอเมริกา ครึ่งหนึ่งของบรรดาแพทย์ยุคนั้นเรียนรู้การใช้ยาแผนโบราณโดยใช้ความรู้จากยุโรปและชนพื้นเมืองอเมริกัน

    จอมผูกขาดต้องหาทางกำจัดคู่แข่งรายนี้ให้ได้ ...มันมีเทคนิคแบบคลาสสิคอยู่อย่างหนึ่งคือการสร้าง "ปัญหา-ผลกระทบ-ทางแก้".....นั่นคือสร้างปัญหาขึ้น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว แล้วจึงเสนอทางแก้ให้ ......(เหมือนมีโรคระบาด..มีตัวเลขผู้ติดเชื้อฟังดูน่ากลัว..แล้วเสนอทางแก้คือวัคซีนเทพ)

    เขาจึงขอให้เพื่อน Andrew Carnegie เศรษฐีนักผูกขาดอีกคนหนึ่งจากอุตสาหกรรมเหล็กกล้า มาช่วยในการสร้างแผนให้ .....เขาใช้มูลนิธิ Carnegie Foundation ส่งนาย
    Abraham Flexner ตระเวณล้างสมองผู้คนในมหาวิทยาลัยการแพทย์และโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ ...

    จนเกิด Flexner Report ที่เป็นจุดเริ่มของการแพทย์สมัยปัจจุบัน ..ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องโจมตีการแพทย์โบราณจนเละ ..จนในที่สุดเกินครึ่งของวิทยาลัยการแพทย์แบบเดิมๆถึงคราวต้องยุติ ....แพทย์แผนโบราณกลายเป็นตัวตลก แพทย์บางคนถึงกับต้องถูกจำคุก

    การเปลี่ยนผ่านจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแนวคิดของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ จึงมีการให้ทุน $100 ล้านแก่วิทยาลัยและโรงพยาบาลต่างๆ ...มีการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา
    “General Education Board” (GEB) ..นับเป็นการใช้วิธี ทั้งล่อทั้งชน

    ในไม่ช้า วิทยาลัยการแพทย์ต่างๆก็เข้ารูปเข้ารอย เดินในแนวทางเดียวกัน ..นักศึกษาแพทย์เรียนรู้เรื่องเดียวกัน การใช้เวชภัณท์ก็แน่นอน ต้องเป็นยาที่มี "สิทธิบัตร"

    เข้าสู่ยุคโมเดอร์น ที่ยาเม็ดเล็กๆแค่หนึ่งเม็ดก็เอาอยู่

    แล้ว 100 ปีต่อมา สุขภาพของพวกเราก็เข้าสู่ยุคที่ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทยาใหญ่ๆ

    อเมริกาใช้เงินถึง 15% ของ GDP ไปในการรักษาทางการแพทย์ ..ซึ่งที่จริงแล้วน่าจะเรียกว่าการพยุงอาการของโรคไว้น่าจะถูกกว่า และนั่นทำให้เราต้องเป็นคนไข้ หรือเรียกอีกอย่างว่าลูกค้าประจำ...

    เพราะหลายโรค เช่น มะเร็ง ..เบาหวาน ..ออติสม์ ..หอบหืด ..หรือแม้แต่ไข้หวัดใหญ่ ไม่มีการพยายามหาวิธีรักษาให้หายขาด ทำไมน่ะหรือ ..ก็เพราะระบบนี้ไม่ได้เริ่มก่อตั้งจากเหล่านายแพทย์จริงๆ ....แต่เป็นนายทุนที่ต้องการกำไร

    สถาบันมะเร็ง American Cancer Society น่ะหรือ ..ก่อตั้งเมื่อปี 1913 โดย Rockefeller นั่นเอง....
    ยาตะวันตก กับ ยาแผนโบราณ News Punch How Rockefeller Founded Big Pharma And Waged War On Natural Cures March 27, 2018. Baxter Dmitry ผลิตภัณท์ยาของโลกตะวันตกมีส่วนที่ดีอยู่ที่ มันสามารถจัดการกับสถานการณ์เจ็บป่วยฉุกเฉินได้ ..(มันเป็นการรักษาโดยใช้สารออกฤทธิ์ตรงข้ามกับกลุ่มอาการของโรค (allopathy) ตรงข้ามกับการรักษาแบบธรรมชาติ ..homeopathy..ผู้แปล) ตอนนี้มันน่าจะถึงเวลาที่เราๆควรรู้ว่าการแพทย์ตะวันตกที่มันโฟกัสไปที่ ..ยา ..การฉายรังสี ..ผ่าตัด ..และยาเท่านั้น ....มาจากการหาเงินของนายทุน Rockefeller ล้วนๆ ผู้คนทุกวันนี้จะมองว่าคุณเป็นมนุษย์ประหลาด ถ้าคุณจะพูดถึงการแพทย์แผนโบราณที่ใช้แต่พืชสมุนไพร ..มันก็ถูกต้องแล้ว เพราะเงินถูกใช้ไปมากในการล้างสมองผู้คนเหล่านั้นที่จะให้ชื่นชอบกับแนวทางที่เข้าทางพวกนายทุน เรื่องเริ่มต้นเมื่อ John D. Rockefeller (1839 – 1937) ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีระดับ billionaire จากธุรกิจน้ำมัน จอมเขมือบคนแรกในอเมริกา ..เป็นนักผูกขาดโดยสายเลือด ตอนต้นศตวรรษที่ 20 โรงกลั่นน้ำมันถึง 90% ทั่วสหรัฐเป็นของ Standard Oil ของเขา และต่อมามีการแตกออกเป็น Chevron, Exxon, Mobil etc. จากรายงานของ World Affairs : ช่วงปี 1900 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ เปโตรเคมี ซึ่งทำให้ผลิตสารเคมีได้นานาชนิดจากน้ำมัน เช่นผลิตภัณท์พลาสติก ที่เรียกกันยุคนั้นว่า Bakelite (ตอนผมเป็นเด็กก็เรียกอย่างนั้น) ผลิตในปี 1907 ..และยังมีการค้นพบวิตามินหลายชนิด จึงมีการคาดกันในตอนนั้นว่าน่าจะสามารถผลิตยารักษาโรคจากน้ำมันปิโตรเลียมได้... ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้มันจึงเป็นโอกาศอันดีสำหรับร้อคกี้เฟลเลอร์ ที่จะได้ผูกขาดธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมัน เคมีภัณท์และยารักษาโรค พร้อมๆกันไปเลย ..เปโตรเคมีนี่มันยอดเยี่ยมมาก ทุกๆอย่างในนั้นมันเอามาจดสิทธิบัตรผลิตขายสร้างกำไรมหาศาลแน่ๆ.. แต่มันยังมีปัญหาเล็กๆ ที่มาขวางทางแผนผลิตยาของร้อคกี้เฟลเลอร์อยู่ นั่นคือการแพทย์แผนธรรมชาติและสมุนไพรซึ่งตอนนั้นป้อปปูล่ามากในอเมริกา ครึ่งหนึ่งของบรรดาแพทย์ยุคนั้นเรียนรู้การใช้ยาแผนโบราณโดยใช้ความรู้จากยุโรปและชนพื้นเมืองอเมริกัน จอมผูกขาดต้องหาทางกำจัดคู่แข่งรายนี้ให้ได้ ...มันมีเทคนิคแบบคลาสสิคอยู่อย่างหนึ่งคือการสร้าง "ปัญหา-ผลกระทบ-ทางแก้".....นั่นคือสร้างปัญหาขึ้น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว แล้วจึงเสนอทางแก้ให้ ......(เหมือนมีโรคระบาด..มีตัวเลขผู้ติดเชื้อฟังดูน่ากลัว..แล้วเสนอทางแก้คือวัคซีนเทพ) เขาจึงขอให้เพื่อน Andrew Carnegie เศรษฐีนักผูกขาดอีกคนหนึ่งจากอุตสาหกรรมเหล็กกล้า มาช่วยในการสร้างแผนให้ .....เขาใช้มูลนิธิ Carnegie Foundation ส่งนาย Abraham Flexner ตระเวณล้างสมองผู้คนในมหาวิทยาลัยการแพทย์และโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ ... จนเกิด Flexner Report ที่เป็นจุดเริ่มของการแพทย์สมัยปัจจุบัน ..ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องโจมตีการแพทย์โบราณจนเละ ..จนในที่สุดเกินครึ่งของวิทยาลัยการแพทย์แบบเดิมๆถึงคราวต้องยุติ ....แพทย์แผนโบราณกลายเป็นตัวตลก แพทย์บางคนถึงกับต้องถูกจำคุก การเปลี่ยนผ่านจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแนวคิดของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ จึงมีการให้ทุน $100 ล้านแก่วิทยาลัยและโรงพยาบาลต่างๆ ...มีการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา “General Education Board” (GEB) ..นับเป็นการใช้วิธี ทั้งล่อทั้งชน ในไม่ช้า วิทยาลัยการแพทย์ต่างๆก็เข้ารูปเข้ารอย เดินในแนวทางเดียวกัน ..นักศึกษาแพทย์เรียนรู้เรื่องเดียวกัน การใช้เวชภัณท์ก็แน่นอน ต้องเป็นยาที่มี "สิทธิบัตร" เข้าสู่ยุคโมเดอร์น ที่ยาเม็ดเล็กๆแค่หนึ่งเม็ดก็เอาอยู่ แล้ว 100 ปีต่อมา สุขภาพของพวกเราก็เข้าสู่ยุคที่ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทยาใหญ่ๆ อเมริกาใช้เงินถึง 15% ของ GDP ไปในการรักษาทางการแพทย์ ..ซึ่งที่จริงแล้วน่าจะเรียกว่าการพยุงอาการของโรคไว้น่าจะถูกกว่า และนั่นทำให้เราต้องเป็นคนไข้ หรือเรียกอีกอย่างว่าลูกค้าประจำ... เพราะหลายโรค เช่น มะเร็ง ..เบาหวาน ..ออติสม์ ..หอบหืด ..หรือแม้แต่ไข้หวัดใหญ่ ไม่มีการพยายามหาวิธีรักษาให้หายขาด ทำไมน่ะหรือ ..ก็เพราะระบบนี้ไม่ได้เริ่มก่อตั้งจากเหล่านายแพทย์จริงๆ ....แต่เป็นนายทุนที่ต้องการกำไร สถาบันมะเร็ง American Cancer Society น่ะหรือ ..ก่อตั้งเมื่อปี 1913 โดย Rockefeller นั่นเอง....
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 1 รีวิว
  • 25/1/68

    เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
    ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยส
    และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า
    แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย
    ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล
    Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรต์"
    กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัย
    จบปีที่ 2 สอบใบประกอบฯ เภสัชกรรมไทย
    อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน
    จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย

    สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว
    เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
    ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ
    และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า
    แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย/
    ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล
    Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรตำรับ/ กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

    อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน
    จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย
    สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ

    ทั่วประเทศ
    ติดต่อ: วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต
    Line id :
    @188rzbsz Ins. 0897705862

    https://forms.gle/epHDsrY73dRumLpu9
    25/1/68 เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยส และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรต์" กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัย จบปีที่ 2 สอบใบประกอบฯ เภสัชกรรมไทย อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย/ ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรตำรับ/ กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ ทั่วประเทศ ติดต่อ: วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต Line id : @188rzbsz Ins. 0897705862 https://forms.gle/epHDsrY73dRumLpu9
    FORMS.GLE
    ข่าวดีสำหรับผู้ที่ทำงานประจำและผู้ที่สนใจเรียน “วิชาชีพแพทย์แผนไทย” และ ”การพัฒนาสมุนไพรเพื่อการเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยีสมุนไพร” ...เรียน เสาร์-อาทิตย์…...
    กำลังเปิดรับสมัครเรียนรุ่นที่ 7 เปิดเรียน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ก) ด้านเภสัชกรรมไทย และ เวชกรรมไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นสถาบันซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้ สำหรับการฝึกอบรมในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 มาตรา 12 (2) ก. จากสภาการแพทย์แผนไทย ครบทั้ง 4 ด้าน คือ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทยและผดุงครรภ์ไทย ได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ก) สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้สนใจเรียนเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเนื้อหา “กัญชาศาสตร์ทางการแพทย์”และ “การพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยีสมุนไพร” บูรณาการศาสตร์การแพทย์แผนไทยเพื่อการรักษาโรค การฟื้นฟู การป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัย การพัฒนายาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร การควบคุมคุณภาพ การตั้งตำรับยา การอ่านตำรับยาที่เข้ากัญชา 16 ตำรับ การใช้ตำรับยาสำเร็จรูปที่เข้ากัญชา และการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทย การบริหารจัดการร้านยาและคลินิกการแพทย์แผนไทย จำนวนชั่วโมงตลอดหลักสูตร 1,800 ชั่วโมง ระยะเวลาการศึกษา 3 ปี จบปีที่ 2 มีสิทธิ์สมัครสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเภสัชกรรมไทย (ก) จบปีที่ 3 มีสิทธิ์สมัครสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเวชกรรมไทย (ก) แผนการศึกษาของหลักสูตร - เรียนภาคพิเศษ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00 – 17.00 น. มีฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ** เรียนระบบทวิภาค ใน 1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคการศึกษา ภาคที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ -มิถุนายน ภาคที่ 2 เดือน สิงหาคม –ธันวาคม กำลังรับสมัคร รุ่น 7 เปิดเรียน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 สอบถามรายละเอียดได้ที่ 089-770-5862 Line ID : @188rzbsz หรือ inboxในแฟนเพจ Facebook:วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต https://www.facebook.com/orientalmedrsu/ ดูการเรียนการสอน https://www.facebook.com/101685051722925/posts/136637938227636/?d=n
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฝ้า

    เป็นสิ่งดี ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากรังสี UVA และ UVB จากการกระทำของตัวเราเอง

    ฝ้า คือการที่สีของผิวหนังผิดปกติไปในบางตำแหน่ง สีของผิวเกิดจากสารหรือเม็ดสีเมลานิน (melanin) ซึ่งถูกสร้างมาจากเซลล์ผิวหนัง (เมลาโนไซต์ - melanocyte) ซึ่งเจริญมาจากเซลล์ระบบประสาท โดยแฝงตัวอยู่ที่ด้านล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า โดยที่เซลล์ผิวหนังหนึ่งเซลล์จะมีแขนงไปแตะจับกับเซลล์ผิวหนังอีกราวๆ 30-40 เซลล์ เมื่อเกิดเหตุใดๆ ก็ตามที่ทำให้เม็ดสีเหล่านี้ผิดปกติไป ก็จะทำให้สีของผิวบริเวณนั้นผิดปกติไป ถ้ามีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ก็จะเรียกว่า "เป็นฝ้า" นั่นเอง และนั่นหมายถึง ร่างกายผลิตขึ้นได้ ร่างกายก็สามารถเอามันออกไปได้ด้วยระบบที่ซับซ้อนของร่างกายเอง เพราะ มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อซ่อมแซมตัวเอง แต่มันช้า ไม่ได้ดั่งใจ

    ฝ้ามี 3 ชนิดโดยแบ่งตามความลึกของ melanin ที่ไปฝังตัว

    1. เม็ดสี melanin ไปฝังตัวที่หนังกำพร้าเราเรียก Epidermal type melisma หรือ ฝ้าเมลานิน เป็นฝ้าที่เกิดจากแสงแดดทำลายชั้นผิว มักจะเกิดบริเวณข้างแก้ม มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย ชนิดนี้รักษาไม่ยาก

    2. เม็ดสีฝังตัวที่หนังแท้เราเรียก dermal type melasma หรือฝ้าเส้นเลือด มักจะเกิดบริเวณโหนกแก้ม มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด ชนิดนี้ นานหน่อยกว่าจะหาย

    3. ชนิดผสมจาก 2 แบบดังกล่าว

    การแยกชนิดของฝ้าทำได้โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Wood's lamp

    ความผิดปกติที่เกิดกับเม็ดสีของผิว (โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า)

    1. เกิดจากโรคผิวหนังบางชนิด

    การอักเสบเป็นเวลานานๆ สามารถเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดรอยด่างดำบนผิวหน้าได้ ซึ่งหลังจากการอักเสบหายไป ก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ การติดเชื้อบางอย่างเช่นสิวอักเสบแล้วเป็นอยู่เวลานานๆ นอกจากนั้นก็ยังมีโรคผิวหนังบางอย่างอีกเช่น

    Riehl's melanosis โรคปื้นร่างแหสีน้ำตาล มักเห็นชัดที่บริเวณหน้าผาก ขมับ โหนกแก้ม คาง และ คอ อาจจะเกิดจากการแพ้เครื่องสำอาง
    Poikiloderma of Civatte โรคเส้นเลือดฝอยแตกขยายผิดปกติที่บริเวณคอ
    Erythromelanosis follicularis โรคที่มีลักษณะเป็นผื่นแดงตามโหนกแก้ม
    Linear Fusca เป็นภาวะที่มีลักษณะเป็นเส้นสีเข้มที่พาดบริเวณหน้าผาก

    2. ยาบางชนิดทำให้เกิดฝ้า

    ยาบางชนิดสามารถไปกระตุ้นผิวหนังให้ไวต่อแสงแดด ในขณะที่ยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดฝ้าได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องได้รับการช่วยกระตุ้นจากแสงแดดเลย ยาที่มักจะพบว่ามีผลต่อการเกิดฝ้าคือ

    -ยาคุมกำเนิดบางชนิด
    -ยาแก้อักเสบ เช่น เตตร้าไซคลิน (tetracyclines)
    -อะมิโอดาโรน (Amiodarone) ซึ่งเป็นยาที่มีผลกับการทำงานของหัวใจ
    -ฟินนีโทอีน (Phenytoin) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคลมชักชนิดต่างๆ
    -ฟิโนเธียซีน (Phenothiazines) เป็นยาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาท มีผลทำให้ง่วงนอน
    -ซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) ที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด
    -ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวโดยมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี ของผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เมลานิน โดย ไม่ทาครีมกันแดดร่วมด้วย

    3. เกิดจากแสงแดด (รังสีอุลต้าไวโอเล็ต - UV, Ultraviolet) สามารถทำให้เกิดฝ้าบางชนิดได้

    ฝ้า (Melasma) มีลักษณะเป็นแผ่นสีน้ำตาล เกิดบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก โดยเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอและมองเห็นได้จากภายนอก เม็ดสีเมลานินนี้มีหน้าที่พิเศษคือกรองรังสีเหนือม่วง หรือ อุลตร้าไวโอเล็ต (UV - Ultraviolet) ดังนั้นยิ่งเราตากแดดมากขึ้น ร่างกายก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยที่รังสี UVA (รังสี UV ชนิด A เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ) จะกระตุ้นให้เซลล์ melanocytes สร้างเม็ดสีเมลานินได้โดยตรง กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ให้ทำงานได้มากขึ้นและทำให้เซลล์ผิวหนัง (keratinocyte) รับสารเมลานินได้มากขึ้นส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้น จึงทำให้เกิดผิวสีคล้ำ เกิดฝ้า หรือ กระ และรังสี UVB (รังสี UV ชนิด B มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง) จะทำให้การทำงานประสานกันของเซลล์ melinocyte และเซลล์ keratinocytes ได้ดีขึ้นในการรับส่งเม็ดสีเมลานิน ถ้าได้รับมากๆ สามารถทำให้เกิดผิวไหม้ บวมแดง และหากได้รับรังสีเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

    กระแดด (Solar lentigines) มักจะเกิดในคนที่อายุมากและมีประวัติการถูกแสงแดด อาจจะเริ่มจากจุดเล็กแล้วอาจขยายใหญ่ได้มาก (ถ้า lentigines จะหมายถึงขี้แมลงวัน)

    กระ (ephelides) หมายถึงจุดสีน้ำตาลที่มักมีขนาดเล็กกว่า 0.5 ซม. เกิดจากการมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ พบที่บริเวณใบหน้าและบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อยๆ และมักมีสีเข้มขึ้นในฤดูร้อนและจางลงในฤดูหนาว เพราะแสงแดดโดยเฉพาะรังสี UV-B เป็นตัวกระตุ้นให้กระเข้มขึ้น

    4. สาเหตุอื่นๆ ของการเป็นฝ้า

    นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีโรคหรือภาวะบางอย่างที่สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกันก็คือ

    -การตั้งครรภ์
    โรคกรดไหลย้อน
    โรคลำไส้แปรปรวน
    โรคแพ้ภูมิตัวเอง
    -โรคตับ
    -โรคแอดดิสัน (พบได้น้อยมาก เกิดจากต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนสเตอรอยด์ได้น้อยกว่าปกติ)
    -อีโมโครมาโทซิส (Hemochromatosis) เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการสะสมของเหล็กในกระแสเลือด จนทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ตับ
    -เนื้องอกใต้สมอง

    5.ขาดสารอาหารที่เซลล์ผิวหนังต้องการ

    6. ระบบการย่อยและระบบการดูดซึมของร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์

    ฝ้าสายพันธุ์ใหม่ เกิดจากการรบกวนผิว มลภาวะ และการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของสารที่ไปกระตุ้นการเกิดฝ้า พวก Whitening ซึ่งบางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อเป็นเพราะโฆษณาชวนเชื่อและรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    ฝ้าเส้นเลือด เกิดจากเส้นเลือดบริเวณใบหน้าเสียสภาพไม่สามารถกักเก็บเลือดได้ ทำให้เลือดซึมออกมาใต้ผิวหนัง เป็นรอยแดงคล้ายเส้นเลือด ซึ่งสีของฝ้าเส้นเลือดสามารถเปลี่ยนได้ตามอุณหภูมิการแสดงอารมณ์โดยในตอนเช้าสีจะออกชมพู แต่เมื่อเวลาโดนแดดจัดสีจะคล้ำจนเป็นสีดำ นอกจากนี้ผิวหนังจะมีความรู้สึกไว แสบง่าย ส่วนมากมักจะเกิดกับคนที่มีลักษณะของเซลล์ที่มีความผิดปกติหรือแตกตัวผิดปกติ หรือทานยาแอสไพรินมายาวนาน

    การปลดฝ้า

    เพื่อผิวหน้าที่ขาวใส และป้องกันการกลับมาเยือนของฝ้า อย่างแรกคือ ต้องทราบสาเหตุของการเกิดฝ้า เพราะแต่ละคนมีสาเหตุต่างกัน การรักษาที่ถูกวิธีต้องรักษาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ไปเน้นที่การยับยั้ง หรือกดเซลล์ กล่าวคือ การใช้ยาเพื่อไปยับยั้งการทำงานของเมลานิน ซึ่งถ้าหยุดใช้ยา ฝ้าก็สามารถกลับมาเยือนได้อีก และท่านก็ต้องใช้ยาอีก จึงดูเหมือนเป็นการพายเรือวนในอ่าง

    วิธีการที่ถูกต้องคือให้สารอาหารที่สามารถหยุดหรือระงับการสร้างเมลานิลโดยไม่ทำให้เซลล์สร้างสีตาย เพราะถ้าใช้สารทำลายเซลล์สร้างสีแล้ว ร่างกายจะขาดกำลังสำคัญในการป้องกันผิวหนังจากแสงแดด

    สารอาหาร

    Vitamin C เป็นสาร Antioxidantsที่พบมากที่สุดในผิวหนัง ทำหน้าที่ลดอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งผิวหนัง ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ใช้ป้องกันและรักษาเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย

    อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขาม มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดอกกระหล่ำเป็นต้น

    Vitamin E เป็นสาร Antioxidants ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเนื้อเยื่อจากการถูกเอนไซม์ทำลาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ ป้องกันและลดอันตรายจากแสงแดด และลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ ลดความเสื่อมของผิวหนังที่ทำให้เกิดริ้วรอย

    อาหารที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่ น้ำมันพืชประเภทน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว งา น้ำมันสลัด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว

    Vitamin A โดยใช้สารตั้งต้นที่ชื่อ เบต้าแคโรทีนและสารแคโรทีนอยด์ แล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มเรตินอล (Retinol) ซึ่งปัจจุบันได้มีการคิดค้นเกี่ยวกับสารสังเคราะห์สำหรับผิวพรรณที่เรียกว่า กลุ่มเรตินอยด์ ทั้งในรูปของครีมทา และยารับประทาน ( ซึ่งนำมารักษาสิวและริ้วรอย) ใช้คำว่าเลียนแบบวิตามินเอ ( เรตินอล) มีรายงานมากมายที่สนับสนุนว่า วิตามินเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอผิวเสื่อม ริ้วรอยย่นก่อนวัยครับ

    อาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ อาหารจากผลิตภัณฑ์สัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา ไข่ ผักเช่น ฟักทอง แครอท ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง เป็นต้น ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินเอ ประมาณ 1000 ไมโครกรัมต่อวัน ( ในรูปของ Retinol)

    ซีลีเนียม ( Selenium) ถือเป็นสารที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง ผิวหนังจากแสงแดด การทาครีมที่ผสมซิลีเนียม จะทำให้ลดอาการแดดเผา ผิวหนังอักเสบได้และป้องกันมะเร็ง

    ยังไม่มีรายงานการขาดสารซิลีเนียมในคนแล้วเกิดโรคต่างๆ เพราะอาหารที่มีซิลีเนียม ส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับเพียงพอ เพราะต้องการเพียงปริมาณไม่มากนัก อาหารเหล่านี้ได้แก่ อาหารทะเล ตับ ไต เนื้อสัตว์ กระเทียม ไข่ เมล็ดพืชต่างๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานเป็นอาหารเสริม เพราะอาจจะมีปริมาณสูงเกินไป ส่วนใหญ่จะนำมาผสมในครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด

    ไบโอติน สารอาหารที่อยู่ในตระกูลวิตามินบี เป็นสารที่มีประโยชน์ในเรื่องการเผาผลาญ และปรับสมดุลของการไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้ จะทำให้ผิวแห้ง เบื่ออาหาร เส้นผมและเล็บเปราะหักง่าย ผมงอกช้า

    อาหารที่มีไบโอตินสูง ได้แก่ ธัญพืชไม่ขัดสีต่างๆ อาหารโปรตีนสูง ไข่แดง ตับ ข้าวกล้อง ถั่วชนิดต่างๆ ปกติร่างกายของเราจะได้รับสาร ไบโอติน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ภายในร่างกายมี แบคทีเรียที่ชื่อ Lactobacillin ในลำไส้ ที่สามารถผลิตสารไบโอตินได้ แต่ถ้าต้องการรับประทานเป็นอาหารเสริม ปริมาณที่เหมาะสมคือ วันละ 600-1,200 มก.

    สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์กว่า 70 ชนิด ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมของกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามินเอได้ดีขึ้น

    อาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ หอยนางรม อาหารทะเล ตับ ชีส เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ รวมทั้งธัญพืชที่ไม่ได้ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง และถั่วเปลือกแข็ง ร่างกายต้องการสังกะสี ในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ วัย และภาวะของร่างกาย แต่โดยเฉลี่ยไม่ควรเกินวันละ 15-30 มก.

    Co enyme Q10 ( Uniquinone) เป็นสารAntioxidants ที่ค้นพบมานานแล้ว โดยพบมากที่อวัยวะที่มีการ metabolism สูง เช่น หัวใจ ไต และตับ โดยทำหน้าที่ถ่ายทอดพลังงาน สำหรับผิวหนัง CoQ10 จะพบมากในชั้น epidermis มากกว่า dermis มีสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ( free radicles) จึงเชื่อว่า สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ ปัจจุบัน ได้นำมาทำเป็นครีมทาเฉพาะที่ เพื่อลดริ้วรอย โดยเฉพาะรอยดวงตา

    อาหารดีๆ

    1.ปลา : เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แนะนำ ปลาโอ ปลาอินทรีย์สด ปลาแซลม่อน ปลาสวาย

    2.น้ำมันมะกอก : เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงแต่ข้อดีคือ มีกรดไขมันจำเป็นและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

    3.น้ำดื่มสะอาด : หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้และยังป้องกันเซลลูไลต์อีกด้วย

    4.มะเขือเทศ : ช่วยทำให้ผิวพรรณดี แก้อาการสิวฝ้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย

    5.บร็อกโคลี : ผักสีเขียวที่เป็นแหล่งของวิตามินเอและซี โดยที่วิตามินเอมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในเรื่องการป้องกันการเสื่อมอายุของผิวหนัง ซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไป และยังมีความสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของผิวหนังให้มีการทำงานอย่างปกติ ช่วยให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ

    สิ่งสำคัญที่สุดคือ ระบบการย่อยและการดูดซึม เพราะเป็นตัวกำหนดปริมาณสารอาหารที่ได้รับว่าเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่

    ผลิตภัณฑ์แนะนำ

    สบู่สมุนไพร
    Pun c
    Prink
    Alovi
    Praow
    Praew

    Cr. Santi Manadee
    #ฝ้า เป็นสิ่งดี ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากรังสี UVA และ UVB จากการกระทำของตัวเราเอง ฝ้า คือการที่สีของผิวหนังผิดปกติไปในบางตำแหน่ง สีของผิวเกิดจากสารหรือเม็ดสีเมลานิน (melanin) ซึ่งถูกสร้างมาจากเซลล์ผิวหนัง (เมลาโนไซต์ - melanocyte) ซึ่งเจริญมาจากเซลล์ระบบประสาท โดยแฝงตัวอยู่ที่ด้านล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า โดยที่เซลล์ผิวหนังหนึ่งเซลล์จะมีแขนงไปแตะจับกับเซลล์ผิวหนังอีกราวๆ 30-40 เซลล์ เมื่อเกิดเหตุใดๆ ก็ตามที่ทำให้เม็ดสีเหล่านี้ผิดปกติไป ก็จะทำให้สีของผิวบริเวณนั้นผิดปกติไป ถ้ามีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ก็จะเรียกว่า "เป็นฝ้า" นั่นเอง และนั่นหมายถึง ร่างกายผลิตขึ้นได้ ร่างกายก็สามารถเอามันออกไปได้ด้วยระบบที่ซับซ้อนของร่างกายเอง เพราะ มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อซ่อมแซมตัวเอง แต่มันช้า ไม่ได้ดั่งใจ ฝ้ามี 3 ชนิดโดยแบ่งตามความลึกของ melanin ที่ไปฝังตัว 1. เม็ดสี melanin ไปฝังตัวที่หนังกำพร้าเราเรียก Epidermal type melisma หรือ ฝ้าเมลานิน เป็นฝ้าที่เกิดจากแสงแดดทำลายชั้นผิว มักจะเกิดบริเวณข้างแก้ม มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย ชนิดนี้รักษาไม่ยาก 2. เม็ดสีฝังตัวที่หนังแท้เราเรียก dermal type melasma หรือฝ้าเส้นเลือด มักจะเกิดบริเวณโหนกแก้ม มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด ชนิดนี้ นานหน่อยกว่าจะหาย 3. ชนิดผสมจาก 2 แบบดังกล่าว การแยกชนิดของฝ้าทำได้โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Wood's lamp ความผิดปกติที่เกิดกับเม็ดสีของผิว (โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า) 1. เกิดจากโรคผิวหนังบางชนิด การอักเสบเป็นเวลานานๆ สามารถเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดรอยด่างดำบนผิวหน้าได้ ซึ่งหลังจากการอักเสบหายไป ก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ การติดเชื้อบางอย่างเช่นสิวอักเสบแล้วเป็นอยู่เวลานานๆ นอกจากนั้นก็ยังมีโรคผิวหนังบางอย่างอีกเช่น Riehl's melanosis โรคปื้นร่างแหสีน้ำตาล มักเห็นชัดที่บริเวณหน้าผาก ขมับ โหนกแก้ม คาง และ คอ อาจจะเกิดจากการแพ้เครื่องสำอาง Poikiloderma of Civatte โรคเส้นเลือดฝอยแตกขยายผิดปกติที่บริเวณคอ Erythromelanosis follicularis โรคที่มีลักษณะเป็นผื่นแดงตามโหนกแก้ม Linear Fusca เป็นภาวะที่มีลักษณะเป็นเส้นสีเข้มที่พาดบริเวณหน้าผาก 2. ยาบางชนิดทำให้เกิดฝ้า ยาบางชนิดสามารถไปกระตุ้นผิวหนังให้ไวต่อแสงแดด ในขณะที่ยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดฝ้าได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องได้รับการช่วยกระตุ้นจากแสงแดดเลย ยาที่มักจะพบว่ามีผลต่อการเกิดฝ้าคือ -ยาคุมกำเนิดบางชนิด -ยาแก้อักเสบ เช่น เตตร้าไซคลิน (tetracyclines) -อะมิโอดาโรน (Amiodarone) ซึ่งเป็นยาที่มีผลกับการทำงานของหัวใจ -ฟินนีโทอีน (Phenytoin) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคลมชักชนิดต่างๆ -ฟิโนเธียซีน (Phenothiazines) เป็นยาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาท มีผลทำให้ง่วงนอน -ซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) ที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด -ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวโดยมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี ของผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เมลานิน โดย ไม่ทาครีมกันแดดร่วมด้วย 3. เกิดจากแสงแดด (รังสีอุลต้าไวโอเล็ต - UV, Ultraviolet) สามารถทำให้เกิดฝ้าบางชนิดได้ ฝ้า (Melasma) มีลักษณะเป็นแผ่นสีน้ำตาล เกิดบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก โดยเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอและมองเห็นได้จากภายนอก เม็ดสีเมลานินนี้มีหน้าที่พิเศษคือกรองรังสีเหนือม่วง หรือ อุลตร้าไวโอเล็ต (UV - Ultraviolet) ดังนั้นยิ่งเราตากแดดมากขึ้น ร่างกายก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยที่รังสี UVA (รังสี UV ชนิด A เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ) จะกระตุ้นให้เซลล์ melanocytes สร้างเม็ดสีเมลานินได้โดยตรง กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ให้ทำงานได้มากขึ้นและทำให้เซลล์ผิวหนัง (keratinocyte) รับสารเมลานินได้มากขึ้นส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้น จึงทำให้เกิดผิวสีคล้ำ เกิดฝ้า หรือ กระ และรังสี UVB (รังสี UV ชนิด B มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง) จะทำให้การทำงานประสานกันของเซลล์ melinocyte และเซลล์ keratinocytes ได้ดีขึ้นในการรับส่งเม็ดสีเมลานิน ถ้าได้รับมากๆ สามารถทำให้เกิดผิวไหม้ บวมแดง และหากได้รับรังสีเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ กระแดด (Solar lentigines) มักจะเกิดในคนที่อายุมากและมีประวัติการถูกแสงแดด อาจจะเริ่มจากจุดเล็กแล้วอาจขยายใหญ่ได้มาก (ถ้า lentigines จะหมายถึงขี้แมลงวัน) กระ (ephelides) หมายถึงจุดสีน้ำตาลที่มักมีขนาดเล็กกว่า 0.5 ซม. เกิดจากการมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ พบที่บริเวณใบหน้าและบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อยๆ และมักมีสีเข้มขึ้นในฤดูร้อนและจางลงในฤดูหนาว เพราะแสงแดดโดยเฉพาะรังสี UV-B เป็นตัวกระตุ้นให้กระเข้มขึ้น 4. สาเหตุอื่นๆ ของการเป็นฝ้า นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีโรคหรือภาวะบางอย่างที่สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกันก็คือ -การตั้งครรภ์ โรคกรดไหลย้อน โรคลำไส้แปรปรวน โรคแพ้ภูมิตัวเอง -โรคตับ -โรคแอดดิสัน (พบได้น้อยมาก เกิดจากต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนสเตอรอยด์ได้น้อยกว่าปกติ) -อีโมโครมาโทซิส (Hemochromatosis) เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการสะสมของเหล็กในกระแสเลือด จนทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ตับ -เนื้องอกใต้สมอง 5.ขาดสารอาหารที่เซลล์ผิวหนังต้องการ 6. ระบบการย่อยและระบบการดูดซึมของร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์ ฝ้าสายพันธุ์ใหม่ เกิดจากการรบกวนผิว มลภาวะ และการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของสารที่ไปกระตุ้นการเกิดฝ้า พวก Whitening ซึ่งบางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อเป็นเพราะโฆษณาชวนเชื่อและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฝ้าเส้นเลือด เกิดจากเส้นเลือดบริเวณใบหน้าเสียสภาพไม่สามารถกักเก็บเลือดได้ ทำให้เลือดซึมออกมาใต้ผิวหนัง เป็นรอยแดงคล้ายเส้นเลือด ซึ่งสีของฝ้าเส้นเลือดสามารถเปลี่ยนได้ตามอุณหภูมิการแสดงอารมณ์โดยในตอนเช้าสีจะออกชมพู แต่เมื่อเวลาโดนแดดจัดสีจะคล้ำจนเป็นสีดำ นอกจากนี้ผิวหนังจะมีความรู้สึกไว แสบง่าย ส่วนมากมักจะเกิดกับคนที่มีลักษณะของเซลล์ที่มีความผิดปกติหรือแตกตัวผิดปกติ หรือทานยาแอสไพรินมายาวนาน การปลดฝ้า เพื่อผิวหน้าที่ขาวใส และป้องกันการกลับมาเยือนของฝ้า อย่างแรกคือ ต้องทราบสาเหตุของการเกิดฝ้า เพราะแต่ละคนมีสาเหตุต่างกัน การรักษาที่ถูกวิธีต้องรักษาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ไปเน้นที่การยับยั้ง หรือกดเซลล์ กล่าวคือ การใช้ยาเพื่อไปยับยั้งการทำงานของเมลานิน ซึ่งถ้าหยุดใช้ยา ฝ้าก็สามารถกลับมาเยือนได้อีก และท่านก็ต้องใช้ยาอีก จึงดูเหมือนเป็นการพายเรือวนในอ่าง วิธีการที่ถูกต้องคือให้สารอาหารที่สามารถหยุดหรือระงับการสร้างเมลานิลโดยไม่ทำให้เซลล์สร้างสีตาย เพราะถ้าใช้สารทำลายเซลล์สร้างสีแล้ว ร่างกายจะขาดกำลังสำคัญในการป้องกันผิวหนังจากแสงแดด สารอาหาร Vitamin C เป็นสาร Antioxidantsที่พบมากที่สุดในผิวหนัง ทำหน้าที่ลดอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งผิวหนัง ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ใช้ป้องกันและรักษาเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขาม มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดอกกระหล่ำเป็นต้น Vitamin E เป็นสาร Antioxidants ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเนื้อเยื่อจากการถูกเอนไซม์ทำลาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ ป้องกันและลดอันตรายจากแสงแดด และลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ ลดความเสื่อมของผิวหนังที่ทำให้เกิดริ้วรอย อาหารที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่ น้ำมันพืชประเภทน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว งา น้ำมันสลัด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว Vitamin A โดยใช้สารตั้งต้นที่ชื่อ เบต้าแคโรทีนและสารแคโรทีนอยด์ แล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มเรตินอล (Retinol) ซึ่งปัจจุบันได้มีการคิดค้นเกี่ยวกับสารสังเคราะห์สำหรับผิวพรรณที่เรียกว่า กลุ่มเรตินอยด์ ทั้งในรูปของครีมทา และยารับประทาน ( ซึ่งนำมารักษาสิวและริ้วรอย) ใช้คำว่าเลียนแบบวิตามินเอ ( เรตินอล) มีรายงานมากมายที่สนับสนุนว่า วิตามินเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอผิวเสื่อม ริ้วรอยย่นก่อนวัยครับ อาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ อาหารจากผลิตภัณฑ์สัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา ไข่ ผักเช่น ฟักทอง แครอท ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง เป็นต้น ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินเอ ประมาณ 1000 ไมโครกรัมต่อวัน ( ในรูปของ Retinol) ซีลีเนียม ( Selenium) ถือเป็นสารที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง ผิวหนังจากแสงแดด การทาครีมที่ผสมซิลีเนียม จะทำให้ลดอาการแดดเผา ผิวหนังอักเสบได้และป้องกันมะเร็ง ยังไม่มีรายงานการขาดสารซิลีเนียมในคนแล้วเกิดโรคต่างๆ เพราะอาหารที่มีซิลีเนียม ส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับเพียงพอ เพราะต้องการเพียงปริมาณไม่มากนัก อาหารเหล่านี้ได้แก่ อาหารทะเล ตับ ไต เนื้อสัตว์ กระเทียม ไข่ เมล็ดพืชต่างๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานเป็นอาหารเสริม เพราะอาจจะมีปริมาณสูงเกินไป ส่วนใหญ่จะนำมาผสมในครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ไบโอติน สารอาหารที่อยู่ในตระกูลวิตามินบี เป็นสารที่มีประโยชน์ในเรื่องการเผาผลาญ และปรับสมดุลของการไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้ จะทำให้ผิวแห้ง เบื่ออาหาร เส้นผมและเล็บเปราะหักง่าย ผมงอกช้า อาหารที่มีไบโอตินสูง ได้แก่ ธัญพืชไม่ขัดสีต่างๆ อาหารโปรตีนสูง ไข่แดง ตับ ข้าวกล้อง ถั่วชนิดต่างๆ ปกติร่างกายของเราจะได้รับสาร ไบโอติน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ภายในร่างกายมี แบคทีเรียที่ชื่อ Lactobacillin ในลำไส้ ที่สามารถผลิตสารไบโอตินได้ แต่ถ้าต้องการรับประทานเป็นอาหารเสริม ปริมาณที่เหมาะสมคือ วันละ 600-1,200 มก. สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์กว่า 70 ชนิด ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมของกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามินเอได้ดีขึ้น อาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ หอยนางรม อาหารทะเล ตับ ชีส เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ รวมทั้งธัญพืชที่ไม่ได้ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง และถั่วเปลือกแข็ง ร่างกายต้องการสังกะสี ในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ วัย และภาวะของร่างกาย แต่โดยเฉลี่ยไม่ควรเกินวันละ 15-30 มก. Co enyme Q10 ( Uniquinone) เป็นสารAntioxidants ที่ค้นพบมานานแล้ว โดยพบมากที่อวัยวะที่มีการ metabolism สูง เช่น หัวใจ ไต และตับ โดยทำหน้าที่ถ่ายทอดพลังงาน สำหรับผิวหนัง CoQ10 จะพบมากในชั้น epidermis มากกว่า dermis มีสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ( free radicles) จึงเชื่อว่า สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ ปัจจุบัน ได้นำมาทำเป็นครีมทาเฉพาะที่ เพื่อลดริ้วรอย โดยเฉพาะรอยดวงตา อาหารดีๆ 1.ปลา : เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แนะนำ ปลาโอ ปลาอินทรีย์สด ปลาแซลม่อน ปลาสวาย 2.น้ำมันมะกอก : เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงแต่ข้อดีคือ มีกรดไขมันจำเป็นและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม 3.น้ำดื่มสะอาด : หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้และยังป้องกันเซลลูไลต์อีกด้วย 4.มะเขือเทศ : ช่วยทำให้ผิวพรรณดี แก้อาการสิวฝ้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย 5.บร็อกโคลี : ผักสีเขียวที่เป็นแหล่งของวิตามินเอและซี โดยที่วิตามินเอมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในเรื่องการป้องกันการเสื่อมอายุของผิวหนัง ซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไป และยังมีความสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของผิวหนังให้มีการทำงานอย่างปกติ ช่วยให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ระบบการย่อยและการดูดซึม เพราะเป็นตัวกำหนดปริมาณสารอาหารที่ได้รับว่าเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ผลิตภัณฑ์แนะนำ สบู่สมุนไพร Pun c Prink Alovi Praow Praew Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 0 รีวิว
  • #PM2.5กับสารอาหารเพื่อป้องกันและรักษา

    ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพต่างๆ ชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เนื่องจากมีองค์ประกอบทางเคมีมากมายทั้งสารระคายเคืองต่อสารก่อมะเร็ง และส่งผลให้เกิดโรคเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ โรคปอดบวม โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มะเร็งปอด โรคหลอดเลือดหัวใจ การศึกษาพบว่าผู้ที่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM 2.5 หรือน้อยกว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ เพราะยิ่งมีขนาดเล็กลงก็ยิ่งเข้าสู่ร่างกายและเกาะติดกับปอดได้มากขึ้น โดยกระบวนการอนุภาคขนาดเล็กจะช่วยเร่งการอักเสบในร่างกายและลดจำนวนสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายลดลงตามมาด้วยความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ปอด เมื่อได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากจะเสื่อมสภาพและอาจตามมาด้วยโรคมะเร็งปอด

    ดังนั้นการได้รับสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับ PM 2.5 ได้

    สารอาหารที่ดี

    1. วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนพบได้ในแครอท บวบ ผักบุ้ง ฟักทอง มันเทศ มันเทศ เป็นต้น วิตามินเอนอกจากช่วยส่งเสริมดวงตาแล้วยังช่วยระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งสามารถต้านทานผลกระทบฝุ่นพิษได้

    2 . วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดความเสียหายทางพันธุกรรมของ DNA เมื่อสัมผัสกับอนุมูลอิสระที่จะทำลายเซลล์ และการศึกษาพบว่าการได้รับวิตามินซีจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดอาการแพ้ต่อระบบต่างๆ เช่น ระบบทางเดินหายใจ อาการคันตา อาการคัน และความรู้สึกแสบร้อน อาการคันและแสบร้อน กลุ่มอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น สตรอเบอร์รี่ ทับทิม ผักใบเขียวเข้ม ใบบัวบก ผักโขม หัวหอม นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาพบว่าการเสริมวิตามินซี 500 มก. ต่อวันสามารถช่วยลดระดับอนุมูลอิสระในผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศได้

    3. วิตามินอี พบได้ในอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว ไข่แดง ปลาตัวสีดำท้องขาว สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระ

    4. วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก สามารถลดโฮโมซิสเทอีนในเลือดได้ วิตามินกลุ่มนี้อยู่ในผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้มที่มีเบต้าแคโรทีน เช่น บรอกโคลี แครอท ฟักทอง และวิตามินบี 12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อแดง

    5. โอเมก้า 3 พบได้ใน อะโวคาโด วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันมะกอก ปลาต่าง ๆที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 การศึกษาทางคลินิกในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่มีฝุ่นละออง PM 2.5 สูงพบว่า การทานน้ำมันโอเมก้า 3 สูงเช่น Krill oil 2 กรัม/วันจะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นเล็กๆ นี้

    6. ซัลโฟราเฟนพบได้ในบรอกโคลี และผักกะหล่ำปลีและกะหล่ำดอกต่างๆ มีคุณสมบัติโดดเด่นที่ช่วยในกระบวนการกำจัดสารพิษและป้องกันมะเร็ง มีรายงานการทดลองทางคลินิกทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ พบว่าการได้รับซัลเฟอร์จากนั้นจากบรอกโคลีอาจช่วยลดผลเสียต่อสุขภาพของฝุ่นได้

    7. N-acetyl cysteine ช่วยลดการหดเกร็งของหลอดลมที่ไวต่อการกระตุ้น และลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ โดย N-acetyl cysteine ต้องการกรดอะมิโน cysteine เพื่อช่วยในการสังเคราะห์ อาหารที่มีกรดอะมิโน ได้แก่ หัวหอม ไข่ กระเทียม และเนื้อแดง

    N-acetyl cysteine ยังช่วยลดเสมหะและน้ำมูกในปอด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ N-acetyl cysteine ยังช่วยลดเสมหะและน้ำมูกในปอดอีกด้วย

    8.สารอาหารโพลีแซ็กคาไรด์ในกลุ่มเบต้ากลูแคนซึ่งสกัดได้จาก ยีสต์และเห็ด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายจะสามารถกำจัดไวรัสหรือสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น

    สมุนไพรไทยหลายชนิดยังมีฤทธิ์ในการต่อสู้กับ PM 2.5 :

    มะขามป้อม-Phyllanthus Emblica สารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเซลล์จากการอักเสบและช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและการไหลเวียนที่ดี

    ขมิ้น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอีถึง 80 เท่า ซึ่งดีต่อการทำงานของปอด

    นอกจากการกินอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2.5 ลิตรต่อวัน การออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ สวมแว่นตาและสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อปกป้องหรือลดผลกระทบจากมลภาวะที่เป็นอันตรายจากฝุ่น ตัวกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยฟอกอากาศในบ้านหรือในรถยนต์ ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยลดผลกระทบได้

    อาหารเสริมที่แนะนำหากคุณมีความยุ่งยากในการรับประทานอาหารตามปกติ

    Glap
    Glube
    Paa super h
    Whole c

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #PM2.5กับสารอาหารเพื่อป้องกันและรักษา ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพต่างๆ ชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เนื่องจากมีองค์ประกอบทางเคมีมากมายทั้งสารระคายเคืองต่อสารก่อมะเร็ง และส่งผลให้เกิดโรคเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ โรคปอดบวม โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มะเร็งปอด โรคหลอดเลือดหัวใจ การศึกษาพบว่าผู้ที่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM 2.5 หรือน้อยกว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ เพราะยิ่งมีขนาดเล็กลงก็ยิ่งเข้าสู่ร่างกายและเกาะติดกับปอดได้มากขึ้น โดยกระบวนการอนุภาคขนาดเล็กจะช่วยเร่งการอักเสบในร่างกายและลดจำนวนสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายลดลงตามมาด้วยความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ปอด เมื่อได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากจะเสื่อมสภาพและอาจตามมาด้วยโรคมะเร็งปอด ดังนั้นการได้รับสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับ PM 2.5 ได้ สารอาหารที่ดี 1. วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนพบได้ในแครอท บวบ ผักบุ้ง ฟักทอง มันเทศ มันเทศ เป็นต้น วิตามินเอนอกจากช่วยส่งเสริมดวงตาแล้วยังช่วยระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งสามารถต้านทานผลกระทบฝุ่นพิษได้ 2 . วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดความเสียหายทางพันธุกรรมของ DNA เมื่อสัมผัสกับอนุมูลอิสระที่จะทำลายเซลล์ และการศึกษาพบว่าการได้รับวิตามินซีจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดอาการแพ้ต่อระบบต่างๆ เช่น ระบบทางเดินหายใจ อาการคันตา อาการคัน และความรู้สึกแสบร้อน อาการคันและแสบร้อน กลุ่มอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น สตรอเบอร์รี่ ทับทิม ผักใบเขียวเข้ม ใบบัวบก ผักโขม หัวหอม นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาพบว่าการเสริมวิตามินซี 500 มก. ต่อวันสามารถช่วยลดระดับอนุมูลอิสระในผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศได้ 3. วิตามินอี พบได้ในอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว ไข่แดง ปลาตัวสีดำท้องขาว สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระ 4. วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก สามารถลดโฮโมซิสเทอีนในเลือดได้ วิตามินกลุ่มนี้อยู่ในผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้มที่มีเบต้าแคโรทีน เช่น บรอกโคลี แครอท ฟักทอง และวิตามินบี 12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อแดง 5. โอเมก้า 3 พบได้ใน อะโวคาโด วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันมะกอก ปลาต่าง ๆที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 การศึกษาทางคลินิกในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่มีฝุ่นละออง PM 2.5 สูงพบว่า การทานน้ำมันโอเมก้า 3 สูงเช่น Krill oil 2 กรัม/วันจะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นเล็กๆ นี้ 6. ซัลโฟราเฟนพบได้ในบรอกโคลี และผักกะหล่ำปลีและกะหล่ำดอกต่างๆ มีคุณสมบัติโดดเด่นที่ช่วยในกระบวนการกำจัดสารพิษและป้องกันมะเร็ง มีรายงานการทดลองทางคลินิกทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ พบว่าการได้รับซัลเฟอร์จากนั้นจากบรอกโคลีอาจช่วยลดผลเสียต่อสุขภาพของฝุ่นได้ 7. N-acetyl cysteine ช่วยลดการหดเกร็งของหลอดลมที่ไวต่อการกระตุ้น และลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ โดย N-acetyl cysteine ต้องการกรดอะมิโน cysteine เพื่อช่วยในการสังเคราะห์ อาหารที่มีกรดอะมิโน ได้แก่ หัวหอม ไข่ กระเทียม และเนื้อแดง N-acetyl cysteine ยังช่วยลดเสมหะและน้ำมูกในปอด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ N-acetyl cysteine ยังช่วยลดเสมหะและน้ำมูกในปอดอีกด้วย 8.สารอาหารโพลีแซ็กคาไรด์ในกลุ่มเบต้ากลูแคนซึ่งสกัดได้จาก ยีสต์และเห็ด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายจะสามารถกำจัดไวรัสหรือสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น สมุนไพรไทยหลายชนิดยังมีฤทธิ์ในการต่อสู้กับ PM 2.5 : มะขามป้อม-Phyllanthus Emblica สารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเซลล์จากการอักเสบและช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและการไหลเวียนที่ดี ขมิ้น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอีถึง 80 เท่า ซึ่งดีต่อการทำงานของปอด นอกจากการกินอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2.5 ลิตรต่อวัน การออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ สวมแว่นตาและสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อปกป้องหรือลดผลกระทบจากมลภาวะที่เป็นอันตรายจากฝุ่น ตัวกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยฟอกอากาศในบ้านหรือในรถยนต์ ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยลดผลกระทบได้ อาหารเสริมที่แนะนำหากคุณมีความยุ่งยากในการรับประทานอาหารตามปกติ Glap Glube Paa super h Whole c ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 575 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าเรื่องTikTok@pordee_offcial #pordeeproduct #mannature #สมุนไพร #ไทย #สุขภาพ #news1 #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าเรื่องTikTok@pordee_offcial #pordeeproduct #mannature #สมุนไพร #ไทย #สุขภาพ #news1 #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • เถาฝู ป้ายมงคลฉลองตรุษจีนโบราณ

    เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนแล้ว ก็คงไม่แคล้วต้องคุยถึงประเพณีและวัฒนธรรมจีนโบราณที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีน ปีก่อนๆ ที่ Storyฯ เคยกล่าวถึงไปคือ: การโส่วซุ่ยหรืออดนอนข้ามคืนเป็นนัยว่าให้ผู้ใหญ่ในบ้านอายุยืนยาว; การกินสุราสมุนไพรเช่นสุราพริกหอม; คำมงคลและอักษรประสม ใครยังไม่ได้อ่านลองย้อนกลับไปอ่านนะคะ (หาลิ้งค์ได้ในสารบัญของเพจ)

    วันนี้มาคุยกันถึงป้ายมงคลคู่แบบหนึ่ง เรียกว่า ‘เถาฝู’ (桃符) แปลตรงตัวว่าป้ายที่ทำจากไม้ท้อ เป็นป้ายมงคลคู่ที่ในสมัยจีนโบราณนิยมติดกันหน้าบ้านเพื่อต้อนรับตรุษจีน อดีตกวีเอกและนักการเมืองสมัยซ่งเคยประพันธ์บทกวีชื่อ <หยวนรึ> (元日/วันขึ้นปีใหม่) บรรยายถึงธรรมเนียมตรุษจีนไว้ Storyฯ เรียบเรียงดังนี้

    เสียงประทัดลั่นคือหนึ่งปีที่ผันผ่าน
    ลมวสันต์อุ่นสุราแห่งศกใหม่
    พันบ้านหมื่นเรือนก่อนอรุณรุ่ง
    ล้วนนำท้อใหม่เปลี่ยนป้ายเก่า

    ‘ท้อใหม่ป้ายเก่า’ ที่กล่าวถึงก็คือ ‘เถาฝู’

    แรกเริ่มเลย ‘เถาฝู’ คือป้ายไม้ที่ทำจากต้นท้อ ในเอกสารที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์เหนือใต้เกี่ยวกับราชวงศ์ก่อนๆ นั้น มีบรรยายไว้ว่า: เถาฝูมีขนาดยาวหกนิ้ว กว้างสามนิ้ว; วันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ทำป้ายติดเรือนด้วยไม้ท้อ คือไม้ศักดิ์สิทธิ์; บนป้ายเขียนชื่อสองเทพเจ้าแปะไว้ซ้ายขวา ซ้ายคือเทพเซินซู ขวาคือเทพอวี้ลวี่ ฯลฯ

    ประวัติของเทพเจ้าสององค์นี้แตกต่างกันไปตามตำนานปรัมปราหลากหลายที่เล่าขานกันมา แต่เรื่องราวที่เหมือนกันก็คือทั้งสองเทพเจ้านี้เฝ้าอยู่ใต้ร่มไม้ต้นท้อยักษ์ ใช้กิ่งเถาของต้นท้อจับภูตผีที่ทำตัวไม่ดีไปโยนให้เสือกิน จึงเป็นที่มาว่าไม้ท้อเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สามารถขับไล่ภูตผีและสิ่งชั่วร้ายได้ ในวันปีใหม่จึงมีธรรมเนียมแปะเถาฝูเพื่อให้ปกปักษ์คุ้มครองบ้าน ป้องกันภูตผีและสิ่งชั่วร้าย พอขึ้นปีใหม่ก็เปลี่ยนเถาฝูชุดใหม่

    ธรรมเนียมหลายพันปีย่อมมีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง จากการเขียนชื่อสองเทพเจ้ากลายเป็นการแกะสลักรูปภาพเทพเจ้าบนไม้ท้อ กลายเป็นภาพวาดบนกระดาษ นอกจากนี้ในสมัยถังก็เปลี่ยนจากรูปของเทพเซินซูอวี้ลวี่เป็นรูปขุนพลในสมัยถังที่ถูกยกย่องประหนึ่งเป็นเทพสงคราม ซึ่งที่กล่าวมานี้ก็คือธรรมเนียมการแปะรูปเทพเจ้าเหมินเสิน (เทพพิทักษ์ประตู/เทพทวารบาล) ในปัจจุบันนั่นเอง

    แต่คำว่า ‘เถาฝู’ ในสมัยซ่งไม่เพียงหมายถึงป้ายชื่อหรือรูปภาพเทพทวารบาล หากแต่ยังหมายรวมถึงป้ายที่มีกลอนคู่มงคลหรือวลีรับตรุษจีน (หมายเหตุ กลอนคู่เรียกรวมว่า ‘ตุ้ยเหลียน’ ส่วนวลีมงคลที่มีใจความรับปีใหม่เรียกอย่างเฉพาะเจาะจงได้ว่า ‘ชุนเหลียน’)

    ไอเดียการเขียนกลอนคู่ลงบนป้ายไม้ท้อนี้ ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าริเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่ในเอกสารโบราณเกี่ยวกับแคว้นซีสู่ (สมัยสิบหกแคว้นช่วงปีค.ศ. 304-439) มีกล่าวถึงการเขียนกลอนคู่บนป้ายไม้ท้อเพื่อประดับในพระราชวังแล้ว

    เอกสารโบราณของสมัยหมิงกล่าวไว้ว่า: ประเพณีการติดกลอนคู่มงคลชุนเหลียนในวันตรุษจีนนั้น ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการโดยองค์หมิงไท่จู่ (จูหยวนจาง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) โดยมีการประกาศในเมืองหลวงในคืนวันสิ้นปีให้ขุนนางข้าราชการต่างๆ ติดชุนเหลียนไว้หน้าจวน/เรือนของตน เพื่อว่าเวลาทรงเสด็จประพาสต้นจะได้ทอดพระเนตร และในสมัยนั้นได้มีการเรียกจำแนกไว้ว่า ‘เถาฝู’ หมายรวมถึงภาพและกลอนที่ทำขึ้นบนป้ายไม้ท้อ และ ‘ชุนเทีย’ หมายรวมถึงภาพและกลอนที่ทำขึ้นบนกระดาษเพื่อรับตรุษจีน

    และต่อมาในสมัยชิง กระดาษชุนเทียมีดีไซน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอักษรเดียว วลีเดี่ยวติดแนวขวางเหนือประตู แนวตรงติดข้างประตู ติดหน้าบานประตู ฯลฯ สืบทอดมาจนปัจจุบัน

    ประเพณีติดป้ายเถาฝูหายไปตามยุคสมัย แต่เราจะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วมันคือต้นกำเนิดของการติดภาพวาดเหมินเสินที่ประตู และเป็นต้นกำเนิดของการแปะกลอนคู่มงคลตุ้ยเหลียนที่ยังทำกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://www.gov.cn/govweb/ztzl/08cjtbch/content_861150.htm
    https://www.workercn.cn/32843/201902/06/190206095618327_3.shtml
    https://kknews.cc/culture/3am8x23.html
    http://weixin.chinafolklore.org/?p=15620
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_e3da8d97be73.aspx
    https://www.soundofhope.org/post/468983
    https://baike.baidu.com/item/桃符

    #ประเพณีตรุษจีน #ตุ้นเหลียน #เหมินเสิน #เทพเจ้าประตู #กลอนคู่มงคล #เถาฟู #ป้ายไม้ท้อ
    เถาฝู ป้ายมงคลฉลองตรุษจีนโบราณ เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนแล้ว ก็คงไม่แคล้วต้องคุยถึงประเพณีและวัฒนธรรมจีนโบราณที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีน ปีก่อนๆ ที่ Storyฯ เคยกล่าวถึงไปคือ: การโส่วซุ่ยหรืออดนอนข้ามคืนเป็นนัยว่าให้ผู้ใหญ่ในบ้านอายุยืนยาว; การกินสุราสมุนไพรเช่นสุราพริกหอม; คำมงคลและอักษรประสม ใครยังไม่ได้อ่านลองย้อนกลับไปอ่านนะคะ (หาลิ้งค์ได้ในสารบัญของเพจ) วันนี้มาคุยกันถึงป้ายมงคลคู่แบบหนึ่ง เรียกว่า ‘เถาฝู’ (桃符) แปลตรงตัวว่าป้ายที่ทำจากไม้ท้อ เป็นป้ายมงคลคู่ที่ในสมัยจีนโบราณนิยมติดกันหน้าบ้านเพื่อต้อนรับตรุษจีน อดีตกวีเอกและนักการเมืองสมัยซ่งเคยประพันธ์บทกวีชื่อ <หยวนรึ> (元日/วันขึ้นปีใหม่) บรรยายถึงธรรมเนียมตรุษจีนไว้ Storyฯ เรียบเรียงดังนี้ เสียงประทัดลั่นคือหนึ่งปีที่ผันผ่าน ลมวสันต์อุ่นสุราแห่งศกใหม่ พันบ้านหมื่นเรือนก่อนอรุณรุ่ง ล้วนนำท้อใหม่เปลี่ยนป้ายเก่า ‘ท้อใหม่ป้ายเก่า’ ที่กล่าวถึงก็คือ ‘เถาฝู’ แรกเริ่มเลย ‘เถาฝู’ คือป้ายไม้ที่ทำจากต้นท้อ ในเอกสารที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์เหนือใต้เกี่ยวกับราชวงศ์ก่อนๆ นั้น มีบรรยายไว้ว่า: เถาฝูมีขนาดยาวหกนิ้ว กว้างสามนิ้ว; วันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ทำป้ายติดเรือนด้วยไม้ท้อ คือไม้ศักดิ์สิทธิ์; บนป้ายเขียนชื่อสองเทพเจ้าแปะไว้ซ้ายขวา ซ้ายคือเทพเซินซู ขวาคือเทพอวี้ลวี่ ฯลฯ ประวัติของเทพเจ้าสององค์นี้แตกต่างกันไปตามตำนานปรัมปราหลากหลายที่เล่าขานกันมา แต่เรื่องราวที่เหมือนกันก็คือทั้งสองเทพเจ้านี้เฝ้าอยู่ใต้ร่มไม้ต้นท้อยักษ์ ใช้กิ่งเถาของต้นท้อจับภูตผีที่ทำตัวไม่ดีไปโยนให้เสือกิน จึงเป็นที่มาว่าไม้ท้อเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สามารถขับไล่ภูตผีและสิ่งชั่วร้ายได้ ในวันปีใหม่จึงมีธรรมเนียมแปะเถาฝูเพื่อให้ปกปักษ์คุ้มครองบ้าน ป้องกันภูตผีและสิ่งชั่วร้าย พอขึ้นปีใหม่ก็เปลี่ยนเถาฝูชุดใหม่ ธรรมเนียมหลายพันปีย่อมมีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง จากการเขียนชื่อสองเทพเจ้ากลายเป็นการแกะสลักรูปภาพเทพเจ้าบนไม้ท้อ กลายเป็นภาพวาดบนกระดาษ นอกจากนี้ในสมัยถังก็เปลี่ยนจากรูปของเทพเซินซูอวี้ลวี่เป็นรูปขุนพลในสมัยถังที่ถูกยกย่องประหนึ่งเป็นเทพสงคราม ซึ่งที่กล่าวมานี้ก็คือธรรมเนียมการแปะรูปเทพเจ้าเหมินเสิน (เทพพิทักษ์ประตู/เทพทวารบาล) ในปัจจุบันนั่นเอง แต่คำว่า ‘เถาฝู’ ในสมัยซ่งไม่เพียงหมายถึงป้ายชื่อหรือรูปภาพเทพทวารบาล หากแต่ยังหมายรวมถึงป้ายที่มีกลอนคู่มงคลหรือวลีรับตรุษจีน (หมายเหตุ กลอนคู่เรียกรวมว่า ‘ตุ้ยเหลียน’ ส่วนวลีมงคลที่มีใจความรับปีใหม่เรียกอย่างเฉพาะเจาะจงได้ว่า ‘ชุนเหลียน’) ไอเดียการเขียนกลอนคู่ลงบนป้ายไม้ท้อนี้ ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าริเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่ในเอกสารโบราณเกี่ยวกับแคว้นซีสู่ (สมัยสิบหกแคว้นช่วงปีค.ศ. 304-439) มีกล่าวถึงการเขียนกลอนคู่บนป้ายไม้ท้อเพื่อประดับในพระราชวังแล้ว เอกสารโบราณของสมัยหมิงกล่าวไว้ว่า: ประเพณีการติดกลอนคู่มงคลชุนเหลียนในวันตรุษจีนนั้น ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการโดยองค์หมิงไท่จู่ (จูหยวนจาง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) โดยมีการประกาศในเมืองหลวงในคืนวันสิ้นปีให้ขุนนางข้าราชการต่างๆ ติดชุนเหลียนไว้หน้าจวน/เรือนของตน เพื่อว่าเวลาทรงเสด็จประพาสต้นจะได้ทอดพระเนตร และในสมัยนั้นได้มีการเรียกจำแนกไว้ว่า ‘เถาฝู’ หมายรวมถึงภาพและกลอนที่ทำขึ้นบนป้ายไม้ท้อ และ ‘ชุนเทีย’ หมายรวมถึงภาพและกลอนที่ทำขึ้นบนกระดาษเพื่อรับตรุษจีน และต่อมาในสมัยชิง กระดาษชุนเทียมีดีไซน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอักษรเดียว วลีเดี่ยวติดแนวขวางเหนือประตู แนวตรงติดข้างประตู ติดหน้าบานประตู ฯลฯ สืบทอดมาจนปัจจุบัน ประเพณีติดป้ายเถาฝูหายไปตามยุคสมัย แต่เราจะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วมันคือต้นกำเนิดของการติดภาพวาดเหมินเสินที่ประตู และเป็นต้นกำเนิดของการแปะกลอนคู่มงคลตุ้ยเหลียนที่ยังทำกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://www.gov.cn/govweb/ztzl/08cjtbch/content_861150.htm https://www.workercn.cn/32843/201902/06/190206095618327_3.shtml https://kknews.cc/culture/3am8x23.html http://weixin.chinafolklore.org/?p=15620 https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_e3da8d97be73.aspx https://www.soundofhope.org/post/468983 https://baike.baidu.com/item/桃符 #ประเพณีตรุษจีน #ตุ้นเหลียน #เหมินเสิน #เทพเจ้าประตู #กลอนคู่มงคล #เถาฟู #ป้ายไม้ท้อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบดกาแฟวินเทจ เครื่องบดสมุนไพร บดเมล็ดถั่ว ที่บดเม็ดกาแฟ เครื่องบดกาแฟ แบบมือหมุน เครื่องบดเมล็ดกาแฟพิกัด📍Shopee:https://s.shopee.co.th/4pz5VfAjwc LAZADA:https://s.lazada.co.th/s.sKSLI TikTok:https://vt.tiktok.com/ZSjKYMnHd/.
    เครื่องบดกาแฟวินเทจ เครื่องบดสมุนไพร บดเมล็ดถั่ว ที่บดเม็ดกาแฟ เครื่องบดกาแฟ แบบมือหมุน เครื่องบดเมล็ดกาแฟพิกัด📍Shopee:https://s.shopee.co.th/4pz5VfAjwc LAZADA:https://s.lazada.co.th/s.sKSLI TikTok:https://vt.tiktok.com/ZSjKYMnHd/.
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 1 0 รีวิว
Pages Boosts