• รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน

    อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

    ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี
    - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์
    - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025

    ✅ การตอบโต้จากจีน
    - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125%
    - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด

    ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ
    - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น
    - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27%

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท
    - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 ✅ การตอบโต้จากจีน - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27% ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tech gets a pass; Smartphones, computers, and chips exempted from Trump tariffs
    Donald Trump has exempted some widely used electronic devices from paying hefty tariffs, temporarily relieving American consumers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump บริษัท Apple ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในครั้งนี้

    ✅ ผลกระทบจากมาตรการภาษี 50%: มาตรการภาษีที่กำลังถูกเสนอจะส่งผลโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ผลิตในจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ iPhone ไปจนถึง MacBook ที่อาจต้องเพิ่มราคาขายสูงถึง 350 ดอลลาร์ ต่อเครื่องเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หาก Apple เลือกที่จะส่งต่อภาระภาษีไปยังผู้บริโภค

    ✅ การผลิตในประเทศอื่นที่ยังไม่แน่นอน: แม้ว่า Apple จะมีฐานการผลิตใน เวียดนาม ไทย และอินเดีย แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องเจอมาตรการภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยัง บราซิล ซึ่งเผชิญอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศอื่น

    ✅ สถานะของหุ้น Apple: มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงเกือบ 20% ในช่วงสามวันแรกของสงครามการค้า ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 640 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในวันอังคาร

    https://www.techspot.com/news/107459-apple-stock-plummets-trump-tariff-threat-wiping-out.html
    สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump บริษัท Apple ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในครั้งนี้ ✅ ผลกระทบจากมาตรการภาษี 50%: มาตรการภาษีที่กำลังถูกเสนอจะส่งผลโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ผลิตในจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ iPhone ไปจนถึง MacBook ที่อาจต้องเพิ่มราคาขายสูงถึง 350 ดอลลาร์ ต่อเครื่องเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หาก Apple เลือกที่จะส่งต่อภาระภาษีไปยังผู้บริโภค ✅ การผลิตในประเทศอื่นที่ยังไม่แน่นอน: แม้ว่า Apple จะมีฐานการผลิตใน เวียดนาม ไทย และอินเดีย แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องเจอมาตรการภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยัง บราซิล ซึ่งเผชิญอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศอื่น ✅ สถานะของหุ้น Apple: มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงเกือบ 20% ในช่วงสามวันแรกของสงครามการค้า ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 640 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในวันอังคาร https://www.techspot.com/news/107459-apple-stock-plummets-trump-tariff-threat-wiping-out.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple's China exposure makes it most vulnerable in US-China trade war
    While most major American tech companies have much to lose in a global trade war, Apple – the world's largest by market cap – is the most...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากเวียดนามเร่งรีบเปิดการเจรจากับอเมริกา ด้วยข้อเสนอภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าสหรัฐเป็น 0% แต่ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลทรัมป์อย่างไร้ความปราณี

    ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) หนึ่งในคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังมาตรการภาษีศุลกากรและสงครามการค้าของทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่เคยสนใจว่าเวียดนามจะลดภาษีศุลกากรขาเข้าเป็นศูนย์หรือไม่ ปัญหาคือเราซื้อจากพวกเขาที่ภาษีสูงเกินจริง

    "เวียดนามมาหาเราและบอกว่าเราจะลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ นั่นไม่มีความหมายสำหรับเราเลย ปัญหาการโกงราคาที่ไม่ใช่ภาษีต่างหากที่สำคัญ การเสนอภาษีเป็นศูนย์ไม่ได้ช่วยลดการขาดดุล 123,000 ล้านดอลลาร์ของเราได้"

    ดังนั้นข้อเสนอการลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ของเวียดนาม “ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา”

    นอกจากนี้ นาวาร์โร ยังประกาศไปถึงอีกหลายประเทศว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่เจรจากับประเทศใดๆก็ตามที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกที่กำลังจะมีข้อเสนอให้ลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ แต่พวกเขาจะต้อกำจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรต่อสินค้าของอเมริกาด้วยเท่านั้น ถึงจะยอมรับได้
    หลังจากเวียดนามเร่งรีบเปิดการเจรจากับอเมริกา ด้วยข้อเสนอภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าสหรัฐเป็น 0% แต่ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลทรัมป์อย่างไร้ความปราณี ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) หนึ่งในคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังมาตรการภาษีศุลกากรและสงครามการค้าของทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่เคยสนใจว่าเวียดนามจะลดภาษีศุลกากรขาเข้าเป็นศูนย์หรือไม่ ปัญหาคือเราซื้อจากพวกเขาที่ภาษีสูงเกินจริง "เวียดนามมาหาเราและบอกว่าเราจะลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ นั่นไม่มีความหมายสำหรับเราเลย ปัญหาการโกงราคาที่ไม่ใช่ภาษีต่างหากที่สำคัญ การเสนอภาษีเป็นศูนย์ไม่ได้ช่วยลดการขาดดุล 123,000 ล้านดอลลาร์ของเราได้" ดังนั้นข้อเสนอการลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ของเวียดนาม “ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา” นอกจากนี้ นาวาร์โร ยังประกาศไปถึงอีกหลายประเทศว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่เจรจากับประเทศใดๆก็ตามที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกที่กำลังจะมีข้อเสนอให้ลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ แต่พวกเขาจะต้อกำจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรต่อสินค้าของอเมริกาด้วยเท่านั้น ถึงจะยอมรับได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สันดานโจนล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ ขนาดเพื่อนเวียดของเรายอมหมอบ ลดภาษีเหลือ 0% แต่ไอ้ที่ปรึกษาทรัมป์ ตอกกลับว่า ภาษี 0% ไมมีความหมาย เพราะเวียดนามยังมีการโกงที่มิใช่ภาษีศุลกากร มีการบิดเบือนสกุลเงิน และทุ่มตลาดในสหรัฐฯ
    #7ดอกจิก
    ♣ สันดานโจนล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ ขนาดเพื่อนเวียดของเรายอมหมอบ ลดภาษีเหลือ 0% แต่ไอ้ที่ปรึกษาทรัมป์ ตอกกลับว่า ภาษี 0% ไมมีความหมาย เพราะเวียดนามยังมีการโกงที่มิใช่ภาษีศุลกากร มีการบิดเบือนสกุลเงิน และทุ่มตลาดในสหรัฐฯ #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    .
    ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade
    .
    “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม”
    .
    ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค
    .
    อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/
    .
    “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ”
    .
    “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995”
    .
    “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย”
    .
    “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น”
    .
    “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่”
    .
    “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย”
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา . ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade . “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม” . ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค . อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/ . “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ” . “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995” . “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย” . “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น” . “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่” . “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย” . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 3: ประชาคมอาเซียนในระเบียบโลกใหม่
    ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์

    นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป"

    และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา"

    ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ

    เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา

    แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง)

    นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา

    ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว

    ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม

    แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก

    ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น

    ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ"

    แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร

    ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี

    ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์ นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป" และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา" ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง) นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ" แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประกาศนโยบายภาษีใหม่ของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วงวัน Liberation Day ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมวิดีโอเกมในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนและเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ การพัฒนาเกม, การผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ✅ ฮาร์ดแวร์เกมมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น
    - อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องคอนโซลเกม ถูกผลิตในประเทศที่เป็นเป้าหมายของนโยบายภาษี ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
    - ตัวอย่างเช่น Nintendo Switch 2 ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ มีราคา $450 สูงกว่าราคาในญี่ปุ่นที่อยู่เพียง $343 เนื่องจากผลกระทบภาษี

    ✅ การตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ เพิ่มความซับซ้อน
    - หลายประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป เตรียมตอบโต้ด้วยการออกภาษีใหม่ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาด

    ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นก็ยังเจออุปสรรค
    - แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple และ Nintendo จะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามเพื่อเลี่ยงภาษี แต่ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีสินค้าจากเวียดนามอีก 46% ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากนัก

    ✅ การนำการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลา
    - ESA (Entertainment Software Association) กล่าวว่าการย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐฯ เป็นไปได้ยากเนื่องจาก ซัพพลายเชนที่มีความซับซ้อน และความต้องการด้านประสิทธิภาพในการผลิต

    https://www.techspot.com/news/107423-trump-tariffs-send-shockwaves-through-video-game-industry.html
    การประกาศนโยบายภาษีใหม่ของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วงวัน Liberation Day ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมวิดีโอเกมในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนและเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ การพัฒนาเกม, การผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ✅ ฮาร์ดแวร์เกมมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น - อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องคอนโซลเกม ถูกผลิตในประเทศที่เป็นเป้าหมายของนโยบายภาษี ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก - ตัวอย่างเช่น Nintendo Switch 2 ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ มีราคา $450 สูงกว่าราคาในญี่ปุ่นที่อยู่เพียง $343 เนื่องจากผลกระทบภาษี ✅ การตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ เพิ่มความซับซ้อน - หลายประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป เตรียมตอบโต้ด้วยการออกภาษีใหม่ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาด ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นก็ยังเจออุปสรรค - แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple และ Nintendo จะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามเพื่อเลี่ยงภาษี แต่ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีสินค้าจากเวียดนามอีก 46% ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากนัก ✅ การนำการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลา - ESA (Entertainment Software Association) กล่าวว่าการย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐฯ เป็นไปได้ยากเนื่องจาก ซัพพลายเชนที่มีความซับซ้อน และความต้องการด้านประสิทธิภาพในการผลิต https://www.techspot.com/news/107423-trump-tariffs-send-shockwaves-through-video-game-industry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump's tariffs send shockwaves through the video game industry
    The video game sector must brace for impact following the announcement of Trump's new tariffs earlier this week. According to Aubrey Quinn, senior vice president of the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามยอมลดภาษีให้สหรัฐเหลือ 0%

    ทรัมป์ เผย “ผมเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับนายโท ลัม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งบอกว่าเวียดนาม ต้องการลดภาษีศุลกากรลงเหลือศูนย์ หากสามารถทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ ผมได้ขอบคุณเขาในนามของประเทศของเรา และบอกว่าผมหวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้”
    เวียดนามยอมลดภาษีให้สหรัฐเหลือ 0% ทรัมป์ เผย “ผมเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับนายโท ลัม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งบอกว่าเวียดนาม ต้องการลดภาษีศุลกากรลงเหลือศูนย์ หากสามารถทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ ผมได้ขอบคุณเขาในนามของประเทศของเรา และบอกว่าผมหวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥
    เริ่ม 7,999 จัดเลย 🤑

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 POP MART
    📍 Danang Charming Show
    📍 วัดหลินอิ๋ง
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 ล่องเรือกระด้ง
    📍 Marina Cafe

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥 เริ่ม 7,999 จัดเลย 🤑 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 POP MART 📍 Danang Charming Show 📍 วัดหลินอิ๋ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 ล่องเรือกระด้ง 📍 Marina Cafe รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • การขึ้นภาษีนำเข้าพีซีของทรัมป์ทำให้ราคาพีซีในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้น 20-25% โดยแบรนด์ที่ประกอบเครื่องในอเมริกาจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชีย ซึ่งตอนนี้ถูกเพิ่มภาษีสูงสุดถึง 54% สำหรับสินค้าจากจีน ผู้ผลิตพีซีแบบกำหนดเองเช่น Maingear และ Falcon Northwest ไม่มีทางเลือกนอกจาก ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

    ✅ แบรนด์ใหญ่เช่น Dell และ HP อาจเลี่ยงผลกระทบได้บางส่วน
    - บริษัทขนาดใหญ่สามารถ ย้ายฐานผลิตไปยังประเทศที่ภาษีต่ำกว่า
    - ผู้ผลิตรายย่อยในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือก ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

    ✅ ภาษีเพิ่มขึ้นสูงสุด 54% สำหรับชิ้นส่วนจากจีน
    - จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยถูกเพิ่มภาษีอีก 34% ทำให้รวมเป็น 54%
    - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ เวียดนาม (46%), ไต้หวัน (32%) และเกาหลีใต้ (26%)

    ✅ การขาดแคลน GPU อาจรุนแรงขึ้น
    - การที่โรงงานต้อง ย้ายฐานผลิตออกจากจีน กำลังทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน GPU
    - ซัพพลายเออร์บางรายหยุดการผลิต ทำให้เกิดภาวะขาดตลาดและ FOMO (Fear of Missing Out)

    ✅ อุตสาหกรรมพีซีอาจไม่สามารถดูดซับต้นทุนเพิ่มขึ้นได้
    - ผู้ผลิตพีซีเป็นธุรกิจที่มีกำไรต่ำ ไม่สามารถแบกรับภาษีใหม่ได้โดยไม่ขึ้นราคา
    - คาดว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่ม 20-45% ภายในเดือนมิถุนายน 2025

    ✅ สมาคมเทคโนโลยีเตือนว่าภาษีอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย
    - CEO ของ Consumer Technology Association กล่าวว่า ภาษีเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชนและอาจเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/pc-prices-up-at-least-15-percent-trump-tariffs-may-hurt-u-s-system-integrators-most
    การขึ้นภาษีนำเข้าพีซีของทรัมป์ทำให้ราคาพีซีในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้น 20-25% โดยแบรนด์ที่ประกอบเครื่องในอเมริกาจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชีย ซึ่งตอนนี้ถูกเพิ่มภาษีสูงสุดถึง 54% สำหรับสินค้าจากจีน ผู้ผลิตพีซีแบบกำหนดเองเช่น Maingear และ Falcon Northwest ไม่มีทางเลือกนอกจาก ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย ✅ แบรนด์ใหญ่เช่น Dell และ HP อาจเลี่ยงผลกระทบได้บางส่วน - บริษัทขนาดใหญ่สามารถ ย้ายฐานผลิตไปยังประเทศที่ภาษีต่ำกว่า - ผู้ผลิตรายย่อยในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือก ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ✅ ภาษีเพิ่มขึ้นสูงสุด 54% สำหรับชิ้นส่วนจากจีน - จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยถูกเพิ่มภาษีอีก 34% ทำให้รวมเป็น 54% - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ เวียดนาม (46%), ไต้หวัน (32%) และเกาหลีใต้ (26%) ✅ การขาดแคลน GPU อาจรุนแรงขึ้น - การที่โรงงานต้อง ย้ายฐานผลิตออกจากจีน กำลังทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน GPU - ซัพพลายเออร์บางรายหยุดการผลิต ทำให้เกิดภาวะขาดตลาดและ FOMO (Fear of Missing Out) ✅ อุตสาหกรรมพีซีอาจไม่สามารถดูดซับต้นทุนเพิ่มขึ้นได้ - ผู้ผลิตพีซีเป็นธุรกิจที่มีกำไรต่ำ ไม่สามารถแบกรับภาษีใหม่ได้โดยไม่ขึ้นราคา - คาดว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่ม 20-45% ภายในเดือนมิถุนายน 2025 ✅ สมาคมเทคโนโลยีเตือนว่าภาษีอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย - CEO ของ Consumer Technology Association กล่าวว่า ภาษีเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชนและอาจเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/pc-prices-up-at-least-15-percent-trump-tariffs-may-hurt-u-s-system-integrators-most
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    PC prices up at least 20%: Trump Tariffs may hurt U.S. system integrators most
    Boutique PC builders like Maingear and Falcon Northwest bear the brunt of the costs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านค้าในเวียดนามเผยเซิร์ฟเวอร์ AI มูลค่า $30,000 ที่ใช้ RTX 5090 ถึง 7 ตัว พร้อมพลังงาน 4,000 วัตต์และหน่วยความจำ 224GB สถาปัตยกรรม Blackwell ช่วยให้ RTX 5090 เหมาะกับงาน AI แม้ราคาต่อการ์ดสูงถึง $4,000 นักพัฒนายอมลงทุนเพราะประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตาม Nvidia มุ่งขาย AI Accelerators มากกว่าการ์ดเกม ทำให้ RTX 5090 หาได้ยากและราคาสูง ตลาดมือสองอาจเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มองหาการ์ดที่คุ้มค่ากว่า

    ✅ RTX 5090 มาพร้อมสถาปัตยกรรม Blackwell—ออกแบบเพื่อ AI โดยเฉพาะ
    - รองรับ รูปแบบข้อมูลที่มีความแม่นยำต่ำกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ AI
    - แม้ราคาต่อการ์ดสูงถึง $4,000 นักพัฒนา AI ก็ยังยอมลงทุนเพราะประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

    ✅ เซิร์ฟเวอร์นี้ใช้โครงสร้างแบบ “Open-Air GPU Frame”
    - ใช้ PCIe riser cables เชื่อมต่อ GPU แต่ละตัว
    - ใช้ Super Flower Leadex 2000W PSUs หลายตัวเพื่อรองรับกำลังไฟ

    ✅ หน่วยความจำรวม 224GB ไม่ใช่ “Unified Memory”
    - นักพัฒนาต้องใช้เทคนิค Model Parallelism เพื่อแบ่งงานระหว่าง GPU
    - ต่างจาก Blackwell Workstation Cards ที่มี VRAM สูงถึง 96GB ซึ่งเหมาะกับโมเดลที่มีพารามิเตอร์ซับซ้อน

    ✅ ราคา GPU สูงขึ้น เพราะ Nvidia เน้นขาย AI Accelerators มากกว่าการ์ดเกม
    - Nvidia ใช้ เวเฟอร์จาก TSMC กับ B100/B200/B300 มากกว่าผลิต RTX
    - ทำให้การ์ดเกม หาได้ยากและราคาสูงกว่าปกติ

    ✅ ตลาด GPU มือสองเริ่มน่าสนใจ
    - รุ่นเก่าอย่าง RTX 4090 ที่มี 48GB VRAM ได้รับความนิยมในจีน
    - อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าราคาการ์ดใหม่จะปรับตัว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/seven-rtx-5090-gpus-power-ai-server-worth-over-usd30-000-over-4000w-of-power-and-224gb-of-memory-in-a-single-frame
    ร้านค้าในเวียดนามเผยเซิร์ฟเวอร์ AI มูลค่า $30,000 ที่ใช้ RTX 5090 ถึง 7 ตัว พร้อมพลังงาน 4,000 วัตต์และหน่วยความจำ 224GB สถาปัตยกรรม Blackwell ช่วยให้ RTX 5090 เหมาะกับงาน AI แม้ราคาต่อการ์ดสูงถึง $4,000 นักพัฒนายอมลงทุนเพราะประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตาม Nvidia มุ่งขาย AI Accelerators มากกว่าการ์ดเกม ทำให้ RTX 5090 หาได้ยากและราคาสูง ตลาดมือสองอาจเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มองหาการ์ดที่คุ้มค่ากว่า ✅ RTX 5090 มาพร้อมสถาปัตยกรรม Blackwell—ออกแบบเพื่อ AI โดยเฉพาะ - รองรับ รูปแบบข้อมูลที่มีความแม่นยำต่ำกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ AI - แม้ราคาต่อการ์ดสูงถึง $4,000 นักพัฒนา AI ก็ยังยอมลงทุนเพราะประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ✅ เซิร์ฟเวอร์นี้ใช้โครงสร้างแบบ “Open-Air GPU Frame” - ใช้ PCIe riser cables เชื่อมต่อ GPU แต่ละตัว - ใช้ Super Flower Leadex 2000W PSUs หลายตัวเพื่อรองรับกำลังไฟ ✅ หน่วยความจำรวม 224GB ไม่ใช่ “Unified Memory” - นักพัฒนาต้องใช้เทคนิค Model Parallelism เพื่อแบ่งงานระหว่าง GPU - ต่างจาก Blackwell Workstation Cards ที่มี VRAM สูงถึง 96GB ซึ่งเหมาะกับโมเดลที่มีพารามิเตอร์ซับซ้อน ✅ ราคา GPU สูงขึ้น เพราะ Nvidia เน้นขาย AI Accelerators มากกว่าการ์ดเกม - Nvidia ใช้ เวเฟอร์จาก TSMC กับ B100/B200/B300 มากกว่าผลิต RTX - ทำให้การ์ดเกม หาได้ยากและราคาสูงกว่าปกติ ✅ ตลาด GPU มือสองเริ่มน่าสนใจ - รุ่นเก่าอย่าง RTX 4090 ที่มี 48GB VRAM ได้รับความนิยมในจีน - อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าราคาการ์ดใหม่จะปรับตัว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/seven-rtx-5090-gpus-power-ai-server-worth-over-usd30-000-over-4000w-of-power-and-224gb-of-memory-in-a-single-frame
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเภท 10% และเพิ่มภาษีสินค้าจาก 60 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จีนโดนหนักสุดด้วยภาษีนำเข้ารวมกว่า 54% หุ้นเทคโนโลยีตกหนัก โดยเฉพาะ Apple, Nvidia และ Tesla นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจนำไปสู่ สงครามการค้าครั้งใหญ่ และราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจพุ่งสูงขึ้น

    ✅ เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
    - นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้อาจกระตุ้นสงครามการค้าแบบตอบโต้
    - มีการคาดการณ์ว่าหลายประเทศ อาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า

    ✅ ตลาดหุ้นร่วงหนัก หลังข่าวภาษีใหม่ประกาศออกมา
    - หุ้นเทคโนโลยีร่วงอย่างหนัก โดย Apple ลดลง 9% และ Nasdaq Composite ลดลงกว่า 5%
    - Microsoft และ Alphabet ลดลงประมาณ 2% ขณะที่ Nvidia และ Tesla ลดลง 5%

    ✅ ภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี—ชิปคอมพิวเตอร์รอดจากภาษี แต่เพียงชั่วคราว
    - ชิปคอมพิวเตอร์และทองแดง ยังคงได้รับการยกเว้น แต่คาดว่า ภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์จะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง
    - หุ้นของ Marvell, Arm และ Micron ลดลงกว่า 8% ขณะที่ AMD ลดลง 4%

    ✅ ภาษีสูงสุดสำหรับประเทศคู่ค้า—จีนโดนหนักสุด
    - สินค้าจากจีนจะต้องเผชิญกับ อัตราภาษีรวมกว่า 54% ซึ่งสูงกว่าภาษีนำเข้าเดิมอย่างมาก
    - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ เวียดนาม (46%) และกัมพูชา (49%)

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไอทีและผู้บริโภค
    - สินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป, ทีวี และคอมพิวเตอร์ อาจมีราคาสูงขึ้น
    - Amazon อาจได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจาก ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อยกเว้นสินค้าราคาต่ำกว่า $800 ที่เคยได้รับการปลอดภาษี

    ✅ การตอบโต้จาก EU และจีน
    - ทั้ง สหภาพยุโรปและจีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้ แต่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศอื่น ยอมรับการขึ้นภาษีเป็นมาตรฐานใหม่

    https://www.techspot.com/news/107402-trump-tariffs-could-prove-nuclear-bomb-international-trade.html
    ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเภท 10% และเพิ่มภาษีสินค้าจาก 60 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จีนโดนหนักสุดด้วยภาษีนำเข้ารวมกว่า 54% หุ้นเทคโนโลยีตกหนัก โดยเฉพาะ Apple, Nvidia และ Tesla นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจนำไปสู่ สงครามการค้าครั้งใหญ่ และราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจพุ่งสูงขึ้น ✅ เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย - นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้อาจกระตุ้นสงครามการค้าแบบตอบโต้ - มีการคาดการณ์ว่าหลายประเทศ อาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า ✅ ตลาดหุ้นร่วงหนัก หลังข่าวภาษีใหม่ประกาศออกมา - หุ้นเทคโนโลยีร่วงอย่างหนัก โดย Apple ลดลง 9% และ Nasdaq Composite ลดลงกว่า 5% - Microsoft และ Alphabet ลดลงประมาณ 2% ขณะที่ Nvidia และ Tesla ลดลง 5% ✅ ภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี—ชิปคอมพิวเตอร์รอดจากภาษี แต่เพียงชั่วคราว - ชิปคอมพิวเตอร์และทองแดง ยังคงได้รับการยกเว้น แต่คาดว่า ภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์จะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง - หุ้นของ Marvell, Arm และ Micron ลดลงกว่า 8% ขณะที่ AMD ลดลง 4% ✅ ภาษีสูงสุดสำหรับประเทศคู่ค้า—จีนโดนหนักสุด - สินค้าจากจีนจะต้องเผชิญกับ อัตราภาษีรวมกว่า 54% ซึ่งสูงกว่าภาษีนำเข้าเดิมอย่างมาก - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ เวียดนาม (46%) และกัมพูชา (49%) ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไอทีและผู้บริโภค - สินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป, ทีวี และคอมพิวเตอร์ อาจมีราคาสูงขึ้น - Amazon อาจได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจาก ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อยกเว้นสินค้าราคาต่ำกว่า $800 ที่เคยได้รับการปลอดภาษี ✅ การตอบโต้จาก EU และจีน - ทั้ง สหภาพยุโรปและจีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้ แต่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศอื่น ยอมรับการขึ้นภาษีเป็นมาตรฐานใหม่ https://www.techspot.com/news/107402-trump-tariffs-could-prove-nuclear-bomb-international-trade.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump's tariffs could prove to be a "nuclear bomb" on international trade and tech imports, experts warn
    This aggressive escalation of Trump's trade wars could mean higher prices on virtually every product Americans purchase from overseas. Worse, analysts predict the tariffs could trigger recessions...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นเขาเชียร์เศรษฐกิจเวียดนามกัน 🇻🇳
    ดัชนีเวียดนาม ถอยลงมาละ หลังโดนภาษีทรัมป์
    ลองดูแนว เส้นฟ้า เส้นม่วง ตามภาพ เลือกเอา...

    ในกระดาน DR มี E1VFVN3001
    เห็นเขาเชียร์เศรษฐกิจเวียดนามกัน 🇻🇳 ดัชนีเวียดนาม ถอยลงมาละ หลังโดนภาษีทรัมป์ ลองดูแนว เส้นฟ้า เส้นม่วง ตามภาพ เลือกเอา... ในกระดาน DR มี E1VFVN3001
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 512 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประกาศภาษีใหม่ของทรัมป์ทำให้ราคาสินค้า Apple พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเวียดนามและอินเดีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตของ Apple ต้องเจอกับภาษีสูงสุดถึง 46% แผนการลดการพึ่งพาจีนของ Apple ถูกกระทบหนัก ขณะที่ ภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดจะเริ่มบังคับใช้ใน 5 เมษายน Apple อาจต้องปรับราคาสินค้าหรือหาทางออกอื่นเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจพิจารณายกเว้นภาษีบางส่วนในอนาคต

    ✅ อัตราภาษีใหม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตนอกจีน
    - Apple พยายาม ลดการพึ่งพาการผลิตในจีน มาหลายปี แต่แผนนี้ถูกกระทบจากภาษีใหม่
    - เวียดนามเจอภาษีสูงถึง 46% ขณะที่อินเดียโดน 26%

    ✅ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องแบกรับราคาที่แพงขึ้น
    - นอกจากภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เริ่มใช้ใน 5 เมษายน
    - ยังมีภาษีแบบ Reciprocal Tariffs ที่เพิ่มอัตราภาษีให้สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่ประเทศอื่นขายแพง

    ✅ ภาระต้นทุนการผลิตทำให้ Apple ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
    - ภาษีที่สูงขึ้นทำให้ ต้นทุนการผลิตพุ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท
    - Apple อยู่ในสถานะ Lose-Lose Situation ไม่ว่าจะเลือกปรับราคาหรือดูดซับต้นทุน

    ✅ Trump อาจพิจารณายกเว้นภาษีบางส่วน
    - มีรายงานว่า สหรัฐฯ อาจผ่อนปรนภาษีให้กับบางประเทศ ที่สำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของ Apple

    ✅ จีนยังคงเป็นเป้าหมายหลักของภาษีสหรัฐฯ
    - ภาษี 34% ถูกกำหนดไว้เป็นมาตรการตอบโต้การค้า
    - Apple อาจต้องทบทวนแผนการกระจายฐานการผลิตใหม่ทั้งหมด

    https://wccftech.com/apple-supply-chains-hit-with-up-to-a-46-percent-trump-tariffs/
    การประกาศภาษีใหม่ของทรัมป์ทำให้ราคาสินค้า Apple พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเวียดนามและอินเดีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตของ Apple ต้องเจอกับภาษีสูงสุดถึง 46% แผนการลดการพึ่งพาจีนของ Apple ถูกกระทบหนัก ขณะที่ ภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดจะเริ่มบังคับใช้ใน 5 เมษายน Apple อาจต้องปรับราคาสินค้าหรือหาทางออกอื่นเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจพิจารณายกเว้นภาษีบางส่วนในอนาคต ✅ อัตราภาษีใหม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตนอกจีน - Apple พยายาม ลดการพึ่งพาการผลิตในจีน มาหลายปี แต่แผนนี้ถูกกระทบจากภาษีใหม่ - เวียดนามเจอภาษีสูงถึง 46% ขณะที่อินเดียโดน 26% ✅ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องแบกรับราคาที่แพงขึ้น - นอกจากภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เริ่มใช้ใน 5 เมษายน - ยังมีภาษีแบบ Reciprocal Tariffs ที่เพิ่มอัตราภาษีให้สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่ประเทศอื่นขายแพง ✅ ภาระต้นทุนการผลิตทำให้ Apple ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก - ภาษีที่สูงขึ้นทำให้ ต้นทุนการผลิตพุ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท - Apple อยู่ในสถานะ Lose-Lose Situation ไม่ว่าจะเลือกปรับราคาหรือดูดซับต้นทุน ✅ Trump อาจพิจารณายกเว้นภาษีบางส่วน - มีรายงานว่า สหรัฐฯ อาจผ่อนปรนภาษีให้กับบางประเทศ ที่สำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของ Apple ✅ จีนยังคงเป็นเป้าหมายหลักของภาษีสหรัฐฯ - ภาษี 34% ถูกกำหนดไว้เป็นมาตรการตอบโต้การค้า - Apple อาจต้องทบทวนแผนการกระจายฐานการผลิตใหม่ทั้งหมด https://wccftech.com/apple-supply-chains-hit-with-up-to-a-46-percent-trump-tariffs/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s Supply Chain To Bear The Immense Financial Burden Of The Trump Tariffs, With Multiple Countries, Including Vietnam & India, Hit With Up To A 46 Percent Levy
    Various production hubs of Apple will be subject to up to a 46 percent bump in tariffs, forcing mutiple products, including iPhones, to jump in price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยกลายเป็นชาติที่ 2 ในอาเซียน ที่สัญญาว่าจะซื้อสินค้าโภคภัณฑ์พลังงานของสหรัฐฯเพิ่มเติม ในความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษี ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เวียดนามได้ทำแบบเดียวกัน ท่ามกลางเค้ารางอเมริกาเตรียมรีดภาษีคู่หูทางการค้าทุกรายที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031648
    ไทยกลายเป็นชาติที่ 2 ในอาเซียน ที่สัญญาว่าจะซื้อสินค้าโภคภัณฑ์พลังงานของสหรัฐฯเพิ่มเติม ในความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษี ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เวียดนามได้ทำแบบเดียวกัน ท่ามกลางเค้ารางอเมริกาเตรียมรีดภาษีคู่หูทางการค้าทุกรายที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031648
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1447 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนที่แสดงแนวการเกิดแผ่นดินไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับ 4.0 Magnitude ขึ้นไป ตั้งแต่ 1 มกราคม 1975 จนถึง 28 มีนาคม 2025 ซึ่งเป็นวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมียนมาวัดระดับได้ 7.7 Magnitude

    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคหนึ่งของโลกที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด โดยแผ่นเปลือกโลกหลัก เช่น แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย (Eurasian Plate) และแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย (Australian Plate) เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่รุนแรง

    เมื่อปี 2004 (2547) เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 รายทั่วเอเชียและแอฟริกา

    ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ต้องรับมือกับแผ่นดินไหวมากที่สุดต่อปี รองลงมาคือเมียนมา เนื่องจากรอยเลื่อนและร่องลึกจำนวนมากที่เคลื่อนตัวผ่านประเทศดังกล่าว

    ในขณะที่ ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มักไม่ประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรง ความตื่นตระหนกที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศเหล่านี้หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา เมื่อ 28 มีนาคม แสดงให้เห็นถึงประชาชนในประเทศกลุ่มนี้ไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    แผนที่แสดงแนวการเกิดแผ่นดินไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับ 4.0 Magnitude ขึ้นไป ตั้งแต่ 1 มกราคม 1975 จนถึง 28 มีนาคม 2025 ซึ่งเป็นวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมียนมาวัดระดับได้ 7.7 Magnitude เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคหนึ่งของโลกที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด โดยแผ่นเปลือกโลกหลัก เช่น แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย (Eurasian Plate) และแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย (Australian Plate) เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่รุนแรง เมื่อปี 2004 (2547) เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 รายทั่วเอเชียและแอฟริกา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ต้องรับมือกับแผ่นดินไหวมากที่สุดต่อปี รองลงมาคือเมียนมา เนื่องจากรอยเลื่อนและร่องลึกจำนวนมากที่เคลื่อนตัวผ่านประเทศดังกล่าว ในขณะที่ ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มักไม่ประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรง ความตื่นตระหนกที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศเหล่านี้หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา เมื่อ 28 มีนาคม แสดงให้เห็นถึงประชาชนในประเทศกลุ่มนี้ไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • คาดว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนหน้า ขณะที่ปักกิ่งเร่งดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงรัฐบาลชุดที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า สีจิ้นผิงมีแนวโน้มที่จะออกเดินทางในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยแวะพักที่เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่ามีแผนให้ผู้นำจีนใช้เวลา 3 วันในมาเลเซียแหล่งข่าวอีกรายซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเช่นกัน กล่าวว่าการเยือนมาเลเซียครั้งนี้จะสานต่อจากการพบปะระหว่างสีจิ้นผิงกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมที่ปักกิ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แหล่งข่าวเสริมว่าการเดินทางครั้งนี้ "จะดีอย่างแน่นอน" สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้จะถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของสีจิ้นผิงในปีนี้ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังผลักดันให้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงตนเป็นหุ้นส่วนระดับภูมิภาคที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของวอชิงตันที่มีต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ดูเหมือนจะตั้งคำถามถึงคุณค่าของพันธมิตรและหุ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ของตนจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นและมั่นคงกับภูมิภาคนี้ แต่จีนยังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับหลายประเทศมายาวนานเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้
    คาดว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนหน้า ขณะที่ปักกิ่งเร่งดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงรัฐบาลชุดที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า สีจิ้นผิงมีแนวโน้มที่จะออกเดินทางในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยแวะพักที่เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่ามีแผนให้ผู้นำจีนใช้เวลา 3 วันในมาเลเซียแหล่งข่าวอีกรายซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเช่นกัน กล่าวว่าการเยือนมาเลเซียครั้งนี้จะสานต่อจากการพบปะระหว่างสีจิ้นผิงกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมที่ปักกิ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แหล่งข่าวเสริมว่าการเดินทางครั้งนี้ "จะดีอย่างแน่นอน" สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้จะถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของสีจิ้นผิงในปีนี้ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังผลักดันให้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงตนเป็นหุ้นส่วนระดับภูมิภาคที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของวอชิงตันที่มีต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ดูเหมือนจะตั้งคำถามถึงคุณค่าของพันธมิตรและหุ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ของตนจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นและมั่นคงกับภูมิภาคนี้ แต่จีนยังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับหลายประเทศมายาวนานเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇻🇳 ทัวร์เวียดนามสุดฮิต! ดานัง - ฮอยอัน - พักบนบานาฮิลล์ 3 วัน 2 คืน 🌤️
    เดินทางช่วงสงกรานต์ เที่ยวแบบฟีลดี ไม่มีเปียกน้ำ 💦

    📅 เดินทาง 2 รอบ
    12-14 เม.ย. 68
    14-16 เม.ย. 68

    ✈️ สายการบิน AirAsia (FD)
    🏨 โรงแรมระดับ 4 ดาว
    ⛰️ พักบนบานาฮิลล์ 1 คืน สุดพรีเมียม

    🔥 ลดพิเศษ 3,000 บาท
    💰 เหลือเพียง 17,899 บาท เท่านั้น!

    📸 เที่ยวครบจบในทริปเดียว
    เดินเล่นเมืองโบราณฮอยอัน
    ถ่ายรูปสะพานมือสุดปัง
    นั่งกระเช้าชมวิวบานาฮิลล์
    จิบกาแฟสวยๆ ชิลๆ ที่ดานัง

    #เวียดนามกลาง #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ #สะพานมือ #เที่ยวเวียดนาม #สงกรานต์ไม่เปียกน้ำ #เที่ยวช่วงหยุดยาว #eTravelway #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ราคาถูก

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e92f7d

    ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/8d0826

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395
    🇻🇳 ทัวร์เวียดนามสุดฮิต! ดานัง - ฮอยอัน - พักบนบานาฮิลล์ 3 วัน 2 คืน 🌤️ เดินทางช่วงสงกรานต์ เที่ยวแบบฟีลดี ไม่มีเปียกน้ำ 💦 📅 เดินทาง 2 รอบ 12-14 เม.ย. 68 14-16 เม.ย. 68 ✈️ สายการบิน AirAsia (FD) 🏨 โรงแรมระดับ 4 ดาว ⛰️ พักบนบานาฮิลล์ 1 คืน สุดพรีเมียม 🔥 ลดพิเศษ 3,000 บาท 💰 เหลือเพียง 17,899 บาท เท่านั้น! 📸 เที่ยวครบจบในทริปเดียว เดินเล่นเมืองโบราณฮอยอัน ถ่ายรูปสะพานมือสุดปัง นั่งกระเช้าชมวิวบานาฮิลล์ จิบกาแฟสวยๆ ชิลๆ ที่ดานัง #เวียดนามกลาง #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ #สะพานมือ #เที่ยวเวียดนาม #สงกรานต์ไม่เปียกน้ำ #เที่ยวช่วงหยุดยาว #eTravelway #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ราคาถูก ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e92f7d ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/8d0826 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) คาดการณ์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมียนมาวันนี้ จะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 10,000-100,000 ราย และจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาทั้งนี้ ดร.โรเจอร์ มัสซัน กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอิงอยู่บนข้อมูลแผ่นดินไหวในอดีต และอยู่บนขนาดและที่ตั้งของเมียนมา และความพร้อมโดยรวมในการรับมือแผ่นดินไหวดร.มัสซันกล่าวว่า การที่แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความลึกเพียง 6.2 ไมล์ ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวไม่มีการกระจายตัวเมื่อเดินทางจากศูนย์กลางขึ้นสู่พื้นดิน ส่งผลให้อาคารต่าง ๆ ได้รับแรงกระทบอย่างเต็มที่นอกจากนี้ การที่อาคารบ้านเรือนของเมียนมาไม่ได้สร้างขึ้นมาให้รองรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเท่ากับในวันนี้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันนี้อย่างน้อย 144 ราย และบาดเจ็บ 730 ราย"เราคาดว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก" พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของเมียนมาUSGS รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.7 แมกนิจูดใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาในวันนี้ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อก 6.4 แมกนิจูดเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และใกล้กับรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่ยังคงมีพลัง และทอดยาวผ่านตอนกลางของเมียนมานอกจากนี้ แผ่นดินไหวดังกล่าวยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพฯ เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีนรัฐบาลทหารของเมียนมาได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในวันนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก และคาดว่าจะมีผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก"เราต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเมียนมา กล่าวต่อผู้สื่อข่าว AFPพลตรีซอ มิน ตุนกล่าวเสริมว่า เมียนมาต้องการได้รับการบริจาคโลหิตสำหรับผู้ที่บาดเจ็บซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และสะกายทั้งนี้ การเรียกร้องความช่วยเหลือจากต่างชาติถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทหารของเมียนมาแทบไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่รุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตสะกาย มัณฑะเลย์ เนปืดอว์ พะโค มะเกวย์ และรัฐฉานโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ อินโฟเควสต์
    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) คาดการณ์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมียนมาวันนี้ จะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 10,000-100,000 ราย และจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาทั้งนี้ ดร.โรเจอร์ มัสซัน กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอิงอยู่บนข้อมูลแผ่นดินไหวในอดีต และอยู่บนขนาดและที่ตั้งของเมียนมา และความพร้อมโดยรวมในการรับมือแผ่นดินไหวดร.มัสซันกล่าวว่า การที่แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความลึกเพียง 6.2 ไมล์ ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวไม่มีการกระจายตัวเมื่อเดินทางจากศูนย์กลางขึ้นสู่พื้นดิน ส่งผลให้อาคารต่าง ๆ ได้รับแรงกระทบอย่างเต็มที่นอกจากนี้ การที่อาคารบ้านเรือนของเมียนมาไม่ได้สร้างขึ้นมาให้รองรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเท่ากับในวันนี้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันนี้อย่างน้อย 144 ราย และบาดเจ็บ 730 ราย"เราคาดว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก" พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของเมียนมาUSGS รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.7 แมกนิจูดใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาในวันนี้ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อก 6.4 แมกนิจูดเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และใกล้กับรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่ยังคงมีพลัง และทอดยาวผ่านตอนกลางของเมียนมานอกจากนี้ แผ่นดินไหวดังกล่าวยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพฯ เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีนรัฐบาลทหารของเมียนมาได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในวันนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก และคาดว่าจะมีผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก"เราต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเมียนมา กล่าวต่อผู้สื่อข่าว AFPพลตรีซอ มิน ตุนกล่าวเสริมว่า เมียนมาต้องการได้รับการบริจาคโลหิตสำหรับผู้ที่บาดเจ็บซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และสะกายทั้งนี้ การเรียกร้องความช่วยเหลือจากต่างชาติถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทหารของเมียนมาแทบไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่รุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตสะกาย มัณฑะเลย์ เนปืดอว์ พะโค มะเกวย์ และรัฐฉานโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ อินโฟเควสต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามกำลังวางเดิมพันใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการสร้างโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์แห่งแรกของประเทศภายในปี 2030 พร้อมเป้าหมายระยะยาวที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักของโลกในปี 2050 รัฐบาลยังเตรียมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านการเงินและสิทธิพิเศษทางภาษี แต่ความท้าทายใหญ่อยู่ที่งบประมาณซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการในประเทศชั้นนำอื่น อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของเวียดนามและการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอาจทำให้ประเทศนี้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ได้

    เป้าหมายระยะยาว:
    - ระยะที่หนึ่งภายในปี 2030 จะมุ่งสร้างโรงงานผลิตหนึ่งแห่ง บริษัทออกแบบชิป 100 แห่ง และศูนย์บรรจุภัณฑ์/ทดสอบ 10 แห่ง.
    - ระยะที่สอง (2030-2040) ขยายไปสู่โรงงานสองแห่ง และบริษัทออกแบบชิปเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์บรรจุภัณฑ์ 15 แห่ง.
    - ระยะที่สาม (2040-2050) ตั้งเป้าเพิ่มโรงงานเป็นสามแห่ง บริษัทออกแบบ 300 แห่ง และสร้างรายได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี.

    การสนับสนุนจากรัฐบาล:
    - รัฐบาลเวียดนามจะครอบคลุมต้นทุนสูงถึง 30% ของโครงการ พร้อมเสนอสิทธิพิเศษทางภาษี และจัดตั้งคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ

    พันธมิตรและการลงทุนจากต่างประเทศ:
    - มีความพยายามดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น GlobalFoundries และ Powerchip Semiconductor รวมถึงการส่งเสริมการร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นอย่าง Viettel

    ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
    - การสร้างโรงงานผลิตชิปขั้นสูงต้องใช้งบประมาณมากถึง 50 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่างบประมาณในปัจจุบันของโครงการ
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเวียดนามควรมุ่งเน้นที่การบรรจุภัณฑ์และการทดสอบก่อน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง

    https://www.techspot.com/news/107191-vietnam-wants-compete-taiwan-establishing-first-wafer-fab.html
    เวียดนามกำลังวางเดิมพันใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการสร้างโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์แห่งแรกของประเทศภายในปี 2030 พร้อมเป้าหมายระยะยาวที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักของโลกในปี 2050 รัฐบาลยังเตรียมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านการเงินและสิทธิพิเศษทางภาษี แต่ความท้าทายใหญ่อยู่ที่งบประมาณซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการในประเทศชั้นนำอื่น อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของเวียดนามและการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอาจทำให้ประเทศนี้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ได้ เป้าหมายระยะยาว: - ระยะที่หนึ่งภายในปี 2030 จะมุ่งสร้างโรงงานผลิตหนึ่งแห่ง บริษัทออกแบบชิป 100 แห่ง และศูนย์บรรจุภัณฑ์/ทดสอบ 10 แห่ง. - ระยะที่สอง (2030-2040) ขยายไปสู่โรงงานสองแห่ง และบริษัทออกแบบชิปเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์บรรจุภัณฑ์ 15 แห่ง. - ระยะที่สาม (2040-2050) ตั้งเป้าเพิ่มโรงงานเป็นสามแห่ง บริษัทออกแบบ 300 แห่ง และสร้างรายได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี. การสนับสนุนจากรัฐบาล: - รัฐบาลเวียดนามจะครอบคลุมต้นทุนสูงถึง 30% ของโครงการ พร้อมเสนอสิทธิพิเศษทางภาษี และจัดตั้งคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ พันธมิตรและการลงทุนจากต่างประเทศ: - มีความพยายามดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น GlobalFoundries และ Powerchip Semiconductor รวมถึงการส่งเสริมการร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นอย่าง Viettel ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: - การสร้างโรงงานผลิตชิปขั้นสูงต้องใช้งบประมาณมากถึง 50 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่างบประมาณในปัจจุบันของโครงการ - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเวียดนามควรมุ่งเน้นที่การบรรจุภัณฑ์และการทดสอบก่อน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง https://www.techspot.com/news/107191-vietnam-wants-compete-taiwan-establishing-first-wafer-fab.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Vietnam wants to compete with Taiwan by establishing its first wafer fab
    TrendForce reports that the facility will focus on producing specialized chips for high-tech applications like AI, defense tech, and more. It has some serious financial backing as...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สื่อนอกตีแผ่ พบสลัมแรงงานพม่ากลางภูเก็ต? พร้อมเปิดโรงเรียนสอนพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ หลัง Youtuber ต่างชาตินำเสนอเรื่องนี้ ขณะที่ผู้ดูแลออกมายื่นยัน ว่า เป็นแค่ศูนย์เรียนรู้ เปิดมา 11 ปี ด้านจังหวัด ตร. ตื่นสอบ

    จากกรณีสื่อนอก สื่อไทยนำเสนอข้อมูล พบสลัมใหญ่ในพื้นที่กลางเมืองภูเก็ต แถมเปิดโรงเรียนสอนชาวพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเด็กพม่าเข้าเรียนกว่า 300 คน โดยนำข้อมูลจาก Youtuber ต่างชาติ ช่อง Ride with Gabi ที่มีการเผยแพร่คลิปเปิดเผยการมีอยู่ของชุมชนแรงงานพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “สลัมต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต” โดยผู้อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า เด็กๆ ในชุมชนได้รับการศึกษาและอาหารจากมูลนิธิ ที่ใช้เงินทุนจากการบริจาคและอาสาสมัครต่างชาติ

    นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ภูเก็ต ของบริษัทด้านการตลาด Media Intelligence Group (MI GROUP) ที่ระบุว่า ในปี 2566 พบว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อาศัยอยู่ในไทยมากกว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะชาวพม่ามีจำนวนสูงถึง 6.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และแนวโน้มยังเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาตั้งรกรากในไทยมากขึ้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000025351

    #MGROnline #ภูเก็ต #โรงเรียนสอนพม่า #ศูนย์เรียนรู้
    ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สื่อนอกตีแผ่ พบสลัมแรงงานพม่ากลางภูเก็ต? พร้อมเปิดโรงเรียนสอนพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ หลัง Youtuber ต่างชาตินำเสนอเรื่องนี้ ขณะที่ผู้ดูแลออกมายื่นยัน ว่า เป็นแค่ศูนย์เรียนรู้ เปิดมา 11 ปี ด้านจังหวัด ตร. ตื่นสอบ • จากกรณีสื่อนอก สื่อไทยนำเสนอข้อมูล พบสลัมใหญ่ในพื้นที่กลางเมืองภูเก็ต แถมเปิดโรงเรียนสอนชาวพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเด็กพม่าเข้าเรียนกว่า 300 คน โดยนำข้อมูลจาก Youtuber ต่างชาติ ช่อง Ride with Gabi ที่มีการเผยแพร่คลิปเปิดเผยการมีอยู่ของชุมชนแรงงานพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “สลัมต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต” โดยผู้อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า เด็กๆ ในชุมชนได้รับการศึกษาและอาหารจากมูลนิธิ ที่ใช้เงินทุนจากการบริจาคและอาสาสมัครต่างชาติ • นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ภูเก็ต ของบริษัทด้านการตลาด Media Intelligence Group (MI GROUP) ที่ระบุว่า ในปี 2566 พบว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อาศัยอยู่ในไทยมากกว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะชาวพม่ามีจำนวนสูงถึง 6.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และแนวโน้มยังเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาตั้งรกรากในไทยมากขึ้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000025351 • #MGROnline #ภูเก็ต #โรงเรียนสอนพม่า #ศูนย์เรียนรู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เกาะฟูก๊วก 💦🔥
    รูดบัตร 0% จึ้งๆ 😍

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐

    📍 สวนสนุก Vinwonders
    📍 Aquariam รูปเต่า
    📍 Grand World Phu Quoc
    📍 วัด Ho Quoc
    📍 สะพานจูบ
    📍 Sun Set Town
    📍 ศาลเจ้าดิงชาว

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #ทัวร์ฟูก๊วก #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เกาะฟูก๊วก 💦🔥 รูดบัตร 0% จึ้งๆ 😍 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 สวนสนุก Vinwonders 📍 Aquariam รูปเต่า 📍 Grand World Phu Quoc 📍 วัด Ho Quoc 📍 สะพานจูบ 📍 Sun Set Town 📍 ศาลเจ้าดิงชาว รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #ทัวร์ฟูก๊วก #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 836 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥
    เดือน พ.ค. ไม่ถึงหมื่น 🤑

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 POP MART
    📍 ตลาดฮอยอัน
    📍 ตลาดฮาน
    📍 Charming Show
    📍 สะพานมังกร
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 นั่งเรือกระด้ง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥 เดือน พ.ค. ไม่ถึงหมื่น 🤑 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 POP MART 📍 ตลาดฮอยอัน 📍 ตลาดฮาน 📍 Charming Show 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 14 0 รีวิว
Pages Boosts