• เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน

    วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว

    ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ

    ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป

    #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน • วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว • ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ • ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป • #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68
    .
    รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68 . รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    Like
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมื่อกระแสความกังวลด้านความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดการยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก ทั้งแพกเกจทัวร์และการจองตั๋วเครื่องบิน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลที่เคยคึกคักมากที่สุด

    ในช่วงต้นปี 2568 การเดินทางไปไทยของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทท่องเที่ยวและแพลตฟอร์มจองทริปออนไลน์หลายแห่งรายงานว่ามียอดยกเลิกการจองแพกเกจทัวร์และตั๋วเครื่องบินในปริมาณมาก

    บริษัทท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ รายงานว่ายอดการยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บางบริษัทระบุว่าสัดส่วนการยกเลิกสูงถึง 30% ของจำนวนการจองทั้งหมด

    ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีน หลายคนแสดงความเห็นว่าพวกเขาเลือกยกเลิกการเดินทางแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้รับคืนเต็มจำนวน ค่าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือค่าซิมการ์ด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,650 หยวน (ประมาณ 8,212 บาท) ต่อคน พวกเขายอมรับว่าความปลอดภัยสำคัญกว่า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003971

    #MGROnline #นักท่องเที่ยวจีน #ยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทย
    ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมื่อกระแสความกังวลด้านความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดการยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก ทั้งแพกเกจทัวร์และการจองตั๋วเครื่องบิน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลที่เคยคึกคักมากที่สุด • ในช่วงต้นปี 2568 การเดินทางไปไทยของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทท่องเที่ยวและแพลตฟอร์มจองทริปออนไลน์หลายแห่งรายงานว่ามียอดยกเลิกการจองแพกเกจทัวร์และตั๋วเครื่องบินในปริมาณมาก • บริษัทท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ รายงานว่ายอดการยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บางบริษัทระบุว่าสัดส่วนการยกเลิกสูงถึง 30% ของจำนวนการจองทั้งหมด • ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีน หลายคนแสดงความเห็นว่าพวกเขาเลือกยกเลิกการเดินทางแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้รับคืนเต็มจำนวน ค่าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือค่าซิมการ์ด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,650 หยวน (ประมาณ 8,212 บาท) ต่อคน พวกเขายอมรับว่าความปลอดภัยสำคัญกว่า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003971 • #MGROnline #นักท่องเที่ยวจีน #ยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกนักท่องเที่ยวจีนไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน หวังสร้างความเชื่อมั่น พร้อมรองรับสถานการณ์ในทุกมิติ

    จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม

    วันนี้ (12 ม.ค.) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทท.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000003379

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ยกระดับ #มาตรการดูแลความปลอดภัย #นักท่องเที่ยว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หลอกนักท่องเที่ยวจีน
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกนักท่องเที่ยวจีนไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน หวังสร้างความเชื่อมั่น พร้อมรองรับสถานการณ์ในทุกมิติ • จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม • วันนี้ (12 ม.ค.) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทท.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000003379 • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ยกระดับ #มาตรการดูแลความปลอดภัย #นักท่องเที่ยว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หลอกนักท่องเที่ยวจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมหมูเด้ง ถึงฮีลใจคนไทย

    ท่ามกลางบ้านเมืองที่ไม่แน่นอน เศรษฐกิจซบเซาและสังคมตกต่ำ คนไทยต่างพยายามหาสารพัดวิธีเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดและเสียสุขภาพจิต ตั้งแต่เพลงและท่าเต้นไวรัล คอนเทนต์จาก OTT รวมไปถึงคอนเทนต์ฮีลใจ ซึ่งปีที่ผ่านมาคลิปท่องเที่ยวของสองหนุ่มเกาหลี พี่จอง-คัลเลน แห่งช่อง Cullen HateBerry ได้รับความนิยมอย่างมาก

    ปี 2567 สังคมฮีลใจอยู่ 3 อย่าง เริ่มจากสารวัตรแจ๊ะ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ที่มีวีดีโอคลิปผลงานจับกุมในเพจ "สืบนครบาล" ด้วยคาแรกเตอร์สวมหมวกไหมพรม ใส่แว่นตา ปิดแมสก์ กางเกงยีนส์ทรงกระบอกขาดๆ ทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ต ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความขึงขังดุดัน แต่จิตใจภายในอ่อนโยน ทำฮีลใจสังคมในยามที่วงการสีกากีเกิดวิกฤตศรัทธา

    ตามมาด้วย หมีเนย มาสคอตประจำร้านขนมหวานบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) ที่ดึงความสนใจทั้งชาวไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน ด้วยคาแรกเตอร์ที่เต้นตามเพลงต่างๆ ด้วยความน่ารักจริตแบบสาวน้อยวัยใส นอกจากจะสร้างชื่อเสียงแบบร้านแทบแตกแล้ว ยังได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมตการท่องเที่ยว โดยเน้นไปที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนอีกด้วย

    แต่ที่โด่งดังระดับโลกคือ หมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี เกิดจากพ่อโทนี่และแม่โจวน่าเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 ด้วยความที่พี่เลี้ยงอย่าง เบนซ์ อรรถพล หนุนดี มักจะถ่ายวีดีโอคลิปลงในเพจ "ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง" ทำให้โด่งดังระดับโลก ผู้คนเข้าชมสวนสัตว์นับแสนคน มีสินค้าลิขสิทธิ์นับร้อยรายการ นำรายได้ช่วยเหลือสวัสดิภาพสัตว์

    มีโพสต์ที่น่าสนใจจากเพจ American Heart Association - Pennsylvania ที่สหรัฐอเมริกา ระบุถึง 5 เหตุผลว่าทำไมหมูเด้งถึงเป็นแบบอย่างด้านสุขภาพ ได้แก่

    1. หมูเด้งกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ หญ้า ผลไม้ และใบไม้ เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว การได้เพิ่มอาหารประเภทผัก ผลไม้ลงในจาน ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น

    2. หมูเด้งรู้จักออกกำลังกาย เพราะทั้งวิ่ง กระโดด และว่ายน้ำ ซึ่งการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ทำให้หัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น

    3. หมูเด้งไม่เก็บซ่อนความรู้สึก มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็น ไม่ว่าจะมีความสุข เคือง หิว ง่วงนอน หรือโกรธจัด ซึ่งการแสดงอารมณ์ออกมาตรงๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิต

    4. หมูเด้งชอบนอนหลับ ซึ่งโดยธรรมชาติฮิปโปแคระต้องการการนอนหลับมากกว่ามนุษย์เล็กน้อย แต่การนอนหลับในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นตัวได้

    5. หมูเด้งช่วยลดความเครียดของคนเราได้ เพราะการใช้เวลาอยู่กับสัตว์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความเครียดได้ ดังนั้นการชมวีดีโอคลิปตลกๆ ของหมูเด้งจึงยังคงมีอยู่ต่อไป

    #Newskit
    ทำไมหมูเด้ง ถึงฮีลใจคนไทย ท่ามกลางบ้านเมืองที่ไม่แน่นอน เศรษฐกิจซบเซาและสังคมตกต่ำ คนไทยต่างพยายามหาสารพัดวิธีเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดและเสียสุขภาพจิต ตั้งแต่เพลงและท่าเต้นไวรัล คอนเทนต์จาก OTT รวมไปถึงคอนเทนต์ฮีลใจ ซึ่งปีที่ผ่านมาคลิปท่องเที่ยวของสองหนุ่มเกาหลี พี่จอง-คัลเลน แห่งช่อง Cullen HateBerry ได้รับความนิยมอย่างมาก ปี 2567 สังคมฮีลใจอยู่ 3 อย่าง เริ่มจากสารวัตรแจ๊ะ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ที่มีวีดีโอคลิปผลงานจับกุมในเพจ "สืบนครบาล" ด้วยคาแรกเตอร์สวมหมวกไหมพรม ใส่แว่นตา ปิดแมสก์ กางเกงยีนส์ทรงกระบอกขาดๆ ทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ต ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความขึงขังดุดัน แต่จิตใจภายในอ่อนโยน ทำฮีลใจสังคมในยามที่วงการสีกากีเกิดวิกฤตศรัทธา ตามมาด้วย หมีเนย มาสคอตประจำร้านขนมหวานบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) ที่ดึงความสนใจทั้งชาวไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน ด้วยคาแรกเตอร์ที่เต้นตามเพลงต่างๆ ด้วยความน่ารักจริตแบบสาวน้อยวัยใส นอกจากจะสร้างชื่อเสียงแบบร้านแทบแตกแล้ว ยังได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมตการท่องเที่ยว โดยเน้นไปที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนอีกด้วย แต่ที่โด่งดังระดับโลกคือ หมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี เกิดจากพ่อโทนี่และแม่โจวน่าเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 ด้วยความที่พี่เลี้ยงอย่าง เบนซ์ อรรถพล หนุนดี มักจะถ่ายวีดีโอคลิปลงในเพจ "ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง" ทำให้โด่งดังระดับโลก ผู้คนเข้าชมสวนสัตว์นับแสนคน มีสินค้าลิขสิทธิ์นับร้อยรายการ นำรายได้ช่วยเหลือสวัสดิภาพสัตว์ มีโพสต์ที่น่าสนใจจากเพจ American Heart Association - Pennsylvania ที่สหรัฐอเมริกา ระบุถึง 5 เหตุผลว่าทำไมหมูเด้งถึงเป็นแบบอย่างด้านสุขภาพ ได้แก่ 1. หมูเด้งกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ หญ้า ผลไม้ และใบไม้ เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว การได้เพิ่มอาหารประเภทผัก ผลไม้ลงในจาน ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น 2. หมูเด้งรู้จักออกกำลังกาย เพราะทั้งวิ่ง กระโดด และว่ายน้ำ ซึ่งการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ทำให้หัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น 3. หมูเด้งไม่เก็บซ่อนความรู้สึก มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็น ไม่ว่าจะมีความสุข เคือง หิว ง่วงนอน หรือโกรธจัด ซึ่งการแสดงอารมณ์ออกมาตรงๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิต 4. หมูเด้งชอบนอนหลับ ซึ่งโดยธรรมชาติฮิปโปแคระต้องการการนอนหลับมากกว่ามนุษย์เล็กน้อย แต่การนอนหลับในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นตัวได้ 5. หมูเด้งช่วยลดความเครียดของคนเราได้ เพราะการใช้เวลาอยู่กับสัตว์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความเครียดได้ ดังนั้นการชมวีดีโอคลิปตลกๆ ของหมูเด้งจึงยังคงมีอยู่ต่อไป #Newskit
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมเชือดตำรวจ นำขบวนรถวีไอพี ครองถนนมอเตอร์เวย์
    .
    เมื่อปี 2566 เคยเกิดกรณีตำรวจไทยบริการเป็นรถนำขบวนให้กับนักท่องเที่ยวจีนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนทำให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และดำเนินคดีอาญากับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 นาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ได้เกิดกรณีใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว ภายหลังมีคลิปเหตุการณ์บนถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งมาจากการเผยแพร่ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ขณะพบตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ปิดขบวนประกบให้กับขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนคนอื่นๆขับรถผ่านไปได้
    .
    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ระบุว่า พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานเบื้องต้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจทางหลวงนำรถขบวนรถหรูดังกล่าวโดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อไปงานเดินเดิ่นโคราช เทศกาลกินเจ ชมรถหรู ดูดนตรี ที่นครราชสีมา โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชั้นประทวนเป็นผู้นำขบวนและไม่ได้มีการแจ้งไปยังต้นสังกัด จึงได้สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมพิจารณาโทษฑัณฑ์
    .
    อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยให้มาช่วยราชการที่ ศปก.สถานีตำรวจทางหลวง 1 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    เตรียมเชือดตำรวจ นำขบวนรถวีไอพี ครองถนนมอเตอร์เวย์ . เมื่อปี 2566 เคยเกิดกรณีตำรวจไทยบริการเป็นรถนำขบวนให้กับนักท่องเที่ยวจีนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนทำให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และดำเนินคดีอาญากับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 นาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ได้เกิดกรณีใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว ภายหลังมีคลิปเหตุการณ์บนถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งมาจากการเผยแพร่ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ขณะพบตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ปิดขบวนประกบให้กับขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนคนอื่นๆขับรถผ่านไปได้ . จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ระบุว่า พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานเบื้องต้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน . ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจทางหลวงนำรถขบวนรถหรูดังกล่าวโดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อไปงานเดินเดิ่นโคราช เทศกาลกินเจ ชมรถหรู ดูดนตรี ที่นครราชสีมา โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชั้นประทวนเป็นผู้นำขบวนและไม่ได้มีการแจ้งไปยังต้นสังกัด จึงได้สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมพิจารณาโทษฑัณฑ์ . อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยให้มาช่วยราชการที่ ศปก.สถานีตำรวจทางหลวง 1 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 985 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่องไทยเที่ยวมาเลย์ฯ ครึ่งปี 8.1 แสนคน

    ในขณะที่กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 15 ก.ย. 2567 พบว่ามีจำนวน 24,810,988 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 5,002,975 คน รองลงมาคือ มาเลเซีย 3,517,586 คน อินเดีย 1,442,978 คน เกาหลีใต้ 1,316,895 คน และรัสเซีย 1,119,768 คน

    มาดูกันที่การท่องเที่ยวมาเลเซีย (Tourism Malaysia) เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง ม.ค. ถึง มิ.ย. 2567 รวม 11,808,937 คน สร้างรายได้ 45,422 ล้านริงกิต โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,276,007 คน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 1,786,630 คน จีน 1,449,711 คน ไทย 813,783 คน และบรูไน 565,999 คน

    ส่วนรูปแบบการเดินทาง พบว่าทางบก 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านด่านทัมบักยะโฮร์ รัฐยะโฮร์มากที่สุด 2,711,430 คน รองลงมาคือ ด่านเกอลังปาตาห์ รัฐยะโฮร์ 1,976,578 คน ทั้งสองด่านติดกับสิงคโปร์ อันดับสาม ด่านสุไหงตูจูห์ รัฐซาราวัก 326,038 คน ติดกับบรูไน อันดับสี่ ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ 267,902 คน และด่านปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส 198,546 คน ทั้งสองด่านติดกับประเทศไทย

    ทางอากาศ 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มากที่สุด 1,926,191 คน รองลงมาคือ กัวลาลัมเปอร์ 2 (KLIA 2) 1,749,623 คน อันดับสาม สนามบินบายันเลอปัซ รัฐปีนัง (PEN) 523,920 คน อันดับสี่ สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) ซาบาห์ 290,021 คน และอันดับ 5 สนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 63,244 คน

    ที่น่าสนใจก็คือ นักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร (Excursionist Arrivals) รวม 5,670,061 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,121,879 คน รองลงมาคือ ไทย 361,035 คน บรูไน 319,421 คน อินโดนีเซีย 244,481 คน และจีน 157,702 คน โดยพบว่าเดินทางผ่านทางบกมากที่สุด 91.7% รองลงมาคือทางอากาศ 6.1% ทางรถไฟ 1.9% และทางทะเล 0.4%

    ก่อนหน้านี้ในรายงานประจำปี 2023 พบว่าประเทศมาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศรวม 20,141,846 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 71,308.5 ล้านริงกิต โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 8,308,230 คน อันดับ 2 อินโดนีเซีย 3,108,165 คน อันดับ 3 ประเทศไทย 1,551,282 คน อันดับ 4 จีน 1,474,114 คน และอันดับ 5 บรูไน 811,833 คน

    ส่วนนักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร มีทั้งหมด 8,822,462 คน โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 6,520,323 คน อันดับ 2 ประเทศไทย 748,876 คน อันดับ 3 อินโดนีเซีย 371,227 คน อันดับ 4 บรูไน 304,378 คน และอันดับ 5 จีน 139,198 คน

    #Newskit #TourismMalaysia #การท่องเที่ยวมาเลเซีย
    ส่องไทยเที่ยวมาเลย์ฯ ครึ่งปี 8.1 แสนคน ในขณะที่กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 15 ก.ย. 2567 พบว่ามีจำนวน 24,810,988 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 5,002,975 คน รองลงมาคือ มาเลเซีย 3,517,586 คน อินเดีย 1,442,978 คน เกาหลีใต้ 1,316,895 คน และรัสเซีย 1,119,768 คน มาดูกันที่การท่องเที่ยวมาเลเซีย (Tourism Malaysia) เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง ม.ค. ถึง มิ.ย. 2567 รวม 11,808,937 คน สร้างรายได้ 45,422 ล้านริงกิต โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,276,007 คน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 1,786,630 คน จีน 1,449,711 คน ไทย 813,783 คน และบรูไน 565,999 คน ส่วนรูปแบบการเดินทาง พบว่าทางบก 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านด่านทัมบักยะโฮร์ รัฐยะโฮร์มากที่สุด 2,711,430 คน รองลงมาคือ ด่านเกอลังปาตาห์ รัฐยะโฮร์ 1,976,578 คน ทั้งสองด่านติดกับสิงคโปร์ อันดับสาม ด่านสุไหงตูจูห์ รัฐซาราวัก 326,038 คน ติดกับบรูไน อันดับสี่ ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ 267,902 คน และด่านปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส 198,546 คน ทั้งสองด่านติดกับประเทศไทย ทางอากาศ 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มากที่สุด 1,926,191 คน รองลงมาคือ กัวลาลัมเปอร์ 2 (KLIA 2) 1,749,623 คน อันดับสาม สนามบินบายันเลอปัซ รัฐปีนัง (PEN) 523,920 คน อันดับสี่ สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) ซาบาห์ 290,021 คน และอันดับ 5 สนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 63,244 คน ที่น่าสนใจก็คือ นักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร (Excursionist Arrivals) รวม 5,670,061 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,121,879 คน รองลงมาคือ ไทย 361,035 คน บรูไน 319,421 คน อินโดนีเซีย 244,481 คน และจีน 157,702 คน โดยพบว่าเดินทางผ่านทางบกมากที่สุด 91.7% รองลงมาคือทางอากาศ 6.1% ทางรถไฟ 1.9% และทางทะเล 0.4% ก่อนหน้านี้ในรายงานประจำปี 2023 พบว่าประเทศมาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศรวม 20,141,846 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 71,308.5 ล้านริงกิต โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 8,308,230 คน อันดับ 2 อินโดนีเซีย 3,108,165 คน อันดับ 3 ประเทศไทย 1,551,282 คน อันดับ 4 จีน 1,474,114 คน และอันดับ 5 บรูไน 811,833 คน ส่วนนักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร มีทั้งหมด 8,822,462 คน โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 6,520,323 คน อันดับ 2 ประเทศไทย 748,876 คน อันดับ 3 อินโดนีเซีย 371,227 คน อันดับ 4 บรูไน 304,378 คน และอันดับ 5 จีน 139,198 คน #Newskit #TourismMalaysia #การท่องเที่ยวมาเลเซีย
    Like
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1011 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥 ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC
    ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย
    ใน 3 มิติ ดังนี้

    🚩1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย)

    SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567
    เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6%
    ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว

    สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน
    บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์
    ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่

    🚩2. อัตราเงินเฟ้อของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567
    จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง
    ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้
    และต่อเนื่องไปในปีหน้า

    🚩3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50%
    และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268
    จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น
    ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย
    #thaitimes
    💥💥 ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย ใน 3 มิติ ดังนี้ 🚩1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย) SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6% ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์ ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่ 🚩2. อัตราเงินเฟ้อของไทย SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ และต่อเนื่องไปในปีหน้า 🚩3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268 จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1317 มุมมอง 0 รีวิว
  • VIRAL SPOT ป้าย Maybank

    เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย

    แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง

    ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda)

    ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว

    โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

    ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล

    ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้

    #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    VIRAL SPOT ป้าย Maybank เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda) ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้ #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1143 มุมมอง 0 รีวิว