• น้ำตาแห่งมิวนิค

    เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป

    เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน

    * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม

    ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม

    ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น

    ซ้ำ *, **

    เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568

    #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    น้ำตาแห่งมิวนิค เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น ซ้ำ *, ** เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568 #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 67 ปี หายนะเที่ยวบิน 609 ไถลหิมะรันเวย์มิวนิค-รีม โยนความผิดนักบิน เสียชีวิตรวมทีมแมนยู 23 ศพ

    ย้อนรอยเหตุการณ์สุดเศร้า 67 ปี ที่ผ่านมา เที่ยวบิน 609 ของสายการบินบริติชยูโรเปียนแอร์เวย์ส ไถลออกนอกรันเวย์ ท่ามกลางหิมะ ณ สนามบินมิวนิค-รีม คร่าชีวิตนักเตะ และสตาฟฟ์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวม 23 ศห พร้อมการสืบสวน ที่เต็มไปด้วยปริศนา และข้อครหา

    วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 คือวันแห่งโศกนาฏกรรม ที่สะเทือนวงการฟุตบอลโลก เที่ยวบินเช่าเหมาลำ British European Airways Flight 609 ซึ่งนำพาเหล่านักเตะ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากอังกฤษ พร้อมสตาฟฟ์โค้ชและนักข่าว กลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ที่ยูโกสลาเวีย ต้องแวะเติมน้ำมัน ที่สนามบินมิวนิค-รีม ประเทศเยอรมนีตะวันตก

    แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
    เครื่องบินพยายามเทคออฟถึง 3 ครั้ง ก่อนจะลื่นไถลออกนอกรันเวย์ พุ่งชนอาคารและระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 คน นี่คือเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ "ปีศาจแดง" ไปตลอดกาล

    📌 แต่เหตุใด เครื่องบินถึงไม่สามารถขึ้นบินได้?
    📌 ใครต้องรับผิดชอบ ต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้?
    📌 เกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้น?

    ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุหรือข้อผิดพลาดของมนุษย์?
    เครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนี้คือ Airspeed AS.57 Ambassador ของสายการบิน British European Airways (BEA) โดยมี กัปตันเจมส์ เทรนต์ (James Thain) และผู้ช่วยนักบิน เคนเนตต์ เรย์เมนต์ (Kenneth Rayment) เป็นผู้ควบคุมเที่ยวบิน

    เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึง สนามบินมิวนิค-รีม ในช่วงบ่ายของวันนั้น สภาพอากาศเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้รันเวย์ เต็มไปด้วยน้ำแข็งบางๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการบิน

    กัปตันเทรนต์ พยายามนำเครื่องขึ้นบินถึง 3 ครั้ง แต่ประสบปัญหาทุกครั้ง

    1️⃣ ครั้งแรก เครื่องยนต์มีอาการกระตุก ทำให้กัปตันตัดสินใจ ยกเลิกการเทคออฟ
    2️⃣ ครั้งที่สอง ปัญหาเดิมเกิดขึ้น กัปตันต้องหยุดเที่ยวบินอีกครั้ง
    3️⃣ ครั้งที่สาม เครื่องบินเร่งความเร็วถึงระดับ V1 (ความเร็วที่ไม่สามารถหยุดบินได้) และเข้าสู่จุด Vrotate (จุดยกหัวเครื่อง) แต่ทันใดนั้น ความเร็วลดลงกะทันหัน ก่อนที่เครื่องจะสูญเสียแรงยก และไถลออกนอกรันเวย์

    ข้อสันนิษฐานสาเหตุที่แท้จริง
    ❄️ "น้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน?"
    มีการกล่าวหาในตอนแรกว่า น้ำแข็งเกาะบนปีกเครื่องบิน ทำให้เกิดแรงต้านอากาศ และไม่สามารถยกตัวขึ้นบินได้ อย่างไรก็ตาม กัปตันเทรนต์ยืนยันว่า เขาได้ตรวจสอบปีกแล้ว และไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่

    🏁 "หิมะบนรันเวย์?"
    การสืบสวนในเวลาต่อมาชี้ว่า หิมะที่หนาถึง 5 เซนติเมตร บนปลายรันเวย์ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ลดความเร็วเครื่องบินลงทันที ส่งผลให้เครื่องบิน ไม่สามารถบินขึ้นได้

    🔥 "ความผิดพลาดของนักบิน?"
    ทางการเยอรมนีกลับชี้ว่า กัปตันเทรนต์ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากไม่ได้ละลายน้ำแข็ง บนปีกเครื่องบิน ทั้งที่หลักฐานชี้ว่า ปัญหาเกิดจาก สภาพรันเวย์มากกว่า

    ในที่สุด กัปตันเทรนต์ถูกไล่ออกจาก BEA แม้ต่อมาจะได้รับการพิสูจน์ว่า ไม่มีความผิด แต่นั่นก็ไม่สามารถลบล้างตราบาป ที่ติดตัวไปตลอดชีวิตได้

    23 ชีวิตที่ต้องสูญเสีย บาดแผลที่ไม่มีวันลืม
    ในจำนวน 44 คน ที่โดยสารบนเครื่อง มี 23 ราย เสียชีวิตทันที หรือหลังจากนั้นไม่นาน รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โลกฟุตบอลต้องสูญเสีย ได้แก่

    ⚽ 8 นักเตะ "ปีศาจแดง" ที่จากไป
    โรเจอร์ ไบรน์ (Roger Byrne) กัปตันทีม
    เจฟฟ์ เบนท์ (Geoff Bent)
    เดวิด เพ็กก์ (David Pegg)
    มาร์ก โจนส์ (Mark Jones)
    บิลลี่ วีแลน (Billy Whelan)
    เอ็ดดี้ โคลแมน (Eddie Colman)
    ทอมมี่ เทย์เลอร์ (Tommy Taylor)
    ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards) เสียชีวิตหลังจากนั้น 15 วัน

    📍 นักข่าวกีฬา 8 คน และทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ด 3 คน
    📍 ลูกเรือ 1 คน และผู้โดยสารอื่นๆ 2 คน

    💔 โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่งผลกระทบมหาศาล ต่อวงการฟุตบอล โดยเฉพาะสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องสูญเสียแข้งดาวรุ่ง ที่มีอนาคตไกล

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังโศกนาฏกรรม
    แม้จะเสียผู้เล่นหลักไปถึง 8 ราย แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงสู้ต่อไป ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
    🔴 สโมสรได้รับความช่วยเหลือ จากลิเวอร์พูล ที่ยืมนักเตะให้ใช้งาน
    🔴 เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) กุนซือผู้รอดชีวิต สร้างทีมใหม่ ด้วยดาวรุ่งอย่าง จอร์จ เบสต์, น็อบบี้ สไตล์ส และไบรอัน คิดด์
    🔴 ปี 1968 ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ ได้สำเร็จ เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ ที่ทำได้

    💡 นี่คือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ และจิตวิญญาณของ "ปีศาจแดง" ที่ยังคงสืบทอด มาจนถึงปัจจุบัน

    โศกนาฏกรรมที่เป็นบทเรียน
    เหตุการณ์มิวนิค ไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรม ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ ของอุตสาหกรรมการบิน

    ✈️ การพัฒนาเทคโนโลยีการบิน มีการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เกี่ยวกับการตรวจสอบรันเวย์ และน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน
    ⚖️ ความยุติธรรมที่ล่าช้า กัปตันเทรนต์ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

    🔴 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

    67 ปีผ่านไป แต่ "โศกนาฏกรรมมิวนิค" ยังคงเป็นเรื่องราว ที่แฟนบอลทั่วโลกไม่มีวันลืม 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062132 ก.พ. 2568

    #Munich1958 #ManchesterUnited #NeverForget #BusbyBabes #MUFC
    67 ปี หายนะเที่ยวบิน 609 ไถลหิมะรันเวย์มิวนิค-รีม โยนความผิดนักบิน เสียชีวิตรวมทีมแมนยู 23 ศพ ย้อนรอยเหตุการณ์สุดเศร้า 67 ปี ที่ผ่านมา เที่ยวบิน 609 ของสายการบินบริติชยูโรเปียนแอร์เวย์ส ไถลออกนอกรันเวย์ ท่ามกลางหิมะ ณ สนามบินมิวนิค-รีม คร่าชีวิตนักเตะ และสตาฟฟ์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวม 23 ศห พร้อมการสืบสวน ที่เต็มไปด้วยปริศนา และข้อครหา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 คือวันแห่งโศกนาฏกรรม ที่สะเทือนวงการฟุตบอลโลก เที่ยวบินเช่าเหมาลำ British European Airways Flight 609 ซึ่งนำพาเหล่านักเตะ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากอังกฤษ พร้อมสตาฟฟ์โค้ชและนักข่าว กลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ที่ยูโกสลาเวีย ต้องแวะเติมน้ำมัน ที่สนามบินมิวนิค-รีม ประเทศเยอรมนีตะวันตก แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น... เครื่องบินพยายามเทคออฟถึง 3 ครั้ง ก่อนจะลื่นไถลออกนอกรันเวย์ พุ่งชนอาคารและระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 คน นี่คือเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ "ปีศาจแดง" ไปตลอดกาล 📌 แต่เหตุใด เครื่องบินถึงไม่สามารถขึ้นบินได้? 📌 ใครต้องรับผิดชอบ ต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้? 📌 เกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้น? ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุหรือข้อผิดพลาดของมนุษย์? เครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนี้คือ Airspeed AS.57 Ambassador ของสายการบิน British European Airways (BEA) โดยมี กัปตันเจมส์ เทรนต์ (James Thain) และผู้ช่วยนักบิน เคนเนตต์ เรย์เมนต์ (Kenneth Rayment) เป็นผู้ควบคุมเที่ยวบิน เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึง สนามบินมิวนิค-รีม ในช่วงบ่ายของวันนั้น สภาพอากาศเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้รันเวย์ เต็มไปด้วยน้ำแข็งบางๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการบิน กัปตันเทรนต์ พยายามนำเครื่องขึ้นบินถึง 3 ครั้ง แต่ประสบปัญหาทุกครั้ง 1️⃣ ครั้งแรก เครื่องยนต์มีอาการกระตุก ทำให้กัปตันตัดสินใจ ยกเลิกการเทคออฟ 2️⃣ ครั้งที่สอง ปัญหาเดิมเกิดขึ้น กัปตันต้องหยุดเที่ยวบินอีกครั้ง 3️⃣ ครั้งที่สาม เครื่องบินเร่งความเร็วถึงระดับ V1 (ความเร็วที่ไม่สามารถหยุดบินได้) และเข้าสู่จุด Vrotate (จุดยกหัวเครื่อง) แต่ทันใดนั้น ความเร็วลดลงกะทันหัน ก่อนที่เครื่องจะสูญเสียแรงยก และไถลออกนอกรันเวย์ ข้อสันนิษฐานสาเหตุที่แท้จริง ❄️ "น้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน?" มีการกล่าวหาในตอนแรกว่า น้ำแข็งเกาะบนปีกเครื่องบิน ทำให้เกิดแรงต้านอากาศ และไม่สามารถยกตัวขึ้นบินได้ อย่างไรก็ตาม กัปตันเทรนต์ยืนยันว่า เขาได้ตรวจสอบปีกแล้ว และไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่ 🏁 "หิมะบนรันเวย์?" การสืบสวนในเวลาต่อมาชี้ว่า หิมะที่หนาถึง 5 เซนติเมตร บนปลายรันเวย์ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ลดความเร็วเครื่องบินลงทันที ส่งผลให้เครื่องบิน ไม่สามารถบินขึ้นได้ 🔥 "ความผิดพลาดของนักบิน?" ทางการเยอรมนีกลับชี้ว่า กัปตันเทรนต์ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากไม่ได้ละลายน้ำแข็ง บนปีกเครื่องบิน ทั้งที่หลักฐานชี้ว่า ปัญหาเกิดจาก สภาพรันเวย์มากกว่า ในที่สุด กัปตันเทรนต์ถูกไล่ออกจาก BEA แม้ต่อมาจะได้รับการพิสูจน์ว่า ไม่มีความผิด แต่นั่นก็ไม่สามารถลบล้างตราบาป ที่ติดตัวไปตลอดชีวิตได้ 23 ชีวิตที่ต้องสูญเสีย บาดแผลที่ไม่มีวันลืม ในจำนวน 44 คน ที่โดยสารบนเครื่อง มี 23 ราย เสียชีวิตทันที หรือหลังจากนั้นไม่นาน รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โลกฟุตบอลต้องสูญเสีย ได้แก่ ⚽ 8 นักเตะ "ปีศาจแดง" ที่จากไป โรเจอร์ ไบรน์ (Roger Byrne) กัปตันทีม เจฟฟ์ เบนท์ (Geoff Bent) เดวิด เพ็กก์ (David Pegg) มาร์ก โจนส์ (Mark Jones) บิลลี่ วีแลน (Billy Whelan) เอ็ดดี้ โคลแมน (Eddie Colman) ทอมมี่ เทย์เลอร์ (Tommy Taylor) ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards) เสียชีวิตหลังจากนั้น 15 วัน 📍 นักข่าวกีฬา 8 คน และทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ด 3 คน 📍 ลูกเรือ 1 คน และผู้โดยสารอื่นๆ 2 คน 💔 โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่งผลกระทบมหาศาล ต่อวงการฟุตบอล โดยเฉพาะสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องสูญเสียแข้งดาวรุ่ง ที่มีอนาคตไกล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังโศกนาฏกรรม แม้จะเสียผู้เล่นหลักไปถึง 8 ราย แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงสู้ต่อไป ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง 🔴 สโมสรได้รับความช่วยเหลือ จากลิเวอร์พูล ที่ยืมนักเตะให้ใช้งาน 🔴 เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) กุนซือผู้รอดชีวิต สร้างทีมใหม่ ด้วยดาวรุ่งอย่าง จอร์จ เบสต์, น็อบบี้ สไตล์ส และไบรอัน คิดด์ 🔴 ปี 1968 ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ ได้สำเร็จ เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ ที่ทำได้ 💡 นี่คือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ และจิตวิญญาณของ "ปีศาจแดง" ที่ยังคงสืบทอด มาจนถึงปัจจุบัน โศกนาฏกรรมที่เป็นบทเรียน เหตุการณ์มิวนิค ไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรม ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ ของอุตสาหกรรมการบิน ✈️ การพัฒนาเทคโนโลยีการบิน มีการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เกี่ยวกับการตรวจสอบรันเวย์ และน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน ⚖️ ความยุติธรรมที่ล่าช้า กัปตันเทรนต์ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง 🔴 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง 67 ปีผ่านไป แต่ "โศกนาฏกรรมมิวนิค" ยังคงเป็นเรื่องราว ที่แฟนบอลทั่วโลกไม่มีวันลืม 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062132 ก.พ. 2568 #Munich1958 #ManchesterUnited #NeverForget #BusbyBabes #MUFC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน

    "เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025

    เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน

    เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย

    ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า
    เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า

    "ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์"

    "พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น"

    "ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย"

    "ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร"

    "พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน"

    "ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ"

    "แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี"

    "ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร"

    "ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์"

    "มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’"

    "เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก"

    "พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย"

    "เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด"

    "ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’"

    "ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น"

    "แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม"

    หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต
    แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป

    เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น"

    "เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง"

    .
    https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
    หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน "เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025 เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า "ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์" "พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น" "ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย" "ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร" "พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน" "ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ" "แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี" "ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร" "ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์" "มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’" "เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก" "พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย" "เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด" "ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’" "ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น" "แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม" หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น" "เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง" . https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิคาอิล กาเวลาชวิลี (Mikheil Kavelashvili) ผู้สมัครจากพรรครัฐบาล "Georgian Dream" ของนายกรัฐมนตรีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของจอร์เจีย

    เขาได้รับคะแนนเสียง 224 เสียงจากคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมด 300 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนรัฐสภาและผู้แทนภูมิภาคเท่าๆกัน ซึ่งเป็นการเลือกประธานาธิบดีรูปแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2017 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้

    กาเวลาชวิลี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของจอร์เจีย เป็นนักการเมืองฝ่ายขวาผู้รักชาติตัวจริงประกาศจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของจอร์เจียเป็นอันดับแรก และจะไม่ยอมให้ NATO หรือ EU ทำลายอนาคตของจอร์เจียเหมือนอย่างที่ทำกับยูเครน

    มิเคอิล คาเวลาชวิลี เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลรัสเซียในปี 1995 ร่วมกับ Spartak-Alania ต่อมาเป็นกองหน้าให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอังกฤษระหว่างปี 1996 ถึง 1997

    ในปี 2016 เขาได้เป็นผู้แทนราษฎรสังกัดพรรค Georgian Dream แต่ลาออกจากพรรคในปี 2022 เพื่อก่อตั้งองค์กร People's Power ซึ่งกฎหมายตัวแทนต่างประเทศถูกร่างขึ้นครั้งแรกที่นี่โดยคาเวลาชวิลี จนนำไปสู่การไม่พอใจของตะวันตกและอเมริกา และเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2023 ซึ่งในที่สุดร่างกฎหมายตัวแทนต่างชาติได้ผ่านสภาและประกาศใช้ในปี 2024

    ต่อมาในการเลือกตั้งรัฐสภาเดือนตุลาคม 2024 Kavelashvili กลับมาลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค Georgian Dream อีกครั้งและได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกรัฐสภา และในที่สุดเขาเป็นตัวแทนพรรคในการสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีจอร์เจีย
    จอร์เจียถือเป็นประเทศที่ตะวันตกต้องการให้อยู่ในอาณัติ เนื่องจากจะเป็นการปิดล้อมรัสเซียอย่างสมบูรณ์

    ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก ตะวันตกต้องผิดหวังเมื่อผู้ชนะมีท่าทีสนับสนุนรัสเซีย จนนำไปสู่การประกาศยกเลิกผลการเลือกตั้งจากศาลรัฐธรรมนูญโรมาเนีย ซึ่งยังไม่มีกำหนดการเลือกตั้งครั้งใหม่
    มิคาอิล กาเวลาชวิลี (Mikheil Kavelashvili) ผู้สมัครจากพรรครัฐบาล "Georgian Dream" ของนายกรัฐมนตรีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของจอร์เจีย เขาได้รับคะแนนเสียง 224 เสียงจากคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมด 300 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนรัฐสภาและผู้แทนภูมิภาคเท่าๆกัน ซึ่งเป็นการเลือกประธานาธิบดีรูปแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2017 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ กาเวลาชวิลี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของจอร์เจีย เป็นนักการเมืองฝ่ายขวาผู้รักชาติตัวจริงประกาศจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของจอร์เจียเป็นอันดับแรก และจะไม่ยอมให้ NATO หรือ EU ทำลายอนาคตของจอร์เจียเหมือนอย่างที่ทำกับยูเครน มิเคอิล คาเวลาชวิลี เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลรัสเซียในปี 1995 ร่วมกับ Spartak-Alania ต่อมาเป็นกองหน้าให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอังกฤษระหว่างปี 1996 ถึง 1997 ในปี 2016 เขาได้เป็นผู้แทนราษฎรสังกัดพรรค Georgian Dream แต่ลาออกจากพรรคในปี 2022 เพื่อก่อตั้งองค์กร People's Power ซึ่งกฎหมายตัวแทนต่างประเทศถูกร่างขึ้นครั้งแรกที่นี่โดยคาเวลาชวิลี จนนำไปสู่การไม่พอใจของตะวันตกและอเมริกา และเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2023 ซึ่งในที่สุดร่างกฎหมายตัวแทนต่างชาติได้ผ่านสภาและประกาศใช้ในปี 2024 ต่อมาในการเลือกตั้งรัฐสภาเดือนตุลาคม 2024 Kavelashvili กลับมาลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค Georgian Dream อีกครั้งและได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกรัฐสภา และในที่สุดเขาเป็นตัวแทนพรรคในการสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีจอร์เจีย จอร์เจียถือเป็นประเทศที่ตะวันตกต้องการให้อยู่ในอาณัติ เนื่องจากจะเป็นการปิดล้อมรัสเซียอย่างสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก ตะวันตกต้องผิดหวังเมื่อผู้ชนะมีท่าทีสนับสนุนรัสเซีย จนนำไปสู่การประกาศยกเลิกผลการเลือกตั้งจากศาลรัฐธรรมนูญโรมาเนีย ซึ่งยังไม่มีกำหนดการเลือกตั้งครั้งใหม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 13 (2024-2025) ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี้ 2: 0 ทำให้ลิเวอร์พูล ยังเป็นอันดับ 1 มีคะแนนห่าง 11 คะแนน
    พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 13 (2024-2025) ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี้ 2: 0 ทำให้ลิเวอร์พูล ยังเป็นอันดับ 1 มีคะแนนห่าง 11 คะแนน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นเรื่อง!"ซากหนูตาย"ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด 30/11/67 #ซากหนูตาย #โอลด์ แทรฟฟอร์ด #สนามฟุตบอล #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
    เป็นเรื่อง!"ซากหนูตาย"ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด 30/11/67 #ซากหนูตาย #โอลด์ แทรฟฟอร์ด #สนามฟุตบอล #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1451 มุมมอง 59 0 รีวิว
  • ผลงานดีแต่ไม่ได้ไปต่อ (12/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แมนเชสเตอร์ฯ #แมนยูฯ #ฟุตบอลอังกฤษ
    ผลงานดีแต่ไม่ได้ไปต่อ (12/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แมนเชสเตอร์ฯ #แมนยูฯ #ฟุตบอลอังกฤษ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1911 มุมมอง 341 0 รีวิว
  • #หงส์แดง #ลิเวอร์พูล เปิดรังจิก #สิงห์ผงาด แอสตัน วิลลา 2-0 โกยหนี #เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 แต้ม

    ชัยชนะนัดนี้ทำให้ “หงส์แดง” #LFC มี 28 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงต่อไป

    ด้าน #แมนซิตี้ แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 4 สมัยซ้อน ยังไม่ฟื้นจากวิกฤติ ล่าสุด บุกนำ #ไบรท์ตัน ก่อนพ่าย 1-2 เป็นการพ่ายแพ้นัดที่ 4 ติดต่อกันแล้ว

    นับเป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นโค้ชของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่คุมทีมแพ้ถึง 4 นัดติดต่อกันอีกด้วย
    #หงส์แดง #ลิเวอร์พูล เปิดรังจิก #สิงห์ผงาด แอสตัน วิลลา 2-0 โกยหนี #เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 แต้ม ชัยชนะนัดนี้ทำให้ “หงส์แดง” #LFC มี 28 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงต่อไป ด้าน #แมนซิตี้ แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 4 สมัยซ้อน ยังไม่ฟื้นจากวิกฤติ ล่าสุด บุกนำ #ไบรท์ตัน ก่อนพ่าย 1-2 เป็นการพ่ายแพ้นัดที่ 4 ติดต่อกันแล้ว นับเป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นโค้ชของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่คุมทีมแพ้ถึง 4 นัดติดต่อกันอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นไป รูเบน อโมริม โค้ชหนุ่มวัย 39 ปี คุมทัพทีมสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญายาว 3 ปี พร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี

    "ปีศาจแดง" เดินดีลโค้ชใหม่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่แยกทางกับ เอริก เทน ฮาก เทรนเนอร์ชาวดัตช์ หลังจบเกมบุกพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

    https://mgronline.com/sport/detail/9670000105485

    #Thaitimes
    ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นไป รูเบน อโมริม โค้ชหนุ่มวัย 39 ปี คุมทัพทีมสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญายาว 3 ปี พร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี "ปีศาจแดง" เดินดีลโค้ชใหม่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่แยกทางกับ เอริก เทน ฮาก เทรนเนอร์ชาวดัตช์ หลังจบเกมบุกพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน https://mgronline.com/sport/detail/9670000105485 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    "แมนฯ ยู" ประกาศตั้ง "อโมริม" ทางการ เริ่มงาน 11 พ.ย.นี้ เซ็นสัญญา 3 ปี
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง รูเบน อโมริม โค้ชหนุ่มวัย 39 ปี คุมทัพอย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญายาว 3 ปี พร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขาดทุนยับเยินก็ขายไปเถอะ 26/10/67 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #การแข่งขันฟุตบอล #ปิศาจแดง
    ขาดทุนยับเยินก็ขายไปเถอะ 26/10/67 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #การแข่งขันฟุตบอล #ปิศาจแดง
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2171 มุมมอง 666 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจ Main Stand
    เปิดแผนธุรกิจสนามใหม่ของสโมสรฟุตบอลแมนฯยูไนเต็ด กระตุ้นเศรษฐกิจ 7.3 พันล้านปอนด์ต่อปี

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ทำการปรับปรุงรังเหย้าของพวกเขาใหม่เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและเพิ่มมูลค่าสโมสร

    และตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มีแผนสร้างสนามใหม่ความจุ 100,000 ที่นั่ง มูลค่า 2 พันล้านปอนด์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2030

    โดยสื่อธุรกิจอย่าง SSBM วิเคราะห์ว่าสนามใหม่ของ "ปีศาจแดง" ยุคที่ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ มาคุมงานบริหารฟุตบอล จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 10-15 ปี หรือเร็วกว่านั้น ซึ่งอาศัยรายได้จากวันแข่งขันที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมที่ไม่ใช่ฟุตบอล สปอนเซอร์เชิงพาณิชย์ และการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในระดับโลก แถมในระยะยาวสนามกีฬาแห่งใหม่และการพัฒนาโดยรอบคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ประจำปีของสโมสรได้ 100-150 ล้านปอนด์

    ข้อดีที่เพิ่มขึ้นหากการสร้างสนามใหม่ของ แมนสเตอร์ ยูไนเต็ด เสร็จสิ้นและพร้อมใช้งาน มีดังนี้

    - เพิ่มความจุจาก 74,000 เป็น 100,000 ที่นั่ง
    - เก็บค่าตั๋วเกมในบ้านได้มากขึ้นเป็น 90-130 ล้านปอนด์/ปี (ราคาตั๋วอยู่ที่ราว 50-70 ปอนด์/ใบ)
    - พัฒนาเขตการค้ารอบสนาม
    - มีโรงแรม, อสังหาริมทรัพย์ และระบบขนส่งมวลชน
    - สร้างงานเพิ่มขึ้น 92,000 ตำแหน่ง
    - สร้างบ้านใหม่ 17,000 หลัง
    - ดึงดูดนักท่องเที่ยว 1.8 ล้านคน/ปี

    ทั้งนี้ โครงการสนามกีฬามูลค่า 2,000 ล้านปอนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เกี่ยวกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างรากฐานทางการเงินที่ยั่งยืนสำหรับสโมสร ขยายการเข้าถึงทั่วโลก และฟื้นฟูเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยการคาดการณ์เบื้องต้นจากสโมสรระบุว่าสนามใหม่แห่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.3 พันล้านปอนด์ต่อปี ในประเทศอังกฤษ”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/V3z3xY6oeka7uimz/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจ Main Stand เปิดแผนธุรกิจสนามใหม่ของสโมสรฟุตบอลแมนฯยูไนเต็ด กระตุ้นเศรษฐกิจ 7.3 พันล้านปอนด์ต่อปี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ทำการปรับปรุงรังเหย้าของพวกเขาใหม่เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและเพิ่มมูลค่าสโมสร และตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มีแผนสร้างสนามใหม่ความจุ 100,000 ที่นั่ง มูลค่า 2 พันล้านปอนด์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2030 โดยสื่อธุรกิจอย่าง SSBM วิเคราะห์ว่าสนามใหม่ของ "ปีศาจแดง" ยุคที่ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ มาคุมงานบริหารฟุตบอล จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 10-15 ปี หรือเร็วกว่านั้น ซึ่งอาศัยรายได้จากวันแข่งขันที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมที่ไม่ใช่ฟุตบอล สปอนเซอร์เชิงพาณิชย์ และการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในระดับโลก แถมในระยะยาวสนามกีฬาแห่งใหม่และการพัฒนาโดยรอบคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ประจำปีของสโมสรได้ 100-150 ล้านปอนด์ ข้อดีที่เพิ่มขึ้นหากการสร้างสนามใหม่ของ แมนสเตอร์ ยูไนเต็ด เสร็จสิ้นและพร้อมใช้งาน มีดังนี้ - เพิ่มความจุจาก 74,000 เป็น 100,000 ที่นั่ง - เก็บค่าตั๋วเกมในบ้านได้มากขึ้นเป็น 90-130 ล้านปอนด์/ปี (ราคาตั๋วอยู่ที่ราว 50-70 ปอนด์/ใบ) - พัฒนาเขตการค้ารอบสนาม - มีโรงแรม, อสังหาริมทรัพย์ และระบบขนส่งมวลชน - สร้างงานเพิ่มขึ้น 92,000 ตำแหน่ง - สร้างบ้านใหม่ 17,000 หลัง - ดึงดูดนักท่องเที่ยว 1.8 ล้านคน/ปี ทั้งนี้ โครงการสนามกีฬามูลค่า 2,000 ล้านปอนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เกี่ยวกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างรากฐานทางการเงินที่ยั่งยืนสำหรับสโมสร ขยายการเข้าถึงทั่วโลก และฟื้นฟูเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยการคาดการณ์เบื้องต้นจากสโมสรระบุว่าสนามใหม่แห่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.3 พันล้านปอนด์ต่อปี ในประเทศอังกฤษ” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/V3z3xY6oeka7uimz/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนผีว่ายังไง 16/10/67 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #แฟนผี #ฟุตบอล #ปีศาจแดง
    แฟนผีว่ายังไง 16/10/67 #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #แฟนผี #ฟุตบอล #ปีศาจแดง
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1168 มุมมอง 244 0 รีวิว
  • 111 ตัวจริง พรีเมียร์ลีก คู่ 20.00 น.

    แอสตัน วิลลา พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    ช่องทางถ่ายทอดสด
    - True Premier Football 1
    - True Premier Football 2
    - True 4K Ultra HD

    #AVLMUN #PL #ฟุตบอลต่างประเทศ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/eXuTKWqYubd5KJ1c/
    111 ตัวจริง พรีเมียร์ลีก คู่ 20.00 น. แอสตัน วิลลา พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่องทางถ่ายทอดสด - True Premier Football 1 - True Premier Football 2 - True 4K Ultra HD #AVLMUN #PL #ฟุตบอลต่างประเทศ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/eXuTKWqYubd5KJ1c/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว