• สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันตรังยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาปาล์มราคาตกต่ำซ้ำซาก
    https://www.thai-tai.tv/news/18305/
    สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันตรังยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาปาล์มราคาตกต่ำซ้ำซาก https://www.thai-tai.tv/news/18305/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสอบตึก สตง.เริ่มล่าช้า 'อิ๊งค์' กำชับทำให้เร็ว กรมโยธาฯ ขอเวลา 90 วัน
    .
    ท่ามกลางความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพยายามเคลียร์ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่พังถล่มลงมา อีกด้านหนึ่งก็มีการเดินหน้าเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของการก่อสร้าง แต่ปรากฎว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มทำงานในเรื่องนี้ล่าช้าพอสมควร ถึงขนาดที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องกำชับให้ดำเนินกรในเรื่องนี้ด้วยความรวดเร็วกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037943

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผลสอบตึก สตง.เริ่มล่าช้า 'อิ๊งค์' กำชับทำให้เร็ว กรมโยธาฯ ขอเวลา 90 วัน . ท่ามกลางความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพยายามเคลียร์ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่พังถล่มลงมา อีกด้านหนึ่งก็มีการเดินหน้าเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของการก่อสร้าง แต่ปรากฎว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มทำงานในเรื่องนี้ล่าช้าพอสมควร ถึงขนาดที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องกำชับให้ดำเนินกรในเรื่องนี้ด้วยความรวดเร็วกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037943 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลย์ถกไทย ทำรถไฟแพนเอเชีย

    หลังจากการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ล่าสุด นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย มีกำหนดพบกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในวันที่ 2 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย (PARN) และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาคการขนส่ง

    โดยโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ได้แก่ การก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลกแห่งที่ 2 ระหว่างด่าน ICQS รันเตาปันยัง รัฐกลันตัน กับด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส การก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างด่าน ICQS บูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดะห์ กับด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา ถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านปะลิสกับจังหวัดสตูล ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาทางรถไฟทั่วโลก โดยตระหนักถึงโอกาสสำคัญของทางรถไฟในแต่ละประเทศ และบทบาทในการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค

    การประชุมครั้งถัดไปจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือในภาคส่วนรถไฟระหว่างสองประเทศ ซึ่งขณะนี้จำกัดอยู่เพียงการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น แม้จะมีความร่วมมือระหว่างการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กับการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว แต่การยกระดับความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟเชิงยุทธศาสตร์เกิดขึ้นได้ การเชื่อมโยงเครือข่ายรถไฟระหว่างมาเลเซียและไทย จะสามารถเปิดเส้นทางข้ามอาเซียนและจีนได้ นำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลให้กับภูมิภาคอาเซียน

    มีรายงานว่า มาเลเซียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการค้าฮาลาลระหว่างมาเลเซียและจีน ระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้ ยังสนับสนุนโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเปิดตลาดในจีนตะวันตก โดยเฉพาะในภูมิภาคมองโกเลียใน ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียร่วมกับไทยและพันธมิตรจากจีน เปิดตัวโครงการ Asean Express นำร่องขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังเมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ผ่านประเทศไทยและลาว โดยใช้เวลาเพียง 9 วัน

    สำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย มีจุดเริ่มต้นจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน แบ่งเป็น 3 สาย ได้แก่ 1. คุนหมิง–ต้าหลี่-รุ่ยลี่-ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ 2. คุนหมิง–ยวี่ซี-โม่หาน-เวียงจันทน์–กรุงเทพฯ 3. คุนหมิง–ยวี่ซี–เหอโขว่-ฮานอย-โฮจิมินห์-พนมเปญ-กรุงเทพฯ จากนั้นลงสู่ทางใต้ ผ่านประเทศมาเลเซีย ปลายทางประเทศสิงคโปร์

    #Newskit
    มาเลย์ถกไทย ทำรถไฟแพนเอเชีย หลังจากการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ล่าสุด นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย มีกำหนดพบกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในวันที่ 2 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย (PARN) และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาคการขนส่ง โดยโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ได้แก่ การก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลกแห่งที่ 2 ระหว่างด่าน ICQS รันเตาปันยัง รัฐกลันตัน กับด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส การก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างด่าน ICQS บูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดะห์ กับด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา ถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านปะลิสกับจังหวัดสตูล ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาทางรถไฟทั่วโลก โดยตระหนักถึงโอกาสสำคัญของทางรถไฟในแต่ละประเทศ และบทบาทในการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค การประชุมครั้งถัดไปจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือในภาคส่วนรถไฟระหว่างสองประเทศ ซึ่งขณะนี้จำกัดอยู่เพียงการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น แม้จะมีความร่วมมือระหว่างการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กับการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว แต่การยกระดับความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟเชิงยุทธศาสตร์เกิดขึ้นได้ การเชื่อมโยงเครือข่ายรถไฟระหว่างมาเลเซียและไทย จะสามารถเปิดเส้นทางข้ามอาเซียนและจีนได้ นำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลให้กับภูมิภาคอาเซียน มีรายงานว่า มาเลเซียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการค้าฮาลาลระหว่างมาเลเซียและจีน ระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้ ยังสนับสนุนโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเปิดตลาดในจีนตะวันตก โดยเฉพาะในภูมิภาคมองโกเลียใน ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียร่วมกับไทยและพันธมิตรจากจีน เปิดตัวโครงการ Asean Express นำร่องขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังเมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ผ่านประเทศไทยและลาว โดยใช้เวลาเพียง 9 วัน สำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย มีจุดเริ่มต้นจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน แบ่งเป็น 3 สาย ได้แก่ 1. คุนหมิง–ต้าหลี่-รุ่ยลี่-ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ 2. คุนหมิง–ยวี่ซี-โม่หาน-เวียงจันทน์–กรุงเทพฯ 3. คุนหมิง–ยวี่ซี–เหอโขว่-ฮานอย-โฮจิมินห์-พนมเปญ-กรุงเทพฯ จากนั้นลงสู่ทางใต้ ผ่านประเทศมาเลเซีย ปลายทางประเทศสิงคโปร์ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • 48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า 🇹🇭⚖️ เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ

    ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม

    🧭 บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ

    เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️

    จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?” 🤔

    👤 จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง” 🪖

    เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

    ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ 🎖️

    อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง

    ⚔️ ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง

    แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน

    แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที

    🔥 ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น

    นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ”

    แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที

    ✨ ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ

    นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"?

    🕊️ ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด”
    เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?”

    ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง

    เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ✍️ ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด

    เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา🙏

    เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง

    คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ"

    จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก

    🪦 เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า

    “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด

    เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?"

    สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ"

    🧩 เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?”

    แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?”

    การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล

    การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้

    การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป

    ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย...

    🔚 เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่ 📜⚖️

    48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568

    📱 #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า 🇹🇭⚖️ เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม 🧭 บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️ จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?” 🤔 👤 จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง” 🪖 เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ 🎖️ อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง ⚔️ ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที 🔥 ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ” แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที ✨ ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"? 🕊️ ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด” เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?” ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ✍️ ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา🙏 เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ" จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก 🪦 เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?" สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ" 🧩 เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?” แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?” การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้ การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย... 🔚 เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่ 📜⚖️ 48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568 📱 #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุริยะ" เผย FAA ประกาศยกระดับไทยขึ้น Category 1 ปลดล็อกสายการบินของไทย บินตรงเข้าสหรัฐฯ ได้ หลังติดหล่มตกชั้นตั้งแต่ปี 2558 ยืนยันไทยแก้ไขข้อบกพร่องการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินได้ตามมาตรฐาน

    วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration) หรือ FAA ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปรับระดับมาตรฐานการบินของไทย จาก Category 2 (CAT2) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2558 ยกระดับกลับไปสู่ Category 1 (CAT1) เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบินอยู่ในระดับมาตรฐานสากล นับเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของไทยในรอบเกือบ 10 ปี

    การที่ไทยได้กลับสู่ FAA Category 1 จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะการเปิดหรือขยายเส้นทางบินของสายการบินไทยไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิม จะสามารถเปิดเส้นทางใหม่หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลการประเมินของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางระหว่างประเทศ คนไทยจะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งในด้านเส้นทาง เวลาเดินทาง และราคาที่แข่งขันกันมากขึ้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037661

    #MGROnline #CAT1 #กลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบิน #ระดับมาตรฐานสากล
    "สุริยะ" เผย FAA ประกาศยกระดับไทยขึ้น Category 1 ปลดล็อกสายการบินของไทย บินตรงเข้าสหรัฐฯ ได้ หลังติดหล่มตกชั้นตั้งแต่ปี 2558 ยืนยันไทยแก้ไขข้อบกพร่องการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินได้ตามมาตรฐาน • วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration) หรือ FAA ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปรับระดับมาตรฐานการบินของไทย จาก Category 2 (CAT2) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2558 ยกระดับกลับไปสู่ Category 1 (CAT1) เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบินอยู่ในระดับมาตรฐานสากล นับเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของไทยในรอบเกือบ 10 ปี • การที่ไทยได้กลับสู่ FAA Category 1 จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะการเปิดหรือขยายเส้นทางบินของสายการบินไทยไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิม จะสามารถเปิดเส้นทางใหม่หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลการประเมินของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางระหว่างประเทศ คนไทยจะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งในด้านเส้นทาง เวลาเดินทาง และราคาที่แข่งขันกันมากขึ้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037661 • #MGROnline #CAT1 #กลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบิน #ระดับมาตรฐานสากล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียที่ฝักใฝ่รัสเซีย มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งฝ่ายเสรีนิยม

    ในโรมาเนีย บรรยากาศทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมกำลังเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

    จากผลสำรวจล่าสุดของหน่วยงาน "Sociopol" ที่มีชื่อเสียง ผู้สมัครฝ่ายขวา จอร์จ ซิมิออน (George Simion) มีคะแนนนำทิ่งห่างมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคะแนนสนับสนุนจากประชาชนถึง 35% ส่วนอันดับสองคืออดีตนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ปอนตา มีเพียง 22% ซึ่งบ่งชี้ว่าทั้งสองคนนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองมากที่สุด

    สถานการณ์แบบนี้ยุโรปมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาตั้งเป้าหมายให้โรมาเนียเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะใช้ต่อต้านรัสเซีย หลังจากพลาดท่าจากยูเครน

    ซิมิออน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนีย แสดงออกอย่างชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางการเมืองในประเทศใหม่ โดยการนำพาประเทศออกจากอิทธิพลของยุโรป และกลับไปสานสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียอีกครั้ง รวมทั้งประกาศว่า จะนำ "คาลิน จอร์เชสคู" กลับสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกศาลยกเลิกผลการเลือกตั้งในช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งรอบที่สองจะเกิดขึ้น

    “เมื่อผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะนำจอร์เชสคูกลับมา เพราะเขาเป็นชาวโรมาเนียที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด” ซิมิออนกล่าว

    แรงกดดันจากต่างประเทศและข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานของศาล ที่ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียออกคำตัดสินยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา และห้ามจอร์เชสคูลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้ง
    ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียที่ฝักใฝ่รัสเซีย มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งฝ่ายเสรีนิยม ในโรมาเนีย บรรยากาศทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมกำลังเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลสำรวจล่าสุดของหน่วยงาน "Sociopol" ที่มีชื่อเสียง ผู้สมัครฝ่ายขวา จอร์จ ซิมิออน (George Simion) มีคะแนนนำทิ่งห่างมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคะแนนสนับสนุนจากประชาชนถึง 35% ส่วนอันดับสองคืออดีตนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ปอนตา มีเพียง 22% ซึ่งบ่งชี้ว่าทั้งสองคนนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองมากที่สุด สถานการณ์แบบนี้ยุโรปมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาตั้งเป้าหมายให้โรมาเนียเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะใช้ต่อต้านรัสเซีย หลังจากพลาดท่าจากยูเครน ซิมิออน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนีย แสดงออกอย่างชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางการเมืองในประเทศใหม่ โดยการนำพาประเทศออกจากอิทธิพลของยุโรป และกลับไปสานสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียอีกครั้ง รวมทั้งประกาศว่า จะนำ "คาลิน จอร์เชสคู" กลับสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกศาลยกเลิกผลการเลือกตั้งในช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งรอบที่สองจะเกิดขึ้น “เมื่อผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะนำจอร์เชสคูกลับมา เพราะเขาเป็นชาวโรมาเนียที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด” ซิมิออนกล่าว แรงกดดันจากต่างประเทศและข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานของศาล ที่ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียออกคำตัดสินยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา และห้ามจอร์เชสคูลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น

    ✅ ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก
    - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI"
    - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก

    ✅ ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
    - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI
    - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น

    ✅ NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
    - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI

    ✅ AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI
    - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD

    https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น ✅ ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI" - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก ✅ ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น ✅ NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI ✅ AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA and AMD CEOs Pay a Visit To Japan In Quick Succession, Meet with PM Ishiba to Capitalize on the Nation's AI Ambitions
    The CEOs of NVIDIA and AMD have reportedly visited Japan in quick succession, as both firms are eager to capitalize on a growing AI market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม

    การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547

    ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน

    ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน

    แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง

    #Newskit
    "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547 ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคณะเจรจาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมเจรจาในวันที่ 23 เม.ย. นี้ โดยเตรียมหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หลังจากเดินทางกลับมาก่อน ซึ่งกระทรวงกลาโหมไทยและกองทัพสหรัฐไม่มีปัญหาอะไร และยังดำรงความสัมพันธ์ในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สนับสนุนและดูแลกันอย่างดีมาตลอด

    ส่วนข่าวลือที่รัฐบาลอาจสั่งให้ กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินเอฟ 16 ของสหรัฐแทนเครื่องบินกริฟเพ้นท์ ของสวีเดนที่กองทัพอากาศได้คัดเลือกแบบไว้แล้วนั้น ได้เรียนไปแล้วว่าเงื่อนไขนี้ไม่สามารถทำได้

    "เคยได้พูดคุยกับทางสหรัฐฯ ซึ่งได้มาเสนอโครงการเอฟ 16 ให้ไทยแต่เงื่อนไขสำคัญที่เสนอมาคือการให้เรากู้เงินจากธนาคารของสหรัฐเพื่อนำมาซื้อเอฟ 16 ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนั้นในการใช้เงินกู้มาซื้อขณะที่บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องอื่นๆอยู่" นายภูมิธรรม กล่าว

    ทั้งนี้ในภาพรวมกองทัพอากาศมีเอฟ 16 ประจำการ2 ฝูงบิน กริฟเพ้นท์ 1 ฝูงบิน ส่วนกริฟเพ้นท์อีก 1 ฝูง เรายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ได้มีการเสนออะไรทั้งสิ้นเข้า ครม. เป็นเพียงความต้องการของกองทัพอากาศ ซึ่งเราก็รับฟัง

    ส่วนแนวคิดการจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-130 เพื่อทดแทนของเก่าที่จะประจำการอยู่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ รอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อต่อรอง และจำเป็นต้องทำอะไร รวมทั้งสิ่งใดที่เราทำแล้วได้ประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบกระเทือนกับแผนปฏิรูปแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม

    https://web.facebook.com/share/p/167ogoUnjM/
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคณะเจรจาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมเจรจาในวันที่ 23 เม.ย. นี้ โดยเตรียมหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หลังจากเดินทางกลับมาก่อน ซึ่งกระทรวงกลาโหมไทยและกองทัพสหรัฐไม่มีปัญหาอะไร และยังดำรงความสัมพันธ์ในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สนับสนุนและดูแลกันอย่างดีมาตลอด ส่วนข่าวลือที่รัฐบาลอาจสั่งให้ กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินเอฟ 16 ของสหรัฐแทนเครื่องบินกริฟเพ้นท์ ของสวีเดนที่กองทัพอากาศได้คัดเลือกแบบไว้แล้วนั้น ได้เรียนไปแล้วว่าเงื่อนไขนี้ไม่สามารถทำได้ "เคยได้พูดคุยกับทางสหรัฐฯ ซึ่งได้มาเสนอโครงการเอฟ 16 ให้ไทยแต่เงื่อนไขสำคัญที่เสนอมาคือการให้เรากู้เงินจากธนาคารของสหรัฐเพื่อนำมาซื้อเอฟ 16 ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนั้นในการใช้เงินกู้มาซื้อขณะที่บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องอื่นๆอยู่" นายภูมิธรรม กล่าว ทั้งนี้ในภาพรวมกองทัพอากาศมีเอฟ 16 ประจำการ2 ฝูงบิน กริฟเพ้นท์ 1 ฝูงบิน ส่วนกริฟเพ้นท์อีก 1 ฝูง เรายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ได้มีการเสนออะไรทั้งสิ้นเข้า ครม. เป็นเพียงความต้องการของกองทัพอากาศ ซึ่งเราก็รับฟัง ส่วนแนวคิดการจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-130 เพื่อทดแทนของเก่าที่จะประจำการอยู่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ รอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อต่อรอง และจำเป็นต้องทำอะไร รวมทั้งสิ่งใดที่เราทำแล้วได้ประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบกระเทือนกับแผนปฏิรูปแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม https://web.facebook.com/share/p/167ogoUnjM/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก
    .
    แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก . แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jacinda Ardern อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้กล่าวในงาน Zendesk Relate 2025 ว่าเราควรปรับมุมมองเกี่ยวกับ AI จากความกลัวไปสู่โอกาส โดยเธอเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่ควรทำให้แรงงานรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่ควรมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรเพื่อช่วยให้พนักงานปรับตัว

    ✅ AI ไม่ได้ทำให้แรงงานหมดความสำคัญ แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    - Ardern เชื่อว่า AI จะช่วยให้แรงงานสามารถทำงานได้ดีขึ้น แทนที่จะเข้ามาแทนที่พวกเขา
    - เธอเน้นว่าคุณค่าของแรงงานจะยังคงอยู่ แม้ว่าบทบาทของพวกเขาจะเปลี่ยนไป

    ✅ รัฐบาลควรมีบทบาทในการสนับสนุนแรงงาน
    - นิวซีแลนด์มีโครงการ ประกันรายได้ และ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้ประชาชนปรับตัว
    - การสนับสนุนจากรัฐบาลช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจในการเปลี่ยนแปลง

    ✅ AI ต้องการการกำกับดูแลและความโปร่งใส
    - Ardern เน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส
    - บริษัทและรัฐบาลต้องร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์

    ✅ AI สามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน
    - แม้ว่า AI จะช่วยให้แรงงานทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องการการควบคุมจากมนุษย์

    https://www.techradar.com/pro/former-new-zealand-prime-minister-jacinda-ardern-says-we-should-reframe-how-we-think-about-ai
    Jacinda Ardern อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้กล่าวในงาน Zendesk Relate 2025 ว่าเราควรปรับมุมมองเกี่ยวกับ AI จากความกลัวไปสู่โอกาส โดยเธอเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่ควรทำให้แรงงานรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่ควรมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรเพื่อช่วยให้พนักงานปรับตัว ✅ AI ไม่ได้ทำให้แรงงานหมดความสำคัญ แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ - Ardern เชื่อว่า AI จะช่วยให้แรงงานสามารถทำงานได้ดีขึ้น แทนที่จะเข้ามาแทนที่พวกเขา - เธอเน้นว่าคุณค่าของแรงงานจะยังคงอยู่ แม้ว่าบทบาทของพวกเขาจะเปลี่ยนไป ✅ รัฐบาลควรมีบทบาทในการสนับสนุนแรงงาน - นิวซีแลนด์มีโครงการ ประกันรายได้ และ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้ประชาชนปรับตัว - การสนับสนุนจากรัฐบาลช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจในการเปลี่ยนแปลง ✅ AI ต้องการการกำกับดูแลและความโปร่งใส - Ardern เน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส - บริษัทและรัฐบาลต้องร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ ✅ AI สามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน - แม้ว่า AI จะช่วยให้แรงงานทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องการการควบคุมจากมนุษย์ https://www.techradar.com/pro/former-new-zealand-prime-minister-jacinda-ardern-says-we-should-reframe-how-we-think-about-ai
    WWW.TECHRADAR.COM
    Former New Zealand Prime Minister Jacinda Ardern says we should reframe how we think about AI
    How can governments, companies and workers create a more positive environment?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ประกาศว่าเขามีแผนที่จะเดินทางไปเยือนอินเดียในปลายปีนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Narendra Modi เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การประกาศนี้เกิดขึ้นผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของ Musk ซึ่งแสดงถึงความสนใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอินเดียในด้านเทคโนโลยี

    ✅ Elon Musk มีแผนที่จะเยือนอินเดียในปลายปีนี้
    - Musk ประกาศผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่าเขารอคอยที่จะเดินทางไปอินเดีย
    - การเยือนนี้เกิดขึ้นหลังจากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Modi

    ✅ การพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
    - Modi กล่าวถึงการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม

    ✅ การเยือนอินเดียของ Musk อาจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านเทคโนโลยี
    - การเยือนนี้อาจเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในด้าน AI, พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/19/musk-says-he-will-visit-india-after-talk-with-modi
    Elon Musk ได้ประกาศว่าเขามีแผนที่จะเดินทางไปเยือนอินเดียในปลายปีนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Narendra Modi เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การประกาศนี้เกิดขึ้นผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของ Musk ซึ่งแสดงถึงความสนใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอินเดียในด้านเทคโนโลยี ✅ Elon Musk มีแผนที่จะเยือนอินเดียในปลายปีนี้ - Musk ประกาศผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่าเขารอคอยที่จะเดินทางไปอินเดีย - การเยือนนี้เกิดขึ้นหลังจากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Modi ✅ การพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม - Modi กล่าวถึงการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม ✅ การเยือนอินเดียของ Musk อาจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านเทคโนโลยี - การเยือนนี้อาจเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในด้าน AI, พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/19/musk-says-he-will-visit-india-after-talk-with-modi
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk says he will visit India after talk with Modi
    (Reuters) -Elon Musk said on Saturday he was planning to visit India later in the year, a day after Indian Prime Minister Narendra Modi said he had discussed technology with the billionaire entrepreneur.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกำลังพิจารณาโจมตี "อย่างจำกัด" ที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแม้ว่าทรัมป์จะปัดตกแผนดังกล่าวไปแล้วก็ตาม

    การโจมตีรูปแบบนี้อาจทำให้การพึ่งพาสหรัฐน้อยลง รายงานนี้เพิ่งออกมาในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและอิหร่านพบกันในกรุงโรมเพื่อหารือรอบที่ 2 เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

    จากรายงานของสื่อ อิสราเอลยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ จะบอกกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่าสหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวในตอนนี้

    เจ้าหน้าที่อิสราเอล อ้างคำพูดของเนทันยาฮู โดยยืนกรานว่าการเจรจากับอิหร่านใดๆจะต้องนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมด
    อิสราเอลกำลังพิจารณาโจมตี "อย่างจำกัด" ที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแม้ว่าทรัมป์จะปัดตกแผนดังกล่าวไปแล้วก็ตาม การโจมตีรูปแบบนี้อาจทำให้การพึ่งพาสหรัฐน้อยลง รายงานนี้เพิ่งออกมาในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและอิหร่านพบกันในกรุงโรมเพื่อหารือรอบที่ 2 เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน จากรายงานของสื่อ อิสราเอลยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ จะบอกกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่าสหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวในตอนนี้ เจ้าหน้าที่อิสราเอล อ้างคำพูดของเนทันยาฮู โดยยืนกรานว่าการเจรจากับอิหร่านใดๆจะต้องนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมด
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเดินทางถึงกรุงโรมเพื่อเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านรอบที่สองระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

    ขณะที่ทรัมป์ส่งข้อความถึงอิหร่านว่า "จะต้องไม่มีนิวเคลียร์บนดินแดนอิหร่าน" และพร้อมใช้มาตรการทางทหาร หากวิธีทางการทูตล้มเหลว

    การเจรจาจะจัดขึ้นในสถานทูตของโอมาน ในกรุงโรม และสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนของทรัมป์ในตะวันออกกลาง จะเป็นผู้แทนฝ่ายสหรัฐอีกครั้ง

    สิ่งที่น่าสนใจก่อนการเจรจาจะเกิดขึ้น:
    👉อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเดินทางมารัสเซียเพื่อพบกับประธานาธิบดีปูติน
    👉จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี เดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเดินทางถึงกรุงโรมเพื่อเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านรอบที่สองระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ขณะที่ทรัมป์ส่งข้อความถึงอิหร่านว่า "จะต้องไม่มีนิวเคลียร์บนดินแดนอิหร่าน" และพร้อมใช้มาตรการทางทหาร หากวิธีทางการทูตล้มเหลว การเจรจาจะจัดขึ้นในสถานทูตของโอมาน ในกรุงโรม และสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนของทรัมป์ในตะวันออกกลาง จะเป็นผู้แทนฝ่ายสหรัฐอีกครั้ง สิ่งที่น่าสนใจก่อนการเจรจาจะเกิดขึ้น: 👉อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเดินทางมารัสเซียเพื่อพบกับประธานาธิบดีปูติน 👉จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี เดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ เกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการสนทนาครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ามีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

    ✅ การสนทนาเน้นความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
    - โมดีและมัสก์พูดถึง ศักยภาพในการร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
    - การสนทนาเป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปี

    ✅ การสนทนาแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก
    - ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสามารถ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม

    ✅ มัสก์และโมดีมีบทบาทสำคัญในวงการเทคโนโลยีและการเมืองระดับโลก
    - มัสก์เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Tesla และ SpaceX
    - โมดีเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของอินเดีย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/india039s-modi-musk-discussed-potential-collaboration-in-technology
    นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ เกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการสนทนาครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ามีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ✅ การสนทนาเน้นความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม - โมดีและมัสก์พูดถึง ศักยภาพในการร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย - การสนทนาเป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปี ✅ การสนทนาแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก - ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสามารถ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม ✅ มัสก์และโมดีมีบทบาทสำคัญในวงการเทคโนโลยีและการเมืองระดับโลก - มัสก์เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Tesla และ SpaceX - โมดีเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของอินเดีย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/india039s-modi-musk-discussed-potential-collaboration-in-technology
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India's Modi, Musk discussed potential collaboration in technology
    (Reuters) - Indian Prime Minister Narendra Modi spoke to Elon Musk and talked about "various issues, including the topics we covered during our meeting in Washington DC earlier this year," he said in a post on X on Friday, without saying when the conversation took place.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย)

    สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป


    ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง"

    ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า:

    ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ

    ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่

    ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี

    นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม

    ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย) สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง" ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า: ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทบาทของอภินายกรัฐมนตรี และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญของทักษิณ

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000036412
    บทบาทของอภินายกรัฐมนตรี และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญของทักษิณ บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000036412
    MGRONLINE.COM
    บทบาทของอภินายกรัฐมนตรี และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญของทักษิณ
    บทบาทของทักษิณในทางการเมืองเริ่มแจ่มชัดขึ้น เราเห็นได้ว่า เขาไม่ได้เพียงแต่แสดงบทบาทหรือความเห็นในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ทางการเมืองหรือในฐานะเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” แจง "ทักษิณ-นายกฯ อิ๊งค์" ร่วมงานบวช “พีช“ ลูกชาย นายกเบี้ยว ตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะ-มองเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเกรงใจ มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ ไปบิดไปเบี้ยวไม่ได้

    เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 18 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วีดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000036443

    #MGROnline #ภูมิธรรม #ทักษิณ #งานบวช #พีช #ลูกชายนายกเบี้ยว
    “ภูมิธรรม” แจง "ทักษิณ-นายกฯ อิ๊งค์" ร่วมงานบวช “พีช“ ลูกชาย นายกเบี้ยว ตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะ-มองเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเกรงใจ มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ ไปบิดไปเบี้ยวไม่ได้ • เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 18 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วีดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000036443 • #MGROnline #ภูมิธรรม #ทักษิณ #งานบวช #พีช #ลูกชายนายกเบี้ยว
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเตือนเยอรมนีว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงคราม หากขีปนาวุธทอรัสโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัสเซีย

    กระทรวงต่างประเทศรัสเซียเตือนว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัสเซียด้วยขีปนาวุธทอรัส (Taurus) จะถือว่าเยอรมัน "มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงครามกับฝ่ายเคียฟ"

    เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฟรีดริช เมิร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศเต็มใจส่งขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus ให้กับยูเครน และมีแนวโน้มว่าสะพานไครเมียจะเป็นเป้าหมายแรกๆของขีปนาวุธนี้
    รัสเซียเตือนเยอรมนีว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงคราม หากขีปนาวุธทอรัสโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัสเซีย กระทรวงต่างประเทศรัสเซียเตือนว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัสเซียด้วยขีปนาวุธทอรัส (Taurus) จะถือว่าเยอรมัน "มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงครามกับฝ่ายเคียฟ" เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฟรีดริช เมิร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศเต็มใจส่งขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus ให้กับยูเครน และมีแนวโน้มว่าสะพานไครเมียจะเป็นเป้าหมายแรกๆของขีปนาวุธนี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์

    ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ
    - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม
    - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม

    ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group
    - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้
    - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด

    ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น
    - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง"
    - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013

    ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง
    - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง
    - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย

    https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้ - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง" - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013 ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    EU provides burner phones to officials traveling to US amid espionage concerns
    An EU official told the Financial Times, The transatlantic alliance is over.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดประชุม “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รับมือภาษีทรัมป์ เห็นตรงกันเรื่องความไม่แน่นอนของตลาดโลกและไทยมีสูง เตรียมมาตราการรองรับ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036016

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดประชุม “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รับมือภาษีทรัมป์ เห็นตรงกันเรื่องความไม่แน่นอนของตลาดโลกและไทยมีสูง เตรียมมาตราการรองรับ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036016 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 806 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 16-17 เม.ย.นี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเชิญนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035704

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 16-17 เม.ย.นี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเชิญนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035704 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 903 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิงคโปร์ประกาศยุบสภาในวันนี้ (15 เม.ย.) เพื่อเปิดทางไปสู่ศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ค. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะถือว่าเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกสำหรับนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เข้ารับไม้ต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ที่สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party - PAP) เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2024

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035711
    สิงคโปร์ประกาศยุบสภาในวันนี้ (15 เม.ย.) เพื่อเปิดทางไปสู่ศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ค. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะถือว่าเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกสำหรับนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เข้ารับไม้ต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ที่สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party - PAP) เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2024 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035711
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts