• ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ

    จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง

    ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก

    ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี

    หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น

    คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ

    สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน

    แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย

    แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร?

    นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ

    ถามว่าถูกกระทำจากใคร ?

    ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว

    แต่ ...

    แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่

    เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ

    เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน

    กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น

    ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า

    เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต

    เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่

    เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย

    ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น

    แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่

    คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว

    อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน

    พยายามเข้านะ..

    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #ข่าวดราม่า
    #สื่อเสี้ยม
    #ส่อสันดาน
    #คนไทย
    #สิ่งเสพติด
    #ความรุนแรง
    #บทความ
    #thaitimes
    #โคราช

    ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร? นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถามว่าถูกกระทำจากใคร ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว แต่ ... แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่ เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่ เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่ คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน พยายามเข้านะ.. #ข้อคิด #แง่คิด #ข่าวดราม่า #สื่อเสี้ยม #ส่อสันดาน #คนไทย #สิ่งเสพติด #ความรุนแรง #บทความ #thaitimes #โคราช
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 543 Views 0 Reviews
  • ชั่งใจคืออะไร

    ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้

    ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ

    ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง

    แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ

    สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต

    แตกต่างกับ "ช่างใจ"

    ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้



    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #บันทึก
    #ภาษาไทย
    #ช่าง
    #ชั่ง
    ชั่งใจคืออะไร ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้ ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต แตกต่างกับ "ช่างใจ" ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้ #ข้อคิด #thaitimes #บันทึก #ภาษาไทย #ช่าง #ชั่ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 722 Views 0 Reviews
  • #เพื่อน

    เพื่อนที่ควรจะรักษามิตรภาพไว้ให้ยาวนานที่สุด คือเพื่อนประเภทที่เมื่อคุณอยู่กับเขาแล้ว เขาคนนั้นทำให้คุณรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความกล้าหาญ ที่กระตุ้นอยากให้เราทำความดีให้ได้อย่างเขาบ้าง แม้อดีตเราอาจเคยชั่วมาแล้วมากกว่าดี เพื่อนที่สามารถทำให้คุณรู้สึกมีพลังที่จะสู้ชีวิตต่อไป เพื่อนที่ทำให้คุณได้รู้ว่าในโลกใบนี้ ยังเหลือคนพันธุ์หายากที่ควรอนุรักษ์ไว้อยู่อีก แม้นจะน้อยนิดก็ตามที เพื่อนที่เลือกจะพูดตามความจริงกับคุณโดยตรง แม้นความจริงนั้นอาจจะฟังไม่เข้าหูคุณในตอนแรก แต่จะส่งผลดีกับคุณในบั้นปลาย เพื่อนที่ไม่กลัวว่าคุณจะโกรธ หรือเกลียด และเข้าใจเขาผิด ขอเพียงแค่ได้ช่วยคุณให้ตื่นจากความหลงผิด. เพื่อนที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่งนั้น เราช่างโชคดีนักที่ได้คนอย่างเขามาเป็นเพื่อน

    อย่ามัวมองหาว่าคุณมีเพื่อนเช่นว่ามานี้สักคนหรือไม่ แต่ให้ลองสำรวจตนเองว่าเรามีคุณสมบัติเหล่านี้บ้างไหมจะดีกว่า

    การหาเพื่อนสักคนให้ได้ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นทั้งหมดว่ายากมากแล้ว แต่การพยายามทำตนเองให้มีคุณสมบัติของเพื่อนที่ดียังยากยิ่งกว่า

    เพราะเพื่อนแท้ มีค่ากว่าอัญมณีใดๆในโลกา

    สำหรับคนที่พบแล้ว ขอให้รักษาของมีค่าไว้ให้ดี ส่วนคนที่ยังหาไม่พบก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำตนเองให้มีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนแท้ของคนอื่นแล้วกัน สักวันเมื่อคุณทำสำเร็จ เท่ากับว่าคุณไม่ต้องไปค้นหาอัญมณีหายากที่อื่นอีก เพราะคุณเองที่กลายเป็นอัญมณีไป

    #ข้อคิด
    #บทความ
    #สหาย
    #เพื่อนยาก
    #มิตรแท้
    #thaitimes
    #เพื่อน เพื่อนที่ควรจะรักษามิตรภาพไว้ให้ยาวนานที่สุด คือเพื่อนประเภทที่เมื่อคุณอยู่กับเขาแล้ว เขาคนนั้นทำให้คุณรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความกล้าหาญ ที่กระตุ้นอยากให้เราทำความดีให้ได้อย่างเขาบ้าง แม้อดีตเราอาจเคยชั่วมาแล้วมากกว่าดี เพื่อนที่สามารถทำให้คุณรู้สึกมีพลังที่จะสู้ชีวิตต่อไป เพื่อนที่ทำให้คุณได้รู้ว่าในโลกใบนี้ ยังเหลือคนพันธุ์หายากที่ควรอนุรักษ์ไว้อยู่อีก แม้นจะน้อยนิดก็ตามที เพื่อนที่เลือกจะพูดตามความจริงกับคุณโดยตรง แม้นความจริงนั้นอาจจะฟังไม่เข้าหูคุณในตอนแรก แต่จะส่งผลดีกับคุณในบั้นปลาย เพื่อนที่ไม่กลัวว่าคุณจะโกรธ หรือเกลียด และเข้าใจเขาผิด ขอเพียงแค่ได้ช่วยคุณให้ตื่นจากความหลงผิด. เพื่อนที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่งนั้น เราช่างโชคดีนักที่ได้คนอย่างเขามาเป็นเพื่อน อย่ามัวมองหาว่าคุณมีเพื่อนเช่นว่ามานี้สักคนหรือไม่ แต่ให้ลองสำรวจตนเองว่าเรามีคุณสมบัติเหล่านี้บ้างไหมจะดีกว่า การหาเพื่อนสักคนให้ได้ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นทั้งหมดว่ายากมากแล้ว แต่การพยายามทำตนเองให้มีคุณสมบัติของเพื่อนที่ดียังยากยิ่งกว่า เพราะเพื่อนแท้ มีค่ากว่าอัญมณีใดๆในโลกา สำหรับคนที่พบแล้ว ขอให้รักษาของมีค่าไว้ให้ดี ส่วนคนที่ยังหาไม่พบก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำตนเองให้มีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนแท้ของคนอื่นแล้วกัน สักวันเมื่อคุณทำสำเร็จ เท่ากับว่าคุณไม่ต้องไปค้นหาอัญมณีหายากที่อื่นอีก เพราะคุณเองที่กลายเป็นอัญมณีไป #ข้อคิด #บทความ #สหาย #เพื่อนยาก #มิตรแท้ #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 529 Views 0 Reviews
  • การเป็นคนธรรมดา คนเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนี้แหละ ง่ายที่สุดแล้วต่อการที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีหรือประโยชน์ใด ทั้งต่อตนและสาธารณชนคนอื่น ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถในเรื่องใด และมีใจที่คิดและต้องการจะทำเพื่อคนทุกคนจริง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีคนจำนวนมากมาชื่นชม เชิดชูยกขึ้นไว้ในตำแหน่งอันเขาอุปโลกน์จึงจะค่อยทำได้ ขอเพียงแค่ลงมือปฏิบัติตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่างเดียวเท่านั้นที่พึงระวังคือ

    ให้แน่ใจว่าการกระทำที่เราเชื่อว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งตรงกันข้าม ไม่ใช่การหลอกตนเองและหลอกคนอื่น

    ดูอย่างคนบ้าปลูกต้นไม้นั่นไง มีหลายคนที่ทำทั้งที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น และไม่ได้ต้องการให้ใครรู้เห็นด้วย เขาทำด้วยสำนึกในใจตนว่าควรทำ และไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่ชุมชนสังคมประเทศ จวบไปถึงโลกใบนี้อย่างแน่นอน

    หากสิ่งที่ทำดีจริง สักวันจะมีคนเห็นและเพิ่มจำนวนคนสานต่อไปเองอย่างยั่งยืน แต่ถ้าสิ่งที่ทำนั้นดีไม่จริง ย่อมอยู่ได้ชั่วคราวไม่ยาวนาน เพราะไม่มีคนช่วยรักษา สืบต่อคุณความดีนั้น ที่สุดจะค่อยๆเลือนลางจางหายไปในห้วงเวลา

    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #ความดี
    #จิตสาธารณะ
    #ชวนคิด
    #บันทึก
    การเป็นคนธรรมดา คนเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนี้แหละ ง่ายที่สุดแล้วต่อการที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีหรือประโยชน์ใด ทั้งต่อตนและสาธารณชนคนอื่น ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถในเรื่องใด และมีใจที่คิดและต้องการจะทำเพื่อคนทุกคนจริง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีคนจำนวนมากมาชื่นชม เชิดชูยกขึ้นไว้ในตำแหน่งอันเขาอุปโลกน์จึงจะค่อยทำได้ ขอเพียงแค่ลงมือปฏิบัติตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่างเดียวเท่านั้นที่พึงระวังคือ ให้แน่ใจว่าการกระทำที่เราเชื่อว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งตรงกันข้าม ไม่ใช่การหลอกตนเองและหลอกคนอื่น ดูอย่างคนบ้าปลูกต้นไม้นั่นไง มีหลายคนที่ทำทั้งที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น และไม่ได้ต้องการให้ใครรู้เห็นด้วย เขาทำด้วยสำนึกในใจตนว่าควรทำ และไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่ชุมชนสังคมประเทศ จวบไปถึงโลกใบนี้อย่างแน่นอน หากสิ่งที่ทำดีจริง สักวันจะมีคนเห็นและเพิ่มจำนวนคนสานต่อไปเองอย่างยั่งยืน แต่ถ้าสิ่งที่ทำนั้นดีไม่จริง ย่อมอยู่ได้ชั่วคราวไม่ยาวนาน เพราะไม่มีคนช่วยรักษา สืบต่อคุณความดีนั้น ที่สุดจะค่อยๆเลือนลางจางหายไปในห้วงเวลา #ข้อคิด #thaitimes #ความดี #จิตสาธารณะ #ชวนคิด #บันทึก
    0 Comments 0 Shares 473 Views 0 Reviews
  • บันทึกเปิดผนึก

    กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา

    คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง

    แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า

    ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ

    อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้

    เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด

    ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ

    ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร

    คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง

    และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป

    หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น

    เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน

    เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่

    เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด

    เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา

    ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ

    เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น

    เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว

    เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที

    แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์

    ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด

    ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง

    หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง

    ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง

    คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง

    เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว
    เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา

    #thaitimes
    #ความเมตตา
    #ข้อคิด
    #บทความ

    บันทึกเปิดผนึก 📝 กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า 🟢ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ 🟢อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้ 🟢เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด 🟢ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ 🟢ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร 🟢คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น 🟢เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน 🟢เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่ 🟢เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด 🟢เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา 🟢ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ 🟢เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น 🟢เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว 🟢เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 🟢ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที 🟢แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์ ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา #thaitimes #ความเมตตา #ข้อคิด #บทความ
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • คิดตาม ถามใจ

    คนมักง่ายกับชีวิต คนที่มักเห็นแก่ตนเองเป็นศูนย์กลางที่จะต้องให้คนรอบข้างเป็นฝ่ายหมุนเข้าหาตลอดเท่านั้น มักจะมองอะไรโดยเอาความเห็นผิดเป็นที่ตั้งด้วยคำอ้างลักษณะว่า

    "ทีคนอื่นยังทำได้"

    "คนอื่นยังมีได้"

    "ใครเขาทำกันทั้งนั้น"

    "เพื่อนทุกคนก็มีกัน"

    ลองถามตนเองดูเถิดว่าหากใครอื่น คนอื่น เพื่อน ๆ หรือต่อให้คนเกือบหมดโลกเขาทำอย่างนั้น เขามีอย่างนั้น เขาเป็นอย่างนั้น แล้วเราจำต้องมี ต้องเป็น ต้องทำ เหมือนอย่างเขาไปหมดทุกอย่างหรือ

    ถ้าเขามีเพราะไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเขาเป็นเพราะเขาหวังผลที่ฉ้อฉลบางอย่าง ถ้าเขาทำแล้วสร้างความเดือดร้อนแก่ตนและคนอื่น ถ้าเขาทำกันทั้งนั้นเพราะเขาโง่ตามกันด้วยขาดปัญญา

    เราต้องโง่
    เราต้องชั่ว
    เราต้องอยากได้ อยากมี อยากเป็น เพื่อเอาตามอย่างเช่นนั้นหรือ

    ทำไม เราไม่พยายามเป็นหนึ่งคนที่จะมีค่ามาก ๆทั้งต่อตนเองและคนอื่น เป็นคนที่หาได้ยากในโลก ที่ไม่ต้องเหมือนใคร ๆ เล่า

    ในเมื่อเรามีสิทธิที่จะเลือกหนทาง

    ก็ควรเลือกหนทางที่ถูกต้องและดีงาม มากกว่าหนทางที่ง่ายแต่นำพาไปสู่การกลายเป็นสัตว์ประหลาดในภายหลัง

    เพราะในโลกทุกวันนี้ โครงสร้างของระบบได้ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์มากเกินไปแล้ว

    #ข้อคิด
    #thaitimes

    คิดตาม ถามใจ💡 คนมักง่ายกับชีวิต คนที่มักเห็นแก่ตนเองเป็นศูนย์กลางที่จะต้องให้คนรอบข้างเป็นฝ่ายหมุนเข้าหาตลอดเท่านั้น มักจะมองอะไรโดยเอาความเห็นผิดเป็นที่ตั้งด้วยคำอ้างลักษณะว่า "ทีคนอื่นยังทำได้" "คนอื่นยังมีได้" "ใครเขาทำกันทั้งนั้น" "เพื่อนทุกคนก็มีกัน" ลองถามตนเองดูเถิดว่าหากใครอื่น คนอื่น เพื่อน ๆ หรือต่อให้คนเกือบหมดโลกเขาทำอย่างนั้น เขามีอย่างนั้น เขาเป็นอย่างนั้น แล้วเราจำต้องมี ต้องเป็น ต้องทำ เหมือนอย่างเขาไปหมดทุกอย่างหรือ ถ้าเขามีเพราะไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเขาเป็นเพราะเขาหวังผลที่ฉ้อฉลบางอย่าง ถ้าเขาทำแล้วสร้างความเดือดร้อนแก่ตนและคนอื่น ถ้าเขาทำกันทั้งนั้นเพราะเขาโง่ตามกันด้วยขาดปัญญา เราต้องโง่ เราต้องชั่ว เราต้องอยากได้ อยากมี อยากเป็น เพื่อเอาตามอย่างเช่นนั้นหรือ ทำไม เราไม่พยายามเป็นหนึ่งคนที่จะมีค่ามาก ๆทั้งต่อตนเองและคนอื่น เป็นคนที่หาได้ยากในโลก ที่ไม่ต้องเหมือนใคร ๆ เล่า ในเมื่อเรามีสิทธิที่จะเลือกหนทาง ก็ควรเลือกหนทางที่ถูกต้องและดีงาม มากกว่าหนทางที่ง่ายแต่นำพาไปสู่การกลายเป็นสัตว์ประหลาดในภายหลัง เพราะในโลกทุกวันนี้ โครงสร้างของระบบได้ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์มากเกินไปแล้ว #ข้อคิด #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า

    .

    ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา

    .
    .

    แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี

    .
    .

    ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น

    .
    .

    ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย

    ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน

    .
    .

    แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม

    .
    .

    เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ)

    .
    .

    นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก

    .
    .

    โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น

    ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน

    .

    แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง

    .

    ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ

    ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า

    ............

    บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร

    ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง

    รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย

    #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า
    #ต้วนอี้
    #นิยายกำลังภายใน
    #นิยายจีน
    #กิมย้ง
    #thaitimes
    #บทวิเคราะห์
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #นิยายแปล
    ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า . ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา . . แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี . . ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น . . ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน . . แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม . . เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ) . . นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก . . โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน . แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง . ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า ............ บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า #ต้วนอี้ #นิยายกำลังภายใน #นิยายจีน #กิมย้ง #thaitimes #บทวิเคราะห์ #บทความ #ข้อคิด #นิยายแปล
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews