• สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน:

    1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA
    • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.
    • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI.
    • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI.
    • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม.

    2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel
    • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท.
    • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น.
    • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ.

    3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD
    • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์.
    • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz.
    • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่.

    4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI
    • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า.
    • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า.
    • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU.

    5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS
    • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์.
    • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม.
    • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1.

    6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek
    • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร.
    • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud.

    7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston
    • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก.
    • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย.
    • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน.

    8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE
    • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI.
    • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล.
    • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing.

    9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro
    • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC.
    • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล.

    🔟 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
    • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ.
    • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่.
    • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน.
    • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน.
    • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ.
    • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft.

    💯 สรุป 💯
    งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน: 1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด. • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI. • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI. • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม. 2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท. • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น. • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ. 3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์. • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz. • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่. 4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า. • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า. • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU. 5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์. • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม. • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1. 6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร. • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud. 7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก. • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย. • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน. 8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI. • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล. • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing. 9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC. • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล. 🔟 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ. • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่. • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน. • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน. • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ. • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft. 💯 สรุป 💯 งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • Apple เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่ผสาน AI ในช่วงปลายปี 2026

    Apple กำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะสำหรับผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเทศกาลปลายปี 2026 โดยแว่นตานี้จะมี ไมโครโฟน, ลำโพง และกล้อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ โต้ตอบกับ Siri และ Apple Intelligence ผ่านเสียง, ถ่ายภาพและวิดีโอ, ฟังเพลง, รับสายโทรศัพท์ และนำทางแบบเรียลไทม์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่นตาอัจฉริยะของ Apple
    ✅ Apple กำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะที่สามารถโต้ตอบกับ Siri และ Apple Intelligence
    - รองรับ การสั่งงานด้วยเสียง, ถ่ายภาพ, ฟังเพลง และนำทาง

    ✅ แว่นตาจะมีไมโครโฟน, ลำโพง และกล้องในตัว
    - ช่วยให้ สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนตลอดเวลา

    ✅ Apple ตั้งเป้าพัฒนาแว่นตา AR ในอนาคต แต่รุ่นแรกจะยังไม่มีฟีเจอร์ AR เต็มรูปแบบ
    - เป็น ก้าวแรกสู่แว่นตา AR ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต

    ✅ Apple เปรียบเทียบแว่นตาของตนกับ Meta Ray-Ban Smart Glasses แต่ระบุว่ามีคุณภาพดีกว่า
    - Meta เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่มีราคาเริ่มต้นที่ $299

    ✅ Apple ตัดสินใจไม่พัฒนา Apple Watch ที่มีกล้องในตัว
    - เนื่องจาก แนวคิดนี้ไม่เคยได้รับความนิยมในตลาดสมาร์ทวอทช์

    https://www.techspot.com/news/108039-apple-ai-infused-smart-glasses-arrive-late-2026.html
    Apple เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่ผสาน AI ในช่วงปลายปี 2026 Apple กำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะสำหรับผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเทศกาลปลายปี 2026 โดยแว่นตานี้จะมี ไมโครโฟน, ลำโพง และกล้อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ โต้ตอบกับ Siri และ Apple Intelligence ผ่านเสียง, ถ่ายภาพและวิดีโอ, ฟังเพลง, รับสายโทรศัพท์ และนำทางแบบเรียลไทม์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่นตาอัจฉริยะของ Apple ✅ Apple กำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะที่สามารถโต้ตอบกับ Siri และ Apple Intelligence - รองรับ การสั่งงานด้วยเสียง, ถ่ายภาพ, ฟังเพลง และนำทาง ✅ แว่นตาจะมีไมโครโฟน, ลำโพง และกล้องในตัว - ช่วยให้ สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ✅ Apple ตั้งเป้าพัฒนาแว่นตา AR ในอนาคต แต่รุ่นแรกจะยังไม่มีฟีเจอร์ AR เต็มรูปแบบ - เป็น ก้าวแรกสู่แว่นตา AR ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต ✅ Apple เปรียบเทียบแว่นตาของตนกับ Meta Ray-Ban Smart Glasses แต่ระบุว่ามีคุณภาพดีกว่า - Meta เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่มีราคาเริ่มต้นที่ $299 ✅ Apple ตัดสินใจไม่พัฒนา Apple Watch ที่มีกล้องในตัว - เนื่องจาก แนวคิดนี้ไม่เคยได้รับความนิยมในตลาดสมาร์ทวอทช์ https://www.techspot.com/news/108039-apple-ai-infused-smart-glasses-arrive-late-2026.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple's AI-infused smart glasses to arrive in late 2026
    With launch just over a year and a half away, one could safely assume that Apple is deep into the development phase. Even if it took through...
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    WWW.CBSNEWS.COM
    What's in Trump's House-passed "one big, beautiful bill"
    Republicans made a number of last-minute changes to the legislation that passed in the lower chamber early Thursday.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา

    10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

    ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน

    ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ

    ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน

    #Newskit
    วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา 10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • AT&T เข้าซื้อธุรกิจไฟเบอร์ของ Lumen มูลค่า 5.75 พันล้านดอลลาร์

    AT&T ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Lumen Technologies ในส่วนของธุรกิจไฟเบอร์สำหรับผู้บริโภค ด้วยมูลค่า 5.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยดีลนี้จะช่วยให้ AT&T ขยายเครือข่ายไฟเบอร์ไปยังเมืองสำคัญหลายแห่ง และเพิ่มฐานลูกค้าไฟเบอร์อีก 1 ล้านราย

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับดีลระหว่าง AT&T และ Lumen
    ✅ AT&T จะได้รับลูกค้าไฟเบอร์เพิ่มอีก 1 ล้านราย
    - รวมถึง การขยายเครือข่ายไปยังเมืองสำคัญ เช่น เดนเวอร์, ลาสเวกัส, มินนิอาโปลิส-เซนต์พอล, ออร์แลนโด, ฟีนิกซ์, พอร์ตแลนด์, ซอลต์เลกซิตี้ และซีแอตเทิล

    ✅ Lumen จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจไฟเบอร์สำหรับองค์กรแทน
    - CFO ของ Lumen ระบุว่าการขายธุรกิจนี้ช่วยให้บริษัทสามารถลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความหน่วงต่ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับ AI

    ✅ เงินที่ได้จากการขายจะช่วยให้ Lumen ลดหนี้ลง 4.8 พันล้านดอลลาร์
    - รวมถึง ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    ✅ AT&T วางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อบริหารสินทรัพย์ที่ได้มา
    - และมีแผน ขายหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อยนี้ในอนาคต

    ✅ ดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกของปี 2026
    - ขึ้นอยู่กับ การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/att-agrees-to-buy-lumen039s-consumer-fiber-business-for-575-billion-in-cash
    AT&T เข้าซื้อธุรกิจไฟเบอร์ของ Lumen มูลค่า 5.75 พันล้านดอลลาร์ AT&T ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Lumen Technologies ในส่วนของธุรกิจไฟเบอร์สำหรับผู้บริโภค ด้วยมูลค่า 5.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยดีลนี้จะช่วยให้ AT&T ขยายเครือข่ายไฟเบอร์ไปยังเมืองสำคัญหลายแห่ง และเพิ่มฐานลูกค้าไฟเบอร์อีก 1 ล้านราย 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับดีลระหว่าง AT&T และ Lumen ✅ AT&T จะได้รับลูกค้าไฟเบอร์เพิ่มอีก 1 ล้านราย - รวมถึง การขยายเครือข่ายไปยังเมืองสำคัญ เช่น เดนเวอร์, ลาสเวกัส, มินนิอาโปลิส-เซนต์พอล, ออร์แลนโด, ฟีนิกซ์, พอร์ตแลนด์, ซอลต์เลกซิตี้ และซีแอตเทิล ✅ Lumen จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจไฟเบอร์สำหรับองค์กรแทน - CFO ของ Lumen ระบุว่าการขายธุรกิจนี้ช่วยให้บริษัทสามารถลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความหน่วงต่ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับ AI ✅ เงินที่ได้จากการขายจะช่วยให้ Lumen ลดหนี้ลง 4.8 พันล้านดอลลาร์ - รวมถึง ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ AT&T วางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อบริหารสินทรัพย์ที่ได้มา - และมีแผน ขายหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อยนี้ในอนาคต ✅ ดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกของปี 2026 - ขึ้นอยู่กับ การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/att-agrees-to-buy-lumen039s-consumer-fiber-business-for-575-billion-in-cash
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AT&T agrees to buy Lumen's consumer fiber business for $5.75 billion
    (Reuters) -AT&T has clinched a deal to acquire Lumen Technologies' consumer fiber operations for $5.75 billion in cash, the companies said on Wednesday, as the wireless provider adds further scale to its national fiber footprint.
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย

    แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว

    แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป

    น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก

    สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท

    #Newskit
    No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • หุ่นยนต์ที่ดู "น่ารัก" สามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ได้

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Penn State พบว่า หุ่นยนต์ที่มีลักษณะ "น่ารัก" เช่น ดวงตากลมโตและแก้มที่ยกขึ้น สามารถโน้มน้าวให้ผู้คนยอมรับคำแนะนำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ เช่น ร้านอาหารและการขายสินค้า

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของหุ่นยนต์ที่ดูน่ารัก
    ✅ หุ่นยนต์ที่มีลักษณะน่ารักสามารถเพิ่มความไว้วางใจและความอบอุ่นทางอารมณ์
    - ทำให้ ผู้คนรู้สึกสบายใจและมีแนวโน้มที่จะทำตามคำแนะนำของหุ่นยนต์

    ✅ การออกแบบหุ่นยนต์ให้มีลักษณะคล้ายมนุษย์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการโน้มน้าวใจ
    - เช่น หุ่นยนต์ที่มีเสียงทุ้มต่ำอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าหุ่นยนต์ที่มีเสียงหวานใสในการขายสินค้า

    ✅ ผู้บริโภคที่มี "sense of power" ต่ำมีแนวโน้มที่จะเชื่อคำแนะนำของหุ่นยนต์มากขึ้น
    - โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจต่ำมักจะเชื่อคำแนะนำของหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเป็นชายมากกว่า

    ✅ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์สามารถมีบทบาทสำคัญในการตลาดและการให้บริการ
    - เช่น การแนะนำเมนูอาหารในร้านอาหาร หรือการโปรโมตสินค้าใหม่

    ✅ ผลการศึกษาถูกตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Hospitality and Tourism Management
    - แสดงให้เห็นว่า การออกแบบหุ่นยนต์สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคได้จริง

    ‼️ การออกแบบหุ่นยนต์ให้มีลักษณะน่ารักอาจถูกนำไปใช้เพื่อโน้มน้าวใจในทางที่ผิด
    - เช่น การชักจูงให้ซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น หรือการใช้ในโฆษณาที่มีเจตนาแอบแฝง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/17/robots-that-look-039cute039-can-influence-human-decisions-study-finds
    หุ่นยนต์ที่ดู "น่ารัก" สามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Penn State พบว่า หุ่นยนต์ที่มีลักษณะ "น่ารัก" เช่น ดวงตากลมโตและแก้มที่ยกขึ้น สามารถโน้มน้าวให้ผู้คนยอมรับคำแนะนำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ เช่น ร้านอาหารและการขายสินค้า 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของหุ่นยนต์ที่ดูน่ารัก ✅ หุ่นยนต์ที่มีลักษณะน่ารักสามารถเพิ่มความไว้วางใจและความอบอุ่นทางอารมณ์ - ทำให้ ผู้คนรู้สึกสบายใจและมีแนวโน้มที่จะทำตามคำแนะนำของหุ่นยนต์ ✅ การออกแบบหุ่นยนต์ให้มีลักษณะคล้ายมนุษย์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการโน้มน้าวใจ - เช่น หุ่นยนต์ที่มีเสียงทุ้มต่ำอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าหุ่นยนต์ที่มีเสียงหวานใสในการขายสินค้า ✅ ผู้บริโภคที่มี "sense of power" ต่ำมีแนวโน้มที่จะเชื่อคำแนะนำของหุ่นยนต์มากขึ้น - โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจต่ำมักจะเชื่อคำแนะนำของหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเป็นชายมากกว่า ✅ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์สามารถมีบทบาทสำคัญในการตลาดและการให้บริการ - เช่น การแนะนำเมนูอาหารในร้านอาหาร หรือการโปรโมตสินค้าใหม่ ✅ ผลการศึกษาถูกตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Hospitality and Tourism Management - แสดงให้เห็นว่า การออกแบบหุ่นยนต์สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคได้จริง ‼️ การออกแบบหุ่นยนต์ให้มีลักษณะน่ารักอาจถูกนำไปใช้เพื่อโน้มน้าวใจในทางที่ผิด - เช่น การชักจูงให้ซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น หรือการใช้ในโฆษณาที่มีเจตนาแอบแฝง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/17/robots-that-look-039cute039-can-influence-human-decisions-study-finds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Robots that look 'cute' can influence human decisions, study finds
    The most susceptible group of people turned out to be "powerless female consumers," which the team found to be more likely than others to go with menu suggestions made by male-like robots.
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • GPU ระดับผู้บริโภคสามารถใช้เจาะรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

    รายงานล่าสุดจาก Hive Systems เผยว่า GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia เช่น RTX 5090 สามารถใช้ในการเจาะรหัสผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทดสอบพบว่า รหัสผ่านที่มีความซับซ้อนแต่สั้นสามารถถูกเจาะได้ภายในไม่กี่วัน

    ✅ Hive Systems ทดสอบการเจาะรหัสผ่านโดยใช้ 12 Nvidia RTX 5090 GPUs
    - พบว่า รหัสผ่าน 6 ตัวอักษรที่มีตัวเลขและตัวพิมพ์เล็กสามารถถูกเจาะได้ภายใน 14 วัน

    ✅ รหัสผ่านที่ยาวขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นต้องใช้เวลานานขึ้นในการเจาะ
    - ตัวอย่างเช่น รหัสผ่าน 18 ตัวอักษรที่มีตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และสัญลักษณ์ ต้องใช้เวลาถึง 463 ล้านล้านปีในการเจาะ

    ✅ GPU มีประสิทธิภาพสูงในการเดารหัสผ่านแบบ brute force
    - เนื่องจาก สามารถประมวลผลแบบขนานและสร้างแฮชจากหลายล้านหรือพันล้านชุดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ Hive Systems ใช้ Bcrypt เป็นอัลกอริธึมสำหรับการทดสอบ
    - เป็นอัลกอริธึมที่ใช้ในการเข้ารหัสรหัสผ่านก่อนจัดเก็บ แต่สามารถถูกเดาได้โดยใช้ GPU

    ✅ การใช้รหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเจาะรหัสผ่าน
    - ควรใช้ ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ร่วมกัน

    https://www.techradar.com/pro/security/12-nvidia-rtx-5090-gpus-will-take-14-days-to-crack-a-complex-6-character-password-but-i-dont-think-you-should-care
    GPU ระดับผู้บริโภคสามารถใช้เจาะรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ รายงานล่าสุดจาก Hive Systems เผยว่า GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia เช่น RTX 5090 สามารถใช้ในการเจาะรหัสผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทดสอบพบว่า รหัสผ่านที่มีความซับซ้อนแต่สั้นสามารถถูกเจาะได้ภายในไม่กี่วัน ✅ Hive Systems ทดสอบการเจาะรหัสผ่านโดยใช้ 12 Nvidia RTX 5090 GPUs - พบว่า รหัสผ่าน 6 ตัวอักษรที่มีตัวเลขและตัวพิมพ์เล็กสามารถถูกเจาะได้ภายใน 14 วัน ✅ รหัสผ่านที่ยาวขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นต้องใช้เวลานานขึ้นในการเจาะ - ตัวอย่างเช่น รหัสผ่าน 18 ตัวอักษรที่มีตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และสัญลักษณ์ ต้องใช้เวลาถึง 463 ล้านล้านปีในการเจาะ ✅ GPU มีประสิทธิภาพสูงในการเดารหัสผ่านแบบ brute force - เนื่องจาก สามารถประมวลผลแบบขนานและสร้างแฮชจากหลายล้านหรือพันล้านชุดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ✅ Hive Systems ใช้ Bcrypt เป็นอัลกอริธึมสำหรับการทดสอบ - เป็นอัลกอริธึมที่ใช้ในการเข้ารหัสรหัสผ่านก่อนจัดเก็บ แต่สามารถถูกเดาได้โดยใช้ GPU ✅ การใช้รหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเจาะรหัสผ่าน - ควรใช้ ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ร่วมกัน https://www.techradar.com/pro/security/12-nvidia-rtx-5090-gpus-will-take-14-days-to-crack-a-complex-6-character-password-but-i-dont-think-you-should-care
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก

    ✅ Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์)
    - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน

    ✅ บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
    - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย

    ✅ Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว

    ✅ นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป
    - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ✅ Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์) - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน ✅ บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย ✅ Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ✅ นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba misses quarterly revenue estimates
    (Reuters) -Chinese e-commerce giant Alibaba reported quarterly revenue that missed Wall Street estimates on Thursday, as the firm works on new strategies to keep consumers spending amid persistent economic weakness and global trade uncertainties.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกแผนจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน

    รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกข้อเสนอที่ออกโดย โจ ไบเดน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันโดย บริษัทนายหน้าข้อมูล (Data Brokers) การตัดสินใจนี้ส่งผลให้ ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงและขโมยข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น

    ✅ ข้อเสนอเดิมของไบเดนมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน
    - มุ่งเน้นไปที่ บริษัทนายหน้าข้อมูลที่ซื้อขายข้อมูลส่วนตัวของประชาชน

    ✅ รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกข้อเสนอนี้ผ่านประกาศใน Federal Register
    - ระบุว่า ข้อเสนอนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของหน่วยงาน

    ✅ Consumer Reports เตือนว่าการยกเลิกข้อเสนอนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงมากขึ้น
    - อาจเพิ่มโอกาสในการ ถูกหลอกลวงและขโมยข้อมูลส่วนตัว

    ✅ รัฐบาลทรัมป์ยังพยายามลดขนาดของ CFPB (Consumer Financial Protection Bureau)
    - มีแผน ลดจำนวนพนักงานลง 90% แต่ถูกระงับโดยศาลรัฐบาลกลาง

    ✅ ข้อเสนอเดิมของไบเดนระบุว่าการขายข้อมูลส่วนตัวเป็นปัญหาร้ายแรง
    - อาจส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/trump-administration-scraps-biden-era-plan-to-limit-sale-of-americans039-personal-data
    รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกแผนจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกข้อเสนอที่ออกโดย โจ ไบเดน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันโดย บริษัทนายหน้าข้อมูล (Data Brokers) การตัดสินใจนี้ส่งผลให้ ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงและขโมยข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น ✅ ข้อเสนอเดิมของไบเดนมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการขายข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน - มุ่งเน้นไปที่ บริษัทนายหน้าข้อมูลที่ซื้อขายข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ✅ รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกข้อเสนอนี้ผ่านประกาศใน Federal Register - ระบุว่า ข้อเสนอนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของหน่วยงาน ✅ Consumer Reports เตือนว่าการยกเลิกข้อเสนอนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงมากขึ้น - อาจเพิ่มโอกาสในการ ถูกหลอกลวงและขโมยข้อมูลส่วนตัว ✅ รัฐบาลทรัมป์ยังพยายามลดขนาดของ CFPB (Consumer Financial Protection Bureau) - มีแผน ลดจำนวนพนักงานลง 90% แต่ถูกระงับโดยศาลรัฐบาลกลาง ✅ ข้อเสนอเดิมของไบเดนระบุว่าการขายข้อมูลส่วนตัวเป็นปัญหาร้ายแรง - อาจส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/trump-administration-scraps-biden-era-plan-to-limit-sale-of-americans039-personal-data
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump administration scraps Biden-era plan to limit sale of Americans' personal data
    (Reuters) -The U.S. Consumer Financial Protection Bureau is scrapping a proposal issued under former President Joe Biden that would have sharply limited the sale of Americans' private information by "data brokers," according to a Federal Register notice issued Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • Nvidia และ MediaTek อาจเลื่อนการเปิดตัว AI CPU สู่ตลาดมวลชนไปจนถึงปลายปี 2026

    Nvidia และ MediaTek กำลังพัฒนา ชิป AI PC รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ 'N1' ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวที่ Computex 2025 อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Digitimes ระบุว่าการผลิตในปริมาณมากอาจไม่เกิดขึ้นจนถึงครึ่งหลังของปี 2026 เนื่องจากปัญหาด้านการรวมระบบและข้อจำกัดทางเทคนิค

    ✅ Nvidia และ MediaTek ร่วมมือกันพัฒนา AI CPU สำหรับ Windows PCs
    - ชิปจะเปิดตัวภายใต้ แบรนด์ Nvidia และมีทั้งรุ่น N1X และ N1

    ✅ Asus, Dell และ Lenovo กำลังพัฒนาเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป N1X
    - คาดว่าจะมี ประสิทธิภาพ AI สูงถึง 180-200 AI TOPS

    ✅ Nvidia และ MediaTek กำลังเร่งการผลิต แต่คาดว่าปริมาณการจัดส่งจำนวนมากจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026
    - เนื่องจาก ปัญหาด้านการรวมระบบกับอุปกรณ์ปลายทาง

    ✅ N1X มีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิป Arm-based PC บางรุ่นในการทดสอบเบื้องต้น
    - ทำให้เกิดความกังวลในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ ความสามารถในการแข่งขันของชิปนี้

    ✅ Nvidia และ MediaTek มีแผนเปิดตัวโน้ตบุ๊ก AI รุ่น N1C สำหรับตลาดผู้บริโภค
    - แต่ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2026 เนื่องจาก ภาษีนำเข้าและอัตราเงินเฟ้อ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidia-and-mediateks-ai-cpu-may-not-see-mass-rollout-until-late-2026-asus-dell-and-lenovo-reportedly-developing-n1x-desktops-and-laptops
    Nvidia และ MediaTek อาจเลื่อนการเปิดตัว AI CPU สู่ตลาดมวลชนไปจนถึงปลายปี 2026 Nvidia และ MediaTek กำลังพัฒนา ชิป AI PC รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ 'N1' ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวที่ Computex 2025 อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Digitimes ระบุว่าการผลิตในปริมาณมากอาจไม่เกิดขึ้นจนถึงครึ่งหลังของปี 2026 เนื่องจากปัญหาด้านการรวมระบบและข้อจำกัดทางเทคนิค ✅ Nvidia และ MediaTek ร่วมมือกันพัฒนา AI CPU สำหรับ Windows PCs - ชิปจะเปิดตัวภายใต้ แบรนด์ Nvidia และมีทั้งรุ่น N1X และ N1 ✅ Asus, Dell และ Lenovo กำลังพัฒนาเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป N1X - คาดว่าจะมี ประสิทธิภาพ AI สูงถึง 180-200 AI TOPS ✅ Nvidia และ MediaTek กำลังเร่งการผลิต แต่คาดว่าปริมาณการจัดส่งจำนวนมากจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 - เนื่องจาก ปัญหาด้านการรวมระบบกับอุปกรณ์ปลายทาง ✅ N1X มีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิป Arm-based PC บางรุ่นในการทดสอบเบื้องต้น - ทำให้เกิดความกังวลในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ ความสามารถในการแข่งขันของชิปนี้ ✅ Nvidia และ MediaTek มีแผนเปิดตัวโน้ตบุ๊ก AI รุ่น N1C สำหรับตลาดผู้บริโภค - แต่ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2026 เนื่องจาก ภาษีนำเข้าและอัตราเงินเฟ้อ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidia-and-mediateks-ai-cpu-may-not-see-mass-rollout-until-late-2026-asus-dell-and-lenovo-reportedly-developing-n1x-desktops-and-laptops
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • FTC เลื่อนการบังคับใช้กฎ "Click-to-Cancel" เพื่อให้บริษัทมีเวลาปรับตัว

    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ได้ประกาศเลื่อนการบังคับใช้กฎ "Click-to-Cancel" ออกไปอีก 60 วัน เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ มีเวลาปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ การยกเลิกการสมัครสมาชิกเป็นเรื่องง่ายขึ้น แทนที่จะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและยุ่งยาก

    ✅ กฎนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไข Negative Option Rule ที่มีมาตั้งแต่ปี 1973
    - กำหนดให้ บริษัทต้องทำให้การยกเลิกการสมัครสมาชิกง่ายพอ ๆ กับการสมัคร

    ✅ FTC ลงมติ 3-2 ให้ผ่านกฎนี้ในเดือนตุลาคม 2024
    - มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 มกราคม 2025 แต่การบังคับใช้บางส่วนถูกเลื่อนออกไป

    ✅ บริษัทจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคม, โฆษณา และหนังสือพิมพ์พยายามขัดขวางกฎนี้
    - มีการยื่นฟ้องหลายคดีเพื่อ ระงับการบังคับใช้กฎ Click-to-Cancel

    ✅ FTC ลงมติ 3-0 ให้เลื่อนการบังคับใช้ไปเป็นวันที่ 14 กรกฎาคม 2025
    - เพื่อให้บริษัทมีเวลา ปรับปรุงระบบและกระบวนการให้สอดคล้องกับกฎใหม่

    ✅ กฎนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถยกเลิกการสมัครสมาชิกได้ง่ายขึ้น
    - ลดปัญหา การต้องโทรศัพท์และรอคิวนานจนผู้ใช้ล้มเลิกความตั้งใจ

    https://www.techspot.com/news/107880-ftc-delays-click-cancel-rule-enforcement-giving-companies.html
    FTC เลื่อนการบังคับใช้กฎ "Click-to-Cancel" เพื่อให้บริษัทมีเวลาปรับตัว คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ได้ประกาศเลื่อนการบังคับใช้กฎ "Click-to-Cancel" ออกไปอีก 60 วัน เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ มีเวลาปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ การยกเลิกการสมัครสมาชิกเป็นเรื่องง่ายขึ้น แทนที่จะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ✅ กฎนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไข Negative Option Rule ที่มีมาตั้งแต่ปี 1973 - กำหนดให้ บริษัทต้องทำให้การยกเลิกการสมัครสมาชิกง่ายพอ ๆ กับการสมัคร ✅ FTC ลงมติ 3-2 ให้ผ่านกฎนี้ในเดือนตุลาคม 2024 - มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 มกราคม 2025 แต่การบังคับใช้บางส่วนถูกเลื่อนออกไป ✅ บริษัทจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคม, โฆษณา และหนังสือพิมพ์พยายามขัดขวางกฎนี้ - มีการยื่นฟ้องหลายคดีเพื่อ ระงับการบังคับใช้กฎ Click-to-Cancel ✅ FTC ลงมติ 3-0 ให้เลื่อนการบังคับใช้ไปเป็นวันที่ 14 กรกฎาคม 2025 - เพื่อให้บริษัทมีเวลา ปรับปรุงระบบและกระบวนการให้สอดคล้องกับกฎใหม่ ✅ กฎนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถยกเลิกการสมัครสมาชิกได้ง่ายขึ้น - ลดปัญหา การต้องโทรศัพท์และรอคิวนานจนผู้ใช้ล้มเลิกความตั้งใจ https://www.techspot.com/news/107880-ftc-delays-click-cancel-rule-enforcement-giving-companies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FTC delays click-to-cancel rule enforcement, giving companies more time to simplify cancellations
    It was back in March 2023 when the FTC proposed a click to cancel provision that would require companies to make the process of canceling recurring subscriptions...
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • หลังจากการเจรจาในเจนีวา สหรัฐฯ และจีนได้ตกลง ลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันลง 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

    ✅ ภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงเหลือ 10% จากเดิม 125%
    - 10% เป็นอัตราภาษีพื้นฐานที่สหรัฐฯ ใช้กับทุกประเทศ

    ✅ ภาษี 20% สำหรับสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเฟนทานิลยังคงอยู่
    - ทำให้ ภาษีรวมสำหรับสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 30%

    ✅ การเจรจาเกิดขึ้นที่เจนีวา และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะลดระดับภาษี
    - สหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการการค้าที่ยุติธรรมและไม่ต้องการแยกตัวจากจีน

    ✅ ทรัมป์เคยประกาศว่าจะลดภาษีจีนลง แต่จะไม่ยกเลิกทั้งหมด
    - เขาให้เหตุผลว่า ภาษีที่สูงทำให้การค้าระหว่างสองประเทศหยุดชะงัก

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Apple และ Google ย้ายฐานการผลิตไปอินเดีย บราซิล และเวียดนาม
    - เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีศุลกากร

    https://www.neowin.net/news/us-and-china-announce-90-day-tariff-ceasefire-in-major-trade-deal/
    หลังจากการเจรจาในเจนีวา สหรัฐฯ และจีนได้ตกลง ลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันลง 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ✅ ภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงเหลือ 10% จากเดิม 125% - 10% เป็นอัตราภาษีพื้นฐานที่สหรัฐฯ ใช้กับทุกประเทศ ✅ ภาษี 20% สำหรับสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเฟนทานิลยังคงอยู่ - ทำให้ ภาษีรวมสำหรับสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 30% ✅ การเจรจาเกิดขึ้นที่เจนีวา และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะลดระดับภาษี - สหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการการค้าที่ยุติธรรมและไม่ต้องการแยกตัวจากจีน ✅ ทรัมป์เคยประกาศว่าจะลดภาษีจีนลง แต่จะไม่ยกเลิกทั้งหมด - เขาให้เหตุผลว่า ภาษีที่สูงทำให้การค้าระหว่างสองประเทศหยุดชะงัก ✅ บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Apple และ Google ย้ายฐานการผลิตไปอินเดีย บราซิล และเวียดนาม - เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีศุลกากร https://www.neowin.net/news/us-and-china-announce-90-day-tariff-ceasefire-in-major-trade-deal/
    WWW.NEOWIN.NET
    US and China announce 90-day tariff ceasefire in major trade deal
    The United States and China agreed on a temporary 90-day trade war ceasefire with a new tariff rate.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • 12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน?
    โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี?
    ________________________________________
    5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568
    เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
    ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้
    แต่ประชาชนควรถาม…
    กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร?
    ________________________________________
    สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า?
    เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ.
    รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS)
    กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์
    ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี
    แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่
    ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566
    กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์
    และผลที่ออกมาคือ:
    GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ
    GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%)
    รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ
    ________________________________________
    โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่?
    รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว”
    ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม
    ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4%
    ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน
    ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม
    ________________________________________
    ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด?
    สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น
    กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ)
    ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี
    แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก
    สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า
    เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง
    65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา
    ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก
    ________________________________________
    สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?”
    แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?”
    ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส
    ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด
    ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม
    ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท
    ________________________________________
    เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน
    แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม
    เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน”
    และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน? โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี? ________________________________________ 5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้ แต่ประชาชนควรถาม… กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร? ________________________________________ สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า? เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่ ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566 กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์ และผลที่ออกมาคือ: GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%) รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ ________________________________________ โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่? รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว” ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4% ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม ________________________________________ ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด? สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ) ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง 65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก ________________________________________ สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?” แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?” ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท ________________________________________ เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน” และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • แผนของทรัมป์ในการยกเลิกโครงการ Energy Star อาจทำให้ค่าไฟของครัวเรือนอเมริกันสูงขึ้น รัฐบาลทรัมป์มีแผนที่จะ ยกเลิกโครงการ Energy Star ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง โดยโครงการนี้ถูกริเริ่มโดย รัฐบาลบุชในปี 1992 และได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็น มาตรฐานทองคำด้านประสิทธิภาพพลังงาน

    Energy Star ได้ช่วย ประหยัดพลังงานกว่า 5 ล้านล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไปกว่า 500 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกว่า 4 พันล้านเมตริกตัน

    ✅ Energy Star เป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง
    - ช่วยให้ ครัวเรือนสามารถประหยัดค่าไฟได้ประมาณ $450 ต่อปี

    ✅ โครงการนี้ถูกริเริ่มโดยรัฐบาลบุชในปี 1992 และได้รับการยอมรับทั่วโลก
    - เป็น หนึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐฯ

    ✅ Energy Star ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกว่า 4 พันล้านเมตริกตัน
    - ส่งผลดีต่อ สิ่งแวดล้อมและการลดภาวะโลกร้อน

    ✅ ทุก 1 ดอลลาร์ที่ใช้ในโครงการนี้ช่วยให้ธุรกิจและผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง $350
    - เป็น โครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงต่อการลงทุนของรัฐบาล

    ✅ องค์กรและบริษัทกว่า 1,100 แห่งได้ส่งจดหมายถึง EPA เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์คงไว้ซึ่งโครงการ Energy Star
    - เนื่องจาก การยกเลิกโครงการนี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภค

    https://www.techspot.com/news/107858-trump-plan-eliminate-energy-star-could-raise-utility.html
    แผนของทรัมป์ในการยกเลิกโครงการ Energy Star อาจทำให้ค่าไฟของครัวเรือนอเมริกันสูงขึ้น รัฐบาลทรัมป์มีแผนที่จะ ยกเลิกโครงการ Energy Star ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง โดยโครงการนี้ถูกริเริ่มโดย รัฐบาลบุชในปี 1992 และได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็น มาตรฐานทองคำด้านประสิทธิภาพพลังงาน Energy Star ได้ช่วย ประหยัดพลังงานกว่า 5 ล้านล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไปกว่า 500 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกว่า 4 พันล้านเมตริกตัน ✅ Energy Star เป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง - ช่วยให้ ครัวเรือนสามารถประหยัดค่าไฟได้ประมาณ $450 ต่อปี ✅ โครงการนี้ถูกริเริ่มโดยรัฐบาลบุชในปี 1992 และได้รับการยอมรับทั่วโลก - เป็น หนึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐฯ ✅ Energy Star ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกว่า 4 พันล้านเมตริกตัน - ส่งผลดีต่อ สิ่งแวดล้อมและการลดภาวะโลกร้อน ✅ ทุก 1 ดอลลาร์ที่ใช้ในโครงการนี้ช่วยให้ธุรกิจและผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง $350 - เป็น โครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงต่อการลงทุนของรัฐบาล ✅ องค์กรและบริษัทกว่า 1,100 แห่งได้ส่งจดหมายถึง EPA เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์คงไว้ซึ่งโครงการ Energy Star - เนื่องจาก การยกเลิกโครงการนี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภค https://www.techspot.com/news/107858-trump-plan-eliminate-energy-star-could-raise-utility.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump's plan to eliminate Energy Star could raise utility bills for American families, experts say
    Internal sources at the Environmental Protection Agency (EPA) report that the administration plans to kill the Energy Star program. After serving as a "gold standard" of sorts...
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • Apple ได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อขอให้ ระงับคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที

    คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ซึ่งฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อ ให้ Apple ลดการควบคุมธุรกรรมในแอปที่ใช้ระบบ iOS ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 และ พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store

    ✅ Apple ขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำสั่งที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น
    - ระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที
    - คำสั่งศาลเดิม บังคับให้ Apple ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนาแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก

    ✅ Epic Games ฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อให้ลดการควบคุมธุรกรรมในแอป
    - ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021
    - Apple พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store

    ✅ Epic Games ระบุว่า Apple พยายามขัดขวางการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม
    - Epic Games กล่าวว่าคำร้องของ Apple เป็น "ความพยายามครั้งสุดท้ายในการปิดกั้นการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นจากนักพัฒนาและผู้บริโภค"

    ✅ ศาลพบว่า Apple พยายามรักษารายได้หลายพันล้านดอลลาร์โดยฝ่าฝืนคำสั่งศาล
    - ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ระบุว่า Apple จงใจละเมิดคำสั่งศาลและอาจถูกสอบสวนในข้อหาดูหมิ่นศาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/apple-asks-us-appeals-court-to-pause-ruling-in-epic-games-case
    Apple ได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อขอให้ ระงับคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ซึ่งฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อ ให้ Apple ลดการควบคุมธุรกรรมในแอปที่ใช้ระบบ iOS ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 และ พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store ✅ Apple ขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำสั่งที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น - ระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที - คำสั่งศาลเดิม บังคับให้ Apple ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนาแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก ✅ Epic Games ฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อให้ลดการควบคุมธุรกรรมในแอป - ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 - Apple พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store ✅ Epic Games ระบุว่า Apple พยายามขัดขวางการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม - Epic Games กล่าวว่าคำร้องของ Apple เป็น "ความพยายามครั้งสุดท้ายในการปิดกั้นการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นจากนักพัฒนาและผู้บริโภค" ✅ ศาลพบว่า Apple พยายามรักษารายได้หลายพันล้านดอลลาร์โดยฝ่าฝืนคำสั่งศาล - ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ระบุว่า Apple จงใจละเมิดคำสั่งศาลและอาจถูกสอบสวนในข้อหาดูหมิ่นศาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/apple-asks-us-appeals-court-to-pause-ruling-in-epic-games-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple asks US appeals court to pause ruling in Epic Games case
    (Reuters) - Apple has asked a federal appeals court to temporarily pause key provisions in a U.S. judge's ruling that ordered the tech company to immediately open its lucrative App Store to more competition.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • Nvidia และ MediaTek กำลังเตรียมเปิดตัว AI PC รุ่นใหม่ ที่ใช้ ชิป Arm ในงาน Computex 2025 ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาด Windows บน Arm

    ก่อนหน้านี้ Nvidia เคยกล่าวว่า ให้รอหนึ่งปีสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI PC และตอนนี้มีรายงานว่า บริษัทจะเปิดตัวชิป Arm สำหรับผู้บริโภค ในเดือนนี้ โดย MediaTek จะจัด Keynote ในวันที่ 20 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังจาก Nvidia

    ✅ Nvidia และ MediaTek เตรียมเปิดตัว AI PC รุ่นใหม่ในงาน Computex 2025
    - อาจเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาด Windows บน Arm
    - MediaTek จะจัด Keynote ในวันที่ 20 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังจาก Nvidia

    ✅ AI PC รุ่นใหม่จะใช้ชิป Arm และ GPU ของ Nvidia
    - อาจเป็น รุ่นที่มีราคาถูกกว่าตัวต้นแบบที่เปิดตัวใน CES 2025
    - อาจเป็น คู่แข่งของ Mac Mini ที่ใช้ชิป M4

    ✅ MediaTek ได้รับคำสั่งผลิตชิปแบบ FCBGA จำนวนมาก
    - บ่งชี้ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัว PC ที่ใช้ชิปแบบฝัง

    ✅ Nvidia และ MediaTek เคยเปิดตัว Project Digits ซึ่งเป็น Mini PC สำหรับ AI
    - ใช้ CPU MediaTek 20-core GB10, RAM 128GB และ GPU Nvidia Blackwell
    - ออกแบบมาเพื่อ ทดสอบ AI โดยไม่ต้องพึ่งพา Cloud

    https://www.techspot.com/news/107822-nvidia-mediatek-may-finally-unveil-their-ai-pc.html
    Nvidia และ MediaTek กำลังเตรียมเปิดตัว AI PC รุ่นใหม่ ที่ใช้ ชิป Arm ในงาน Computex 2025 ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาด Windows บน Arm ก่อนหน้านี้ Nvidia เคยกล่าวว่า ให้รอหนึ่งปีสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI PC และตอนนี้มีรายงานว่า บริษัทจะเปิดตัวชิป Arm สำหรับผู้บริโภค ในเดือนนี้ โดย MediaTek จะจัด Keynote ในวันที่ 20 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังจาก Nvidia ✅ Nvidia และ MediaTek เตรียมเปิดตัว AI PC รุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 - อาจเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาด Windows บน Arm - MediaTek จะจัด Keynote ในวันที่ 20 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังจาก Nvidia ✅ AI PC รุ่นใหม่จะใช้ชิป Arm และ GPU ของ Nvidia - อาจเป็น รุ่นที่มีราคาถูกกว่าตัวต้นแบบที่เปิดตัวใน CES 2025 - อาจเป็น คู่แข่งของ Mac Mini ที่ใช้ชิป M4 ✅ MediaTek ได้รับคำสั่งผลิตชิปแบบ FCBGA จำนวนมาก - บ่งชี้ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัว PC ที่ใช้ชิปแบบฝัง ✅ Nvidia และ MediaTek เคยเปิดตัว Project Digits ซึ่งเป็น Mini PC สำหรับ AI - ใช้ CPU MediaTek 20-core GB10, RAM 128GB และ GPU Nvidia Blackwell - ออกแบบมาเพื่อ ทดสอบ AI โดยไม่ต้องพึ่งพา Cloud https://www.techspot.com/news/107822-nvidia-mediatek-may-finally-unveil-their-ai-pc.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia and MediaTek may finally unveil their AI PC this month
    Nvidia and MediaTek are expected to introduce more affordable variants of the AI PC they showcased at CES last January, according to reports from both ComputerBase and...
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • Amazon's Zoox ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนารถแท็กซี่ไร้คนขับของบริษัท ได้ประกาศ เรียกคืนรถยนต์อัตโนมัติ 270 คัน หลังจากเกิดอุบัติเหตุในลาสเวกัสเมื่อวันที่ 8 เมษายน

    Zoox ระบุว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่พบว่า ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอาจคาดการณ์ผิดพลาด เมื่อมีรถยนต์คันอื่นเคลื่อนที่เข้ามาในแนวตั้งฉากและหยุด ทำให้ รถ Zoox ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้

    ✅ Zoox เรียกคืนรถยนต์อัตโนมัติ 270 คัน
    - เกิดจาก ข้อผิดพลาดในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของรถคันอื่น
    - ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

    ✅ ปัญหาของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
    - Zoox ระบุว่า ระบบอาจคาดการณ์ผิดพลาดเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาในแนวตั้งฉากและหยุด
    - อาจทำให้ รถ Zoox ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ
    - อาจทำให้ บริษัทอื่นต้องตรวจสอบระบบ AI ของตนอย่างละเอียดมากขึ้น
    - อาจส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - Zoox อาจต้อง ปรับปรุงระบบคาดการณ์การเคลื่อนที่ของรถคันอื่น
    - อาจมีการ ทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/amazon039s-robotaxi-unit-zoox-recalls-vehicles-after-self-driving-las-vegas-crash
    Amazon's Zoox ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนารถแท็กซี่ไร้คนขับของบริษัท ได้ประกาศ เรียกคืนรถยนต์อัตโนมัติ 270 คัน หลังจากเกิดอุบัติเหตุในลาสเวกัสเมื่อวันที่ 8 เมษายน Zoox ระบุว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่พบว่า ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอาจคาดการณ์ผิดพลาด เมื่อมีรถยนต์คันอื่นเคลื่อนที่เข้ามาในแนวตั้งฉากและหยุด ทำให้ รถ Zoox ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้ ✅ Zoox เรียกคืนรถยนต์อัตโนมัติ 270 คัน - เกิดจาก ข้อผิดพลาดในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของรถคันอื่น - ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ✅ ปัญหาของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ - Zoox ระบุว่า ระบบอาจคาดการณ์ผิดพลาดเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาในแนวตั้งฉากและหยุด - อาจทำให้ รถ Zoox ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ - อาจทำให้ บริษัทอื่นต้องตรวจสอบระบบ AI ของตนอย่างละเอียดมากขึ้น - อาจส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - Zoox อาจต้อง ปรับปรุงระบบคาดการณ์การเคลื่อนที่ของรถคันอื่น - อาจมีการ ทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/amazon039s-robotaxi-unit-zoox-recalls-vehicles-after-self-driving-las-vegas-crash
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon's robotaxi unit Zoox agrees to software recall after self-driving Las Vegas crash
    WASHINGTON (Reuters) -Amazon.com's self-driving unit Zoox agreed to recall 270 driverless vehicles after an unoccupied robotaxi was involved in an April 8 crash with a passenger car in Las Vegas.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • ในปี 2025 การแข่งขันระหว่าง AMD Radeon RX 9000 Series และ Nvidia RTX 5000 Series ดุเดือดกว่าที่เคย โดย AMD เน้น ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพต่อราคา ขณะที่ Nvidia ยังคงครองตลาด ระดับไฮเอนด์ด้วยพลังประมวลผลและเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

    AMD เปิดตัว RX 9070 XT และ RX 9070 ในเดือนมีนาคม 2025 โดย RX 9070 XT มีพลังประมวลผลสูงถึง 48.7 TFLOPS และใช้ สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพด้าน Ray-Tracing และ AI ขณะที่ Nvidia เปิดตัว RTX 5090 และ RTX 5080 ซึ่งมาพร้อมกับ DLSS 4 และ Ray-Tracing รุ่นที่ 4

    ✅ AMD Radeon RX 9000 Series เน้นความคุ้มค่า
    - RX 9070 XT มี 48.7 TFLOPS และ 128 AI Accelerators
    - ใช้ FidelityFX Super Resolution 4 (FSR 4) ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับ DLSS 3.5

    ✅ Nvidia RTX 5000 Series ครองตลาดไฮเอนด์
    - RTX 5090 มี 280 TFLOPS และ 4,000 AI TOPS
    - ใช้ DLSS 4 ที่มี Multi-Frame Extrapolation และ Neural Frame Prediction

    ✅ การเปรียบเทียบด้านประสิทธิภาพ
    - RX 9070 XT แข่งขันกับ RTX 4080 Super ในเกม 1440p และ 4K
    - RTX 5090 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 9070 XT 30-50% ใน Ray-Tracing

    ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    - AMD เน้น ราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น
    - Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    https://computercity.com/hardware/video-cards/amd-radeon-vs-nvidia-rtx-graphics-card-in-2025-who-wins
    ในปี 2025 การแข่งขันระหว่าง AMD Radeon RX 9000 Series และ Nvidia RTX 5000 Series ดุเดือดกว่าที่เคย โดย AMD เน้น ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพต่อราคา ขณะที่ Nvidia ยังคงครองตลาด ระดับไฮเอนด์ด้วยพลังประมวลผลและเทคโนโลยี AI ขั้นสูง AMD เปิดตัว RX 9070 XT และ RX 9070 ในเดือนมีนาคม 2025 โดย RX 9070 XT มีพลังประมวลผลสูงถึง 48.7 TFLOPS และใช้ สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพด้าน Ray-Tracing และ AI ขณะที่ Nvidia เปิดตัว RTX 5090 และ RTX 5080 ซึ่งมาพร้อมกับ DLSS 4 และ Ray-Tracing รุ่นที่ 4 ✅ AMD Radeon RX 9000 Series เน้นความคุ้มค่า - RX 9070 XT มี 48.7 TFLOPS และ 128 AI Accelerators - ใช้ FidelityFX Super Resolution 4 (FSR 4) ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับ DLSS 3.5 ✅ Nvidia RTX 5000 Series ครองตลาดไฮเอนด์ - RTX 5090 มี 280 TFLOPS และ 4,000 AI TOPS - ใช้ DLSS 4 ที่มี Multi-Frame Extrapolation และ Neural Frame Prediction ✅ การเปรียบเทียบด้านประสิทธิภาพ - RX 9070 XT แข่งขันกับ RTX 4080 Super ในเกม 1440p และ 4K - RTX 5090 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 9070 XT 30-50% ใน Ray-Tracing ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค - AMD เน้น ราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น - Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด https://computercity.com/hardware/video-cards/amd-radeon-vs-nvidia-rtx-graphics-card-in-2025-who-wins
    COMPUTERCITY.COM
    AMD Radeon vs. Nvidia RTX Graphics Card In 2025 – Who Wins?
    The GPU landscape in 2025 is more competitive than ever, with AMD and Nvidia pushing the boundaries of graphics performance and AI-driven technology. The
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็น CPU รุ่นใหม่ที่อาจมาพร้อมกับ เทคโนโลยี 3D V-Cache แบบเดียวกับ AMD X3D โดยใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT และเทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging

    แม้ว่าก่อนหน้านี้ Intel จะยังไม่เคยนำ 3D V-Cache มาใช้ใน CPU สำหรับผู้บริโภค แต่จากงาน Intel Direct Connect 2025 มีการเปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง โดยอาจเริ่มต้นจาก เซิร์ฟเวอร์ก่อน และขยายไปยังตลาดผู้บริโภค

    ✅ Intel อาจนำ 3D V-Cache มาใช้ใน Nova Lake
    - ใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT
    - ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging

    ✅ เป้าหมายของ Intel ในการพัฒนา Nova Lake
    - ลดช่องว่างด้าน ประสิทธิภาพของแคช เมื่อเทียบกับ AMD X3D
    - เพิ่ม ความเร็วในการประมวลผลสำหรับเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้แคชหนัก

    ✅ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
    - Foveros Direct 3D hybrid bonding ช่วยให้สามารถ วางชิปแบบแนวตั้งได้หนาแน่นขึ้น
    - TSV (Through-Silicon Vias) ช่วยให้ การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    - หาก Intel ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาด CPU มีการแข่งขันสูงขึ้น
    - AMD อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ

    https://wccftech.com/intel-nova-lake-x3d-like-cpu-are-very-much-a-possibility/
    Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็น CPU รุ่นใหม่ที่อาจมาพร้อมกับ เทคโนโลยี 3D V-Cache แบบเดียวกับ AMD X3D โดยใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT และเทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging แม้ว่าก่อนหน้านี้ Intel จะยังไม่เคยนำ 3D V-Cache มาใช้ใน CPU สำหรับผู้บริโภค แต่จากงาน Intel Direct Connect 2025 มีการเปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง โดยอาจเริ่มต้นจาก เซิร์ฟเวอร์ก่อน และขยายไปยังตลาดผู้บริโภค ✅ Intel อาจนำ 3D V-Cache มาใช้ใน Nova Lake - ใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT - ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging ✅ เป้าหมายของ Intel ในการพัฒนา Nova Lake - ลดช่องว่างด้าน ประสิทธิภาพของแคช เมื่อเทียบกับ AMD X3D - เพิ่ม ความเร็วในการประมวลผลสำหรับเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้แคชหนัก ✅ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง - Foveros Direct 3D hybrid bonding ช่วยให้สามารถ วางชิปแบบแนวตั้งได้หนาแน่นขึ้น - TSV (Through-Silicon Vias) ช่วยให้ การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU - หาก Intel ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาด CPU มีการแข่งขันสูงขึ้น - AMD อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ https://wccftech.com/intel-nova-lake-x3d-like-cpu-are-very-much-a-possibility/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Nova Lake "X3D-Like" CPUs Are Now Very Much a Possibility; Could Potentially Feature the 18A-PT Process With Foveros Direct 3D Packaging
    The PC market has been demanding an "AMD's X3D" like implementation from Intel, and it could very well be possible with Intel's Nova Lake.
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังพัฒนา UDNA 5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม GPU รุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อ ลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพของ Ray-Tracing เมื่อเทียบกับ NVIDIA โดยมีการยื่นจดสิทธิบัตรจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา

    AMD ได้ปรับปรุง BVH (Bounding Volume Hierarchy) Management ซึ่งช่วยให้สามารถ บีบอัดข้อมูลกราฟิกที่คล้ายกัน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดภาระของ CPU นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Turbocharged Ray Traversal ซึ่งช่วยให้ GPU สามารถ ตรวจจับวัตถุกราฟิกที่ต้องเรนเดอร์ได้เร็วขึ้น

    ✅ AMD พัฒนา UDNA 5 เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA ในด้าน Ray-Tracing
    - มีการยื่นจดสิทธิบัตรจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา
    - เป้าหมายคือ ลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพของ Ray-Tracing

    ✅ การปรับปรุง BVH Management
    - ใช้เทคนิค บีบอัดข้อมูลกราฟิกที่คล้ายกัน เพื่อลดการใช้ทรัพยากร
    - ลดภาระของ CPU ในการประมวลผลกราฟิก

    ✅ Turbocharged Ray Traversal
    - ช่วยให้ GPU สามารถ ตรวจจับวัตถุกราฟิกที่ต้องเรนเดอร์ได้เร็วขึ้น
    - เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray-Tracing โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและกราฟิก
    - NVIDIA อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ
    - ผู้บริโภคจะได้รับ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในราคาที่แข่งขันได้

    https://wccftech.com/amd-udna-5-gaming-gpus-could-bridge-the-rt-performance-gap-with-nvidia/
    AMD กำลังพัฒนา UDNA 5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม GPU รุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อ ลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพของ Ray-Tracing เมื่อเทียบกับ NVIDIA โดยมีการยื่นจดสิทธิบัตรจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา AMD ได้ปรับปรุง BVH (Bounding Volume Hierarchy) Management ซึ่งช่วยให้สามารถ บีบอัดข้อมูลกราฟิกที่คล้ายกัน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดภาระของ CPU นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Turbocharged Ray Traversal ซึ่งช่วยให้ GPU สามารถ ตรวจจับวัตถุกราฟิกที่ต้องเรนเดอร์ได้เร็วขึ้น ✅ AMD พัฒนา UDNA 5 เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA ในด้าน Ray-Tracing - มีการยื่นจดสิทธิบัตรจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา - เป้าหมายคือ ลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพของ Ray-Tracing ✅ การปรับปรุง BVH Management - ใช้เทคนิค บีบอัดข้อมูลกราฟิกที่คล้ายกัน เพื่อลดการใช้ทรัพยากร - ลดภาระของ CPU ในการประมวลผลกราฟิก ✅ Turbocharged Ray Traversal - ช่วยให้ GPU สามารถ ตรวจจับวัตถุกราฟิกที่ต้องเรนเดอร์ได้เร็วขึ้น - เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray-Tracing โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและกราฟิก - NVIDIA อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ - ผู้บริโภคจะได้รับ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในราคาที่แข่งขันได้ https://wccftech.com/amd-udna-5-gaming-gpus-could-bridge-the-rt-performance-gap-with-nvidia/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Next-Gen UDNA 5 Gaming GPUs Could Potentially Bridge The Ray-Tracing Performance Gap With NVIDIA, Indicates Extensive Patent Filings
    AMD has big plans for its UDNA 5 GPUs, as a set of patent filings over the last two years indicate that firm plans to upscale its RT game.
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ยืนยันว่าต้องการ แยกธุรกิจโฆษณาของ Google เพื่อลดการผูกขาดในตลาดโฆษณาดิจิทัล โดยศาลได้กำหนดให้มีการพิจารณาคดีในเดือนกันยายนนี้

    DOJ กำลังผลักดันให้ Google ขายธุรกิจโฆษณาบางส่วน เช่น Ad Exchange และ Publisher Ad Server เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับตลาดโฆษณาออนไลน์ หลังจากที่ศาลตัดสินว่า Google ใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมในการรักษาอำนาจผูกขาด

    Google คัดค้านแผนการแยกธุรกิจ โดยระบุว่าการบังคับขายธุรกิจโฆษณา อาจเป็นไปไม่ได้และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ Google ยังเสนอทางเลือกอื่น เช่น การแบ่งปันข้อมูลการประมูลโฆษณาแบบเรียลไทม์ และ การยกเลิกกลยุทธ์การตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม

    ✅ DOJ ต้องการแยกธุรกิจโฆษณาของ Google
    - ศาลกำหนดให้มีการพิจารณาคดีในเดือนกันยายน
    - DOJ ต้องการให้ Google ขายธุรกิจ Ad Exchange และ Publisher Ad Server

    ✅ เหตุผลในการดำเนินคดี
    - ศาลพบว่า Google ใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมในการรักษาอำนาจผูกขาด
    - การผูกขาดของ Google ส่งผลกระทบต่อผู้เผยแพร่โฆษณาและผู้บริโภค

    ✅ ข้อเสนอของ Google เพื่อลดผลกระทบ
    - Google เสนอให้ แบ่งปันข้อมูลการประมูลโฆษณาแบบเรียลไทม์
    - ยกเลิกกลยุทธ์การตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม เช่น Unified Pricing

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล
    - หาก DOJ ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาดโฆษณามีการแข่งขันมากขึ้น
    - Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    https://www.techspot.com/news/107784-doj-confirms-wants-break-up-google-advertising-tech.html
    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ยืนยันว่าต้องการ แยกธุรกิจโฆษณาของ Google เพื่อลดการผูกขาดในตลาดโฆษณาดิจิทัล โดยศาลได้กำหนดให้มีการพิจารณาคดีในเดือนกันยายนนี้ DOJ กำลังผลักดันให้ Google ขายธุรกิจโฆษณาบางส่วน เช่น Ad Exchange และ Publisher Ad Server เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับตลาดโฆษณาออนไลน์ หลังจากที่ศาลตัดสินว่า Google ใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมในการรักษาอำนาจผูกขาด Google คัดค้านแผนการแยกธุรกิจ โดยระบุว่าการบังคับขายธุรกิจโฆษณา อาจเป็นไปไม่ได้และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ Google ยังเสนอทางเลือกอื่น เช่น การแบ่งปันข้อมูลการประมูลโฆษณาแบบเรียลไทม์ และ การยกเลิกกลยุทธ์การตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม ✅ DOJ ต้องการแยกธุรกิจโฆษณาของ Google - ศาลกำหนดให้มีการพิจารณาคดีในเดือนกันยายน - DOJ ต้องการให้ Google ขายธุรกิจ Ad Exchange และ Publisher Ad Server ✅ เหตุผลในการดำเนินคดี - ศาลพบว่า Google ใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมในการรักษาอำนาจผูกขาด - การผูกขาดของ Google ส่งผลกระทบต่อผู้เผยแพร่โฆษณาและผู้บริโภค ✅ ข้อเสนอของ Google เพื่อลดผลกระทบ - Google เสนอให้ แบ่งปันข้อมูลการประมูลโฆษณาแบบเรียลไทม์ - ยกเลิกกลยุทธ์การตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม เช่น Unified Pricing ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล - หาก DOJ ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาดโฆษณามีการแข่งขันมากขึ้น - Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด https://www.techspot.com/news/107784-doj-confirms-wants-break-up-google-advertising-tech.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ confirms it wants to break up Google's advertising tech monopoly
    The US Department of Justice has confirmed its intention to pursue a breakup of Google's advertising technology business, escalating the stakes in a high-profile antitrust battle. The...
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ

    ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว

    Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    ✅ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ
    - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก

    ✅ ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ
    - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ
    - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม

    ✅ Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่
    - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก
    - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    ✅ คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย
    - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก
    - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้

    https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก ✅ ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม ✅ Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่ - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple revises App Store policy, allows third-party payments 'without tax' after losing in court
    According to Apple's revised guidelines, apps listed on the iOS and macOS App Stores will no longer be prohibited from including "buttons, external links, or other calls...
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อ ห้ามไม่ให้ผู้บริโภคใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต และจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตถูกนำเข้าสู่การกำกับดูแลเป็นครั้งแรก

    กระทรวงการคลังของอังกฤษประกาศว่า จะบังคับใช้กฎระเบียบกับตลาดคริปโต โดยให้ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต อยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่

    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FCA) ระบุว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตในสหราชอาณาจักรใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2022 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุม

    ✅ การห้ามใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต
    - รัฐบาลต้องการ ลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้บริโภค
    - FCA พบว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024

    ✅ การกำกับดูแลตลาดคริปโต
    - กระทรวงการคลังจะบังคับใช้กฎระเบียบกับ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต
    - ต้องการ กำจัดผู้เล่นที่ไม่โปร่งใส และสนับสนุน นวัตกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    ✅ ข้อจำกัดเกี่ยวกับสินเชื่อคริปโต
    - FCA กำลังพิจารณา การตรวจสอบเครดิตของผู้ลงทุน และ ทดสอบความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
    - การให้สินเชื่อคริปโตอาจมี ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการสูญเสียความเป็นเจ้าของสินทรัพย์

    ✅ ข้อยกเว้นสำหรับ Stablecoins
    - ผู้บริโภคยังสามารถใช้สินเชื่อซื้อ Stablecoins ที่ออกโดยบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/britain-to-bar-consumers-from-borrowing-to-buy-crypto-under-new-regime
    รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อ ห้ามไม่ให้ผู้บริโภคใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต และจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตถูกนำเข้าสู่การกำกับดูแลเป็นครั้งแรก กระทรวงการคลังของอังกฤษประกาศว่า จะบังคับใช้กฎระเบียบกับตลาดคริปโต โดยให้ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต อยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FCA) ระบุว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตในสหราชอาณาจักรใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2022 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุม ✅ การห้ามใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต - รัฐบาลต้องการ ลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้บริโภค - FCA พบว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 ✅ การกำกับดูแลตลาดคริปโต - กระทรวงการคลังจะบังคับใช้กฎระเบียบกับ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต - ต้องการ กำจัดผู้เล่นที่ไม่โปร่งใส และสนับสนุน นวัตกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ✅ ข้อจำกัดเกี่ยวกับสินเชื่อคริปโต - FCA กำลังพิจารณา การตรวจสอบเครดิตของผู้ลงทุน และ ทดสอบความรู้เกี่ยวกับการลงทุน - การให้สินเชื่อคริปโตอาจมี ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการสูญเสียความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ✅ ข้อยกเว้นสำหรับ Stablecoins - ผู้บริโภคยังสามารถใช้สินเชื่อซื้อ Stablecoins ที่ออกโดยบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/britain-to-bar-consumers-from-borrowing-to-buy-crypto-under-new-regime
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Britain to bar consumers from borrowing to buy crypto under new regime
    LONDON (Reuters) -Britain is to restrict consumers' use of credit cards to buy crypto and their access to crypto lending products, the regulator said on Friday, a move aimed at improving protection as cryptoassets are regulated for the first time.
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้

    จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง

    ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน
    - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys
    - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี
    - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส

    ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด
    - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้
    - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง

    ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager
    - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family
    - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup
    - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20

    ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน
    - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้ - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20 ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
More Results