• SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate

    SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า

    แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง

    SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน
    โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า
    Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank
    โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน
    SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม
    โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank
    Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
    SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI
    การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia
    Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank
    โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
    SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    🏗️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน ➡️ โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า ➡️ Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank ➡️ โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ➡️ โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI ➡️ การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia ➡️ Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank ➡️ โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก ➡️ SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • จากนำเข้า สู่ผลิตเอง: สหรัฐฯ เริ่มผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนในประเทศ

    ในอดีต สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าแผ่นเวเฟอร์ซิลิกอนจากบริษัทในญี่ปุ่นและไต้หวัน เช่น Shin-Etsu และ Sumco เพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตชิป แต่ในปี 2025 GlobalWafers ได้เปิดโรงงานแห่งใหม่ในเมือง Sherman รัฐเท็กซัส ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนขนาด 300 มม. ภายในประเทศ

    โรงงานนี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า $3.5 พันล้าน และได้รับการสนับสนุนจาก CHIPS Act รวมถึงเงินลงทุนจาก Apple และ TSMC โดยมีเป้าหมายผลิตเวเฟอร์เดือนละ 300,000 แผ่นในเฟสแรก

    การผลิตในประเทศจะช่วยลดเวลาการขนส่ง เพิ่มความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน และลดต้นทุนการผลิตให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Texas Instruments, NVIDIA และ Samsung ที่มีโรงงานในเท็กซัส

    นอกจากนี้ GlobalWafers ยังมีแผนผลิตเวเฟอร์ชนิดพิเศษ เช่น SOI (Silicon-on-Insulator) สำหรับงานด้านอวกาศและกลาโหม และ SiC (Silicon Carbide) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด

    การเปิดโรงงานนี้ยังสร้างงานกว่า 2,500 ตำแหน่ง และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์จากการพึ่งพาเอเชีย สู่การสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งในฝั่งตะวันตก

    ความสำเร็จของ GlobalWafers ในสหรัฐฯ
    เป็นบริษัทแรกที่ผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนขนาด 300 มม. ภายในสหรัฐฯ
    โรงงานตั้งอยู่ในเมือง Sherman รัฐเท็กซัส มูลค่าการลงทุน $3.5 พันล้าน
    ได้รับการสนับสนุนจาก CHIPS Act และเงินลงทุนจาก Apple และ TSMC
    ผลิตเวเฟอร์เดือนละ 300,000 แผ่นในเฟสแรก
    ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากญี่ปุ่นและไต้หวัน
    ช่วยเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมชิป
    สร้างงานกว่า 2,500 ตำแหน่งในเท็กซัสและมิสซูรี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GlobalWafers เป็นหนึ่งใน 5 ผู้นำตลาดเวเฟอร์โลก ร่วมกับ Shin-Etsu และ Sumco
    มีโรงงานในยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ ทำให้ลดต้นทุนขนส่งได้ถึง 5%
    เวเฟอร์ SOI ใช้ในงานอวกาศ กลาโหม และ HPC ด้วยคุณสมบัติกันรังสี
    เวเฟอร์ SiC ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงานสะอาด
    ตลาดเวเฟอร์คาดว่าจะเติบโต 5.5% ต่อปีในด้านพื้นที่ และ 2% ในด้านราคา
    GlobalWafers มีข้อตกลงระยะยาวกับลูกค้าเพื่อรักษาเสถียรภาพรายได้

    https://wccftech.com/u-s-chip-industry-reaches-another-milestone-as-globalwafers-becomes-the-first-firm-to-produce-silicon-wafers-domestically/
    🏭 จากนำเข้า สู่ผลิตเอง: สหรัฐฯ เริ่มผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนในประเทศ ในอดีต สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าแผ่นเวเฟอร์ซิลิกอนจากบริษัทในญี่ปุ่นและไต้หวัน เช่น Shin-Etsu และ Sumco เพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตชิป แต่ในปี 2025 GlobalWafers ได้เปิดโรงงานแห่งใหม่ในเมือง Sherman รัฐเท็กซัส ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนขนาด 300 มม. ภายในประเทศ โรงงานนี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า $3.5 พันล้าน และได้รับการสนับสนุนจาก CHIPS Act รวมถึงเงินลงทุนจาก Apple และ TSMC โดยมีเป้าหมายผลิตเวเฟอร์เดือนละ 300,000 แผ่นในเฟสแรก การผลิตในประเทศจะช่วยลดเวลาการขนส่ง เพิ่มความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน และลดต้นทุนการผลิตให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Texas Instruments, NVIDIA และ Samsung ที่มีโรงงานในเท็กซัส นอกจากนี้ GlobalWafers ยังมีแผนผลิตเวเฟอร์ชนิดพิเศษ เช่น SOI (Silicon-on-Insulator) สำหรับงานด้านอวกาศและกลาโหม และ SiC (Silicon Carbide) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด การเปิดโรงงานนี้ยังสร้างงานกว่า 2,500 ตำแหน่ง และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์จากการพึ่งพาเอเชีย สู่การสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งในฝั่งตะวันตก ✅ ความสำเร็จของ GlobalWafers ในสหรัฐฯ ➡️ เป็นบริษัทแรกที่ผลิตเวเฟอร์ซิลิกอนขนาด 300 มม. ภายในสหรัฐฯ ➡️ โรงงานตั้งอยู่ในเมือง Sherman รัฐเท็กซัส มูลค่าการลงทุน $3.5 พันล้าน ➡️ ได้รับการสนับสนุนจาก CHIPS Act และเงินลงทุนจาก Apple และ TSMC ➡️ ผลิตเวเฟอร์เดือนละ 300,000 แผ่นในเฟสแรก ➡️ ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากญี่ปุ่นและไต้หวัน ➡️ ช่วยเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมชิป ➡️ สร้างงานกว่า 2,500 ตำแหน่งในเท็กซัสและมิสซูรี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GlobalWafers เป็นหนึ่งใน 5 ผู้นำตลาดเวเฟอร์โลก ร่วมกับ Shin-Etsu และ Sumco ➡️ มีโรงงานในยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ ทำให้ลดต้นทุนขนส่งได้ถึง 5% ➡️ เวเฟอร์ SOI ใช้ในงานอวกาศ กลาโหม และ HPC ด้วยคุณสมบัติกันรังสี ➡️ เวเฟอร์ SiC ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงานสะอาด ➡️ ตลาดเวเฟอร์คาดว่าจะเติบโต 5.5% ต่อปีในด้านพื้นที่ และ 2% ในด้านราคา ➡️ GlobalWafers มีข้อตกลงระยะยาวกับลูกค้าเพื่อรักษาเสถียรภาพรายได้ https://wccftech.com/u-s-chip-industry-reaches-another-milestone-as-globalwafers-becomes-the-first-firm-to-produce-silicon-wafers-domestically/
    WCCFTECH.COM
    U.S. Chip Industry Reaches Another Massive Milestone as GlobalWafers Becomes the First Firm to Produce Silicon Wafers Domestically, Backed By Investments from Apple & TSMC
    America's chip industry is heading towards complete self-reliance, as GlobalWafers has announced plans to develop silicon wafers in Texas.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกการค้า: ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีชิปนำเข้า 100% เพื่อผลักดันการผลิตในประเทศ

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หันมาผลิตในสหรัฐฯ แทนการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน หรือเวียดนาม

    อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่แล้ว เช่น Apple, NVIDIA, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ากำลังสร้างหรือมีแผนสร้างโรงงานในประเทศจริง โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก $100 พันล้านในโครงการ American Manufacturing Program ซึ่งรวมถึงโรงงานในเท็กซัสและศูนย์วิจัยในหลายรัฐ

    การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากยุคก่อนที่เน้นการให้เงินสนับสนุนผ่าน CHIPS Act มาเป็นการใช้ “ไม้แข็ง” เพื่อบังคับให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในวงกว้าง เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า และคอนโซลเกม

    ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับชิปนำเข้าจากต่างประเทศ
    ยกเว้นเฉพาะบริษัทที่ผลิตหรือมีแผนสร้างโรงงานในสหรัฐฯ

    Apple ได้รับการยกเว้นภาษีจากการลงทุน $100 พันล้านในโครงการ AMP
    รวมถึงโรงงานในเท็กซัสและการขยายกำลังผลิตในรัฐเคนทักกี

    TSMC ลงทุนรวมกว่า $165 พันล้านในโรงงานที่รัฐแอริโซนา
    เตรียมสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่งและศูนย์วิจัย

    NVIDIA ประกาศสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI และชิปในรัฐเท็กซัส
    ถือเป็นการ “onshoring” ครั้งใหญ่ของบริษัท

    บริษัทที่ “แค่สัญญา” แต่ไม่ดำเนินการจริงจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
    ทรัมป์ย้ำว่า “ต้องจ่ายแน่นอน” หากไม่ทำตามแผน

    https://wccftech.com/president-trump-to-impose-a-whopping-100-tariff-on-all-chips-coming-into-the-us/
    🇺🇸💥 เรื่องเล่าจากโลกการค้า: ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีชิปนำเข้า 100% เพื่อผลักดันการผลิตในประเทศ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หันมาผลิตในสหรัฐฯ แทนการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน หรือเวียดนาม อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่แล้ว เช่น Apple, NVIDIA, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ากำลังสร้างหรือมีแผนสร้างโรงงานในประเทศจริง โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก $100 พันล้านในโครงการ American Manufacturing Program ซึ่งรวมถึงโรงงานในเท็กซัสและศูนย์วิจัยในหลายรัฐ การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากยุคก่อนที่เน้นการให้เงินสนับสนุนผ่าน CHIPS Act มาเป็นการใช้ “ไม้แข็ง” เพื่อบังคับให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในวงกว้าง เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า และคอนโซลเกม ✅ ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับชิปนำเข้าจากต่างประเทศ ➡️ ยกเว้นเฉพาะบริษัทที่ผลิตหรือมีแผนสร้างโรงงานในสหรัฐฯ ✅ Apple ได้รับการยกเว้นภาษีจากการลงทุน $100 พันล้านในโครงการ AMP ➡️ รวมถึงโรงงานในเท็กซัสและการขยายกำลังผลิตในรัฐเคนทักกี ✅ TSMC ลงทุนรวมกว่า $165 พันล้านในโรงงานที่รัฐแอริโซนา ➡️ เตรียมสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่งและศูนย์วิจัย ✅ NVIDIA ประกาศสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI และชิปในรัฐเท็กซัส ➡️ ถือเป็นการ “onshoring” ครั้งใหญ่ของบริษัท ✅ บริษัทที่ “แค่สัญญา” แต่ไม่ดำเนินการจริงจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ➡️ ทรัมป์ย้ำว่า “ต้องจ่ายแน่นอน” หากไม่ทำตามแผน https://wccftech.com/president-trump-to-impose-a-whopping-100-tariff-on-all-chips-coming-into-the-us/
    WCCFTECH.COM
    President Trump to Impose a Whopping 100% Tariff on All Chips Coming into the US; No Extra Charge on Semiconductors Produced Domestically
    While talking alongside Apple's CEO Tim Cook, Trump has announced a massive chip tariff, a figure that the markets weren't expecting at all.
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบรกที่ไม่ปล่อยฝุ่น: เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าช่วยให้เมืองหายใจสะอาดขึ้น

    งานวิจัยจาก EIT Urban Mobility ที่สำรวจในลอนดอน, มิลาน และบาร์เซโลนา พบว่า:
    - รถยนต์ไฟฟ้าลดฝุ่นเบรกได้ถึง 83%
    - ฝุ่นเบรกเป็นแหล่ง PM10 ที่สำคัญในเมือง โดยคิดเป็น 55% ของมลพิษจากการจราจรที่ไม่ใช่ไอเสีย
    - ฝุ่นเหล่านี้มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน และบางครั้งต่ำกว่า 100 นาโนเมตร — สามารถเข้าสู่ปอดลึกและก่อให้เกิดการอักเสบ

    เทคโนโลยีเบื้องหลังคือ regenerative braking:
    - ใช้มอเตอร์หมุนย้อนกลับเพื่อชะลอรถ และเปลี่ยนพลังงานกลับไปเก็บในแบตเตอรี่
    - ลดการใช้เบรกแบบแรงเสียดทานลงครึ่งหนึ่ง
    - ยืดอายุแบตเตอรี่และลดการปล่อยฝุ่นโลหะ เช่น ทองแดง, เหล็ก, สังกะสี

    แม้จะมีข้อกังวลเรื่องน้ำหนักของ BEVs ที่อาจทำให้ยางสึกเร็วขึ้น แต่การศึกษาพบว่า:
    - ฝุ่นจากเบรกมีแนวโน้มฟุ้งกระจายมากกว่าฝุ่นจากยาง
    - เมื่อรวมฝุ่นจากยาง, เบรก และพื้นถนน BEVs ยังปล่อยฝุ่นน้อยกว่ารถน้ำมันถึง 38% — ยังไม่รวมการไม่มีท่อไอเสีย

    ผลกระทบเชิงสุขภาพ:
    - ฝุ่นเบรกที่มีทองแดงสูงก่อให้เกิด oxidative stress เทียบเท่าหรือมากกว่าฝุ่นดีเซล
    - ส่งผลต่อผู้มีรายได้น้อยในเมือง ซึ่งมักอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
    - แสดงถึงความจำเป็นในการเข้าถึงรถสะอาดอย่างเท่าเทียม

    นโยบายในอนาคต:
    - Euro 7 เตรียมออกมาตรฐานใหม่สำหรับฝุ่นจากเบรกและยาง
    - ผู้ผลิตเริ่มใช้เบรกแบบ enclosed drum และยางสูตรลดการสึกหรอ
    - การเปลี่ยนจากรถส่วนตัวไปสู่ระบบขนส่งสาธารณะจะลดฝุ่นได้ถึง 5 เท่า

    https://modernengineeringmarvels.com/2025/07/22/surprising-science-how-electric-cars-quietly-transform-urban-air/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบรกที่ไม่ปล่อยฝุ่น: เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าช่วยให้เมืองหายใจสะอาดขึ้น งานวิจัยจาก EIT Urban Mobility ที่สำรวจในลอนดอน, มิลาน และบาร์เซโลนา พบว่า: - รถยนต์ไฟฟ้าลดฝุ่นเบรกได้ถึง 83% - ฝุ่นเบรกเป็นแหล่ง PM10 ที่สำคัญในเมือง โดยคิดเป็น 55% ของมลพิษจากการจราจรที่ไม่ใช่ไอเสีย - ฝุ่นเหล่านี้มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน และบางครั้งต่ำกว่า 100 นาโนเมตร — สามารถเข้าสู่ปอดลึกและก่อให้เกิดการอักเสบ เทคโนโลยีเบื้องหลังคือ regenerative braking: - ใช้มอเตอร์หมุนย้อนกลับเพื่อชะลอรถ และเปลี่ยนพลังงานกลับไปเก็บในแบตเตอรี่ - ลดการใช้เบรกแบบแรงเสียดทานลงครึ่งหนึ่ง - ยืดอายุแบตเตอรี่และลดการปล่อยฝุ่นโลหะ เช่น ทองแดง, เหล็ก, สังกะสี แม้จะมีข้อกังวลเรื่องน้ำหนักของ BEVs ที่อาจทำให้ยางสึกเร็วขึ้น แต่การศึกษาพบว่า: - ฝุ่นจากเบรกมีแนวโน้มฟุ้งกระจายมากกว่าฝุ่นจากยาง - เมื่อรวมฝุ่นจากยาง, เบรก และพื้นถนน BEVs ยังปล่อยฝุ่นน้อยกว่ารถน้ำมันถึง 38% — ยังไม่รวมการไม่มีท่อไอเสีย ผลกระทบเชิงสุขภาพ: - ฝุ่นเบรกที่มีทองแดงสูงก่อให้เกิด oxidative stress เทียบเท่าหรือมากกว่าฝุ่นดีเซล - ส่งผลต่อผู้มีรายได้น้อยในเมือง ซึ่งมักอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง - แสดงถึงความจำเป็นในการเข้าถึงรถสะอาดอย่างเท่าเทียม นโยบายในอนาคต: - Euro 7 เตรียมออกมาตรฐานใหม่สำหรับฝุ่นจากเบรกและยาง - ผู้ผลิตเริ่มใช้เบรกแบบ enclosed drum และยางสูตรลดการสึกหรอ - การเปลี่ยนจากรถส่วนตัวไปสู่ระบบขนส่งสาธารณะจะลดฝุ่นได้ถึง 5 เท่า https://modernengineeringmarvels.com/2025/07/22/surprising-science-how-electric-cars-quietly-transform-urban-air/
    MODERNENGINEERINGMARVELS.COM
    Surprising Science: How Electric Cars Quietly Transform Urban Air
    “It’s not just the tailpipe y’all,” joked one Electrek commenter, alluding to the black discolorations on alloy wheels visible proof of a less infamous city pollutant: brake dust. For d…
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • ในโลกของพลังงานและ AI ที่ทุกวินาทีต้องการประสิทธิภาพสูง การใช้ “ซิลิคอน” อาจไม่พออีกต่อไปแล้วครับ → บริษัทอย่าง Infineon จึงหันมาโฟกัสที่ GaN (Gallium Nitride) ซึ่งเด่นเรื่อง

    - เปิด–ปิดสัญญาณไฟเร็วกว่า
    - รองรับแรงดันสูง–ความร้อนสูง
    - มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า Si หลายเท่า → ใช้งานได้ดีใน AI Data Center, ยานยนต์ EV, อุตสาหกรรมควบคุมมอเตอร์

    ล่าสุด Infineon พัฒนาไลน์ผลิตเวเฟอร์ GaN ขนาด 300 มม. (จากเดิม 200 มม.) ซึ่ง → ทำให้ได้จำนวนชิปต่อแผ่นมากขึ้น 2.3 เท่า → ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิปลดลง → พร้อมส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดสอบใน Q4 ปี 2025

    ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ TSMC กลับตัดสินใจ “เลิกเล่นเกม GaN” โดยจะปิดสายผลิตและรื้อโรงงานออกใน 2 ปีข้างหน้า → เป็นโอกาสทองให้ Infineon กลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดนี้

    Infineon จะเริ่มผลิต GaN บนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. เป็นรายแรกของโลก  
    • ส่งผลให้ได้ yield สูงขึ้น 2.3 เท่า เทียบกับแบบ 200 มม.  
    • พร้อมเริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในไตรมาส 4 ปี 2025

    ใช้โครงสร้าง IDM (Integrated Device Manufacturer)  
    • ควบคุมทุกขั้นตอน: ตั้งแต่ fab ไปจนถึงสินค้า  
    • ลดต้นทุน–เร่งเวลาไปตลาด  
    • ทำให้ GaN มีต้นทุนใกล้เคียงกับซิลิคอนแบบเดิม

    ตลาด GaN คาดจะเติบโต 36% ต่อปี และมีมูลค่า $2.5B ภายในปี 2030  
    • ข้อมูลจาก Yole Group  
    • ผลักดันจากความต้องการใน AI, EV, ระบบพลังงานขั้นสูง

    TSMC เตรียมถอนตัวจากตลาด GaN ใน 2 ปีข้างหน้า  
    • ชี้ชัดว่าบริษัทจะโฟกัสที่โปรเซสเซอร์ margin สูง  
    • เปิดพื้นที่ให้ Infineon และผู้เล่นเฉพาะทางยึดตลาด power semiconductor

    แอปพลิเคชันเป้าหมายของ Infineon รวมถึง:  
    • แหล่งจ่ายไฟของระบบ AI  
    • เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า  
    • ระบบควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม

    https://www.techpowerup.com/338633/infineon-to-start-300-mm-gan-wafer-production-as-tsmc-exits-market
    ในโลกของพลังงานและ AI ที่ทุกวินาทีต้องการประสิทธิภาพสูง การใช้ “ซิลิคอน” อาจไม่พออีกต่อไปแล้วครับ → บริษัทอย่าง Infineon จึงหันมาโฟกัสที่ GaN (Gallium Nitride) ซึ่งเด่นเรื่อง - เปิด–ปิดสัญญาณไฟเร็วกว่า - รองรับแรงดันสูง–ความร้อนสูง - มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า Si หลายเท่า → ใช้งานได้ดีใน AI Data Center, ยานยนต์ EV, อุตสาหกรรมควบคุมมอเตอร์ ล่าสุด Infineon พัฒนาไลน์ผลิตเวเฟอร์ GaN ขนาด 300 มม. (จากเดิม 200 มม.) ซึ่ง → ทำให้ได้จำนวนชิปต่อแผ่นมากขึ้น 2.3 เท่า → ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิปลดลง → พร้อมส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดสอบใน Q4 ปี 2025 ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ TSMC กลับตัดสินใจ “เลิกเล่นเกม GaN” โดยจะปิดสายผลิตและรื้อโรงงานออกใน 2 ปีข้างหน้า → เป็นโอกาสทองให้ Infineon กลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดนี้ ✅ Infineon จะเริ่มผลิต GaN บนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. เป็นรายแรกของโลก   • ส่งผลให้ได้ yield สูงขึ้น 2.3 เท่า เทียบกับแบบ 200 มม.   • พร้อมเริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในไตรมาส 4 ปี 2025 ✅ ใช้โครงสร้าง IDM (Integrated Device Manufacturer)   • ควบคุมทุกขั้นตอน: ตั้งแต่ fab ไปจนถึงสินค้า   • ลดต้นทุน–เร่งเวลาไปตลาด   • ทำให้ GaN มีต้นทุนใกล้เคียงกับซิลิคอนแบบเดิม ✅ ตลาด GaN คาดจะเติบโต 36% ต่อปี และมีมูลค่า $2.5B ภายในปี 2030   • ข้อมูลจาก Yole Group   • ผลักดันจากความต้องการใน AI, EV, ระบบพลังงานขั้นสูง ✅ TSMC เตรียมถอนตัวจากตลาด GaN ใน 2 ปีข้างหน้า   • ชี้ชัดว่าบริษัทจะโฟกัสที่โปรเซสเซอร์ margin สูง   • เปิดพื้นที่ให้ Infineon และผู้เล่นเฉพาะทางยึดตลาด power semiconductor ✅ แอปพลิเคชันเป้าหมายของ Infineon รวมถึง:   • แหล่งจ่ายไฟของระบบ AI   • เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า   • ระบบควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม https://www.techpowerup.com/338633/infineon-to-start-300-mm-gan-wafer-production-as-tsmc-exits-market
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Infineon to Start 300 mm GaN Wafer Production as TSMC Exits Market
    Infineon has announced that its gallium nitride (GaN) power semiconductor production is on schedule, confirming that its 300 mm wafer fab will deliver customer samples in Q4 2025. The German semiconductor manufacturer becomes the first company to successfully integrate 300 mm GaN wafer technology in...
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ฟาดอีลอน มัสก์อีกครั้ง!

    “อีลอน มัสก์รู้ดีตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสนับสนุนผมแล้วว่าผมคัดค้านกฎหมาย EV อย่างหนักมาโดยตลอด มันไร้สาระ รถยนต์ไฟฟ้าก็ดี แต่ผู้คนไม่ควรถูกบังคับให้ซื้อ อีลอนอาจได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์

    ถ้าไม่มีเงินอุดหนุน เขาอาจต้องปิดกิจการและเดินทางกลับแอฟริกาใต้

    ไม่มีจรวด ดาวเทียม หรือ EV อีกต่อไป บางที DOGE ควรพิจารณาเรื่องนี้ ต้องประหยัดเงินจำนวนมาก”
    ทรัมป์ฟาดอีลอน มัสก์อีกครั้ง! “อีลอน มัสก์รู้ดีตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสนับสนุนผมแล้วว่าผมคัดค้านกฎหมาย EV อย่างหนักมาโดยตลอด มันไร้สาระ รถยนต์ไฟฟ้าก็ดี แต่ผู้คนไม่ควรถูกบังคับให้ซื้อ อีลอนอาจได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่มีเงินอุดหนุน เขาอาจต้องปิดกิจการและเดินทางกลับแอฟริกาใต้ ไม่มีจรวด ดาวเทียม หรือ EV อีกต่อไป บางที DOGE ควรพิจารณาเรื่องนี้ ต้องประหยัดเงินจำนวนมาก”
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.125 : สงครามราคา รถ EV จีน
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ จะมาเล่าถึงที่มาที่ไปของ “สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้าจีน” ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ว่าจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ที่ส่งผลให้เจ็บหนัก พังยับทั้งวงการหรือไม่ แล้วรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนยังซื้อได้ไหม และถ้ามีแผนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จะเลือกยังไงดี?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=H8fap-EPu6Q
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สงครามราคารถEV
    บูรพาไม่แพ้ Ep.125 : สงครามราคา รถ EV จีน . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ จะมาเล่าถึงที่มาที่ไปของ “สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้าจีน” ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ว่าจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ที่ส่งผลให้เจ็บหนัก พังยับทั้งวงการหรือไม่ แล้วรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนยังซื้อได้ไหม และถ้ามีแผนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จะเลือกยังไงดี? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=H8fap-EPu6Q . #บูรพาไม่แพ้ #สงครามราคารถEV
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • Peugeot เปิดตัว E-208 GTi: รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Hot Hatch
    Peugeot เผยโฉม E-208 GTi ที่งาน 24h of Le Mans โดยออกแบบให้ สืบทอด DNA ของ GTi รุ่นก่อนหน้า พร้อม สมรรถนะระดับแนวหน้า

    รายละเอียดของ E-208 GTi
    ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า M4+ ให้กำลัง 280 แรงม้า
    - มอเตอร์ติดตั้งที่ล้อหน้า ทำให้สามารถ เร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 5.7 วินาที
    - ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 112 ไมล์ต่อชั่วโมง

    แบตเตอรี่ 54kWh ให้ระยะทาง 217 ไมล์ต่อการชาร์จ
    - ระยะทางต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น Renault 5 E-Tech และ Cupra Born VZ
    - ระบบจัดการความร้อนและการกู้คืนพลังงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่

    ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Peugeot 205 GTi
    - สีตัวถังสดใส, พรมและเข็มขัดนิรภัยสีแดง
    - เบาะนั่งออกแบบใหม่พร้อมที่รองศีรษะในตัว

    โครงสร้างตัวถังปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มความคล่องตัว
    - ซุ้มล้อกว้างขึ้น, ช่วงล่างเตี้ยลง และระยะยื่นสั้นลง
    - ล้ออัลลอย “Hole” และสปอยเลอร์ช่วยเพิ่มความสปอร์ต

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
    ระยะทางต่อการชาร์จอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม
    - 217 ไมล์ต่อการชาร์จอาจไม่เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล

    น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากรุ่น 205 GTi
    - E-208 GTi มีน้ำหนัก 1,596 กิโลกรัม เทียบกับ 848 กิโลกรัมของ 205 GTi

    ต้องติดตามว่าราคาจะอยู่ในระดับที่แข่งขันได้หรือไม่
    - Abarth 600e Scorpionisma มีราคาประมาณ £40,000 ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดราคาของ E-208 GTi

    อนาคตของ Hot Hatch ไฟฟ้า
    Peugeot Sport ปรับแต่งระบบกันสะเทือนและเบรกเพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่
    E-208 GTi อาจช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Hot Hatch กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/peugeot-reinvents-its-gti-badge-for-the-ev-age-and-the-e-208-is-the-best-looking-electric-hot-hatch-so-far
    🚗 Peugeot เปิดตัว E-208 GTi: รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Hot Hatch Peugeot เผยโฉม E-208 GTi ที่งาน 24h of Le Mans โดยออกแบบให้ สืบทอด DNA ของ GTi รุ่นก่อนหน้า พร้อม สมรรถนะระดับแนวหน้า 🔍 รายละเอียดของ E-208 GTi ✅ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า M4+ ให้กำลัง 280 แรงม้า - มอเตอร์ติดตั้งที่ล้อหน้า ทำให้สามารถ เร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 5.7 วินาที - ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 112 ไมล์ต่อชั่วโมง ✅ แบตเตอรี่ 54kWh ให้ระยะทาง 217 ไมล์ต่อการชาร์จ - ระยะทางต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น Renault 5 E-Tech และ Cupra Born VZ - ระบบจัดการความร้อนและการกู้คืนพลังงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ✅ ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Peugeot 205 GTi - สีตัวถังสดใส, พรมและเข็มขัดนิรภัยสีแดง - เบาะนั่งออกแบบใหม่พร้อมที่รองศีรษะในตัว ✅ โครงสร้างตัวถังปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มความคล่องตัว - ซุ้มล้อกว้างขึ้น, ช่วงล่างเตี้ยลง และระยะยื่นสั้นลง - ล้ออัลลอย “Hole” และสปอยเลอร์ช่วยเพิ่มความสปอร์ต 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ‼️ ระยะทางต่อการชาร์จอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม - 217 ไมล์ต่อการชาร์จอาจไม่เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ‼️ น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากรุ่น 205 GTi - E-208 GTi มีน้ำหนัก 1,596 กิโลกรัม เทียบกับ 848 กิโลกรัมของ 205 GTi ‼️ ต้องติดตามว่าราคาจะอยู่ในระดับที่แข่งขันได้หรือไม่ - Abarth 600e Scorpionisma มีราคาประมาณ £40,000 ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดราคาของ E-208 GTi 🚀 อนาคตของ Hot Hatch ไฟฟ้า ✅ Peugeot Sport ปรับแต่งระบบกันสะเทือนและเบรกเพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ ✅ E-208 GTi อาจช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Hot Hatch กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/peugeot-reinvents-its-gti-badge-for-the-ev-age-and-the-e-208-is-the-best-looking-electric-hot-hatch-so-far
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
  • จีนปรับนโยบายส่งออกแร่หายากเพื่อช่วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป หลังจากที่มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานานและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

    แร่หายากเป็น วัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การปรับนโยบายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่าง เจ้าหน้าที่จีนและสมาชิกหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สายการผลิตในยุโรปอาจต้องหยุดชะงัก

    อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้

    ข้อมูลจากข่าว
    - จีนผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป
    - มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานาน และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมกับหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลว่าจีนจะได้รับผลตอบแทนอะไรจากยุโรป ในการผ่อนปรนนโยบายนี้
    - การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจทำให้เกิดความสับสนในกระบวนการศุลกากร และต้องใช้เวลาปรับตัว
    - สหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในสงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกแร่หายากในอนาคต
    - บริษัทที่ต้องการนำเข้าแร่หายากยังต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนแล้ว

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    การปรับนโยบายของจีนอาจช่วยให้ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก ซึ่งอาจทำให้ต้องหาทางเลือกอื่นในการจัดหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิป

    จีนกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยุโรป ในขณะที่ยังคงควบคุมการส่งออกไปยังประเทศที่เป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยี
    🌍 จีนปรับนโยบายส่งออกแร่หายากเพื่อช่วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป หลังจากที่มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานานและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน แร่หายากเป็น วัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การปรับนโยบายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่าง เจ้าหน้าที่จีนและสมาชิกหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สายการผลิตในยุโรปอาจต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - จีนผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป - มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานาน และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน - การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมกับหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลว่าจีนจะได้รับผลตอบแทนอะไรจากยุโรป ในการผ่อนปรนนโยบายนี้ - การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจทำให้เกิดความสับสนในกระบวนการศุลกากร และต้องใช้เวลาปรับตัว - สหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในสงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกแร่หายากในอนาคต - บริษัทที่ต้องการนำเข้าแร่หายากยังต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนแล้ว 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การปรับนโยบายของจีนอาจช่วยให้ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก ซึ่งอาจทำให้ต้องหาทางเลือกอื่นในการจัดหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิป จีนกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยุโรป ในขณะที่ยังคงควบคุมการส่งออกไปยังประเทศที่เป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยี
    0 Comments 0 Shares 480 Views 0 Reviews
  • เจ้าของ Tesla ติดตั้งระบบเปิดประตูฉุกเฉิน DIY หลังพบปัญหาประตูไฟฟ้า

    Tesla ออกแบบรถยนต์ให้ใช้ระบบเปิดประตูไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งมี กลไกเปิดฉุกเฉินในกรณีที่รถสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถหลายรายพบว่าระบบฉุกเฉินนี้เข้าถึงได้ยาก ทำให้เกิดตลาดสำหรับ อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้เปิดประตูได้ง่ายขึ้น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับปัญหาประตูไฟฟ้าของ Tesla
    Tesla ใช้ระบบเปิดประตูไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และลดน้ำหนักรถ
    - ช่วยให้ รถมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดการใช้พลังงาน

    มีระบบเปิดฉุกเฉิน แต่ตำแหน่งของกลไกนี้ถูกซ่อนไว้ ทำให้ผู้ใช้บางคนไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
    - ตัวอย่างเช่น Model Y มีกลไกเปิดฉุกเฉินอยู่ใต้แถบที่ไม่มีเครื่องหมายใกล้สวิตช์หน้าต่าง

    เจ้าของรถบางรายติดตั้งสายดึง (rip cords) เพื่อให้สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ง่ายขึ้น
    - บางคน ใช้แท็บที่มีเครื่องหมายชัดเจนเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย

    บริษัท EV Dynamics ผลิตสายดึงฉุกเฉินที่มี Velcro และตัวล็อกแบบ snap-on ในราคา $22
    - แสดงให้เห็นว่า มีความต้องการอุปกรณ์เสริมนี้ในตลาด

    รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น เช่น Audi, Ford และ Fisker มีระบบเปิดฉุกเฉินที่ใช้งานง่ายกว่า
    - สามารถ เปิดประตูได้โดยการดึงมือจับแรง ๆ หรือดึงสองครั้ง

    https://www.techspot.com/news/107995-tesla-owners-install-diy-rip-cords-avoid-trapped.html
    เจ้าของ Tesla ติดตั้งระบบเปิดประตูฉุกเฉิน DIY หลังพบปัญหาประตูไฟฟ้า Tesla ออกแบบรถยนต์ให้ใช้ระบบเปิดประตูไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งมี กลไกเปิดฉุกเฉินในกรณีที่รถสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถหลายรายพบว่าระบบฉุกเฉินนี้เข้าถึงได้ยาก ทำให้เกิดตลาดสำหรับ อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้เปิดประตูได้ง่ายขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับปัญหาประตูไฟฟ้าของ Tesla ✅ Tesla ใช้ระบบเปิดประตูไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และลดน้ำหนักรถ - ช่วยให้ รถมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดการใช้พลังงาน ✅ มีระบบเปิดฉุกเฉิน แต่ตำแหน่งของกลไกนี้ถูกซ่อนไว้ ทำให้ผู้ใช้บางคนไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย - ตัวอย่างเช่น Model Y มีกลไกเปิดฉุกเฉินอยู่ใต้แถบที่ไม่มีเครื่องหมายใกล้สวิตช์หน้าต่าง ✅ เจ้าของรถบางรายติดตั้งสายดึง (rip cords) เพื่อให้สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ง่ายขึ้น - บางคน ใช้แท็บที่มีเครื่องหมายชัดเจนเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย ✅ บริษัท EV Dynamics ผลิตสายดึงฉุกเฉินที่มี Velcro และตัวล็อกแบบ snap-on ในราคา $22 - แสดงให้เห็นว่า มีความต้องการอุปกรณ์เสริมนี้ในตลาด ✅ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น เช่น Audi, Ford และ Fisker มีระบบเปิดฉุกเฉินที่ใช้งานง่ายกว่า - สามารถ เปิดประตูได้โดยการดึงมือจับแรง ๆ หรือดึงสองครั้ง https://www.techspot.com/news/107995-tesla-owners-install-diy-rip-cords-avoid-trapped.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla owners install DIY rip cords to avoid being trapped behind all-electric doors
    Numerous deadly incidents have occurred in which Tesla drivers and passengers were trapped inside their vehicles following a crash or fire. In many cases, survivors were rescued...
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • Google, Microsoft และ Meta นำเทคโนโลยีจากรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในศูนย์ข้อมูล

    ศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก AI workloads ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยนำ ระบบไฟฟ้า 400VDC และระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งเคยใช้ใน รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) มาปรับใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการพลังงานสูง

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในศูนย์ข้อมูล
    Google ใช้ระบบไฟฟ้า 400VDC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
    - ลดพื้นที่ที่ใช้สำหรับระบบจ่ายไฟ ทำให้มีพื้นที่สำหรับเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น

    Meta, Microsoft และ Open Compute Project (OCP) สนับสนุนมาตรฐาน Mt. Diablo
    - เป็น มาตรฐานใหม่สำหรับการจ่ายไฟในศูนย์ข้อมูล

    Google TPU Supercomputers ทำงานที่ระดับกิกะวัตต์ พร้อม uptime 99.999%
    - ใช้ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแทนฮีตซิงค์แบบเดิม

    ชิป AI รุ่นใหม่ใช้พลังงานมากกว่า 1,000 วัตต์ต่อชิป
    - ทำให้ ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศเริ่มไม่เพียงพอ

    การใช้เทคโนโลยีจาก EVs ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขึ้น 3%
    - ลด การสูญเสียพลังงานจากการแปลงไฟฟ้า

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-google-and-meta-have-borrowed-ev-tech-for-the-next-big-thing-in-data-center-1mw-watercooled-racks
    Google, Microsoft และ Meta นำเทคโนโลยีจากรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในศูนย์ข้อมูล ศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก AI workloads ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยนำ ระบบไฟฟ้า 400VDC และระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งเคยใช้ใน รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) มาปรับใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการพลังงานสูง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในศูนย์ข้อมูล ✅ Google ใช้ระบบไฟฟ้า 400VDC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน - ลดพื้นที่ที่ใช้สำหรับระบบจ่ายไฟ ทำให้มีพื้นที่สำหรับเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น ✅ Meta, Microsoft และ Open Compute Project (OCP) สนับสนุนมาตรฐาน Mt. Diablo - เป็น มาตรฐานใหม่สำหรับการจ่ายไฟในศูนย์ข้อมูล ✅ Google TPU Supercomputers ทำงานที่ระดับกิกะวัตต์ พร้อม uptime 99.999% - ใช้ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแทนฮีตซิงค์แบบเดิม ✅ ชิป AI รุ่นใหม่ใช้พลังงานมากกว่า 1,000 วัตต์ต่อชิป - ทำให้ ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศเริ่มไม่เพียงพอ ✅ การใช้เทคโนโลยีจาก EVs ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขึ้น 3% - ลด การสูญเสียพลังงานจากการแปลงไฟฟ้า https://www.techradar.com/pro/microsoft-google-and-meta-have-borrowed-ev-tech-for-the-next-big-thing-in-data-center-1mw-watercooled-racks
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • Volkswagen เตรียมนำแบรนด์ GTI เข้าสู่ยุคไฟฟ้าเต็มตัว ด้วยแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ID 2 GTI และแผนขยายกลุ่ม GTI ทั้งหมดในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นให้รถยนต์ไฟฟ้า GTI คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ด้านความเร็วและความเร้าใจ แต่ยังสามารถเข้าถึงได้เหมือนรุ่นดั้งเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน

    Volkswagen ยืนยันเปิดตัว GTI ไฟฟ้ารุ่นแรก
    - CEO ของ Volkswagen ยืนยันว่ารุ่น ID 2 GTI จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นแรกที่ใช้ตราสัญลักษณ์ GTI
    - รถต้นแบบ ID GTI Concept ได้รับการเผยโฉมเมื่อปี 2023 และบ่งบอกแนวทางของรถ GTI ไฟฟ้า

    แผนขยายกลุ่มรถยนต์ GTI ในอนาคต
    - Volkswagen วางแผนเปิดตัว GTI รุ่นอื่นๆ ในอนาคต รวมถึง Golf เจเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งจะมีรุ่น GTI ไฟฟ้าด้วย
    - คาดว่าจะมีการเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงในกลุ่ม GTI อีกหลายรุ่น

    ความต้องการของ Volkswagen ต่อ GTI ไฟฟ้า
    - รถต้องมีความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของเสียง การขับขี่ และความสนุกในการใช้งาน
    - Volkswagen เน้นความสามารถในการขับขี่ที่เร้าใจ ควบคู่กับราคาที่จับต้องได้

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/volkswagen-says-mind-blowing-electric-gti-evs-are-coming-heres-what-to-expect-and-what-i-want-to-see
    Volkswagen เตรียมนำแบรนด์ GTI เข้าสู่ยุคไฟฟ้าเต็มตัว ด้วยแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ID 2 GTI และแผนขยายกลุ่ม GTI ทั้งหมดในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นให้รถยนต์ไฟฟ้า GTI คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ด้านความเร็วและความเร้าใจ แต่ยังสามารถเข้าถึงได้เหมือนรุ่นดั้งเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ✅ Volkswagen ยืนยันเปิดตัว GTI ไฟฟ้ารุ่นแรก - CEO ของ Volkswagen ยืนยันว่ารุ่น ID 2 GTI จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นแรกที่ใช้ตราสัญลักษณ์ GTI - รถต้นแบบ ID GTI Concept ได้รับการเผยโฉมเมื่อปี 2023 และบ่งบอกแนวทางของรถ GTI ไฟฟ้า ✅ แผนขยายกลุ่มรถยนต์ GTI ในอนาคต - Volkswagen วางแผนเปิดตัว GTI รุ่นอื่นๆ ในอนาคต รวมถึง Golf เจเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งจะมีรุ่น GTI ไฟฟ้าด้วย - คาดว่าจะมีการเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงในกลุ่ม GTI อีกหลายรุ่น ✅ ความต้องการของ Volkswagen ต่อ GTI ไฟฟ้า - รถต้องมีความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของเสียง การขับขี่ และความสนุกในการใช้งาน - Volkswagen เน้นความสามารถในการขับขี่ที่เร้าใจ ควบคู่กับราคาที่จับต้องได้ https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/volkswagen-says-mind-blowing-electric-gti-evs-are-coming-heres-what-to-expect-and-what-i-want-to-see
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • พบอุปกรณ์สื่อสารซ่อนอยู่ในเทคโนโลยีพลังงานจากจีน: สหรัฐฯ เร่งประเมินความเสี่ยง

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังตรวจสอบ อุปกรณ์สื่อสารที่ถูกซ่อนอยู่ในอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์จากจีน ซึ่งอาจมีศักยภาพในการ ก่อกวนโครงข่ายไฟฟ้า และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

    อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์จากจีนถูกพบว่ามีอุปกรณ์สื่อสารซ่อนอยู่
    - อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถเปลี่ยนค่าการตั้งค่าและปิดระบบจากระยะไกล

    อินเวอร์เตอร์มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อแหล่งพลังงานหมุนเวียนกับโครงข่ายไฟฟ้า
    - ใช้ใน แผงโซลาร์เซลล์, กังหันลม, ปั๊มความร้อน, แบตเตอรี่ และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

    พบอุปกรณ์สื่อสาร เช่น วิทยุเซลลูลาร์ในแบตเตอรี่ที่นำเข้าจากจีน
    - การค้นพบนี้ เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา

    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ กำลังประเมินความเสี่ยงของเทคโนโลยีจากจีน
    - มีความกังวลเกี่ยวกับ การเปิดเผยข้อมูลและฟังก์ชันที่ไม่ได้รับการรายงานจากผู้ผลิต

    Huawei เป็นผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็น 29% ของตลาดในปี 2022
    - อาจมีผลกระทบต่อ การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีน

    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-energy-tech-exports-found-to-contain-hidden-comms-and-radio-devices
    พบอุปกรณ์สื่อสารซ่อนอยู่ในเทคโนโลยีพลังงานจากจีน: สหรัฐฯ เร่งประเมินความเสี่ยง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังตรวจสอบ อุปกรณ์สื่อสารที่ถูกซ่อนอยู่ในอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์จากจีน ซึ่งอาจมีศักยภาพในการ ก่อกวนโครงข่ายไฟฟ้า และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ✅ อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์จากจีนถูกพบว่ามีอุปกรณ์สื่อสารซ่อนอยู่ - อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถเปลี่ยนค่าการตั้งค่าและปิดระบบจากระยะไกล ✅ อินเวอร์เตอร์มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อแหล่งพลังงานหมุนเวียนกับโครงข่ายไฟฟ้า - ใช้ใน แผงโซลาร์เซลล์, กังหันลม, ปั๊มความร้อน, แบตเตอรี่ และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ✅ พบอุปกรณ์สื่อสาร เช่น วิทยุเซลลูลาร์ในแบตเตอรี่ที่นำเข้าจากจีน - การค้นพบนี้ เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ✅ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ กำลังประเมินความเสี่ยงของเทคโนโลยีจากจีน - มีความกังวลเกี่ยวกับ การเปิดเผยข้อมูลและฟังก์ชันที่ไม่ได้รับการรายงานจากผู้ผลิต ✅ Huawei เป็นผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็น 29% ของตลาดในปี 2022 - อาจมีผลกระทบต่อ การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีน https://www.techradar.com/pro/security/chinese-energy-tech-exports-found-to-contain-hidden-comms-and-radio-devices
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • GM เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ใหม่: เพิ่มระยะทางและลดต้นทุนการผลิตภายในปี 2028

    General Motors (GM) และ LG Energy Solution กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ลิเธียมแมงกานีส (LMR) รุ่นใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการ เพิ่มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าและลดต้นทุนการผลิต โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2028

    GM และ LG Energy Solution พัฒนาแบตเตอรี่ LMR เพื่อใช้ในรถบรรทุกไฟฟ้าและ SUV
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ GM แข่งขันกับ Tesla และ Ford ในตลาด EV ระดับพรีเมียม

    แบตเตอรี่ LMR มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่าลิเธียมไอออนฟอสเฟตถึง 33%
    - ลดการใช้โคบอลต์ ซึ่งมีราคาสูงและไม่ยั่งยืน

    GM วางแผนเริ่มผลิตแบตเตอรี่ LMR ในสหรัฐฯ ปี 2027 และผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2028
    - ใช้แบรนด์ Ultium Cells และทดสอบที่ศูนย์พัฒนาแบตเตอรี่ในมิชิแกน

    แบตเตอรี่ LMR ใช้ดีไซน์แบบปริซึมแทนแบบซอง
    - ช่วยให้ บรรจุพลังงานได้มากขึ้นและลดต้นทุนการผลิต

    GM ตั้งเป้าให้รถบรรทุกไฟฟ้า เช่น Chevrolet Silverado EV มีระยะทางเกิน 400 ไมล์
    - เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Ford และ Tesla

    แบตเตอรี่ LMR เคยมีปัญหาด้านความเสถียร เช่น การเสื่อมสภาพของแรงดันไฟฟ้า
    - GM ใช้เวลากว่า 10 ปีในการแก้ไขปัญหานี้

    Ford วางแผนเปิดตัวแบตเตอรี่ LMR ในปี 2030 ซึ่งอาจทำให้ GM ได้เปรียบในตลาด
    - ต้องติดตามว่า Ford จะเร่งการพัฒนาเพื่อแข่งขันหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107911-new-gm-ev-battery-tech-promises-extended-range.html
    GM เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ใหม่: เพิ่มระยะทางและลดต้นทุนการผลิตภายในปี 2028 General Motors (GM) และ LG Energy Solution กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ลิเธียมแมงกานีส (LMR) รุ่นใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการ เพิ่มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าและลดต้นทุนการผลิต โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2028 ✅ GM และ LG Energy Solution พัฒนาแบตเตอรี่ LMR เพื่อใช้ในรถบรรทุกไฟฟ้าและ SUV - เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ GM แข่งขันกับ Tesla และ Ford ในตลาด EV ระดับพรีเมียม ✅ แบตเตอรี่ LMR มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่าลิเธียมไอออนฟอสเฟตถึง 33% - ลดการใช้โคบอลต์ ซึ่งมีราคาสูงและไม่ยั่งยืน ✅ GM วางแผนเริ่มผลิตแบตเตอรี่ LMR ในสหรัฐฯ ปี 2027 และผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2028 - ใช้แบรนด์ Ultium Cells และทดสอบที่ศูนย์พัฒนาแบตเตอรี่ในมิชิแกน ✅ แบตเตอรี่ LMR ใช้ดีไซน์แบบปริซึมแทนแบบซอง - ช่วยให้ บรรจุพลังงานได้มากขึ้นและลดต้นทุนการผลิต ✅ GM ตั้งเป้าให้รถบรรทุกไฟฟ้า เช่น Chevrolet Silverado EV มีระยะทางเกิน 400 ไมล์ - เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Ford และ Tesla ‼️ แบตเตอรี่ LMR เคยมีปัญหาด้านความเสถียร เช่น การเสื่อมสภาพของแรงดันไฟฟ้า - GM ใช้เวลากว่า 10 ปีในการแก้ไขปัญหานี้ ‼️ Ford วางแผนเปิดตัวแบตเตอรี่ LMR ในปี 2030 ซึ่งอาจทำให้ GM ได้เปรียบในตลาด - ต้องติดตามว่า Ford จะเร่งการพัฒนาเพื่อแข่งขันหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107911-new-gm-ev-battery-tech-promises-extended-range.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New GM EV battery tech promises extended range and lower production costs by 2028
    General Motors and LG Energy Solution are poised to launch a new era for electric vehicles with the commercial release of lithium manganese-rich (LMR) prismatic battery cells....
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • Phison E28: SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด PCIe 5.0

    Phison ได้เปิดตัว PS5028-E28 ซึ่งเป็น คอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่สำหรับ PCIe 5.0 โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung 9100 Pro, Micron 4600 และ Acer Predator GM9000 ตามผลการทดสอบ PCMark 10

    Phison E28 มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 18-32% ตามผลการทดสอบ PCMark 10
    - เร็วกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 18%
    - เร็วกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 32%

    Phison E28 มีแบนด์วิดท์สูงกว่าคู่แข่งถึง 16-29%
    - แบนด์วิดท์สูงกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 16%
    - สูงกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 29%

    Phison E28 มีค่า Access Time ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 17-26%
    - ค่า Access Time ต่ำกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 17%
    - ต่ำกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 26%

    Phison E28 มีประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงกว่าคู่แข่งถึง 36% และ 15% ตามลำดับ
    - Random Read สูงกว่าถึง 36%
    - Random Write สูงกว่าถึง 15%

    Phison E28 ใช้ NAND ที่มีความเร็วสูงกว่าคู่แข่ง
    - ใช้ Micron 276-layer B68S FortisFlash NAND ที่ 3,600 MT/s
    - คู่แข่งบางรายใช้ Micron 232-layer B58R FortisFlash ที่ 2,400 MT/s

    ประวัติของ Phison Electronics Corporation

    ก่อตั้งขึ้นในปี 2000
    - Phison Electronics Corporation ก่อตั้งโดย Datuk Pua Khein Seng และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 4 คน
    - เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันที่ เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตคอนโทรลเลอร์สำหรับ NAND flash memory

    ผลิตภัณฑ์แรกของ Phison คือ USB Flash Drive แบบชิปเดียว
    - Phison อ้างว่าเป็น ผู้ผลิต USB Flash Drive แบบชิปเดียวรายแรกของโลก

    เป็นสมาชิกของ Open NAND Flash Interface Working Group (ONFI)
    - มีบทบาทสำคัญในการ กำหนดมาตรฐานฮาร์ดแวร์สำหรับ NAND flash memory

    ขยายธุรกิจสู่ตลาด SSD และ NVMe
    - ในปี 2019 Phison เปิดตัว PS-50 series เช่น PS5018-E18 ที่รองรับ PCIe 4.0 NVMe SSD
    - ในปี 2022 Phison เปิดตัว E26 SSD controller ที่มีความเร็วสูงขึ้น

    ร่วมมือกับ Seagate ในปี 2022
    - เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่าย NVMe SSD สำหรับตลาดองค์กร

    มีศูนย์วิจัยและพัฒนาในหลายประเทศ
    - เคยตั้งศูนย์ R&D ใน Bayan Lepas, มาเลเซีย ในปี 2012 แต่ปิดตัวลงในปี 2019
    - ในปี 2024 Phison ก่อตั้ง MaiStorage ใน Puchong, มาเลเซีย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี IC และการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ ศูนย์ข้อมูล, รถยนต์ไฟฟ้า และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/exclusive-phison-e28-ssd-trashes-the-fastest-ssds-on-the-market-in-new-benchmark
    Phison E28: SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด PCIe 5.0 Phison ได้เปิดตัว PS5028-E28 ซึ่งเป็น คอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่สำหรับ PCIe 5.0 โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung 9100 Pro, Micron 4600 และ Acer Predator GM9000 ตามผลการทดสอบ PCMark 10 ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 18-32% ตามผลการทดสอบ PCMark 10 - เร็วกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 18% - เร็วกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 32% ✅ Phison E28 มีแบนด์วิดท์สูงกว่าคู่แข่งถึง 16-29% - แบนด์วิดท์สูงกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 16% - สูงกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 29% ✅ Phison E28 มีค่า Access Time ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 17-26% - ค่า Access Time ต่ำกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 17% - ต่ำกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 26% ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงกว่าคู่แข่งถึง 36% และ 15% ตามลำดับ - Random Read สูงกว่าถึง 36% - Random Write สูงกว่าถึง 15% ✅ Phison E28 ใช้ NAND ที่มีความเร็วสูงกว่าคู่แข่ง - ใช้ Micron 276-layer B68S FortisFlash NAND ที่ 3,600 MT/s - คู่แข่งบางรายใช้ Micron 232-layer B58R FortisFlash ที่ 2,400 MT/s ℹ️ℹ️ℹ️ประวัติของ Phison Electronics Corporationℹ️ℹ️ℹ️ ✅ ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 - Phison Electronics Corporation ก่อตั้งโดย Datuk Pua Khein Seng และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 4 คน - เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันที่ เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตคอนโทรลเลอร์สำหรับ NAND flash memory ✅ ผลิตภัณฑ์แรกของ Phison คือ USB Flash Drive แบบชิปเดียว - Phison อ้างว่าเป็น ผู้ผลิต USB Flash Drive แบบชิปเดียวรายแรกของโลก ✅ เป็นสมาชิกของ Open NAND Flash Interface Working Group (ONFI) - มีบทบาทสำคัญในการ กำหนดมาตรฐานฮาร์ดแวร์สำหรับ NAND flash memory ✅ ขยายธุรกิจสู่ตลาด SSD และ NVMe - ในปี 2019 Phison เปิดตัว PS-50 series เช่น PS5018-E18 ที่รองรับ PCIe 4.0 NVMe SSD - ในปี 2022 Phison เปิดตัว E26 SSD controller ที่มีความเร็วสูงขึ้น ✅ ร่วมมือกับ Seagate ในปี 2022 - เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่าย NVMe SSD สำหรับตลาดองค์กร ✅ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาในหลายประเทศ - เคยตั้งศูนย์ R&D ใน Bayan Lepas, มาเลเซีย ในปี 2012 แต่ปิดตัวลงในปี 2019 - ในปี 2024 Phison ก่อตั้ง MaiStorage ใน Puchong, มาเลเซีย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี IC และการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ ศูนย์ข้อมูล, รถยนต์ไฟฟ้า และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/exclusive-phison-e28-ssd-trashes-the-fastest-ssds-on-the-market-in-new-benchmark
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • Jeep กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ ด้วยการเปิดตัว Compass รุ่นใหม่ ที่มีเฉพาะ ระบบไฮบริดและไฟฟ้า เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการ ยุติยุคของรถ SUV ที่กินน้ำมันมาก

    แม้ว่า Jeep จะเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของ รถออฟโรดที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป แต่บริษัทกำลัง ขยายตลาดในยุโรป โดยใช้ แพลตฟอร์ม STLA Medium ของ Stellantis ซึ่งรองรับ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

    Jeep Compass รุ่นใหม่มีเฉพาะระบบไฮบริดและไฟฟ้า
    - ไม่มีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียว
    - เป็นการ ปรับตัวให้เข้ากับตลาดยุโรปที่กำลังเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า

    ใช้แพลตฟอร์ม STLA Medium ของ Stellantis
    - เป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ Peugeot, Vauxhall และ Citroen
    - รองรับ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

    รุ่นไฟฟ้ามีให้เลือกสองระดับกำลัง
    - 211 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ 73kWh (ระยะทาง 311 ไมล์)
    - 229 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ 96kWh (ระยะทาง 404 ไมล์)

    รุ่น 4xe มีมอเตอร์เสริมที่ล้อหลัง
    - ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า
    - สามารถปีนทางลาดชัน 20% ได้แม้ไม่มีแรงฉุดที่ล้อหน้า

    รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 160kW
    - สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายใน 30 นาที

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/jeep-signals-the-end-of-an-era-for-gas-guzzling-off-roaders-as-all-new-compass-goes-hybrid-or-electric-only
    Jeep กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ ด้วยการเปิดตัว Compass รุ่นใหม่ ที่มีเฉพาะ ระบบไฮบริดและไฟฟ้า เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการ ยุติยุคของรถ SUV ที่กินน้ำมันมาก แม้ว่า Jeep จะเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของ รถออฟโรดที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป แต่บริษัทกำลัง ขยายตลาดในยุโรป โดยใช้ แพลตฟอร์ม STLA Medium ของ Stellantis ซึ่งรองรับ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ✅ Jeep Compass รุ่นใหม่มีเฉพาะระบบไฮบริดและไฟฟ้า - ไม่มีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียว - เป็นการ ปรับตัวให้เข้ากับตลาดยุโรปที่กำลังเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ✅ ใช้แพลตฟอร์ม STLA Medium ของ Stellantis - เป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ Peugeot, Vauxhall และ Citroen - รองรับ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ✅ รุ่นไฟฟ้ามีให้เลือกสองระดับกำลัง - 211 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ 73kWh (ระยะทาง 311 ไมล์) - 229 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ 96kWh (ระยะทาง 404 ไมล์) ✅ รุ่น 4xe มีมอเตอร์เสริมที่ล้อหลัง - ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า - สามารถปีนทางลาดชัน 20% ได้แม้ไม่มีแรงฉุดที่ล้อหน้า ✅ รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 160kW - สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายใน 30 นาที https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/jeep-signals-the-end-of-an-era-for-gas-guzzling-off-roaders-as-all-new-compass-goes-hybrid-or-electric-only
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังผลักดัน เศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ โดยใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญในการรีไซเคิล

    บริษัทรีไซเคิลในจีน เช่น Ma Long’s recycling company กำลังสร้างกำไรจาก การสกัดลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล จากแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งช่วยให้จีนสามารถ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ในขณะที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

    จีนใช้แบตเตอรี่ EV และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ
    - ช่วยให้สามารถ รีไซเคิลลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

    บริษัทรีไซเคิลในจีนกำลังสร้างกำไรจากการสกัดวัสดุสำคัญ
    - เช่น Ma Long’s recycling company
    - ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการ สกัดโลหะมีค่าและนำกลับมาใช้ใหม่

    ผลกระทบต่อความมั่นคงด้านทรัพยากรของจีน
    - ช่วยให้จีนสามารถ รักษาความมั่นคงด้านวัตถุดิบ
    - ลดผลกระทบจาก สงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - อุตสาหกรรมรีไซเคิลอาจ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - อาจช่วยให้จีน เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/chinas-dying-ev-batteries-solar-cells-are-powering-a-circular-economy-in-new-energy-era
    จีนกำลังผลักดัน เศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ โดยใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญในการรีไซเคิล บริษัทรีไซเคิลในจีน เช่น Ma Long’s recycling company กำลังสร้างกำไรจาก การสกัดลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล จากแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งช่วยให้จีนสามารถ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ในขณะที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ✅ จีนใช้แบตเตอรี่ EV และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ - ช่วยให้สามารถ รีไซเคิลลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล - ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ✅ บริษัทรีไซเคิลในจีนกำลังสร้างกำไรจากการสกัดวัสดุสำคัญ - เช่น Ma Long’s recycling company - ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการ สกัดโลหะมีค่าและนำกลับมาใช้ใหม่ ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงด้านทรัพยากรของจีน - ช่วยให้จีนสามารถ รักษาความมั่นคงด้านวัตถุดิบ - ลดผลกระทบจาก สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - อุตสาหกรรมรีไซเคิลอาจ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว - อาจช่วยให้จีน เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/chinas-dying-ev-batteries-solar-cells-are-powering-a-circular-economy-in-new-energy-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China’s dying EV batteries, solar cells are powering a circular economy in new-energy era
    Recycling critical materials such as lithium, cobalt and nickel are driving profits and shoring up China's resource security as trade war with US hits supply chains.
    0 Comments 0 Shares 494 Views 0 Reviews
  • แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่หมดอายุการใช้งานอาจมีบทบาทสำคัญในการ จัดเก็บพลังงานสำหรับบ้านหรือแม้แต่เมือง หากผู้ผลิตแบตเตอรี่เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสุขภาพและองค์ประกอบของแบตเตอรี่

    ปัจจุบัน EV กว่า 17 ล้านคันถูกขายทั่วโลกในปีที่ผ่านมา และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคันในปีนี้ ส่งผลให้เกิดความท้าทายใหม่เกี่ยวกับ การจัดการแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งโดยเฉลี่ยมีอายุการใช้งาน 12-15 ปี แต่ข้อมูลจริงชี้ว่าอาจใช้งานได้นานกว่านั้นถึง 40%

    นักวิจัยระบุว่า แบตเตอรี่ EV ที่หมดอายุยังคงมีพลังงานเหลืออยู่ และสามารถนำไปใช้กับ ยานพาหนะขนาดเล็ก, บ้าน หรือแม้แต่เมือง หากมีการเชื่อมต่อกันเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพแบตเตอรี่ยังคงเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากผู้ผลิตมักไม่เปิดเผยข้อมูลนี้

    ศักยภาพของแบตเตอรี่ EV ที่หมดอายุ
    - สามารถใช้กับ ยานพาหนะขนาดเล็ก, บ้าน หรือแม้แต่เมือง
    - อายุการใช้งานเฉลี่ย 12-15 ปี แต่บางกรณีอาจนานกว่านั้นถึง 40%

    ปัญหาการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่
    - ผู้ผลิตมักไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ สุขภาพแบตเตอรี่และองค์ประกอบทางเคมี
    - ทำให้การประเมินความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องยาก

    ความท้าทายในการรีไซเคิลแบตเตอรี่
    - แบตเตอรี่ EV มีแร่ธาตุสำคัญ เช่น นิกเกิล, โคบอลต์, ลิเธียม และแมงกานีส
    - การรีไซเคิลแบตเตอรี่ต้องใช้พลังงานสูงและกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน

    แนวทางแก้ไขที่กำลังดำเนินการ
    - แคลิฟอร์เนียออกกฎหมายในปี 2021 บังคับให้ผู้ผลิตเปิดเผยข้อมูลแบตเตอรี่แก่ผู้รีไซเคิล
    - สหภาพยุโรปจะบังคับใช้ "Digital Passport" สำหรับแบตเตอรี่ EV ตั้งแต่ปี 2027

    https://www.techspot.com/news/107733-used-ev-batteries-could-power-vehicles-houses-or.html
    แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่หมดอายุการใช้งานอาจมีบทบาทสำคัญในการ จัดเก็บพลังงานสำหรับบ้านหรือแม้แต่เมือง หากผู้ผลิตแบตเตอรี่เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสุขภาพและองค์ประกอบของแบตเตอรี่ ปัจจุบัน EV กว่า 17 ล้านคันถูกขายทั่วโลกในปีที่ผ่านมา และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคันในปีนี้ ส่งผลให้เกิดความท้าทายใหม่เกี่ยวกับ การจัดการแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งโดยเฉลี่ยมีอายุการใช้งาน 12-15 ปี แต่ข้อมูลจริงชี้ว่าอาจใช้งานได้นานกว่านั้นถึง 40% นักวิจัยระบุว่า แบตเตอรี่ EV ที่หมดอายุยังคงมีพลังงานเหลืออยู่ และสามารถนำไปใช้กับ ยานพาหนะขนาดเล็ก, บ้าน หรือแม้แต่เมือง หากมีการเชื่อมต่อกันเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพแบตเตอรี่ยังคงเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากผู้ผลิตมักไม่เปิดเผยข้อมูลนี้ ✅ ศักยภาพของแบตเตอรี่ EV ที่หมดอายุ - สามารถใช้กับ ยานพาหนะขนาดเล็ก, บ้าน หรือแม้แต่เมือง - อายุการใช้งานเฉลี่ย 12-15 ปี แต่บางกรณีอาจนานกว่านั้นถึง 40% ✅ ปัญหาการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่ - ผู้ผลิตมักไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ สุขภาพแบตเตอรี่และองค์ประกอบทางเคมี - ทำให้การประเมินความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องยาก ✅ ความท้าทายในการรีไซเคิลแบตเตอรี่ - แบตเตอรี่ EV มีแร่ธาตุสำคัญ เช่น นิกเกิล, โคบอลต์, ลิเธียม และแมงกานีส - การรีไซเคิลแบตเตอรี่ต้องใช้พลังงานสูงและกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน ✅ แนวทางแก้ไขที่กำลังดำเนินการ - แคลิฟอร์เนียออกกฎหมายในปี 2021 บังคับให้ผู้ผลิตเปิดเผยข้อมูลแบตเตอรี่แก่ผู้รีไซเคิล - สหภาพยุโรปจะบังคับใช้ "Digital Passport" สำหรับแบตเตอรี่ EV ตั้งแต่ปี 2027 https://www.techspot.com/news/107733-used-ev-batteries-could-power-vehicles-houses-or.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Used EV batteries could power vehicles, houses or even towns – if their manufacturers share vital data
    Around the world, more and more electric vehicles are hitting the road. Last year, more than 17 million battery-electric and hybrid vehicles were sold. Early forecasts suggest...
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

    WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่"

    รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

    อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป

    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่

    การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla
    - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ"
    - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X

    สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla
    - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025
    - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน

    บทบาททางการเมืองของ Musk
    - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE
    - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป

    ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla
    - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่
    - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า

    https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง" WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่" รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025 - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk accuses WSJ of lying about Tesla looking for a new CEO
    A recent report claimed that the Tesla board was seeking to replace its CEO. Now, Tesla's chair and Elon Musk have called this report false.
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก MG และ Zeekr ในงาน Shanghai Motor Show โดย MG ได้เปิดตัว Cyber X ซึ่งเป็น SUV ที่มีดีไซน์โดดเด่นพร้อมไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน ส่วน Zeekr ได้เปิดตัว 9X ซึ่งเป็น SUV ไฮบริดที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดรถยนต์หรูระดับสูง โดยมีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga

    MG Cyber X: SUV ดีไซน์โดดเด่น
    - มีไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน
    - ออกแบบโดย Jozef Kaban อดีตนักออกแบบของ VW และ Bugatti Veyron

    Zeekr 9X: SUV ไฮบริดระดับหรู
    - มีราคาประมาณ $70,000 ซึ่งถูกกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga
    - มาพร้อมหน้าจอขนาด 43 นิ้วในห้องโดยสารหลัง และเทคโนโลยี G-Pilot สำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3

    แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
    - ความต้องการรถยนต์หรูจากแบรนด์ตะวันตกลดลงในจีน
    - ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจแบรนด์ในประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า

    การขยายตลาดของ MG และ Zeekr
    - MG และ Zeekr กำลังขยายตลาดไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/mg-and-zeekr-show-us-the-future-of-electric-suvs-and-it-includes-the-return-of-pop-up-headlights
    ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก MG และ Zeekr ในงาน Shanghai Motor Show โดย MG ได้เปิดตัว Cyber X ซึ่งเป็น SUV ที่มีดีไซน์โดดเด่นพร้อมไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน ส่วน Zeekr ได้เปิดตัว 9X ซึ่งเป็น SUV ไฮบริดที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดรถยนต์หรูระดับสูง โดยมีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga ✅ MG Cyber X: SUV ดีไซน์โดดเด่น - มีไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน - ออกแบบโดย Jozef Kaban อดีตนักออกแบบของ VW และ Bugatti Veyron ✅ Zeekr 9X: SUV ไฮบริดระดับหรู - มีราคาประมาณ $70,000 ซึ่งถูกกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga - มาพร้อมหน้าจอขนาด 43 นิ้วในห้องโดยสารหลัง และเทคโนโลยี G-Pilot สำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ✅ แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน - ความต้องการรถยนต์หรูจากแบรนด์ตะวันตกลดลงในจีน - ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจแบรนด์ในประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ✅ การขยายตลาดของ MG และ Zeekr - MG และ Zeekr กำลังขยายตลาดไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/mg-and-zeekr-show-us-the-future-of-electric-suvs-and-it-includes-the-return-of-pop-up-headlights
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยแบตเตอรี่รุ่นใหม่สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ถึง 800 กิโลเมตร และชาร์จไฟได้ในเวลาเพียง 5 นาที นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนที่มีความปลอดภัยสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอากาศหนาวเย็น

    แบตเตอรี่ Shenxing รุ่นใหม่เพิ่มระยะทางการขับขี่และความเร็วในการชาร์จ
    - เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ถึง 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    - ชาร์จไฟได้ 520 กิโลเมตรในเวลาเพียง 5 นาที

    การออกแบบแบตเตอรี่เสริมที่ไม่มีกราไฟต์
    - ลดต้นทุนและเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้ถึง 60% ต่อพื้นที่
    - ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้โดยสารและรองรับการใช้งานในรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

    แบตเตอรี่โซเดียมไอออน Naxtra มีความปลอดภัยสูง
    - ทนต่ออุณหภูมิต่ำถึง -40 องศาเซลเซียส และรักษาประสิทธิภาพการชาร์จได้ถึง 90%
    - เหมาะสำหรับรถบรรทุกในพื้นที่หนาวเย็น เช่น ภาคเหนือของจีน

    CATL มีแผนการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในเดือนธันวาคมนี้
    - แบตเตอรี่โซเดียมไอออนอาจเข้ามาแทนที่แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟตในตลาดบางส่วน

    https://www.techspot.com/news/107637-catl-unveils-cheaper-lighter-faster-ev-batteries-breakthroughs.html
    CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยแบตเตอรี่รุ่นใหม่สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ถึง 800 กิโลเมตร และชาร์จไฟได้ในเวลาเพียง 5 นาที นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนที่มีความปลอดภัยสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอากาศหนาวเย็น ✅ แบตเตอรี่ Shenxing รุ่นใหม่เพิ่มระยะทางการขับขี่และความเร็วในการชาร์จ - เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ถึง 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง - ชาร์จไฟได้ 520 กิโลเมตรในเวลาเพียง 5 นาที ✅ การออกแบบแบตเตอรี่เสริมที่ไม่มีกราไฟต์ - ลดต้นทุนและเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้ถึง 60% ต่อพื้นที่ - ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้โดยสารและรองรับการใช้งานในรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ✅ แบตเตอรี่โซเดียมไอออน Naxtra มีความปลอดภัยสูง - ทนต่ออุณหภูมิต่ำถึง -40 องศาเซลเซียส และรักษาประสิทธิภาพการชาร์จได้ถึง 90% - เหมาะสำหรับรถบรรทุกในพื้นที่หนาวเย็น เช่น ภาคเหนือของจีน ✅ CATL มีแผนการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในเดือนธันวาคมนี้ - แบตเตอรี่โซเดียมไอออนอาจเข้ามาแทนที่แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟตในตลาดบางส่วน https://www.techspot.com/news/107637-catl-unveils-cheaper-lighter-faster-ev-batteries-breakthroughs.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    CATL's new battery tech promises 800-km range and five-minute charging
    At a press event reminiscent of a high-profile car launch, China's leading battery maker CATL detailed innovations that could bring electric cars closer to price and performance...
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 Comments 0 Shares 1553 Views 0 Reviews
  • นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่:

    Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments)

    Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production)

    Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines)

    Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts)

    Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors)

    นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่: 👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments) 👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production) 👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines) 👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts) 👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors) นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 774 Views 0 Reviews
  • จีนและสหภาพยุโรปกลับมาเริ่มเจรจาเพื่อยกเลิกภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน
    จีนและสหภาพยุโรปกลับมาเริ่มเจรจาเพื่อยกเลิกภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • แม้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงอย่าง 1 MW จะน่าตื่นเต้น แต่ยังมีข้อจำกัดทั้งด้านต้นทุน ระบบการระบายความร้อน และโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการของแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น อาจเป็นคำตอบที่เรียบง่ายกว่าสำหรับผู้ใช้งาน EV ทั่วไป

    == ความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัด ==
    BYD Super e-Platform: ชาร์จได้เร็วถึง 249 ไมล์ใน 5 นาที
    Zeekr Golden Battery: ลดเวลา 10%-80% เหลือเพียง 9 นาทีด้วยระบบน้ำหล่อเย็น
    Huawei และการชาร์จ 1.5 MW: ระบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนวิธีการชาร์จรถยนต์ในอนาคต

    == ข้อจำกัดที่ต้องคำนึงถึง ==
    - ความเสถียรของการส่งพลังงาน: BYD พบว่าการรักษากำลังไฟ 1000V และ 1000A เป็นสิ่งที่ยากในโลกแห่งความเป็นจริง
    - ต้นทุนการผลิตและการดูแล: เครื่องชาร์จ 1 MW จำเป็นต้องมีระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบชาร์จทั่วไปถึง 5 เท่า
    - ผลกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้า: พลังงานที่ต้องใช้สูงมากอาจทำให้กระทบต่อผู้ใช้งานในพื้นที่

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/the-ultra-fast-ev-charging-revolution-could-still-be-a-way-off-according-to-these-early-megawatt-experiences
    แม้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงอย่าง 1 MW จะน่าตื่นเต้น แต่ยังมีข้อจำกัดทั้งด้านต้นทุน ระบบการระบายความร้อน และโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการของแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น อาจเป็นคำตอบที่เรียบง่ายกว่าสำหรับผู้ใช้งาน EV ทั่วไป == ความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัด == ✅ BYD Super e-Platform: ชาร์จได้เร็วถึง 249 ไมล์ใน 5 นาที ✅ Zeekr Golden Battery: ลดเวลา 10%-80% เหลือเพียง 9 นาทีด้วยระบบน้ำหล่อเย็น ✅ Huawei และการชาร์จ 1.5 MW: ระบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนวิธีการชาร์จรถยนต์ในอนาคต == ข้อจำกัดที่ต้องคำนึงถึง == - ความเสถียรของการส่งพลังงาน: BYD พบว่าการรักษากำลังไฟ 1000V และ 1000A เป็นสิ่งที่ยากในโลกแห่งความเป็นจริง - ต้นทุนการผลิตและการดูแล: เครื่องชาร์จ 1 MW จำเป็นต้องมีระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบชาร์จทั่วไปถึง 5 เท่า - ผลกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้า: พลังงานที่ต้องใช้สูงมากอาจทำให้กระทบต่อผู้ใช้งานในพื้นที่ https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/the-ultra-fast-ev-charging-revolution-could-still-be-a-way-off-according-to-these-early-megawatt-experiences
    0 Comments 0 Shares 464 Views 0 Reviews
More Results