• เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร?
    .
    นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เคยทวีตข้อความว่า “สิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศกำลังจะหายไป” เพราะว่าเมื่อเด็กเกิดใหม่น้อย ประชากรของประเทศก็จะมีแต่ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงงานจะขาดแคลน ทุกคนก็ต้องทำงานหนักขึ้น หรือทำงานจนแทบจะไม่มีวันเกษียณอายุ ประเทศก็มีภาระสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ว่าจำนวนคนที่ทำงานและเสียภาษีกลับลดน้อยลง และเมื่อไม่มีประชากรรุ่นใหม่ ประเทศอย่าง สิงคโปร์ ที่มีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน ก็อาจจะหายไปแบบที่ นายอีลอน มัสก์ บอกก็เป็นได้ ......
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUE
    บูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร? . นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เคยทวีตข้อความว่า “สิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศกำลังจะหายไป” เพราะว่าเมื่อเด็กเกิดใหม่น้อย ประชากรของประเทศก็จะมีแต่ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงงานจะขาดแคลน ทุกคนก็ต้องทำงานหนักขึ้น หรือทำงานจนแทบจะไม่มีวันเกษียณอายุ ประเทศก็มีภาระสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ว่าจำนวนคนที่ทำงานและเสียภาษีกลับลดน้อยลง และเมื่อไม่มีประชากรรุ่นใหม่ ประเทศอย่าง สิงคโปร์ ที่มีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน ก็อาจจะหายไปแบบที่ นายอีลอน มัสก์ บอกก็เป็นได้ ...... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUE
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร?

    https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUE
    บูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร? https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUE
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน
    .
    ปี 2568 ว่ากันว่า จะเป็นปีที่ โลกอลหม่าน โดยสาเหตุสำคัญก็มาจากคนคนหนึ่ง ก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้
    .
    สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลก และมีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย การลงทุน รวมทั้งการเมือง การทหาร และความมั่นคงกับเกือบทุกประเทศในโลก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในประเทศสหรัฐฯ จึงส่งผลต่อทุกประเทศ เห็นได้ชัดจากช่วงที่นายทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาได้ทำสงครามการค้ากับจีน ขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนกันไปหมด
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28
    บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน . ปี 2568 ว่ากันว่า จะเป็นปีที่ โลกอลหม่าน โดยสาเหตุสำคัญก็มาจากคนคนหนึ่ง ก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ . สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลก และมีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย การลงทุน รวมทั้งการเมือง การทหาร และความมั่นคงกับเกือบทุกประเทศในโลก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในประเทศสหรัฐฯ จึงส่งผลต่อทุกประเทศ เห็นได้ชัดจากช่วงที่นายทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาได้ทำสงครามการค้ากับจีน ขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนกันไปหมด . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน

    https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28
    บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย
    จากมุมมองของ Nikkei Asia
    .
    ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76%
    .
    แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้
    .
    "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า
    .
    "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์"
    .
    นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง
    .
    "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ
    .
    จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน
    .
    การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก
    .
    ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว!
    .
    นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า
    .
    "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง"
    .
    นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน
    .
    "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก
    .
    ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%)
    .
    ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น
    .
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า
    .
    ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์
    .
    อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้
    .
    สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง
    .
    แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้?
    .
    เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳
    .
    .
    อ้างอิง :
    NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand
    https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย จากมุมมองของ Nikkei Asia . ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76% . แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้ . "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า . "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์" . นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง . "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ . จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน . การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก . ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว! . นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า . "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง" . นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน . "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า . "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก . ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%) . ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น . ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า . ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์ . อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้ . สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง . แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้? . เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳 . . อ้างอิง : NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 1 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.101 : ยามเมื่อสายลมพัดหวน จาก “ฮ่องกง” สู่ “จีนแผ่นดินใหญ่”
    .
    ขณะนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 เรื่อง....เรื่องแรก คือ ฮ่องกงต้องแข่งกับประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือ แม้กระทั่ง จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทุกวันนี้ต่างก็ใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากจีนให้ฟรีวีซ่า คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่ง คือ คนฮ่องกงเอง ก็เดินทางไปท่องเที่ยว และพักผ่อนในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น สถานะของจีนแผ่นดินใหญ่ในวันนี้ ดีกว่าฮ่องกงอย่างมาก หรือจะเรียกได้ว่ากลับตาลปัตร จากในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกง ที่เคยเป็นเมืองท่า เป็นฮับการบิน ศูนย์กลางการค้า ธุรกิจ และการท่องเที่ยว จนเคยได้รับฉายาว่า “ไข่มุกบูรพา”....แต่วันนี้ ฮ่องกง กำลังเผชิญกับสายลมพัดหวน จากฮ่องกงกลับไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETs
    บูรพาไม่แพ้ Ep.101 : ยามเมื่อสายลมพัดหวน จาก “ฮ่องกง” สู่ “จีนแผ่นดินใหญ่” . ขณะนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 เรื่อง....เรื่องแรก คือ ฮ่องกงต้องแข่งกับประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือ แม้กระทั่ง จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทุกวันนี้ต่างก็ใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากจีนให้ฟรีวีซ่า คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่ง คือ คนฮ่องกงเอง ก็เดินทางไปท่องเที่ยว และพักผ่อนในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น สถานะของจีนแผ่นดินใหญ่ในวันนี้ ดีกว่าฮ่องกงอย่างมาก หรือจะเรียกได้ว่ากลับตาลปัตร จากในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกง ที่เคยเป็นเมืองท่า เป็นฮับการบิน ศูนย์กลางการค้า ธุรกิจ และการท่องเที่ยว จนเคยได้รับฉายาว่า “ไข่มุกบูรพา”....แต่วันนี้ ฮ่องกง กำลังเผชิญกับสายลมพัดหวน จากฮ่องกงกลับไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่ . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETs
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.101

    https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETs
    บูรพาไม่แพ้ EP.101 https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน!
    "ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย
    นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ
    .
    วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก
    .
    สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก
    .
    นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า !
    .
    ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก”
    .
    ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า
    .
    จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว
    .
    ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน

    “ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ
    .
    ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้
    .
    จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี
    .
    คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย
    >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0
    .
    .
    อ้างอิง :
    • Scientists find key nutrient missing in China-grown durian
    https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian
    • ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com
    พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน! "ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ . วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก . สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก . นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า ! . ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก” . ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า . จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว . ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน “ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ . ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้ . จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี . คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0 . . อ้างอิง : • Scientists find key nutrient missing in China-grown durian https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian • ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.100
    https://youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4&feature=shared
    บูรพาไม่แพ้ EP.100 https://youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4&feature=shared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ?
    .
    ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4
    .
    #บูรพาไม่แพ้
    บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ? . ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4 . #บูรพาไม่แพ้
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.99 : ญี่ปุ่นขึ้น VAT อย่างไร ให้ประชาชนพอรับได้ ?
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้ พาไปสำรวจอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา รวมทั้งมีกรณีศึกษาการขึ้นภาษีของญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีหนี้สาธารณะที่สุดในโลกนั้น แต่ยังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 10% นั้นทำได้อย่างไร และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเส้นทางการขึ้นภาษีอย่างไร ที่ประชาชนยอมรับได้ ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKE
    บูรพาไม่แพ้ Ep.99 : ญี่ปุ่นขึ้น VAT อย่างไร ให้ประชาชนพอรับได้ ? . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้ พาไปสำรวจอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา รวมทั้งมีกรณีศึกษาการขึ้นภาษีของญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีหนี้สาธารณะที่สุดในโลกนั้น แต่ยังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 10% นั้นทำได้อย่างไร และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเส้นทางการขึ้นภาษีอย่างไร ที่ประชาชนยอมรับได้ ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKE
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.99

    https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKE
    บูรพาไม่แพ้ Ep.99 https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKE
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.98 : ทำไม “แบรนด์ต่างชาติ” ถึงพ่ายแพ้ในจีน ?
    .
    ทุกวันนี้ คนที่ไปเที่ยวเมืองจีนก็จะพบว่า มีร้านที่เป็นแบรนด์ของจีนเองมากมาย, ส่วนคนจีนเองก็นิยมสินค้าแบรนด์จีนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญก็คือ มีรายงานข่าวที่ระบุว่า สินค้าแบรนด์ต่างชาติกำลังเผชิญความยากลำบากในตลาดจีน พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะเล่าถึงสถานการณ์ที่สินค้าแบรนด์ต่างชาติอาจจะพ่ายแพ้ในตลาดจีน รวมถึงจะลองสำรวจว่า สินค้าประเภทต่าง ๆ นั้นมี “แบรนด์” อะไรบ้างที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในประเทศจีน ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8
    บูรพาไม่แพ้ Ep.98 : ทำไม “แบรนด์ต่างชาติ” ถึงพ่ายแพ้ในจีน ? . ทุกวันนี้ คนที่ไปเที่ยวเมืองจีนก็จะพบว่า มีร้านที่เป็นแบรนด์ของจีนเองมากมาย, ส่วนคนจีนเองก็นิยมสินค้าแบรนด์จีนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญก็คือ มีรายงานข่าวที่ระบุว่า สินค้าแบรนด์ต่างชาติกำลังเผชิญความยากลำบากในตลาดจีน พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะเล่าถึงสถานการณ์ที่สินค้าแบรนด์ต่างชาติอาจจะพ่ายแพ้ในตลาดจีน รวมถึงจะลองสำรวจว่า สินค้าประเภทต่าง ๆ นั้นมี “แบรนด์” อะไรบ้างที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในประเทศจีน ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.98

    https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8
    บูรพาไม่แพ้ EP.98 https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.97 : “ไต้หวัน” ทำยังไง? เปลี่ยน “เกษตรกรรม” สู่ “อุตสาหกรรมไฮเทค”
    .
    ทุกวันนี้ ไต้หวันได้เปลี่ยนเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมไฮเทค โดยเฉพาะการผลิตไมโครชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเครื่องบิน
    .
    ปัจจุบัน ไต้หวันผลิตชิปมากกว่าครึ่งนึงของทั้งหมดในโลกที่เราใช้กัน บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่สุด คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับ 9 ของโลก จนถูกขนานนามว่าเป็น “ผู้คุ้มครองเกาะไต้หวัน” เพราะว่าถ้าหากไต้หวันเผชิญกับสงคราม จนส่งผลกระทบกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมทั่วทั้งโลกก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ วันนี้ เราจะพาไปชมตัวอย่างจากไต้หวัน ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อมองว่าประเทศไทยจะต้องทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=329LVL2D6T4
    บูรพาไม่แพ้ Ep.97 : “ไต้หวัน” ทำยังไง? เปลี่ยน “เกษตรกรรม” สู่ “อุตสาหกรรมไฮเทค” . ทุกวันนี้ ไต้หวันได้เปลี่ยนเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมไฮเทค โดยเฉพาะการผลิตไมโครชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเครื่องบิน . ปัจจุบัน ไต้หวันผลิตชิปมากกว่าครึ่งนึงของทั้งหมดในโลกที่เราใช้กัน บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่สุด คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับ 9 ของโลก จนถูกขนานนามว่าเป็น “ผู้คุ้มครองเกาะไต้หวัน” เพราะว่าถ้าหากไต้หวันเผชิญกับสงคราม จนส่งผลกระทบกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมทั่วทั้งโลกก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ วันนี้ เราจะพาไปชมตัวอย่างจากไต้หวัน ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อมองว่าประเทศไทยจะต้องทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=329LVL2D6T4
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.97

    https://www.youtube.com/watch?v=329LVL2D6T4
    บูรพาไม่แพ้ Ep.97 https://www.youtube.com/watch?v=329LVL2D6T4
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย
    .
    เราจะพาไปพิสูจน์ทุเรียนที่ปลูกในเมืองจีน และไปฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรไทยที่ได้ไปดูสวนทุเรียนในประเทศจีน รวมถึงคนไทยที่ได้ลิ้มรสทุเรียนที่ปลูกในเมืองจีนด้วยตัวเองว่า ทุเรียน Made in China จะสามารถท้าแข่งกับทุเรียนไทยได้หรือไม่ ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0
    บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย . เราจะพาไปพิสูจน์ทุเรียนที่ปลูกในเมืองจีน และไปฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรไทยที่ได้ไปดูสวนทุเรียนในประเทศจีน รวมถึงคนไทยที่ได้ลิ้มรสทุเรียนที่ปลูกในเมืองจีนด้วยตัวเองว่า ทุเรียน Made in China จะสามารถท้าแข่งกับทุเรียนไทยได้หรือไม่ ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.96 ค่ะ ... ทุเรียนบ้านเรายังไปต่อไหวหรือเปล่านะ?

    https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0&list=WL&index=1
    บูรพาไม่แพ้ EP.96 ค่ะ ... ทุเรียนบ้านเรายังไปต่อไหวหรือเปล่านะ? https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0&list=WL&index=1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ?
    .
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย
    .
    แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา”
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ? . ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย . แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา” . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    Like
    Haha
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1001 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.94 : ไทยแลนด์ ในยุค “ทรัมป์ 2”
    .
    การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ ฝ่าย เพราะว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขาได้เปิดฉากสงครามการค้า-สงครามเทคโนโลยี และในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ก็ยังประกาศด้วยว่า เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะขึ้น “ภาษีนำเข้า” กับสินค้าจากทุกประเทศ และ “จัดการ” กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ ...
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=Z_mTElGWr6Y

    #Thaitimes
    บูรพาไม่แพ้ Ep.94 : ไทยแลนด์ ในยุค “ทรัมป์ 2” . การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ ฝ่าย เพราะว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขาได้เปิดฉากสงครามการค้า-สงครามเทคโนโลยี และในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ก็ยังประกาศด้วยว่า เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะขึ้น “ภาษีนำเข้า” กับสินค้าจากทุกประเทศ และ “จัดการ” กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ ... . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=Z_mTElGWr6Y #Thaitimes
    บูรพาไม่แพ้ Ep.94 : ไทยแลนด์ ในยุค “ทรัมป์ 2”
    .
    การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ ฝ่าย เพราะว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขาได้เปิดฉากสงครามการค้า-สงครามเทคโนโลยี และในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ก็ยังประกาศด้วยว่า เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะขึ้น “ภาษีนำเข้า” กับสินค้าจากทุกประเทศ และ “จัดการ” กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ ...
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=Z_mTElGWr6Y
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 670 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.94 : ไทยแลนด์ ในยุค “ทรัมป์ 2”
    .
    การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ ฝ่าย เพราะว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขาได้เปิดฉากสงครามการค้า-สงครามเทคโนโลยี และในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ก็ยังประกาศด้วยว่า เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะขึ้น “ภาษีนำเข้า” กับสินค้าจากทุกประเทศ และ “จัดการ” กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ ...
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=Z_mTElGWr6Y
    บูรพาไม่แพ้ Ep.94 : ไทยแลนด์ ในยุค “ทรัมป์ 2” . การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ ฝ่าย เพราะว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขาได้เปิดฉากสงครามการค้า-สงครามเทคโนโลยี และในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ก็ยังประกาศด้วยว่า เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะขึ้น “ภาษีนำเข้า” กับสินค้าจากทุกประเทศ และ “จัดการ” กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ ... . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=Z_mTElGWr6Y
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.93 : BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไร
    .
    ในการประชุม BRICS ปีนี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ได้มีการรับรองให้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม 13 ประเทศมีสถานะเป็น “ประเทศพันธมิตร” หรือ Partner countries ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกในการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS อย่างสมบูรณ์ในอนาคต นี่จึงถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในโลกตะวันตก หรือกลุ่ม G7
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ จะมาให้ข้อมูลว่า การขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS มีนัยยะสำคัญอย่างไร ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และมีคำตอบของคุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่า การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ของไทย เป็นการเลือกข้าง ต่อต้านตะวันตก เหมือนที่ถูกวิจารณ์กันหรือไม่ ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    บูรพาไม่แพ้ Ep.93 : BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไร . ในการประชุม BRICS ปีนี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ได้มีการรับรองให้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม 13 ประเทศมีสถานะเป็น “ประเทศพันธมิตร” หรือ Partner countries ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกในการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS อย่างสมบูรณ์ในอนาคต นี่จึงถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในโลกตะวันตก หรือกลุ่ม G7 . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ จะมาให้ข้อมูลว่า การขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS มีนัยยะสำคัญอย่างไร ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และมีคำตอบของคุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่า การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ของไทย เป็นการเลือกข้าง ต่อต้านตะวันตก เหมือนที่ถูกวิจารณ์กันหรือไม่ ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.93

    https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    บูรพาไม่แพ้ EP.93 https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 พฤศจิกายน 2567-บูรพาไม่แพ้ EP.93 เรื่อง BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไรบ้าง

    https://youtu.be/kk7Nv8U2S2M?si=sPoum_cyLdT6nH9R

    #Thaitimes
    2 พฤศจิกายน 2567-บูรพาไม่แพ้ EP.93 เรื่อง BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไรบ้าง https://youtu.be/kk7Nv8U2S2M?si=sPoum_cyLdT6nH9R #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts