• อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน

    ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน?
    - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple
    - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด

    ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น
    - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ
    - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ

    ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี
    - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University
    - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA)
    - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple

    ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology
    - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ

    ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้
    - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ
    - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน? - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA) - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้ - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    WCCFTECH.COM
    Former Apple Chip Engineer Returns To China And Joins The Country’s Silicon-Manufacturing Ambitions After Seven Years Of Working With The Trillion-Dollar Firm
    After working with Apple for seven years, a chip engineer has departed back to China, where he works on fulfilling the country’s chipmaking goals
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต

    ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์
    - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี

    ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์
    - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม

    ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร
    - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า"
    - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ
    - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
    - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน

    ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์
    - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย
    - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก

    ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์
    - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต
    - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว

    https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์ - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์ - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า" - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์ - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์ - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    WCCFTECH.COM
    From A Small Garage To A Global Icon, Apple Turns 49 Today, Changing The Tech World Forever With Its Vision, Innovation, And Unstoppable Momentum
    Apple turns 49 today, and it has changed the entire world as we know it in terms of innovation, design, and the relentless pursuit of excellence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB

    ✅ ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ
    - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz
    - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น

    ✅ รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง
    - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร
    - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม

    ✅ ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์
    - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps
    - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ✅ พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย
    - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A)
    - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน

    ✅ ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง
    - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์
    - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    ✅ ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย
    - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90
    - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025

    https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB ✅ ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น ✅ รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม ✅ ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์ - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A) - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน ✅ ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์ - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ✅ ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90 - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025 https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT 4o เปิดให้ใช้ฟรีในการสร้างภาพแล้ว โดยสามารถ เปลี่ยนพื้นหลัง, สร้างภาพจากไอเดียใหม่ และปรับอารมณ์ภาพ อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี เช่น สามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน และ ข้อจำกัดในการอัปโหลดรูปภาพเพื่อแก้ไข หากต้องการใช้งานเพิ่มเติม อาจต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน

    ✅ การสร้างภาพและแก้ไขพื้นหลัง
    - ChatGPT 4o สามารถ เปลี่ยนพื้นหลังของภาพได้อย่างแม่นยำ โดยตรวจจับวัตถุหลักและสร้างฉากที่เข้ากัน
    - ตัวอย่างเช่น เมื่อนำภาพของ French Bulldog ไปให้ AI และสั่งเปลี่ยนพื้นหลังเป็นชายหาด ChatGPT สามารถสร้างภาพใหม่ได้อย่างสมจริง

    ✅ ใช้ภาพอ้างอิงเพื่อสร้างภาพใหม่
    - ผู้ใช้สามารถให้ ChatGPT ใช้ภาพเดิมเป็นต้นแบบ และสร้างภาพใหม่ตามไอเดียที่ต้องการ
    - ตัวอย่างเช่น เมื่อให้ภาพของสุนัข และสั่งให้มัน แต่งตัวเป็นกบแล้วขี่สเก็ตบอร์ด AI สามารถสร้างภาพตามคำสั่งได้

    ✅ ปรับอารมณ์ของภาพ
    - AI สามารถปรับอารมณ์ของภาพได้ เช่น เปลี่ยนให้ สุนัขที่ดูเศร้าเป็นสุนัขที่ดูมีความสุข โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งใบหน้า

    ✅ ข้อจำกัดของผู้ใช้ฟรี
    - OpenAI กำหนดให้ ผู้ใช้ฟรีสามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน
    - นอกจากนี้ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ จำนวนครั้งที่สามารถอัปโหลดภาพเพื่อแก้ไข

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-4os-image-generation-is-now-free-for-everyone-3-ways-to-use-the-new-ai-tool-without-following-the-studio-ghibli-herd
    ChatGPT 4o เปิดให้ใช้ฟรีในการสร้างภาพแล้ว โดยสามารถ เปลี่ยนพื้นหลัง, สร้างภาพจากไอเดียใหม่ และปรับอารมณ์ภาพ อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี เช่น สามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน และ ข้อจำกัดในการอัปโหลดรูปภาพเพื่อแก้ไข หากต้องการใช้งานเพิ่มเติม อาจต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน ✅ การสร้างภาพและแก้ไขพื้นหลัง - ChatGPT 4o สามารถ เปลี่ยนพื้นหลังของภาพได้อย่างแม่นยำ โดยตรวจจับวัตถุหลักและสร้างฉากที่เข้ากัน - ตัวอย่างเช่น เมื่อนำภาพของ French Bulldog ไปให้ AI และสั่งเปลี่ยนพื้นหลังเป็นชายหาด ChatGPT สามารถสร้างภาพใหม่ได้อย่างสมจริง ✅ ใช้ภาพอ้างอิงเพื่อสร้างภาพใหม่ - ผู้ใช้สามารถให้ ChatGPT ใช้ภาพเดิมเป็นต้นแบบ และสร้างภาพใหม่ตามไอเดียที่ต้องการ - ตัวอย่างเช่น เมื่อให้ภาพของสุนัข และสั่งให้มัน แต่งตัวเป็นกบแล้วขี่สเก็ตบอร์ด AI สามารถสร้างภาพตามคำสั่งได้ ✅ ปรับอารมณ์ของภาพ - AI สามารถปรับอารมณ์ของภาพได้ เช่น เปลี่ยนให้ สุนัขที่ดูเศร้าเป็นสุนัขที่ดูมีความสุข โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งใบหน้า ✅ ข้อจำกัดของผู้ใช้ฟรี - OpenAI กำหนดให้ ผู้ใช้ฟรีสามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน - นอกจากนี้ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ จำนวนครั้งที่สามารถอัปโหลดภาพเพื่อแก้ไข https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-4os-image-generation-is-now-free-for-everyone-3-ways-to-use-the-new-ai-tool-without-following-the-studio-ghibli-herd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ประกาศว่า ฟีเจอร์ AI Copilot+ ที่เคยเป็นเอกสิทธิ์สำหรับ Snapdragon X ตอนนี้จะเริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานบน AMD Ryzen AI 300 series และ Intel Core Ultra 200V PCs โดยฟีเจอร์ที่สำคัญ ได้แก่ Live Captions, Cocreator, Restyle Image และ Image Creator ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์และปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายขึ้น

    ✅ Live Captions พร้อมแปลภาษาแบบเรียลไทม์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลเสียงพูดจาก 27 ภาษาเป็นภาษาจีนแบบย่อ
    - เดิมทีใช้ได้เฉพาะบน Snapdragon X แต่ตอนนี้เตรียมเปิดตัวให้กับ AMD และ Intel PCs

    ✅ Cocreator—ช่วยสร้างงานศิลปะใน Paint
    - ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจาก ข้อความ (text prompt) หรือให้ AI ปรับแต่งภาพที่วาดเอง
    - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน AMD และ Intel PCs ที่มี NPU

    ✅ Restyle Image และ Image Creator ในแอป Photos
    - Restyle Image เป็นฟีเจอร์ปรับแต่งภาพให้เป็นสไตล์ศิลปะ เช่น ภาพสเก็ตช์หรือสีน้ำมัน
    - Image Creator ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจากคำสั่งข้อความได้โดยตรง

    ✅ ต้องอัปเดต Windows 11 และเปิดใช้งานการอัปเดตล่าสุด
    - ผู้ใช้ต้องติดตั้ง March non-security preview update
    - ต้องเปิดตัวเลือก Get the latest updates as soon as they’re available ใน Settings

    ✅ ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Voice Access จะเปิดตัวภายในปีนี้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สั่งงาน Windows ผ่านเสียงได้ดีขึ้น
    - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน Snapdragon X และจะมาใน AMD และ Intel PCs ช่วงปลายปี

    https://www.tomshardware.com/software/windows/snapdragon-x-exclusive-copilot-features-begin-trickling-through-to-modern-x86-windows-11-pcs
    Microsoft ประกาศว่า ฟีเจอร์ AI Copilot+ ที่เคยเป็นเอกสิทธิ์สำหรับ Snapdragon X ตอนนี้จะเริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานบน AMD Ryzen AI 300 series และ Intel Core Ultra 200V PCs โดยฟีเจอร์ที่สำคัญ ได้แก่ Live Captions, Cocreator, Restyle Image และ Image Creator ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์และปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายขึ้น ✅ Live Captions พร้อมแปลภาษาแบบเรียลไทม์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลเสียงพูดจาก 27 ภาษาเป็นภาษาจีนแบบย่อ - เดิมทีใช้ได้เฉพาะบน Snapdragon X แต่ตอนนี้เตรียมเปิดตัวให้กับ AMD และ Intel PCs ✅ Cocreator—ช่วยสร้างงานศิลปะใน Paint - ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจาก ข้อความ (text prompt) หรือให้ AI ปรับแต่งภาพที่วาดเอง - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน AMD และ Intel PCs ที่มี NPU ✅ Restyle Image และ Image Creator ในแอป Photos - Restyle Image เป็นฟีเจอร์ปรับแต่งภาพให้เป็นสไตล์ศิลปะ เช่น ภาพสเก็ตช์หรือสีน้ำมัน - Image Creator ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจากคำสั่งข้อความได้โดยตรง ✅ ต้องอัปเดต Windows 11 และเปิดใช้งานการอัปเดตล่าสุด - ผู้ใช้ต้องติดตั้ง March non-security preview update - ต้องเปิดตัวเลือก Get the latest updates as soon as they’re available ใน Settings ✅ ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Voice Access จะเปิดตัวภายในปีนี้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สั่งงาน Windows ผ่านเสียงได้ดีขึ้น - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน Snapdragon X และจะมาใน AMD และ Intel PCs ช่วงปลายปี https://www.tomshardware.com/software/windows/snapdragon-x-exclusive-copilot-features-begin-trickling-through-to-modern-x86-windows-11-pcs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Snapdragon X exclusive Copilot+ features begin trickling through to modern x86 Windows 11 PCs
    AMD Ryzen AI 300 series and Intel Core Ultra 200V PCs are getting Live Captions, Cocreator, Restyle Image, and Image Creator.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังทดสอบ Quick Machine Recovery ซึ่งช่วยให้ IT ทีมสามารถกู้คืน Windows 11 ที่บูตไม่ได้จากระยะไกล ฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบ CrowdStrike ปีที่แล้ว ที่ทำให้เครื่องนับล้านพบ BSOD ฟีเจอร์จะทำให้เครื่องบูตเข้าสู่ Windows Recovery Environment เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และส่งข้อมูลไปยัง Microsoft เพื่อรับแพตช์แก้ไขโดยอัตโนมัติ

    ✅ ฟีเจอร์นี้ทำงานอย่างไร?
    - หากอุปกรณ์ บูตไม่ขึ้น ระบบจะเข้าสู่ Windows Recovery Environment (Windows RE) โดยอัตโนมัติ
    - อุปกรณ์จะเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน Wi-Fi หรือ Ethernet และส่งข้อมูลวิเคราะห์ความผิดพลาดไปยัง Microsoft
    - Microsoft ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อระบุปัญหาที่เกิดขึ้น และพัฒนา แพตช์แก้ไข ซึ่งจะถูกส่งผ่าน Windows Update ไปยังอุปกรณ์ทั้งหมด

    ✅ เปรียบเทียบกับกรณี CrowdStrike ปีที่แล้ว
    - ใน กรกฎาคม 2024 อัปเดตจาก CrowdStrike ทำให้เครื่อง Windows จำนวนมากพบ Blue Screen of Death (BSOD)
    - IT ทีมต้องเดินทางไปยังแต่ละเครื่องเพื่อแก้ไขปัญหา
    - Quick Machine Recovery จะช่วยให้ การแก้ไขสามารถทำได้จากระยะไกล และลดภาระงานของ IT ทีม

    ✅ ใครสามารถใช้ฟีเจอร์นี้?
    - ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดย ค่าเริ่มต้น ใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 Insider Preview
    - ผู้ใช้ Windows Pro และ Enterprise สามารถ ปรับแต่งการตั้งค่า ผ่าน Command Prompt หรือ RemoteRemediation CSP
    - ผู้ดูแลระบบสามารถ ตั้งค่าเครือข่ายล่วงหน้า และกำหนดระยะเวลาการสแกน (แนะนำทุก 30 นาที) รวมถึงระยะเวลาการหมดเวลา (Timeout) (72 ชั่วโมง)

    ✅ อนาคตของระบบความปลอดภัยของ Windows
    - Microsoft วางแผน ยกเลิกการให้ Security Software เข้าถึง Kernel เพื่อป้องกันการโจมตีแบบลึก
    - Antivirus และ Security Tools จะต้อง ทำงานใน User Mode แทน

    https://www.techspot.com/news/107372-new-microsoft-feature-aims-prevent-crowdstrike-like-outages.html
    Microsoft กำลังทดสอบ Quick Machine Recovery ซึ่งช่วยให้ IT ทีมสามารถกู้คืน Windows 11 ที่บูตไม่ได้จากระยะไกล ฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบ CrowdStrike ปีที่แล้ว ที่ทำให้เครื่องนับล้านพบ BSOD ฟีเจอร์จะทำให้เครื่องบูตเข้าสู่ Windows Recovery Environment เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และส่งข้อมูลไปยัง Microsoft เพื่อรับแพตช์แก้ไขโดยอัตโนมัติ ✅ ฟีเจอร์นี้ทำงานอย่างไร? - หากอุปกรณ์ บูตไม่ขึ้น ระบบจะเข้าสู่ Windows Recovery Environment (Windows RE) โดยอัตโนมัติ - อุปกรณ์จะเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน Wi-Fi หรือ Ethernet และส่งข้อมูลวิเคราะห์ความผิดพลาดไปยัง Microsoft - Microsoft ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อระบุปัญหาที่เกิดขึ้น และพัฒนา แพตช์แก้ไข ซึ่งจะถูกส่งผ่าน Windows Update ไปยังอุปกรณ์ทั้งหมด ✅ เปรียบเทียบกับกรณี CrowdStrike ปีที่แล้ว - ใน กรกฎาคม 2024 อัปเดตจาก CrowdStrike ทำให้เครื่อง Windows จำนวนมากพบ Blue Screen of Death (BSOD) - IT ทีมต้องเดินทางไปยังแต่ละเครื่องเพื่อแก้ไขปัญหา - Quick Machine Recovery จะช่วยให้ การแก้ไขสามารถทำได้จากระยะไกล และลดภาระงานของ IT ทีม ✅ ใครสามารถใช้ฟีเจอร์นี้? - ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดย ค่าเริ่มต้น ใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 Insider Preview - ผู้ใช้ Windows Pro และ Enterprise สามารถ ปรับแต่งการตั้งค่า ผ่าน Command Prompt หรือ RemoteRemediation CSP - ผู้ดูแลระบบสามารถ ตั้งค่าเครือข่ายล่วงหน้า และกำหนดระยะเวลาการสแกน (แนะนำทุก 30 นาที) รวมถึงระยะเวลาการหมดเวลา (Timeout) (72 ชั่วโมง) ✅ อนาคตของระบบความปลอดภัยของ Windows - Microsoft วางแผน ยกเลิกการให้ Security Software เข้าถึง Kernel เพื่อป้องกันการโจมตีแบบลึก - Antivirus และ Security Tools จะต้อง ทำงานใน User Mode แทน https://www.techspot.com/news/107372-new-microsoft-feature-aims-prevent-crowdstrike-like-outages.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New Microsoft Windows recovery feature aims to prevent CrowdStrike-like outages
    The feature, part of Microsoft's Windows Resiliency Initiative, was first announced last year. It's now being tested as part of the latest Windows Insider Preview build –...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้แคลิฟอร์เนียมีสถานีชาร์จ EV มากกว่าปั๊มน้ำมันเป็นครั้งแรก! นี่เป็นก้าวสำคัญในการผลักดันรถยนต์พลังงานสะอาด และรัฐกำลังลงทุนอย่างหนักเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีทั้งสถานีชาร์จทั่วไปและแบบชาร์จเร็ว และยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนรายได้น้อยให้สามารถซื้อ EV ได้ง่ายขึ้น

    จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วแคลิฟอร์เนีย:
    - แคลิฟอร์เนียมี 178,549 สถานีชาร์จ EV แซงหน้าปั๊มน้ำมันที่มีประมาณ 120,000 หัวจ่าย
    - ในจำนวนนี้ 162,000 จุด เป็นแบบ Level 2 (สำหรับการชาร์จทั่วไป) และ 17,000 จุด เป็น Fast Charger ที่ชาร์จเร็ว

    - ความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริม EV:
    - หน่วยงานรัฐลงทุนกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ขยายเครือข่ายชาร์จ EV และไฮโดรเจน
    - มีโครงการ Fast Charge California Project ที่เร่งติดตั้งสถานีชาร์จเร็วในพื้นที่ธุรกิจและสาธารณะ
    - มีเงินช่วยเหลือให้ประชาชนรายได้น้อยเพื่อซื้อรถ EV

    ปัญหาที่ต้องแก้ไขในอนาคต:
    - รัฐกำลังเร่งกระบวนการอนุมัติและลดขั้นตอนด้านกฎหมายเพื่อให้การติดตั้งสถานีชาร์จง่ายขึ้น
    - มีแผนรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และปรับปรุงความน่าเชื่อถือของสถานีชาร์จ

    แนวโน้มตลาดรถ EV ในแคลิฟอร์เนีย:
    - ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ชาวแคลิฟอร์เนียซื้อรถ EV กว่า 108,000 คัน คิดเป็นกว่า 25% ของยอดขายรถใหม่ในรัฐ
    - รวมแล้วมีรถ EV กว่า 2 ล้านคัน ที่ถูกขายตั้งแต่เริ่มมีการนำมาใช้

    https://www.techspot.com/news/107367-ev-chargers-now-outnumber-gas-pumps-california-zero.html
    ตอนนี้แคลิฟอร์เนียมีสถานีชาร์จ EV มากกว่าปั๊มน้ำมันเป็นครั้งแรก! นี่เป็นก้าวสำคัญในการผลักดันรถยนต์พลังงานสะอาด และรัฐกำลังลงทุนอย่างหนักเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีทั้งสถานีชาร์จทั่วไปและแบบชาร์จเร็ว และยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนรายได้น้อยให้สามารถซื้อ EV ได้ง่ายขึ้น จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วแคลิฟอร์เนีย: - แคลิฟอร์เนียมี 178,549 สถานีชาร์จ EV แซงหน้าปั๊มน้ำมันที่มีประมาณ 120,000 หัวจ่าย - ในจำนวนนี้ 162,000 จุด เป็นแบบ Level 2 (สำหรับการชาร์จทั่วไป) และ 17,000 จุด เป็น Fast Charger ที่ชาร์จเร็ว - ความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริม EV: - หน่วยงานรัฐลงทุนกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ขยายเครือข่ายชาร์จ EV และไฮโดรเจน - มีโครงการ Fast Charge California Project ที่เร่งติดตั้งสถานีชาร์จเร็วในพื้นที่ธุรกิจและสาธารณะ - มีเงินช่วยเหลือให้ประชาชนรายได้น้อยเพื่อซื้อรถ EV ปัญหาที่ต้องแก้ไขในอนาคต: - รัฐกำลังเร่งกระบวนการอนุมัติและลดขั้นตอนด้านกฎหมายเพื่อให้การติดตั้งสถานีชาร์จง่ายขึ้น - มีแผนรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และปรับปรุงความน่าเชื่อถือของสถานีชาร์จ แนวโน้มตลาดรถ EV ในแคลิฟอร์เนีย: - ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ชาวแคลิฟอร์เนียซื้อรถ EV กว่า 108,000 คัน คิดเป็นกว่า 25% ของยอดขายรถใหม่ในรัฐ - รวมแล้วมีรถ EV กว่า 2 ล้านคัน ที่ถูกขายตั้งแต่เริ่มมีการนำมาใช้ https://www.techspot.com/news/107367-ev-chargers-now-outnumber-gas-pumps-california-zero.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    EV chargers now outnumber gas pumps in California
    The state has also made significant strides in building an expansive electric vehicle charging network. Governor Gavin Newsom recently announced that California now boasts 178,549 public and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌌 The silence was never empty.
    Sweet Nation: Father, mother, daughter & son —
    a family-born music project created not in tribute,
    but in continuation of a love that transcends loss.

    Listen to the first song:

    🕊 The Silent Beginning

    🔗 https://distrokid.com/hyperfollow/sweetnationfathermotherdaughterandson/the-silent-beginning?

    This is music for those who still feel connection
    —even after the world says goodbye.

    #SweetNation #NewMusic #TheSilentBeginning
    🌌 The silence was never empty. Sweet Nation: Father, mother, daughter & son — a family-born music project created not in tribute, but in continuation of a love that transcends loss. Listen to the first song: 🕊 The Silent Beginning 🔗 https://distrokid.com/hyperfollow/sweetnationfathermotherdaughterandson/the-silent-beginning? This is music for those who still feel connection —even after the world says goodbye. #SweetNation #NewMusic #TheSilentBeginning
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังหารือกับ Tyler และ Cameron Winklevoss เพื่อหาทางยุติคดีเกี่ยวกับ Gemini Earn ซึ่งเป็นโครงการให้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ SEC อ้างว่า ละเมิดข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลสำหรับนักลงทุน

    SEC ฟ้อง Gemini Trust และ Genesis Global Capital ในเดือนมกราคม 2023 โดยกล่าวหาว่าทั้งสองบริษัทให้ลูกค้ากู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin เพื่อรับดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านการกำกับดูแลทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Winklevoss และ SEC ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับการดำเนินคดีชั่วคราว 60 วัน เพื่อเจรจาหาข้อยุติ ซึ่งอาจเป็นการ ยอมความ, ถอนฟ้อง หรือทางออกอื่น

    Gemini Earn ทำงานอย่างไร?
    - ลูกค้าสามารถ ฝากเงินดิจิทัลและให้ Genesis กู้ยืม เพื่อสร้างรายได้จากดอกเบี้ย
    - Gemini จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุด 4.29% จากบริการนี้

    Genesis ล้มละลายหลัง FTX พังทลาย
    - Genesis หยุดถอนเงินในเดือนพฤศจิกายน 2022 ช่วงเดียวกับที่ FTX ล้มละลาย
    - มีสินทรัพย์มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ จากลูกค้าประมาณ 340,000 ราย ที่ถูกระงับ

    ผลกระทบต่อกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล
    - SEC ระบุว่า Gemini Earn ละเมิดข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลที่มีไว้เพื่อ ปกป้องนักลงทุน
    - Genesis ตกลงจ่ายค่าปรับ 21 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดี โดยไม่ยอมรับว่ากระทำผิด

    แนวโน้มการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเปลี่ยนแปลงหลังทรัมป์เป็นประธานาธิบดี
    - SEC ลดระดับการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปี 2025
    - หน่วยงานนี้เพิ่งถอนฟ้องบริษัทคริปโตหลายแห่ง เช่น Coinbase และ Kraken
    - มีข้อตกลงยุติคดีกับ Ripple Labs ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายโทเคนโดยไม่ได้ลงทะเบียน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/sec-billionaire-winklevoss-twins-may-resolve-lawsuit-over-gemini-earn
    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังหารือกับ Tyler และ Cameron Winklevoss เพื่อหาทางยุติคดีเกี่ยวกับ Gemini Earn ซึ่งเป็นโครงการให้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ SEC อ้างว่า ละเมิดข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลสำหรับนักลงทุน SEC ฟ้อง Gemini Trust และ Genesis Global Capital ในเดือนมกราคม 2023 โดยกล่าวหาว่าทั้งสองบริษัทให้ลูกค้ากู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin เพื่อรับดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านการกำกับดูแลทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Winklevoss และ SEC ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับการดำเนินคดีชั่วคราว 60 วัน เพื่อเจรจาหาข้อยุติ ซึ่งอาจเป็นการ ยอมความ, ถอนฟ้อง หรือทางออกอื่น Gemini Earn ทำงานอย่างไร? - ลูกค้าสามารถ ฝากเงินดิจิทัลและให้ Genesis กู้ยืม เพื่อสร้างรายได้จากดอกเบี้ย - Gemini จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุด 4.29% จากบริการนี้ Genesis ล้มละลายหลัง FTX พังทลาย - Genesis หยุดถอนเงินในเดือนพฤศจิกายน 2022 ช่วงเดียวกับที่ FTX ล้มละลาย - มีสินทรัพย์มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ จากลูกค้าประมาณ 340,000 ราย ที่ถูกระงับ ผลกระทบต่อกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล - SEC ระบุว่า Gemini Earn ละเมิดข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลที่มีไว้เพื่อ ปกป้องนักลงทุน - Genesis ตกลงจ่ายค่าปรับ 21 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดี โดยไม่ยอมรับว่ากระทำผิด แนวโน้มการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเปลี่ยนแปลงหลังทรัมป์เป็นประธานาธิบดี - SEC ลดระดับการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปี 2025 - หน่วยงานนี้เพิ่งถอนฟ้องบริษัทคริปโตหลายแห่ง เช่น Coinbase และ Kraken - มีข้อตกลงยุติคดีกับ Ripple Labs ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายโทเคนโดยไม่ได้ลงทะเบียน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/sec-billionaire-winklevoss-twins-may-resolve-lawsuit-over-gemini-earn
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SEC, billionaire Winklevoss twins may resolve lawsuit over Gemini Earn
    NEW YORK (Reuters) - An exchange run by billionaire twins Tyler and Cameron Winklevoss may soon resolve a U.S. Securities and Exchange Commission lawsuit claiming they failed to register a cryptocurrency asset lending program before offering it to retail investors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบ Meta เกี่ยวกับความพยายามเข้าสู่ตลาดจีน โดยมุ่งเน้นข้อกล่าวหาว่า Meta อาจพัฒนาเครื่องมือเซ็นเซอร์ข้อมูลตามข้อกำหนดของรัฐบาลจีน วุฒิสมาชิกเรียกร้องให้ Meta เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมกับเจ้าหน้าที่จีนตั้งแต่ปี 2014 เพื่อประเมินว่ามีผลกระทบต่อเสรีภาพบนโลกออนไลน์หรือไม่

    ข้อกล่าวหาว่า Meta สร้างเครื่องมือเซ็นเซอร์ข้อมูล
    - วุฒิสมาชิก Ron Johnson, Richard Blumenthal และ Josh Hawley ส่งจดหมายถึง Mark Zuckerberg ขอให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนตั้งแต่ปี 2014
    - มีข้อสงสัยว่า Meta พยายามออกแบบระบบที่ช่วยปิดกั้นเนื้อหาที่จีนไม่ต้องการให้เผยแพร่

    Meta กับตลาดจีน—โอกาสและข้อจำกัด
    - แม้ว่า Facebook และ Instagram ถูกบล็อกในจีน Meta ยังสนใจเปิดตลาดในประเทศนี้โดยอาจร่วมมือกับบริษัทจีนหรือปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องกับข้อกำหนดท้องถิ่น
    - อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบของจีนเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตยังเข้มงวด และมีกฎหมายที่บังคับให้แพลตฟอร์มต่างชาติต้องควบคุมเนื้อหา

    สหรัฐฯ กังวลเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์และข้อมูลผู้ใช้
    - การตรวจสอบครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า Meta อาจต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ เพื่อให้ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีน
    - วุฒิสภากำลังพิจารณาว่า Meta ดำเนินการใดบ้างที่อาจกระทบต่อ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ผลกระทบต่อ Meta และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - หาก Meta ถูกพบว่ามีการพัฒนาเครื่องมือเซ็นเซอร์จริง อาจเกิดแรงกดดันจากสหรัฐฯ และอาจกระทบต่อความไว้วางใจของผู้ใช้
    - การตรวจสอบครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง ควบคุมบริษัทเทคโนโลยีที่อาจมีความสัมพันธ์กับจีน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/us-senate-committee-reviews-meta-efforts-to-gain-access-to-chinese-market
    วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบ Meta เกี่ยวกับความพยายามเข้าสู่ตลาดจีน โดยมุ่งเน้นข้อกล่าวหาว่า Meta อาจพัฒนาเครื่องมือเซ็นเซอร์ข้อมูลตามข้อกำหนดของรัฐบาลจีน วุฒิสมาชิกเรียกร้องให้ Meta เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมกับเจ้าหน้าที่จีนตั้งแต่ปี 2014 เพื่อประเมินว่ามีผลกระทบต่อเสรีภาพบนโลกออนไลน์หรือไม่ ข้อกล่าวหาว่า Meta สร้างเครื่องมือเซ็นเซอร์ข้อมูล - วุฒิสมาชิก Ron Johnson, Richard Blumenthal และ Josh Hawley ส่งจดหมายถึง Mark Zuckerberg ขอให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนตั้งแต่ปี 2014 - มีข้อสงสัยว่า Meta พยายามออกแบบระบบที่ช่วยปิดกั้นเนื้อหาที่จีนไม่ต้องการให้เผยแพร่ Meta กับตลาดจีน—โอกาสและข้อจำกัด - แม้ว่า Facebook และ Instagram ถูกบล็อกในจีน Meta ยังสนใจเปิดตลาดในประเทศนี้โดยอาจร่วมมือกับบริษัทจีนหรือปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องกับข้อกำหนดท้องถิ่น - อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบของจีนเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตยังเข้มงวด และมีกฎหมายที่บังคับให้แพลตฟอร์มต่างชาติต้องควบคุมเนื้อหา สหรัฐฯ กังวลเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์และข้อมูลผู้ใช้ - การตรวจสอบครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า Meta อาจต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ เพื่อให้ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีน - วุฒิสภากำลังพิจารณาว่า Meta ดำเนินการใดบ้างที่อาจกระทบต่อ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ผลกระทบต่อ Meta และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - หาก Meta ถูกพบว่ามีการพัฒนาเครื่องมือเซ็นเซอร์จริง อาจเกิดแรงกดดันจากสหรัฐฯ และอาจกระทบต่อความไว้วางใจของผู้ใช้ - การตรวจสอบครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง ควบคุมบริษัทเทคโนโลยีที่อาจมีความสัมพันธ์กับจีน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/us-senate-committee-reviews-meta-efforts-to-gain-access-to-chinese-market
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US Senate committee reviews Meta efforts to gain access to Chinese market
    WASHINGTON (Reuters) - A U.S. Senate investigative subcommittee on Tuesday is opening a review into Facebook-parent Meta Platforms' efforts to gain access to the Chinese market and is seeking documents from the company.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปิดการใช้งาน uBlock Origin บน Chrome เนื่องจากการลบ Manifest V2 แต่ยังมีวิธีเปิดใช้งานและติดตั้งใหม่ เช่น ปรับแต่งโค้ดจาก Chrome Web Store หรือดาวน์โหลดจาก GitHub ขณะที่ Microsoft Edge ยังคงรองรับอยู่ แต่มีแนวโน้มว่าจะค่อย ๆ ลบออกในอนาคต ผู้ใช้บางส่วนอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ Firefox หรือ uBlock Origin Lite แทน

    การเปิดใช้งาน uBlock Origin ที่ถูกปิดไป
    - ไปที่ chrome://extensions
    - ค้นหา uBlock Origin ในรายการส่วนขยายที่ติดตั้งแล้ว
    - กดเปิดใช้งานที่ปุ่มเล็ก ๆ ด้านล่างขวาของส่วนขยาย แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งว่า "ถูกปิดใช้งาน"

    วิธีติดตั้ง uBlock Origin ใน Chrome แม้ว่า Google จะบล็อกการดาวน์โหลด
    - วิธีที่ 1 (ปรับแต่งจาก Chrome Web Store)
    ->> ไปที่ Chrome Web Store และค้นหา uBlock Origin
    ->> ปุ่ม "Add to Chrome" จะถูกปิดใช้งาน
    ->> คลิกขวาที่ปุ่มและเลือก Inspect
    ->> ค้นหาคำว่า "disabled" ในโค้ด และเปลี่ยนเป็น "enabled"
    ->> กดปุ่มเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง

    - วิธีที่ 2 (ติดตั้งด้วย GitHub)
    ->> ดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดจาก GitHub Repository ของ uBlock Origin
    ->> เปิด chrome://extensions และเปิดโหมดนักพัฒนา (Developer mode)
    ->> กด Load unpacked และเลือกโฟลเดอร์ที่แตกไฟล์ไว้
    ->> ส่วนขยายจะปรากฏใน Chrome แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาด

    การเปลี่ยนแปลงของ Microsoft Edge
    - Microsoft Edge ยังคงเปิดให้เปิดใช้งาน uBlock Origin แม้ว่ากำลังทยอยลบ Manifest V2 ออกไป
    - ผู้ใช้ Edge อาจต้องเตรียมหาวิธีอื่นในอนาคต

    ทางเลือกหาก Manifest V2 ถูกบล็อกทั้งหมด
    - Firefox ยืนยันว่าจะยังรองรับส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2
    - uBlock Origin Lite เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับ Chrome และ Edge

    https://www.neowin.net/guides/google-turned-off-ublock-in-chrome-but-you-can-still-enable-it-here-is-how/
    Google ปิดการใช้งาน uBlock Origin บน Chrome เนื่องจากการลบ Manifest V2 แต่ยังมีวิธีเปิดใช้งานและติดตั้งใหม่ เช่น ปรับแต่งโค้ดจาก Chrome Web Store หรือดาวน์โหลดจาก GitHub ขณะที่ Microsoft Edge ยังคงรองรับอยู่ แต่มีแนวโน้มว่าจะค่อย ๆ ลบออกในอนาคต ผู้ใช้บางส่วนอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ Firefox หรือ uBlock Origin Lite แทน การเปิดใช้งาน uBlock Origin ที่ถูกปิดไป - ไปที่ chrome://extensions - ค้นหา uBlock Origin ในรายการส่วนขยายที่ติดตั้งแล้ว - กดเปิดใช้งานที่ปุ่มเล็ก ๆ ด้านล่างขวาของส่วนขยาย แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งว่า "ถูกปิดใช้งาน" วิธีติดตั้ง uBlock Origin ใน Chrome แม้ว่า Google จะบล็อกการดาวน์โหลด - วิธีที่ 1 (ปรับแต่งจาก Chrome Web Store) ->> ไปที่ Chrome Web Store และค้นหา uBlock Origin ->> ปุ่ม "Add to Chrome" จะถูกปิดใช้งาน ->> คลิกขวาที่ปุ่มและเลือก Inspect ->> ค้นหาคำว่า "disabled" ในโค้ด และเปลี่ยนเป็น "enabled" ->> กดปุ่มเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง - วิธีที่ 2 (ติดตั้งด้วย GitHub) ->> ดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดจาก GitHub Repository ของ uBlock Origin ->> เปิด chrome://extensions และเปิดโหมดนักพัฒนา (Developer mode) ->> กด Load unpacked และเลือกโฟลเดอร์ที่แตกไฟล์ไว้ ->> ส่วนขยายจะปรากฏใน Chrome แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาด การเปลี่ยนแปลงของ Microsoft Edge - Microsoft Edge ยังคงเปิดให้เปิดใช้งาน uBlock Origin แม้ว่ากำลังทยอยลบ Manifest V2 ออกไป - ผู้ใช้ Edge อาจต้องเตรียมหาวิธีอื่นในอนาคต ทางเลือกหาก Manifest V2 ถูกบล็อกทั้งหมด - Firefox ยืนยันว่าจะยังรองรับส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2 - uBlock Origin Lite เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับ Chrome และ Edge https://www.neowin.net/guides/google-turned-off-ublock-in-chrome-but-you-can-still-enable-it-here-is-how/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google turned off uBlock in Chrome, but you can still enable it, here is how
    Google recently disabled uBlock Origin and other MV2-based extensions in Chrome, but a simple trick lets you enable them again.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reuters รายงานว่า Arm เคยสนใจเข้าซื้อ Alphawave บริษัทด้านเทคโนโลยี SerDes (serializer-deserializer) จากสหราชอาณาจักร แต่สุดท้ายได้ถอนตัวจากดีลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Arm สนใจ Alphawave คือ เทคโนโลยี SerDes ขั้นสูงที่ช่วยให้การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Arm ยังไม่มีเทคโนโลยีในระดับเดียวกัน

    SerDes มีความสำคัญมากขึ้นในยุค AI
    - เทคโนโลยีนี้ใช้ในการแปลงข้อมูลจากรูปแบบ parallel ไปเป็น serial และกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับระบบที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง
    - AI เช่น ChatGPT และ Gemini ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากในการให้บริการ ทำให้ SerDes เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการประมวลผล

    Broadcom เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้
    - Broadcom มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ OpenAI ซึ่งใช้ SerDes สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล

    Alphawave มีมูลค่าตลาดกว่า 913 ล้านดอลลาร์
    - แม้ว่าดีลกับ Arm จะล่มลง Alphawave กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการซื้อกิจการ

    ปัญหาความมั่นคงทางเทคโนโลยีเป็นสาเหตุที่ Arm ถอนตัว
    - Alphawave มีบริษัทร่วมทุนในจีนชื่อ WiseWave ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Wise Road Capital ที่ติดบัญชีดำด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
    - Arm เคยประสบปัญหาด้านความสัมพันธ์กับจีนตอนเข้าตลาดหุ้น (IPO) ปี 2023 จึงอาจไม่ต้องการเผชิญปัญหาแบบเดิมจากการเข้าซื้อ Alphawave

    https://www.neowin.net/news/serdes-technologys-strategic-value-revealed-as-arms-acquisition-falls-through/
    Reuters รายงานว่า Arm เคยสนใจเข้าซื้อ Alphawave บริษัทด้านเทคโนโลยี SerDes (serializer-deserializer) จากสหราชอาณาจักร แต่สุดท้ายได้ถอนตัวจากดีลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Arm สนใจ Alphawave คือ เทคโนโลยี SerDes ขั้นสูงที่ช่วยให้การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Arm ยังไม่มีเทคโนโลยีในระดับเดียวกัน SerDes มีความสำคัญมากขึ้นในยุค AI - เทคโนโลยีนี้ใช้ในการแปลงข้อมูลจากรูปแบบ parallel ไปเป็น serial และกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับระบบที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง - AI เช่น ChatGPT และ Gemini ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากในการให้บริการ ทำให้ SerDes เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการประมวลผล Broadcom เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้ - Broadcom มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ OpenAI ซึ่งใช้ SerDes สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล Alphawave มีมูลค่าตลาดกว่า 913 ล้านดอลลาร์ - แม้ว่าดีลกับ Arm จะล่มลง Alphawave กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการซื้อกิจการ ปัญหาความมั่นคงทางเทคโนโลยีเป็นสาเหตุที่ Arm ถอนตัว - Alphawave มีบริษัทร่วมทุนในจีนชื่อ WiseWave ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Wise Road Capital ที่ติดบัญชีดำด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ - Arm เคยประสบปัญหาด้านความสัมพันธ์กับจีนตอนเข้าตลาดหุ้น (IPO) ปี 2023 จึงอาจไม่ต้องการเผชิญปัญหาแบบเดิมจากการเข้าซื้อ Alphawave https://www.neowin.net/news/serdes-technologys-strategic-value-revealed-as-arms-acquisition-falls-through/
    WWW.NEOWIN.NET
    SerDes technology's strategic value revealed as Arm's acquisition falls through
    AI hype is driving a need for faster data transfers, making SerDes an important technology. Arm tried to acquire a leading firm in this field but the deal collapsed for this reason.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • Firefox อัปเดตเวอร์ชัน 137.0 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น Tab Groups ที่ช่วยจัดระเบียบแท็บ แถบที่อยู่แบบใหม่ ที่ค้นหาได้สะดวกขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การเซ็นเอกสาร PDF และใช้แถบที่อยู่เป็นเครื่องคิดเลข ที่สำคัญคือ รองรับ HEVC บน Linux ทำให้การเล่นวิดีโอบนระบบนี้ดีขึ้นกว่าเดิม

    Tab Groups—การจัดระเบียบแท็บที่ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถสร้างกลุ่มแท็บได้ง่าย ๆ โดยลากแท็บหนึ่งไปวางบนอีกแท็บเพื่อสร้างกลุ่ม
    - กลุ่มแท็บสามารถตั้งชื่อและกำหนดสีได้ และจะถูกบันทึกไว้แม้ปิดเบราว์เซอร์

    Firefox Address Bar Refresh 2025
    - ปรับปรุงแถบที่อยู่ให้ค้นหาข้อมูลได้แม่นยำขึ้น เช่น ค้นหาข้อมูลเก่าที่เคยดู
    - เพิ่ม Unified Search Button เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้น
    - รองรับ Contextual Search Mode ที่ช่วยค้นหาข้อมูลจากเว็บที่กำลังเปิดอยู่

    ฟีเจอร์ใหม่ในการใช้งานเอกสารและคำนวณ
    - Firefox สามารถ เซ็น PDF โดยตรง และบันทึกลายเซ็นเพื่อใช้ในอนาคต
    - เปลี่ยนลิงก์ใน PDF ให้เป็นไฮเปอร์ลิงก์โดยอัตโนมัติ
    - สามารถใช้แถบที่อยู่เป็น เครื่องคิดเลข ได้ เพียงพิมพ์สูตรคณิตศาสตร์ แล้ว Firefox จะคำนวณให้ทันที

    รองรับ HEVC บน Linux
    - ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นวิดีโอ HEVC (H.265) บน Firefox ได้แล้ว ซึ่งช่วยให้วิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นและใช้แบนด์วิดท์น้อยลง

    https://www.neowin.net/news/firefox-gets-big-update-with-tab-groups-improved-address-bar-hevc-for-linux-and-more/
    Firefox อัปเดตเวอร์ชัน 137.0 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น Tab Groups ที่ช่วยจัดระเบียบแท็บ แถบที่อยู่แบบใหม่ ที่ค้นหาได้สะดวกขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การเซ็นเอกสาร PDF และใช้แถบที่อยู่เป็นเครื่องคิดเลข ที่สำคัญคือ รองรับ HEVC บน Linux ทำให้การเล่นวิดีโอบนระบบนี้ดีขึ้นกว่าเดิม Tab Groups—การจัดระเบียบแท็บที่ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถสร้างกลุ่มแท็บได้ง่าย ๆ โดยลากแท็บหนึ่งไปวางบนอีกแท็บเพื่อสร้างกลุ่ม - กลุ่มแท็บสามารถตั้งชื่อและกำหนดสีได้ และจะถูกบันทึกไว้แม้ปิดเบราว์เซอร์ Firefox Address Bar Refresh 2025 - ปรับปรุงแถบที่อยู่ให้ค้นหาข้อมูลได้แม่นยำขึ้น เช่น ค้นหาข้อมูลเก่าที่เคยดู - เพิ่ม Unified Search Button เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้น - รองรับ Contextual Search Mode ที่ช่วยค้นหาข้อมูลจากเว็บที่กำลังเปิดอยู่ ฟีเจอร์ใหม่ในการใช้งานเอกสารและคำนวณ - Firefox สามารถ เซ็น PDF โดยตรง และบันทึกลายเซ็นเพื่อใช้ในอนาคต - เปลี่ยนลิงก์ใน PDF ให้เป็นไฮเปอร์ลิงก์โดยอัตโนมัติ - สามารถใช้แถบที่อยู่เป็น เครื่องคิดเลข ได้ เพียงพิมพ์สูตรคณิตศาสตร์ แล้ว Firefox จะคำนวณให้ทันที รองรับ HEVC บน Linux - ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นวิดีโอ HEVC (H.265) บน Firefox ได้แล้ว ซึ่งช่วยให้วิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นและใช้แบนด์วิดท์น้อยลง https://www.neowin.net/news/firefox-gets-big-update-with-tab-groups-improved-address-bar-hevc-for-linux-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox gets big update with tab groups, improved address bar, HEVC for Linux, and more
    Mozilla has released a big update for Firefox. Version 137 is here with tab groups, an updated address bar, some good news for Linux users, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้

    == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft==
    1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11
    - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11
    - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout)

    2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout
    - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip)
    - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา

    3. เปิด Developer Console
    - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console
    - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ

    4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account
    - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console:
    ==================================
    WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY")
    ==================================
    - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive)
    - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง

    5. ออกจาก Developer Console
    - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง
    - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE

    6. ตั้งค่าบัญชี Local
    - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช
    - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10
    - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย
    - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ

    7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง
    - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ
    - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที
    - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ

    https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้ == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft== 1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11 - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11 - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout) 2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip) - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา 3. เปิด Developer Console - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ 4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console: ================================== WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY") ================================== - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive) - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง 5. ออกจาก Developer Console - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE 6. ตั้งค่าบัญชี Local - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10 - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ 7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    WWW.NEOWIN.NET
    Forget BYPASSNRO, a new internet/account bypass during Windows 11 installs already exists
    While Microsoft is bloacking the popular BYPASSNRO method of bypassing the internet and MSA requirements, a new way to do so had already existed but flew under the radar.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความจาก TechPowerUp อธิบายถึง DDR5 CUDIMM เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยปรับปรุงสัญญาณนาฬิกา ลดสัญญาณรบกวน และทำให้ระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น เทคโนโลยี Client Clock Driver (CKD) ช่วยให้ DDR5 สามารถทำงานที่ความเร็วสูง โดยมีสัญญาณที่แม่นยำมากขึ้น อนาคตของหน่วยความจำ DDR5 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel และ AMD

    CKD ช่วยแก้ปัญหาสัญญาณนาฬิกา
    - ปกติหน่วยความจำรับสัญญาณนาฬิกาจาก CPU แต่ใน DDR5 CUDIMM มี CKD ช่วยลดสัญญาณรบกวนและเพิ่มเสถียรภาพ
    - ลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจาก ความร้อน, แรงดันไฟ และคลื่นสัญญาณรบกวน

    ความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
    - DDR5 เริ่มต้นที่ DDR5-2133 แต่ปัจจุบัน JEDEC อัปเดตมาตรฐานเป็น DDR5-8800
    - หน่วยความจำ DDR5 ที่ใช้ CKD สามารถรักษาสัญญาณนาฬิกาให้คงที่ แม้ในความเร็วสูง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการใช้ในอนาคต
    - Intel และ AMD กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มที่รองรับ DDR5 เท่านั้น ซึ่งจะช่วยผลักดันมาตรฐานนี้ให้แพร่หลายมากขึ้น
    - CUDIMM DDR5 เหมาะสำหรับการใช้งานใน เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน และเกมมิ่งพีซีระดับสูง

    แนวโน้มการพัฒนาในอนาคต
    - หน่วยความจำในอนาคตอาจเพิ่มความเร็วเป็น DDR5-10,000 พร้อมปรับปรุงสถาปัตยกรรม ให้ลดการใช้พลังงานและเพิ่มเสถียรภาพ

    https://www.techpowerup.com/review/cudimm-memory-ddr5-explained-performance-benchmark/4.html
    บทความจาก TechPowerUp อธิบายถึง DDR5 CUDIMM เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยปรับปรุงสัญญาณนาฬิกา ลดสัญญาณรบกวน และทำให้ระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น เทคโนโลยี Client Clock Driver (CKD) ช่วยให้ DDR5 สามารถทำงานที่ความเร็วสูง โดยมีสัญญาณที่แม่นยำมากขึ้น อนาคตของหน่วยความจำ DDR5 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel และ AMD CKD ช่วยแก้ปัญหาสัญญาณนาฬิกา - ปกติหน่วยความจำรับสัญญาณนาฬิกาจาก CPU แต่ใน DDR5 CUDIMM มี CKD ช่วยลดสัญญาณรบกวนและเพิ่มเสถียรภาพ - ลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจาก ความร้อน, แรงดันไฟ และคลื่นสัญญาณรบกวน ความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง - DDR5 เริ่มต้นที่ DDR5-2133 แต่ปัจจุบัน JEDEC อัปเดตมาตรฐานเป็น DDR5-8800 - หน่วยความจำ DDR5 ที่ใช้ CKD สามารถรักษาสัญญาณนาฬิกาให้คงที่ แม้ในความเร็วสูง ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการใช้ในอนาคต - Intel และ AMD กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มที่รองรับ DDR5 เท่านั้น ซึ่งจะช่วยผลักดันมาตรฐานนี้ให้แพร่หลายมากขึ้น - CUDIMM DDR5 เหมาะสำหรับการใช้งานใน เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน และเกมมิ่งพีซีระดับสูง แนวโน้มการพัฒนาในอนาคต - หน่วยความจำในอนาคตอาจเพิ่มความเร็วเป็น DDR5-10,000 พร้อมปรับปรุงสถาปัตยกรรม ให้ลดการใช้พลังงานและเพิ่มเสถียรภาพ https://www.techpowerup.com/review/cudimm-memory-ddr5-explained-performance-benchmark/4.html
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    DDR5 CUDIMM Explained & Benched - The New Memory Standard
    Unlock the potential of cutting-edge DDR5 memory technology with Clocked Unbuffered DIMM (CUDIMM)! Follow along as we explore how this innovative solution is redefining performance for gamers and professionals alike.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Nulls Brawl APK Download v60.420 Update April 2025
    Nulls Brawl is a privately hosted modified game of Brawl Stars, the publisher of the original game "Brawl Stars" is Supercell. The same developer who
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Plugable เปิดตัวอะแดปเตอร์ USB-C ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อจอ 4K ได้สูงสุด 4 จอ และรองรับจอเสมือน 8K ผ่าน DisplayLink DL-7400 อุปกรณ์นี้สามารถจ่ายไฟให้เครื่องถึง 90W และช่วยขยายการใช้งานจอภาพสำหรับทั้ง Windows และ Mac โดยเฉพาะ MacBook M4 ที่มีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อจอหลายจอ

    รองรับจอเสมือน 8K ผ่าน USB-C
    - นอกจากจอ 4K ได้สูงสุด 4 จอ อะแดปเตอร์ยังสามารถสร้าง จอเสมือน 8K เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำงานให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูง

    เทคโนโลยีการจ่ายไฟแบบ Pass-Through
    - รองรับ Power Delivery สูงสุด 100W และสามารถ จ่ายไฟให้กับเครื่องในระดับ 90W โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์แยก

    เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด
    - อะแดปเตอร์ส่วนใหญ่รองรับเพียง 1080p หรือจอภาพจำนวนจำกัด ขณะที่ USBC-7400H4 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ขยายพื้นที่หน้าจอเกินกว่าที่แล็ปท็อปทั่วไปรองรับ

    ราคาและการวางจำหน่าย
    - วางจำหน่ายแล้วบน Plugable และ Amazon ในราคา $124.95 พร้อมส่วนลดเปิดตัว 10%

    https://www.techradar.com/pro/i-cant-believe-you-can-connect-up-to-four-4k-monitors-to-almost-any-laptop-and-it-is-even-compatible-with-mac
    Plugable เปิดตัวอะแดปเตอร์ USB-C ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อจอ 4K ได้สูงสุด 4 จอ และรองรับจอเสมือน 8K ผ่าน DisplayLink DL-7400 อุปกรณ์นี้สามารถจ่ายไฟให้เครื่องถึง 90W และช่วยขยายการใช้งานจอภาพสำหรับทั้ง Windows และ Mac โดยเฉพาะ MacBook M4 ที่มีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อจอหลายจอ รองรับจอเสมือน 8K ผ่าน USB-C - นอกจากจอ 4K ได้สูงสุด 4 จอ อะแดปเตอร์ยังสามารถสร้าง จอเสมือน 8K เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำงานให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูง เทคโนโลยีการจ่ายไฟแบบ Pass-Through - รองรับ Power Delivery สูงสุด 100W และสามารถ จ่ายไฟให้กับเครื่องในระดับ 90W โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์แยก เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด - อะแดปเตอร์ส่วนใหญ่รองรับเพียง 1080p หรือจอภาพจำนวนจำกัด ขณะที่ USBC-7400H4 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ขยายพื้นที่หน้าจอเกินกว่าที่แล็ปท็อปทั่วไปรองรับ ราคาและการวางจำหน่าย - วางจำหน่ายแล้วบน Plugable และ Amazon ในราคา $124.95 พร้อมส่วนลดเปิดตัว 10% https://www.techradar.com/pro/i-cant-believe-you-can-connect-up-to-four-4k-monitors-to-almost-any-laptop-and-it-is-even-compatible-with-mac
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้งาน Nvidia RTX 40-series ยังคงเผชิญกับปัญหาความเสถียรของระบบ เช่น หน้าจอฟ้า (BSOD), ระบบค้าง และบั๊กที่กระทบต่อเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอัปเดตเป็นไดรเวอร์ 572.xx ซึ่งเน้นการปรับปรุงสำหรับ RTX 50-series แต่กลับสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ RTX รุ่นเก่า

    ล่าสุดนักพัฒนาเกมจากหลายค่ายออกคำเตือนว่า ไดรเวอร์ 572.xx อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเกม เช่น inZOI และ The First Berserker: Khazan โดยพบอาการ กระตุกและเฟรมเรตลดลง นักพัฒนาเหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้ย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์ 566.36 ที่ออกในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อแก้ปัญหาความเสถียร

    ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ RTX 40-series มีแนวโน้มเกิดจากไดรเวอร์
    - นอกจากปัญหาที่พบหลังอัปเดต 572.xx ยังมีรายงาน ระบบแครชแบบสุ่ม, BSOD และหน้าจอค้าง ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกิดจากการปรับแต่งไดรเวอร์เพื่อรองรับ RTX 50-series

    ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนากำลังจับตาดู Nvidia
    - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรั่มต่าง ๆ พูดถึงปัญหานี้เป็นวงกว้าง ขณะที่ Nvidia ยังไม่ได้ออกมายอมรับว่าไดรเวอร์ใหม่มีปัญหาอย่างเป็นทางการ

    แนวทางแก้ไขเบื้องต้น
    - ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแก้ไขโดย ติดตั้งไดรเวอร์เก่าผ่าน Nvidia’s official website และรอการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ที่อาจแก้ไขปัญหานี้

    อนาคตของการปรับปรุงไดรเวอร์
    - ยังต้องรอดูว่า Nvidia จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสำหรับ RTX รุ่นก่อน หรือมุ่งเน้นการพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ RTX 50-series เป็นหลัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/game-developers-urge-nvidia-rtx-30-and-40-series-owners-rollback-to-december-2024-driver-after-recent-rtx-50-centric-release-issues
    ผู้ใช้งาน Nvidia RTX 40-series ยังคงเผชิญกับปัญหาความเสถียรของระบบ เช่น หน้าจอฟ้า (BSOD), ระบบค้าง และบั๊กที่กระทบต่อเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอัปเดตเป็นไดรเวอร์ 572.xx ซึ่งเน้นการปรับปรุงสำหรับ RTX 50-series แต่กลับสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ RTX รุ่นเก่า ล่าสุดนักพัฒนาเกมจากหลายค่ายออกคำเตือนว่า ไดรเวอร์ 572.xx อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเกม เช่น inZOI และ The First Berserker: Khazan โดยพบอาการ กระตุกและเฟรมเรตลดลง นักพัฒนาเหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้ย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์ 566.36 ที่ออกในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อแก้ปัญหาความเสถียร ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ RTX 40-series มีแนวโน้มเกิดจากไดรเวอร์ - นอกจากปัญหาที่พบหลังอัปเดต 572.xx ยังมีรายงาน ระบบแครชแบบสุ่ม, BSOD และหน้าจอค้าง ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกิดจากการปรับแต่งไดรเวอร์เพื่อรองรับ RTX 50-series ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนากำลังจับตาดู Nvidia - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรั่มต่าง ๆ พูดถึงปัญหานี้เป็นวงกว้าง ขณะที่ Nvidia ยังไม่ได้ออกมายอมรับว่าไดรเวอร์ใหม่มีปัญหาอย่างเป็นทางการ แนวทางแก้ไขเบื้องต้น - ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแก้ไขโดย ติดตั้งไดรเวอร์เก่าผ่าน Nvidia’s official website และรอการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ที่อาจแก้ไขปัญหานี้ อนาคตของการปรับปรุงไดรเวอร์ - ยังต้องรอดูว่า Nvidia จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสำหรับ RTX รุ่นก่อน หรือมุ่งเน้นการพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ RTX 50-series เป็นหลัก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/game-developers-urge-nvidia-rtx-30-and-40-series-owners-rollback-to-december-2024-driver-after-recent-rtx-50-centric-release-issues
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เปิดตัว Gemini 2.5 Pro AI ซึ่งเป็นโมเดลที่ฉลาดขึ้นและทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบ AI ระดับสูง ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถคิดเชิงเหตุผลและเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น

    ความก้าวหน้าในการทดสอบ
    - Gemini 2.5 Pro ทำคะแนนได้ 18.8% บน HLE ซึ่งสูงกว่าคู่แข่ง (o3 mini ได้ 14% และ Claude 3.7 Sonnet ได้ 8.9%) แบบทดสอบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเลี่ยงปัญหาที่ AI โมเดลเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่คล้ายกันจนสามารถคาดเดาคำตอบได้ง่าย

    การพัฒนาโมเดลแบบคิดเชิงเหตุผล
    - Google อธิบายว่า Gemini 2.5 มีพัฒนาการด้านการคิดเชิงเหตุผลและการประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (multimodal) เช่น การเข้าใจภาพและข้อความในบริบทเดียวกัน แม้เพียงได้รับคำสั่งแบบเรียบง่าย

    IQ Test และข้อจำกัดทางวิชาการ
    - โมเดล AI ผ่านแบบทดสอบ IQ ที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการฝึก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้มาตรวัด IQ กับ AI นั้นไม่มีประโยชน์เทียบเท่ากับมนุษย์ เนื่องจากการทำงานของ AI ไม่ได้ใช้ตรรกะแบบเดียวกัน

    การเปิดให้ใช้งานแบบจำกัด
    - Gemini 2.5 Pro เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองได้ แต่มีข้อจำกัดด้านอัตราการใช้งาน (rate limits) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่ผู้ใช้ Gemini Advanced จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแบบขยาย พร้อมบริบทที่กว้างขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/everyone-can-now-try-gemini-2-5-pro-for-free/
    Google เปิดตัว Gemini 2.5 Pro AI ซึ่งเป็นโมเดลที่ฉลาดขึ้นและทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบ AI ระดับสูง ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถคิดเชิงเหตุผลและเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น ความก้าวหน้าในการทดสอบ - Gemini 2.5 Pro ทำคะแนนได้ 18.8% บน HLE ซึ่งสูงกว่าคู่แข่ง (o3 mini ได้ 14% และ Claude 3.7 Sonnet ได้ 8.9%) แบบทดสอบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเลี่ยงปัญหาที่ AI โมเดลเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่คล้ายกันจนสามารถคาดเดาคำตอบได้ง่าย การพัฒนาโมเดลแบบคิดเชิงเหตุผล - Google อธิบายว่า Gemini 2.5 มีพัฒนาการด้านการคิดเชิงเหตุผลและการประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (multimodal) เช่น การเข้าใจภาพและข้อความในบริบทเดียวกัน แม้เพียงได้รับคำสั่งแบบเรียบง่าย IQ Test และข้อจำกัดทางวิชาการ - โมเดล AI ผ่านแบบทดสอบ IQ ที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการฝึก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้มาตรวัด IQ กับ AI นั้นไม่มีประโยชน์เทียบเท่ากับมนุษย์ เนื่องจากการทำงานของ AI ไม่ได้ใช้ตรรกะแบบเดียวกัน การเปิดให้ใช้งานแบบจำกัด - Gemini 2.5 Pro เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองได้ แต่มีข้อจำกัดด้านอัตราการใช้งาน (rate limits) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่ผู้ใช้ Gemini Advanced จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแบบขยาย พร้อมบริบทที่กว้างขึ้น https://www.zdnet.com/article/everyone-can-now-try-gemini-2-5-pro-for-free/
    WWW.ZDNET.COM
    Everyone can now try Gemini 2.5 Pro - for free
    Gemini's latest model outperforms OpenAI's o3 mini and Anthropic's Claude 3.7 Sonnet on the latest benchmarks. Here's how to try it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานของ Cisco พบว่าอุปกรณ์เครือข่ายเก่าที่ไม่ได้รับการอัปเดตกลายเป็นเป้าหมายหลักของนักโจมตีไซเบอร์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบ DDoS และการบุกรุกระบบที่สำคัญ ช่องโหว่บางตัวมีอายุถึง 10 ปีและยังคงถูกใช้โจมตี องค์กรควรเร่งเปลี่ยนอุปกรณ์ที่หมดอายุเพื่อปิดช่องโหว่และรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของตนเอง

    ช่องโหว่ที่ได้รับการโจมตีมากที่สุด:
    - ช่องโหว่หลัก ได้แก่ CVE-2024-3273 และ CVE-2024-3272 ในอุปกรณ์ Network-Attached Storage (NAS) ของ D-Link รวมถึง CVE-2024-24919 ที่พบใน Check Point Quantum Security Gateways ช่องโหว่เหล่านี้ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่าครึ่งของทั้งหมดในปีที่ผ่านมา.

    การใช้งานบอทเน็ตในการเจาะระบบ:
    - กลุ่มบอทเน็ตเช่น Mirai และ Gafgyt ใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในการเข้าควบคุมอุปกรณ์เครือข่ายและสั่งให้ดำเนินการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ซึ่งอาจทำให้เครือข่ายองค์กรล่มหรือถูกบุกรุก.

    ปัญหาการละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์:
    - รายงานพบว่า ช่องโหว่หลายตัวที่ยังถูกใช้งานในการโจมตีถูกค้นพบเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เช่น กลุ่มช่องโหว่ Log4j2 (2021) และ ShellShock (2014) ยังคงเป็นเป้าหมายของการบุกรุก เพราะมีการใช้งานอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น เซิร์ฟเวอร์และ IoT.

    มาตรการป้องกันที่แนะนำ:
    - Cisco แนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตระบบและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่หมดอายุ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Network Segmentation เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจลุกลามไปทั่วทั้งระบบ.

    https://www.csoonline.com/article/3951165/volume-of-attacks-on-network-devices-shows-need-to-replace-end-of-life-devices-quickly.html
    รายงานของ Cisco พบว่าอุปกรณ์เครือข่ายเก่าที่ไม่ได้รับการอัปเดตกลายเป็นเป้าหมายหลักของนักโจมตีไซเบอร์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบ DDoS และการบุกรุกระบบที่สำคัญ ช่องโหว่บางตัวมีอายุถึง 10 ปีและยังคงถูกใช้โจมตี องค์กรควรเร่งเปลี่ยนอุปกรณ์ที่หมดอายุเพื่อปิดช่องโหว่และรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของตนเอง ช่องโหว่ที่ได้รับการโจมตีมากที่สุด: - ช่องโหว่หลัก ได้แก่ CVE-2024-3273 และ CVE-2024-3272 ในอุปกรณ์ Network-Attached Storage (NAS) ของ D-Link รวมถึง CVE-2024-24919 ที่พบใน Check Point Quantum Security Gateways ช่องโหว่เหล่านี้ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่าครึ่งของทั้งหมดในปีที่ผ่านมา. การใช้งานบอทเน็ตในการเจาะระบบ: - กลุ่มบอทเน็ตเช่น Mirai และ Gafgyt ใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในการเข้าควบคุมอุปกรณ์เครือข่ายและสั่งให้ดำเนินการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ซึ่งอาจทำให้เครือข่ายองค์กรล่มหรือถูกบุกรุก. ปัญหาการละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์: - รายงานพบว่า ช่องโหว่หลายตัวที่ยังถูกใช้งานในการโจมตีถูกค้นพบเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เช่น กลุ่มช่องโหว่ Log4j2 (2021) และ ShellShock (2014) ยังคงเป็นเป้าหมายของการบุกรุก เพราะมีการใช้งานอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น เซิร์ฟเวอร์และ IoT. มาตรการป้องกันที่แนะนำ: - Cisco แนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตระบบและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่หมดอายุ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Network Segmentation เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจลุกลามไปทั่วทั้งระบบ. https://www.csoonline.com/article/3951165/volume-of-attacks-on-network-devices-shows-need-to-replace-end-of-life-devices-quickly.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Volume of attacks on network devices shows need to replace end of life devices quickly
    Cisco report reveals two of the three top vulnerabilities attackers went after in 2024 were in old network devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • จินตนาการว่าคุณกำลังเข้าสู่ระบบอีเมลของคุณผ่านหน้าเว็บที่ดูเหมือนของ Microsoft จริง ๆ แต่เบื้องหลังนั้นมีผู้โจมตีซ่อนตัวอยู่โดยใช้ Evilginx ทำหน้าที่เป็นสะพานกลางระหว่างคุณกับเซิร์ฟเวอร์จริง ขณะที่คุณไม่รู้ตัว ข้อมูลสำคัญอย่าง cookie ที่ช่วยให้ระบบรู้ว่าคุณได้ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วถูกดักไว้ ผู้โจมตีจึงสามารถนำไปใช้ล็อกอินเข้าไปในบัญชีของคุณได้ทันที แม้ว่าคุณจะใช้งาน MFA ควบคู่ไปด้วยก็ตาม นี่คือข้อพิสูจน์ว่าการรักษาความปลอดภัยในยุคดิจิทัลต้องพัฒนาไปพร้อมกับเทคนิคการโจมตีที่ล้ำสมัย ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำวิธีการป้องกันแบบหลายชั้น โดยเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น FIDO2 และตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติใน log ของระบบอย่างต่อเนื่อง

    Evilginx ทำงานอย่างไร?
    - ผู้โจมตีตั้งค่าโดเมนและ “phishlet” ที่เลียนแบบหน้าเว็บของบริการจริงอย่าง Microsoft 365 โดยที่ผู้ใช้เมื่อเข้าสู่ระบบก็จะได้รับประสบการณ์เหมือนกับการเข้าเว็บของบริษัทนั้นโดยตรง ข้อมูลที่ส่งผ่าน เช่น ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน และสำคัญที่สุดคือ session cookie จะถูกดักจับไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของผู้โจมตี จากนั้น ผู้โจมตีสามารถนำ cookie ดังกล่าวไปใช้เพื่อเข้าสู่บัญชีของเหยื่อโดยไม่ต้องรู้รหัสผ่านหรือรหัส OTP ที่ใช้ใน MFA

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    - ด้วยข้อมูล session cookie ที่ถูกดักจับ ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงบัญชีอีเมลของเหยื่อได้อย่างเต็มที่ ทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า เช่น การเพิ่ม device MFA ใหม่หรือการตั้งค่าอีเมลเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการควบคุมบัญชีได้อย่างต่อเนื่อง

    เทคนิคขั้นสูงในการโจมตี:
    - Evilginx ไม่ได้ทำเพียงแค่ส่งผู้ใช้ไปยังหน้า phishing ธรรมดาเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ที่ส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์จริงอย่างโปร่งใส ทำให้ผู้ใช้ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ

    การตรวจจับและบันทึก:
    - บริการอย่าง Azure AD และ Microsoft 365 มีระบบ log เพื่อบันทึกกิจกรรมที่ผิดปกติ เช่น การเข้าสู่ระบบจาก IP ที่น่าสงสัยหรือการเพิ่ม MFA device ใหม่ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบระบุและตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้รวดเร็ว

    แนวทางป้องกัน:
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำแนวทางแบบหลายชั้นในการป้องกันภัยไซเบอร์ ได้แก่ แนะนำให้ย้ายจากวิธีการตรวจสอบด้วย token-based หรือ push MFA ไปสู่การยืนยันตัวตนที่มีความต้านทานต่อฟิชชิง เช่น FIDO2 และฮาร์ดแวร์ security keys รวมถึงการใช้ Conditional Access Policies เพื่อจัดการการเข้าถึงจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้

    https://news.sophos.com/en-us/2025/03/28/stealing-user-credentials-with-evilginx/
    จินตนาการว่าคุณกำลังเข้าสู่ระบบอีเมลของคุณผ่านหน้าเว็บที่ดูเหมือนของ Microsoft จริง ๆ แต่เบื้องหลังนั้นมีผู้โจมตีซ่อนตัวอยู่โดยใช้ Evilginx ทำหน้าที่เป็นสะพานกลางระหว่างคุณกับเซิร์ฟเวอร์จริง ขณะที่คุณไม่รู้ตัว ข้อมูลสำคัญอย่าง cookie ที่ช่วยให้ระบบรู้ว่าคุณได้ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วถูกดักไว้ ผู้โจมตีจึงสามารถนำไปใช้ล็อกอินเข้าไปในบัญชีของคุณได้ทันที แม้ว่าคุณจะใช้งาน MFA ควบคู่ไปด้วยก็ตาม นี่คือข้อพิสูจน์ว่าการรักษาความปลอดภัยในยุคดิจิทัลต้องพัฒนาไปพร้อมกับเทคนิคการโจมตีที่ล้ำสมัย ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำวิธีการป้องกันแบบหลายชั้น โดยเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น FIDO2 และตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติใน log ของระบบอย่างต่อเนื่อง Evilginx ทำงานอย่างไร? - ผู้โจมตีตั้งค่าโดเมนและ “phishlet” ที่เลียนแบบหน้าเว็บของบริการจริงอย่าง Microsoft 365 โดยที่ผู้ใช้เมื่อเข้าสู่ระบบก็จะได้รับประสบการณ์เหมือนกับการเข้าเว็บของบริษัทนั้นโดยตรง ข้อมูลที่ส่งผ่าน เช่น ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน และสำคัญที่สุดคือ session cookie จะถูกดักจับไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของผู้โจมตี จากนั้น ผู้โจมตีสามารถนำ cookie ดังกล่าวไปใช้เพื่อเข้าสู่บัญชีของเหยื่อโดยไม่ต้องรู้รหัสผ่านหรือรหัส OTP ที่ใช้ใน MFA ผลกระทบที่เกิดขึ้น - ด้วยข้อมูล session cookie ที่ถูกดักจับ ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงบัญชีอีเมลของเหยื่อได้อย่างเต็มที่ ทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า เช่น การเพิ่ม device MFA ใหม่หรือการตั้งค่าอีเมลเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการควบคุมบัญชีได้อย่างต่อเนื่อง เทคนิคขั้นสูงในการโจมตี: - Evilginx ไม่ได้ทำเพียงแค่ส่งผู้ใช้ไปยังหน้า phishing ธรรมดาเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ที่ส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์จริงอย่างโปร่งใส ทำให้ผู้ใช้ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ การตรวจจับและบันทึก: - บริการอย่าง Azure AD และ Microsoft 365 มีระบบ log เพื่อบันทึกกิจกรรมที่ผิดปกติ เช่น การเข้าสู่ระบบจาก IP ที่น่าสงสัยหรือการเพิ่ม MFA device ใหม่ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบระบุและตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้รวดเร็ว แนวทางป้องกัน: - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำแนวทางแบบหลายชั้นในการป้องกันภัยไซเบอร์ ได้แก่ แนะนำให้ย้ายจากวิธีการตรวจสอบด้วย token-based หรือ push MFA ไปสู่การยืนยันตัวตนที่มีความต้านทานต่อฟิชชิง เช่น FIDO2 และฮาร์ดแวร์ security keys รวมถึงการใช้ Conditional Access Policies เพื่อจัดการการเข้าถึงจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ https://news.sophos.com/en-us/2025/03/28/stealing-user-credentials-with-evilginx/
    NEWS.SOPHOS.COM
    Stealing user credentials with evilginx
    A malevolent mutation of the widely used nginx web server facilitates Adversary-in-the-Middle action, but there’s hope
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้รายงานว่า นักโจมตีไซเบอร์กำลังใช้เครื่องมือ Evilginx ในการหลบผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ที่มักใช้ในบริการอีเมลอย่าง Gmail, Outlook และ Yahoo โดย Evilginx ทำงานในรูปแบบ "Attacker-in-the-Middle" (AiTM) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์ที่ถูกโจมตี

    โดยทั่วไปแล้ว เมื่อผู้ใช้ล็อกอินเข้าสู่ระบบและผ่านการตรวจสอบ MFA แล้ว เว็บไซต์จะสร้าง session cookie ขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนและให้สิทธิ์การเข้าถึง Evilginx สามารถดักจับและเก็บข้อมูล session cookie นี้ ทำให้แม้ว่าผู้โจมตีจะไม่รู้รหัสผ่านหรือรหัส OTP ที่ใช้งานตาม MFA แล้ว แต่ก็สามารถเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้ขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยที่พึ่งพา MFA กลายเป็นเป้าหมายที่นักโจมตีหันมาโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เทคนิค AiTM ที่ล้ำสมัย:
    - Evilginx ไม่ได้ทำงานในรูปแบบฟิชชิงแบบเดิม ๆ ที่พยายามให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบนหน้าเว็บปลอมเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้ว มันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานจริง ทำให้สามารถคัดลอกข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น session cookies ที่เป็นกุญแจสำคัญของการยืนยันตัวตน

    ผลกระทบต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย:
    - แม้ว่าการใช้ MFA จะเพิ่มความยุ่งยากให้กับผู้ไม่หวังดี แต่เทคนิคของ Evilginx ชี้ให้เห็นว่า เมื่อมาตรการรักษาความปลอดภัยถูกออกแบบมาในรูปแบบของการใช้ session cookies แล้ว ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกโจมตีได้ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ความท้าทายใหม่ในโลกไซเบอร์:
    - เครื่องมือแบบ Evilginx ย้ำเตือนว่าการเพิ่มชั้นของการรักษาความปลอดภัยด้วย MFA นั้นอาจไม่เพียงพอในยุคที่เทคโนโลยีฟิชชิงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจึงต้องหาวิธีใหม่ๆ ที่จะป้องกันการโจมตีในระดับที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้

    https://abnormalsecurity.com/blog/cybercriminals-evilginx-mfa-bypass
    ข่าวนี้รายงานว่า นักโจมตีไซเบอร์กำลังใช้เครื่องมือ Evilginx ในการหลบผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ที่มักใช้ในบริการอีเมลอย่าง Gmail, Outlook และ Yahoo โดย Evilginx ทำงานในรูปแบบ "Attacker-in-the-Middle" (AiTM) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์ที่ถูกโจมตี โดยทั่วไปแล้ว เมื่อผู้ใช้ล็อกอินเข้าสู่ระบบและผ่านการตรวจสอบ MFA แล้ว เว็บไซต์จะสร้าง session cookie ขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนและให้สิทธิ์การเข้าถึง Evilginx สามารถดักจับและเก็บข้อมูล session cookie นี้ ทำให้แม้ว่าผู้โจมตีจะไม่รู้รหัสผ่านหรือรหัส OTP ที่ใช้งานตาม MFA แล้ว แต่ก็สามารถเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้ขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยที่พึ่งพา MFA กลายเป็นเป้าหมายที่นักโจมตีหันมาโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิค AiTM ที่ล้ำสมัย: - Evilginx ไม่ได้ทำงานในรูปแบบฟิชชิงแบบเดิม ๆ ที่พยายามให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบนหน้าเว็บปลอมเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้ว มันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานจริง ทำให้สามารถคัดลอกข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น session cookies ที่เป็นกุญแจสำคัญของการยืนยันตัวตน ผลกระทบต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย: - แม้ว่าการใช้ MFA จะเพิ่มความยุ่งยากให้กับผู้ไม่หวังดี แต่เทคนิคของ Evilginx ชี้ให้เห็นว่า เมื่อมาตรการรักษาความปลอดภัยถูกออกแบบมาในรูปแบบของการใช้ session cookies แล้ว ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกโจมตีได้ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น ความท้าทายใหม่ในโลกไซเบอร์: - เครื่องมือแบบ Evilginx ย้ำเตือนว่าการเพิ่มชั้นของการรักษาความปลอดภัยด้วย MFA นั้นอาจไม่เพียงพอในยุคที่เทคโนโลยีฟิชชิงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจึงต้องหาวิธีใหม่ๆ ที่จะป้องกันการโจมตีในระดับที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ https://abnormalsecurity.com/blog/cybercriminals-evilginx-mfa-bypass
    ABNORMALSECURITY.COM
    Cybercriminals Use Evilginx to Bypass MFA: Gmail, Outlook, and Yahoo…
    Discover how cybercriminals are using Evilginx to bypass multi-factor authentication (MFA) in attacks targeting Gmail, Outlook, Yahoo, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักวิจัยจากจีนและอังกฤษพัฒนา nano-PeLEDs ที่สร้างหน้าจอระดับนาโนที่มีความละเอียดสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงช่วยให้ภาพคมชัด แต่ยังสามารถใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เกมและการแพทย์ พร้อมทั้งมีการพัฒนา Active-Matrix Display เพื่อนำไปใช้เชิงพาณิชย์

    ความยืดหยุ่นในขนาดจิ๋ว:
    - ต่างจาก micro-LEDs ทั่วไปที่ประสิทธิภาพลดลงเมื่อขนาดเล็กลง Nano-PeLEDs สามารถรักษาประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีแม้ขนาดเล็กถึง 3.5 ไมครอน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าในการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์.

    เทคนิคการผลิตที่ก้าวล้ำ:
    - เนื่องจากวัสดุ Perovskites เปราะบาง ทีมวิจัยได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ Localized Contact Fabrication ซึ่งช่วยปกป้องวัสดุและยังคงคุณภาพของภาพระดับสูง.

    การประยุกต์ใช้งานที่กว้างขวาง:
    - นวัตกรรมนี้สามารถนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การเล่นเกม Augmented Reality และภาพทางการแพทย์ ด้วยความสามารถในการแสดงผลที่ละเอียดและแม่นยำอย่างยิ่ง.

    ขั้นตอนต่อไปสำหรับการใช้งานจริง:
    - นักวิจัยร่วมมือกับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Thin-Film Transistor (TFT) เพื่อพัฒนา Active-Matrix Micro-PeLED Display ที่นำไปสู่การใช้งานจริงสำหรับการแสดงผลในเชิงพาณิชย์

    https://www.techspot.com/news/107344-researchers-develop-90-nanometer-leds-future-ultra-high.html
    ทีมนักวิจัยจากจีนและอังกฤษพัฒนา nano-PeLEDs ที่สร้างหน้าจอระดับนาโนที่มีความละเอียดสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงช่วยให้ภาพคมชัด แต่ยังสามารถใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เกมและการแพทย์ พร้อมทั้งมีการพัฒนา Active-Matrix Display เพื่อนำไปใช้เชิงพาณิชย์ ความยืดหยุ่นในขนาดจิ๋ว: - ต่างจาก micro-LEDs ทั่วไปที่ประสิทธิภาพลดลงเมื่อขนาดเล็กลง Nano-PeLEDs สามารถรักษาประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีแม้ขนาดเล็กถึง 3.5 ไมครอน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าในการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์. เทคนิคการผลิตที่ก้าวล้ำ: - เนื่องจากวัสดุ Perovskites เปราะบาง ทีมวิจัยได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ Localized Contact Fabrication ซึ่งช่วยปกป้องวัสดุและยังคงคุณภาพของภาพระดับสูง. การประยุกต์ใช้งานที่กว้างขวาง: - นวัตกรรมนี้สามารถนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การเล่นเกม Augmented Reality และภาพทางการแพทย์ ด้วยความสามารถในการแสดงผลที่ละเอียดและแม่นยำอย่างยิ่ง. ขั้นตอนต่อไปสำหรับการใช้งานจริง: - นักวิจัยร่วมมือกับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Thin-Film Transistor (TFT) เพื่อพัฒนา Active-Matrix Micro-PeLED Display ที่นำไปสู่การใช้งานจริงสำหรับการแสดงผลในเชิงพาณิชย์ https://www.techspot.com/news/107344-researchers-develop-90-nanometer-leds-future-ultra-high.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers develop 90-nanometer LEDs for future ultra high-resolution displays
    These nano-PeLEDs feature pixel lengths as small as 90 nanometers, enabling an unprecedented pixel density of 127,000 pixels per inch (PPI). For comparison, a typical 27-inch 4K...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • A playful Yorkshire Terrier annoying a gentle Labrador Retriever
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    A playful Yorkshire Terrier annoying a gentle Labrador Retriever #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • The medieval sweet teen-couples
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The medieval sweet teen-couples #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts