• 🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT
    - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน
    - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update
    - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่
    - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง
    - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่

    Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่

    https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่ Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Debuts Windows Update Orchestration Platform For Updating All Apps From A Single Place
    Microsoft has announced that it will now handle all the apps from the Windows Update Orchestration Platform in order to update them easily.
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • 🛡️ ClickFix Malware: การโจมตีที่พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่า ClickFix Malware ซึ่งเคยเป็นภัยคุกคามเฉพาะบน Windows ได้พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS โดยใช้เทคนิค browser-based redirections เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดมัลแวร์

    ClickFix Malware เริ่มต้นจาก เว็บไซต์ที่ถูกแฮก ซึ่งมีการฉีด JavaScript code เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเว็บที่ดูเหมือน URL shortener และหลอกให้คัดลอกลิงก์ไปเปิดในเบราว์เซอร์ ซึ่งจะนำไปสู่ หน้าดาวน์โหลดมัลแวร์

    บน macOS การโจมตีจะนำไปสู่ คำสั่ง Terminal ที่ดาวน์โหลดและรัน shell script อันตราย ซึ่งถูกตรวจพบโดยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหลายตัว

    บน Android และ iOS การโจมตีรุนแรงขึ้น เนื่องจากกลายเป็น drive-by attack ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกหรือติดตั้งอะไรเลย เพียงแค่เข้าชมเว็บไซต์ที่ถูกแฮก มัลแวร์ก็จะถูกดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ClickFix Malware พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS
    - เริ่มต้นจากเว็บไซต์ที่ถูกแฮกและใช้ JavaScript เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้
    - บน macOS มัลแวร์ถูกดาวน์โหลดผ่านคำสั่ง Terminal
    - บน Android และ iOS กลายเป็น drive-by attack ที่ไม่ต้องมีการคลิกหรือติดตั้ง
    - มัลแวร์ถูกบรรจุในไฟล์ .TAR archive และถูกตรวจพบโดยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแล้ว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - drive-by attack บนมือถืออาจทำให้ผู้ใช้ติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว
    - ต้องระวังเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL ที่ไม่คุ้นเคย
    - มัลแวร์นี้อาจถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีเป้าหมายโจมตีองค์กร
    - ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและใช้แอนตี้ไวรัสที่สามารถตรวจจับ ClickFix ได้

    ClickFix Malware แสดงให้เห็นถึง วิวัฒนาการของการโจมตีทางไซเบอร์ ที่สามารถขยายเป้าหมายไปยังหลายแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้ควร ระมัดระวังเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเส้นทาง และ ใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับมัลแวร์ประเภทนี้ได้

    https://www.techradar.com/pro/security/devious-new-clickfix-malware-variant-targets-macos-android-and-ios-using-browser-based-redirections
    🛡️ ClickFix Malware: การโจมตีที่พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่า ClickFix Malware ซึ่งเคยเป็นภัยคุกคามเฉพาะบน Windows ได้พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS โดยใช้เทคนิค browser-based redirections เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดมัลแวร์ ClickFix Malware เริ่มต้นจาก เว็บไซต์ที่ถูกแฮก ซึ่งมีการฉีด JavaScript code เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเว็บที่ดูเหมือน URL shortener และหลอกให้คัดลอกลิงก์ไปเปิดในเบราว์เซอร์ ซึ่งจะนำไปสู่ หน้าดาวน์โหลดมัลแวร์ บน macOS การโจมตีจะนำไปสู่ คำสั่ง Terminal ที่ดาวน์โหลดและรัน shell script อันตราย ซึ่งถูกตรวจพบโดยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหลายตัว บน Android และ iOS การโจมตีรุนแรงขึ้น เนื่องจากกลายเป็น drive-by attack ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกหรือติดตั้งอะไรเลย เพียงแค่เข้าชมเว็บไซต์ที่ถูกแฮก มัลแวร์ก็จะถูกดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ClickFix Malware พัฒนาไปสู่ macOS, Android และ iOS - เริ่มต้นจากเว็บไซต์ที่ถูกแฮกและใช้ JavaScript เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ - บน macOS มัลแวร์ถูกดาวน์โหลดผ่านคำสั่ง Terminal - บน Android และ iOS กลายเป็น drive-by attack ที่ไม่ต้องมีการคลิกหรือติดตั้ง - มัลแวร์ถูกบรรจุในไฟล์ .TAR archive และถูกตรวจพบโดยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแล้ว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - drive-by attack บนมือถืออาจทำให้ผู้ใช้ติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว - ต้องระวังเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL ที่ไม่คุ้นเคย - มัลแวร์นี้อาจถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีเป้าหมายโจมตีองค์กร - ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและใช้แอนตี้ไวรัสที่สามารถตรวจจับ ClickFix ได้ ClickFix Malware แสดงให้เห็นถึง วิวัฒนาการของการโจมตีทางไซเบอร์ ที่สามารถขยายเป้าหมายไปยังหลายแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้ควร ระมัดระวังเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเส้นทาง และ ใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับมัลแวร์ประเภทนี้ได้ https://www.techradar.com/pro/security/devious-new-clickfix-malware-variant-targets-macos-android-and-ios-using-browser-based-redirections
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/5ZokMBBGqHg?si=x72V7QEv7sYwRJ3q
    https://youtube.com/shorts/5ZokMBBGqHg?si=x72V7QEv7sYwRJ3q
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference

    The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions.

    In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions.

    Quick summary

    Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten.

    worse vs. worst

    Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form.

    A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse.

    A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard).

    Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good.

    In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.).

    To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.).

    Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives.

    Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school.

    Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst.

    Is it worse case or worst case?

    The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst.

    For example:

    - In the worst case, the beams will collapse instantly.
    - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario.

    While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is.

    Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst?

    There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense).

    Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example:

    - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window.
    - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me.

    Examples of worse and worst used in a sentence

    Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence.

    - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did.
    - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy.
    - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far.
    - My grades went from bad to worse after I missed a few classes.
    - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab.
    - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions. In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions. Quick summary Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten. worse vs. worst Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form. A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse. A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard). Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good. In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.). To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.). Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives. Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school. Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst. Is it worse case or worst case? The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst. For example: - In the worst case, the beams will collapse instantly. - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario. While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is. Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst? There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense). Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example: - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window. - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me. Examples of worse and worst used in a sentence Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence. - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did. - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy. - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far. - My grades went from bad to worse after I missed a few classes. - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab. - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด

    In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26.

    Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26. Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    0 Comments 0 Shares 97 Views 1 0 Reviews
  • กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก

    จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้

    รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

    .
    👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish")

    👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว

    👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย

    👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด

    👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก

    👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้ รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย . 👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ 👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish") 👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว 👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย 👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด 👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก 👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • 🤖 Microsoft Copilot: ผู้ช่วย AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    Microsoft Copilot กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริหารและพนักงานที่ต้องการ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดย AI นี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้ ติดตามงานที่พลาดไป และ สรุปข้อมูลสำคัญ ได้อย่างรวดเร็ว

    Windows Central ได้ยกตัวอย่างกรณีของ Lindsey Scrase ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Checkr Inc. ซึ่งใช้ Copilot เพื่อช่วยให้เธอสามารถ พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ระหว่างการเดินทาง 9 วันไปญี่ปุ่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานที่ค้างอยู่

    Copilot สามารถ สรุปข้อความและอัปเดตโครงการ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Scrase ไม่อยู่ ทำให้เธอสามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft Copilot ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามงานที่พลาดไปได้อย่างรวดเร็ว
    - ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบข้อมูลหลังจากกลับจากการเดินทาง
    - สามารถสรุปข้อความและอัปเดตโครงการที่สำคัญได้
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
    - Copilot ทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยด้านการทำงานและผู้ช่วยส่วนตัว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด
    - ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ Copilot สรุปเพื่อความถูกต้อง
    - การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน

    🚀 ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน
    Microsoft Copilot กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้บริหารและพนักงาน โดยช่วยให้สามารถ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ AI สรุปเพื่อความถูกต้อง และ ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน

    https://wccftech.com/microsoft-copilot-helps-executives-unplug-automate-redundant-tasks-summarize-important-messages-and-boost-productivity-at-work-and-even-while-traveling/
    🤖 Microsoft Copilot: ผู้ช่วย AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Microsoft Copilot กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริหารและพนักงานที่ต้องการ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดย AI นี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้ ติดตามงานที่พลาดไป และ สรุปข้อมูลสำคัญ ได้อย่างรวดเร็ว Windows Central ได้ยกตัวอย่างกรณีของ Lindsey Scrase ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Checkr Inc. ซึ่งใช้ Copilot เพื่อช่วยให้เธอสามารถ พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ระหว่างการเดินทาง 9 วันไปญี่ปุ่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานที่ค้างอยู่ Copilot สามารถ สรุปข้อความและอัปเดตโครงการ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Scrase ไม่อยู่ ทำให้เธอสามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft Copilot ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามงานที่พลาดไปได้อย่างรวดเร็ว - ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบข้อมูลหลังจากกลับจากการเดินทาง - สามารถสรุปข้อความและอัปเดตโครงการที่สำคัญได้ - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานที่มีคุณค่ามากขึ้น - Copilot ทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยด้านการทำงานและผู้ช่วยส่วนตัว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด - ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ Copilot สรุปเพื่อความถูกต้อง - การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน 🚀 ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน Microsoft Copilot กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้บริหารและพนักงาน โดยช่วยให้สามารถ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ AI สรุปเพื่อความถูกต้อง และ ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน https://wccftech.com/microsoft-copilot-helps-executives-unplug-automate-redundant-tasks-summarize-important-messages-and-boost-productivity-at-work-and-even-while-traveling/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Copilot Helps Executives Unplug, Automate Redundant Tasks, Summarize Important Messages, And Boost Productivity At Work And Even While Traveling
    Microsoft Copilot is helping executives now focus their energy on important aspect by catching them up on any missed tasks faster
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • 🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ
    บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม

    🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox
    Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย

    อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN
    - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน
    - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์
    - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี
    - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด
    - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ
    - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่
    - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย
    Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม 🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink ✅ ข้อมูลจากข่าว - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่ - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • 🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น
    Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20%

    Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด

    ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30%

    อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี
    - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา
    - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019
    - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
    - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม
    - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว
    - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน
    AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ

    https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20% Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30% อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI could erase half of all entry-level white-collar jobs within five years, warns Anthropic CEO
    Amodei made his comments during an interview with Axios. He said that AI companies and the government needed to stop "sugar-coating" the potential mass elimination of jobs...
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • 🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก
    กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025

    ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง

    นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง
    - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025
    - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์
    - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน
    - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย
    - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม
    - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน
    - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ
    การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ

    https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025 ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง ✅ ข้อมูลจากข่าว - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025 - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์ - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Israel confirms world-first combat use of laser-beam weapon, downs Hezbollah drones
    The 10kW Lite Beam prototype system that was used is a less powerful version of the Iron Beam laser interceptor, which is set to become operational sometime...
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล

    Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่

    นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ
    - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก
    - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง
    - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล
    - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
    - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น
    - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด

    Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่ นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Marvell forecasts second-quarter revenue above estimates on strong demand for custom AI chips
    (Reuters) -Marvell Technology forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on strong demand for its custom chips powering artificial intelligence workloads in data centers.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี

    มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์
    - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers
    - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา
    - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก

    แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์ - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    6 rising malware trends every security pro should know
    From infostealers commoditizing initial access to a more targeted approach to ransomware attacks, cybercriminals’ malware tools, tactics, and techniques are evolving rapidly.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/UonevmfayWg?si=gdvEeBmGgXgqDswt
    https://youtube.com/shorts/UonevmfayWg?si=gdvEeBmGgXgqDswt
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • มทร.อีสาน จัดประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE
    .
    วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมแคนา 1 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี (อาคาร 19) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา มทร.อีสาน จัดการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดยมี รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวต้อนรับ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานการประชุมฯ, นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) พร้อมคณะ, นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน พร้อมคณะ, นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด พร้อมคณะ, คุณธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายบุญส่ง สุทธิโตคร ผู้อำนวยการสำนักช่าง สำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา, ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ รองประธานฝ่ายบริหารและสื่อสารองค์กร หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, คุณไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, คุณอาทิตย์ ชามขุนทด ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด, นายจำนงค์ แสงเงิน หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 2, คุณบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, คุณขจร ศิวรังสรรค์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมระบบราง, คุณวัฒนา สมานจิตร อุปนายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย, ดร.สุรวุฒิ เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชิดชัยคอร์ปอเรชั่น จำกัด
    .
    โดยในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชิต คำภาหล้า คณบดีคณะระบบรางและการขนส่ง ได้ร่วมกัน นำเสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฯ และนำเสนอศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE และทางด้าน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) โดย นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) ได้นำเสนอจุดเด่นทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ระบบขนส่ง DRT และรถไฟฟ้ารางเบา รวมถึงแนวคิดความร่วมมือด้านการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของขบวนรถไฟ จากนั้น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ได้กล่าวถึง ภาพรวมของสถาบัน NIRT จุดแข็งของหลักสูตร และแนวทางการจัดตั้งวิทยาลัยระบบรางจีน–ไทย (NIRT สาขาต่างประเทศ) โดย นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน ทั้งนี้ นอกจากจะร่วมประชุมหารือด้านความร่วมมือระหว่างกันแล้วยังได้มี การการหารือการเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo) และ แผนรถไฟฟ้ารางเบาในประเทศไทย ซึ่ง บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดย นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด ยังได้นำเสนอ เรื่อง การวางแผนผลักดันจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นจังหวัดหลักด้านอุตสาหกรรมระบบราง โดยอาศัยโอกาสความร่วมมือจากทั้ง 4 ฝ่าย และการดำเนินโครงการระบบ DRT สำหรับมหกรรมพืชสวนโลกอีกด้วย
    .
    นอกจากนี้ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ให้เกียรติเป็นประธานมอบป้ายสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE แก่ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC), สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT), บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด
    .
    ภายหลังการประชุม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “ในนามของจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ภายใต้การนำของ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือในวันนี้ ซึ่งเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า ก่อให้เกิดแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งยังได้ริเริ่มสานสัมพันธ์อันดีระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา พันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบขนส่งทางราง เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง จนได้ร่วมมือกันในการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ขึ้น ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะในด้านระบบคมนาคมขนส่ง การมีสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบรางในพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของจังหวัดและภูมิภาค ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
    .
    ด้าน รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เปิดเผยว่า "สำหรับการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการ และพิธีส่งมอบป้ายการจัดตั้ง สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ในวันนี้ เกิดขึ้นจากการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ให้ความสำคัญกับ มทร.อีสาน เสมอมา ในความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และภาควิจัย ทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านระบบรางให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเท่านั้น หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล"
    .
    "ทั้งนี้ การที่ มทร.อีสาน ได้พันธมิตรในการร่วมพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า EV เช่น บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีขั้นสูงแบบครบวงจร ด้านการขนส่งทางราง เช่น บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. หรือ CRRC เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางราง และเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์รถไฟของจีน และสถาบันที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพด้านเทคโนโลยีและการจัดการระบบราง เช่น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนในของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองและมีระดับการพัฒนาระบบรถไฟสูงที่สุดในประเทศจีน ดังนั้น การจัดตั้ง “สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE” แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัย การพัฒนาบุคลากร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติต่อไป" รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวเพิ่มเติม
    มทร.อีสาน จัดประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE . วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมแคนา 1 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี (อาคาร 19) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา มทร.อีสาน จัดการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดยมี รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวต้อนรับ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานการประชุมฯ, นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) พร้อมคณะ, นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน พร้อมคณะ, นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด พร้อมคณะ, คุณธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายบุญส่ง สุทธิโตคร ผู้อำนวยการสำนักช่าง สำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา, ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ รองประธานฝ่ายบริหารและสื่อสารองค์กร หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, คุณไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, คุณอาทิตย์ ชามขุนทด ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด, นายจำนงค์ แสงเงิน หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 2, คุณบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, คุณขจร ศิวรังสรรค์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมระบบราง, คุณวัฒนา สมานจิตร อุปนายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย, ดร.สุรวุฒิ เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชิดชัยคอร์ปอเรชั่น จำกัด . โดยในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชิต คำภาหล้า คณบดีคณะระบบรางและการขนส่ง ได้ร่วมกัน นำเสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฯ และนำเสนอศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE และทางด้าน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) โดย นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) ได้นำเสนอจุดเด่นทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ระบบขนส่ง DRT และรถไฟฟ้ารางเบา รวมถึงแนวคิดความร่วมมือด้านการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของขบวนรถไฟ จากนั้น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ได้กล่าวถึง ภาพรวมของสถาบัน NIRT จุดแข็งของหลักสูตร และแนวทางการจัดตั้งวิทยาลัยระบบรางจีน–ไทย (NIRT สาขาต่างประเทศ) โดย นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน ทั้งนี้ นอกจากจะร่วมประชุมหารือด้านความร่วมมือระหว่างกันแล้วยังได้มี การการหารือการเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo) และ แผนรถไฟฟ้ารางเบาในประเทศไทย ซึ่ง บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดย นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด ยังได้นำเสนอ เรื่อง การวางแผนผลักดันจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นจังหวัดหลักด้านอุตสาหกรรมระบบราง โดยอาศัยโอกาสความร่วมมือจากทั้ง 4 ฝ่าย และการดำเนินโครงการระบบ DRT สำหรับมหกรรมพืชสวนโลกอีกด้วย . นอกจากนี้ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ให้เกียรติเป็นประธานมอบป้ายสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE แก่ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC), สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT), บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด . ภายหลังการประชุม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “ในนามของจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ภายใต้การนำของ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือในวันนี้ ซึ่งเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า ก่อให้เกิดแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งยังได้ริเริ่มสานสัมพันธ์อันดีระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา พันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบขนส่งทางราง เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง จนได้ร่วมมือกันในการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ขึ้น ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะในด้านระบบคมนาคมขนส่ง การมีสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบรางในพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของจังหวัดและภูมิภาค ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” . ด้าน รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เปิดเผยว่า "สำหรับการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการ และพิธีส่งมอบป้ายการจัดตั้ง สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ในวันนี้ เกิดขึ้นจากการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ให้ความสำคัญกับ มทร.อีสาน เสมอมา ในความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และภาควิจัย ทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านระบบรางให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเท่านั้น หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล" . "ทั้งนี้ การที่ มทร.อีสาน ได้พันธมิตรในการร่วมพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า EV เช่น บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีขั้นสูงแบบครบวงจร ด้านการขนส่งทางราง เช่น บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. หรือ CRRC เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางราง และเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์รถไฟของจีน และสถาบันที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพด้านเทคโนโลยีและการจัดการระบบราง เช่น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนในของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองและมีระดับการพัฒนาระบบรถไฟสูงที่สุดในประเทศจีน ดังนั้น การจัดตั้ง “สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE” แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัย การพัฒนาบุคลากร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติต่อไป" รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวเพิ่มเติม
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • กองทัพรัสเซียทำลายจุดบัญชาการของศูนย์บัญชาการกองกำลังพิเศษ SSO (Special Operations Forces) ของยูเครนในภูมิภาค Nikolaev (Mykolaiv) ด้วยการโจมตีผสมผสานของขีปนาวุธ Iskander-M ร่วมกับโดรน Geran-2

    นอกจากนี้ยังทำลายคลังกระสุนและบริเวณที่จอดยานพาหนะสำหรับขนส่งยุทโธปกรณ์อีกด้วย
    กองทัพรัสเซียทำลายจุดบัญชาการของศูนย์บัญชาการกองกำลังพิเศษ SSO (Special Operations Forces) ของยูเครนในภูมิภาค Nikolaev (Mykolaiv) ด้วยการโจมตีผสมผสานของขีปนาวุธ Iskander-M ร่วมกับโดรน Geran-2 นอกจากนี้ยังทำลายคลังกระสุนและบริเวณที่จอดยานพาหนะสำหรับขนส่งยุทโธปกรณ์อีกด้วย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 186 Views 14 0 Reviews
  • TSMC กำลังเปิด ศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อช่วยนักพัฒนาชิปในยุโรปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตของบริษัท โดยศูนย์นี้จะให้บริการตั้งแต่การช่วยพัฒนา ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึงการปรับแต่งเทคโนโลยีการออกแบบ (DTCO) สำหรับ โปรเซสเซอร์ขั้นสูงที่ใช้ใน AI และ HPC

    TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก ในแคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ โดยศูนย์ในมิวนิกจะเป็นแห่งที่ 10 และเป็นแห่งแรกในยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรป

    นอกจากนี้ TSMC ยังร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP ในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ซึ่งจะสามารถผลิตชิปที่ใช้กระบวนการ 12nm และ 16nm โดยเน้นไปที่ MCU แต่ก็สามารถผลิตชิปประเภทอื่นได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - TSMC เปิดศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก เยอรมนี
    - ศูนย์นี้จะช่วยนักพัฒนาชิปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับเทคโนโลยีของ TSMC
    - ให้บริการตั้งแต่ MCU สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึง โปรเซสเซอร์ AI และ HPC
    - TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก และศูนย์ในมิวนิกเป็นแห่งที่ 10
    - TSMC ร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP สร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การออกแบบชิปต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
    - การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน และต้องทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และต้องแข่งขันกับสหรัฐฯ และเอเชีย
    - TSMC ไม่ได้ออกแบบชิปเอง แต่ให้บริการปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับการผลิต

    การเปิดศูนย์ออกแบบชิปในยุโรปของ TSMC เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาชิปในยุโรปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้มากน้อยเพียงใด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-to-open-up-chip-design-center-in-munich-to-help-local-chip-developers
    TSMC กำลังเปิด ศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อช่วยนักพัฒนาชิปในยุโรปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตของบริษัท โดยศูนย์นี้จะให้บริการตั้งแต่การช่วยพัฒนา ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึงการปรับแต่งเทคโนโลยีการออกแบบ (DTCO) สำหรับ โปรเซสเซอร์ขั้นสูงที่ใช้ใน AI และ HPC TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก ในแคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ โดยศูนย์ในมิวนิกจะเป็นแห่งที่ 10 และเป็นแห่งแรกในยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรป นอกจากนี้ TSMC ยังร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP ในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ซึ่งจะสามารถผลิตชิปที่ใช้กระบวนการ 12nm และ 16nm โดยเน้นไปที่ MCU แต่ก็สามารถผลิตชิปประเภทอื่นได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - TSMC เปิดศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก เยอรมนี - ศูนย์นี้จะช่วยนักพัฒนาชิปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับเทคโนโลยีของ TSMC - ให้บริการตั้งแต่ MCU สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึง โปรเซสเซอร์ AI และ HPC - TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก และศูนย์ในมิวนิกเป็นแห่งที่ 10 - TSMC ร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP สร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การออกแบบชิปต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด - การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน และต้องทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และต้องแข่งขันกับสหรัฐฯ และเอเชีย - TSMC ไม่ได้ออกแบบชิปเอง แต่ให้บริการปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับการผลิต การเปิดศูนย์ออกแบบชิปในยุโรปของ TSMC เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาชิปในยุโรปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้มากน้อยเพียงใด https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-to-open-up-chip-design-center-in-munich-to-help-local-chip-developers
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • Opera ได้เปิดตัว Neon ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่มีความสามารถ AI agentic ซึ่งหมายถึงสามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้ เช่น การช็อปปิ้ง, กรอกแบบฟอร์ม, เขียนโค้ด, ค้นคว้า และอื่น ๆ แม้ในขณะที่ ออฟไลน์

    Neon ใช้ AI engine ที่ทำงานร่วมกับ cloud-based AI agents ทำให้สามารถดำเนินงานหลายอย่างได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ Opera ยังระบุว่า Neon จะเป็นบริการแบบพรีเมียม ซึ่งต้องสมัครสมาชิก

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Neon เป็นเบราว์เซอร์ AI agentic ตัวแรก ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้
    - มี 3 ปุ่มหลัก ได้แก่ Chat, Do และ Make
    - Make สามารถสร้างเว็บไซต์, เกม, โค้ด และอื่น ๆ จาก ข้อความธรรมดา
    - Do สามารถดำเนินงานอัตโนมัติ เช่น จองตั๋ว, ซื้อสินค้า, ลงทะเบียน
    - Opera ยืนยันว่า AI ทำงานในเบราว์เซอร์โดยตรง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
    - Neon จะเป็นบริการแบบพรีเมียม แต่ยังไม่เปิดเผยราคา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งเป็นข้อกังวลของผู้ใช้หลายคน
    - แม้ Opera จะยืนยันเรื่องความปลอดภัย แต่ผู้ใช้บางรายอาจยังไม่มั่นใจ
    - การแข่งขันในตลาด AI agents กำลังเพิ่มขึ้น หลายบริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายกัน
    - Neon ยังไม่มีวันเปิดตัวที่แน่นอน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดให้ใช้งาน

    Neon เป็นก้าวใหม่ของ Opera ในการนำ AI agentic มาสู่เบราว์เซอร์ ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัยยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม

    https://www.techspot.com/news/108087-opera-neon-ai-agentic-browser-promises-do-everything.html
    Opera ได้เปิดตัว Neon ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่มีความสามารถ AI agentic ซึ่งหมายถึงสามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้ เช่น การช็อปปิ้ง, กรอกแบบฟอร์ม, เขียนโค้ด, ค้นคว้า และอื่น ๆ แม้ในขณะที่ ออฟไลน์ Neon ใช้ AI engine ที่ทำงานร่วมกับ cloud-based AI agents ทำให้สามารถดำเนินงานหลายอย่างได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ Opera ยังระบุว่า Neon จะเป็นบริการแบบพรีเมียม ซึ่งต้องสมัครสมาชิก ✅ ข้อมูลจากข่าว - Neon เป็นเบราว์เซอร์ AI agentic ตัวแรก ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ - มี 3 ปุ่มหลัก ได้แก่ Chat, Do และ Make - Make สามารถสร้างเว็บไซต์, เกม, โค้ด และอื่น ๆ จาก ข้อความธรรมดา - Do สามารถดำเนินงานอัตโนมัติ เช่น จองตั๋ว, ซื้อสินค้า, ลงทะเบียน - Opera ยืนยันว่า AI ทำงานในเบราว์เซอร์โดยตรง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ - Neon จะเป็นบริการแบบพรีเมียม แต่ยังไม่เปิดเผยราคา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งเป็นข้อกังวลของผู้ใช้หลายคน - แม้ Opera จะยืนยันเรื่องความปลอดภัย แต่ผู้ใช้บางรายอาจยังไม่มั่นใจ - การแข่งขันในตลาด AI agents กำลังเพิ่มขึ้น หลายบริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายกัน - Neon ยังไม่มีวันเปิดตัวที่แน่นอน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดให้ใช้งาน Neon เป็นก้าวใหม่ของ Opera ในการนำ AI agentic มาสู่เบราว์เซอร์ ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัยยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม https://www.techspot.com/news/108087-opera-neon-ai-agentic-browser-promises-do-everything.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Opera's Neon AI agentic browser promises to do everything – even write code while you're offline
    Opera Neon – the company used the name for a different browser in 2017 that didn't gain much traction – is designed to understand your intent, assist...
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • ก๋วยเตี๋ยวป้าจวบหม้อดำ #เฉลิมพระเกียรติร9 #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ร้านอาหาร #กิน #อร่อย #อาหาร #noodles #food #foodie #thaifood #streetfood #eatery #delicious #review #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ก๋วยเตี๋ยวป้าจวบหม้อดำ #เฉลิมพระเกียรติร9 #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ร้านอาหาร #กิน #อร่อย #อาหาร #noodles #food #foodie #thaifood #streetfood #eatery #delicious #review #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 133 Views 7 0 Reviews
  • รัสเซียยังคงถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับเข้าสู่การเจรจาสันติภาพตามเงื่อนไข

    เมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเป็นคืนที่สี่ติดต่อกัน จากการโจมตีระลอกใหญ่ของรัสเซีย ยังคงมีการโจมตีด้วยโดรน Geran-2 ของรัสเซียอย่างน้อย 23 ลำ โจมตีเป้าหมายในเขต Kharkiv

    หนึ่งในเป้าหมายของรัสเซีย ในเขตภูมิภาค Chuguevsky และ ภูมิภาค Kharkov เชื่อว่าคือโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
    รัสเซียยังคงถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับเข้าสู่การเจรจาสันติภาพตามเงื่อนไข เมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเป็นคืนที่สี่ติดต่อกัน จากการโจมตีระลอกใหญ่ของรัสเซีย ยังคงมีการโจมตีด้วยโดรน Geran-2 ของรัสเซียอย่างน้อย 23 ลำ โจมตีเป้าหมายในเขต Kharkiv หนึ่งในเป้าหมายของรัสเซีย ในเขตภูมิภาค Chuguevsky และ ภูมิภาค Kharkov เชื่อว่าคือโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 19 0 Reviews
  • เตือนภัย! ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Cisco ถูกใช้สร้างบ็อตเน็ตขนาดใหญ่

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sekoia พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ CVE-2023-20118 ในเราเตอร์ Cisco รุ่นเก่าเพื่อสร้างบ็อตเน็ตที่ชื่อ ViciousTrap ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีแล้วกว่า 5,300 เครื่องใน 84 ประเทศ โดยช่องโหว่นี้ เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลผ่านเว็บอินเตอร์เฟซของเราเตอร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบ็อตเน็ต ViciousTrap
    ✅ ช่องโหว่ CVE-2023-20118 พบในเราเตอร์ Cisco Small Business รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320 และ RV325
    - ช่องโหว่นี้ เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เหมาะสมใน HTTP packets

    ✅ ViciousTrap ใช้สคริปต์ NetGhost เพื่อเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกของเราเตอร์ที่ถูกโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานของแฮกเกอร์
    - ทำให้ สามารถดักจับข้อมูลเครือข่ายของเหยื่อได้

    ✅ Cisco ไม่ออกแพตช์แก้ไข เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบหมดอายุการสนับสนุนแล้ว
    - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อป้องกันการโจมตี

    ✅ บ็อตเน็ตนี้มีลักษณะคล้ายกับ PolarEdge ซึ่งเคยใช้ช่องโหว่เดียวกันในการโจมตีอุปกรณ์จาก Cisco, ASUS, QNAP และ Synology
    - พบว่า PolarEdge มีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีประมาณ 2,000 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

    ✅ นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง ViciousTrap อาจมีต้นกำเนิดจากจีน
    - แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่มีการใช้เครื่องมือที่เคยพบในกลุ่มแฮกเกอร์จีนมาก่อน

    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-security-flaw-exploited-to-build-botnet-of-thousands-of-devices
    เตือนภัย! ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Cisco ถูกใช้สร้างบ็อตเน็ตขนาดใหญ่ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sekoia พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ CVE-2023-20118 ในเราเตอร์ Cisco รุ่นเก่าเพื่อสร้างบ็อตเน็ตที่ชื่อ ViciousTrap ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีแล้วกว่า 5,300 เครื่องใน 84 ประเทศ โดยช่องโหว่นี้ เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลผ่านเว็บอินเตอร์เฟซของเราเตอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบ็อตเน็ต ViciousTrap ✅ ช่องโหว่ CVE-2023-20118 พบในเราเตอร์ Cisco Small Business รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320 และ RV325 - ช่องโหว่นี้ เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เหมาะสมใน HTTP packets ✅ ViciousTrap ใช้สคริปต์ NetGhost เพื่อเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกของเราเตอร์ที่ถูกโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานของแฮกเกอร์ - ทำให้ สามารถดักจับข้อมูลเครือข่ายของเหยื่อได้ ✅ Cisco ไม่ออกแพตช์แก้ไข เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบหมดอายุการสนับสนุนแล้ว - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อป้องกันการโจมตี ✅ บ็อตเน็ตนี้มีลักษณะคล้ายกับ PolarEdge ซึ่งเคยใช้ช่องโหว่เดียวกันในการโจมตีอุปกรณ์จาก Cisco, ASUS, QNAP และ Synology - พบว่า PolarEdge มีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีประมาณ 2,000 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ✅ นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง ViciousTrap อาจมีต้นกำเนิดจากจีน - แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่มีการใช้เครื่องมือที่เคยพบในกลุ่มแฮกเกอร์จีนมาก่อน https://www.techradar.com/pro/security/cisco-security-flaw-exploited-to-build-botnet-of-thousands-of-devices
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM

    ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT
    ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล
    - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ

    ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้
    - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025
    - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว

    ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร
    - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C

    ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice
    - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้ - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025 - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • ปูตินเรียกร้องให้รัสเซียลดการใช้ Microsoft และ Zoom พร้อมผลักดันซอฟต์แวร์ภายในประเทศ

    ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แสดงจุดยืนว่าบริษัทตะวันตกที่ออกจากรัสเซียหลังสงครามยูเครน ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจในประเทศอีกต่อไป โดยระบุว่า Microsoft และ Zoom ควรถูก "จำกัด" และ "กำจัด" ในรัสเซีย พร้อมผลักดันให้ประเทศพัฒนา ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มของตนเอง

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับนโยบายเทคโนโลยีของรัสเซีย
    ✅ Microsoft และ Zoom ยังคงถูกใช้งานในรัสเซีย แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะถอนตัวจากตลาดแล้ว
    - บริษัทในรัสเซีย ยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และ Zoom แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ

    ✅ ปูตินระบุว่ารัสเซียต้องพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อรักษาอธิปไตยทางเทคโนโลยี
    - รัสเซีย มี MyOffice ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่คล้ายกับ Microsoft Office

    ✅ รัสเซียกำลังพัฒนาเครื่องเล่นเกมที่ใช้ระบบปฏิบัติการและบริการคลาวด์ของตนเอง
    - เครื่องเล่นเกมบางรุ่น ใช้ชิป Elbrus ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ

    ✅ แม้ว่ารัสเซียจะพยายามลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ตะวันตก แต่ยังคงมีการนำเข้า Intel และ AMD ผ่านช่องทางอื่น
    - ชิปเหล่านี้ ถูกนำเข้าผ่านประเทศที่สามและมักถูกรีแบรนด์เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร

    ✅ รัสเซียเคยทดสอบการตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตโลกในปี 2024
    - แม้แต่ VPN ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ได้

    https://www.techspot.com/news/108070-putin-calls-throttling-microsoft-zoom-russia-urges-development.html
    ปูตินเรียกร้องให้รัสเซียลดการใช้ Microsoft และ Zoom พร้อมผลักดันซอฟต์แวร์ภายในประเทศ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แสดงจุดยืนว่าบริษัทตะวันตกที่ออกจากรัสเซียหลังสงครามยูเครน ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจในประเทศอีกต่อไป โดยระบุว่า Microsoft และ Zoom ควรถูก "จำกัด" และ "กำจัด" ในรัสเซีย พร้อมผลักดันให้ประเทศพัฒนา ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มของตนเอง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับนโยบายเทคโนโลยีของรัสเซีย ✅ Microsoft และ Zoom ยังคงถูกใช้งานในรัสเซีย แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะถอนตัวจากตลาดแล้ว - บริษัทในรัสเซีย ยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และ Zoom แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ✅ ปูตินระบุว่ารัสเซียต้องพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อรักษาอธิปไตยทางเทคโนโลยี - รัสเซีย มี MyOffice ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่คล้ายกับ Microsoft Office ✅ รัสเซียกำลังพัฒนาเครื่องเล่นเกมที่ใช้ระบบปฏิบัติการและบริการคลาวด์ของตนเอง - เครื่องเล่นเกมบางรุ่น ใช้ชิป Elbrus ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ✅ แม้ว่ารัสเซียจะพยายามลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ตะวันตก แต่ยังคงมีการนำเข้า Intel และ AMD ผ่านช่องทางอื่น - ชิปเหล่านี้ ถูกนำเข้าผ่านประเทศที่สามและมักถูกรีแบรนด์เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ✅ รัสเซียเคยทดสอบการตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตโลกในปี 2024 - แม้แต่ VPN ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ได้ https://www.techspot.com/news/108070-putin-calls-throttling-microsoft-zoom-russia-urges-development.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Putin calls for "throttling" Microsoft and Zoom in Russia, urges development of domestic alternatives
    Microsoft was one of many companies to suspend sales in Russia and start removing its presence from the country following the start of Putin's "special operation" in...
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • TSMC ยังไม่ตัดสินใจใช้เทคโนโลยี High-NA EUV ของ ASML แม้ Intel เตรียมใช้งาน

    TSMC ยังคงประเมินว่าเทคโนโลยี High-NA EUV ของ ASML จะคุ้มค่าต่อการใช้งานหรือไม่ แม้ว่าจะมีข้อดีด้าน ความเร็วและความแม่นยำในการผลิตชิป แต่ราคาของเครื่องจักรนี้สูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสองเท่าของเครื่อง EUV รุ่นปัจจุบัน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ High-NA EUV และการตัดสินใจของ TSMC
    ✅ High-NA EUV เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้สามารถผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงขึ้น
    - มี ความแม่นยำมากกว่าเครื่อง EUV รุ่นปัจจุบัน

    ✅ TSMC ยังไม่พบเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้ High-NA EUV ในกระบวนการผลิต A14
    - บริษัท ยังคงพัฒนาเทคนิคเพื่อขยายอายุการใช้งานของเครื่อง EUV รุ่นเดิม

    ✅ Intel วางแผนใช้ High-NA EUV ในกระบวนการผลิต 14A เพื่อแข่งขันกับ TSMC
    - แต่ลูกค้าของ Intel ยังสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีเดิมได้

    ✅ ASML คาดว่าลูกค้าจะเริ่มทดสอบ High-NA EUV สำหรับการผลิตจำนวนมากในปี 2026-2027
    - ก่อนที่จะ นำไปใช้กับกระบวนการผลิตขั้นสูงในอนาคต

    ✅ TSMC เคยระบุว่า A16 จะไม่ใช้ High-NA EUV เนื่องจากราคาสูงเกินไป
    - ปัจจุบัน มีเพียง 5 เครื่องที่ถูกส่งไปยัง Intel, TSMC และ Samsung

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/tsmc-still-evaluating-asml039s-039high-na039-as-intel-eyes-future-use
    TSMC ยังไม่ตัดสินใจใช้เทคโนโลยี High-NA EUV ของ ASML แม้ Intel เตรียมใช้งาน TSMC ยังคงประเมินว่าเทคโนโลยี High-NA EUV ของ ASML จะคุ้มค่าต่อการใช้งานหรือไม่ แม้ว่าจะมีข้อดีด้าน ความเร็วและความแม่นยำในการผลิตชิป แต่ราคาของเครื่องจักรนี้สูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสองเท่าของเครื่อง EUV รุ่นปัจจุบัน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ High-NA EUV และการตัดสินใจของ TSMC ✅ High-NA EUV เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้สามารถผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงขึ้น - มี ความแม่นยำมากกว่าเครื่อง EUV รุ่นปัจจุบัน ✅ TSMC ยังไม่พบเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้ High-NA EUV ในกระบวนการผลิต A14 - บริษัท ยังคงพัฒนาเทคนิคเพื่อขยายอายุการใช้งานของเครื่อง EUV รุ่นเดิม ✅ Intel วางแผนใช้ High-NA EUV ในกระบวนการผลิต 14A เพื่อแข่งขันกับ TSMC - แต่ลูกค้าของ Intel ยังสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีเดิมได้ ✅ ASML คาดว่าลูกค้าจะเริ่มทดสอบ High-NA EUV สำหรับการผลิตจำนวนมากในปี 2026-2027 - ก่อนที่จะ นำไปใช้กับกระบวนการผลิตขั้นสูงในอนาคต ✅ TSMC เคยระบุว่า A16 จะไม่ใช้ High-NA EUV เนื่องจากราคาสูงเกินไป - ปัจจุบัน มีเพียง 5 เครื่องที่ถูกส่งไปยัง Intel, TSMC และ Samsung https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/tsmc-still-evaluating-asml039s-039high-na039-as-intel-eyes-future-use
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TSMC still evaluating ASML's 'High-NA' as Intel eyes future use
    AMSTERDAM (Reuters) -Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (2330.TW), the world's largest contract chipmaker, is still assessing when it will use ASML's cutting-edge high numerical aperture (NA) machines for its future process nodes, an executive said on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • “เจ้าท่าฯ”ลุยยกระดับปรับปรุงท่าเรือโดยสารแม่น้ำเจ้าพระยาออกแบบ “อารยสถาปัตย์” ส่งเสริมสิทธิเท่าเทียม รองรับบริการทุกกลุ่ม บริหารท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมพลังงาน ตั้งเป้าปี 69 เสร็จครบ 29 แห่ง เชื่อม”ล้อ - ราง – เรือ” สะดวกไร้รอยต่อ คาดปี 70 มีผู้ใช้บริการท่าเรือโดยสารเฉลี่ย 53,000 คนต่อวัน

    นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือเป็นสถานีเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 29 ท่า นั้นปัจจุบันมีการปรับปรุงและแก้ไขในรูปแบบอารยสถาปัตย์แล้วเสร็จ 16 แห่ง อาทิ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร ท่าเรือราชินี ท่าเรือบางโพ ท่าเรือพายัพ ท่าเรือเตียน เป็นต้น ยังเหลืออีก 13 แห่ง ที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางไว้

    โดยเมื่อเดือนเม.ย. 2568 เพิ่งเปิดให้บริการท่าเรือพระราม 7 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นอีกท่าเรือที่ปรับปรุงด้วยแนวคิด “ท่าเรือยุคใหม่ สะดวกปลอดภัย เทคโนโลยีก้าวไกล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปบนหลังคาท่าเรือ พร้อมสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGER) ให้เป็นท่าเรือ Smart Pier อย่างสมบูรณ์แบบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000049615

    #MGROnline #ท่าเรืออัจฉริยะ #SmartPier
    “เจ้าท่าฯ”ลุยยกระดับปรับปรุงท่าเรือโดยสารแม่น้ำเจ้าพระยาออกแบบ “อารยสถาปัตย์” ส่งเสริมสิทธิเท่าเทียม รองรับบริการทุกกลุ่ม บริหารท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมพลังงาน ตั้งเป้าปี 69 เสร็จครบ 29 แห่ง เชื่อม”ล้อ - ราง – เรือ” สะดวกไร้รอยต่อ คาดปี 70 มีผู้ใช้บริการท่าเรือโดยสารเฉลี่ย 53,000 คนต่อวัน • นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือเป็นสถานีเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 29 ท่า นั้นปัจจุบันมีการปรับปรุงและแก้ไขในรูปแบบอารยสถาปัตย์แล้วเสร็จ 16 แห่ง อาทิ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร ท่าเรือราชินี ท่าเรือบางโพ ท่าเรือพายัพ ท่าเรือเตียน เป็นต้น ยังเหลืออีก 13 แห่ง ที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางไว้ • โดยเมื่อเดือนเม.ย. 2568 เพิ่งเปิดให้บริการท่าเรือพระราม 7 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นอีกท่าเรือที่ปรับปรุงด้วยแนวคิด “ท่าเรือยุคใหม่ สะดวกปลอดภัย เทคโนโลยีก้าวไกล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปบนหลังคาท่าเรือ พร้อมสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGER) ให้เป็นท่าเรือ Smart Pier อย่างสมบูรณ์แบบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000049615 • #MGROnline #ท่าเรืออัจฉริยะ #SmartPier
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รายการแรกของโลกในชื่อ “CMG World Robot Tournament – Series Event” ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากยุคใหม่ของการแข่งขันหุ่นยนต์อย่างเป็นทางการ โดยการแข่งขันครั้งนี้มีหุ่นยนต์ G1 จากบริษัท Unitree Robotics (宇树科技) เป็นพระเอกของสนาม ไม่ว่าจะเป็นในรอบโชว์หรือการแข่งขันจริง หุ่นยนต์ทั้งหมดล้วนมาจากรุ่นเดียวกัน เพื่อทดสอบศักยภาพด้านการควบคุม การออกแบบ และความสามารถของระบบควบคุมระยะไกล

    หุ่นยนต์ G1 มีความสูง 1.32 เมตร หนัก 25 กิโลกรัม ติดตั้งมอเตอร์แรงบิดสูงถึง 43 จุด ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้หลากหลายทั้งในเชิงกีฬาและศิลปะการต่อสู้ เช่น หมัดตรง หมัดฮุก หมัดอัปเปอร์คัต เตะข้าง เตะหน้า หรือแม้แต่การล้มและลุกขึ้นในเวลาไม่ถึง 5 วินาที โดยบางตัวสามารถใช้ท่าลุกแบบ “ปลากระโดด” ได้อย่างลื่นไหล เสียงปรบมือจากผู้ชมดังขึ้นหลายครั้งเมื่อหุ่นยนต์แสดงท่าทางสมจริงราวกับนักมวยมืออาชีพ

    การแข่งขันใช้กติกาแบบ 3 ยก ยกละ 2 นาที คะแนนนับจากการโจมตีจุดสำคัญ ได้แก่ การโจมตีแขนได้ 1 คะแนน ขา 3 คะแนน การล้มโดนหัก 5 คะแนน และหากล้มแล้วลุกไม่ขึ้นภายใน 8 วินาที จะถูกหักทันที 10 คะแนน ทั้งนี้ หุ่นยนต์จะควบคุมโดยมนุษย์ผ่านรีโมตแบบมือจับ (joystick) ซึ่งช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำและทันสถานการณ์ ทำให้การแข่งขันมีความสนุก สนามมีชีวิตชีวา และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ในอนาคต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000049189

    #MGROnline #ประเทศจีน #การแข่งขัน #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์
    เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รายการแรกของโลกในชื่อ “CMG World Robot Tournament – Series Event” ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากยุคใหม่ของการแข่งขันหุ่นยนต์อย่างเป็นทางการ โดยการแข่งขันครั้งนี้มีหุ่นยนต์ G1 จากบริษัท Unitree Robotics (宇树科技) เป็นพระเอกของสนาม ไม่ว่าจะเป็นในรอบโชว์หรือการแข่งขันจริง หุ่นยนต์ทั้งหมดล้วนมาจากรุ่นเดียวกัน เพื่อทดสอบศักยภาพด้านการควบคุม การออกแบบ และความสามารถของระบบควบคุมระยะไกล • หุ่นยนต์ G1 มีความสูง 1.32 เมตร หนัก 25 กิโลกรัม ติดตั้งมอเตอร์แรงบิดสูงถึง 43 จุด ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้หลากหลายทั้งในเชิงกีฬาและศิลปะการต่อสู้ เช่น หมัดตรง หมัดฮุก หมัดอัปเปอร์คัต เตะข้าง เตะหน้า หรือแม้แต่การล้มและลุกขึ้นในเวลาไม่ถึง 5 วินาที โดยบางตัวสามารถใช้ท่าลุกแบบ “ปลากระโดด” ได้อย่างลื่นไหล เสียงปรบมือจากผู้ชมดังขึ้นหลายครั้งเมื่อหุ่นยนต์แสดงท่าทางสมจริงราวกับนักมวยมืออาชีพ • การแข่งขันใช้กติกาแบบ 3 ยก ยกละ 2 นาที คะแนนนับจากการโจมตีจุดสำคัญ ได้แก่ การโจมตีแขนได้ 1 คะแนน ขา 3 คะแนน การล้มโดนหัก 5 คะแนน และหากล้มแล้วลุกไม่ขึ้นภายใน 8 วินาที จะถูกหักทันที 10 คะแนน ทั้งนี้ หุ่นยนต์จะควบคุมโดยมนุษย์ผ่านรีโมตแบบมือจับ (joystick) ซึ่งช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำและทันสถานการณ์ ทำให้การแข่งขันมีความสนุก สนามมีชีวิตชีวา และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ในอนาคต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000049189 • #MGROnline #ประเทศจีน #การแข่งขัน #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
More Results