“เยอรมนีพบแหล่งลิเทียมมหาศาล – อาจเปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั้งยุโรป!”
บริษัท Neptune Energy จากสหราชอาณาจักรประกาศการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดมหึมาในรัฐ Saxony-Anhalt ประเทศเยอรมนี โดยมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมากกว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
แหล่งนี้เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน และตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Direct Lithium Extraction (DLE) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้บ่อระเหยน้ำเกลือขนาดใหญ่ และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการทำเหมืองแบบเดิม
Neptune Energy ได้ทดลองใช้ DLE กับพันธมิตรชื่อ Lilac และกำลังทดสอบกระบวนการดูดซับลิเทียมจากน้ำเกลือ ซึ่งอาจช่วยให้เยอรมนีสามารถผลิตลิเทียมได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนหรือประเทศใน “ลิเทียมไทรแองเกิล” (ชิลี, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย)
ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันต้องนำเข้าลิเทียมจากต่างประเทศ และยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน ทำให้ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า หากเยอรมนีสามารถผลิตและแปรรูปลิเทียมเองได้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงทางอุตสาหกรรมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหมืองและโรงงานแปรรูปต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ชัดว่าเยอรมนีจะสามารถแข่งขันกับจีนในด้านต้นทุนแรงงานและการผลิตได้หรือไม่
การค้นพบแหล่งลิเทียมในเยอรมนี
พบในรัฐ Saxony-Anhalt โดย Neptune Energy
ปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน
ใหญ่กว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน
เทคโนโลยีการสกัดลิเทียม
ใช้ Direct Lithium Extraction (DLE) แทนการทำเหมืองหรือบ่อระเหย
ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า
ทดลองร่วมกับบริษัท Lilac
กำลังทดสอบกระบวนการดูดซับจากน้ำเกลือ
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม EV
ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันพึ่งพาลิเทียมจากจีนและลิเทียมไทรแองเกิล
ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า
หากผลิตเองได้จะลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคง
อาจเปลี่ยนให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางใหม่ของ supply chain EV
https://www.slashgear.com/1998530/one-of-worlds-largest-lithium-deposits-found-could-reshape-ev-future/
บริษัท Neptune Energy จากสหราชอาณาจักรประกาศการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดมหึมาในรัฐ Saxony-Anhalt ประเทศเยอรมนี โดยมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมากกว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
แหล่งนี้เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน และตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Direct Lithium Extraction (DLE) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้บ่อระเหยน้ำเกลือขนาดใหญ่ และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการทำเหมืองแบบเดิม
Neptune Energy ได้ทดลองใช้ DLE กับพันธมิตรชื่อ Lilac และกำลังทดสอบกระบวนการดูดซับลิเทียมจากน้ำเกลือ ซึ่งอาจช่วยให้เยอรมนีสามารถผลิตลิเทียมได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนหรือประเทศใน “ลิเทียมไทรแองเกิล” (ชิลี, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย)
ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันต้องนำเข้าลิเทียมจากต่างประเทศ และยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน ทำให้ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า หากเยอรมนีสามารถผลิตและแปรรูปลิเทียมเองได้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงทางอุตสาหกรรมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหมืองและโรงงานแปรรูปต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ชัดว่าเยอรมนีจะสามารถแข่งขันกับจีนในด้านต้นทุนแรงงานและการผลิตได้หรือไม่
การค้นพบแหล่งลิเทียมในเยอรมนี
พบในรัฐ Saxony-Anhalt โดย Neptune Energy
ปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน
ใหญ่กว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน
เทคโนโลยีการสกัดลิเทียม
ใช้ Direct Lithium Extraction (DLE) แทนการทำเหมืองหรือบ่อระเหย
ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า
ทดลองร่วมกับบริษัท Lilac
กำลังทดสอบกระบวนการดูดซับจากน้ำเกลือ
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม EV
ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันพึ่งพาลิเทียมจากจีนและลิเทียมไทรแองเกิล
ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า
หากผลิตเองได้จะลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคง
อาจเปลี่ยนให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางใหม่ของ supply chain EV
https://www.slashgear.com/1998530/one-of-worlds-largest-lithium-deposits-found-could-reshape-ev-future/
🔋 “เยอรมนีพบแหล่งลิเทียมมหาศาล – อาจเปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั้งยุโรป!”
บริษัท Neptune Energy จากสหราชอาณาจักรประกาศการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดมหึมาในรัฐ Saxony-Anhalt ประเทศเยอรมนี โดยมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมากกว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
แหล่งนี้เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน และตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Direct Lithium Extraction (DLE) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้บ่อระเหยน้ำเกลือขนาดใหญ่ และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการทำเหมืองแบบเดิม
Neptune Energy ได้ทดลองใช้ DLE กับพันธมิตรชื่อ Lilac และกำลังทดสอบกระบวนการดูดซับลิเทียมจากน้ำเกลือ ซึ่งอาจช่วยให้เยอรมนีสามารถผลิตลิเทียมได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนหรือประเทศใน “ลิเทียมไทรแองเกิล” (ชิลี, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย)
ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันต้องนำเข้าลิเทียมจากต่างประเทศ และยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน ทำให้ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า หากเยอรมนีสามารถผลิตและแปรรูปลิเทียมเองได้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงทางอุตสาหกรรมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหมืองและโรงงานแปรรูปต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ชัดว่าเยอรมนีจะสามารถแข่งขันกับจีนในด้านต้นทุนแรงงานและการผลิตได้หรือไม่
✅ การค้นพบแหล่งลิเทียมในเยอรมนี
➡️ พบในรัฐ Saxony-Anhalt โดย Neptune Energy
➡️ ปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน
➡️ ใหญ่กว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
➡️ เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน
✅ เทคโนโลยีการสกัดลิเทียม
➡️ ใช้ Direct Lithium Extraction (DLE) แทนการทำเหมืองหรือบ่อระเหย
➡️ ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า
➡️ ทดลองร่วมกับบริษัท Lilac
➡️ กำลังทดสอบกระบวนการดูดซับจากน้ำเกลือ
✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม EV
➡️ ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันพึ่งพาลิเทียมจากจีนและลิเทียมไทรแองเกิล
➡️ ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า
➡️ หากผลิตเองได้จะลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคง
➡️ อาจเปลี่ยนให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางใหม่ของ supply chain EV
https://www.slashgear.com/1998530/one-of-worlds-largest-lithium-deposits-found-could-reshape-ev-future/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
28 มุมมอง
0 รีวิว