• "ทักษิณไม่ไว้ใจ"! “อังคณา” เปิดประเด็นร้อน...ชี้ช่อง “ชัยเกษม” ขึ้นแทนนายกฯ ได้...แต่หวั่น "อำนาจนอกสภา" ไม่ยอม!
    https://www.thai-tai.tv/news/20729/
    .
    #อังคณา #แพทองธารชินวัตร #ชัยเกษมนิติสิริ #นายกฯคนนอก #รัฐธรรมนูญ #ทักษิณชินวัตร #การเมืองไทย #ไทยไท
    "ทักษิณไม่ไว้ใจ"! “อังคณา” เปิดประเด็นร้อน...ชี้ช่อง “ชัยเกษม” ขึ้นแทนนายกฯ ได้...แต่หวั่น "อำนาจนอกสภา" ไม่ยอม! https://www.thai-tai.tv/news/20729/ . #อังคณา #แพทองธารชินวัตร #ชัยเกษมนิติสิริ #นายกฯคนนอก #รัฐธรรมนูญ #ทักษิณชินวัตร #การเมืองไทย #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • 22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • "พิชัย" เผย "ทักษิณ" ร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ เตรียมรับมือภาษีสหรัฐฯ ยันเร่งเจรจาก่อน 1 ส.ค. ตั้งเป้าไม่เสียเปรียบคู่แข่ง!
    https://www.thai-tai.tv/news/20227/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #พิชัยชุณหวชิร #ภาษีนำเข้า #โดนัลด์ทรัมป์ #ทีมไทยแลนด์ #บ้านพิษณุโลก #เศรษฐกิจไทย #การค้าระหว่างประเทศ #รัฐบาลไทย #ประเด็นร้อน
    "พิชัย" เผย "ทักษิณ" ร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ เตรียมรับมือภาษีสหรัฐฯ ยันเร่งเจรจาก่อน 1 ส.ค. ตั้งเป้าไม่เสียเปรียบคู่แข่ง! https://www.thai-tai.tv/news/20227/ . #ทักษิณชินวัตร #พิชัยชุณหวชิร #ภาษีนำเข้า #โดนัลด์ทรัมป์ #ทีมไทยแลนด์ #บ้านพิษณุโลก #เศรษฐกิจไทย #การค้าระหว่างประเทศ #รัฐบาลไทย #ประเด็นร้อน
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • กัมพูชาฟ้องยูเนสโก! ไทยโต้กลับ ปม "วัดภูม่านฟ้า" ลอกเลียนนครวัด เวทีโลกเดือด
    https://www.thai-tai.tv/news/20204/
    .
    #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #ประเทศไทย #ประเด็นร้อน #การต่างประเทศ #เฟืองสกุณา #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว
    กัมพูชาฟ้องยูเนสโก! ไทยโต้กลับ ปม "วัดภูม่านฟ้า" ลอกเลียนนครวัด เวทีโลกเดือด https://www.thai-tai.tv/news/20204/ . #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #ประเทศไทย #ประเด็นร้อน #การต่างประเทศ #เฟืองสกุณา #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า
    https://www.thai-tai.tv/news/20194/
    .
    #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า https://www.thai-tai.tv/news/20194/ . #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • ยังคงเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมือง ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง สำหรับการทยอยลาออกของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด นายชานน สัมพันธารักษ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมไปถึง ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง มีผลนับตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออก (9 กรกฎาคม 2568)

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064850

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ยังคงเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมือง ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง สำหรับการทยอยลาออกของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด นายชานน สัมพันธารักษ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมไปถึง ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง มีผลนับตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออก (9 กรกฎาคม 2568) อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064850 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 619 Views 0 Reviews
  • อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ

    ประเด็นร้อนคือ:
    - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค
    - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร

    Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด

    Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน

    หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด

    กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”  
    • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น  
    • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license

    Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”  
    • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด  
    • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล  
    • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง

    Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น  
    • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม

    โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT

    จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ ประเด็นร้อนคือ: - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด ✅ กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”   • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น   • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license ✅ Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”   • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด   • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล   • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง ✅ Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น   • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม ✅ โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT ✅ จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei's AI lab denies that one of its Pangu models copied Alibaba's Qwen
    Huawei's artificial intelligence research division has rejected claims that a version of its Pangu Pro large language model has copied elements from an Alibaba model, saying that it was independently developed and trained.
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • กต.-กห.กัมพูชาแถลงประณามไทย ขวางคนเขมรคล้องผ้าขาวม้าติดธงเข้าปราสาทตาควาย ในประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20063/
    .
    #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ข้อพิพาทชายแดน #ธงชาติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #ประเด็นร้อน #การท่องเที่ยว #ชายแดนไทยกัมพูชา
    กต.-กห.กัมพูชาแถลงประณามไทย ขวางคนเขมรคล้องผ้าขาวม้าติดธงเข้าปราสาทตาควาย ในประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/20063/ . #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ข้อพิพาทชายแดน #ธงชาติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #ประเด็นร้อน #การท่องเที่ยว #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    3 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • 3วัน-3ปมร้อน ”บิ๊กอ้วน”ยกเลิกไปปารีส ศุกร์13 มิ.ย.”ทักษิณ” คุก-ไม่คุก?
    .
    การเมืองสัปดาห์นี้ มีเรื่องฮอท ประเด็นร้อนให้ติตดามกันแบบเรียงสามวันรวด ติดๆกัน อัดกันไปแบบจุกๆเน้นๆ ที่ทำให้การเมืองสัปดาห์นี้ ร้อนทะลุปรอทแตกกลางฤดูฝน ชนิดที่ สายฝนที่โปรยปรายและโหมกระหน่ำกรุงเทพฯมาหลายวันติดกัน ก็ยังคลายความร้อนการเมืองสัปดาห์นี้ ลงไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054210

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    3วัน-3ปมร้อน ”บิ๊กอ้วน”ยกเลิกไปปารีส ศุกร์13 มิ.ย.”ทักษิณ” คุก-ไม่คุก? . การเมืองสัปดาห์นี้ มีเรื่องฮอท ประเด็นร้อนให้ติตดามกันแบบเรียงสามวันรวด ติดๆกัน อัดกันไปแบบจุกๆเน้นๆ ที่ทำให้การเมืองสัปดาห์นี้ ร้อนทะลุปรอทแตกกลางฤดูฝน ชนิดที่ สายฝนที่โปรยปรายและโหมกระหน่ำกรุงเทพฯมาหลายวันติดกัน ก็ยังคลายความร้อนการเมืองสัปดาห์นี้ ลงไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054210 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 595 Views 0 Reviews
  • รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ?

    ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง?

    การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร

    เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”?

    1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง?

    รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน

    นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ

    2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา?

    การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่?

    การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง

    3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก

    การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ
    การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ

    4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่?

    แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน

    ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน

    5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ

    การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น

    ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก

    บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ

    งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน”

    หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน

    ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ? ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง? การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”? 1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง? รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ 2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา? การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่? การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง 3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ 4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่? แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน 5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน” หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    0 Comments 0 Shares 524 Views 0 Reviews
  • มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 693 Views 0 Reviews
  • "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill"
    ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี
    - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์

    นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด
    - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง

    สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
    - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น

    องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI

    ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น
    - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI

    ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย
    - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ✅ ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ✅ นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง ✅ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น ✅ องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้ - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI ✅ ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI ✅ ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "One Big Beautiful Bill": House backs Trump plan to freeze state AI laws for a decade
    The moratorium applies not only to AI models but also to any products or services integrating AI, effectively banning and overriding state regulations in those areas. The...
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • “ฉลาด” ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ตีธงสอบ 2 ประเด็นร้อน เชิญ “ก.บัญชีกลาง” ขึงพืดปม “ตึก สตง.” ถล่ม หลังคำตอบ “ผู้ว่าการฯ-ผู้บริหาร” ไม่เคลียร์ เล็งตามมาซักอีก พร้อมเรียก “ผู้ร้อง-กกต.” คลี่ปม “ฮั้วเลือก สว.” หาทางอุดช่องโหว่ในอนาคต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044061

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ฉลาด” ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ตีธงสอบ 2 ประเด็นร้อน เชิญ “ก.บัญชีกลาง” ขึงพืดปม “ตึก สตง.” ถล่ม หลังคำตอบ “ผู้ว่าการฯ-ผู้บริหาร” ไม่เคลียร์ เล็งตามมาซักอีก พร้อมเรียก “ผู้ร้อง-กกต.” คลี่ปม “ฮั้วเลือก สว.” หาทางอุดช่องโหว่ในอนาคต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044061 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews
  • ส.ว.ดิ้นต่อเนื่อง พร้อมเผชิญหน้าคดีฮั้ว 'ดีเอสไอ' ลุยสอบฟอกเงิน
    .
    สถานการณ์ทางการเมืองที่ว่าด้วยคดีฮั้วเลือก ส.ว.กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายกำลังจับตามมองว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร ภายหลังมีรายงานข่าวออกมาว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธาน เตรียมออกหนังสือเรียก ส.ว.ล็อตแรก ประมาณ 60 คน ให้ทยอยเข้ารับทราบข้อหา และนำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042937

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ส.ว.ดิ้นต่อเนื่อง พร้อมเผชิญหน้าคดีฮั้ว 'ดีเอสไอ' ลุยสอบฟอกเงิน . สถานการณ์ทางการเมืองที่ว่าด้วยคดีฮั้วเลือก ส.ว.กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายกำลังจับตามมองว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร ภายหลังมีรายงานข่าวออกมาว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธาน เตรียมออกหนังสือเรียก ส.ว.ล็อตแรก ประมาณ 60 คน ให้ทยอยเข้ารับทราบข้อหา และนำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042937 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1408 Views 0 Reviews
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนพฤษภาคม 2568

    ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 เดือนพฤษภาคม ไปจนถึง วันพุธที่ 4 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ มีกระแสพลังดาว八白 (โป๊ยแป๊ะ) ธาตุดิน ดาวแห่งนักปราชญ์ ผู้รอบรู้ โชคลาภ ร่วมด้วยช่วยกันกับกระแสพลังดาวคู่ผสม二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวโรคภัย ดาวความเสื่อมถอย ประจำอยู่ในปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ เช่นกัน ส่งผลต่อการตกลงเจราจาในที่ลับๆ ปกปิดไม่เปิดเผยในที่แจ้งจะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่สีตีไข่ให้ร้าย เกิดเป็นวิวาทะกระทบถึงชื่อเสียงเกียรติยศให้เสื่อมเสียจนกลายเป็นประเด็นร้อนๆทางการเมืองได้อีกเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรสังคมส่วนใหญ่ยังคงยอมรับให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจเช่นเดิม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้าง ค้าที่ดิน จะโชคดี มีชื่อเสียง มีข่าวดีๆจากแดนไกลมาเยือน อีกทั้งจะประสบพบความสำเร็จได้ผลประโยชน์กำไรอย่างน่าพอใจ ส่วนการเดินทางขับรถไปในสถานที่แห่งใดไม่ว่าใกล้หรือไกลควรมีสติสัมปชัญญะจะได้พ้นจากอุบัติเหตุเภทภัย
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 เดือนพฤษภาคม ไปจนถึง วันพุธที่ 4 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ มีกระแสพลังดาว八白 (โป๊ยแป๊ะ) ธาตุดิน ดาวแห่งนักปราชญ์ ผู้รอบรู้ โชคลาภ ร่วมด้วยช่วยกันกับกระแสพลังดาวคู่ผสม二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวโรคภัย ดาวความเสื่อมถอย ประจำอยู่ในปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ เช่นกัน ส่งผลต่อการตกลงเจราจาในที่ลับๆ ปกปิดไม่เปิดเผยในที่แจ้งจะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่สีตีไข่ให้ร้าย เกิดเป็นวิวาทะกระทบถึงชื่อเสียงเกียรติยศให้เสื่อมเสียจนกลายเป็นประเด็นร้อนๆทางการเมืองได้อีกเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรสังคมส่วนใหญ่ยังคงยอมรับให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจเช่นเดิม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้าง ค้าที่ดิน จะโชคดี มีชื่อเสียง มีข่าวดีๆจากแดนไกลมาเยือน อีกทั้งจะประสบพบความสำเร็จได้ผลประโยชน์กำไรอย่างน่าพอใจ ส่วนการเดินทางขับรถไปในสถานที่แห่งใดไม่ว่าใกล้หรือไกลควรมีสติสัมปชัญญะจะได้พ้นจากอุบัติเหตุเภทภัย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โทรศัพท์ถึง Jeff Bezos ประธานบริหารของ Amazon เพื่อแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่า Amazon มีแผนจะแสดงราคาสินค้าที่รวมต้นทุนภาษีศุลกากรบนเว็บไซต์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม Amazon ได้ปฏิเสธรายงานดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร และไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์เป็นประเด็นร้อน และมีการถกเถียงกันอย่างหนักในสหรัฐฯ โดยทรัมป์มองว่าการแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากรอาจเป็นการกระทำที่มีเจตนาทางการเมือง

    การโทรศัพท์ของทรัมป์ถึง Bezos
    - ทรัมป์แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับรายงานที่ Amazon มีแผนแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร
    - Amazon ปฏิเสธรายงานดังกล่าวและยืนยันว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ

    ผลกระทบต่อ Amazon
    - Amazon ต้องออกแถลงการณ์เพื่อปฏิเสธรายงาน
    - เหตุการณ์นี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง Amazon และรัฐบาลทรัมป์

    นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์
    - นโยบายภาษีศุลกากรเป็นประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันในสหรัฐฯ
    - ทรัมป์มองว่าการแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากรอาจมีเจตนาทางการเมือง

    การตอบสนองของ Amazon
    - Amazon ยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร
    - บริษัทปฏิเสธรายงานจาก Punchbowl News

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/30/trump-called-bezos-to-complain-about-amazon-report-media-reports-say
    ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โทรศัพท์ถึง Jeff Bezos ประธานบริหารของ Amazon เพื่อแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่า Amazon มีแผนจะแสดงราคาสินค้าที่รวมต้นทุนภาษีศุลกากรบนเว็บไซต์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม Amazon ได้ปฏิเสธรายงานดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร และไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์เป็นประเด็นร้อน และมีการถกเถียงกันอย่างหนักในสหรัฐฯ โดยทรัมป์มองว่าการแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากรอาจเป็นการกระทำที่มีเจตนาทางการเมือง ✅ การโทรศัพท์ของทรัมป์ถึง Bezos - ทรัมป์แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับรายงานที่ Amazon มีแผนแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร - Amazon ปฏิเสธรายงานดังกล่าวและยืนยันว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ ✅ ผลกระทบต่อ Amazon - Amazon ต้องออกแถลงการณ์เพื่อปฏิเสธรายงาน - เหตุการณ์นี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง Amazon และรัฐบาลทรัมป์ ✅ นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ - นโยบายภาษีศุลกากรเป็นประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันในสหรัฐฯ - ทรัมป์มองว่าการแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากรอาจมีเจตนาทางการเมือง ✅ การตอบสนองของ Amazon - Amazon ยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาแสดงราคาที่รวมภาษีศุลกากร - บริษัทปฏิเสธรายงานจาก Punchbowl News https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/30/trump-called-bezos-to-complain-about-amazon-report-media-reports-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump called Bezos to complain about Amazon report, media reports say
    WASHINGTON (Reuters) -U.S. President Donald Trump called Amazon Executive Chairman Jeff Bezos on Tuesday morning to complain about a report the company planned to display prices that show the impact of tariffs, according to multiple media outlets.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 Comments 0 Shares 756 Views 0 Reviews
  • Amazon กำลังเผชิญกับความขัดแย้งกับรัฐบาลทรัมป์ หลังจากมีรายงานว่า Amazon เตรียมแสดง ต้นทุนภาษีศุลกากร บนหน้ารายละเอียดสินค้า ซึ่งถูกมองว่าเป็น การกระทำที่เป็นศัตรูและมีเจตนาทางการเมือง โดย Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า Amazon กำลังร่วมมือกับ หน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของจีน

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งนโยบายภาษีศุลกากรเป็นประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันอย่างหนัก รายงานจาก Punchbowl News ระบุว่า Amazon อาจต้องการให้ผู้บริโภคเห็นว่าภาษีศุลกากรส่งผลต่อราคาสินค้าโดยตรง

    แม้ว่า Amazon ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การตอบโต้จากทำเนียบขาวอาจทำให้บริษัทต้องพิจารณาแนวทางใหม่

    แผนของ Amazon
    - เตรียมแสดงต้นทุนภาษีศุลกากรบนหน้ารายละเอียดสินค้า
    - อาจต้องการให้ผู้บริโภคเห็นว่าภาษีส่งผลต่อราคาสินค้าโดยตรง

    การตอบโต้จากรัฐบาลทรัมป์
    - โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า Amazon กำลังร่วมมือกับหน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของจีน
    - มองว่าเป็นการกระทำที่เป็นศัตรูและมีเจตนาทางการเมือง

    ผลกระทบต่อ Amazon
    - อาจต้องพิจารณาแนวทางใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับรัฐบาล
    - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง Amazon และผู้บริโภคในสหรัฐฯ

    แนวโน้มของตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - หาก Amazon ดำเนินแผนนี้ต่อไป อาจส่งผลต่อการกำหนดราคาสินค้าในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/amazons-tariff-transparency-plans-for-product-pages-dubbed-hostile-and-political-act-by-the-trump-administration
    Amazon กำลังเผชิญกับความขัดแย้งกับรัฐบาลทรัมป์ หลังจากมีรายงานว่า Amazon เตรียมแสดง ต้นทุนภาษีศุลกากร บนหน้ารายละเอียดสินค้า ซึ่งถูกมองว่าเป็น การกระทำที่เป็นศัตรูและมีเจตนาทางการเมือง โดย Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า Amazon กำลังร่วมมือกับ หน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของจีน การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งนโยบายภาษีศุลกากรเป็นประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันอย่างหนัก รายงานจาก Punchbowl News ระบุว่า Amazon อาจต้องการให้ผู้บริโภคเห็นว่าภาษีศุลกากรส่งผลต่อราคาสินค้าโดยตรง แม้ว่า Amazon ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การตอบโต้จากทำเนียบขาวอาจทำให้บริษัทต้องพิจารณาแนวทางใหม่ ✅ แผนของ Amazon - เตรียมแสดงต้นทุนภาษีศุลกากรบนหน้ารายละเอียดสินค้า - อาจต้องการให้ผู้บริโภคเห็นว่าภาษีส่งผลต่อราคาสินค้าโดยตรง ✅ การตอบโต้จากรัฐบาลทรัมป์ - โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า Amazon กำลังร่วมมือกับหน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของจีน - มองว่าเป็นการกระทำที่เป็นศัตรูและมีเจตนาทางการเมือง ✅ ผลกระทบต่อ Amazon - อาจต้องพิจารณาแนวทางใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับรัฐบาล - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง Amazon และผู้บริโภคในสหรัฐฯ ✅ แนวโน้มของตลาดอีคอมเมิร์ซ - หาก Amazon ดำเนินแผนนี้ต่อไป อาจส่งผลต่อการกำหนดราคาสินค้าในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/amazons-tariff-transparency-plans-for-product-pages-dubbed-hostile-and-political-act-by-the-trump-administration
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • เคลียร์ประเด็นร้อน ก่อสร้างศาลมีนบุรี ไม่มีแรงงานผิดกฎหมาย
    .
    ช่วงนี้ประเด็นข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานของส่วนราชการ กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมพอสมควร ภายหลังเกิดกรณีการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยเพจ CSILA ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า "สายข่าวแจ้งว่า ไซต์งานศาลมีนบุรีแคมป์คนงานในไซต์ก่อสร้างศาลเต็มไปด้วยแรงงานจีนที่ใช้วีซ่านักศึกษาเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ทั้งไซต์งานแทบไม่มีคนไทยเลย ผู้รับเหมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนที่ ไชน่าเรลเวย์ หามาเองครบทุกตำแหน่ง"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037520

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เคลียร์ประเด็นร้อน ก่อสร้างศาลมีนบุรี ไม่มีแรงงานผิดกฎหมาย . ช่วงนี้ประเด็นข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานของส่วนราชการ กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมพอสมควร ภายหลังเกิดกรณีการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยเพจ CSILA ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า "สายข่าวแจ้งว่า ไซต์งานศาลมีนบุรีแคมป์คนงานในไซต์ก่อสร้างศาลเต็มไปด้วยแรงงานจีนที่ใช้วีซ่านักศึกษาเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ทั้งไซต์งานแทบไม่มีคนไทยเลย ผู้รับเหมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนที่ ไชน่าเรลเวย์ หามาเองครบทุกตำแหน่ง" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037520 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 1045 Views 0 Reviews
  • Intel Arc B580 รุ่น 24GB กำลังเป็นประเด็นร้อนในวงการ GPU หลังจากที่บัญชี Bilibili ของ Sparkle ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับการมีอยู่ของรุ่นนี้ พร้อมทั้งระบุช่วงเวลาวางจำหน่ายระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน อย่างไรก็ตาม Sparkle ได้ถอนคำกล่าวอ้างดังกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเป็นการจัดการผลกระทบจากการละเมิดข้อตกลง NDA

    มีข่าวลือเกี่ยวกับ Intel Arc B580 รุ่น 24GB
    - ข้อมูลถูกเผยแพร่โดยบัญชี Bilibili ของ Sparkle และถูกลบออกไปในเวลาต่อมา
    - อาจเป็นการจัดการผลกระทบจากการละเมิดข้อตกลง NDA

    Intel Arc B580 ใช้ชิป BMG-G21 พร้อมอินเทอร์เฟซ 192-bit
    - มีหน่วยความจำ 24GB โดยใช้โมดูล 16Gb จำนวน 12 ตัวในโหมด Clamshell
    - เพิ่มความจุหน่วยความจำเป็นสองเท่าจาก Arc Pro A60

    Battlemage เป็นสถาปัตยกรรมที่ล้าหลังกว่า Nvidia และ AMD
    - แม้จะมีหน่วยความจำมากขึ้น แต่ยังคงเป็นรอง Nvidia Blackwell PRO และ AMD Radeon PRO W9000

    Intel อาจเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในงาน Computex 2025
    - อาจมีการเปิดตัว Panther Lake เช่นเดียวกับที่ Lunar Lake ถูกเปิดเผยในปีที่ผ่านมา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rumors-swirl-about-a-24gb-intel-arc-b580-but-oem-swiftly-strikes-down-claims
    Intel Arc B580 รุ่น 24GB กำลังเป็นประเด็นร้อนในวงการ GPU หลังจากที่บัญชี Bilibili ของ Sparkle ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับการมีอยู่ของรุ่นนี้ พร้อมทั้งระบุช่วงเวลาวางจำหน่ายระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน อย่างไรก็ตาม Sparkle ได้ถอนคำกล่าวอ้างดังกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเป็นการจัดการผลกระทบจากการละเมิดข้อตกลง NDA ✅ มีข่าวลือเกี่ยวกับ Intel Arc B580 รุ่น 24GB - ข้อมูลถูกเผยแพร่โดยบัญชี Bilibili ของ Sparkle และถูกลบออกไปในเวลาต่อมา - อาจเป็นการจัดการผลกระทบจากการละเมิดข้อตกลง NDA ✅ Intel Arc B580 ใช้ชิป BMG-G21 พร้อมอินเทอร์เฟซ 192-bit - มีหน่วยความจำ 24GB โดยใช้โมดูล 16Gb จำนวน 12 ตัวในโหมด Clamshell - เพิ่มความจุหน่วยความจำเป็นสองเท่าจาก Arc Pro A60 ✅ Battlemage เป็นสถาปัตยกรรมที่ล้าหลังกว่า Nvidia และ AMD - แม้จะมีหน่วยความจำมากขึ้น แต่ยังคงเป็นรอง Nvidia Blackwell PRO และ AMD Radeon PRO W9000 ✅ Intel อาจเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในงาน Computex 2025 - อาจมีการเปิดตัว Panther Lake เช่นเดียวกับที่ Lunar Lake ถูกเปิดเผยในปีที่ผ่านมา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rumors-swirl-about-a-24gb-intel-arc-b580-but-oem-swiftly-strikes-down-claims
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น

    วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง

    ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231

    #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น • วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง • ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231 • #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 770 Views 0 Reviews
  • เป็นประเด็นร้อนๆ ในตอนนี้สำหรับนักร้อง นักแสดง "โตโน่ ภาคิน" หลังโดนหลายคนออกมาวิจารณ์และแฉสารพัดถึงเรื่องราวด้านลบนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวมีข่าวไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นระหว่างที่คบหากับแฟนสาวนักแสดง "ณิชา ณัฏฐณิชา" ทั้งที่ฝ่ายหญิงเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่

    ย้อนกลับไปในอดีต "โตโน่" เองเคยตกเป็นข่าวดังเรื่องความรักมาหลายครั้งแต่ที่ฮือฮาสุดก็คือการที่เจ้าตัวตัดสินใจหมั้นกับนักแสดงหญิงผู้ล่วงลับ "แตงโม นิดา" ในปี 2556

    2 ปีของการใช้ชีวิตคู่ทั้งสองต่างก็ต้องเผชิญกับมรสุมข่าวต่างๆ นานา โดยเฉพาะกระแสแอนตี้จากแฟนคลับ สุดท้ายก็เลิกกันโดยตอนนั้นหลายคนเข้าใจว่าสาเหตุหลักๆ มาจากการที่แตงโมเองที่ "ไม่ซื่อสัตย์"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035936

    #MGROnline #ณิชา #โตโน่ #โตโน่แตงโม
    เป็นประเด็นร้อนๆ ในตอนนี้สำหรับนักร้อง นักแสดง "โตโน่ ภาคิน" หลังโดนหลายคนออกมาวิจารณ์และแฉสารพัดถึงเรื่องราวด้านลบนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวมีข่าวไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นระหว่างที่คบหากับแฟนสาวนักแสดง "ณิชา ณัฏฐณิชา" ทั้งที่ฝ่ายหญิงเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ • ย้อนกลับไปในอดีต "โตโน่" เองเคยตกเป็นข่าวดังเรื่องความรักมาหลายครั้งแต่ที่ฮือฮาสุดก็คือการที่เจ้าตัวตัดสินใจหมั้นกับนักแสดงหญิงผู้ล่วงลับ "แตงโม นิดา" ในปี 2556 • 2 ปีของการใช้ชีวิตคู่ทั้งสองต่างก็ต้องเผชิญกับมรสุมข่าวต่างๆ นานา โดยเฉพาะกระแสแอนตี้จากแฟนคลับ สุดท้ายก็เลิกกันโดยตอนนั้นหลายคนเข้าใจว่าสาเหตุหลักๆ มาจากการที่แตงโมเองที่ "ไม่ซื่อสัตย์" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035936 • #MGROnline #ณิชา #โตโน่ #โตโน่แตงโม
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews