หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน
"เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025
เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน
เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย
ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า
เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า
"ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์"
"พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น"
"ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย"
"ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร"
"พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน"
"ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ"
"แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี"
"ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร"
"ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์"
"มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’"
"เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก"
"พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย"
"เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด"
"ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’"
"ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น"
"แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม"
หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต
แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป
เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น"
"เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง"
.
https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
"เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025
เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน
เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย
ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า
เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า
"ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์"
"พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น"
"ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย"
"ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร"
"พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน"
"ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ"
"แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี"
"ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร"
"ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์"
"มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’"
"เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก"
"พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย"
"เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด"
"ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’"
"ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น"
"แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม"
หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต
แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป
เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น"
"เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง"
.
https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน
"เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025
เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน
เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย
ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า
เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า
"ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์"
"พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น"
"ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย"
"ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร"
"พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน"
"ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ"
"แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี"
"ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร"
"ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์"
"มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’"
"เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก"
"พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย"
"เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด"
"ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’"
"ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น"
"แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม"
หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต
แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป
เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น"
"เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง"
.
https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
43 มุมมอง
0 รีวิว