• บรรยากาศสงกรานต์บนถนนสีลมเนืองแน่น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมงาน “สงกรานต์บ้านฉัน สีสัน สีลม” จัดเต็ม 3 วันเต็มๆ ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัย-จราจร พร้อมร้านอาหาร-เครื่องดื่มคอยบริการตลอดเส้นทาง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035308

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    บรรยากาศสงกรานต์บนถนนสีลมเนืองแน่น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมงาน “สงกรานต์บ้านฉัน สีสัน สีลม” จัดเต็ม 3 วันเต็มๆ ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัย-จราจร พร้อมร้านอาหาร-เครื่องดื่มคอยบริการตลอดเส้นทาง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035308 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีแบบ Quishing เกิดขึ้นเมื่ออาชญากรไซเบอร์สร้าง QR Code ปลอมและนำไปติดทับ QR Code จริงในสถานที่ที่มีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น ที่จอดรถและเมนูร้านอาหาร เมื่อผู้ใช้สแกน QR Code ปลอมนี้ พวกเขาจะถูกนำไปยังเว็บไซต์ที่ควบคุมโดยอาชญากร ซึ่งอาจขโมยข้อมูลการเงินหรือปล่อยมัลแวร์เข้าสู่อุปกรณ์ของผู้ใช้

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์แนะนำให้ผู้ใช้ระมัดระวังและตรวจสอบ QR Code ก่อนสแกน รวมถึงหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลการเงินกับเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ✅ การโจมตีแบบ Quishing คืออะไร
    - การฟิชชิงผ่าน QR Code ที่อาชญากรสร้าง QR Code ปลอม
    - มักเกิดในสถานที่ที่มีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น ที่จอดรถและร้านอาหาร

    ✅ ผลกระทบของการโจมตี
    - ผู้ใช้ถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ควบคุมโดยอาชญากร
    - ข้อมูลการเงินอาจถูกขโมย หรืออุปกรณ์อาจติดมัลแวร์

    ✅ จำนวนเหตุการณ์ที่เพิ่มขึ้น
    - มีรายงานเหตุการณ์มากกว่า 1,300 ครั้งในปี 2024
    - เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2019 ที่มีเพียง 100 ครั้ง

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    - QR Code ปลอมมักดูเหมือนจริง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ
    - การโจมตีอาจเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยใช้จำนวนเงินเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบ

    ℹ️ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
    - ตรวจสอบ QR Code ก่อนสแกน และหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลการเงินกับเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ใช้ความระมัดระวังและสังเกตความผิดปกติใน QR Code

    https://www.techradar.com/pro/security/mass-quishing-attacks-linked-to-organized-crime-gangs-across-the-uk
    การโจมตีแบบ Quishing เกิดขึ้นเมื่ออาชญากรไซเบอร์สร้าง QR Code ปลอมและนำไปติดทับ QR Code จริงในสถานที่ที่มีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น ที่จอดรถและเมนูร้านอาหาร เมื่อผู้ใช้สแกน QR Code ปลอมนี้ พวกเขาจะถูกนำไปยังเว็บไซต์ที่ควบคุมโดยอาชญากร ซึ่งอาจขโมยข้อมูลการเงินหรือปล่อยมัลแวร์เข้าสู่อุปกรณ์ของผู้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์แนะนำให้ผู้ใช้ระมัดระวังและตรวจสอบ QR Code ก่อนสแกน รวมถึงหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลการเงินกับเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ การโจมตีแบบ Quishing คืออะไร - การฟิชชิงผ่าน QR Code ที่อาชญากรสร้าง QR Code ปลอม - มักเกิดในสถานที่ที่มีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น ที่จอดรถและร้านอาหาร ✅ ผลกระทบของการโจมตี - ผู้ใช้ถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ควบคุมโดยอาชญากร - ข้อมูลการเงินอาจถูกขโมย หรืออุปกรณ์อาจติดมัลแวร์ ✅ จำนวนเหตุการณ์ที่เพิ่มขึ้น - มีรายงานเหตุการณ์มากกว่า 1,300 ครั้งในปี 2024 - เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2019 ที่มีเพียง 100 ครั้ง ℹ️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ - QR Code ปลอมมักดูเหมือนจริง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ - การโจมตีอาจเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยใช้จำนวนเงินเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบ ℹ️ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย - ตรวจสอบ QR Code ก่อนสแกน และหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลการเงินกับเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ - ใช้ความระมัดระวังและสังเกตความผิดปกติใน QR Code https://www.techradar.com/pro/security/mass-quishing-attacks-linked-to-organized-crime-gangs-across-the-uk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์

    The conversations from the clip :

    Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here!
    Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran!
    Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat?
    Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers?
    Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it!
    Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily.
    Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action!
    Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran.
    Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change.
    Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station.
    Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day.
    Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe.
    Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times.
    Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop!
    Tom: Absolutely! Let’s go eat, then!

    Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่!
    Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์!
    Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม?
    Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม?
    Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ!
    Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย
    Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย!
    Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์
    Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี
    Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ
    Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน
    Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ
    Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี
    Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป!
    Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ
    Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก
    Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย
    Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง
    Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว
    Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ
    Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว
    Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม
    BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า)
    Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก
    Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย
    Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด
    Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย
    Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก
    Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์ The conversations from the clip : Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here! Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran! Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat? Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers? Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it! Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily. Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action! Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran. Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change. Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station. Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day. Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe. Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times. Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop! Tom: Absolutely! Let’s go eat, then! Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่! Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์! Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม? Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม? Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ! Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย! Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์ Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป! Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tue. Apr. 8, 2025
    (วันนี้เขียนยาวเฟี้ยว ใครอ่านจบ...ให้ ⭐ 3 ดวง)

    เมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ย. 2022 หนึ่งวันก่อนบินออกจาก New York ระหว่างจัดกระเป๋า เราก็โทรสั่งผัดซีอิ๊วหมูกับเมี่ยงคะน้า ร้านวันดี เจ้าประจำมากิน พอบอกน้องๆว่าพรุ่งนี้กลับละนะ ก็เลยได้หนมจีบลูกยักษ์ เมนูโปรดเราแถมมา 4 ลูกฟรี ด้วยความสิเหน่หา 😁

    เมื่ออาหารมาส่งโดยหนุ่มแม็กซิกันส่งของเพื่อนซี้ของเรา เม้ากันว่าไอจะกลับแล้ว เราก็เลยให้ทิปแกไป $40 แถมด้วยขอกอด 1 กอด พอเขากลับไป ก็ได้เวลาหม่ำๆ

    เราเก็บหนมจีบฟรีไว้ wave กินก่อนไป JFK ตอนเช้า ตอนกำลังกินทั้งสองเมนูอย่างเอร็ดอร่อย ตาก็เหลือบไปเห็นบิล โอ้โห...เกือบ $34 และนี่คือราคาอาหาร to go จากร้านใน Manhattan เมื่อ 2 ปีก่อนนะคะ...$34 x ฿35 = ฿1190/สองจาน...นี่ขนาดได้หนมจีบฟรีมาด้วยความสิเหน่หาแล้วหนา ($7 ตอนนู้น)

    เวลาผ่านไป 2 ปีนิดๆ ทุกวันนี้ร้านในตัวเมือง Manhattan ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยใน NYC ได้ข่าวว่ามีสนนราคาเริ่มอยู่ระหว่าง $18-$25 แล้วแต่ร้าน choice of ไก่ & ผักก็ถูกสุด ถ้าหัวสูงหน่อย อยากกินเนื้อแดง หรือกุ้ง (size 16-20) 3-4 ตัว ก็บวกไปอีก $4-$7 นี่คือ 1 จานนะคะ

    ถ้าทานที่ร้าน พอเรียกเก็บเงิน...มันจะมาพร้อมภาษี + tax 8.875% และ tips ที่มีให้เลือก 20% หรือ 25% หรือ 30% (หรือ 15-20% delivery tips)
    ...เริ่มคำนวณไม่ถูกละ เจ็บหัว 😅

    อ้ะๆๆ ยกตัวอย่าง ในกรณีไปกินที่ร้านนะคะ
    ผัดไทยราคาต้น $20
    แต่อยากกินกุ้งอ้ะ + $5
    อ้ะ เก็บตังจ้ะ $25 + tax 8.875% $2.22
    ค่า tips ด้วยค่ะ...อ้ะ...เลือกให้ขั้นต่ำสุด (20%) $5.44
    Total สิริรวม $32.66
    คิดเป็นเงินไทย $1 = ฿30 ก็เท่ากับ ฿979.80
    นี่คือผัดไทยกุ้งล้วนๆ แกล้มกับน้ำก๊อกกันฝืดคอนะ

    ยังไม่ทันจะดึงขึ้นจาก covid ดี...นี่หลังจาก April 5th ภาษีนำเข้า US ทุกประเทศ (193 ประเทศ) โดนไปแล้ว 10% และหลัง April 9 เป็นต้นไป ไทยก็จะโดน Trump's Tariff ทับถมไปอีก 36%

    เอาจริงๆ ไทยก็ไม่ได้ซวยเต็มๆนะคะ เพราะส่วนใหญ่คือบริษัทของประเทศเขาเอง ที่หนีค่าแรงแพงๆที่ US มาผลิตอยู่บ้านเรา แต่ในฐานะคนเคยทำร้านอาหารมา grocery ไทยที่ส่งออกไปให้ร้านอาหารไทย 5400 กว่าร้านทั่ว US วัตถุดิบพุ่งแน่ๆ แต่ตอนนี้ทุกชาติโดนหมด เพราะฉะนั้น เรานึกไม่ออกเลยว่า ถ้ากลับไปอีกที อาหาร (ทุกชาติ) จานนึงหรือมื้อนึง จะแพงขึ้นขนาดไหน เพราะราคาอาหารจะต้องคิดรวมค่าวัตถุดิบ ค่าเช่าร้าน ค่าแรงพนักงาน ค่าน้ำ ค่า gas ค่าไฟ ค่าinternet (รับ order online) ค่าเก็บขยะ ค่ากำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ และอย่าลืมว่า ถ้าใช้พวกบริการของพวก Seamless หรือ Grubhub (เสมือน Food Panda หรือ Grab นี่แหละ) มาช่วยให้บริการบนหลังควายอีก ก็เผื่อไว้จ่ายเขาอีก 37% นะคะ (ไม่รู้ว่าขึ้นค่าสูบเลือดรึยัง) ไหนยังจะมีค่าโฆษณา และค่าโน่นนี่นั่นให้ความดันขึ้นเล่นๆอีกมากมายค่ะ

    หวังว่าร้านอาหารทั่วโลก จะเตรียมแผนรับมือให้ดีๆนะคะ ตั้งสติดีๆ ส่วนพนักงานไทยหาเช้ากินค่ำ จงทำงานให้เต็มที่ เข้างานให้ตรงเวลา (โว๊ย) เลิกเสพเหล้า เลิกดูดยา เลิกการพนัน เลิกซื้อของ brand name เอาไว้แค่มาใช้อวดคนที่เมืองไทยค่ะ เริ่มฝึก skill อื่นๆไว้ ฝึกพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ หรือ Spanish ไว้ให้ดี เผื่อทางเลือกอื่นไว้ให้ตัวเองเยอะๆ และสุดท้าย...ผู้บริโภค...เริ่มหัดทำ IF ค่ะ...คือหัดแดร๊กข้าววันละมื้อ หรือสองสามวันมื้อก็จะดีมากค่ะ...สู้ๆเน้อ

    https://youtu.be/UxJpYTEhPOE?si=Jmh30OEQwLC125bn
    Tue. Apr. 8, 2025 (วันนี้เขียนยาวเฟี้ยว ใครอ่านจบ...ให้ ⭐ 3 ดวง) เมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ย. 2022 หนึ่งวันก่อนบินออกจาก New York ระหว่างจัดกระเป๋า เราก็โทรสั่งผัดซีอิ๊วหมูกับเมี่ยงคะน้า ร้านวันดี เจ้าประจำมากิน พอบอกน้องๆว่าพรุ่งนี้กลับละนะ ก็เลยได้หนมจีบลูกยักษ์ เมนูโปรดเราแถมมา 4 ลูกฟรี ด้วยความสิเหน่หา 😁 เมื่ออาหารมาส่งโดยหนุ่มแม็กซิกันส่งของเพื่อนซี้ของเรา เม้ากันว่าไอจะกลับแล้ว เราก็เลยให้ทิปแกไป $40 แถมด้วยขอกอด 1 กอด พอเขากลับไป ก็ได้เวลาหม่ำๆ เราเก็บหนมจีบฟรีไว้ wave กินก่อนไป JFK ตอนเช้า ตอนกำลังกินทั้งสองเมนูอย่างเอร็ดอร่อย ตาก็เหลือบไปเห็นบิล โอ้โห...เกือบ $34 และนี่คือราคาอาหาร to go จากร้านใน Manhattan เมื่อ 2 ปีก่อนนะคะ...$34 x ฿35 = ฿1190/สองจาน...นี่ขนาดได้หนมจีบฟรีมาด้วยความสิเหน่หาแล้วหนา ($7 ตอนนู้น) เวลาผ่านไป 2 ปีนิดๆ ทุกวันนี้ร้านในตัวเมือง Manhattan ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยใน NYC ได้ข่าวว่ามีสนนราคาเริ่มอยู่ระหว่าง $18-$25 แล้วแต่ร้าน choice of ไก่ & ผักก็ถูกสุด ถ้าหัวสูงหน่อย อยากกินเนื้อแดง หรือกุ้ง (size 16-20) 3-4 ตัว ก็บวกไปอีก $4-$7 นี่คือ 1 จานนะคะ ถ้าทานที่ร้าน พอเรียกเก็บเงิน...มันจะมาพร้อมภาษี + tax 8.875% และ tips ที่มีให้เลือก 20% หรือ 25% หรือ 30% (หรือ 15-20% delivery tips) ...เริ่มคำนวณไม่ถูกละ เจ็บหัว 😅 อ้ะๆๆ ยกตัวอย่าง ในกรณีไปกินที่ร้านนะคะ ผัดไทยราคาต้น $20 แต่อยากกินกุ้งอ้ะ + $5 อ้ะ เก็บตังจ้ะ $25 + tax 8.875% $2.22 ค่า tips ด้วยค่ะ...อ้ะ...เลือกให้ขั้นต่ำสุด (20%) $5.44 Total สิริรวม $32.66 คิดเป็นเงินไทย $1 = ฿30 ก็เท่ากับ ฿979.80 นี่คือผัดไทยกุ้งล้วนๆ แกล้มกับน้ำก๊อกกันฝืดคอนะ ยังไม่ทันจะดึงขึ้นจาก covid ดี...นี่หลังจาก April 5th ภาษีนำเข้า US ทุกประเทศ (193 ประเทศ) โดนไปแล้ว 10% และหลัง April 9 เป็นต้นไป ไทยก็จะโดน Trump's Tariff ทับถมไปอีก 36% เอาจริงๆ ไทยก็ไม่ได้ซวยเต็มๆนะคะ เพราะส่วนใหญ่คือบริษัทของประเทศเขาเอง ที่หนีค่าแรงแพงๆที่ US มาผลิตอยู่บ้านเรา แต่ในฐานะคนเคยทำร้านอาหารมา grocery ไทยที่ส่งออกไปให้ร้านอาหารไทย 5400 กว่าร้านทั่ว US วัตถุดิบพุ่งแน่ๆ แต่ตอนนี้ทุกชาติโดนหมด เพราะฉะนั้น เรานึกไม่ออกเลยว่า ถ้ากลับไปอีกที อาหาร (ทุกชาติ) จานนึงหรือมื้อนึง จะแพงขึ้นขนาดไหน เพราะราคาอาหารจะต้องคิดรวมค่าวัตถุดิบ ค่าเช่าร้าน ค่าแรงพนักงาน ค่าน้ำ ค่า gas ค่าไฟ ค่าinternet (รับ order online) ค่าเก็บขยะ ค่ากำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ และอย่าลืมว่า ถ้าใช้พวกบริการของพวก Seamless หรือ Grubhub (เสมือน Food Panda หรือ Grab นี่แหละ) มาช่วยให้บริการบนหลังควายอีก ก็เผื่อไว้จ่ายเขาอีก 37% นะคะ (ไม่รู้ว่าขึ้นค่าสูบเลือดรึยัง) ไหนยังจะมีค่าโฆษณา และค่าโน่นนี่นั่นให้ความดันขึ้นเล่นๆอีกมากมายค่ะ หวังว่าร้านอาหารทั่วโลก จะเตรียมแผนรับมือให้ดีๆนะคะ ตั้งสติดีๆ ส่วนพนักงานไทยหาเช้ากินค่ำ จงทำงานให้เต็มที่ เข้างานให้ตรงเวลา (โว๊ย) เลิกเสพเหล้า เลิกดูดยา เลิกการพนัน เลิกซื้อของ brand name เอาไว้แค่มาใช้อวดคนที่เมืองไทยค่ะ เริ่มฝึก skill อื่นๆไว้ ฝึกพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ หรือ Spanish ไว้ให้ดี เผื่อทางเลือกอื่นไว้ให้ตัวเองเยอะๆ และสุดท้าย...ผู้บริโภค...เริ่มหัดทำ IF ค่ะ...คือหัดแดร๊กข้าววันละมื้อ หรือสองสามวันมื้อก็จะดีมากค่ะ...สู้ๆเน้อ https://youtu.be/UxJpYTEhPOE?si=Jmh30OEQwLC125bn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว Copilot Actions ที่ช่วยจัดการงานบนเว็บอย่างการจองโต๊ะร้านอาหารหรือการสั่งดอกไม้ พร้อม Copilot Search ที่ให้คำตอบแบบ AI จากหลายแหล่งข้อมูลโดยไม่ต้องคลิกลิงก์ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยลดภาระงานที่ซับซ้อนและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อความแม่นยำในคำตอบที่ได้รับ

    == Copilot Actions: ฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการงานออนไลน์ ==
    ✅ การจองและจัดการได้ในคลิกเดียว
    - Copilot สามารถช่วยจัดการงานบนเว็บ เช่น การจองที่พัก, การจองโต๊ะร้านอาหาร, การสั่งดอกไม้, และการเรียกรถรับส่งหลังงานอีเวนต์
    - Microsoft ได้ร่วมมือกับเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Expedia, Booking.com, Kayak และ OpenTable เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบวงจร

    ✅ รองรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่
    - ฟีเจอร์นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเว็บไซต์พันธมิตรของ Microsoft แต่ยังสามารถทำงานกับ เว็บไซต์ที่คล้ายกันในประเภทเดียวกัน

    ✅ การใช้งานที่กำลังขยายตัว
    - Copilot Actions เปิดตัวด้วยการใช้งานเบื้องต้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และมีแผนจะเพิ่มการเข้าถึงอย่างกว้างขวางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    == Copilot Search: การค้นหาแบบใหม่ด้วย AI ==
    ✅ ตอบคำถามจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย
    - Copilot Search มอบคำตอบในรูปแบบสรุป AI ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งบนอินเทอร์เน็ต โดยไม่แสดงลิงก์แบบดั้งเดิม
    - สามารถถามต่อเนื่องในรูปแบบการสนทนาเพื่อปรับแต่งคำตอบและขยายผลลัพธ์ได้

    ✅ การใช้งานง่ายบน Bing
    - ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Copilot Search ได้ที่ bing.com/copilotsearch และมีแผนจะรวมฟีเจอร์นี้เข้ากับประสบการณ์การค้นหา Bing ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ✅ ข้อควรระวัง
    - แม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีโอกาสเกิดข้อมูลผิดพลาด (hallucination) ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อความแม่นยำ

    https://www.techspot.com/news/107428-microsoft-copilot-gains-ability-autonomously-complete-web-tasks.html
    Microsoft เปิดตัว Copilot Actions ที่ช่วยจัดการงานบนเว็บอย่างการจองโต๊ะร้านอาหารหรือการสั่งดอกไม้ พร้อม Copilot Search ที่ให้คำตอบแบบ AI จากหลายแหล่งข้อมูลโดยไม่ต้องคลิกลิงก์ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยลดภาระงานที่ซับซ้อนและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อความแม่นยำในคำตอบที่ได้รับ == Copilot Actions: ฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการงานออนไลน์ == ✅ การจองและจัดการได้ในคลิกเดียว - Copilot สามารถช่วยจัดการงานบนเว็บ เช่น การจองที่พัก, การจองโต๊ะร้านอาหาร, การสั่งดอกไม้, และการเรียกรถรับส่งหลังงานอีเวนต์ - Microsoft ได้ร่วมมือกับเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Expedia, Booking.com, Kayak และ OpenTable เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบวงจร ✅ รองรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่ - ฟีเจอร์นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเว็บไซต์พันธมิตรของ Microsoft แต่ยังสามารถทำงานกับ เว็บไซต์ที่คล้ายกันในประเภทเดียวกัน ✅ การใช้งานที่กำลังขยายตัว - Copilot Actions เปิดตัวด้วยการใช้งานเบื้องต้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และมีแผนจะเพิ่มการเข้าถึงอย่างกว้างขวางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า == Copilot Search: การค้นหาแบบใหม่ด้วย AI == ✅ ตอบคำถามจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย - Copilot Search มอบคำตอบในรูปแบบสรุป AI ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งบนอินเทอร์เน็ต โดยไม่แสดงลิงก์แบบดั้งเดิม - สามารถถามต่อเนื่องในรูปแบบการสนทนาเพื่อปรับแต่งคำตอบและขยายผลลัพธ์ได้ ✅ การใช้งานง่ายบน Bing - ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Copilot Search ได้ที่ bing.com/copilotsearch และมีแผนจะรวมฟีเจอร์นี้เข้ากับประสบการณ์การค้นหา Bing ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ✅ ข้อควรระวัง - แม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีโอกาสเกิดข้อมูลผิดพลาด (hallucination) ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อความแม่นยำ https://www.techspot.com/news/107428-microsoft-copilot-gains-ability-autonomously-complete-web-tasks.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's Copilot gains the ability to complete web tasks on your behalf
    Copilot Actions uses simple chat prompts to allow you to offload things like booking travel arrangements, ordering flowers, and even scheduling a ride after an event through...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูง Iskander ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง Krivoy Rog ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของผู้บัญชาการกองทัพยูเครนและทหารจากชาติตะวันตก

    มีรายงานว่าการโจมตีดังกล่าวคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารและต่างชาติไปมากถึง 85 นาย และทำลายรถยนต์ไปมากถึง 20 คัน

    นอกจากนี้ในช่วงเวลากลางคืน กองทัพรัสเซียยังดำเนินการโจมตีตำแหน่งสำคัญทางทหารใน Krivoy Rog เพิ่มเติมอีกหลายจุด
    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูง Iskander ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง Krivoy Rog ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของผู้บัญชาการกองทัพยูเครนและทหารจากชาติตะวันตก มีรายงานว่าการโจมตีดังกล่าวคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารและต่างชาติไปมากถึง 85 นาย และทำลายรถยนต์ไปมากถึง 20 คัน นอกจากนี้ในช่วงเวลากลางคืน กองทัพรัสเซียยังดำเนินการโจมตีตำแหน่งสำคัญทางทหารใน Krivoy Rog เพิ่มเติมอีกหลายจุด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • ไม้เบื่อไม้เมา "สันธนะ" โดน "บังมัด คลองตัน" ตบหน้า คาลานจอดรถร้านอาหารทองหล่อ 13 ด้าน 'ผกก.สน.ทองหล่อ' เผย รอ "สันธนะ" มาแจ้งความพร้อมดำเนินคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000031833
    ไม้เบื่อไม้เมา "สันธนะ" โดน "บังมัด คลองตัน" ตบหน้า คาลานจอดรถร้านอาหารทองหล่อ 13 ด้าน 'ผกก.สน.ทองหล่อ' เผย รอ "สันธนะ" มาแจ้งความพร้อมดำเนินคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000031833
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่

    ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ

    นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย

    "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้"

    ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน

    ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย

    #Newskit
    ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่ ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้" ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว

    เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143

    #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว • เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143 • #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดรัฐฉานยังหลอนแดกข้าวคลุกหนังตรีน จากร้านอาหารที่เกลียดขี้หน้ามัน หันไปแดกสุกี้หม้อรวม ปิ้งย่าง ชาบู เพราะได้ปรุงสุกเองกับมือ แต่หารู้ไม่ พนักงานผสมขี้ตีนไว้ในน้ำซุปแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทนายเดรัฐฉานยังหลอนแดกข้าวคลุกหนังตรีน จากร้านอาหารที่เกลียดขี้หน้ามัน หันไปแดกสุกี้หม้อรวม ปิ้งย่าง ชาบู เพราะได้ปรุงสุกเองกับมือ แต่หารู้ไม่ พนักงานผสมขี้ตีนไว้ในน้ำซุปแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา

    สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท

    สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย

    สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม

    นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน

    #Newskit
    คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูดวง 12 นักษัตร ในเดือนเมษายน 2568
    ------------------------------
    คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนเมษายน 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีทั้ง 12 นักษัตร ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข

    ในเดือน เมษายนเป็นเดือน แก ซิ้งนักษัตร มะโรง พลังดิน ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมเป็นโชคลาภแก่กัน

    ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการแข่งขัน พัฒนาผลงาน การโฆษณา โปรโมท ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหาร โฮมสเตย์ รีสอร์ต สถานบันเทิง การท่องเที่ยว สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าการเกษตร

    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะโรงจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    @CailaiTV
    https://youtu.be/Ot48DOO4WKg

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือน เมษายน 2568

    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:07 ดวง ปีฉลู (วัว)
    04:52 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:38 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:26 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:22 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:09 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    13:46 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    15:28 ดวง ปีวอก (ลิง)
    17:39 ดวง ปีระกา (ไก่)
    19:26 ดวง ปีจอ (หมา)
    21:27 ดวง ปีกุน (หมู)

    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 4 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568
    ดูดวง 12 นักษัตร ในเดือนเมษายน 2568 ------------------------------ คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนเมษายน 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีทั้ง 12 นักษัตร ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข ในเดือน เมษายนเป็นเดือน แก ซิ้งนักษัตร มะโรง พลังดิน ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมเป็นโชคลาภแก่กัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการแข่งขัน พัฒนาผลงาน การโฆษณา โปรโมท ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหาร โฮมสเตย์ รีสอร์ต สถานบันเทิง การท่องเที่ยว สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าการเกษตร ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะโรงจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน @CailaiTV https://youtu.be/Ot48DOO4WKg ดูดวง 12 นักษัตร เดือน เมษายน 2568 00:00 บทนำ 01:21 ดวง ปีชวด (หนู) 03:07 ดวง ปีฉลู (วัว) 04:52 ดวง ปีขาล (เสือ) 06:38 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:26 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:22 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:09 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 13:46 ดวง ปีมะแม (แพะ) 15:28 ดวง ปีวอก (ลิง) 17:39 ดวง ปีระกา (ไก่) 19:26 ดวง ปีจอ (หมา) 21:27 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 4 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”สภาหมื่นล้าน“ เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2 พร้อมปรับภูมิทัศน์ ขนร้านอาหารชั้น-ร้านสะดวกซื้อ บริการสส.-ขรก. ทุ่ม 150 ล้านปิดตำนานสระมรกต เปลี่ยนเป็นห้องสมุด-ห้องรับรอง-ห้องพักตามอัธยาศัย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027139
    ”สภาหมื่นล้าน“ เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2 พร้อมปรับภูมิทัศน์ ขนร้านอาหารชั้น-ร้านสะดวกซื้อ บริการสส.-ขรก. ทุ่ม 150 ล้านปิดตำนานสระมรกต เปลี่ยนเป็นห้องสมุด-ห้องรับรอง-ห้องพักตามอัธยาศัย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027139
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 899 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thu. Mar. 13, 2025

    ขำขันก่อนนอนค่ะ
    พี่ทรัมป์มีดำริจะขึ้นภาษีของมึนเมาจากยุโรปเป็น 200% ค่ะ พวก vinyard ใน USA คงดีใจ แต่เจ้าของร้านอาหารที่มี wine selection มากมายเป็นจุดขาย (โดยเฉพาะพวก wine bar/tapas bar) คงเซ็งสุดๆ ซึ่งกลุ่มหลัง น่าจะมีมากกว่ากลุ่มแรก

    ทุกวันนี้ USA ราคาอาหารก็พุ่ง ราคาไข่ก็ดุจดั่งทองคำ คนก็โดนบีบให้ตกงานมากมาย จะตัดงบที่ให้สถานศึกษาที่เคยต่อต้านตัวเองเมื่อ 4 ปีก่อนอีก เอาเข้าไป 🙄

    บอกเลยนะ ประเทศใดอยากรุ่งเรือง ต้องกำจัดนักการเมืองชั่ว ข้าราชการชั่ว และคนในเครื่องแบบชั่วให้หมดก่อน

    นึกภาพออกกันรึยังว่า ให้เด็ก 5 ขวบเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สติวิปลาส ครองอำนาจในประเทศใหญ่ จะเป็นอย่างไร

    แค่คิดก็ปวดใจละ...นอนก่อนดีกว่า
    Thu. Mar. 13, 2025 ขำขันก่อนนอนค่ะ พี่ทรัมป์มีดำริจะขึ้นภาษีของมึนเมาจากยุโรปเป็น 200% ค่ะ พวก vinyard ใน USA คงดีใจ แต่เจ้าของร้านอาหารที่มี wine selection มากมายเป็นจุดขาย (โดยเฉพาะพวก wine bar/tapas bar) คงเซ็งสุดๆ ซึ่งกลุ่มหลัง น่าจะมีมากกว่ากลุ่มแรก ทุกวันนี้ USA ราคาอาหารก็พุ่ง ราคาไข่ก็ดุจดั่งทองคำ คนก็โดนบีบให้ตกงานมากมาย จะตัดงบที่ให้สถานศึกษาที่เคยต่อต้านตัวเองเมื่อ 4 ปีก่อนอีก เอาเข้าไป 🙄 บอกเลยนะ ประเทศใดอยากรุ่งเรือง ต้องกำจัดนักการเมืองชั่ว ข้าราชการชั่ว และคนในเครื่องแบบชั่วให้หมดก่อน นึกภาพออกกันรึยังว่า ให้เด็ก 5 ขวบเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สติวิปลาส ครองอำนาจในประเทศใหญ่ จะเป็นอย่างไร แค่คิดก็ปวดใจละ...นอนก่อนดีกว่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

    ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม

    ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์

    สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้

    https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์ สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้ https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    WWW.ZDNET.COM
    AI agents aren't just assistants: How they're changing the future of work today
    We're officially in the era of AI agents. Here's how they're different from assistants, and how they're affecting workplace dynamics.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • McDonald's ได้ประกาศใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ร้านอาหารกว่า 43,000 แห่งทั่วโลก Brian Rice ผู้บริหารด้านข้อมูลของ McDonald's ระบุว่า ความสามารถในการใช้ AI นี้จะช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการทำงานประจำวัน เช่น การจัดการกับลูกค้าและผู้ขาย รวมถึงการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่เสียบ่อยๆ

    แพลตฟอร์ม Edge Computing: McDonald's ได้เริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม Edge Computing ในร้านอาหารบางแห่งในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีแผนที่จะขยายการใช้งานในปี 2025 เทคโนโลยีนี้จะช่วยทำให้กระบวนการต่างๆ ในครัวรวดเร็วขึ้น เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อโดยใช้กล้องคงที่ในครัวก่อนส่งคำสั่งซื้อต่อให้ลูกค้า

    เทคโนโลยีใหม่ที่ McDonald's ใช้
    - AI อัตโนมัติสำหรับการสั่งอาหาร: McDonald's ได้ทดสอบระบบ AI ที่สามารถรับคำสั่งซื้อผ่านไดรฟ์ทรูเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำ
    - การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์: เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์ครัวสามารถเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบและทำนายว่าเครื่องทอดหรือเครื่องทำไอศกรีมจะเสียเมื่อใด
    - ผู้จัดการ AI เสมือนจริง: เทคโนโลยี Edge Computing ยังช่วยผู้จัดการร้านในงานด้านบริหารจัดการ เช่น การจัดตารางกะทำงานให้พนักงาน ระบบ AI เสมือนจริงนี้คล้ายกับที่ Taco Bell และ Pizza Hut กำลังทดสอบ

    อย่างไรก็ตาม McDonald's ต้องเผชิญกับความท้าทายในการติดตั้งเทคโนโลยีในร้านอาหารที่เป็นแฟรนไชส์และที่บริหารงานโดยบริษัท การติดตั้งเทคโนโลยีนี้มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้มีบางคนเสนอว่าเงินที่ใช้ลงทุนในเทคโนโลยี AI ควรใช้ไปในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแทน

    https://www.techspot.com/news/107065-mcdonald-turns-ai-boost-order-accuracy-stay-ahead.html
    McDonald's ได้ประกาศใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ร้านอาหารกว่า 43,000 แห่งทั่วโลก Brian Rice ผู้บริหารด้านข้อมูลของ McDonald's ระบุว่า ความสามารถในการใช้ AI นี้จะช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการทำงานประจำวัน เช่น การจัดการกับลูกค้าและผู้ขาย รวมถึงการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่เสียบ่อยๆ แพลตฟอร์ม Edge Computing: McDonald's ได้เริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม Edge Computing ในร้านอาหารบางแห่งในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีแผนที่จะขยายการใช้งานในปี 2025 เทคโนโลยีนี้จะช่วยทำให้กระบวนการต่างๆ ในครัวรวดเร็วขึ้น เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อโดยใช้กล้องคงที่ในครัวก่อนส่งคำสั่งซื้อต่อให้ลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ที่ McDonald's ใช้ - AI อัตโนมัติสำหรับการสั่งอาหาร: McDonald's ได้ทดสอบระบบ AI ที่สามารถรับคำสั่งซื้อผ่านไดรฟ์ทรูเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำ - การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์: เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์ครัวสามารถเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบและทำนายว่าเครื่องทอดหรือเครื่องทำไอศกรีมจะเสียเมื่อใด - ผู้จัดการ AI เสมือนจริง: เทคโนโลยี Edge Computing ยังช่วยผู้จัดการร้านในงานด้านบริหารจัดการ เช่น การจัดตารางกะทำงานให้พนักงาน ระบบ AI เสมือนจริงนี้คล้ายกับที่ Taco Bell และ Pizza Hut กำลังทดสอบ อย่างไรก็ตาม McDonald's ต้องเผชิญกับความท้าทายในการติดตั้งเทคโนโลยีในร้านอาหารที่เป็นแฟรนไชส์และที่บริหารงานโดยบริษัท การติดตั้งเทคโนโลยีนี้มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้มีบางคนเสนอว่าเงินที่ใช้ลงทุนในเทคโนโลยี AI ควรใช้ไปในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแทน https://www.techspot.com/news/107065-mcdonald-turns-ai-boost-order-accuracy-stay-ahead.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    McDonald's bets on AI to boost order accuracy, streamline operations at 43,000 restaurants
    The Wall Street Journal notes that McDonald's starting rolling out edge computing platforms at some of its US restaurants last year, and plans to add more to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี

    แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน

    นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79%

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย

    สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี

    อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย

    #Newskit
    ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เบิร์ด" เดือดผมไม่กลัวใคร ไม่เชื่อ "แตงโม" ตกเรือ : [THE MESSAGE]

    เบิร์ด เทคนิค แฟน แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม เปิดไทม์ไลน์ไปภูเก็ตวันที่ 17 ก.พ. 2565 กลับกรุงเทพ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละคร ส่วนวันเกิดเหตุ 24 ก.พ. แตงโมบอกก่อนลงเรือ 1 คืน ว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน วันเกิดเหตุแตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ยืนยันไม่รู้จักคนบนเรือ รู้จักกระติกคนเดียวแต่ไม่สนิทกัน ซึ่งเวลา 19.19 น.ได้คุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมส่งข้อความบอกว่า "เธอกินข้าวหรือยัง เค้าถึงร้านอาหารลงเรือกินข้าวแล้ว เธอทำอะไร" ตนตอบกลับว่า "กินแล้ว" ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนที่ไม่ออกมาพูดตลอด 3 ปี เพราะทำตามใจตัวเอง ไม่ได้ทำตามใจคนอื่น แต่ผมเสียใจ แต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน รับได้ไม่เท่ากัน ผมรับได้เท่านี้ อยากให้สังคมเสพข่าวแต่ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ ไม่เคยโดนข่มขู่และไม่กลัวใคร
    "เบิร์ด" เดือดผมไม่กลัวใคร ไม่เชื่อ "แตงโม" ตกเรือ : [THE MESSAGE] เบิร์ด เทคนิค แฟน แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม เปิดไทม์ไลน์ไปภูเก็ตวันที่ 17 ก.พ. 2565 กลับกรุงเทพ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละคร ส่วนวันเกิดเหตุ 24 ก.พ. แตงโมบอกก่อนลงเรือ 1 คืน ว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน วันเกิดเหตุแตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ยืนยันไม่รู้จักคนบนเรือ รู้จักกระติกคนเดียวแต่ไม่สนิทกัน ซึ่งเวลา 19.19 น.ได้คุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมส่งข้อความบอกว่า "เธอกินข้าวหรือยัง เค้าถึงร้านอาหารลงเรือกินข้าวแล้ว เธอทำอะไร" ตนตอบกลับว่า "กินแล้ว" ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนที่ไม่ออกมาพูดตลอด 3 ปี เพราะทำตามใจตัวเอง ไม่ได้ทำตามใจคนอื่น แต่ผมเสียใจ แต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน รับได้ไม่เท่ากัน ผมรับได้เท่านี้ อยากให้สังคมเสพข่าวแต่ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ ไม่เคยโดนข่มขู่และไม่กลัวใคร
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 994 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • ข้อความสุดท้าย 19.19 น. ไม่เชื่อเป็นอุบัติเหตุ : [NEWS UPDATE]

    เบิร์ด เทคนิค แฟน แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยไทม์ไลน์ไปภูเก็ตคือวันที่ 17 ก.พ. 2565 กลับกรุงเทพ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละคร ส่วนวันเกิดเหตุ 24 ก.พ. แตงโมบอกก่อนลงเรือ 1 คืน ว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน วันเกิดเหตุแตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ยืนยันไม่รู้จักคนบนเรือ รู้จักเพียงกระติกคนเดียวแต่ไม่สนิทกัน ซึ่งเวลา 19.19 น.ได้คุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมส่งข้อความบอกว่า "เธอกินข้าวหรือยัง เค้าถึงร้านอาหารลงเรือกินข้าวแล้ว เธอทำอะไร" ตนตอบกลับไปว่า "กินแล้ว" ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ อยากให้สังคมเสพข่าวแต่ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ ไม่เคยโดนข่มขู่และไม่กลัวใคร ส่วนที่ไม่ออกมาพูดตลอด 3 ปี เพราะทำตามใจตัวเอง ไม่ได้ทำตามใจคนอื่น แต่ผมเสียใจ แต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน รับได้ไม่เท่ากัน ผมรับได้เท่านี้

    -เตรียมเก็บวัสดุวิเคราะห์

    -"แสวง"ให้นำโพยเข้าคูหา?

    -โมโตจีพีดันศก. 5 พันล้าน

    -แก้เกณฑ์ 50 ล้านเล่นกาสิโน
    ข้อความสุดท้าย 19.19 น. ไม่เชื่อเป็นอุบัติเหตุ : [NEWS UPDATE] เบิร์ด เทคนิค แฟน แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยไทม์ไลน์ไปภูเก็ตคือวันที่ 17 ก.พ. 2565 กลับกรุงเทพ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละคร ส่วนวันเกิดเหตุ 24 ก.พ. แตงโมบอกก่อนลงเรือ 1 คืน ว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน วันเกิดเหตุแตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ยืนยันไม่รู้จักคนบนเรือ รู้จักเพียงกระติกคนเดียวแต่ไม่สนิทกัน ซึ่งเวลา 19.19 น.ได้คุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมส่งข้อความบอกว่า "เธอกินข้าวหรือยัง เค้าถึงร้านอาหารลงเรือกินข้าวแล้ว เธอทำอะไร" ตนตอบกลับไปว่า "กินแล้ว" ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ อยากให้สังคมเสพข่าวแต่ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ ไม่เคยโดนข่มขู่และไม่กลัวใคร ส่วนที่ไม่ออกมาพูดตลอด 3 ปี เพราะทำตามใจตัวเอง ไม่ได้ทำตามใจคนอื่น แต่ผมเสียใจ แต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน รับได้ไม่เท่ากัน ผมรับได้เท่านี้ -เตรียมเก็บวัสดุวิเคราะห์ -"แสวง"ให้นำโพยเข้าคูหา? -โมโตจีพีดันศก. 5 พันล้าน -แก้เกณฑ์ 50 ล้านเล่นกาสิโน
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1032 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • “เบิร์ด-เทคนิค” เดินทางเข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลคดี "แตงโม" เชื่อไม่เป็นอุบัติเหตุและไม่เคยโดนข่มขู่ ส่วนคนบนเรือรู้จักแค่กระติกคนเดียวแต่ไม่สนิท

    วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 18.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) "เบิร์ด-เทคนิค" อดีตแฟนสาว น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังการเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูลคดี โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง

    เบิร์ด เทคนิค กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์และทำตามหน้าที่ทำในสิ่งที่นัดหมายไว้กับดีเอสไอ ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องสำคัญอะไรเพิ่มเติมก็ให้ดีเอสไอติดต่อตนได้โดยตรง ซึ่งวันนี้ให้ข้อมูลทางคดีกับดีเอสไอเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนไทม์ไลน์ที่ตนไปภูเก็ตคือตนไป จ.ภูเก็ต วันที่ 17 ก.พ. และกลับกรุงเทพฯในวันที่ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละครวันที่ 22 หรือ 23 ก.พ. ตนไม่แน่ใจ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ. โดยแตงโมบอกกับตนก่อนลงเรือ 1 คืนว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน

    เบิร์ด เทคนิค กล่าวอีกว่า ก่อนวันเกิดเหตุ แตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกกับตนว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ระหว่างตนนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นตนไม่เอะใจว่าเป็นการบอกลา เพราะทำเป็นปกติก่อนออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนบนเรือสักคน รู้จักเพียงกระติกคนเดียว แต่ก็ไม่สนิทกัน ส่วนคนชื่อเอ็กซ์ที่ให้ข้อมูลคนบนเรือ ตนไม่ได้สนิทด้วยรู้จักกันเพียงแค่วันไปขับรถเล่นที่บางแสน จ.ชลบุรี เพียงวันเดียว และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย ส่วนรายละเอียดอื่นอยู่ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว

    นอกจากนี้ วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.19 น. ตนคุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมบอกว่าถึงร้านอาหารแล้ว กินข้าวแล้ว เธอกินข้าวหรือยัง ตนตอบกลับไปว่ากินแล้ว กำลังทำงานอยู่ หลังจากที่เบิร์ดพูดประเด็นดังกล่าวปรากฏว่าเพื่อนของเบิร์ดที่มาด้วยพยายามดึงตัวเบิร์ดออกไปแล้วบอกว่า “พอแล้ว”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020781

    #MGROnline #เบิร์ดเทคนิค #ดีเอสไอ
    “เบิร์ด-เทคนิค” เดินทางเข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลคดี "แตงโม" เชื่อไม่เป็นอุบัติเหตุและไม่เคยโดนข่มขู่ ส่วนคนบนเรือรู้จักแค่กระติกคนเดียวแต่ไม่สนิท • วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 18.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) "เบิร์ด-เทคนิค" อดีตแฟนสาว น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังการเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูลคดี โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง • เบิร์ด เทคนิค กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์และทำตามหน้าที่ทำในสิ่งที่นัดหมายไว้กับดีเอสไอ ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องสำคัญอะไรเพิ่มเติมก็ให้ดีเอสไอติดต่อตนได้โดยตรง ซึ่งวันนี้ให้ข้อมูลทางคดีกับดีเอสไอเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนไทม์ไลน์ที่ตนไปภูเก็ตคือตนไป จ.ภูเก็ต วันที่ 17 ก.พ. และกลับกรุงเทพฯในวันที่ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละครวันที่ 22 หรือ 23 ก.พ. ตนไม่แน่ใจ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ. โดยแตงโมบอกกับตนก่อนลงเรือ 1 คืนว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน • เบิร์ด เทคนิค กล่าวอีกว่า ก่อนวันเกิดเหตุ แตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกกับตนว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ระหว่างตนนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นตนไม่เอะใจว่าเป็นการบอกลา เพราะทำเป็นปกติก่อนออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนบนเรือสักคน รู้จักเพียงกระติกคนเดียว แต่ก็ไม่สนิทกัน ส่วนคนชื่อเอ็กซ์ที่ให้ข้อมูลคนบนเรือ ตนไม่ได้สนิทด้วยรู้จักกันเพียงแค่วันไปขับรถเล่นที่บางแสน จ.ชลบุรี เพียงวันเดียว และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย ส่วนรายละเอียดอื่นอยู่ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว • นอกจากนี้ วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.19 น. ตนคุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมบอกว่าถึงร้านอาหารแล้ว กินข้าวแล้ว เธอกินข้าวหรือยัง ตนตอบกลับไปว่ากินแล้ว กำลังทำงานอยู่ หลังจากที่เบิร์ดพูดประเด็นดังกล่าวปรากฏว่าเพื่อนของเบิร์ดที่มาด้วยพยายามดึงตัวเบิร์ดออกไปแล้วบอกว่า “พอแล้ว” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020781 • #MGROnline #เบิร์ดเทคนิค #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 607 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน...
    ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้”
    หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน...
    ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที...
    ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...
    และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น...
    คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS”
    อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล...
    ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!!
    และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน... ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน... ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที... ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา... และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น... คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS” อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล... ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!! และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 895 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนมีนาคม 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข

    ในเดือน มีนาคมเป็นเดือน กี้ เบ้านักษัตร เถาะ พลังไม้ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน
    ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการลงทุนลงแรง พัฒนาต่อยอด การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง สิ่งประดิษฐ์ สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต สถานบันเทิง

    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนเถาะ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/LiK3ts9-Sas

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568
    00:00 บทนำ
    01:20 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:14 ดวง ปีฉลู (วัว)
    05:06 ดวง ปีขาล (เสือ)
    07:00 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:40 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:34 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:37 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    14:06 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    16:00 ดวง ปีวอก (ลิง)
    18:04ข ดวง ปีระกา (ไก่)
    19:51 ดวง ปีจอ (หมา)
    21:37 ดวง ปีกุน (หมู)

    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 5 มีนาคมถึงวันที่ 3 เมษายน 2568
    คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนมีนาคม 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข ในเดือน มีนาคมเป็นเดือน กี้ เบ้านักษัตร เถาะ พลังไม้ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการลงทุนลงแรง พัฒนาต่อยอด การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง สิ่งประดิษฐ์ สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต สถานบันเทิง ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนเถาะ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/LiK3ts9-Sas ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568 00:00 บทนำ 01:20 ดวง ปีชวด (หนู) 03:14 ดวง ปีฉลู (วัว) 05:06 ดวง ปีขาล (เสือ) 07:00 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:40 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:34 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:37 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 14:06 ดวง ปีมะแม (แพะ) 16:00 ดวง ปีวอก (ลิง) 18:04ข ดวง ปีระกา (ไก่) 19:51 ดวง ปีจอ (หมา) 21:37 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 5 มีนาคมถึงวันที่ 3 เมษายน 2568
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้นำแนวคิดของผู้ช่วยเสียงแบบสนทนาไปสู่ระดับใหม่ด้วยการเปิดตัว Alexa+ ที่มีความสามารถในการดำเนินงานที่ทำให้เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่ง โดย Alexa+ สามารถทำงานประจำวันให้กับคุณได้ นอกจากนี้ยังทำให้เทคโนโลยีผู้ช่วยเสียงเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งของ Amazon

    หากคุณเคยลองใช้ผู้ช่วยเสียง AI อื่น ๆ และยังไม่ประทับใจใน Alexa+ ต่อไปนี้คือเหตุผลที่อาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ:

    = ความเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ Alexa และ Prime =
    หนึ่งในจุดเด่นของ Alexa+ คือการที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ AI เต็มรูปแบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ การอัปเกรดนี้ถูกนำมาใช้ร่วมกับการสมัครสมาชิก Amazon Prime ซึ่งมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การจัดส่งฟรีแบบสองวันและการเข้าถึง Prime Video ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ

    = ผู้ช่วยเสียง AI ที่ล้ำหน้าที่สุด =
    Alexa+ ได้รับการออกแบบให้สามารถเข้าใจการสนทนาและกระบวนการคิดที่ไม่เป็นลำดับและการตอบสนองต่อคำถามหลายรอบ นอกจากนี้ Alexa+ ยังสามารถดำเนินการต่างๆ ด้วยคำสั่งเสียงง่ายๆ เช่น การจองร้านอาหารหรือการสั่งซื้อของชำผ่านบริการที่รวมเข้ากับระบบ

    = ความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ =
    Amazon ได้ร่วมมือกับบริษัทและบริการชั้นนำ เช่น Ticketmaster, OpenTable, Vagaro, Amazon Fresh, และ UberEats เพื่อให้ Alexa+ สามารถจัดการงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจองร้านอาหาร การซ่อมแซมอุปกรณ์ในครัว หรือการสั่งของชำ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก Alexa+ ได้มากยิ่งขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/3-ways-amazon-just-leapfrogged-apple-google-and-chatgpt-in-the-ai-race/
    Amazon ได้นำแนวคิดของผู้ช่วยเสียงแบบสนทนาไปสู่ระดับใหม่ด้วยการเปิดตัว Alexa+ ที่มีความสามารถในการดำเนินงานที่ทำให้เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่ง โดย Alexa+ สามารถทำงานประจำวันให้กับคุณได้ นอกจากนี้ยังทำให้เทคโนโลยีผู้ช่วยเสียงเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งของ Amazon หากคุณเคยลองใช้ผู้ช่วยเสียง AI อื่น ๆ และยังไม่ประทับใจใน Alexa+ ต่อไปนี้คือเหตุผลที่อาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ: = ความเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ Alexa และ Prime = หนึ่งในจุดเด่นของ Alexa+ คือการที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ AI เต็มรูปแบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ การอัปเกรดนี้ถูกนำมาใช้ร่วมกับการสมัครสมาชิก Amazon Prime ซึ่งมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การจัดส่งฟรีแบบสองวันและการเข้าถึง Prime Video ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ = ผู้ช่วยเสียง AI ที่ล้ำหน้าที่สุด = Alexa+ ได้รับการออกแบบให้สามารถเข้าใจการสนทนาและกระบวนการคิดที่ไม่เป็นลำดับและการตอบสนองต่อคำถามหลายรอบ นอกจากนี้ Alexa+ ยังสามารถดำเนินการต่างๆ ด้วยคำสั่งเสียงง่ายๆ เช่น การจองร้านอาหารหรือการสั่งซื้อของชำผ่านบริการที่รวมเข้ากับระบบ = ความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ = Amazon ได้ร่วมมือกับบริษัทและบริการชั้นนำ เช่น Ticketmaster, OpenTable, Vagaro, Amazon Fresh, และ UberEats เพื่อให้ Alexa+ สามารถจัดการงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจองร้านอาหาร การซ่อมแซมอุปกรณ์ในครัว หรือการสั่งของชำ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก Alexa+ ได้มากยิ่งขึ้น https://www.zdnet.com/article/3-ways-amazon-just-leapfrogged-apple-google-and-chatgpt-in-the-ai-race/
    WWW.ZDNET.COM
    3 ways Amazon just leapfrogged Apple, Google, and ChatGPT in the AI race
    The long-awaited Amazon Alexa+ upgrade is here, setting a new pace for AI voice assistants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts