• “เมื่อแอปหาคู่ไม่ตอบโจทย์ — หญิงอเมริกันวัย 42 ใช้บิลบอร์ดหาสามี กลายเป็นไวรัลพร้อมกระแสเกลียดชัง”

    Lisa Catalano หญิงวัย 42 ปีจากซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินใจหันหลังให้กับแอปหาคู่ที่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง และเลือกใช้วิธีสุดแหวกแนวในการหาคู่ชีวิต — เธอขึ้นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดตลอดเส้นทาง Highway 101 ระหว่างซานตาคลาราและซานฟรานซิสโก พร้อมข้อความว่าเธอกำลังมองหาสามี

    เธอสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อ MarryLisa.com เพื่อให้ผู้สนใจส่งข้อความเข้ามา และภายในเวลาไม่นานก็ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ทั้งคำชม คำให้กำลังใจ และคำดูถูกอย่างรุนแรง รวมถึงการคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว

    แม้จะเผชิญกับกระแสลบ แต่เธอกลับได้รับแรงสนับสนุนจากผู้หญิงจำนวนมากที่เข้าใจความรู้สึกของการถูกลดคุณค่าในโลกของแอปหาคู่ และชื่นชมความกล้าหาญของเธอในการเปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมา

    วิธีการหาคู่ของ Lisa Catalano
    ใช้บิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดบน Highway 101 เพื่อประกาศหาสามี
    สร้างเว็บไซต์ MarryLisa.com เพื่อรับข้อความจากผู้สนใจ
    ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก

    ความตั้งใจและแรงบันดาลใจ
    เบื่อหน่ายกับแอปหาคู่ที่ทำให้รู้สึกหมดคุณค่า
    ต้องการหาคู่ชีวิตอย่างจริงจังหลังจากสูญเสียคู่หมั้นเมื่อปลายปี 2023
    หวังสร้างครอบครัวภายใน 2-3 ปี

    กระแสตอบรับจากสังคม
    ได้รับคำชมจากผู้หญิงหลายคนที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
    สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ เช่น People Magazine, New York Post, ABC News
    เว็บไซต์ MarryLisa.com มียอดเข้าชมเกือบ 1 ล้านครั้งใน 9 วัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ถูกคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว
    ข้อความบางส่วนมีเนื้อหามีความรุนแรงและเหยียดเพศ
    การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น น้ำหนัก, ศาสนา, ความชอบ อาจนำไปสู่การถูกวิจารณ์
    การใช้วิธีสาธารณะในการหาคู่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/tired-of-swiping-this-us-woman-turned-to-billboards-to-find-a-husband-then-came-the-hate
    💘 “เมื่อแอปหาคู่ไม่ตอบโจทย์ — หญิงอเมริกันวัย 42 ใช้บิลบอร์ดหาสามี กลายเป็นไวรัลพร้อมกระแสเกลียดชัง” Lisa Catalano หญิงวัย 42 ปีจากซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินใจหันหลังให้กับแอปหาคู่ที่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง และเลือกใช้วิธีสุดแหวกแนวในการหาคู่ชีวิต — เธอขึ้นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดตลอดเส้นทาง Highway 101 ระหว่างซานตาคลาราและซานฟรานซิสโก พร้อมข้อความว่าเธอกำลังมองหาสามี เธอสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อ MarryLisa.com เพื่อให้ผู้สนใจส่งข้อความเข้ามา และภายในเวลาไม่นานก็ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ทั้งคำชม คำให้กำลังใจ และคำดูถูกอย่างรุนแรง รวมถึงการคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว แม้จะเผชิญกับกระแสลบ แต่เธอกลับได้รับแรงสนับสนุนจากผู้หญิงจำนวนมากที่เข้าใจความรู้สึกของการถูกลดคุณค่าในโลกของแอปหาคู่ และชื่นชมความกล้าหาญของเธอในการเปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมา ✅ วิธีการหาคู่ของ Lisa Catalano ➡️ ใช้บิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดบน Highway 101 เพื่อประกาศหาสามี ➡️ สร้างเว็บไซต์ MarryLisa.com เพื่อรับข้อความจากผู้สนใจ ➡️ ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ✅ ความตั้งใจและแรงบันดาลใจ ➡️ เบื่อหน่ายกับแอปหาคู่ที่ทำให้รู้สึกหมดคุณค่า ➡️ ต้องการหาคู่ชีวิตอย่างจริงจังหลังจากสูญเสียคู่หมั้นเมื่อปลายปี 2023 ➡️ หวังสร้างครอบครัวภายใน 2-3 ปี ✅ กระแสตอบรับจากสังคม ➡️ ได้รับคำชมจากผู้หญิงหลายคนที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ ➡️ สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ เช่น People Magazine, New York Post, ABC News ➡️ เว็บไซต์ MarryLisa.com มียอดเข้าชมเกือบ 1 ล้านครั้งใน 9 วัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ถูกคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว ⛔ ข้อความบางส่วนมีเนื้อหามีความรุนแรงและเหยียดเพศ ⛔ การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น น้ำหนัก, ศาสนา, ความชอบ อาจนำไปสู่การถูกวิจารณ์ ⛔ การใช้วิธีสาธารณะในการหาคู่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/tired-of-swiping-this-us-woman-turned-to-billboards-to-find-a-husband-then-came-the-hate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tired of swiping, this US woman turned to billboards to find a husband. Then came the hate
    Many of the more than 2,200 "potential suitors" around the world who've reached out to her are online bullies more interested in ridiculing her – or worse.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จากเด็กอายุ 12 สู่ผู้ร่วมพัฒนาเคอร์เนล: Lifebook S2110 จุดประกายการแก้ไขไดรเวอร์ Linux ครั้งแรก”

    Valtteri Koskivuori นักพัฒนาสาย Linux ได้แชร์ประสบการณ์การส่ง patch แรกเข้าสู่เคอร์เนล Linux อย่างเป็นทางการ โดยเริ่มต้นจากความหลงใหลในโน้ตบุ๊กเก่ารุ่น Fujitsu Lifebook S2110 ที่เขาใช้มาตั้งแต่ปี 2005 แม้เครื่องจะมี RAM เพียง 2GB และใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน แต่ยังสามารถรัน Arch Linux รุ่นล่าสุดได้อย่างลื่นไหล

    แรงบันดาลใจของเขาเริ่มจากการสังเกตว่า “ปุ่ม hotkey” บนเครื่องทำงานได้เพียงครึ่งเดียว — โหมด Application ใช้งานได้ แต่โหมด Player กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ และมีข้อความแปลก ๆ ปรากฏใน kernel log ซึ่งนำไปสู่การสืบค้นโค้ดของไดรเวอร์ fujitsu-laptop.c ในเคอร์เนล

    หลังจากวิเคราะห์โค้ดอย่างละเอียด เขาพบว่าเครื่องของเขาไม่ได้อยู่ใน DMI table ที่ใช้เลือก keymap เฉพาะรุ่น จึงตัดสินใจสร้าง keymap ใหม่สำหรับ S2110 โดยเพิ่ม scancode ที่หายไป และแมปปุ่มให้ตรงกับฟังก์ชัน เช่น เล่นเพลง หยุดเพลง ย้อนเพลง และข้ามเพลง

    เมื่อทดสอบกับ xev และ playerctl พบว่าปุ่มทั้งหมดทำงานได้สมบูรณ์ เขาจึงส่ง patch นี้ไปยัง maintainer ของเคอร์เนลผ่านระบบ mailing list และในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ patch ก็ถูก merge เข้าสู่ Linux 6.15 และถูก backport ไปยังเวอร์ชัน LTS หลายรุ่น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Valtteri Koskivuori ส่ง patch แรกเข้าสู่เคอร์เนล Linux เพื่อแก้ไข hotkey บน Lifebook S2110
    ปุ่ม hotkey ทำงานได้ในโหมด Application แต่ไม่ตอบสนองในโหมด Player
    พบข้อความ “Unknown GIRB result” ใน kernel log เมื่อกดปุ่มในโหมด Player
    วิเคราะห์โค้ดใน fujitsu-laptop.c และพบว่าเครื่องไม่ได้อยู่ใน DMI table
    สร้าง keymap ใหม่ keymap_s2110 และเพิ่ม scancode สำหรับปุ่มที่หายไป
    ทดสอบด้วย xev และ playerctl พบว่าปุ่มทำงานได้ครบทุกฟังก์ชัน
    ส่ง patch ผ่าน git send-email ไปยัง maintainer และ mailing list
    Patch ถูก merge เข้าสู่ Linux 6.15 และ backport ไปยัง LTS หลายรุ่น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DMI table ใช้ระบุรุ่นของเครื่องเพื่อเลือก keymap ที่เหมาะสม
    sparse_keymap_setup() เป็นฟังก์ชันที่ใช้แมป scancode กับ keycode
    ACPI notify ใช้รับเหตุการณ์จาก firmware และส่งไปยัง input subsystem
    playerctl ใช้ควบคุม media player ผ่าน D-Bus ด้วยโปรโตคอล MPRIS
    การส่ง patch ผ่าน mailing list เป็นวิธีดั้งเดิมที่ยังใช้ในเคอร์เนล Linux

    https://vkoskiv.com/first-linux-patch/
    🧑‍💻 “จากเด็กอายุ 12 สู่ผู้ร่วมพัฒนาเคอร์เนล: Lifebook S2110 จุดประกายการแก้ไขไดรเวอร์ Linux ครั้งแรก” Valtteri Koskivuori นักพัฒนาสาย Linux ได้แชร์ประสบการณ์การส่ง patch แรกเข้าสู่เคอร์เนล Linux อย่างเป็นทางการ โดยเริ่มต้นจากความหลงใหลในโน้ตบุ๊กเก่ารุ่น Fujitsu Lifebook S2110 ที่เขาใช้มาตั้งแต่ปี 2005 แม้เครื่องจะมี RAM เพียง 2GB และใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน แต่ยังสามารถรัน Arch Linux รุ่นล่าสุดได้อย่างลื่นไหล แรงบันดาลใจของเขาเริ่มจากการสังเกตว่า “ปุ่ม hotkey” บนเครื่องทำงานได้เพียงครึ่งเดียว — โหมด Application ใช้งานได้ แต่โหมด Player กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ และมีข้อความแปลก ๆ ปรากฏใน kernel log ซึ่งนำไปสู่การสืบค้นโค้ดของไดรเวอร์ fujitsu-laptop.c ในเคอร์เนล หลังจากวิเคราะห์โค้ดอย่างละเอียด เขาพบว่าเครื่องของเขาไม่ได้อยู่ใน DMI table ที่ใช้เลือก keymap เฉพาะรุ่น จึงตัดสินใจสร้าง keymap ใหม่สำหรับ S2110 โดยเพิ่ม scancode ที่หายไป และแมปปุ่มให้ตรงกับฟังก์ชัน เช่น เล่นเพลง หยุดเพลง ย้อนเพลง และข้ามเพลง เมื่อทดสอบกับ xev และ playerctl พบว่าปุ่มทั้งหมดทำงานได้สมบูรณ์ เขาจึงส่ง patch นี้ไปยัง maintainer ของเคอร์เนลผ่านระบบ mailing list และในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ patch ก็ถูก merge เข้าสู่ Linux 6.15 และถูก backport ไปยังเวอร์ชัน LTS หลายรุ่น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Valtteri Koskivuori ส่ง patch แรกเข้าสู่เคอร์เนล Linux เพื่อแก้ไข hotkey บน Lifebook S2110 ➡️ ปุ่ม hotkey ทำงานได้ในโหมด Application แต่ไม่ตอบสนองในโหมด Player ➡️ พบข้อความ “Unknown GIRB result” ใน kernel log เมื่อกดปุ่มในโหมด Player ➡️ วิเคราะห์โค้ดใน fujitsu-laptop.c และพบว่าเครื่องไม่ได้อยู่ใน DMI table ➡️ สร้าง keymap ใหม่ keymap_s2110 และเพิ่ม scancode สำหรับปุ่มที่หายไป ➡️ ทดสอบด้วย xev และ playerctl พบว่าปุ่มทำงานได้ครบทุกฟังก์ชัน ➡️ ส่ง patch ผ่าน git send-email ไปยัง maintainer และ mailing list ➡️ Patch ถูก merge เข้าสู่ Linux 6.15 และ backport ไปยัง LTS หลายรุ่น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DMI table ใช้ระบุรุ่นของเครื่องเพื่อเลือก keymap ที่เหมาะสม ➡️ sparse_keymap_setup() เป็นฟังก์ชันที่ใช้แมป scancode กับ keycode ➡️ ACPI notify ใช้รับเหตุการณ์จาก firmware และส่งไปยัง input subsystem ➡️ playerctl ใช้ควบคุม media player ผ่าน D-Bus ด้วยโปรโตคอล MPRIS ➡️ การส่ง patch ผ่าน mailing list เป็นวิธีดั้งเดิมที่ยังใช้ในเคอร์เนล Linux https://vkoskiv.com/first-linux-patch/
    VKOSKIV.COM
    My First Contribution to Linux
    I upstreamed my first kernel patch, and it was easier than I thought it would be.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โนเบลฟิสิกส์ 2025 ยกย่องการทดลองที่ทำให้โลกควอนตัม ‘จับต้องได้’ — เมื่ออิเล็กตรอนนับพันล้านเต้นรำเป็นหนึ่งเดียว”

    รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2025 ตกเป็นของสามนักวิทยาศาสตร์ผู้เปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัม ได้แก่ John Clarke, Michel H. Devoret และ John M. Martinis จากการค้นพบปรากฏการณ์ “การอุโมงค์ควอนตัมในระดับมหภาค” และ “การควอนตัมของพลังงาน” ในวงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์

    โดยทั่วไป กลศาสตร์ควอนตัมเป็นศาสตร์ที่อธิบายพฤติกรรมของอนุภาคขนาดเล็ก เช่น อิเล็กตรอนหรือโปรตอน ซึ่งสามารถแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด เช่น การอุโมงค์ผ่านกำแพงพลังงาน หรือการดูดกลืนและปล่อยพลังงานในปริมาณที่แน่นอน แต่สิ่งเหล่านี้มักเกิดในระดับ “จุลภาค” ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้

    แต่ในปี 1984–1985 ทีมวิจัยจาก UC Berkeley ได้สร้างวงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร โดยใช้ Josephson junction ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระหว่างซูเปอร์คอนดักเตอร์สองตัวผ่านฉนวนบาง ๆ ผลลัพธ์คือ พวกเขาสามารถควบคุมและสังเกตพฤติกรรมของ “Cooper pairs” — กลุ่มอิเล็กตรอนที่จับคู่กันและเคลื่อนที่อย่างเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีความต้านทาน

    ในสภาวะเริ่มต้น วงจรไม่มีแรงดันไฟฟ้าใด ๆ ราวกับว่าระบบถูกขังอยู่หลังกำแพงพลังงาน แต่แล้วเกิดการ “อุโมงค์ควอนตัม” — ระบบสามารถหลุดออกจากสถานะนั้นและสร้างแรงดันไฟฟ้าได้ โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานจากภายนอก

    นอกจากนี้ พวกเขายังพิสูจน์ว่า ระบบนี้สามารถดูดกลืนพลังงานจากคลื่นไมโครเวฟในปริมาณที่แน่นอน และเปลี่ยนสถานะพลังงานได้ตามทฤษฎีควอนตัม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ระบบจะประกอบด้วยอนุภาคนับพันล้าน แต่ก็ยังแสดงพฤติกรรมควอนตัมได้เหมือนอนุภาคเดี่ยว

    การทดลองนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันทฤษฎีควอนตัมในระดับมหภาค แต่ยังเป็นรากฐานของเทคโนโลยีควอนตัมยุคใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ควอนตัม เซนเซอร์ควอนตัม และการเข้ารหัสควอนตัม โดยเฉพาะการใช้สถานะพลังงานต่ำและสูงเป็นบิตควอนตัม (qubit) ซึ่ง Martinis ได้นำไปใช้ในงานวิจัยต่อมา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รางวัลโนเบลฟิสิกส์ 2025 มอบให้ John Clarke, Michel Devoret และ John Martinis
    จากการค้นพบการอุโมงค์ควอนตัมในระดับมหภาค และการควอนตัมของพลังงาน
    ใช้วงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์ที่มี Josephson junction เป็นแกนหลัก
    สังเกตพฤติกรรมของ Cooper pairs ที่เคลื่อนที่เป็นหนึ่งเดียว
    ระบบเริ่มต้นในสถานะไม่มีแรงดันไฟฟ้า แล้วเกิดการอุโมงค์ควอนตัมสร้างแรงดัน
    พิสูจน์ว่าระบบดูดกลืนพลังงานจากคลื่นไมโครเวฟในปริมาณที่แน่นอน
    การทดลองเกิดขึ้นที่ UC Berkeley ในช่วงปี 1984–1985
    ผลลัพธ์นำไปสู่การพัฒนา qubit สำหรับคอมพิวเตอร์ควอนตัม
    รางวัลนี้มีมูลค่า 11 ล้านโครนาสวีเดน แบ่งเท่า ๆ กันระหว่างผู้ได้รับรางวัล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cooper pairs คืออิเล็กตรอนที่จับคู่กันในซูเปอร์คอนดักเตอร์ ทำให้ไม่มีความต้านทาน
    Josephson junction ถูกตั้งชื่อตาม Brian Josephson ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1973
    ทฤษฎีเบื้องหลังได้รับแรงบันดาลใจจาก Anthony Leggett ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2003
    การอุโมงค์ควอนตัมเคยถูกใช้เพื่ออธิบายการสลายตัวของนิวเคลียสในฟิสิกส์นิวเคลียร์
    คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้สถานะพลังงานของระบบควอนตัมเป็นหน่วยข้อมูล

    https://www.nobelprize.org/prizes/physics/2025/popular-information/
    🔬 “โนเบลฟิสิกส์ 2025 ยกย่องการทดลองที่ทำให้โลกควอนตัม ‘จับต้องได้’ — เมื่ออิเล็กตรอนนับพันล้านเต้นรำเป็นหนึ่งเดียว” รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2025 ตกเป็นของสามนักวิทยาศาสตร์ผู้เปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัม ได้แก่ John Clarke, Michel H. Devoret และ John M. Martinis จากการค้นพบปรากฏการณ์ “การอุโมงค์ควอนตัมในระดับมหภาค” และ “การควอนตัมของพลังงาน” ในวงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์ โดยทั่วไป กลศาสตร์ควอนตัมเป็นศาสตร์ที่อธิบายพฤติกรรมของอนุภาคขนาดเล็ก เช่น อิเล็กตรอนหรือโปรตอน ซึ่งสามารถแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด เช่น การอุโมงค์ผ่านกำแพงพลังงาน หรือการดูดกลืนและปล่อยพลังงานในปริมาณที่แน่นอน แต่สิ่งเหล่านี้มักเกิดในระดับ “จุลภาค” ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ แต่ในปี 1984–1985 ทีมวิจัยจาก UC Berkeley ได้สร้างวงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร โดยใช้ Josephson junction ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระหว่างซูเปอร์คอนดักเตอร์สองตัวผ่านฉนวนบาง ๆ ผลลัพธ์คือ พวกเขาสามารถควบคุมและสังเกตพฤติกรรมของ “Cooper pairs” — กลุ่มอิเล็กตรอนที่จับคู่กันและเคลื่อนที่อย่างเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีความต้านทาน ในสภาวะเริ่มต้น วงจรไม่มีแรงดันไฟฟ้าใด ๆ ราวกับว่าระบบถูกขังอยู่หลังกำแพงพลังงาน แต่แล้วเกิดการ “อุโมงค์ควอนตัม” — ระบบสามารถหลุดออกจากสถานะนั้นและสร้างแรงดันไฟฟ้าได้ โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานจากภายนอก นอกจากนี้ พวกเขายังพิสูจน์ว่า ระบบนี้สามารถดูดกลืนพลังงานจากคลื่นไมโครเวฟในปริมาณที่แน่นอน และเปลี่ยนสถานะพลังงานได้ตามทฤษฎีควอนตัม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ระบบจะประกอบด้วยอนุภาคนับพันล้าน แต่ก็ยังแสดงพฤติกรรมควอนตัมได้เหมือนอนุภาคเดี่ยว การทดลองนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันทฤษฎีควอนตัมในระดับมหภาค แต่ยังเป็นรากฐานของเทคโนโลยีควอนตัมยุคใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ควอนตัม เซนเซอร์ควอนตัม และการเข้ารหัสควอนตัม โดยเฉพาะการใช้สถานะพลังงานต่ำและสูงเป็นบิตควอนตัม (qubit) ซึ่ง Martinis ได้นำไปใช้ในงานวิจัยต่อมา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รางวัลโนเบลฟิสิกส์ 2025 มอบให้ John Clarke, Michel Devoret และ John Martinis ➡️ จากการค้นพบการอุโมงค์ควอนตัมในระดับมหภาค และการควอนตัมของพลังงาน ➡️ ใช้วงจรไฟฟ้าซูเปอร์คอนดักเตอร์ที่มี Josephson junction เป็นแกนหลัก ➡️ สังเกตพฤติกรรมของ Cooper pairs ที่เคลื่อนที่เป็นหนึ่งเดียว ➡️ ระบบเริ่มต้นในสถานะไม่มีแรงดันไฟฟ้า แล้วเกิดการอุโมงค์ควอนตัมสร้างแรงดัน ➡️ พิสูจน์ว่าระบบดูดกลืนพลังงานจากคลื่นไมโครเวฟในปริมาณที่แน่นอน ➡️ การทดลองเกิดขึ้นที่ UC Berkeley ในช่วงปี 1984–1985 ➡️ ผลลัพธ์นำไปสู่การพัฒนา qubit สำหรับคอมพิวเตอร์ควอนตัม ➡️ รางวัลนี้มีมูลค่า 11 ล้านโครนาสวีเดน แบ่งเท่า ๆ กันระหว่างผู้ได้รับรางวัล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cooper pairs คืออิเล็กตรอนที่จับคู่กันในซูเปอร์คอนดักเตอร์ ทำให้ไม่มีความต้านทาน ➡️ Josephson junction ถูกตั้งชื่อตาม Brian Josephson ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1973 ➡️ ทฤษฎีเบื้องหลังได้รับแรงบันดาลใจจาก Anthony Leggett ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2003 ➡️ การอุโมงค์ควอนตัมเคยถูกใช้เพื่ออธิบายการสลายตัวของนิวเคลียสในฟิสิกส์นิวเคลียร์ ➡️ คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้สถานะพลังงานของระบบควอนตัมเป็นหน่วยข้อมูล https://www.nobelprize.org/prizes/physics/2025/popular-information/
    WWW.NOBELPRIZE.ORG
    Nobel Prize in Physics 2025
    The Nobel Prize in Physics 2025 was awarded jointly to John Clarke, Michel H. Devoret and John M. Martinis "for the discovery of macroscopic quantum mechanical tunnelling and energy quantisation in an electric circuit"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ผู้ช่วยช้อปปิ้งกำลังเปลี่ยนโฉมวงการค้าปลีก — เทศกาลปลายปีนี้ คุณอาจใช้งานอยู่โดยไม่รู้ตัว”

    Adobe รายงานว่าการใช้งาน AI เพื่อช่วยในการช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วงเทศกาลปลายปี 2025 จะเพิ่มขึ้นถึง 520% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วง 10 วันก่อนวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งถือเป็นช่วงพีคของการซื้อของออนไลน์ในสหรัฐฯ

    AI ที่ถูกใช้งานไม่ได้หมายถึงหุ่นยนต์ที่ซื้อของแทนคุณ แต่หมายถึงระบบแนะนำสินค้า ลิงก์อัตโนมัติจากแชตบอท หรือ sidebar ที่ช่วยค้นหาข้อเสนอและสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น การถาม ChatGPT หรือ Gemini ว่า “กล้อง DSLR สำหรับมือใหม่ที่มีวิดีโอ ราคาไม่เกิน $700” แล้วได้คำตอบพร้อมลิงก์ซื้อทันที

    จากการสำรวจผู้บริโภค 5,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า

    53% ใช้ AI เพื่อค้นคว้าก่อนซื้อ
    40% ใช้เพื่อรับคำแนะนำสินค้า
    36% ใช้เพื่อหาส่วนลด
    30% ใช้เพื่อหาแรงบันดาลใจในการเลือกของขวัญ

    Adobe ยังพบว่า ผู้ใช้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ผ่านลิงก์จาก AI มีแนวโน้มอยู่ในเว็บนานขึ้นและดูหลายหน้า แม้ยอดซื้อจริงจาก AI ยังไม่สูงมากในปีที่แล้ว แต่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    หมวดสินค้าที่ AI ถูกใช้มากที่สุด ได้แก่ ของเล่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง โดยผู้ใช้สามารถใช้ AI เพื่อค้นหาสินค้าจากภาพ เช่น “หาสินค้านี้ในไซส์ M” หรือ “หาสไตล์คล้ายกันในงบไม่เกิน $80”

    Adobe คาดว่าเทศกาลปลายปีนี้จะมีการใช้จ่ายออนไลน์รวมกว่า $253.4 พันล้าน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว โดย AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Adobe คาดว่า AI traffic จะเพิ่มขึ้น 520% ในช่วงเทศกาลปลายปี 2025
    การใช้งาน AI เพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วง 10 วันก่อนวันขอบคุณพระเจ้า
    ผู้บริโภคใช้ AI เพื่อค้นคว้า แนะนำสินค้า หาส่วนลด และเลือกของขวัญ
    ผู้ใช้ที่เข้าผ่าน AI มีแนวโน้มอยู่ในเว็บนานขึ้นและดูหลายหน้า
    หมวดสินค้าที่ AI ถูกใช้มากที่สุด: ของเล่น, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ, ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง
    คาดว่าจะมีการใช้จ่ายออนไลน์รวม $253.4 พันล้าน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว
    AI ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าจากภาพหรือลิงก์ได้อย่างแม่นยำ
    การใช้ AI ในการช้อปปิ้งเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในการช้อปปิ้งช่วยลดเวลาในการค้นหาสินค้าได้ถึง 70%
    แพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT, Gemini และ Copilot เริ่มมีฟีเจอร์แนะนำสินค้าโดยตรง
    ผู้ค้าปลีกเริ่มปรับกลยุทธ์ SEO เป็น “LLM Optimization” เพื่อให้ AI แนะนำสินค้าของตน
    การใช้ AI ในการช้อปปิ้งช่วยเพิ่ม conversion rate ได้มากกว่า 30% ในบางกรณี
    ระบบ AI สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับคำแนะนำให้ตรงกับความต้องการ

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/ai-shopping-assistants-are-reshaping-holiday-retail-and-you-might-already-be-using-one-without-realizing-it
    🛍️ “AI ผู้ช่วยช้อปปิ้งกำลังเปลี่ยนโฉมวงการค้าปลีก — เทศกาลปลายปีนี้ คุณอาจใช้งานอยู่โดยไม่รู้ตัว” Adobe รายงานว่าการใช้งาน AI เพื่อช่วยในการช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วงเทศกาลปลายปี 2025 จะเพิ่มขึ้นถึง 520% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วง 10 วันก่อนวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งถือเป็นช่วงพีคของการซื้อของออนไลน์ในสหรัฐฯ AI ที่ถูกใช้งานไม่ได้หมายถึงหุ่นยนต์ที่ซื้อของแทนคุณ แต่หมายถึงระบบแนะนำสินค้า ลิงก์อัตโนมัติจากแชตบอท หรือ sidebar ที่ช่วยค้นหาข้อเสนอและสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น การถาม ChatGPT หรือ Gemini ว่า “กล้อง DSLR สำหรับมือใหม่ที่มีวิดีโอ ราคาไม่เกิน $700” แล้วได้คำตอบพร้อมลิงก์ซื้อทันที จากการสำรวจผู้บริโภค 5,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า 📊 53% ใช้ AI เพื่อค้นคว้าก่อนซื้อ 📊 40% ใช้เพื่อรับคำแนะนำสินค้า 📊 36% ใช้เพื่อหาส่วนลด 📊 30% ใช้เพื่อหาแรงบันดาลใจในการเลือกของขวัญ Adobe ยังพบว่า ผู้ใช้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ผ่านลิงก์จาก AI มีแนวโน้มอยู่ในเว็บนานขึ้นและดูหลายหน้า แม้ยอดซื้อจริงจาก AI ยังไม่สูงมากในปีที่แล้ว แต่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมวดสินค้าที่ AI ถูกใช้มากที่สุด ได้แก่ ของเล่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง โดยผู้ใช้สามารถใช้ AI เพื่อค้นหาสินค้าจากภาพ เช่น “หาสินค้านี้ในไซส์ M” หรือ “หาสไตล์คล้ายกันในงบไม่เกิน $80” Adobe คาดว่าเทศกาลปลายปีนี้จะมีการใช้จ่ายออนไลน์รวมกว่า $253.4 พันล้าน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว โดย AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Adobe คาดว่า AI traffic จะเพิ่มขึ้น 520% ในช่วงเทศกาลปลายปี 2025 ➡️ การใช้งาน AI เพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วง 10 วันก่อนวันขอบคุณพระเจ้า ➡️ ผู้บริโภคใช้ AI เพื่อค้นคว้า แนะนำสินค้า หาส่วนลด และเลือกของขวัญ ➡️ ผู้ใช้ที่เข้าผ่าน AI มีแนวโน้มอยู่ในเว็บนานขึ้นและดูหลายหน้า ➡️ หมวดสินค้าที่ AI ถูกใช้มากที่สุด: ของเล่น, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ, ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง ➡️ คาดว่าจะมีการใช้จ่ายออนไลน์รวม $253.4 พันล้าน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว ➡️ AI ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าจากภาพหรือลิงก์ได้อย่างแม่นยำ ➡️ การใช้ AI ในการช้อปปิ้งเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในการช้อปปิ้งช่วยลดเวลาในการค้นหาสินค้าได้ถึง 70% ➡️ แพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT, Gemini และ Copilot เริ่มมีฟีเจอร์แนะนำสินค้าโดยตรง ➡️ ผู้ค้าปลีกเริ่มปรับกลยุทธ์ SEO เป็น “LLM Optimization” เพื่อให้ AI แนะนำสินค้าของตน ➡️ การใช้ AI ในการช้อปปิ้งช่วยเพิ่ม conversion rate ได้มากกว่า 30% ในบางกรณี ➡️ ระบบ AI สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับคำแนะนำให้ตรงกับความต้องการ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/ai-shopping-assistants-are-reshaping-holiday-retail-and-you-might-already-be-using-one-without-realizing-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เทคโนโลยีเบื้องหลังภารกิจ Apollo — จากคอมพิวเตอร์ 4KB สู่แรงบันดาลใจแห่งยุคอวกาศ”

    แม้หลายคนจะรู้จัก Apollo 11 ในฐานะภารกิจที่พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในปี 1969 แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคนั้น และกลายเป็นรากฐานของนวัตกรรมที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้

    หนึ่งในหัวใจของภารกิจคือ Apollo Guidance Computer (AGC) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ onboard ที่ใช้ควบคุมการนำทางและการบินของยาน Apollo โดยมีหน่วยความจำเพียง 74KB ROM และ 4KB RAM เท่านั้น แต่สามารถควบคุมการลงจอดบนดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำ AGC ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับระบบควบคุมในเครื่องบินสมัยใหม่และแม้แต่สมาร์ตโฟนที่เราใช้ทุกวัน

    ชุดอวกาศของนักบิน Apollo ก็เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางวิศวกรรม โดยใช้วัสดุสังเคราะห์ถึง 12 ชนิด รวมเป็น 25 ชั้น เพื่อป้องกันอุณหภูมิสุดขั้วตั้งแต่ -250°F ถึง +230°F พร้อมระบบสนับสนุนชีวิตแบบไร้สาย และซิปสามชั้นที่สร้างซีลกันอากาศได้อย่างสมบูรณ์

    การสื่อสารระหว่างนักบินกับโลกใช้ระบบ S-Band Transponder ซึ่งสามารถส่งข้อมูลเสียง วิดีโอ และชีวภาพผ่านคลื่นวิทยุจากระยะไกลถึง 30,000 ไมล์จากโลก ระบบนี้ยังสามารถติดตามตำแหน่งของยานและส่งข้อมูลภารกิจกลับมายังศูนย์ควบคุม

    ยาน Saturn V ที่ใช้ส่งนักบินขึ้นสู่อวกาศมีความสูงถึง 363 ฟุต สูงกว่ารูปปั้นเทพีเสรีภาพถึง 60 ฟุต และสามารถสร้างแรงขับได้ถึง 7.6 ล้านปอนด์ ถือเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น และเป็นต้นแบบของระบบส่งยานในยุคปัจจุบัน เช่น SLS ของ NASA

    สุดท้ายคือ Command Module หรือที่พักของนักบิน ซึ่งมีขนาดเพียง 3.9 เมตร และเป็นส่วนเดียวของยานที่กลับสู่โลกได้ โดยใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแผ่นกันความร้อนที่ออกแบบมาเฉพาะ ปัจจุบัน NASA ยังใช้แนวคิดนี้ในยาน Orion ที่จะพานักบินกลับไปยังดวงจันทร์ในภารกิจ Artemis

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apollo Program ดำเนินตั้งแต่ปี 1962–1972 รวม 14 ภารกิจ
    AGC มีหน่วยความจำ 74KB ROM และ 4KB RAM
    AGC ใช้ควบคุมการบินและการนำทางของยาน Apollo
    ชุดอวกาศใช้วัสดุสังเคราะห์ 12 ชนิด รวม 25 ชั้น
    ป้องกันอุณหภูมิ -250°F ถึง +230°F และมีระบบสนับสนุนชีวิตแบบไร้สาย
    S-Band Transponder ส่งข้อมูลเสียง วิดีโอ และชีวภาพจากระยะ 30,000 ไมล์
    Saturn V สูง 363 ฟุต สร้างแรงขับ 7.6 ล้านปอนด์
    Command Module มีขนาด 3.9 เมตร ใช้วัสดุอลูมิเนียมรังผึ้งและแผ่นกันความร้อน
    NASA ใช้แนวคิด Command Module ในยาน Orion สำหรับภารกิจ Artemis

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AGC ถูกพัฒนาโดย MIT Instrumentation Lab และใช้ชิป NOR gate แบบเชื่อมด้วยแรงดัน
    ชุดอวกาศ Apollo มีชื่อเฉพาะ เช่น “Sirius” ของ Neil Armstrong
    S-Band Transponder รวมฟังก์ชัน telemetry, voice, video และ tracking ในระบบเดียว
    Saturn V ใช้ในภารกิจ Skylab และเป็นต้นแบบของจรวด heavy-lift ในยุคใหม่
    Command Module “Columbia” เป็นส่วนเดียวที่กลับสู่โลก และสามารถชมแบบ 3D ได้ผ่าน Smithsonian

    https://www.slashgear.com/1462356/apollo-mission-successful-technology/
    🌕 “เทคโนโลยีเบื้องหลังภารกิจ Apollo — จากคอมพิวเตอร์ 4KB สู่แรงบันดาลใจแห่งยุคอวกาศ” แม้หลายคนจะรู้จัก Apollo 11 ในฐานะภารกิจที่พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในปี 1969 แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคนั้น และกลายเป็นรากฐานของนวัตกรรมที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ หนึ่งในหัวใจของภารกิจคือ Apollo Guidance Computer (AGC) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ onboard ที่ใช้ควบคุมการนำทางและการบินของยาน Apollo โดยมีหน่วยความจำเพียง 74KB ROM และ 4KB RAM เท่านั้น แต่สามารถควบคุมการลงจอดบนดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำ AGC ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับระบบควบคุมในเครื่องบินสมัยใหม่และแม้แต่สมาร์ตโฟนที่เราใช้ทุกวัน ชุดอวกาศของนักบิน Apollo ก็เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางวิศวกรรม โดยใช้วัสดุสังเคราะห์ถึง 12 ชนิด รวมเป็น 25 ชั้น เพื่อป้องกันอุณหภูมิสุดขั้วตั้งแต่ -250°F ถึง +230°F พร้อมระบบสนับสนุนชีวิตแบบไร้สาย และซิปสามชั้นที่สร้างซีลกันอากาศได้อย่างสมบูรณ์ การสื่อสารระหว่างนักบินกับโลกใช้ระบบ S-Band Transponder ซึ่งสามารถส่งข้อมูลเสียง วิดีโอ และชีวภาพผ่านคลื่นวิทยุจากระยะไกลถึง 30,000 ไมล์จากโลก ระบบนี้ยังสามารถติดตามตำแหน่งของยานและส่งข้อมูลภารกิจกลับมายังศูนย์ควบคุม ยาน Saturn V ที่ใช้ส่งนักบินขึ้นสู่อวกาศมีความสูงถึง 363 ฟุต สูงกว่ารูปปั้นเทพีเสรีภาพถึง 60 ฟุต และสามารถสร้างแรงขับได้ถึง 7.6 ล้านปอนด์ ถือเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น และเป็นต้นแบบของระบบส่งยานในยุคปัจจุบัน เช่น SLS ของ NASA สุดท้ายคือ Command Module หรือที่พักของนักบิน ซึ่งมีขนาดเพียง 3.9 เมตร และเป็นส่วนเดียวของยานที่กลับสู่โลกได้ โดยใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแผ่นกันความร้อนที่ออกแบบมาเฉพาะ ปัจจุบัน NASA ยังใช้แนวคิดนี้ในยาน Orion ที่จะพานักบินกลับไปยังดวงจันทร์ในภารกิจ Artemis ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apollo Program ดำเนินตั้งแต่ปี 1962–1972 รวม 14 ภารกิจ ➡️ AGC มีหน่วยความจำ 74KB ROM และ 4KB RAM ➡️ AGC ใช้ควบคุมการบินและการนำทางของยาน Apollo ➡️ ชุดอวกาศใช้วัสดุสังเคราะห์ 12 ชนิด รวม 25 ชั้น ➡️ ป้องกันอุณหภูมิ -250°F ถึง +230°F และมีระบบสนับสนุนชีวิตแบบไร้สาย ➡️ S-Band Transponder ส่งข้อมูลเสียง วิดีโอ และชีวภาพจากระยะ 30,000 ไมล์ ➡️ Saturn V สูง 363 ฟุต สร้างแรงขับ 7.6 ล้านปอนด์ ➡️ Command Module มีขนาด 3.9 เมตร ใช้วัสดุอลูมิเนียมรังผึ้งและแผ่นกันความร้อน ➡️ NASA ใช้แนวคิด Command Module ในยาน Orion สำหรับภารกิจ Artemis ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AGC ถูกพัฒนาโดย MIT Instrumentation Lab และใช้ชิป NOR gate แบบเชื่อมด้วยแรงดัน ➡️ ชุดอวกาศ Apollo มีชื่อเฉพาะ เช่น “Sirius” ของ Neil Armstrong ➡️ S-Band Transponder รวมฟังก์ชัน telemetry, voice, video และ tracking ในระบบเดียว ➡️ Saturn V ใช้ในภารกิจ Skylab และเป็นต้นแบบของจรวด heavy-lift ในยุคใหม่ ➡️ Command Module “Columbia” เป็นส่วนเดียวที่กลับสู่โลก และสามารถชมแบบ 3D ได้ผ่าน Smithsonian https://www.slashgear.com/1462356/apollo-mission-successful-technology/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Giant Leap: The Technology That Made The Apollo Mission Successful - SlashGear
    For many, it's common knowledge that the Apollo 11 mission successfully landed on the moon, but the technology that got them there was way before its time.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้”

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง

    ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก

    ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง

    แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

    ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ
    ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน
    ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน
    รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง
    มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน
    ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
    ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน
    การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ
    ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง
    ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้
    ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง
    การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง

    https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    ☀️ “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ ➡️ ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน ➡️ ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน ➡️ รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง ➡️ มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน ➡️ ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ➡️ ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน ➡️ การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ ➡️ ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง ➡️ ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้ ➡️ ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง ➡️ การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    GRIST.ORG
    How Germany outfitted half a million balconies with solar panels
    Meet balkonkraftwerk, the simple technology putting solar power in the hands of renters and nudging Germany toward its clean energy goals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mic-E-Mouse: เมาส์เกมมิ่งกลายเป็นไมโครโฟนลับ — งานวิจัยใหม่เผย AI สามารถดักฟังเสียงผ่านเซนเซอร์เมาส์ได้จริง”

    ในยุคที่อุปกรณ์ทุกชิ้นอาจกลายเป็นช่องทางละเมิดความเป็นส่วนตัว ล่าสุดทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย UC Irvine ได้เปิดเผยเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Mic-E-Mouse” ซึ่งสามารถใช้เซนเซอร์ของเมาส์ประสิทธิภาพสูงในการดักฟังเสียงของผู้ใช้ผ่านพื้นโต๊ะ โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลยแม้แต่นิดเดียว

    หลักการทำงานของ Mic-E-Mouse คือการใช้เซนเซอร์ของเมาส์ที่มี DPI สูง (20,000 DPI ขึ้นไป) และ polling rate สูง ซึ่งสามารถตรวจจับการสั่นสะเทือนเล็ก ๆ จากเสียงพูดที่สะท้อนผ่านพื้นโต๊ะได้ จากนั้นข้อมูลดิบเหล่านี้จะถูกส่งผ่านกระบวนการประมวลผลสัญญาณและโมเดล AI เพื่อแปลงเป็นเสียงพูดที่ฟังรู้เรื่อง

    สิ่งที่น่าตกใจคือ การโจมตีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มัลแวร์ซับซ้อน เพียงแค่มีซอฟต์แวร์ที่สามารถอ่านข้อมูลจากเมาส์ได้ เช่น แอปสร้างสรรค์หรือเกมบางประเภท ก็สามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้แล้ว และเมื่อส่งออกไปประมวลผลนอกเครื่อง ก็สามารถสร้างคลื่นเสียงที่มีความแม่นยำในการรู้จำคำพูดได้ถึง 42–61%

    ทีมวิจัยใช้เทคนิค Wiener filtering และ neural spectrogram enhancement เพื่อเพิ่มความชัดเจนของเสียง โดยสามารถเพิ่มค่า SNR ได้ถึง +19 dB และแม้จะใช้เมาส์ระดับ consumer ที่มีราคาต่ำกว่า $50 ก็ยังสามารถดักฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เทคนิคนี้คล้ายกับการดักฟังในยุคสงครามเย็น เช่นกรณี KGB ซ่อนไมโครโฟนไว้ในตรา Great Seal ที่มอบให้ทูตสหรัฐฯ แต่ต่างกันตรงที่ Mic-E-Mouse ใช้ AI และอุปกรณ์ทั่วไปที่ผู้ใช้ไม่เคยสงสัยเลยว่าอาจกลายเป็น “หู” ที่แอบฟังอยู่ตลอดเวลา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Mic-E-Mouse เป็นเทคนิคที่ใช้เซนเซอร์เมาส์ในการดักฟังเสียงพูดผ่านพื้นโต๊ะ
    ใช้เมาส์ที่มี DPI สูง (20,000+) และ polling rate สูงในการตรวจจับการสั่นสะเทือน
    ข้อมูลดิบถูกส่งผ่าน Wiener filtering และ neural spectrogram enhancement เพื่อแปลงเป็นเสียง
    ความแม่นยำในการรู้จำคำพูดอยู่ที่ 42–61% และเพิ่ม SNR ได้ถึง +19 dB
    ใช้เมาส์ระดับ consumer ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง
    ไม่ต้องใช้มัลแวร์ซับซ้อน แค่ซอฟต์แวร์ที่อ่านข้อมูลเมาส์ก็เพียงพอ
    ข้อมูลสามารถส่งออกไปประมวลผลนอกเครื่องได้โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ระดับระบบ
    เทคนิคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการดักฟังในยุคสงครามเย็น แต่ใช้ AI แทนไมโครโฟน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DPI (dots per inch) คือค่าความละเอียดของเซนเซอร์เมาส์ ยิ่งสูงยิ่งไวต่อการเคลื่อนไหว
    Polling rate คือความถี่ที่เมาส์ส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ ยิ่งสูงยิ่งแม่นยำ
    Wiener filter เป็นเทคนิคลด noise ในสัญญาณเสียงที่ใช้กันแพร่หลายในงานวิศวกรรมเสียง
    Spectrogram neural enhancement คือการใช้โมเดล AI เพื่อปรับปรุงความชัดของคลื่นเสียง
    การดักฟังผ่านอุปกรณ์ทั่วไปเป็นแนวทางใหม่ของการโจมตีแบบ side-channel

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/high-performance-mice-can-be-used-as-a-microphone-to-spy-on-users-thanks-to-ai-mic-e-mouse-technique-uses-mouse-sensors-to-convert-acoustic-vibrations-into-speech
    🖱️ “Mic-E-Mouse: เมาส์เกมมิ่งกลายเป็นไมโครโฟนลับ — งานวิจัยใหม่เผย AI สามารถดักฟังเสียงผ่านเซนเซอร์เมาส์ได้จริง” ในยุคที่อุปกรณ์ทุกชิ้นอาจกลายเป็นช่องทางละเมิดความเป็นส่วนตัว ล่าสุดทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย UC Irvine ได้เปิดเผยเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Mic-E-Mouse” ซึ่งสามารถใช้เซนเซอร์ของเมาส์ประสิทธิภาพสูงในการดักฟังเสียงของผู้ใช้ผ่านพื้นโต๊ะ โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลยแม้แต่นิดเดียว หลักการทำงานของ Mic-E-Mouse คือการใช้เซนเซอร์ของเมาส์ที่มี DPI สูง (20,000 DPI ขึ้นไป) และ polling rate สูง ซึ่งสามารถตรวจจับการสั่นสะเทือนเล็ก ๆ จากเสียงพูดที่สะท้อนผ่านพื้นโต๊ะได้ จากนั้นข้อมูลดิบเหล่านี้จะถูกส่งผ่านกระบวนการประมวลผลสัญญาณและโมเดล AI เพื่อแปลงเป็นเสียงพูดที่ฟังรู้เรื่อง สิ่งที่น่าตกใจคือ การโจมตีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มัลแวร์ซับซ้อน เพียงแค่มีซอฟต์แวร์ที่สามารถอ่านข้อมูลจากเมาส์ได้ เช่น แอปสร้างสรรค์หรือเกมบางประเภท ก็สามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้แล้ว และเมื่อส่งออกไปประมวลผลนอกเครื่อง ก็สามารถสร้างคลื่นเสียงที่มีความแม่นยำในการรู้จำคำพูดได้ถึง 42–61% ทีมวิจัยใช้เทคนิค Wiener filtering และ neural spectrogram enhancement เพื่อเพิ่มความชัดเจนของเสียง โดยสามารถเพิ่มค่า SNR ได้ถึง +19 dB และแม้จะใช้เมาส์ระดับ consumer ที่มีราคาต่ำกว่า $50 ก็ยังสามารถดักฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคนี้คล้ายกับการดักฟังในยุคสงครามเย็น เช่นกรณี KGB ซ่อนไมโครโฟนไว้ในตรา Great Seal ที่มอบให้ทูตสหรัฐฯ แต่ต่างกันตรงที่ Mic-E-Mouse ใช้ AI และอุปกรณ์ทั่วไปที่ผู้ใช้ไม่เคยสงสัยเลยว่าอาจกลายเป็น “หู” ที่แอบฟังอยู่ตลอดเวลา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Mic-E-Mouse เป็นเทคนิคที่ใช้เซนเซอร์เมาส์ในการดักฟังเสียงพูดผ่านพื้นโต๊ะ ➡️ ใช้เมาส์ที่มี DPI สูง (20,000+) และ polling rate สูงในการตรวจจับการสั่นสะเทือน ➡️ ข้อมูลดิบถูกส่งผ่าน Wiener filtering และ neural spectrogram enhancement เพื่อแปลงเป็นเสียง ➡️ ความแม่นยำในการรู้จำคำพูดอยู่ที่ 42–61% และเพิ่ม SNR ได้ถึง +19 dB ➡️ ใช้เมาส์ระดับ consumer ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง ➡️ ไม่ต้องใช้มัลแวร์ซับซ้อน แค่ซอฟต์แวร์ที่อ่านข้อมูลเมาส์ก็เพียงพอ ➡️ ข้อมูลสามารถส่งออกไปประมวลผลนอกเครื่องได้โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ระดับระบบ ➡️ เทคนิคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการดักฟังในยุคสงครามเย็น แต่ใช้ AI แทนไมโครโฟน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DPI (dots per inch) คือค่าความละเอียดของเซนเซอร์เมาส์ ยิ่งสูงยิ่งไวต่อการเคลื่อนไหว ➡️ Polling rate คือความถี่ที่เมาส์ส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ ยิ่งสูงยิ่งแม่นยำ ➡️ Wiener filter เป็นเทคนิคลด noise ในสัญญาณเสียงที่ใช้กันแพร่หลายในงานวิศวกรรมเสียง ➡️ Spectrogram neural enhancement คือการใช้โมเดล AI เพื่อปรับปรุงความชัดของคลื่นเสียง ➡️ การดักฟังผ่านอุปกรณ์ทั่วไปเป็นแนวทางใหม่ของการโจมตีแบบ side-channel https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/high-performance-mice-can-be-used-as-a-microphone-to-spy-on-users-thanks-to-ai-mic-e-mouse-technique-uses-mouse-sensors-to-convert-acoustic-vibrations-into-speech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jane Goodall เสียชีวิตในวัย 91 — นักวิทยาศาสตร์ผู้เปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์ต่อสัตว์โลก”

    Jane Goodall นักธรรมชาติวิทยาและนักอนุรักษ์ชื่อดังระดับโลก ได้เสียชีวิตอย่างสงบในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 ขณะอยู่ระหว่างการเดินสายบรรยายในสหรัฐฯ เธอจากไปในวัย 91 ปี โดยสถาบัน Jane Goodall Institute ได้ประกาศข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย พร้อมยกย่องว่า “การค้นพบของเธอได้พลิกโฉมวิทยาศาสตร์ และการอุทิศตนเพื่อธรรมชาติคือแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก”

    Goodall เริ่มต้นเส้นทางวิทยาศาสตร์โดยไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความหลงใหลในสัตว์และธรรมชาติ เธอเดินทางไปเคนยาในปี 1957 และได้พบกับนักมานุษยวิทยาชื่อดัง Louis Leakey ซึ่งส่งเธอไปศึกษาชิมแปนซีในป่า Gombe ประเทศแทนซาเนีย

    ในปี 1960 เธอค้นพบว่า ชิมแปนซีสามารถใช้และสร้างเครื่องมือได้ เช่น การใช้ใบหญ้าเพื่อจับปลวก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เคยเชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์เท่านั้น การค้นพบนี้ทำให้โลกต้อง “นิยามมนุษย์ใหม่” และเปิดประตูสู่การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในมิติที่ลึกซึ้งขึ้น

    Goodall ยังเป็นผู้บุกเบิกการตั้งชื่อให้กับชิมแปนซีแต่ละตัว เช่น David Greybeard, Flo และ Flint แทนการใช้หมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในยุคนั้น แต่ต่อมากลับกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการวิทยาศาสตร์สัตว์

    เธอพบว่าชิมแปนซีมีอารมณ์ ความรัก ความเศร้า และแม้แต่ความรุนแรงที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ “สงครามสี่ปี” ที่กลุ่มชิมแปนซี Kasakela โจมตีและทำลายกลุ่มเพื่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของ Goodall ต่อธรรมชาติของสัตว์อย่างสิ้นเชิง

    นอกจากงานวิจัย เธอยังเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิสัตว์ โดยก่อตั้ง Jane Goodall Institute ในปี 1977 และโครงการ Roots & Shoots เพื่อส่งเสริมเยาวชนในกว่า 130 ประเทศให้ร่วมอนุรักษ์โลก เธอได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย รวมถึงเหรียญ Presidential Medal of Freedom จากสหรัฐฯ และตำแหน่ง Messenger of Peace จากสหประชาชาติ

    https://www.latimes.com/obituaries/story/2025-10-01/jane-goodall-chimpanzees-dead
    🌿 “Jane Goodall เสียชีวิตในวัย 91 — นักวิทยาศาสตร์ผู้เปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์ต่อสัตว์โลก” Jane Goodall นักธรรมชาติวิทยาและนักอนุรักษ์ชื่อดังระดับโลก ได้เสียชีวิตอย่างสงบในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 ขณะอยู่ระหว่างการเดินสายบรรยายในสหรัฐฯ เธอจากไปในวัย 91 ปี โดยสถาบัน Jane Goodall Institute ได้ประกาศข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย พร้อมยกย่องว่า “การค้นพบของเธอได้พลิกโฉมวิทยาศาสตร์ และการอุทิศตนเพื่อธรรมชาติคือแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก” Goodall เริ่มต้นเส้นทางวิทยาศาสตร์โดยไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความหลงใหลในสัตว์และธรรมชาติ เธอเดินทางไปเคนยาในปี 1957 และได้พบกับนักมานุษยวิทยาชื่อดัง Louis Leakey ซึ่งส่งเธอไปศึกษาชิมแปนซีในป่า Gombe ประเทศแทนซาเนีย ในปี 1960 เธอค้นพบว่า ชิมแปนซีสามารถใช้และสร้างเครื่องมือได้ เช่น การใช้ใบหญ้าเพื่อจับปลวก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เคยเชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์เท่านั้น การค้นพบนี้ทำให้โลกต้อง “นิยามมนุษย์ใหม่” และเปิดประตูสู่การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในมิติที่ลึกซึ้งขึ้น Goodall ยังเป็นผู้บุกเบิกการตั้งชื่อให้กับชิมแปนซีแต่ละตัว เช่น David Greybeard, Flo และ Flint แทนการใช้หมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในยุคนั้น แต่ต่อมากลับกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการวิทยาศาสตร์สัตว์ เธอพบว่าชิมแปนซีมีอารมณ์ ความรัก ความเศร้า และแม้แต่ความรุนแรงที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ “สงครามสี่ปี” ที่กลุ่มชิมแปนซี Kasakela โจมตีและทำลายกลุ่มเพื่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของ Goodall ต่อธรรมชาติของสัตว์อย่างสิ้นเชิง นอกจากงานวิจัย เธอยังเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิสัตว์ โดยก่อตั้ง Jane Goodall Institute ในปี 1977 และโครงการ Roots & Shoots เพื่อส่งเสริมเยาวชนในกว่า 130 ประเทศให้ร่วมอนุรักษ์โลก เธอได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย รวมถึงเหรียญ Presidential Medal of Freedom จากสหรัฐฯ และตำแหน่ง Messenger of Peace จากสหประชาชาติ https://www.latimes.com/obituaries/story/2025-10-01/jane-goodall-chimpanzees-dead
    WWW.LATIMES.COM
    Jane Goodall, trailblazing naturalist whose intimate observations of chimpanzees transformed our understanding of humankind, has died
    Jane Goodall, the trailblazing naturalist whose intimate observations of chimpanzees in the African wild produced powerful insights that transformed basic conceptions of humankind, has died. She was 91.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • “iNapGPU: การทดลองสร้างการ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก กลับกลายเป็นบทเรียนวิศวกรรมที่ทรงคุณค่า”

    Leoneq นักพัฒนาสายฮาร์ดแวร์บน GitHub ได้เปิดตัวโปรเจกต์สุดแหวกแนวชื่อ “iNapGPU” โดยตั้งใจจะสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลกอันดับสอง” ด้วยการใช้วงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่พึ่งพาไมโครคอนโทรลเลอร์หรือ FPGA แม้แต่น้อย เป้าหมายคือการสร้างการ์ดจอแบบ text-mode ที่ใช้งานได้จริง แต่มีข้อจำกัดสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    แม้จะตั้งใจให้แย่ แต่ผลลัพธ์กลับ “ดีเกินคาด” เพราะ iNapGPU สามารถแสดงผลที่ความละเอียด VGA 800x600 ได้จริง (แม้จะเป็น SVGA ที่ลดลงเหลือ 400x300 แบบขาวดำ) โดยใช้วงจรเพียง 21 ชิ้น เช่น NAND gate, counter, EPROM และ SRAM

    Leoneq ใช้ EPROM ขนาด 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit เพื่อเก็บชุดตัวอักษรได้ถึง 4 ชุด ชุดละ 255 ตัวอักษร และใช้สายไฟขนาด 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้การประกอบยุ่งยากมาก แต่ก็ยังสามารถสร้างสัญญาณภาพได้สำเร็จ

    แม้จะไม่มีการควบคุมแบบเต็มรูปแบบ แต่การใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz ก็ช่วยให้ได้ pixel clock ที่สูงขึ้น และสามารถสร้างสัญญาณ HSYNC/VSYNC ได้ครบ แม้จะมี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียงก็ตาม

    Leoneq ยอมรับว่าโปรเจกต์นี้ “น่าเกลียดและเสียเวลามาก” พร้อมแนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากใครคิดจะทำจริง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “แม้การออกแบบที่แย่ที่สุด ก็ยังสามารถทำงานได้ หากเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    iNapGPU เป็นการ์ดจอ text-mode ที่สร้างจากวงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์
    ใช้ EPROM 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit สำหรับเก็บชุดตัวอักษร
    ความละเอียดสูงสุดที่ได้คือ VGA 800x600 @60Hz และใช้งานจริงที่ 400x300 ขาวดำ
    ใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz เพื่อสร้าง pixel clock
    ใช้ NAND gate และ RS flip-flop ในการสร้างสัญญาณ HSYNC และ VSYNC
    ตัวโปรเจกต์ใช้สายไฟ 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้ประกอบยากมาก
    มี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียง แต่ยังสามารถแสดงผลได้
    มีการปล่อยโค้ดสำหรับ Arduino Mega เพื่อทดสอบการ์ดจอ
    Leoneq แนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากต้องการสร้างการ์ดจอ DIY

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ben Eater เคยสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้โปรเจกต์นี้
    TTL (Transistor-Transistor Logic) เป็นเทคโนโลยีวงจรที่ใช้ในยุคก่อน CMOS
    การใช้ EPROM แบบ UV ต้องใช้แสงในการลบข้อมูล และมี read time สูง
    การสร้างการ์ดจอด้วย TTL เป็นการฝึกพื้นฐานการออกแบบสัญญาณภาพ
    FPGA สามารถจำลองวงจร TTL ได้ทั้งหมด แต่มีความยืดหยุ่นและเสถียรกว่า

    https://www.techradar.com/pro/this-hardware-fan-wanted-to-build-the-worlds-worst-graphics-card-with-128kb-rom-but-couldnt-manage-to-drop-to-a-vga-resolution
    🧠💻 “iNapGPU: การทดลองสร้างการ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก กลับกลายเป็นบทเรียนวิศวกรรมที่ทรงคุณค่า” Leoneq นักพัฒนาสายฮาร์ดแวร์บน GitHub ได้เปิดตัวโปรเจกต์สุดแหวกแนวชื่อ “iNapGPU” โดยตั้งใจจะสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลกอันดับสอง” ด้วยการใช้วงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่พึ่งพาไมโครคอนโทรลเลอร์หรือ FPGA แม้แต่น้อย เป้าหมายคือการสร้างการ์ดจอแบบ text-mode ที่ใช้งานได้จริง แต่มีข้อจำกัดสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะตั้งใจให้แย่ แต่ผลลัพธ์กลับ “ดีเกินคาด” เพราะ iNapGPU สามารถแสดงผลที่ความละเอียด VGA 800x600 ได้จริง (แม้จะเป็น SVGA ที่ลดลงเหลือ 400x300 แบบขาวดำ) โดยใช้วงจรเพียง 21 ชิ้น เช่น NAND gate, counter, EPROM และ SRAM Leoneq ใช้ EPROM ขนาด 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit เพื่อเก็บชุดตัวอักษรได้ถึง 4 ชุด ชุดละ 255 ตัวอักษร และใช้สายไฟขนาด 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้การประกอบยุ่งยากมาก แต่ก็ยังสามารถสร้างสัญญาณภาพได้สำเร็จ แม้จะไม่มีการควบคุมแบบเต็มรูปแบบ แต่การใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz ก็ช่วยให้ได้ pixel clock ที่สูงขึ้น และสามารถสร้างสัญญาณ HSYNC/VSYNC ได้ครบ แม้จะมี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียงก็ตาม Leoneq ยอมรับว่าโปรเจกต์นี้ “น่าเกลียดและเสียเวลามาก” พร้อมแนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากใครคิดจะทำจริง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “แม้การออกแบบที่แย่ที่สุด ก็ยังสามารถทำงานได้ หากเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ iNapGPU เป็นการ์ดจอ text-mode ที่สร้างจากวงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ➡️ ใช้ EPROM 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit สำหรับเก็บชุดตัวอักษร ➡️ ความละเอียดสูงสุดที่ได้คือ VGA 800x600 @60Hz และใช้งานจริงที่ 400x300 ขาวดำ ➡️ ใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz เพื่อสร้าง pixel clock ➡️ ใช้ NAND gate และ RS flip-flop ในการสร้างสัญญาณ HSYNC และ VSYNC ➡️ ตัวโปรเจกต์ใช้สายไฟ 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้ประกอบยากมาก ➡️ มี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียง แต่ยังสามารถแสดงผลได้ ➡️ มีการปล่อยโค้ดสำหรับ Arduino Mega เพื่อทดสอบการ์ดจอ ➡️ Leoneq แนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากต้องการสร้างการ์ดจอ DIY ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ben Eater เคยสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้โปรเจกต์นี้ ➡️ TTL (Transistor-Transistor Logic) เป็นเทคโนโลยีวงจรที่ใช้ในยุคก่อน CMOS ➡️ การใช้ EPROM แบบ UV ต้องใช้แสงในการลบข้อมูล และมี read time สูง ➡️ การสร้างการ์ดจอด้วย TTL เป็นการฝึกพื้นฐานการออกแบบสัญญาณภาพ ➡️ FPGA สามารถจำลองวงจร TTL ได้ทั้งหมด แต่มีความยืดหยุ่นและเสถียรกว่า https://www.techradar.com/pro/this-hardware-fan-wanted-to-build-the-worlds-worst-graphics-card-with-128kb-rom-but-couldnt-manage-to-drop-to-a-vga-resolution
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ตอกย้ำความผูกพันกับเยาวชน พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมมหาวิทยาลัย
    https://www.thai-tai.tv/news/21655/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #พี่เอ้ #KMITL #ลาดกระบัง #มหาวิทยาลัย #การเมือง #นักศึกษา #แรงบันดาลใจ
    'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ตอกย้ำความผูกพันกับเยาวชน พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมมหาวิทยาลัย https://www.thai-tai.tv/news/21655/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #พี่เอ้ #KMITL #ลาดกระบัง #มหาวิทยาลัย #การเมือง #นักศึกษา #แรงบันดาลใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส”

    ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash

    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน

    ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
    Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม
    ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ
    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน
    Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน
    ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned
    Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว
    rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์
    Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby
    การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว
    การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส
    Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core
    rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา

    https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    💎 “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส” ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ➡️ Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม ➡️ ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ ➡️ Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน ➡️ Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน ➡️ ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned ➡️ Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว ➡️ rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์ ➡️ Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby ➡️ การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว ➡️ การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส ➡️ Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core ➡️ rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ”

    กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์

    เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว

    ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง

    ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา

    อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI
    พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
    ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ
    ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี
    รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI

    การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย
    เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน
    เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
    การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI
    มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน
    การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ
    การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    🌾 “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ” กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI ➡️ พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ ➡️ ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี ➡️ รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI ✅ การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย ➡️ เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน ➡️ เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ➡️ การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI ➡️ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน ➡️ การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ ➡️ การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • “APT เตรียมเพิ่มคำสั่งดูประวัติการติดตั้งแพ็กเกจ — ยกระดับการจัดการระบบ Linux ให้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น”

    ใครที่เคยใช้ Linux โดยเฉพาะสาย Debian และ Ubuntu คงคุ้นเคยกับคำสั่ง apt สำหรับติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ที่ผ่านมา หากต้องการดูว่าเคยติดตั้งหรือถอดถอนแพ็กเกจอะไรไปบ้าง ต้องใช้คำสั่งระดับล่างอย่าง dpkg ร่วมกับ grep หรือเปิดไฟล์ log ด้วยมือ ซึ่งไม่สะดวกและไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 มีการเสนอฟีเจอร์ใหม่ให้กับ apt โดยเพิ่มคำสั่งย่อยสองตัวคือ apt history-list และ apt history-info เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถดูประวัติการติดตั้ง อัปเกรด หรือถอดถอนแพ็กเกจได้โดยตรงจาก apt โดยไม่ต้องพึ่ง log file หรือคำสั่งซับซ้อนอีกต่อไป

    apt history-list จะใช้แสดงรายการธุรกรรมทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับแพ็กเกจในระบบ

    apt history-info จะใช้ดูรายละเอียดของธุรกรรมแต่ละรายการ เช่น ติดตั้งเมื่อไร มีแพ็กเกจใดเกี่ยวข้องบ้าง

    ฟีเจอร์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากระบบจัดการแพ็กเกจ DNF ของ Fedora ที่มีคำสั่ง dnf history list และ dnf history info มานานแล้ว โดยนักพัฒนาเชื่อว่าการเพิ่มฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การตรวจสอบย้อนหลัง การแก้ไขปัญหา และการทำ auditing ระบบเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงว่า apt เวอร์ชัน 3.0 ที่เพิ่งเปิดตัวก็มีหลายฟีเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก DNF เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนา apt ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    apt เตรียมเพิ่มคำสั่งใหม่ apt history-list และ apt history-info
    ใช้สำหรับดูประวัติการติดตั้ง อัปเกรด และถอดถอนแพ็กเกจในระบบ
    ไม่ต้องพึ่ง dpkg หรือเปิด log file ด้วยมืออีกต่อไป
    ฟีเจอร์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคำสั่ง dnf history ของ Fedora

    ประโยชน์ต่อผู้ดูแลระบบและผู้ใช้
    ช่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายขึ้น เช่น “ติดตั้งแพ็กเกจนี้เมื่อไร”
    ลดความซับซ้อนในการแก้ไขปัญหาและการ audit ระบบ
    เพิ่มความสะดวกในการทำงาน DevOps และการจัดการเซิร์ฟเวอร์
    apt เวอร์ชันใหม่มีแนวโน้มพัฒนาให้ทันสมัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DNF ของ Fedora มีระบบ history มานาน และได้รับความนิยมในกลุ่ม sysadmin
    Debian และ Ubuntu ใช้ apt เป็นระบบหลักในการจัดการแพ็กเกจ
    log ของ apt เดิมอยู่ใน /var/log/apt/history.log ซึ่งต้องเปิดอ่านด้วยมือ
    apt history จะช่วยให้การทำ snapshot และ rollback ระบบง่ายขึ้นในอนาคต

    https://news.itsfoss.com/apt-upcoming-history-features/
    📜 “APT เตรียมเพิ่มคำสั่งดูประวัติการติดตั้งแพ็กเกจ — ยกระดับการจัดการระบบ Linux ให้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น” ใครที่เคยใช้ Linux โดยเฉพาะสาย Debian และ Ubuntu คงคุ้นเคยกับคำสั่ง apt สำหรับติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ที่ผ่านมา หากต้องการดูว่าเคยติดตั้งหรือถอดถอนแพ็กเกจอะไรไปบ้าง ต้องใช้คำสั่งระดับล่างอย่าง dpkg ร่วมกับ grep หรือเปิดไฟล์ log ด้วยมือ ซึ่งไม่สะดวกและไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 มีการเสนอฟีเจอร์ใหม่ให้กับ apt โดยเพิ่มคำสั่งย่อยสองตัวคือ apt history-list และ apt history-info เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถดูประวัติการติดตั้ง อัปเกรด หรือถอดถอนแพ็กเกจได้โดยตรงจาก apt โดยไม่ต้องพึ่ง log file หรือคำสั่งซับซ้อนอีกต่อไป 🗝️ apt history-list จะใช้แสดงรายการธุรกรรมทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับแพ็กเกจในระบบ 🗝️ apt history-info จะใช้ดูรายละเอียดของธุรกรรมแต่ละรายการ เช่น ติดตั้งเมื่อไร มีแพ็กเกจใดเกี่ยวข้องบ้าง ฟีเจอร์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากระบบจัดการแพ็กเกจ DNF ของ Fedora ที่มีคำสั่ง dnf history list และ dnf history info มานานแล้ว โดยนักพัฒนาเชื่อว่าการเพิ่มฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การตรวจสอบย้อนหลัง การแก้ไขปัญหา และการทำ auditing ระบบเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงว่า apt เวอร์ชัน 3.0 ที่เพิ่งเปิดตัวก็มีหลายฟีเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก DNF เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนา apt ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ apt เตรียมเพิ่มคำสั่งใหม่ apt history-list และ apt history-info ➡️ ใช้สำหรับดูประวัติการติดตั้ง อัปเกรด และถอดถอนแพ็กเกจในระบบ ➡️ ไม่ต้องพึ่ง dpkg หรือเปิด log file ด้วยมืออีกต่อไป ➡️ ฟีเจอร์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคำสั่ง dnf history ของ Fedora ✅ ประโยชน์ต่อผู้ดูแลระบบและผู้ใช้ ➡️ ช่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายขึ้น เช่น “ติดตั้งแพ็กเกจนี้เมื่อไร” ➡️ ลดความซับซ้อนในการแก้ไขปัญหาและการ audit ระบบ ➡️ เพิ่มความสะดวกในการทำงาน DevOps และการจัดการเซิร์ฟเวอร์ ➡️ apt เวอร์ชันใหม่มีแนวโน้มพัฒนาให้ทันสมัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DNF ของ Fedora มีระบบ history มานาน และได้รับความนิยมในกลุ่ม sysadmin ➡️ Debian และ Ubuntu ใช้ apt เป็นระบบหลักในการจัดการแพ็กเกจ ➡️ log ของ apt เดิมอยู่ใน /var/log/apt/history.log ซึ่งต้องเปิดอ่านด้วยมือ ➡️ apt history จะช่วยให้การทำ snapshot และ rollback ระบบง่ายขึ้นในอนาคต https://news.itsfoss.com/apt-upcoming-history-features/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Apt Command is Finally Getting the Much Needed History Features
    In the upcoming versions of apt, you'll be able to see the history of package transactions and get details on them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เซลล์เชื้อเพลิงเซรามิกพิมพ์สามมิติจาก DTU — เบา ทน และผลิตพลังงานได้มากกว่าหนึ่งวัตต์ต่อกรัม พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบิน”

    ทีมนักวิจัยจาก Technical University of Denmark (DTU) ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่อาจเปลี่ยนอนาคตของเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับการบิน ด้วยการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติจากวัสดุเซรามิกทั้งหมด

    จุดเด่นของเซลล์เชื้อเพลิงนี้คือโครงสร้างแบบ “gyroid” ซึ่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า triply periodic minimal surface (TPMS) มีคุณสมบัติด้านการกระจายความร้อนดีเยี่ยม พื้นที่ผิวสูง และน้ำหนักเบา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ปะการังและปีกผีเสื้อ

    ต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้โลหะเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งคิดเป็นกว่า 75% ของน้ำหนักทั้งหมด เซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ของ DTU ใช้เซรามิกล้วน ทำให้เบากว่า ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถผลิตพลังงานได้มากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเป็นอัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน

    นอกจากนี้ “The Monolith” ยังสามารถสลับโหมดการทำงานระหว่างการผลิตพลังงานและการเก็บพลังงาน (electrolysis mode) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในโหมด electrolysis สามารถผลิตไฮโดรเจนได้มากกว่ามาตรฐานถึง 10 เท่า

    การผลิตด้วยการพิมพ์สามมิติยังช่วยลดขั้นตอนการประกอบ ลดจำนวนชิ้นส่วน และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมโครงสร้างภายใน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถปรับแต่งการออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DTU พัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ชื่อ “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith”
    ใช้โครงสร้าง gyroid ซึ่งเป็น TPMS เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวและลดน้ำหนัก
    ผลิตจากเซรามิกทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบโลหะ
    ให้พลังงานมากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน

    คุณสมบัติเด่นของเซลล์เชื้อเพลิง
    ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 100°C และสลับโหมดการทำงานได้ระหว่างผลิตและเก็บพลังงาน
    โหมด electrolysis เพิ่มอัตราการผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 10 เท่า
    โครงสร้าง gyroid ช่วยกระจายความร้อนและไหลเวียนก๊าซได้ดี
    การพิมพ์สามมิติช่วยลดขั้นตอนการผลิตและต้นทุน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TPMS ถูกใช้ในงานวิศวกรรม เช่น heat exchanger และวัสดุโครงสร้างเบา
    เซลล์เชื้อเพลิงแบบ solid oxide (SOC) ถูกใช้ในโรงพยาบาล เรือ และระบบพลังงานหมุนเวียน
    การใช้เซรามิกแทนโลหะช่วยลดปัญหาการกัดกร่อนและเพิ่มอายุการใช้งาน
    DTU เป็นหนึ่งในสถาบันที่มีผลงานวิจัยด้านพลังงานสะอาดระดับแนวหน้าในยุโรป

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/researchers-3d-print-lightweight-ceramic-fuel-cell-suggests-alternative-power-source-for-the-aerospace-industry
    🔬 “เซลล์เชื้อเพลิงเซรามิกพิมพ์สามมิติจาก DTU — เบา ทน และผลิตพลังงานได้มากกว่าหนึ่งวัตต์ต่อกรัม พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบิน” ทีมนักวิจัยจาก Technical University of Denmark (DTU) ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่อาจเปลี่ยนอนาคตของเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับการบิน ด้วยการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติจากวัสดุเซรามิกทั้งหมด จุดเด่นของเซลล์เชื้อเพลิงนี้คือโครงสร้างแบบ “gyroid” ซึ่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า triply periodic minimal surface (TPMS) มีคุณสมบัติด้านการกระจายความร้อนดีเยี่ยม พื้นที่ผิวสูง และน้ำหนักเบา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ปะการังและปีกผีเสื้อ ต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้โลหะเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งคิดเป็นกว่า 75% ของน้ำหนักทั้งหมด เซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ของ DTU ใช้เซรามิกล้วน ทำให้เบากว่า ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถผลิตพลังงานได้มากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเป็นอัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ “The Monolith” ยังสามารถสลับโหมดการทำงานระหว่างการผลิตพลังงานและการเก็บพลังงาน (electrolysis mode) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในโหมด electrolysis สามารถผลิตไฮโดรเจนได้มากกว่ามาตรฐานถึง 10 เท่า การผลิตด้วยการพิมพ์สามมิติยังช่วยลดขั้นตอนการประกอบ ลดจำนวนชิ้นส่วน และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมโครงสร้างภายใน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถปรับแต่งการออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DTU พัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ชื่อ “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ➡️ ใช้โครงสร้าง gyroid ซึ่งเป็น TPMS เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวและลดน้ำหนัก ➡️ ผลิตจากเซรามิกทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบโลหะ ➡️ ให้พลังงานมากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน ✅ คุณสมบัติเด่นของเซลล์เชื้อเพลิง ➡️ ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 100°C และสลับโหมดการทำงานได้ระหว่างผลิตและเก็บพลังงาน ➡️ โหมด electrolysis เพิ่มอัตราการผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 10 เท่า ➡️ โครงสร้าง gyroid ช่วยกระจายความร้อนและไหลเวียนก๊าซได้ดี ➡️ การพิมพ์สามมิติช่วยลดขั้นตอนการผลิตและต้นทุน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TPMS ถูกใช้ในงานวิศวกรรม เช่น heat exchanger และวัสดุโครงสร้างเบา ➡️ เซลล์เชื้อเพลิงแบบ solid oxide (SOC) ถูกใช้ในโรงพยาบาล เรือ และระบบพลังงานหมุนเวียน ➡️ การใช้เซรามิกแทนโลหะช่วยลดปัญหาการกัดกร่อนและเพิ่มอายุการใช้งาน ➡️ DTU เป็นหนึ่งในสถาบันที่มีผลงานวิจัยด้านพลังงานสะอาดระดับแนวหน้าในยุโรป https://www.tomshardware.com/3d-printing/researchers-3d-print-lightweight-ceramic-fuel-cell-suggests-alternative-power-source-for-the-aerospace-industry
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด”

    หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม

    ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ

    ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย

    แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์
    ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO
    ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า
    ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก

    จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
    เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม
    Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส
    ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม
    ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร
    ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
    บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร
    การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    🌍 “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด” หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์ ➡️ ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO ➡️ ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า ➡️ ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก ✅ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ ➡️ เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม ➡️ Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส ➡️ ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม ➡️ ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร ➡️ ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ➡️ บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร ➡️ การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    WWW.THESTAR.COM.MY
    NASA scientist starts food crisis hotline with tech giant funding
    Right after Russia's full-scale invasion of Ukraine, crop scientist Inbal Becker-Reshef got a letter from officials in Kyiv. They wanted to figure out how much wheat and other grains were lost to Vladimir Putin's occupying forces.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 รถต้นแบบสุดล้ำจาก Honda ที่ไม่เคยได้ผลิตจริง — เมื่อจินตนาการล้ำหน้าเกินกว่าความเป็นจริงจะตามทัน”

    Honda เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ไม่เคยหยุดฝัน โดยเฉพาะในโลกของ “รถต้นแบบ” หรือ Concept Cars ที่มักถูกสร้างขึ้นเพื่อโชว์วิสัยทัศน์แห่งอนาคต แม้หลายรุ่นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์จริง เช่น Honda Urban EV แต่ก็มีอีกหลายคันที่ยังคงอยู่แค่บนเวทีโชว์และในความทรงจำของแฟน ๆ เท่านั้น

    บทความนี้พาเราย้อนดู 5 รถต้นแบบจาก Honda ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และแนวคิด แต่ไม่เคยได้ผลิตจริง:

    1️⃣ Honda Spocket (1999) — รถลูกผสมระหว่างสปอร์ต, พิคอัพ และเปิดประทุน ที่สามารถเปลี่ยนจาก 4 ที่นั่งเป็น 2 ที่นั่งได้ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฮบริด และกล้องแทนกระจกข้าง พร้อม HUD บนกระจกหน้า

    2️⃣ Honda Puyo (2007) — รถที่ออกแบบด้วยแนวคิด “ความนุ่มนวล” ตัวถังเรืองแสงทำจากวัสดุเจลนุ่มเพื่อความปลอดภัยและความเป็นมิตร ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และควบคุมด้วยจอยสติ๊กแทนพวงมาลัย

    3️⃣ Honda Kiwami (2003) — ซีดานพลังงานไฮโดรเจนที่ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากสวนญี่ปุ่น ใช้โครงสร้างแบบ skateboard chassis เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใน พร้อมระบบ ultracapacitor และเซลล์เชื้อเพลิง

    4️⃣ Honda Project 2&4 (2015) — รถแข่งขนาดเล็กที่ผสมผสาน DNA ของมอเตอร์ไซค์และรถ F1 ใช้เครื่องยนต์ V4 จาก RC213V ให้แรงม้ากว่า 212 ตัว แต่มีที่นั่งแบบ “ลอยตัว” ซึ่งอาจไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย

    5️⃣ Honda Fuya-Jo (1999) — รถสำหรับสายปาร์ตี้โดยเฉพาะ ออกแบบให้สามารถยืน เต้น และเล่นดนตรีได้ภายใน มีเบาะแบบเก้าอี้สูงและแดชบอร์ดที่เหมือนโต๊ะมิกซ์ของดีเจ

    แม้รถเหล่านี้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่ก็สะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าทดลอง และความตั้งใจของ Honda ที่จะผลักดันขอบเขตของการออกแบบและเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวไปข้างหน้า

    รถต้นแบบมักไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ที่นั่งลอยตัวของ Project 2&4
    วัสดุเจลของ Puyo อาจไม่เหมาะกับการผลิตจริงและมีปัญหาเรื่องความทนทาน
    ระบบพลังงานไฮโดรเจนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติมเชื้อเพลิง
    รถที่ออกแบบเพื่อความบันเทิง เช่น Fuya-Jo อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงบนถนน
    ต้นทุนการผลิตและความต้องการตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รถเหล่านี้ไม่ถูกผลิต

    https://www.slashgear.com/1422341/futuristic-honda-concept-cars-never-made-production/
    🚗 “5 รถต้นแบบสุดล้ำจาก Honda ที่ไม่เคยได้ผลิตจริง — เมื่อจินตนาการล้ำหน้าเกินกว่าความเป็นจริงจะตามทัน” Honda เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ไม่เคยหยุดฝัน โดยเฉพาะในโลกของ “รถต้นแบบ” หรือ Concept Cars ที่มักถูกสร้างขึ้นเพื่อโชว์วิสัยทัศน์แห่งอนาคต แม้หลายรุ่นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์จริง เช่น Honda Urban EV แต่ก็มีอีกหลายคันที่ยังคงอยู่แค่บนเวทีโชว์และในความทรงจำของแฟน ๆ เท่านั้น บทความนี้พาเราย้อนดู 5 รถต้นแบบจาก Honda ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และแนวคิด แต่ไม่เคยได้ผลิตจริง: 1️⃣ Honda Spocket (1999) — รถลูกผสมระหว่างสปอร์ต, พิคอัพ และเปิดประทุน ที่สามารถเปลี่ยนจาก 4 ที่นั่งเป็น 2 ที่นั่งได้ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฮบริด และกล้องแทนกระจกข้าง พร้อม HUD บนกระจกหน้า 2️⃣ Honda Puyo (2007) — รถที่ออกแบบด้วยแนวคิด “ความนุ่มนวล” ตัวถังเรืองแสงทำจากวัสดุเจลนุ่มเพื่อความปลอดภัยและความเป็นมิตร ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และควบคุมด้วยจอยสติ๊กแทนพวงมาลัย 3️⃣ Honda Kiwami (2003) — ซีดานพลังงานไฮโดรเจนที่ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากสวนญี่ปุ่น ใช้โครงสร้างแบบ skateboard chassis เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใน พร้อมระบบ ultracapacitor และเซลล์เชื้อเพลิง 4️⃣ Honda Project 2&4 (2015) — รถแข่งขนาดเล็กที่ผสมผสาน DNA ของมอเตอร์ไซค์และรถ F1 ใช้เครื่องยนต์ V4 จาก RC213V ให้แรงม้ากว่า 212 ตัว แต่มีที่นั่งแบบ “ลอยตัว” ซึ่งอาจไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย 5️⃣ Honda Fuya-Jo (1999) — รถสำหรับสายปาร์ตี้โดยเฉพาะ ออกแบบให้สามารถยืน เต้น และเล่นดนตรีได้ภายใน มีเบาะแบบเก้าอี้สูงและแดชบอร์ดที่เหมือนโต๊ะมิกซ์ของดีเจ แม้รถเหล่านี้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่ก็สะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าทดลอง และความตั้งใจของ Honda ที่จะผลักดันขอบเขตของการออกแบบและเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวไปข้างหน้า ⛔ รถต้นแบบมักไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ที่นั่งลอยตัวของ Project 2&4 ⛔ วัสดุเจลของ Puyo อาจไม่เหมาะกับการผลิตจริงและมีปัญหาเรื่องความทนทาน ⛔ ระบบพลังงานไฮโดรเจนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติมเชื้อเพลิง ⛔ รถที่ออกแบบเพื่อความบันเทิง เช่น Fuya-Jo อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงบนถนน ⛔ ต้นทุนการผลิตและความต้องการตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รถเหล่านี้ไม่ถูกผลิต https://www.slashgear.com/1422341/futuristic-honda-concept-cars-never-made-production/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Futuristic Honda Concept Cars That Never Made Production - SlashGear
    While some Honda concept cars have made their way into production, others haven't gone beyond showcase floors. These five were the most futuristic.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++

    skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX

    ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม

    แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS

    นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด

    แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS
    สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ
    ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux
    เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด

    สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก
    ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล
    มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน
    มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม

    แอปและระบบพื้นฐาน
    มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator
    มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ
    รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V

    ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป
    ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX
    ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia
    มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด

    ชุมชนและการมีส่วนร่วม
    เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub
    มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky
    ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS

    ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง
    skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
    อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์

    ความเปราะบางของ ecosystem
    ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows
    ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

    ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว
    เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา
    อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว

    https://skiftos.org/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++ skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด ✅ แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS ➡️ สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ ➡️ ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux ➡️ เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด ✅ สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก ➡️ ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล ➡️ มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน ➡️ มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม ✅ แอปและระบบพื้นฐาน ➡️ มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator ➡️ มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ ➡️ รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V ✅ ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป ➡️ ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX ➡️ ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ➡️ มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ✅ ชุมชนและการมีส่วนร่วม ➡️ เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub ➡️ มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง ⛔ skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ⛔ อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ ‼️ ความเปราะบางของ ecosystem ⛔ ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows ⛔ ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ‼️ ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว ⛔ เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา ⛔ อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว https://skiftos.org/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DOOMQL: เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — เมื่อฐานข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสร้างโลก 3D”

    ใครจะคิดว่า SQL ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้จัดการฐานข้อมูล จะสามารถใช้สร้างเกมยิงแบบ DOOM ได้ ล่าสุด Lukas Vogel นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง CedarDB ได้สร้างเกมชื่อ “DOOMQL” ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย “pure SQL” ทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนระหว่างการลาคลอด

    DOOMQL ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตจากผู้เล่นและแสดงภาพ ส่วนการประมวลผลทั้งหมด — ตั้งแต่การเรนเดอร์ภาพ 3D, การเคลื่อนไหวของศัตรู, ไปจนถึงการจัดการสถานะเกม — ถูกเขียนด้วย SQL ล้วน ๆ บนฐานข้อมูล CedarDB ซึ่งทำให้เกมสามารถรันได้ที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล

    ความพิเศษของ DOOMQL คือการใช้ฐานข้อมูลเป็น “เซิร์ฟเวอร์เกม” โดยอาศัยคุณสมบัติของ SQL เช่น transaction isolation เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนเห็นสถานะเกมที่สอดคล้องกัน แม้จะมีผู้เล่นหลายคนพร้อมกัน และยังสามารถ “โกง” ได้โดยการส่งคำสั่ง SQL ตรงเข้าไปในฐานข้อมูล

    Vogel ได้แรงบันดาลใจจากโปรเจกต์ DuckDB-DOOM ซึ่งใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript ในการเรนเดอร์ภาพ แต่เขามองว่าการใช้ JavaScript เป็น “การโกง” และต้องการพิสูจน์ว่า SQL เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างเกมได้จริง แม้จะยอมรับว่า “มันอาจจะเป็นไอเดียที่แย่” ในแง่ของการดูแลรักษาและดีบัก

    จุดเด่นของ DOOMQL
    เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — ไม่มี JavaScript หรือ engine ภายนอก
    ใช้ CedarDB เป็นฐานข้อมูลหลักในการจัดการสถานะและเรนเดอร์ภาพ
    รันที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล — เร็วกว่ารุ่น DuckDB ที่รันได้เพียง 8 FPS
    ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตและแสดงภาพ

    สถาปัตยกรรมของเกม
    ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในตาราง SQL เช่น map, players, mobs, inputs, sprites
    การเรนเดอร์ใช้ stack ของ SQL views ที่ทำ raycasting และ sprite projection
    game loop เป็น shell script ที่รัน SQL file ประมาณ 30 ครั้งต่อวินาที
    ผู้เล่นสามารถส่งคำสั่ง SQL เพื่อเปลี่ยนสถานะเกมหรือ “โกง” ได้โดยตรง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DuckDB-DOOM เป็นโปรเจกต์ก่อนหน้า ที่ใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript และ WebAssembly
    DOOMQL ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักวิจัยด้านฐานข้อมูล
    CedarDB เป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงในการ query แบบ real-time
    Vogel วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ เช่น power-ups, อาวุธหลายแบบ, AI ฝ่ายตรงข้าม และระบบ sprite ที่ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-multiplayer-tribute-gets-coded-in-pure-sql-and-runs-at-30fps-made-from-just-150-lines-of-code-in-less-than-a-month
    🧠 “DOOMQL: เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — เมื่อฐานข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสร้างโลก 3D” ใครจะคิดว่า SQL ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้จัดการฐานข้อมูล จะสามารถใช้สร้างเกมยิงแบบ DOOM ได้ ล่าสุด Lukas Vogel นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง CedarDB ได้สร้างเกมชื่อ “DOOMQL” ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย “pure SQL” ทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนระหว่างการลาคลอด DOOMQL ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตจากผู้เล่นและแสดงภาพ ส่วนการประมวลผลทั้งหมด — ตั้งแต่การเรนเดอร์ภาพ 3D, การเคลื่อนไหวของศัตรู, ไปจนถึงการจัดการสถานะเกม — ถูกเขียนด้วย SQL ล้วน ๆ บนฐานข้อมูล CedarDB ซึ่งทำให้เกมสามารถรันได้ที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล ความพิเศษของ DOOMQL คือการใช้ฐานข้อมูลเป็น “เซิร์ฟเวอร์เกม” โดยอาศัยคุณสมบัติของ SQL เช่น transaction isolation เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนเห็นสถานะเกมที่สอดคล้องกัน แม้จะมีผู้เล่นหลายคนพร้อมกัน และยังสามารถ “โกง” ได้โดยการส่งคำสั่ง SQL ตรงเข้าไปในฐานข้อมูล Vogel ได้แรงบันดาลใจจากโปรเจกต์ DuckDB-DOOM ซึ่งใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript ในการเรนเดอร์ภาพ แต่เขามองว่าการใช้ JavaScript เป็น “การโกง” และต้องการพิสูจน์ว่า SQL เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างเกมได้จริง แม้จะยอมรับว่า “มันอาจจะเป็นไอเดียที่แย่” ในแง่ของการดูแลรักษาและดีบัก ✅ จุดเด่นของ DOOMQL ➡️ เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — ไม่มี JavaScript หรือ engine ภายนอก ➡️ ใช้ CedarDB เป็นฐานข้อมูลหลักในการจัดการสถานะและเรนเดอร์ภาพ ➡️ รันที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล — เร็วกว่ารุ่น DuckDB ที่รันได้เพียง 8 FPS ➡️ ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตและแสดงภาพ ✅ สถาปัตยกรรมของเกม ➡️ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในตาราง SQL เช่น map, players, mobs, inputs, sprites ➡️ การเรนเดอร์ใช้ stack ของ SQL views ที่ทำ raycasting และ sprite projection ➡️ game loop เป็น shell script ที่รัน SQL file ประมาณ 30 ครั้งต่อวินาที ➡️ ผู้เล่นสามารถส่งคำสั่ง SQL เพื่อเปลี่ยนสถานะเกมหรือ “โกง” ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DuckDB-DOOM เป็นโปรเจกต์ก่อนหน้า ที่ใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript และ WebAssembly ➡️ DOOMQL ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักวิจัยด้านฐานข้อมูล ➡️ CedarDB เป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงในการ query แบบ real-time ➡️ Vogel วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ เช่น power-ups, อาวุธหลายแบบ, AI ฝ่ายตรงข้าม และระบบ sprite ที่ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-multiplayer-tribute-gets-coded-in-pure-sql-and-runs-at-30fps-made-from-just-150-lines-of-code-in-less-than-a-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Doomscrolling: The Game — เมื่อการเลื่อนหน้าจอกลายเป็นเกมที่ทั้งเสียดสีและเสพติด”

    David Friedman นักเขียนจาก Ironic Sans ได้สร้างเกมที่ไม่เหมือนใครในชื่อว่า “Doomscrolling: The Game” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมของผู้คนที่เลื่อนฟีดข่าวอย่างไม่หยุดยั้งจนรู้สึกหดหู่ หรือที่เรียกว่า doomscrolling โดยเขาตั้งคำถามว่า “ถ้า Doom เป็นเกมที่เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น จะเป็นอย่างไร?” และคำตอบก็คือเกมนี้ — ที่คุณไม่ต้องกระโดด ไม่ต้องเคลื่อนที่ด้านข้าง แค่เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ

    เกมนี้เริ่มต้นจากความล้มเหลว เพราะ GPT-4 ไม่สามารถเข้าใจแนวคิด “เลื่อนลง = พื้นหลังเลื่อนขึ้น” ได้เลย แต่เมื่อ GPT-5 เปิดตัว Friedman กลับมาลองใหม่ และสามารถสร้างต้นแบบเกมได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยใช้ vibe coding และการทดลองผ่าน “lab pages” ที่ให้เขาปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น สีพื้นหลัง, รูปแบบใยแมงมุม, หรือดีไซน์แผ่นป้ายข่าว

    ตัวเกมมีระบบที่กระตุ้นให้ผู้เล่นเคลื่อนไหว เช่น อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า, กำแพงไฟที่ไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป, และสิ่งกีดขวางอย่างใยแมงมุมหรือกำแพงอิฐ นอกจากนี้ยังมี “แผ่นป้ายข่าว” ที่แสดงพาดหัวข่าวจริงจาก RSS ของ New York Times เพื่อสร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง — อ่านแล้วหดหู่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนต่อ

    แม้ Friedman จะไม่ใช่นักพัฒนาเกมมืออาชีพ แต่เขาใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างเกมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และเปิดให้เล่นฟรีทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป โดยสามารถบันทึกเกมไว้ในหน้าจอหลักให้เหมือนแอปจริงได้

    จุดเด่นของ Doomscrolling: The Game
    เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น — ไม่มีการเคลื่อนที่ด้านข้างหรือกระโดด
    ได้แรงบันดาลใจจากเกม Doom และพฤติกรรม doomscrolling
    ใช้ GPT-5 ในการสร้างต้นแบบเกมภายในเวลาอันสั้น
    ใช้ vibe coding และ lab pages เพื่อปรับแต่งองค์ประกอบเกม

    ระบบเกมที่กระตุ้นให้เคลื่อนไหว
    อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า
    กำแพงไฟไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป
    มีสิ่งกีดขวาง เช่น ใยแมงมุมและกำแพงอิฐ
    มี health potion และระบบบันทึกระยะทางที่ทำได้

    การผสานข่าวจริงเข้ากับเกม
    ใช้ RSS feed จาก New York Times แสดงพาดหัวข่าวบนแผ่นป้าย
    ข่าวไม่มีผลต่อเกม แต่สร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง
    ผู้เล่นอาจถูกดึงดูดให้หยุดอ่านข่าวระหว่างเล่น
    เป็นการเสียดสีพฤติกรรมเสพข่าวที่ไม่มีวันจบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมนี้เป็นตัวอย่างของ “vibe-coded” project ที่ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์
    Friedman ใช้ lab pages เพื่อปรับค่ากราฟิก เช่น ใยแมงมุมและแผ่นป้าย
    เกมสามารถเล่นได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อปอย่างลื่นไหล
    มีผู้เล่นบางรายรายงานปัญหาเรื่องการเลื่อนหน้าจอบนบางเบราว์เซอร์

    https://ironicsans.ghost.io/doomscrolling-the-game/
    🕹️ “Doomscrolling: The Game — เมื่อการเลื่อนหน้าจอกลายเป็นเกมที่ทั้งเสียดสีและเสพติด” David Friedman นักเขียนจาก Ironic Sans ได้สร้างเกมที่ไม่เหมือนใครในชื่อว่า “Doomscrolling: The Game” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมของผู้คนที่เลื่อนฟีดข่าวอย่างไม่หยุดยั้งจนรู้สึกหดหู่ หรือที่เรียกว่า doomscrolling โดยเขาตั้งคำถามว่า “ถ้า Doom เป็นเกมที่เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น จะเป็นอย่างไร?” และคำตอบก็คือเกมนี้ — ที่คุณไม่ต้องกระโดด ไม่ต้องเคลื่อนที่ด้านข้าง แค่เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ เกมนี้เริ่มต้นจากความล้มเหลว เพราะ GPT-4 ไม่สามารถเข้าใจแนวคิด “เลื่อนลง = พื้นหลังเลื่อนขึ้น” ได้เลย แต่เมื่อ GPT-5 เปิดตัว Friedman กลับมาลองใหม่ และสามารถสร้างต้นแบบเกมได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยใช้ vibe coding และการทดลองผ่าน “lab pages” ที่ให้เขาปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น สีพื้นหลัง, รูปแบบใยแมงมุม, หรือดีไซน์แผ่นป้ายข่าว ตัวเกมมีระบบที่กระตุ้นให้ผู้เล่นเคลื่อนไหว เช่น อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า, กำแพงไฟที่ไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป, และสิ่งกีดขวางอย่างใยแมงมุมหรือกำแพงอิฐ นอกจากนี้ยังมี “แผ่นป้ายข่าว” ที่แสดงพาดหัวข่าวจริงจาก RSS ของ New York Times เพื่อสร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง — อ่านแล้วหดหู่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนต่อ แม้ Friedman จะไม่ใช่นักพัฒนาเกมมืออาชีพ แต่เขาใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างเกมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และเปิดให้เล่นฟรีทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป โดยสามารถบันทึกเกมไว้ในหน้าจอหลักให้เหมือนแอปจริงได้ ✅ จุดเด่นของ Doomscrolling: The Game ➡️ เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น — ไม่มีการเคลื่อนที่ด้านข้างหรือกระโดด ➡️ ได้แรงบันดาลใจจากเกม Doom และพฤติกรรม doomscrolling ➡️ ใช้ GPT-5 ในการสร้างต้นแบบเกมภายในเวลาอันสั้น ➡️ ใช้ vibe coding และ lab pages เพื่อปรับแต่งองค์ประกอบเกม ✅ ระบบเกมที่กระตุ้นให้เคลื่อนไหว ➡️ อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า ➡️ กำแพงไฟไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป ➡️ มีสิ่งกีดขวาง เช่น ใยแมงมุมและกำแพงอิฐ ➡️ มี health potion และระบบบันทึกระยะทางที่ทำได้ ✅ การผสานข่าวจริงเข้ากับเกม ➡️ ใช้ RSS feed จาก New York Times แสดงพาดหัวข่าวบนแผ่นป้าย ➡️ ข่าวไม่มีผลต่อเกม แต่สร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง ➡️ ผู้เล่นอาจถูกดึงดูดให้หยุดอ่านข่าวระหว่างเล่น ➡️ เป็นการเสียดสีพฤติกรรมเสพข่าวที่ไม่มีวันจบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมนี้เป็นตัวอย่างของ “vibe-coded” project ที่ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ ➡️ Friedman ใช้ lab pages เพื่อปรับค่ากราฟิก เช่น ใยแมงมุมและแผ่นป้าย ➡️ เกมสามารถเล่นได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อปอย่างลื่นไหล ➡️ มีผู้เล่นบางรายรายงานปัญหาเรื่องการเลื่อนหน้าจอบนบางเบราว์เซอร์ https://ironicsans.ghost.io/doomscrolling-the-game/
    IRONICSANS.GHOST.IO
    Doomscrolling: The Game
    Can a game work where all you do is scroll?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มเปิดใจ จากเด็กวัดสู่อินฟลูฯ สำเร็จได้เพราะ..?? (8/9/68)
    #แรงบันดาลใจ
    #influencerไทย
    #เด็กวัดสู่ความสำเร็จ
    #เรื่องราวดีๆ
    #สร้างแรงบันดาลใจ
    #ชีวิตจริง
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    #ข่าววันนี้
    หนุ่มเปิดใจ จากเด็กวัดสู่อินฟลูฯ สำเร็จได้เพราะ..?? (8/9/68) #แรงบันดาลใจ #influencerไทย #เด็กวัดสู่ความสำเร็จ #เรื่องราวดีๆ #สร้างแรงบันดาลใจ #ชีวิตจริง #thaitimes #news1 #shorts #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Shark Tank ถึง ChatGPT: เมื่อการไม่เรียนรู้ AI กลายเป็นการเดินออกจากอนาคตด้วยตัวเอง

    Emma Grede ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Skims และนักลงทุนใน Shark Tank เคยใช้ AI แบบเบา ๆ แค่แทน Google Search ด้วย ChatGPT จนกระทั่งเธอเชิญ Mark Cuban มาคุยในพอดแคสต์ของเธอ และได้คำตอบสั้น ๆ แต่แรงมากจากเขาเมื่อถามว่า “ถ้าไม่อยากใช้ AI จะเป็นยังไง?” คำตอบของ Cuban คือ “You’re (expletive)” หรือแปลตรง ๆ ว่า “คุณจบแล้ว”

    Cuban เปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้กับยุคที่คนปฏิเสธการใช้ PC, อินเทอร์เน็ต หรือ Wi-Fi แล้วธุรกิจเหล่านั้นก็ตายไปจริง ๆ เขาย้ำว่า “การเริ่มต้นธุรกิจวันนี้ไม่มีทางแยกจากการใช้ AI ได้อีกแล้ว” และแนะนำให้ทุกคน “ใช้เวลาเยอะมาก ๆ กับการเรียนรู้วิธีถาม AI ให้ถูก”

    หลังจากบทสนทนานั้น Grede เปลี่ยนพฤติกรรมทันที เธอเริ่มค้นหาคอร์สเรียน AI ดาวน์โหลดแอปใหม่ และบอกว่า “เขาเตะฉันให้ลุกขึ้นมาเรียน” ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังหลายคนเริ่มต้นตาม

    Harvard ก็ออกมาสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยระบุว่า “อัตราการใช้งาน AI สูงกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ PC ในช่วงเริ่มต้น” และเสริมว่า “คนที่เข้าใจและใช้ AI ได้ก่อน จะได้ผลตอบแทนมหาศาลในอนาคต”

    แม้จะมีคำเตือนว่า AI อาจเข้าสู่ช่วง “ความผิดหวัง” หรือเกิดฟองสบู่ แต่ข้อมูลเชิงสถิติก็ชี้ว่า AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีฐานรากของทุกอุตสาหกรรม และการไม่เรียนรู้มันคือการเดินออกจากโอกาสโดยไม่รู้ตัว

    คำแนะนำจาก Mark Cuban
    “The first thing you have to do is learn AI”
    ต้องใช้เวลาเยอะมากในการเรียนรู้วิธีถาม AI ให้ถูก
    เปรียบเทียบกับยุคที่คนปฏิเสธการใช้ PC และอินเทอร์เน็ต

    การเปลี่ยนแปลงของ Emma Grede
    เคยใช้ AI แค่แทน Google Search
    หลังคุยกับ Cuban เริ่มค้นหาคอร์สและดาวน์โหลดแอปทันที
    บอกว่า “เขาเตะฉันให้ลุกขึ้นมาเรียน”

    ข้อมูลจาก Harvard
    อัตราการใช้งาน AI สูงกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น
    คนที่เข้าใจและใช้ AI ได้ก่อนจะได้ผลตอบแทนมหาศาล
    เปรียบเทียบว่า AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีฐานรากเหมือน PC

    วิธีเริ่มต้นเรียนรู้ AI
    ทดลองใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT, Gemini, Claude, Perplexity
    ฝึกการตั้งคำถามและการ prompt ให้มีประสิทธิภาพ
    ใช้ AI เป็นเหมือน “ทีมที่ปรึกษา” ในการทำงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/06/billionaire-entrepreneur-has-some-words-for-people-who-dont-want-to-learn-ai
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Shark Tank ถึง ChatGPT: เมื่อการไม่เรียนรู้ AI กลายเป็นการเดินออกจากอนาคตด้วยตัวเอง Emma Grede ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Skims และนักลงทุนใน Shark Tank เคยใช้ AI แบบเบา ๆ แค่แทน Google Search ด้วย ChatGPT จนกระทั่งเธอเชิญ Mark Cuban มาคุยในพอดแคสต์ของเธอ และได้คำตอบสั้น ๆ แต่แรงมากจากเขาเมื่อถามว่า “ถ้าไม่อยากใช้ AI จะเป็นยังไง?” คำตอบของ Cuban คือ “You’re (expletive)” หรือแปลตรง ๆ ว่า “คุณจบแล้ว” Cuban เปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้กับยุคที่คนปฏิเสธการใช้ PC, อินเทอร์เน็ต หรือ Wi-Fi แล้วธุรกิจเหล่านั้นก็ตายไปจริง ๆ เขาย้ำว่า “การเริ่มต้นธุรกิจวันนี้ไม่มีทางแยกจากการใช้ AI ได้อีกแล้ว” และแนะนำให้ทุกคน “ใช้เวลาเยอะมาก ๆ กับการเรียนรู้วิธีถาม AI ให้ถูก” หลังจากบทสนทนานั้น Grede เปลี่ยนพฤติกรรมทันที เธอเริ่มค้นหาคอร์สเรียน AI ดาวน์โหลดแอปใหม่ และบอกว่า “เขาเตะฉันให้ลุกขึ้นมาเรียน” ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังหลายคนเริ่มต้นตาม Harvard ก็ออกมาสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยระบุว่า “อัตราการใช้งาน AI สูงกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ PC ในช่วงเริ่มต้น” และเสริมว่า “คนที่เข้าใจและใช้ AI ได้ก่อน จะได้ผลตอบแทนมหาศาลในอนาคต” แม้จะมีคำเตือนว่า AI อาจเข้าสู่ช่วง “ความผิดหวัง” หรือเกิดฟองสบู่ แต่ข้อมูลเชิงสถิติก็ชี้ว่า AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีฐานรากของทุกอุตสาหกรรม และการไม่เรียนรู้มันคือการเดินออกจากโอกาสโดยไม่รู้ตัว ✅ คำแนะนำจาก Mark Cuban ➡️ “The first thing you have to do is learn AI” ➡️ ต้องใช้เวลาเยอะมากในการเรียนรู้วิธีถาม AI ให้ถูก ➡️ เปรียบเทียบกับยุคที่คนปฏิเสธการใช้ PC และอินเทอร์เน็ต ✅ การเปลี่ยนแปลงของ Emma Grede ➡️ เคยใช้ AI แค่แทน Google Search ➡️ หลังคุยกับ Cuban เริ่มค้นหาคอร์สและดาวน์โหลดแอปทันที ➡️ บอกว่า “เขาเตะฉันให้ลุกขึ้นมาเรียน” ✅ ข้อมูลจาก Harvard ➡️ อัตราการใช้งาน AI สูงกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น ➡️ คนที่เข้าใจและใช้ AI ได้ก่อนจะได้ผลตอบแทนมหาศาล ➡️ เปรียบเทียบว่า AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีฐานรากเหมือน PC ✅ วิธีเริ่มต้นเรียนรู้ AI ➡️ ทดลองใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT, Gemini, Claude, Perplexity ➡️ ฝึกการตั้งคำถามและการ prompt ให้มีประสิทธิภาพ ➡️ ใช้ AI เป็นเหมือน “ทีมที่ปรึกษา” ในการทำงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/06/billionaire-entrepreneur-has-some-words-for-people-who-dont-want-to-learn-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Billionaire entrepreneur has some words for people who don’t want to learn AI
    Mark Cuban has a salty warning for people who are avoiding getting started on learning to use AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Another Day In Paradise": บทเพลงที่เปลี่ยนมุมมอง และการฝึกภาษาอังกฤษของผม

    ช่วงเวลาที่ผมได้เริ่มต้นฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ผมได้เดินทางไปยัง World Trade Center (ปัจจุบันคือ Central World) ในกรุงเทพมหานคร เพื่อตามหาเทปคาสเซ็ตของศิลปินที่ผมชื่นชอบในตอนนั้น นั่นคือ Elton John โดยผมมุ่งหวังที่จะนำเพลงของเขามาเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ แต่แล้วโชคชะตาก็พาให้ผมได้พบกับเทปของศิลปินคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย นั่นคือ Phil Collins และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เทปนั้นไม่ได้มีเพลงของ Elton John อยู่เลย แต่กลับเป็นบทเพลงที่ชื่อว่า "Another Day In Paradise"

    เพลงนี้ได้เปิดโลกทัศน์และมุมมองของผมไปอย่างสิ้นเชิง ผมได้ฟังเพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและรู้สึกประทับใจกับเนื้อหาที่ลึกซึ้ง และท่วงทำนองที่เข้าถึงจิตใจ เนื้อเพลงพูดถึงการมองข้ามผู้คนที่ด้อยโอกาสและเป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมในยุค 80s และยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญจนถึงปัจจุบัน โดย Phil Collins ได้ถ่ายทอดเนื้อหาของเพลงนี้ออกมาได้อย่างทรงพลังและน่าประทับใจ จนทำให้ผมอยากที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาของเพลงให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนภาษาอังกฤษของผมอย่างจริงจัง

    นอกจากเนื้อหาที่ลึกซึ้งแล้ว ความสำเร็จของ "Another Day In Paradise" ยังเป็นที่น่าจับตามอง เพลงนี้ได้รับการปล่อยออกมาในปี 1989 และกลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลก ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ เพลงนี้ยังได้รับรางวัล Grammy Award ในสาขา "Record of the Year" ในปี 1991 ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความโดดเด่นและความสำเร็จของบทเพลงนี้ และเป็นที่มาของความประทับใจและแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาอังกฤษของผม

    แม้ว่าในตอนแรก ผมจะตั้งใจไปหาเทปของ Elton John แต่การที่ผมได้พบกับเทปของ Phil Collins และได้ฟังเพลง "Another Day In Paradise" กลับเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้น เพราะไม่เพียงแต่ผมได้รู้จักเพลงที่ไพเราะและมีความหมายลึกซึ้ง แต่เพลงนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผมฝึกฝนภาษาอังกฤษ และเปิดโลกทัศน์ในด้านดนตรีและวัฒนธรรมตะวันตกอีกด้วย

    ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปหลายปีแล้ว แต่บทเพลง "Another Day In Paradise" ก็ยังคงเป็นเพลงโปรดของผมตลอดกาล และทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ผมจะหวนนึกถึงวันวานที่ผมได้เดินเข้าไปในร้านเทปที่ World Trade Center และได้พบกับบทเพลงที่เปลี่ยนมุมมองและเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกภาษาอังกฤษของผมไปตลอดกาล

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/Qt2mbGP6vFI
    "Another Day In Paradise": บทเพลงที่เปลี่ยนมุมมอง 🎼 และการฝึกภาษาอังกฤษของผม 🗣️ ช่วงเวลาที่ผมได้เริ่มต้นฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ผมได้เดินทางไปยัง World Trade Center (ปัจจุบันคือ Central World) ในกรุงเทพมหานคร 🇹🇭 เพื่อตามหาเทปคาสเซ็ตของศิลปินที่ผมชื่นชอบในตอนนั้น นั่นคือ Elton John 🎶 โดยผมมุ่งหวังที่จะนำเพลงของเขามาเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ แต่แล้วโชคชะตาก็พาให้ผมได้พบกับเทปของศิลปินคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย นั่นคือ Phil Collins 🎤 และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เทปนั้นไม่ได้มีเพลงของ Elton John อยู่เลย แต่กลับเป็นบทเพลงที่ชื่อว่า "Another Day In Paradise" 🏝️ เพลงนี้ได้เปิดโลกทัศน์และมุมมองของผมไปอย่างสิ้นเชิง ผมได้ฟังเพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและรู้สึกประทับใจกับเนื้อหาที่ลึกซึ้ง 💔 และท่วงทำนองที่เข้าถึงจิตใจ 🎵 เนื้อเพลงพูดถึงการมองข้ามผู้คนที่ด้อยโอกาสและเป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมในยุค 80s 🏘️ และยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญจนถึงปัจจุบัน โดย Phil Collins ได้ถ่ายทอดเนื้อหาของเพลงนี้ออกมาได้อย่างทรงพลังและน่าประทับใจ 💪 จนทำให้ผมอยากที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาของเพลงให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนภาษาอังกฤษของผมอย่างจริงจัง 📚 นอกจากเนื้อหาที่ลึกซึ้งแล้ว ความสำเร็จของ "Another Day In Paradise" ยังเป็นที่น่าจับตามอง 🌟 เพลงนี้ได้รับการปล่อยออกมาในปี 1989 และกลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลก 🌍 ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงในหลายประเทศ 🥇 รวมถึงสหรัฐอเมริกา 🇺🇸 และสหราชอาณาจักร 🇬🇧 นอกจากนี้ เพลงนี้ยังได้รับรางวัล Grammy Award 🏆 ในสาขา "Record of the Year" ในปี 1991 ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความโดดเด่นและความสำเร็จของบทเพลงนี้ และเป็นที่มาของความประทับใจและแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาอังกฤษของผม ✨ แม้ว่าในตอนแรก ผมจะตั้งใจไปหาเทปของ Elton John 💿 แต่การที่ผมได้พบกับเทปของ Phil Collins และได้ฟังเพลง "Another Day In Paradise" กลับเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้น 🎉 เพราะไม่เพียงแต่ผมได้รู้จักเพลงที่ไพเราะและมีความหมายลึกซึ้ง 💖 แต่เพลงนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผมฝึกฝนภาษาอังกฤษ 🗣️ และเปิดโลกทัศน์ในด้านดนตรีและวัฒนธรรมตะวันตกอีกด้วย 🎶 ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปหลายปีแล้ว ⏳ แต่บทเพลง "Another Day In Paradise" ก็ยังคงเป็นเพลงโปรดของผมตลอดกาล ❤️ และทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ผมจะหวนนึกถึงวันวานที่ผมได้เดินเข้าไปในร้านเทปที่ World Trade Center 🏢 และได้พบกับบทเพลงที่เปลี่ยนมุมมองและเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกภาษาอังกฤษของผมไปตลอดกาล 🚀 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/Qt2mbGP6vFI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Pegasus ถึง P6300: เมื่อ ASUS ไม่ได้แค่สร้างอุปกรณ์ แต่สร้างแรงบันดาลใจ

    ชื่อ “ASUS” มาจากคำว่า “Pegasus” ม้าเทพปีกทองในตำนานกรีก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสร้างสรรค์ ความบริสุทธิ์ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ผู้ก่อตั้ง ASUS เลือกตัดคำว่า “Peg” ออกเพื่อให้ชื่อแบรนด์อยู่ต้น ๆ ของลิสต์ตัวอักษรในยุคที่การจัดเรียงตามตัวอักษรมีผลต่อการมองเห็นในตลาดเทคโนโลยีช่วงปี 1980s

    ASUS เริ่มต้นในปี 1989 ด้วยเมนบอร์ดสองรุ่นคือ Cache386/33 และ 486/25 ก่อนจะเปิดตัว EISA 486 ในปี 1990 ซึ่งกลายเป็นเมนบอร์ดยอดนิยมระดับโลก และช่วยผลักดันให้ไต้หวันกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต IT

    ในปี 1997 ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊ก P6300 ซึ่งกลายเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ถูกนำขึ้นไปใช้งานในสถานีอวกาศ Mir แม้สเปกจะล้าสมัยในวันนี้ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างชื่อเสียงด้านความทนทานและความน่าเชื่อถือ

    จากนั้น ASUS ก็เดินหน้าสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง—ตั้งแต่โน้ตบุ๊กที่มี TV tuner ในปี 2003, เมนบอร์ดแบบ multi-GPU ในปี 2004, โน้ตบุ๊กที่มีกล้องหมุนได้ในปี 2005, ไปจนถึงการเปิดตัวแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 และโน้ตบุ๊กที่บางที่สุดในโลกในปี 2007

    ในปี 2008 ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่ใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุหลัก และในทศวรรษ 2010s ก็ยังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การ์ดจอแบบพัดลมคู่, เมนบอร์ดที่ควบคุมผ่านแอปมือถือ, และโน้ตบุ๊กเกมมิ่งขนาดกะทัดรัดที่ทรงพลังที่สุดในโลก

    ความหมายของชื่อ ASUS
    มาจาก Pegasus ม้าเทพปีกทองในตำนานกรีก
    สื่อถึงความสร้างสรรค์ ความบริสุทธิ์ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย
    ตัดคำว่า “Peg” เพื่อให้ชื่ออยู่ต้นลิสต์ตัวอักษรในยุค 1980s

    จุดเริ่มต้นของแบรนด์
    ก่อตั้งในปี 1989 ด้วยเมนบอร์ด Cache386/33 และ 486/25
    เปิดตัว EISA 486 ในปี 1990 ซึ่งกลายเป็นเมนบอร์ดยอดนิยม
    ช่วยผลักดันให้ไต้หวันเป็นศูนย์กลางการผลิต IT

    นวัตกรรมที่โดดเด่น
    P6300 เป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ถูกนำขึ้นสถานีอวกาศ Mir
    เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่มี TV tuner ในปี 2003 และกล้องหมุนได้ในปี 2005
    เปิดตัวแบรนด์ ROG ในปี 2006 และโน้ตบุ๊กไม้ไผ่ในปี 2008
    สร้างการ์ดจอพัดลมคู่, เมนบอร์ดควบคุมผ่านมือถือ, และโน้ตบุ๊กเกมมิ่งขนาดเล็กแต่ทรงพลัง

    วิสัยทัศน์ของแบรนด์
    ยึดหลัก “sky’s the limit” ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
    เน้นความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และการออกแบบที่ล้ำสมัย
    สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการเล่นเกม

    https://www.slashgear.com/1956274/what-asus-stands-for-tech-company/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Pegasus ถึง P6300: เมื่อ ASUS ไม่ได้แค่สร้างอุปกรณ์ แต่สร้างแรงบันดาลใจ ชื่อ “ASUS” มาจากคำว่า “Pegasus” ม้าเทพปีกทองในตำนานกรีก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสร้างสรรค์ ความบริสุทธิ์ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ผู้ก่อตั้ง ASUS เลือกตัดคำว่า “Peg” ออกเพื่อให้ชื่อแบรนด์อยู่ต้น ๆ ของลิสต์ตัวอักษรในยุคที่การจัดเรียงตามตัวอักษรมีผลต่อการมองเห็นในตลาดเทคโนโลยีช่วงปี 1980s ASUS เริ่มต้นในปี 1989 ด้วยเมนบอร์ดสองรุ่นคือ Cache386/33 และ 486/25 ก่อนจะเปิดตัว EISA 486 ในปี 1990 ซึ่งกลายเป็นเมนบอร์ดยอดนิยมระดับโลก และช่วยผลักดันให้ไต้หวันกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต IT ในปี 1997 ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊ก P6300 ซึ่งกลายเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ถูกนำขึ้นไปใช้งานในสถานีอวกาศ Mir แม้สเปกจะล้าสมัยในวันนี้ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างชื่อเสียงด้านความทนทานและความน่าเชื่อถือ จากนั้น ASUS ก็เดินหน้าสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง—ตั้งแต่โน้ตบุ๊กที่มี TV tuner ในปี 2003, เมนบอร์ดแบบ multi-GPU ในปี 2004, โน้ตบุ๊กที่มีกล้องหมุนได้ในปี 2005, ไปจนถึงการเปิดตัวแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 และโน้ตบุ๊กที่บางที่สุดในโลกในปี 2007 ในปี 2008 ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่ใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุหลัก และในทศวรรษ 2010s ก็ยังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การ์ดจอแบบพัดลมคู่, เมนบอร์ดที่ควบคุมผ่านแอปมือถือ, และโน้ตบุ๊กเกมมิ่งขนาดกะทัดรัดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ✅ ความหมายของชื่อ ASUS ➡️ มาจาก Pegasus ม้าเทพปีกทองในตำนานกรีก ➡️ สื่อถึงความสร้างสรรค์ ความบริสุทธิ์ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ➡️ ตัดคำว่า “Peg” เพื่อให้ชื่ออยู่ต้นลิสต์ตัวอักษรในยุค 1980s ✅ จุดเริ่มต้นของแบรนด์ ➡️ ก่อตั้งในปี 1989 ด้วยเมนบอร์ด Cache386/33 และ 486/25 ➡️ เปิดตัว EISA 486 ในปี 1990 ซึ่งกลายเป็นเมนบอร์ดยอดนิยม ➡️ ช่วยผลักดันให้ไต้หวันเป็นศูนย์กลางการผลิต IT ✅ นวัตกรรมที่โดดเด่น ➡️ P6300 เป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ถูกนำขึ้นสถานีอวกาศ Mir ➡️ เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่มี TV tuner ในปี 2003 และกล้องหมุนได้ในปี 2005 ➡️ เปิดตัวแบรนด์ ROG ในปี 2006 และโน้ตบุ๊กไม้ไผ่ในปี 2008 ➡️ สร้างการ์ดจอพัดลมคู่, เมนบอร์ดควบคุมผ่านมือถือ, และโน้ตบุ๊กเกมมิ่งขนาดเล็กแต่ทรงพลัง ✅ วิสัยทัศน์ของแบรนด์ ➡️ ยึดหลัก “sky’s the limit” ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ➡️ เน้นความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ➡️ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการเล่นเกม https://www.slashgear.com/1956274/what-asus-stands-for-tech-company/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Do You Know What The ASUS Brand Name Actually Stands For? - SlashGear
    The ASUS name is derived from the last four letters of Pegasus, the winged horse of Greek mythology, symbolizing wisdom and speed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร
    1 กันยายน 2568
    .
    35 ปีผ่านไปเจตนาของ สืบ นาคะเสถียร ยังคงได้รับการสืบสาน
    .
    ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ที่ยูเนสโก้มีมติรับรองให้เป็นมรดกโลกตามเอกสารนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเอกสารของ สืบ นาคะเสถียร เป็นใช้ประกอบการเสนอพิจรณา ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข
    .
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้พิทักษ์ป่าได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการทำงานในการปกป้องผืนป่า รวมถึงการยกระดับสวัสดิภาพและสวัสดิการของพวกเขา การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถในการปกป้องป่า แต่ยังสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ทำงานในแนวหน้า
    .
    ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกแห่งได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการรักษาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ ชุมชนเหล่านี้มีความเข้าใจและความเคารพในธรรมชาติ พร้อมทั้งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลและฟื้นฟูป่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน วันนี้ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกชุมชนมีป่าชุมชนของหมู่บ้าน และร่วมเป็นเครือข่าย #ครอบครัวห้วยขาแข้ง อนุรักษ์ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
    .
    สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ยืนยันผลงานวิจัยว่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีประชากรเสือโคร่งมากขึ้น ทำให้เห็นว่าการทุ่มเทรักษาป่าที่ผ่านมาได้ผล หากมีเสือมากขึ้นสืบขยายพันธุ์แบบนี้ ก็หมายถึงเหยื่อของเสือ และพืชพรรณต่างๆ ก็สมบูรณ์ ตอนนี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นความหวัง และตัวอย่างของการอนุรักษ์เสือโคร่งของโลกไปแล้ว รวมถึงการฟื้นฟูประชากรแร้งที่หายไปจากป่าห้วยแข้งนานกว่าสามทศวรรษ
    .
    การสื่อสารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมหลายด้าน ทั้งเพิ่มความตระหนักรู้ในสังคม การสร้างแรงบันดาลใจและความร่วมมือ การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย การใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ความพยายามเหล่านี้ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาชน โดยทำให้เกิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพไว้สำหรับอนาคต
    .
    วันนี้ ผืนป่าอนุรักษ์ของประเทศที่ สืบ นาคะเสถียร เสนอให้มีพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศไทย ได้ขยายพื้นที่จนเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการผนวกรวมพื้นที่ป่าเป็นป่าอนุรักษ์ และในทุกๆ ปี ได้มีการติดตามสถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบถึงสภาพปัจจุบันของผืนป่าในประเทศไทย แม้ว่าผืนป่าอนุรักษ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของประเทศ และต้องการความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญนี้ยังคงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป
    .
    ร่วมปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต https://www.seub.or.th/donate/
    .
    #รำลึก35ปีสืบนาคะเสถียร
    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
    https://www.seub.or.th/35thseub/
    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
    31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568
    กรุงเทพมหานคร
    13 - 14 กันยายน 2568
    บทความ จากเพจ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
    รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร 1 กันยายน 2568 . 35 ปีผ่านไปเจตนาของ สืบ นาคะเสถียร ยังคงได้รับการสืบสาน . ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ที่ยูเนสโก้มีมติรับรองให้เป็นมรดกโลกตามเอกสารนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเอกสารของ สืบ นาคะเสถียร เป็นใช้ประกอบการเสนอพิจรณา ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข . ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้พิทักษ์ป่าได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการทำงานในการปกป้องผืนป่า รวมถึงการยกระดับสวัสดิภาพและสวัสดิการของพวกเขา การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถในการปกป้องป่า แต่ยังสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ทำงานในแนวหน้า . ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกแห่งได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการรักษาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ ชุมชนเหล่านี้มีความเข้าใจและความเคารพในธรรมชาติ พร้อมทั้งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลและฟื้นฟูป่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน วันนี้ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกชุมชนมีป่าชุมชนของหมู่บ้าน และร่วมเป็นเครือข่าย #ครอบครัวห้วยขาแข้ง อนุรักษ์ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า . สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ยืนยันผลงานวิจัยว่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีประชากรเสือโคร่งมากขึ้น ทำให้เห็นว่าการทุ่มเทรักษาป่าที่ผ่านมาได้ผล หากมีเสือมากขึ้นสืบขยายพันธุ์แบบนี้ ก็หมายถึงเหยื่อของเสือ และพืชพรรณต่างๆ ก็สมบูรณ์ ตอนนี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นความหวัง และตัวอย่างของการอนุรักษ์เสือโคร่งของโลกไปแล้ว รวมถึงการฟื้นฟูประชากรแร้งที่หายไปจากป่าห้วยแข้งนานกว่าสามทศวรรษ . การสื่อสารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมหลายด้าน ทั้งเพิ่มความตระหนักรู้ในสังคม การสร้างแรงบันดาลใจและความร่วมมือ การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย การใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ความพยายามเหล่านี้ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาชน โดยทำให้เกิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพไว้สำหรับอนาคต . วันนี้ ผืนป่าอนุรักษ์ของประเทศที่ สืบ นาคะเสถียร เสนอให้มีพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศไทย ได้ขยายพื้นที่จนเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการผนวกรวมพื้นที่ป่าเป็นป่าอนุรักษ์ และในทุกๆ ปี ได้มีการติดตามสถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบถึงสภาพปัจจุบันของผืนป่าในประเทศไทย แม้ว่าผืนป่าอนุรักษ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของประเทศ และต้องการความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญนี้ยังคงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป . ร่วมปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต https://www.seub.or.th/donate/ . #รำลึก35ปีสืบนาคะเสถียร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.seub.or.th/35thseub/ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568 กรุงเทพมหานคร 13 - 14 กันยายน 2568 บทความ จากเพจ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts