• แม้จะไม่มีอะไรติดมือเลย แต่ยังเป็นหนึ่ง ในโลกโซเชียล 14/06/68 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #สโมสรฟุตบอล #โลกโซเชียล
    แม้จะไม่มีอะไรติดมือเลย แต่ยังเป็นหนึ่ง ในโลกโซเชียล 14/06/68 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #สโมสรฟุตบอล #โลกโซเชียล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 179 Views 25 0 Reviews
  • โรแมนติกกว่ารถหรู! ปกติแล้วชาวจีนนิยมใช้รถหรูเป็นรถรับเจ้าสาว ทว่าบ่าวสาวคู่หนึ่งจากลั่วเหอ มณฑลเหอหนาน กลับเลือกใช้จักรยาน จนกลายเป็นที่สนใจบนโลกโซเชียล

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าบ่าวต้องปั่นจักรยานเพื่อไปรับตัวเจ้าสาวที่บ้าน จากนั้นก็พาเธอไปที่บ้านของเขา

    เจ้าสาวแซ่ซิงเผยว่า ไอเดียดังกล่าวมาจากตัวเธอเอง เนื่องจากเธอมีงานอดิเรกเป็นการปั่นจักรยาน และชื่นชอบความรักอันแสนเรียบง่ายของคนรุ่นพ่อแม่ ซึ่งพอเสนอไอเดียนี้ไป พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก แถมยังบอกด้วยว่ามันดีกว่านั่งรถลีมูซีนเสียอีก

    "ฉันชอบปั่นจักรยาน เลยอยากเพิ่มองค์ประกอบนี้เข้าไปในงานแต่งของตัวเอง เพื่อให้แตกต่างจากงานแต่งอื่นๆ" ซิงกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000052359

    #MGROnline #รถรับเจ้าสาว #จักรยาน
    โรแมนติกกว่ารถหรู! ปกติแล้วชาวจีนนิยมใช้รถหรูเป็นรถรับเจ้าสาว ทว่าบ่าวสาวคู่หนึ่งจากลั่วเหอ มณฑลเหอหนาน กลับเลือกใช้จักรยาน จนกลายเป็นที่สนใจบนโลกโซเชียล • เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าบ่าวต้องปั่นจักรยานเพื่อไปรับตัวเจ้าสาวที่บ้าน จากนั้นก็พาเธอไปที่บ้านของเขา • เจ้าสาวแซ่ซิงเผยว่า ไอเดียดังกล่าวมาจากตัวเธอเอง เนื่องจากเธอมีงานอดิเรกเป็นการปั่นจักรยาน และชื่นชอบความรักอันแสนเรียบง่ายของคนรุ่นพ่อแม่ ซึ่งพอเสนอไอเดียนี้ไป พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก แถมยังบอกด้วยว่ามันดีกว่านั่งรถลีมูซีนเสียอีก • "ฉันชอบปั่นจักรยาน เลยอยากเพิ่มองค์ประกอบนี้เข้าไปในงานแต่งของตัวเอง เพื่อให้แตกต่างจากงานแต่งอื่นๆ" ซิงกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000052359 • #MGROnline #รถรับเจ้าสาว #จักรยาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ
    “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ"
    สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค
    /////////////////////


    อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่
    อบอุ่นเหมือนครอบครัว
    แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล

    เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568
    ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน

    ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน
    ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต
    ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว
    เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี
    (นายศิริชัย อัมพร
    นางมารศรี อัมพร
    เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ )
    ซึ่งตั้้งอยู่ที่
    หลังร้านสกายเวย์
    65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

    สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว
    เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ
    เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้
    ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก
    ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก
    กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย

    สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น
    มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ
    ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้
    ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ" สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค ///////////////////// อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่ อบอุ่นเหมือนครอบครัว แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี (นายศิริชัย อัมพร นางมารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ) ซึ่งตั้้งอยู่ที่ หลังร้านสกายเวย์ 65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้ ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้ ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️

    💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐

    🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂

    🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 Comments 0 Shares 573 Views 0 Reviews
  • #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!”

    เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844

    #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) • ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!” • เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844 • #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น

    วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง

    ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231

    #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น • วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง • ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231 • #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 657 Views 0 Reviews
  • “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    0 Comments 0 Shares 607 Views 0 Reviews
  • “สันธนะ” โต้ข่าวถูกยิงด้วยหนังสติ๊กไม่เป็นความจริง แค่โพสต์กันสนุกๆ ในโลกโซเชียลฯ แต่ยอมรับเมื่อคืนไปที่รัชดาซอย 7 จริง ให้เจ้าของกิจการรดน้ำดำหัว แนะคนที่จะทำร้าย ใช้อาวุธปืนเลยดีกว่า แต่ต้องจำทะเบียนรถของตน 7 คันให้ได้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน

    วันนี้(12 เม.ย.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เปิดเผยกรณีมีข่าวว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงด้วยหนังสติ๊กบริเวณซอย 7 ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเมื่อคืนได้ไปสถานที่บริเวณดังกล่าว เพราะผู้ประกอบการเคารพนับถือตนอยู่ จึงได้เชิญไปเพื่อรดน้ำดำหัว และให้พรเกี่ยวกับธุรกิจของเขา โดยได้ไปช่วงเย็นและอยู่จนค่ำ กลับประมาณ 4 ทุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับที่มีการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่าถูกหนังสติ๊กยิง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000035044

    #MGROnline #สันธนะ
    “สันธนะ” โต้ข่าวถูกยิงด้วยหนังสติ๊กไม่เป็นความจริง แค่โพสต์กันสนุกๆ ในโลกโซเชียลฯ แต่ยอมรับเมื่อคืนไปที่รัชดาซอย 7 จริง ให้เจ้าของกิจการรดน้ำดำหัว แนะคนที่จะทำร้าย ใช้อาวุธปืนเลยดีกว่า แต่ต้องจำทะเบียนรถของตน 7 คันให้ได้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน • วันนี้(12 เม.ย.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เปิดเผยกรณีมีข่าวว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงด้วยหนังสติ๊กบริเวณซอย 7 ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเมื่อคืนได้ไปสถานที่บริเวณดังกล่าว เพราะผู้ประกอบการเคารพนับถือตนอยู่ จึงได้เชิญไปเพื่อรดน้ำดำหัว และให้พรเกี่ยวกับธุรกิจของเขา โดยได้ไปช่วงเย็นและอยู่จนค่ำ กลับประมาณ 4 ทุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับที่มีการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่าถูกหนังสติ๊กยิง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000035044 • #MGROnline #สันธนะ
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • “สันธนะ” โต้ข่าวถูกยิงด้วยหนังสติ๊กไม่เป็นความจริง แค่โพสต์กันสนุกๆ ในโลกโซเชียลฯ แต่ยอมรับเมื่อคืนไปที่รัชดาซอย 7 จริง ให้เจ้าของกิจการรดน้ำดำหัว แนะคนที่จะทำร้าย ใช้อาวุธปืนเลยดีกว่า แต่ต้องจำทะเบียนรถของตน 7 คันให้ได้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035044

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สันธนะ” โต้ข่าวถูกยิงด้วยหนังสติ๊กไม่เป็นความจริง แค่โพสต์กันสนุกๆ ในโลกโซเชียลฯ แต่ยอมรับเมื่อคืนไปที่รัชดาซอย 7 จริง ให้เจ้าของกิจการรดน้ำดำหัว แนะคนที่จะทำร้าย ใช้อาวุธปืนเลยดีกว่า แต่ต้องจำทะเบียนรถของตน 7 คันให้ได้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035044 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 756 Views 0 Reviews
  • จีนส่งสัญญาณความล้ำ ว่าโลกโซเชียล ณ เวลานี้ เต็มไปด้วยคอนเทนต์ขยะ ของคนอวดรวย ได้เวลาต้องจัดการเสียที

    #ลัทธิอวดรวย #ภัยสังคมโฉมใหม่ #มิจฉาชีพยุคดิจิตอล #โลกโซเชียลอวดรวย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    จีนส่งสัญญาณความล้ำ ว่าโลกโซเชียล ณ เวลานี้ เต็มไปด้วยคอนเทนต์ขยะ ของคนอวดรวย ได้เวลาต้องจัดการเสียที #ลัทธิอวดรวย #ภัยสังคมโฉมใหม่ #มิจฉาชีพยุคดิจิตอล #โลกโซเชียลอวดรวย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    17
    1 Comments 0 Shares 2200 Views 53 0 Reviews
  • ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️

    🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨

    🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย

    ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️

    "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย
    ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨

    🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂

    ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง
    🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์

    🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด

    🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

    📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง

    👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา

    💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

    🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌

    แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า

    🦎 "จิ้งเขียว"
    🦹‍♂️ "สมียันดะ"
    🧘‍♂️ "ยันดะ"

    🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง

    📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย

    ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง

    🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย
    🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก

    🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง

    📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์

    บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️

    🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ

    🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬

    🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร"
    1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่
    2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก
    3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน
    4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย
    5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ
    6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨

    👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568

    🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️ 🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨ 🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️ "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨ 🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂 ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง 🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์ 🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด 🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง 👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา 💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌ แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า 🦎 "จิ้งเขียว" 🦹‍♂️ "สมียันดะ" 🧘‍♂️ "ยันดะ" 🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง 📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง 🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย 🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก 🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง 📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์ บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️ 🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ 🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬 🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร" 1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่ 2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก 3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน 4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย 5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ 6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨ 👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568 🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    0 Comments 0 Shares 1557 Views 0 Reviews
  • บริษัทต้นสังกัดหนุ่มแว่น ที่มีพฤติกรรมขับรถสุดอันตราย เฉี่ยวจักรยานยนต์ โดนสั่งพักงานระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยัน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

    จากกรณี ในโลกโซเชียลปรากฎคลิปวิดีโอที่กำลังได้รับความสนใจในโลกออนไลน์ของประเทศไทยในขณะนี้ โดยเป็นเรื่องราวของ "พี่แว่น มาสด้าแดง" ที่ชาวเน็ตตั้งฉายาให้ มีพฤติกรรมการขับรถที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพจดังอย่าง “อีซ่อขยี้ข่าว“ ได้นำคลิปวิดีโอการขับรถเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์มาเผยแพร่และข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการขับรถที่ไม่เหมาะสมของเขา และได้มีการรวบรวมวีรกรรมการขับรถที่อันตรายของ "พี่แว่น" จนเป็นกระเเสในโลกออนไลน์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020745

    #MGROnline #พี่แว่นมาสด้าแดง
    บริษัทต้นสังกัดหนุ่มแว่น ที่มีพฤติกรรมขับรถสุดอันตราย เฉี่ยวจักรยานยนต์ โดนสั่งพักงานระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยัน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย • จากกรณี ในโลกโซเชียลปรากฎคลิปวิดีโอที่กำลังได้รับความสนใจในโลกออนไลน์ของประเทศไทยในขณะนี้ โดยเป็นเรื่องราวของ "พี่แว่น มาสด้าแดง" ที่ชาวเน็ตตั้งฉายาให้ มีพฤติกรรมการขับรถที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพจดังอย่าง “อีซ่อขยี้ข่าว“ ได้นำคลิปวิดีโอการขับรถเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์มาเผยแพร่และข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการขับรถที่ไม่เหมาะสมของเขา และได้มีการรวบรวมวีรกรรมการขับรถที่อันตรายของ "พี่แว่น" จนเป็นกระเเสในโลกออนไลน์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020745 • #MGROnline #พี่แว่นมาสด้าแดง
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ออกแถลงการณ์ กรณีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกทำร้ายร่างกาย ย้ำจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดวินัยนักศึกษาอย่างร้ายแรง

    จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 8 ก.พ. 2568 กลุ่ม LGBTQ+ รวมตัวกันบริเวณคอนโดแห่งหนึ่งใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็น LGBTQ+ ลงมาขอโทษ หลังใช้น้ำร้อนราดใส่หลังของรุ่นน้อง ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ได้รับบาดเจ็บ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากในโลกโซเชียลฯ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

    วันนี้ (9 ก.พ.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “ตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชน กรณีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บ มหาวิทยาลัยกรุงเทพขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบ และขอย้ำจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดวินัยนักศึกษาอย่างร้ายแรง

    มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยทันทีที่ทราบเรื่อง และได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมเก็บรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทุกกรณี ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการปกครอง เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษตามระเบียบข้อบังคับทางวินัยของมหาวิทยาลัย ควบคู่ไปกับการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000013083

    #MGROnline #มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ##สาดน้ำร้อน #รังสิต
    มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ออกแถลงการณ์ กรณีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกทำร้ายร่างกาย ย้ำจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดวินัยนักศึกษาอย่างร้ายแรง จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 8 ก.พ. 2568 กลุ่ม LGBTQ+ รวมตัวกันบริเวณคอนโดแห่งหนึ่งใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็น LGBTQ+ ลงมาขอโทษ หลังใช้น้ำร้อนราดใส่หลังของรุ่นน้อง ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ได้รับบาดเจ็บ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากในโลกโซเชียลฯ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น • วันนี้ (9 ก.พ.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “ตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชน กรณีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บ มหาวิทยาลัยกรุงเทพขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบ และขอย้ำจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดวินัยนักศึกษาอย่างร้ายแรง • มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยทันทีที่ทราบเรื่อง และได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมเก็บรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทุกกรณี ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการปกครอง เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษตามระเบียบข้อบังคับทางวินัยของมหาวิทยาลัย ควบคู่ไปกับการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000013083 • #MGROnline #มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ##สาดน้ำร้อน #รังสิต
    1 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews
  • ข้าพเจ้ายังไม่อยากถูกปล้นเอาความเป็นมนุษย์ออกไปจากตัวเองมากไปกว่านี้ ต่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่คนเลวนัก คือพอมีความดีในตัวอยู่บ้างแม้นไม่มาก อย่างน้อยก็ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เล่นหวย ไม่เล่นพนันบอล ไม่ส่งชิงโชคทายผลกีฬาและล่ารางวัล ไม่เล่นไพ่ ไม่แทงม้า ไม่หวังลาภลอยจากการพนันทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพราะมีเงินเยอะแล้ว แต่เพราะรู้ว่าการพนันคือผีร้าย คือปีศาจ ถ้าลองยอมให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ซะแล้ว มันก็จะอาละวาดทำลายล้างให้เรา รวมถึงคนรอบข้างและสังคมกลายเป็นดินแดนแห่งอนารยะ ดังนั้นจึงไม่ยินดีอยากให้เมืองไทยต้องเลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่

    เท่าที่ในปัจจุบันก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว ในโลกโซเชียลเต็มไปด้วยสื่อซาตานที่แทรกซึมทั่วทุกหัวระแหง เลื่อนดูอะไรในสมาร์ตโฟนจะต้องเห็นพวกสัญลักษณ์แอบแฝงของนายทุนและแก๊งโจรมิจฉาชีพเหล่านี้เกร่อเต็มไปหมด แล้วคนไทยนี้ใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนกันอย่างที่เรียกว่าอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่ประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นอีกหลายประเทศ แม้แต่เด็กเล็กที่ไม่ควรต้องใช้ก็ยังมีสมาร์ตโฟน ที่พ่อแม่ผู้รังแกลูกหยิบยื่นให้ ด้วยเหตุนี้เยาวชนลูกหลานที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อความชั่วที่ซ่อนมาหลากหลายรูปแบบ จึงง่ายมากต่อการตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้ ที่จ้องจะดึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นแก้วตาดวงใจของพวกท่าน ให้หลงตกไปอยู่ในนรกของการพนัน

    บางทีมันหลอกล่อมาสารพัดในลักษณะของเกมออนไลน์ การแลกเงินจริงเป็นเงินในเกม การสะสมไอเทม การซื้อสารพัดที่เมื่อเด็กหลงเข้าไปเล่นเข้าสักครั้ง ความหวังที่จะหลุดออกมาได้นั้นยากเย็นกว่าเข็นครกขึ้นเขา ยิ่งติดยิ่งห้ามใจไม่ได้ อยากหาอยากมีไปแข่งไปอวดเพื่อน มันคือปากเหวแห่งหายนะโดยแท้ ที่แน่นอนคือหากยังปล่อยให้มีการเกิดขึ้นของบ่อนกาสิโนหลายแห่งทั้วประเทศ อนาคตที่ข้าพเจ้าไม่กล้าคิดจะเกิดขึ้นและมาถึงในไม่ช้า

    เราอาจเป็นคนหนึ่งที่ถูกปล้นฆ่าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ภายในบ้านหรือนอกบ้านจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะเมื่อใดที่คนไม่มีเงิน แล้วยังติดหนี้การพนัน มันผู้นั้นย่อมขายจิตวิญญาณให้แก่ปีศาจไปแล้ว และสามารถทำได้ทุกสิ่งที่คนปกติไม่กล้าทำ เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้

    มีเมียมีลูกยังสามารถขายแลกเงินได้ พ่อแม่ญาติพี่น้องมีหรือจะสน แม้แต่ชีวิตตนก็ยังขายตัวเป็นทาสได้ มีที่ดินก็หมดที่ดิน มีทรัพย์สินใดก็หมด เมื่อสิ้นทุกอย่างทีนี้แหละ จะเริ่มปล้นชิงวิ่งราว ขโมยสารพัด คดีทำร้ายร่างกาย ปล้น ฆ่า จะเต็มบ้านเมืองมากกว่าเดิมอย่างทวีคูณ สุดท้ายคนเป็นพ่อแม่หรือคนในครอบครัวของผีพนันก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความทุกข์ทับถมใจหนักหน่วงจะถ่วงความเจริญทางธรรมของคนให้ลดน้อยถอยลง แล้วสังคมโดยรวมก็จะมีแต่ความสาหัสของบาดแผลจากพิษภัยของการพนันจนยากกอบกู้ ให้ดูประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบเราว่าเขามีสภาพอย่างไรเถิด อนาคตเราอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น

    ถ้ามีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จะเกิดนักพนันอายุน้อยขึ้นมาอีกมากมายอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเหล่านั้นที่ยังไม่มีรายได้กลายเป็นทายาทผีพนัน ประเทศชาติก็มีแต่จะมุ่งหน้าเข้าหาความฉิบหายล่มจมในท้ายที่สุด

    ในฐานะที่ข้าพเจ้ายังเป็นพุทธมามกะที่ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่เคารพของตนไปจนตลอดชีวิต หากยังยินดีกับการเล่นพนันอยู่ อยากให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นแบบถูกกฎหมายในประเทศ นั่นแสดงว่าข้าพเจ้าเป็นคนผู้ทุรยศต่อสถาบันศาสนาที่ตนเคารพนับถือ และต่อพระศาสดา เป็นคนอกตัญญู เป็นความละอายแก่ใจตนจนเกินกว่าจะกล้าเรียกตนเป็นพุทธศาสนิกชน สู้เป็นคนไม่นับถือศาสนาเสียเลยยังดีกว่า

    เพราะศาสนาพุทธ จะไม่มีทางยอมฮั้ว อี๋อ๋อ ซูฮก ซูเอี๋ย กะลิ้มกะเหลี่ย ปากมันเลียริมฝีปาก น้ำลายไหลยืดย้อย กับความกระสันอยากในเม็ดเงินที่มาจากการพนันทั้งหลายเป็นอันขาด ไม่ว่าจะชาตินี้หรืออีกกี่ชาติ

    #คัดค้านบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย
    #thaitimes
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #ต้านบ่อนกาสิโน
    #สร้างป่าดีกว่าสร้างบ่อน
    ข้าพเจ้ายังไม่อยากถูกปล้นเอาความเป็นมนุษย์ออกไปจากตัวเองมากไปกว่านี้ ต่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่คนเลวนัก คือพอมีความดีในตัวอยู่บ้างแม้นไม่มาก อย่างน้อยก็ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เล่นหวย ไม่เล่นพนันบอล ไม่ส่งชิงโชคทายผลกีฬาและล่ารางวัล ไม่เล่นไพ่ ไม่แทงม้า ไม่หวังลาภลอยจากการพนันทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพราะมีเงินเยอะแล้ว แต่เพราะรู้ว่าการพนันคือผีร้าย คือปีศาจ ถ้าลองยอมให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ซะแล้ว มันก็จะอาละวาดทำลายล้างให้เรา รวมถึงคนรอบข้างและสังคมกลายเป็นดินแดนแห่งอนารยะ ดังนั้นจึงไม่ยินดีอยากให้เมืองไทยต้องเลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เท่าที่ในปัจจุบันก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว ในโลกโซเชียลเต็มไปด้วยสื่อซาตานที่แทรกซึมทั่วทุกหัวระแหง เลื่อนดูอะไรในสมาร์ตโฟนจะต้องเห็นพวกสัญลักษณ์แอบแฝงของนายทุนและแก๊งโจรมิจฉาชีพเหล่านี้เกร่อเต็มไปหมด แล้วคนไทยนี้ใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนกันอย่างที่เรียกว่าอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่ประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นอีกหลายประเทศ แม้แต่เด็กเล็กที่ไม่ควรต้องใช้ก็ยังมีสมาร์ตโฟน ที่พ่อแม่ผู้รังแกลูกหยิบยื่นให้ ด้วยเหตุนี้เยาวชนลูกหลานที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อความชั่วที่ซ่อนมาหลากหลายรูปแบบ จึงง่ายมากต่อการตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้ ที่จ้องจะดึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นแก้วตาดวงใจของพวกท่าน ให้หลงตกไปอยู่ในนรกของการพนัน บางทีมันหลอกล่อมาสารพัดในลักษณะของเกมออนไลน์ การแลกเงินจริงเป็นเงินในเกม การสะสมไอเทม การซื้อสารพัดที่เมื่อเด็กหลงเข้าไปเล่นเข้าสักครั้ง ความหวังที่จะหลุดออกมาได้นั้นยากเย็นกว่าเข็นครกขึ้นเขา ยิ่งติดยิ่งห้ามใจไม่ได้ อยากหาอยากมีไปแข่งไปอวดเพื่อน มันคือปากเหวแห่งหายนะโดยแท้ ที่แน่นอนคือหากยังปล่อยให้มีการเกิดขึ้นของบ่อนกาสิโนหลายแห่งทั้วประเทศ อนาคตที่ข้าพเจ้าไม่กล้าคิดจะเกิดขึ้นและมาถึงในไม่ช้า เราอาจเป็นคนหนึ่งที่ถูกปล้นฆ่าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ภายในบ้านหรือนอกบ้านจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะเมื่อใดที่คนไม่มีเงิน แล้วยังติดหนี้การพนัน มันผู้นั้นย่อมขายจิตวิญญาณให้แก่ปีศาจไปแล้ว และสามารถทำได้ทุกสิ่งที่คนปกติไม่กล้าทำ เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้ มีเมียมีลูกยังสามารถขายแลกเงินได้ พ่อแม่ญาติพี่น้องมีหรือจะสน แม้แต่ชีวิตตนก็ยังขายตัวเป็นทาสได้ มีที่ดินก็หมดที่ดิน มีทรัพย์สินใดก็หมด เมื่อสิ้นทุกอย่างทีนี้แหละ จะเริ่มปล้นชิงวิ่งราว ขโมยสารพัด คดีทำร้ายร่างกาย ปล้น ฆ่า จะเต็มบ้านเมืองมากกว่าเดิมอย่างทวีคูณ สุดท้ายคนเป็นพ่อแม่หรือคนในครอบครัวของผีพนันก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความทุกข์ทับถมใจหนักหน่วงจะถ่วงความเจริญทางธรรมของคนให้ลดน้อยถอยลง แล้วสังคมโดยรวมก็จะมีแต่ความสาหัสของบาดแผลจากพิษภัยของการพนันจนยากกอบกู้ ให้ดูประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบเราว่าเขามีสภาพอย่างไรเถิด อนาคตเราอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น ถ้ามีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จะเกิดนักพนันอายุน้อยขึ้นมาอีกมากมายอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเหล่านั้นที่ยังไม่มีรายได้กลายเป็นทายาทผีพนัน ประเทศชาติก็มีแต่จะมุ่งหน้าเข้าหาความฉิบหายล่มจมในท้ายที่สุด ในฐานะที่ข้าพเจ้ายังเป็นพุทธมามกะที่ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่เคารพของตนไปจนตลอดชีวิต หากยังยินดีกับการเล่นพนันอยู่ อยากให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นแบบถูกกฎหมายในประเทศ นั่นแสดงว่าข้าพเจ้าเป็นคนผู้ทุรยศต่อสถาบันศาสนาที่ตนเคารพนับถือ และต่อพระศาสดา เป็นคนอกตัญญู เป็นความละอายแก่ใจตนจนเกินกว่าจะกล้าเรียกตนเป็นพุทธศาสนิกชน สู้เป็นคนไม่นับถือศาสนาเสียเลยยังดีกว่า เพราะศาสนาพุทธ จะไม่มีทางยอมฮั้ว อี๋อ๋อ ซูฮก ซูเอี๋ย กะลิ้มกะเหลี่ย ปากมันเลียริมฝีปาก น้ำลายไหลยืดย้อย กับความกระสันอยากในเม็ดเงินที่มาจากการพนันทั้งหลายเป็นอันขาด ไม่ว่าจะชาตินี้หรืออีกกี่ชาติ #คัดค้านบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย #thaitimes #บทความ #ข้อคิด #ต้านบ่อนกาสิโน #สร้างป่าดีกว่าสร้างบ่อน
    0 Comments 0 Shares 1345 Views 0 Reviews
  • #ควรเคารพการตัดสินใจ
    อิป้าเพิ่งเข้ามาในชีวิตของนางแค่กี่เดือน
    ตั้งแต่นางใกล้ชิดอิป้า ชีวิตมันบั๊ดซ๊บวุ่นวายแค่ไหน
    จากมีคนรัก กลายเป็นคนเกลืยดบังลัย
    แม้แต่คนที่คอยซัพพอต ยังต้องถอย
    เพราะอิป้า ยึดผูกขาดการเป็นแฟนคลับ
    ใครไม่ซูฮก ใครไม่เชื่อฟัง ถีบหัวส่งหมด
    เจ้ากี้เจ้าการ คนส่วนใหญ่เค้าก็เชียร์และรัก
    แบบรู้ว่าอันไหนโลกโซเชียล อันไหนชีวิตจริง
    แต่อิป้าเล่นสร้างวลี ต้องเห็นแก่ประโยชน์สาวมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
    มันเลยเถิด มันไปกันใหญ่ แผนที่วาง ยิ่งเดินยิ่งพัง
    เป็นพี่คิงส์ พี่คิงส์ก็เท ถ้ามีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า
    ยอดไม่ตามราคาที่อิป้าเคลมไว้ แล้วจะให้ทำไง
    จะฟ๊องคนไทย แล้วกว่าจะได้ มันอีกกี่ปี
    ถ้าเวียดนามสดใสกว่า ก็ไปล่ะ จะอยู่กับพวกเมิงเพื่อ
    สุดท้าย อิป้าจะไม่เหลือใคร ต้องไปนอนในโรงบาล
    รักฉาจิตกันแบบยาวๆ รับได้มั๊ยป้า
    ถ้าวันนึง กามิน ไม่ให้ความสำคัญอีกต่อไป
    ลองเตรียมใจไว้ดูนะ แล้วทุกอย่างที่ทำมา
    มันคือสิ่งไร้ค่า หมดราคา ก็ถูกเทเหมือนหม๋าข้างทาง
    ต้องทำใจ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ควรเคารพการตัดสินใจ อิป้าเพิ่งเข้ามาในชีวิตของนางแค่กี่เดือน ตั้งแต่นางใกล้ชิดอิป้า ชีวิตมันบั๊ดซ๊บวุ่นวายแค่ไหน จากมีคนรัก กลายเป็นคนเกลืยดบังลัย แม้แต่คนที่คอยซัพพอต ยังต้องถอย เพราะอิป้า ยึดผูกขาดการเป็นแฟนคลับ ใครไม่ซูฮก ใครไม่เชื่อฟัง ถีบหัวส่งหมด เจ้ากี้เจ้าการ คนส่วนใหญ่เค้าก็เชียร์และรัก แบบรู้ว่าอันไหนโลกโซเชียล อันไหนชีวิตจริง แต่อิป้าเล่นสร้างวลี ต้องเห็นแก่ประโยชน์สาวมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มันเลยเถิด มันไปกันใหญ่ แผนที่วาง ยิ่งเดินยิ่งพัง เป็นพี่คิงส์ พี่คิงส์ก็เท ถ้ามีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า ยอดไม่ตามราคาที่อิป้าเคลมไว้ แล้วจะให้ทำไง จะฟ๊องคนไทย แล้วกว่าจะได้ มันอีกกี่ปี ถ้าเวียดนามสดใสกว่า ก็ไปล่ะ จะอยู่กับพวกเมิงเพื่อ สุดท้าย อิป้าจะไม่เหลือใคร ต้องไปนอนในโรงบาล รักฉาจิตกันแบบยาวๆ รับได้มั๊ยป้า ถ้าวันนึง กามิน ไม่ให้ความสำคัญอีกต่อไป ลองเตรียมใจไว้ดูนะ แล้วทุกอย่างที่ทำมา มันคือสิ่งไร้ค่า หมดราคา ก็ถูกเทเหมือนหม๋าข้างทาง ต้องทำใจ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 Comments 0 Shares 630 Views 0 Reviews
  • นครปฐม - ร้อนระอุ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ปล่อยคลิปอัดหนักคนดิสเครดิต ขณะที่ นายกสมาคมไวยาวัจกร ออกมาจวกไม่ยั้งเดินหน้าถามถึงกรณีล้มละลายแล้วใช้บัญชีผู้เป็นพ่อ เคยแจ้งมาก่อนรับบริจาคหรือไม่ และเคยมีการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ถึงแหล่งที่มารายได้ทั้งเงินบริจาค และการขายเสื้อหรือไม่

    กระแสความสนใจกรณี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม มีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดข้อมูลว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งในโลกโซเชียลมีการถกเถียงแบ่งฝ่ายกันอย่างร้อนแรงทั้งในฝั่งผู้ที่เห็นด้วย และผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดจากคลิปที่ อ.เบียร์ ได้มีการตอบคำถามในคอมเมนต์ในเพจเรื่องเกี่ยวกับสังขารของพระเกจิอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้วแต่สรีระไม่เน่าเปื่อย ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ และมีการแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้ยกตัวอย่างเหมือนกับหมาที่ตายไปแล้วในต่างประเทศที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ทำให้เกิดกระแสแตกในความเห็นดังกล่าวออกเป็นสองทางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    โดยในวันนี้ อ.เบียร์ ได้มีการโพสต์คลิปตอบโต้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าได้มีการสอนและยกตัวอย่างซึ่งอยากจะให้ไปชมคลิปทั้งหมดโดยภาพรวมในเรื่องดังกล่าว แต่ได้ติดใจในเรื่องของการที่มีคนนำเอกสารคดีดำคดีแดงที่ปรากฏชื่อตนถูกบังคับคดีพิทักษ์ทรัพย์และศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งได้เตรียมไว้ว่าจะแจ้งกับประชาชนและแฟนคลับอยู่แล้ว แต่มีคนจ้องนำมาเสนอเพื่อดิสเครดิตเสียก่อน โดยได้มีการพาดพิงไปถึงพระรูปหนึ่งว่าไม่มีความเป็นพระ เพราะเอาเรื่องเสียหายของคนอื่นไปเผยแพร่ โดยมีการเปิดเผยเลขที่คดีดำคดีแดง โดยไม่มีความเป็นพระ และมีคลิปหลายชุดที่ปรากฏตอบโต้ประเด็นดังกล่าวซึ่งยังมีบางส่วนได้ชี้แจงว่ามีคนที่อิจฉาจ้องจะดิสเครดิตตน ซึ่งได้เตรียมใจกับทีมงานมาก่อนแล้ว และก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่เป็นบทพิสูจน์ที่จะทำให้ตนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ โดยยืนยันถึงความถูกต้องและชัดเจนกับการเปิดรับบริจาค ซึ่งสวนทางกับการเป็นบุคคลล้มละลายของตนว่าได้มีการดำเนินการที่ชัดเจนและไม่หวั่นแม้จะถูกตรวจสอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001345

    #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #คนตื่นธรรม
    นครปฐม - ร้อนระอุ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ปล่อยคลิปอัดหนักคนดิสเครดิต ขณะที่ นายกสมาคมไวยาวัจกร ออกมาจวกไม่ยั้งเดินหน้าถามถึงกรณีล้มละลายแล้วใช้บัญชีผู้เป็นพ่อ เคยแจ้งมาก่อนรับบริจาคหรือไม่ และเคยมีการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ถึงแหล่งที่มารายได้ทั้งเงินบริจาค และการขายเสื้อหรือไม่ • กระแสความสนใจกรณี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม มีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดข้อมูลว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งในโลกโซเชียลมีการถกเถียงแบ่งฝ่ายกันอย่างร้อนแรงทั้งในฝั่งผู้ที่เห็นด้วย และผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดจากคลิปที่ อ.เบียร์ ได้มีการตอบคำถามในคอมเมนต์ในเพจเรื่องเกี่ยวกับสังขารของพระเกจิอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้วแต่สรีระไม่เน่าเปื่อย ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ และมีการแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้ยกตัวอย่างเหมือนกับหมาที่ตายไปแล้วในต่างประเทศที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ทำให้เกิดกระแสแตกในความเห็นดังกล่าวออกเป็นสองทางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา • โดยในวันนี้ อ.เบียร์ ได้มีการโพสต์คลิปตอบโต้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าได้มีการสอนและยกตัวอย่างซึ่งอยากจะให้ไปชมคลิปทั้งหมดโดยภาพรวมในเรื่องดังกล่าว แต่ได้ติดใจในเรื่องของการที่มีคนนำเอกสารคดีดำคดีแดงที่ปรากฏชื่อตนถูกบังคับคดีพิทักษ์ทรัพย์และศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งได้เตรียมไว้ว่าจะแจ้งกับประชาชนและแฟนคลับอยู่แล้ว แต่มีคนจ้องนำมาเสนอเพื่อดิสเครดิตเสียก่อน โดยได้มีการพาดพิงไปถึงพระรูปหนึ่งว่าไม่มีความเป็นพระ เพราะเอาเรื่องเสียหายของคนอื่นไปเผยแพร่ โดยมีการเปิดเผยเลขที่คดีดำคดีแดง โดยไม่มีความเป็นพระ และมีคลิปหลายชุดที่ปรากฏตอบโต้ประเด็นดังกล่าวซึ่งยังมีบางส่วนได้ชี้แจงว่ามีคนที่อิจฉาจ้องจะดิสเครดิตตน ซึ่งได้เตรียมใจกับทีมงานมาก่อนแล้ว และก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่เป็นบทพิสูจน์ที่จะทำให้ตนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ โดยยืนยันถึงความถูกต้องและชัดเจนกับการเปิดรับบริจาค ซึ่งสวนทางกับการเป็นบุคคลล้มละลายของตนว่าได้มีการดำเนินการที่ชัดเจนและไม่หวั่นแม้จะถูกตรวจสอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001345 • #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #คนตื่นธรรม
    0 Comments 0 Shares 828 Views 0 Reviews
  • ความพิกลของสังคมตลาดล่าง กับสวนสัตว์มนุษย์
    การตุยของแบงก์เลสเตอร์ สะท้อนความพิกลพิการของสังคมไทยในหลายมิติเช่นเรื่องของคอนเทนต์ขยะ เอาใจตลาดล่างที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย มีดัชนีชี้วัดความสําเร็จเป็นยอดวิวยอดไลก์ที่คอนเทนต์กากกาก พวกนี้โกยรัวรัว
    คนสมัยนี้คิดแกล้งกันแรงแรง เหยียบย่ําความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของคนโดนใจคนไทยเรียกเสียงฮาเป็นคลิปที่ได้ยอดวิวยอดไลก์สูง นี่แหละที่เป็นความประหลาดผิดเพี้ยนของสังคม เวลาแบงค์เลสเตอร์โดนแกล้งเพื่อทําเป็นคอนเทนต์ขยะ จะเห็นเลยว่าคนแกล้งจะหัวเราะสนุกสนานกันจริงจัง
    ส่งต่อความสนุกเกรดต่ําพวกนี้ไปสู่ผู้ชมในโลกโซเชียลเมื่อมีการขุดคลิปย้อนหลังมาดูกันจะเห็นเลยว่าคอนเทนต์ขยะแนวที่เรียกว่า ฮิวแมนซู อย่างที่แบงก์เลสเตอร์เป็นพระเอกนั้นมันดูน่าอนาถน่าสงสารจับใจ
    ความยากจนของแบงก์เลสเตอร์ทําให้เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนมีเงิน ที่ไร้รสนิยมทั้งโขยง เอาเงินมาเป็นตัวล่อให้เขาต้องยอมทําเรื่องบ้าบ้าบอบอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
    จากเด็กกตัญญูขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย แบงก์เลสเตอร์ประสบความสําเร็จในการสร้างตัวตนให้กลายเป็นแร็ปเปอร์ขายพวงมาลัยตั้งแต่ประมาณสี่ปีก่อน ทั้งที่มีความเอ๋อๆ อยู่บ้างแต่เขาก็มีความสามารถในการร้องเพลงแร็ปจนลูกค้ายอมควักเงินอุดหนุนพวงมาลัยเพราะประทับใจในความสามารถส่วนนี้
    แต่อาชีพขายพวงมาลัยก็คือขายพวงมาลัย แบงค์เลสเตอร์พยายามผลักดันตัวเองไปสู่ชีวิตอีกระดับที่ดีกว่าถึงขั้นได้ออกรายการตี 10 ให้พิธีกร ซักถามพูดคุยอย่างออกรสมาแล้วแต่เทปนั้นของตีสิบมีปัญหาอย่างแรงจนวิทวัสต้องสั่งลบทิ้งในเวลาต่อมา
    เหตุจากแบงก์เลสเตอร์โม้ออกทีวีเพลินเกินจริงไปเยอะ เช่นอ้างว่าได้เล่นหนังของพจน์อานนท์ รู้จักกับซุปตาร์ อย่างณเดชน์และญาญ่า อ้างว่าพี่เบิร์ดธงชัยชวนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตตลอดจนจะได้ไปแสดงคอนเสิร์ตกับมิลลิแร็ปเปอร์หญิงดังถึงต่างประเทศ
    แบงก์เลสเตอร์ต้องร่วงลงมาที่เดิมเพราะมีปัญหาแยกไม่ออกระหว่างโลกความจริงกับจินตนาการส่วนตัว ก็มีผลให้แบงก์เลสเตอร์ต้องกลับมาหากินแถวตลาดล่างเหมือนเดิม จนมาถึงการจ้างซดเหล้าสามแบรนด์แบรนด์ละหนึ่งหมื่นบาท แล้วฤทธิ์เล่าปริมาณมากที่เข้าสู่ร่างกายในเวลาอันสั้นก็คร่าชีวิตเขาไปจบสิ้นชีวิตอินฟลูผู้น่าสงสารในวัยแค่ยี่สิบเอ็ดปี
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความพิกลของสังคมตลาดล่าง กับสวนสัตว์มนุษย์ การตุยของแบงก์เลสเตอร์ สะท้อนความพิกลพิการของสังคมไทยในหลายมิติเช่นเรื่องของคอนเทนต์ขยะ เอาใจตลาดล่างที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย มีดัชนีชี้วัดความสําเร็จเป็นยอดวิวยอดไลก์ที่คอนเทนต์กากกาก พวกนี้โกยรัวรัว คนสมัยนี้คิดแกล้งกันแรงแรง เหยียบย่ําความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของคนโดนใจคนไทยเรียกเสียงฮาเป็นคลิปที่ได้ยอดวิวยอดไลก์สูง นี่แหละที่เป็นความประหลาดผิดเพี้ยนของสังคม เวลาแบงค์เลสเตอร์โดนแกล้งเพื่อทําเป็นคอนเทนต์ขยะ จะเห็นเลยว่าคนแกล้งจะหัวเราะสนุกสนานกันจริงจัง ส่งต่อความสนุกเกรดต่ําพวกนี้ไปสู่ผู้ชมในโลกโซเชียลเมื่อมีการขุดคลิปย้อนหลังมาดูกันจะเห็นเลยว่าคอนเทนต์ขยะแนวที่เรียกว่า ฮิวแมนซู อย่างที่แบงก์เลสเตอร์เป็นพระเอกนั้นมันดูน่าอนาถน่าสงสารจับใจ ความยากจนของแบงก์เลสเตอร์ทําให้เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนมีเงิน ที่ไร้รสนิยมทั้งโขยง เอาเงินมาเป็นตัวล่อให้เขาต้องยอมทําเรื่องบ้าบ้าบอบอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน จากเด็กกตัญญูขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย แบงก์เลสเตอร์ประสบความสําเร็จในการสร้างตัวตนให้กลายเป็นแร็ปเปอร์ขายพวงมาลัยตั้งแต่ประมาณสี่ปีก่อน ทั้งที่มีความเอ๋อๆ อยู่บ้างแต่เขาก็มีความสามารถในการร้องเพลงแร็ปจนลูกค้ายอมควักเงินอุดหนุนพวงมาลัยเพราะประทับใจในความสามารถส่วนนี้ แต่อาชีพขายพวงมาลัยก็คือขายพวงมาลัย แบงค์เลสเตอร์พยายามผลักดันตัวเองไปสู่ชีวิตอีกระดับที่ดีกว่าถึงขั้นได้ออกรายการตี 10 ให้พิธีกร ซักถามพูดคุยอย่างออกรสมาแล้วแต่เทปนั้นของตีสิบมีปัญหาอย่างแรงจนวิทวัสต้องสั่งลบทิ้งในเวลาต่อมา เหตุจากแบงก์เลสเตอร์โม้ออกทีวีเพลินเกินจริงไปเยอะ เช่นอ้างว่าได้เล่นหนังของพจน์อานนท์ รู้จักกับซุปตาร์ อย่างณเดชน์และญาญ่า อ้างว่าพี่เบิร์ดธงชัยชวนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตตลอดจนจะได้ไปแสดงคอนเสิร์ตกับมิลลิแร็ปเปอร์หญิงดังถึงต่างประเทศ แบงก์เลสเตอร์ต้องร่วงลงมาที่เดิมเพราะมีปัญหาแยกไม่ออกระหว่างโลกความจริงกับจินตนาการส่วนตัว ก็มีผลให้แบงก์เลสเตอร์ต้องกลับมาหากินแถวตลาดล่างเหมือนเดิม จนมาถึงการจ้างซดเหล้าสามแบรนด์แบรนด์ละหนึ่งหมื่นบาท แล้วฤทธิ์เล่าปริมาณมากที่เข้าสู่ร่างกายในเวลาอันสั้นก็คร่าชีวิตเขาไปจบสิ้นชีวิตอินฟลูผู้น่าสงสารในวัยแค่ยี่สิบเอ็ดปี ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 1039 Views 0 Reviews
  • หนุ่มชาวจีนรายหนึ่งกลายเป็นที่สนใจในโลกโซเชียล หลังออกมาเล่าประสบการณ์สอบภาษาญี่ปุ่นจนผ่านระดับ N2 ด้วยการดูหนัง AV มากกว่า 4,500 เรื่อง

    หนุ่มจีนที่ใช้นามแฝงว่า Jakku Song ได้โพสต์คลิปใน YouTube เล่าวิธีเรียนภาษาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยนาย Song คนนี้ยืนยันว่า เขาเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองผ่านการดูหนังเอวีทั้งหมด 4,545 เรื่อง

    ความคลั่งไคล้นี้ทำให้เขาถึงขั้นสามารถสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT) ได้ถึงขั้น N2 ซึ่งเป็นระดับที่สามารถนำไปใช้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนอาชีวศึกษาของญี่ปุ่นได้

    Song ยืนยันว่า เขาไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนมาก่อน แต่เพราะสนใจวัฒนธรรมเอวีญี่ปุ่นอย่างมาก จึงทุ่มเทเวลาไปกับการดูหนังเอวี และฝึกเลียนแบบภาษาของตัวละคร

    ในคลิปวิดีโอล่าสุดที่โพสต์ลงใน YouTube จะเห็นพ่อหนุ่ม Song คนนี้นอนอยู่ท่ามกลาง “กองทิชชู่ใช้แล้ว” พร้อมโชว์ใบประกาศนียบัตรผ่านการสอบภาษาญี่ปุ่นระดับ N2 ก่อนจะกล่าวขอบคุณบรรดาสาวๆ เอวีอย่าง Sola Aoi และ Tsukasa Aoi ที่เป็นเสมือนครู จากนั้นก็ “หมดสติ” ไปด้วยความอ่อนเพลีย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000000355

    #MGROnline #ภาษาญี่ปุ่น #วัฒนธรรมเอวีญี่ปุ่น #หนังเอวี

    หนุ่มชาวจีนรายหนึ่งกลายเป็นที่สนใจในโลกโซเชียล หลังออกมาเล่าประสบการณ์สอบภาษาญี่ปุ่นจนผ่านระดับ N2 ด้วยการดูหนัง AV มากกว่า 4,500 เรื่อง • หนุ่มจีนที่ใช้นามแฝงว่า Jakku Song ได้โพสต์คลิปใน YouTube เล่าวิธีเรียนภาษาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยนาย Song คนนี้ยืนยันว่า เขาเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองผ่านการดูหนังเอวีทั้งหมด 4,545 เรื่อง • ความคลั่งไคล้นี้ทำให้เขาถึงขั้นสามารถสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT) ได้ถึงขั้น N2 ซึ่งเป็นระดับที่สามารถนำไปใช้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนอาชีวศึกษาของญี่ปุ่นได้ • Song ยืนยันว่า เขาไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนมาก่อน แต่เพราะสนใจวัฒนธรรมเอวีญี่ปุ่นอย่างมาก จึงทุ่มเทเวลาไปกับการดูหนังเอวี และฝึกเลียนแบบภาษาของตัวละคร • ในคลิปวิดีโอล่าสุดที่โพสต์ลงใน YouTube จะเห็นพ่อหนุ่ม Song คนนี้นอนอยู่ท่ามกลาง “กองทิชชู่ใช้แล้ว” พร้อมโชว์ใบประกาศนียบัตรผ่านการสอบภาษาญี่ปุ่นระดับ N2 ก่อนจะกล่าวขอบคุณบรรดาสาวๆ เอวีอย่าง Sola Aoi และ Tsukasa Aoi ที่เป็นเสมือนครู จากนั้นก็ “หมดสติ” ไปด้วยความอ่อนเพลีย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000000355 • #MGROnline #ภาษาญี่ปุ่น #วัฒนธรรมเอวีญี่ปุ่น #หนังเอวี
    0 Comments 0 Shares 621 Views 0 Reviews
  • “พระอาจารย์สันติ ฐานิสฺสโร” ผู้ดูแลสำนักวิปัสสนาสันติสถิตธรรม เผย คลิปท้าต่อยอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ผ่านการตัดต่อ ตนเองแค่อยากท้าดีเบตธรรมะ ระบุที่ไหนก็ได้สนามมวย หรือ วัด แต่ขอให้เป็นกลาง

    จากกรณี ก่อนหน้านี้ปรากฎคลิปวิดีโอในโลกโซเชียลเผยให้เห็น “พระอาจารย์สันติ ฐานิสฺสโร” ผู้ดูแลสำนักวิปัสสนาสันติสถิตธรรม ไม่รู้หัวร้อนมาจากไหน อัดคลิปท้า อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ต่อยระบุได้ทุกเวทียกเว้นโหนกระแส

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118787

    #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #พระอาจารย์สันติฐานิสฺสโร
    “พระอาจารย์สันติ ฐานิสฺสโร” ผู้ดูแลสำนักวิปัสสนาสันติสถิตธรรม เผย คลิปท้าต่อยอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ผ่านการตัดต่อ ตนเองแค่อยากท้าดีเบตธรรมะ ระบุที่ไหนก็ได้สนามมวย หรือ วัด แต่ขอให้เป็นกลาง • จากกรณี ก่อนหน้านี้ปรากฎคลิปวิดีโอในโลกโซเชียลเผยให้เห็น “พระอาจารย์สันติ ฐานิสฺสโร” ผู้ดูแลสำนักวิปัสสนาสันติสถิตธรรม ไม่รู้หัวร้อนมาจากไหน อัดคลิปท้า อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ต่อยระบุได้ทุกเวทียกเว้นโหนกระแส • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118787 • #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #พระอาจารย์สันติฐานิสฺสโร
    0 Comments 0 Shares 750 Views 0 Reviews
  • ”คุณไม่ได้ไร้หัวใจ คุณคือคำจำกัดความของทุกสิ่งที่ผิดพลาดของคนรุ่นนี้ คุณถอดปลั๊กด้านจริยธรรม ความเคารพ และมนุษยธรรม ไปเรียบร้อยแล้ว”

    “บรอนวิน ออโรร่า” ติ๊กต็อกเกอร์และดาวโอนลีแฟนส์วัย 22 ปี กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังจากโพสต์วิดีโอยืนเต้นข้างเตียงแฟนหนุ่มวัย 85 ปี ที่ล้อมรอบด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข ซึ่งออโรร่าได้เขียนแคปชั่นว่า “ฉันมีชื่ออยู่ในพินัยกรรมแล้ว ฉันควรถอดปลั๊กดีไหม?”
    ”คุณไม่ได้ไร้หัวใจ คุณคือคำจำกัดความของทุกสิ่งที่ผิดพลาดของคนรุ่นนี้ คุณถอดปลั๊กด้านจริยธรรม ความเคารพ และมนุษยธรรม ไปเรียบร้อยแล้ว” “บรอนวิน ออโรร่า” ติ๊กต็อกเกอร์และดาวโอนลีแฟนส์วัย 22 ปี กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังจากโพสต์วิดีโอยืนเต้นข้างเตียงแฟนหนุ่มวัย 85 ปี ที่ล้อมรอบด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข ซึ่งออโรร่าได้เขียนแคปชั่นว่า “ฉันมีชื่ออยู่ในพินัยกรรมแล้ว ฉันควรถอดปลั๊กดีไหม?”
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • พี่อ้อยใช้ไม้แข็ง ฝากสื่อผู้เฒ่าดันสุดซอย
    แม้กําลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้ แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้มขยับเดินนับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม คือทนายปาเกียว สายหยุดจัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อยจตุพร เพื่อเปิดเจรจาจะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    จากเดิมที่ทนายตั้มเคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม ทั้งคู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทําให้ชื่อเสียงเสียหาย
    ตอนนี้ทนายตั้มกลับลํา จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ กล้าดียังไงจะคืนเงิน
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่างานนี้แล้วแต่สนธิ ลิ้มทองกุล จะตัดสินใจถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิตและเชื่อมั่นในสื่อผู้เฒ่าแล้ว
    ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    ถามว่าพี่อ้อยอยากได้เงินกว่า 100,000,000 ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่ ใครก็คาดเดาได้ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะนั่นมันแค่เงินจํานวนนิดเดียวจากทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    อีกทั้งกระบวนการทางคดีก็เดินหน้ามาไกลจนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้วท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนักสุดซอยเท่านั้นเพราะต่างแน่ใจคนอย่างทนายตั้มเป็นภัยสังคมร้ายแรง
    ขืนปล่อยออกจากคุกก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าจะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้มอีกไม่รู้เท่าไหร่
    สรุปแล้วว่า ระยะเวลาที่พี่อ้อยไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับถือพี่อ้อยเป็นเพื่อนเป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆแต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะวางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อยอย่างเป็นระบบเท่านั้นเอง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    พี่อ้อยใช้ไม้แข็ง ฝากสื่อผู้เฒ่าดันสุดซอย แม้กําลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้ แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้มขยับเดินนับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม คือทนายปาเกียว สายหยุดจัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อยจตุพร เพื่อเปิดเจรจาจะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย จากเดิมที่ทนายตั้มเคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม ทั้งคู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทําให้ชื่อเสียงเสียหาย ตอนนี้ทนายตั้มกลับลํา จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ กล้าดียังไงจะคืนเงิน พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่างานนี้แล้วแต่สนธิ ลิ้มทองกุล จะตัดสินใจถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิตและเชื่อมั่นในสื่อผู้เฒ่าแล้ว ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด ถามว่าพี่อ้อยอยากได้เงินกว่า 100,000,000 ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่ ใครก็คาดเดาได้ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะนั่นมันแค่เงินจํานวนนิดเดียวจากทั้งหมดที่พี่อ้อยมี อีกทั้งกระบวนการทางคดีก็เดินหน้ามาไกลจนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้วท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนักสุดซอยเท่านั้นเพราะต่างแน่ใจคนอย่างทนายตั้มเป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุกก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าจะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้มอีกไม่รู้เท่าไหร่ สรุปแล้วว่า ระยะเวลาที่พี่อ้อยไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับถือพี่อ้อยเป็นเพื่อนเป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆแต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะวางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อยอย่างเป็นระบบเท่านั้นเอง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 743 Views 0 Reviews

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 2228 Views 0 Reviews
  • ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว
    กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล
    เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา
    ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566
    เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้
    นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้
    ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า
    เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม
    ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566 เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้ นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้ ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 1245 Views 0 Reviews
  • โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย
    น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา
    โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า
    ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว
    เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป
    เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ
    ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด
    โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล
    ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย
    เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 1152 Views 0 Reviews
  • เพจ “นิติธรรมเพื่อสังคม” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่มีความรู้ + ผู้มีประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย และ ผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาและข้อพิพาท ตลอดจนต้องการข้อแนะนำต่าง ๆ ทางด้านกฎหมาย และสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน เพื่อก่อให้เกิดความยุติธรรมเพิ่มขึ้นในสังคม
    เพจ “นิติธรรมเพื่อสังคม” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่มีความรู้ + ผู้มีประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย และ ผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาและข้อพิพาท ตลอดจนต้องการข้อแนะนำต่าง ๆ ทางด้านกฎหมาย และสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน เพื่อก่อให้เกิดความยุติธรรมเพิ่มขึ้นในสังคม
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
More Results