• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • IO กัมพูชาไม่ได้ “ลุยเดี่ยว” แต่ “เล่นเป็นทีม” Scambodia

    มีบางสงคราม ที่ยังไม่ทันยิงปืน แต่เริ่มยึดพื้นที่ความคิดทั้งแผ่นดิน และในวันนี้เสียงระเบิดเริ่มขึ้น ความเข้าใจผิดในมุมต่างๆเริ่มขยายขึ้นแล้ว

    และวันนี้ เรากำลังอยู่ในสนามนั้น

    ภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการ “ปั่นหัว ปั่นข่าว” จากกลุ่ม IO ที่มีต้นทางจากกัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ใช่แค่ฝีมือของ “มือสมัครเล่น” แบบที่เราชอบหลอกตัวเอง แต่เป็นการ “เล่นกันเป็นทีม” แบบมีทั้งคนเปิด คนรับ และคนตามน้ำอย่างเป็นระบบ

    ฝั่งโน้น ใช้ “ความไม่รู้” ของประชาชน เป็น “จุดแข็ง” ในการจู่โจม ขณะที่ฝั่งนี้ กลับใช้ “ความรู้” ของเจ้าหน้าที่ เป็นแค่ “คำอธิบาย” ที่ไม่มีใครฟังจนจบ

    คำถามที่ต้องกล้าถามคือ ในสงครามข้อมูล ใครควบคุม narrative คนนั้นคือคนทิศทางของประเทศ แล้วตอนนี้ narrative ของเรา อยู่ในมือใคร? IO แบบใหม่ ไม่ได้ล่อเป้าแค่ด้วยความเท็จ แต่ ลวงให้เชื่อ ด้วยความคลุมเครือ

    มันไม่ใช่ “fake news” แบบเก่า แต่คือ “context manipulation” แบบใหม่

    คนทำข่าวไม่ต้องพูดเท็จ แค่ “บิดลำดับ” หรือ “โยงคำพูด” ก็เปลี่ยนความหมายได้ทั้งเกม ยิ่งในสังคมที่คนเสพข่าวแบบ “ครึ่งบรรทัด” แล้วแชร์กันทั้งประเทศ ความเสียหายไม่ต้องรอ 24 ชั่วโมง

    แล้วฝั่งไทยล่ะ?

    ยังตั้งรับแบบ “ขอพื้นที่ชี้แจง” ยังคิดว่า “เดี๋ยวคนก็รู้ทันกัมพูชา” ยังใช้วิธี “ชี้แจงทีหลัง” กับสงครามที่เขา ยิงก่อน-ลบก่อน-ไปก่อน

    หลายคนโทรมาถามว่า “ควรทำยังไง?” แต่พอให้คำตอบไป ก็ เงียบ เหมือนเดิม

    เพราะสิ่งที่ต้องทำ มันไม่ใช่แค่ “สั่งให้โพสต์ตอบ” แต่คือการ “วางโครงสร้าง narrative” ใหม่ทั้งหมด

    เรากำลังพ่าย เพราะเราไม่มี “Story Commander”

    เราไม่ขาดคนฉลาด เราไม่ขาดข้อมูล แต่เรา ขาดแม่ทัพที่ควบคุม “กลยุทธ์เล่าเรื่อง” ให้ทั้งกองทัพ ภาคการเมือง สื่อ และ ภาคประชาชน เดินไปในจังหวะเดียวกัน

    ในเมื่อเขาใช้ “หมาก IO แบบสามจังหวะ” คือ เปิด – โยน – ขยาย เราต้องตอบด้วยหมากที่ เหนือกว่า ไม่ใช่แค่ “ลบล้าง” แต่ต้อง “ครองใจ”

    อย่าให้ IO สร้าง story ที่เราต้องวิ่งตามตลอดชีวิต

    เราอาจไม่หยุดเขาได้ แต่เราสามารถ หยุด “ความเชื่อ” ที่เขาฝังไว้ในหัวคน ด้วยการสร้าง narrative ที่คนพร้อมปกป้องให้เรา ไม่ใช่แค่รอให้เราชี้แจง อย่าใช้แค่ “ข้อเท็จจริง” ไปสู้กับ “ความเชื่อ” เพราะในยุคนี้ ความเชื่อคือ reality ที่เร็วกว่า ข่าว Game ยังไม่จบ แต่อย่าให้เขาคุมกระดาน

    เราจะต้องมี War Room ที่คิดล่วงหน้า ไม่ใช่คิดตามหลัง Narrative ที่ “ไม่ต้องอธิบาย” แต่คนเข้าใจทันที Story Commander ที่ไม่ได้รอไฟไหม้… แต่ปลูกป่าให้เขาจุดไฟไม่ได้

    และที่สำคัญ ถ้าไม่มีใครทำ ก็ต้องมีคน เริ่มทำ ถ้าไม่มีคนลงมือ ก็อย่าบ่นว่า “โดนปั่นแล้วทำไมไม่มีใครแก้”

    เพราะในสงครามของความเชื่อ ใครไม่ขยับ คือแพ้โดยไม่รู้ตัว

    ผศ.ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์
    ผู้อำนวยการหลักสูตร DNA by SPU
    และอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ ม.ศรีปทุม

    #TheStructure
    #TheStructureEssay
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน
    #scambodia
    IO กัมพูชาไม่ได้ “ลุยเดี่ยว” แต่ “เล่นเป็นทีม” Scambodia มีบางสงคราม ที่ยังไม่ทันยิงปืน แต่เริ่มยึดพื้นที่ความคิดทั้งแผ่นดิน และในวันนี้เสียงระเบิดเริ่มขึ้น ความเข้าใจผิดในมุมต่างๆเริ่มขยายขึ้นแล้ว และวันนี้ เรากำลังอยู่ในสนามนั้น ภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการ “ปั่นหัว ปั่นข่าว” จากกลุ่ม IO ที่มีต้นทางจากกัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ใช่แค่ฝีมือของ “มือสมัครเล่น” แบบที่เราชอบหลอกตัวเอง แต่เป็นการ “เล่นกันเป็นทีม” แบบมีทั้งคนเปิด คนรับ และคนตามน้ำอย่างเป็นระบบ ฝั่งโน้น ใช้ “ความไม่รู้” ของประชาชน เป็น “จุดแข็ง” ในการจู่โจม ขณะที่ฝั่งนี้ กลับใช้ “ความรู้” ของเจ้าหน้าที่ เป็นแค่ “คำอธิบาย” ที่ไม่มีใครฟังจนจบ คำถามที่ต้องกล้าถามคือ ในสงครามข้อมูล ใครควบคุม narrative คนนั้นคือคนทิศทางของประเทศ แล้วตอนนี้ narrative ของเรา อยู่ในมือใคร? IO แบบใหม่ ไม่ได้ล่อเป้าแค่ด้วยความเท็จ แต่ ลวงให้เชื่อ ด้วยความคลุมเครือ มันไม่ใช่ “fake news” แบบเก่า แต่คือ “context manipulation” แบบใหม่ คนทำข่าวไม่ต้องพูดเท็จ แค่ “บิดลำดับ” หรือ “โยงคำพูด” ก็เปลี่ยนความหมายได้ทั้งเกม ยิ่งในสังคมที่คนเสพข่าวแบบ “ครึ่งบรรทัด” แล้วแชร์กันทั้งประเทศ ความเสียหายไม่ต้องรอ 24 ชั่วโมง แล้วฝั่งไทยล่ะ? ยังตั้งรับแบบ “ขอพื้นที่ชี้แจง” ยังคิดว่า “เดี๋ยวคนก็รู้ทันกัมพูชา” ยังใช้วิธี “ชี้แจงทีหลัง” กับสงครามที่เขา ยิงก่อน-ลบก่อน-ไปก่อน หลายคนโทรมาถามว่า “ควรทำยังไง?” แต่พอให้คำตอบไป ก็ เงียบ เหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ต้องทำ มันไม่ใช่แค่ “สั่งให้โพสต์ตอบ” แต่คือการ “วางโครงสร้าง narrative” ใหม่ทั้งหมด เรากำลังพ่าย เพราะเราไม่มี “Story Commander” เราไม่ขาดคนฉลาด เราไม่ขาดข้อมูล แต่เรา ขาดแม่ทัพที่ควบคุม “กลยุทธ์เล่าเรื่อง” ให้ทั้งกองทัพ ภาคการเมือง สื่อ และ ภาคประชาชน เดินไปในจังหวะเดียวกัน ในเมื่อเขาใช้ “หมาก IO แบบสามจังหวะ” คือ เปิด – โยน – ขยาย เราต้องตอบด้วยหมากที่ เหนือกว่า ไม่ใช่แค่ “ลบล้าง” แต่ต้อง “ครองใจ” อย่าให้ IO สร้าง story ที่เราต้องวิ่งตามตลอดชีวิต เราอาจไม่หยุดเขาได้ แต่เราสามารถ หยุด “ความเชื่อ” ที่เขาฝังไว้ในหัวคน ด้วยการสร้าง narrative ที่คนพร้อมปกป้องให้เรา ไม่ใช่แค่รอให้เราชี้แจง อย่าใช้แค่ “ข้อเท็จจริง” ไปสู้กับ “ความเชื่อ” เพราะในยุคนี้ ความเชื่อคือ reality ที่เร็วกว่า ข่าว Game ยังไม่จบ แต่อย่าให้เขาคุมกระดาน เราจะต้องมี War Room ที่คิดล่วงหน้า ไม่ใช่คิดตามหลัง Narrative ที่ “ไม่ต้องอธิบาย” แต่คนเข้าใจทันที Story Commander ที่ไม่ได้รอไฟไหม้… แต่ปลูกป่าให้เขาจุดไฟไม่ได้ และที่สำคัญ ถ้าไม่มีใครทำ ก็ต้องมีคน เริ่มทำ ถ้าไม่มีคนลงมือ ก็อย่าบ่นว่า “โดนปั่นแล้วทำไมไม่มีใครแก้” เพราะในสงครามของความเชื่อ ใครไม่ขยับ คือแพ้โดยไม่รู้ตัว ผศ.ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ผู้อำนวยการหลักสูตร DNA by SPU และอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ ม.ศรีปทุม #TheStructure #TheStructureEssay #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #scambodia
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • หลายองค์กรยังมอง CISO เป็น “ฝ่าย IT” ที่คอยกันภัยอยู่ท้ายขบวน แต่วันนี้ CISO ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น พาร์ตเนอร์ธุรกิจ ที่ตอบคำถาม CEO ได้ว่า “เราปลอดภัยพอจะเดินหน้าต่อหรือยัง?”

    ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป — คำถามสำคัญกลายเป็นเรื่องแบบนี้:
    - ทีมเราทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น หรือแค่เป็นตัวถ่วง?
    - ดาต้าอยู่ตรงไหนจริง ๆ กันแน่ (รวม shadow IT ด้วยไหม)?
    - สิ่งที่เราทำ ถูกมองว่า "ช่วย" หรือ "ขวาง" คนอื่น?
    - เราเล่าเรื่องความเสี่ยงให้ผู้บริหารเข้าใจได้ หรือยังพูดแบบเทคนิคจ๋าจนไม่มีใครฟัง?

    และที่น่าสนใจคือ… AI เองก็เปลี่ยนบทบาททีม Cyber แล้ว — จากคนทำ log analysis → กลายเป็นผู้ช่วยหาช่องโหว่แบบอัตโนมัติ ดังนั้นคำถามที่เพิ่มขึ้นคือ “เราจะใช้ AI เสริมทีม หรือโดนแทนที่?”

    คำถามสำคัญ:

    CISO ควรถามตัวเองว่าเป็น “ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ” หรือ “ตัวถ่วง”  
    • ถ้าทีมอื่นไม่อยากชวนเราเข้าประชุมช่วงวางแผน อาจมีปัญหาเรื่อง perception  
    • ควรเปลี่ยนบทบาทจาก “ตำรวจ” เป็น “ที่ปรึกษา”

    กลยุทธ์รักษาความปลอดภัยต้องสมดุลกับระดับความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้  
    • ปิดทุกอย่างไม่ได้ = ธุรกิจหยุด  
    • เปิดหมด = เสี่ยงเกินไป  
    • ต้อง “รู้จังหวะว่าเสี่ยงแค่ไหนถึงพอเหมาะ”

    ข้อมูลประเภทไหนอยู่ที่ไหน = หัวใจของแผน Cyber  
    • หลายองค์กรมี “ข้อมูลลับ” ที่หลุดอยู่นอกระบบหลัก เช่น shared drive, shadow IT  
    • รวมถึงดาต้าจากบริษัทที่ควบรวมมา

    วัดผลแบบไหนถึงจะสื่อสารกับบอร์ดได้ดี?  
    • อย่าวัดแค่ patch กี่เครื่อง หรือ alert เยอะแค่ไหน  
    • ควรวัดว่า “สิ่งที่ทำ” ส่งผลยังไงกับ KPI ธุรกิจ เช่น revenue loss prevented

    พูดแบบ technical จ๋าเกินไป = ผู้บริหารไม่เข้าใจความเสี่ยงจริง  
    • ต้องฝึกเล่าเรื่อง “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ไม่ใช่แค่ “config ผิด”

    วัฒนธรรมทีมก็สำคัญ: ทีมเรากล้าท้าทายความเห็น CISO ไหม?  
    • ถ้าไม่มี dissent = ผู้นำอาจมองไม่เห็น blind spot ตัวเอง

    ลูกค้าต้องการให้เราทำอะไรด้านความปลอดภัยบ้าง?  
    • วิเคราะห์จาก security questionnaire ที่ลูกค้าส่ง  
    • ใช้เป็น data สร้าง business case ได้ว่า “ถ้าไม่ทำ = เสียรายได้กลุ่มนี้”

    AI จะเปลี่ยนวิธีจัดทีม Cyber อย่างไร?  
    • ลดความต้องการคน entry-level (SOC Tier 1)  
    • ต้องเน้นฝึก analyst ที่เก่งขึ้น (Tier 2+) ที่รู้จัก “ทำงานร่วมกับ AI”

    ความเสี่ยงใหม่ไม่ได้มาจาก Zero-day เสมอไป — แต่มาจาก “สิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่”  
    • เช่น ระบบเก่า, S3 bucket ที่ลืมปิด, API ใหม่ที่ไม่มีคนดู

    CISO ควรถามว่า: “ศัตรูเราเป็นใคร และเขาจะมาโจมตีช่องไหน?”  
    • วางแผนจาก threat model และจัด stack ให้พร้อมต่ออนาคต เช่น Quantum-resistant crypto

    https://www.csoonline.com/article/4009212/10-tough-cybersecurity-questions-every-ciso-must-answer.html
    หลายองค์กรยังมอง CISO เป็น “ฝ่าย IT” ที่คอยกันภัยอยู่ท้ายขบวน แต่วันนี้ CISO ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น พาร์ตเนอร์ธุรกิจ ที่ตอบคำถาม CEO ได้ว่า “เราปลอดภัยพอจะเดินหน้าต่อหรือยัง?” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป — คำถามสำคัญกลายเป็นเรื่องแบบนี้: - ทีมเราทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น หรือแค่เป็นตัวถ่วง? - ดาต้าอยู่ตรงไหนจริง ๆ กันแน่ (รวม shadow IT ด้วยไหม)? - สิ่งที่เราทำ ถูกมองว่า "ช่วย" หรือ "ขวาง" คนอื่น? - เราเล่าเรื่องความเสี่ยงให้ผู้บริหารเข้าใจได้ หรือยังพูดแบบเทคนิคจ๋าจนไม่มีใครฟัง? และที่น่าสนใจคือ… AI เองก็เปลี่ยนบทบาททีม Cyber แล้ว — จากคนทำ log analysis → กลายเป็นผู้ช่วยหาช่องโหว่แบบอัตโนมัติ ดังนั้นคำถามที่เพิ่มขึ้นคือ “เราจะใช้ AI เสริมทีม หรือโดนแทนที่?” คำถามสำคัญ: ✅ CISO ควรถามตัวเองว่าเป็น “ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ” หรือ “ตัวถ่วง”   • ถ้าทีมอื่นไม่อยากชวนเราเข้าประชุมช่วงวางแผน อาจมีปัญหาเรื่อง perception   • ควรเปลี่ยนบทบาทจาก “ตำรวจ” เป็น “ที่ปรึกษา” ✅ กลยุทธ์รักษาความปลอดภัยต้องสมดุลกับระดับความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้   • ปิดทุกอย่างไม่ได้ = ธุรกิจหยุด   • เปิดหมด = เสี่ยงเกินไป   • ต้อง “รู้จังหวะว่าเสี่ยงแค่ไหนถึงพอเหมาะ” ✅ ข้อมูลประเภทไหนอยู่ที่ไหน = หัวใจของแผน Cyber   • หลายองค์กรมี “ข้อมูลลับ” ที่หลุดอยู่นอกระบบหลัก เช่น shared drive, shadow IT   • รวมถึงดาต้าจากบริษัทที่ควบรวมมา ✅ วัดผลแบบไหนถึงจะสื่อสารกับบอร์ดได้ดี?   • อย่าวัดแค่ patch กี่เครื่อง หรือ alert เยอะแค่ไหน   • ควรวัดว่า “สิ่งที่ทำ” ส่งผลยังไงกับ KPI ธุรกิจ เช่น revenue loss prevented ✅ พูดแบบ technical จ๋าเกินไป = ผู้บริหารไม่เข้าใจความเสี่ยงจริง   • ต้องฝึกเล่าเรื่อง “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ไม่ใช่แค่ “config ผิด” ✅ วัฒนธรรมทีมก็สำคัญ: ทีมเรากล้าท้าทายความเห็น CISO ไหม?   • ถ้าไม่มี dissent = ผู้นำอาจมองไม่เห็น blind spot ตัวเอง ✅ ลูกค้าต้องการให้เราทำอะไรด้านความปลอดภัยบ้าง?   • วิเคราะห์จาก security questionnaire ที่ลูกค้าส่ง   • ใช้เป็น data สร้าง business case ได้ว่า “ถ้าไม่ทำ = เสียรายได้กลุ่มนี้” ✅ AI จะเปลี่ยนวิธีจัดทีม Cyber อย่างไร?   • ลดความต้องการคน entry-level (SOC Tier 1)   • ต้องเน้นฝึก analyst ที่เก่งขึ้น (Tier 2+) ที่รู้จัก “ทำงานร่วมกับ AI” ✅ ความเสี่ยงใหม่ไม่ได้มาจาก Zero-day เสมอไป — แต่มาจาก “สิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่”   • เช่น ระบบเก่า, S3 bucket ที่ลืมปิด, API ใหม่ที่ไม่มีคนดู ✅ CISO ควรถามว่า: “ศัตรูเราเป็นใคร และเขาจะมาโจมตีช่องไหน?”   • วางแผนจาก threat model และจัด stack ให้พร้อมต่ออนาคต เช่น Quantum-resistant crypto https://www.csoonline.com/article/4009212/10-tough-cybersecurity-questions-every-ciso-must-answer.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 tough cybersecurity questions every CISO must answer
    From anticipating new threats to balancing risk management and business enablement, CISOs face a range of complex challenges that require continual reflection and strategic execution.
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ

    เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน

    เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ ความสนใจ หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้

    วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 Comments 0 Shares 925 Views 0 Reviews
  • น้ำตาทหาร

    ฉันให้ชีวิต ฉันให้ศรัทธา ปกป้องปวงประชา ด้วยเนื้อเลือดและหัวใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันคืออะไร? ถูกหลอก ถูกโกง ถูกทิ้งเดียวดาย

    หยาดเหงื่อแรงกาย จ่ายหมดทุกบาท หวังเพียงบ้านหลังน้อย คอยให้คนที่รักพักพิง แต่ก๊วนนายกลับหักหลัง ไม่ไยดีในทุกสิ่ง ปล่อยฉันสิ้นหวัง กับหนี้ที่ไม่มีวันคืน

    เสียงปืนสนั่น เทอร์มินอลโคราชร่ำไห้ เสียงหัวใจแตกสลาย ไม่มีใครฟัง ใครเล่าจะเข้าใจ คนที่ถูกกดดัน อนาคตพัง สุดท้ายนั้น ฉันไม่มีที่ยืนอีกแล้ว

    น้ำตาทหาร หลั่งรินเป็นสายเลือด ความคับแค้น เผาใจจนมอดไหม้ เมื่อศรัทธาถูกทำลายไป ไม่มีเยื่อใย เหลือเพียงเงาในกระจก ที่ไร้วิญญาณ

    อยากกรีดร้องให้ฟ้าสั่นสะเทือน แต่จะมีใคร ได้ยินเสียงของฉัน เมื่อคนดีถูกบดขยี้ลงดินนั้น ฉันเหลืออะไร… อีกแล้ว

    สุดท้ายฉันต้องปลิดปลง จบลงที่นี่ ไม่เหลือใคร ไม่มีแม้ศักดิ์ศรี น้ำตาทหารไหลเป็นสายเลือด แต่ไม่มีใคร… สนใจมันเลย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082339 ก.พ. 2568

    #น้ำตาทหาร #เสียงที่ไม่มีใครฟัง #ความยุติธรรมอยู่ไหน #ชีวิตที่ถูกทำลาย #ความคับแค้นในใจ #ถูกโกงจนสิ้นหวัง #เมื่อความดีไม่มีความหมาย #เสียงปืนกลบเสียงหัวใจ #โศกนาฏกรรมที่ไม่มีคำตอบ #อยุติธรรมฆ่าฉัน
    น้ำตาทหาร ฉันให้ชีวิต ฉันให้ศรัทธา ปกป้องปวงประชา ด้วยเนื้อเลือดและหัวใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันคืออะไร? ถูกหลอก ถูกโกง ถูกทิ้งเดียวดาย หยาดเหงื่อแรงกาย จ่ายหมดทุกบาท หวังเพียงบ้านหลังน้อย คอยให้คนที่รักพักพิง แต่ก๊วนนายกลับหักหลัง ไม่ไยดีในทุกสิ่ง ปล่อยฉันสิ้นหวัง กับหนี้ที่ไม่มีวันคืน เสียงปืนสนั่น เทอร์มินอลโคราชร่ำไห้ เสียงหัวใจแตกสลาย ไม่มีใครฟัง ใครเล่าจะเข้าใจ คนที่ถูกกดดัน อนาคตพัง สุดท้ายนั้น ฉันไม่มีที่ยืนอีกแล้ว น้ำตาทหาร หลั่งรินเป็นสายเลือด ความคับแค้น เผาใจจนมอดไหม้ เมื่อศรัทธาถูกทำลายไป ไม่มีเยื่อใย เหลือเพียงเงาในกระจก ที่ไร้วิญญาณ อยากกรีดร้องให้ฟ้าสั่นสะเทือน แต่จะมีใคร ได้ยินเสียงของฉัน เมื่อคนดีถูกบดขยี้ลงดินนั้น ฉันเหลืออะไร… อีกแล้ว สุดท้ายฉันต้องปลิดปลง จบลงที่นี่ ไม่เหลือใคร ไม่มีแม้ศักดิ์ศรี น้ำตาทหารไหลเป็นสายเลือด แต่ไม่มีใคร… สนใจมันเลย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082339 ก.พ. 2568 #น้ำตาทหาร #เสียงที่ไม่มีใครฟัง #ความยุติธรรมอยู่ไหน #ชีวิตที่ถูกทำลาย #ความคับแค้นในใจ #ถูกโกงจนสิ้นหวัง #เมื่อความดีไม่มีความหมาย #เสียงปืนกลบเสียงหัวใจ #โศกนาฏกรรมที่ไม่มีคำตอบ #อยุติธรรมฆ่าฉัน
    0 Comments 0 Shares 765 Views 25 0 Reviews
  • 'ทักษิณ' ตั้งตัวเอง ตำแหน่ง สทร. เสือกทุกเรื่อง
    .
    เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ถือเป็นเวทีแรกในรอบ 17 ปีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างการปราศรัยของนายใหญ่รายนี้แวดล้อมไปด้วยขุนพลรู้ใจแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น
    .
    โดยก่อนขึ้นเวทีปราศรัยนั้น ได้มีมวลชนคนเสื้อแดงมารอรับนำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีการชูป้ายข้อความ คิดฮอดพ่อใหญ่ทักษิณ, ฮักเพื่อไทย ฮักทักษิณ…อุดรยังฮัก รวมถึงป้ายผ้าที่ระบุข้อความว่า 18 ปีที่รอคอยท่านทักษิณ, ด้วยรักและคิดถึงท่านทักษิณ และเราชาวอุดร คิดถึงท่านทักษิณ ขณะที่บางคนนำภาพที่เคยถ่ายกับนายทักษิณมาด้วย
    .
    ส่วนเนื้อหาสาระของปราศรัยนั้นเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีมากว่าที่เป็นอยู่ และไม่เคยครอบงำใครมีแต่เพียงลูกสาวครอบงำพ่อ โดยทักษิณ ระบุว่า "อยู่เมืองนอก 17 ปี ที่อยู่ได้เพราะยึดหลักธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้า รู้จักจิตปล่อยวางและไม่ไปลุ่มหลง แต่เมื่อไปเห็นอะไร ก็จะพยายามนึกถึงประเทศไทยและคนไทยตลอด 17 ปีไม่รู้ว่าได้กลับเมื่อไหร่ แต่ในใจคิดอย่างเดียวว่ากูต้องกลับ กลับยังไงหรือกลับเมื่อไหร่ ไม่รู้ ก็สู้ไปเรื่อยๆ แล้ววันนี้ได้กลับมา ได้กราบพระเจ้าอยู่หัว ได้กราบพระพุทธศาสนา และได้กลับมาเจอพี่น้องคนไทยทั้งหมดเป็นความสุขของชีวิต
    .
    "ผมไม่มีสิทธิ์ครอบงำลูก เพราะผมรักลูกแบบเกรงใจมาก เพราะฉะนั้นต้องให้ลูกครอบงำแทน บางทีลูกนั่งปรึกษาผม แต่สั่งผม ซึ่งสิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงคือหนี้สินของชาวบ้านและเรื่องของรายได้ ซึ่งเบื้องต้นการให้เงินคนละหมื่นเป็นสิ่งจำเป็น ให้เริ่มต้น ให้ตั้งหลักก่อน และพร้อมกันนั้นก็ลดหนี้ และจะพยายามเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางการเกษตร หรือโอกาสของประชาชน"
    .
    นายทักษิณ กล่าวอีกว่า "พี่น้องจำได้หรือไม่ว่าผมให้ทำบัญชีครัวเรือน อยากให้ทำต่อไป แล้วเราจะเห็นชัดไม่มีใครมาหลอกเราได้ว่าเรามีหรือไม่มีเงิน และตอนเลือกตั้งปี 70 ผมมาอีกทีจะเห็นพี่น้องอุดรฯ หน้าตาผ่อง เพราะตังค์มีใช้แล้ว ไม่แห้งแบบนี้ ยิ้มไม่ค่อยหวาน และตอนเลือกตั้งปี 70 ต้องยิ้มหวาน อย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว แล้วอย่าลืมกาเบอร์สอง หากไม่รู้ว่าเบอร์สองชื่ออะไร ชื่อทักษิณแล้วกัน กาทักษิณแล้วกัน"
    .
    "ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ ขอให้เบาใจได้ว่าผมกลับมาแล้ว ผมอยู่ทั้งคน ทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้ ซึ่งวันนี้ผมได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองหลังจากที่ได้เงินเดือนเดือนละ 700 คือ สทร. แปลว่า เสือก ทุก เรื่อง ที่เห็นอะไร น่ารำคาญก็ต้องตะโกนโวยวายในฐานะประชาชนคนชรา คนแก่ขี้บ่น ไม่มีใครฟังก็บ่นให้ลูกสาวฟังก็ได้" นายทักษิณกล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'ทักษิณ' ตั้งตัวเอง ตำแหน่ง สทร. เสือกทุกเรื่อง . เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ถือเป็นเวทีแรกในรอบ 17 ปีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างการปราศรัยของนายใหญ่รายนี้แวดล้อมไปด้วยขุนพลรู้ใจแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น . โดยก่อนขึ้นเวทีปราศรัยนั้น ได้มีมวลชนคนเสื้อแดงมารอรับนำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีการชูป้ายข้อความ คิดฮอดพ่อใหญ่ทักษิณ, ฮักเพื่อไทย ฮักทักษิณ…อุดรยังฮัก รวมถึงป้ายผ้าที่ระบุข้อความว่า 18 ปีที่รอคอยท่านทักษิณ, ด้วยรักและคิดถึงท่านทักษิณ และเราชาวอุดร คิดถึงท่านทักษิณ ขณะที่บางคนนำภาพที่เคยถ่ายกับนายทักษิณมาด้วย . ส่วนเนื้อหาสาระของปราศรัยนั้นเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีมากว่าที่เป็นอยู่ และไม่เคยครอบงำใครมีแต่เพียงลูกสาวครอบงำพ่อ โดยทักษิณ ระบุว่า "อยู่เมืองนอก 17 ปี ที่อยู่ได้เพราะยึดหลักธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้า รู้จักจิตปล่อยวางและไม่ไปลุ่มหลง แต่เมื่อไปเห็นอะไร ก็จะพยายามนึกถึงประเทศไทยและคนไทยตลอด 17 ปีไม่รู้ว่าได้กลับเมื่อไหร่ แต่ในใจคิดอย่างเดียวว่ากูต้องกลับ กลับยังไงหรือกลับเมื่อไหร่ ไม่รู้ ก็สู้ไปเรื่อยๆ แล้ววันนี้ได้กลับมา ได้กราบพระเจ้าอยู่หัว ได้กราบพระพุทธศาสนา และได้กลับมาเจอพี่น้องคนไทยทั้งหมดเป็นความสุขของชีวิต . "ผมไม่มีสิทธิ์ครอบงำลูก เพราะผมรักลูกแบบเกรงใจมาก เพราะฉะนั้นต้องให้ลูกครอบงำแทน บางทีลูกนั่งปรึกษาผม แต่สั่งผม ซึ่งสิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงคือหนี้สินของชาวบ้านและเรื่องของรายได้ ซึ่งเบื้องต้นการให้เงินคนละหมื่นเป็นสิ่งจำเป็น ให้เริ่มต้น ให้ตั้งหลักก่อน และพร้อมกันนั้นก็ลดหนี้ และจะพยายามเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางการเกษตร หรือโอกาสของประชาชน" . นายทักษิณ กล่าวอีกว่า "พี่น้องจำได้หรือไม่ว่าผมให้ทำบัญชีครัวเรือน อยากให้ทำต่อไป แล้วเราจะเห็นชัดไม่มีใครมาหลอกเราได้ว่าเรามีหรือไม่มีเงิน และตอนเลือกตั้งปี 70 ผมมาอีกทีจะเห็นพี่น้องอุดรฯ หน้าตาผ่อง เพราะตังค์มีใช้แล้ว ไม่แห้งแบบนี้ ยิ้มไม่ค่อยหวาน และตอนเลือกตั้งปี 70 ต้องยิ้มหวาน อย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว แล้วอย่าลืมกาเบอร์สอง หากไม่รู้ว่าเบอร์สองชื่ออะไร ชื่อทักษิณแล้วกัน กาทักษิณแล้วกัน" . "ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ ขอให้เบาใจได้ว่าผมกลับมาแล้ว ผมอยู่ทั้งคน ทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้ ซึ่งวันนี้ผมได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองหลังจากที่ได้เงินเดือนเดือนละ 700 คือ สทร. แปลว่า เสือก ทุก เรื่อง ที่เห็นอะไร น่ารำคาญก็ต้องตะโกนโวยวายในฐานะประชาชนคนชรา คนแก่ขี้บ่น ไม่มีใครฟังก็บ่นให้ลูกสาวฟังก็ได้" นายทักษิณกล่าว .............. Sondhi X
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 1932 Views 0 Reviews
  • 06-11-67/01 : หมี CNN / "FCUK DEMOCRAZY" ละครปาหี่ลวงโลก ฝีมือกำกับโดยอียิวเหี้ยไซออนนิสต์! ใครรอฟังผลเลือกตั้งอเมริกา? ไม่ต้องลุ้น เพราะเหี้ยมันจัดวางไว้แล้ว จะให้ละครฉากใหญ่ออกหน้าไหน? เพื่อนำไปสู่การแตกแผ่นดิน อเมริกาไม่แตก อียิวจะไร้บ้านอยู่? จำเอาไว้ว่า ใครสร้างระบบปชต.โกหกตอแหลนี้ขึ้นมากันล่ะ? อียิวทั้งนั้น ดังนั้น ไม่มีดอก อะไรที่มันควบคุมไม่ได้? เลือกตั้งคือเรื่องตอแหล ใครตรวจสอบได้จริง? ทุกครั้งแค่จัดฉาก งานถนัดเหี้ยมัน! ตอแหลตั้งแต่เที่ยงคืน เมืองเล็กติดชายแดนอีแคน เขตนี้เลือกตั้ง มีแค่ 6 ตัว ผลเสมอ หมายังรู้? ทำให้ดูน่าตื่นเต้น ควายอเมริกันลุ้นจนเยี่ยวแตก หารู้ไม่ ใครมาก็ไม่สำคัญ เพราะมันเตรียมแตกอเมริกาต่างหากล่ะ? บ้านเราก็ตอแหลไม่แพ้กัน กระแสปั่นควาย ชอบจุงเบย ขนาด "หมูเด้ง" ยังเลือกอีทรัมปป์ ส่วนอีแม่ เลือกอีกะลา เลือกตั้งมันมีจริงซะที่ไหน? ปชต.หาแดร๊กควาย ตื่นกันหมดแล้ว? ทุกครั้งหากมรึงสังเกตุ จะจับโป๊ะแตกได้ทันที ไม่ว่าใครจะนำ ใครจะตาม แต่พอก่อนเลือกตั้ง ทุกอย่างจะ RESET สูสีกันหมด โพลใคร โพลมัน ปั่นให้ควายตื่นเต้นว่ามีส่วนร่วม? DEEP STATE ที่ว่ากันเนี่ย มันวางหมากให้เดิน อเมริกาไม่มีตัวตน แค่หุ่นกระบอกให้อียิวเชิด ถึงเวลาก็ต้องกลับบ้านเก่า บ้านที่ไปปล้นอินเดียนแดงเค้ามา เวลาบ้านแตก อินเดียนแดงจะเรียกร้องเอาคืนทั้งหมดชัวร์! อเมริกาแตก ใครซวย อีแคนไงจ๊ะ? แต่มันรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะอีแคน คือเยรูซาเล็ม แห่งที่ 2 นั่นเอง อียิวมันจัดตั้งรัฐยิวใหม่แน่ เพราะสายพันธุ์เสนียดจัญไรโลกจะไม่มีวันหายสาปสูญ เพราะโลกต้องมี หยิน หยาง! เวลาวิเคราะห์ เกจิ กุนซือ บ้านเรา มักจะดูจากสิ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของขี้ข้าผ่านสื่อตอแหล มรึงจะหลงทางทันที? ให้ดู สิ่งที่อียิวเหี้ยมันต้องการ แล้วมรึงจะได้คำตอบ จุดหมายปลายทาง ว่ามันจะสุดทางตรงไหน? เพราะบอกเลยว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง? ทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่ยอมรับอยู่แล้ว เพราะเค้าสั่งมาไงล่ะ? ต้องแตกอเมริกาเท่านั้น คือทางรอดอเมริกา พูดให้ชัดคือ ย่ออเมริกาให้เล็กลง เพราะบ้านใหม่อียิวคือ อีแคนาดา นั่นแหละ! สุดท้ายอาจรวมแผ่นดิน เพื่อตั้งรัฐยิวใหม่ ทวีปอเมริกาเหนือคือดินแดนเหี้ย อีก 20 ปี มรึงจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูดวันนี้! หนีหนี้ แค่แผนขั้นต้น แผนการใหญ่มันคือแบ่งโลกออกเป็น 2 ขั้วอำนาจ รอวันฟื้นคืนชีพ แล้วฝั่งขั้วใหม่ไม่รู้เหรอ? รู้ซะยิ่งกว่ารู้ โคตรเหี้ยเก่งแค่ไหน ฉลาดแค่ไหน ก็แค่รองตรีนปูติน สีจิ้นผิง เค้าอ่านมรึงออก 3 ชั้น จนหมดเกลี้ยง อียิวครองโลกผ่านอเมริกา ต่อไปอียิวจะเผยร่างแท้จริงออกมา รัฐยิวใหม่ จะใช้ชื่อเหี้ยอะไรก็ช่าง แต่เจ้าของยังเป็นตัวเดิมเป๊ะเด๊ะ 100 ปี เจอกันใหม่ วังวนจักรวาล มรึงคิดได้ ทำไม ขั้วใหม่จะคิดไม่ได้ สิ่งที่ปูติน สีจิ้นผิง คาเมเนอี JOHN KIM ทำวันนี้ คือปูทางอีก 100 ปีเช่นกัน รู้ทางกันดี? CIVIL WAR แค่เครื่องมือผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเหี้ย เมื่อตะวันออกกลางมันไม่ได้ผล ก็ต้องไปตั้งหลักใหม่ที่อเมริกาเหนือ ส่วนอียุโรปหน้าโง่ ก็ต้องล่มสลายไปในที่สุด รวมถึงการแตกสลายของเครือราชอาณาจักรอังกฤษเช่นกัน เมื่อมรึงเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดแล้ว ละครปาหี่ ก็ดูกันให้สนุกสนานไปซะ อย่าอิน อย่าซีเรียส เพราะโลกคือละคร ยังไม่ตื่นกันอีกเหรอ? อเมริกาคือเรื่องโกหกตอแหล เหมือนที่มันทำฮอลีวู๊ดเอาไว้หลอกควายนั่นแหละ! อีทรัมปป์อยากเกิด อยากเป็น KING ส่วนอีกะลา แค่อีนู๋โคมแดง หมารับใช้ยิวเหี้ยไซออนนิสต์สุดตัว เครือข่ายบริษัทค้าอาวุธ อเมริกาไม่ขายอาวุธแดร๊ก มันก็ไม่มีเหี้ยอะไรจะขายแล้ว เพราะจีน รัสเซีย เอาไปแดร๊กหมด! มรึงเห็นรึยังล่ะว่า "ปชต.แค่ทางผ่าน" นายทุนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ไม่มีดอก เพื่อประชาชน เพื่อแผ่นดิน มีแค่เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์เท่านั้น เพราะขนาดแผ่นดินมรึงก็ยังไปปล้นเค้ามา ประสาอะไรจะมีความมั่นคง ปล้นเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป ความรุนแรง สูญเสีย ต้องมี อียิวมันไม่สนผลลัพธ์ดอก เพราะคนตายไม่ใช่มัน ด้วยเหตุนี้ อิหร่านถึงได้สั่งสอนอียิวไงล่ะ ไล่ฆ่าสายพันธุ์ยิวสัดนรก เพื่อทำให้โลกเบาขึ้น? ยิวมันเหี้ยกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ! ยิ่งแผ่นดินพ่อกูหอมหวาน มันอยากจะแดร๊กใจจะขาด แต่ดันซวย เจอลูกหลานบางระจัน ลูกหลานเสรีไทย 2 ย้อนเกล็ดเหี้ยไปหลายดอก วังจะแข็งแกร่งเพราะศรัทธาเท่านั้น ไม่ว่าอียิวมันจะเล่นแร่แปรวิญญานท่าไหน ก็ไม่สามารถรวบแดร๊กแผ่นดินพ่อได้ เพราะแผ่นดินนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ใช่ที่ที่เหี้ยจะอยู่ได้ มันคือแผ่นดินแห่งธรรม แสงสว่างไสว เหี้ยไอ้อีหน้าไหนก็อยู่ไม่ได้ หากสังเกตุ ไทยเราเดินตามรัสเซีย จีน โมเดล หลายเรื่อง พึ่งพาตัวเองตามคำสอนพ่อร.9 พอเพียง อดออม ประหยัด คลังไทยถึงมั่งคั่งติด TOP10 โลก อย่าคิดว่าอียุ่นปี่รวย หนี้ทั้งนั้น แบกดอลล่าร์จนหลังหัก เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ไทยเราหนี้น้อยที่สุด แต่เสือกมีทองคำเท่าภูเขา เชื่อมั้ยล่ะ?

    ปล.มาตามสูตร! อีเนรคุณทันยา ไล่รมต.กลาโหมออกทันที ผลงานนต่ำตม ไอ้สัส! ใครจะมาก็แพ้ยับ เพราะเสือกไม่ดูตัวเอง กระจอกแล้วยังเสือกซ่าส์ สุดท้าย แผนหาแพะมาเต็มตรีน โยนบาปให้อีเนรคุณทันยา ชาวยิวกู้แผ่นดิน ขับไล่ทรราชย์? อุปส์! สามัคคีคือพลัง เชิญไปตอแหลแถวช่อง 3 รับยาช่อง 9 ต่อเหอะจ๊ะ? อย่าปฎิเสธ อย่าตีเนียน ทุกการกระทำของอิสราเอล ไอ้อีชาวยิวต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะเกือบครึ่งศตวรรษ ที่มรึงไปรุกรานดินแดนคานาอันมาโดยตลอด มรึงรู้เห็นเต็มใจ กับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ วันนี้ เค้ามาไล่ฆ่ามรึง ลงแขกมรึง เป็นไปตามวิถีแห่งกรรมถูกต้องแล้ว โลกกำลังโฟกัสไปที่เลือกตั้งปาหี่ต้มเปื่อยควาย ความโกลาหลจะเกิดขึ้นแน่ เพราะแต่ละรัฐ มันเตรียมแยกตัวทั้งนั้น ไม่มีใครฟังอำนาจรัฐบาลกลางอีกแล้ว เพราะกูตั้งตนเป็นใหญ่เองได้ จะรองตรีนมรึงไปทำไม? อเมริกาแตก ใครได้ประโยชน์สูงสุดแถวนั้น อีแคนจะรับเละช่วงแรก แบกรับผู้อพยพหนีตาย แต่ในความเป็นจริง อยู่ในแผนรวมชาติพันธุ์เหี้ย ก่อตั้งรัฐยิวใหม่ขึ้นมา หากดูแผนที่ภูมิภาค โลกขั้วเก่าอยู่ดินแดนไกลโพ้น โลกขั้วใหม่คือโลกนั่นเอง แยกกันเดิน แล้วมาดูว่าใครจะรอด? ด้านประเทศกูมี สาละวนอยู่กับเรื่องปาหี่ตอแหล เค้าปล่อยให้มรึงล่อกันเอง กัดกันเอง แฉกันเอง แล้วค่อยเก็บกวาด ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบฟูมฟาย ทุกอย่างมันคือเกมส์ เราสนใจแค่ตัวเราเองก็พอ และให้รู้ไว้ว่า นี่แค่ "เพิ่งจะเริ่มเกมส์ล้างบางโลก" หลังเลือกตั้งปาหี่เหี้ย อะไรใหม่ๆ จะเกิดขึ้นมาอีกเยอะ อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ มรึงจะได้เห็นเต็ม 2 ตา เพราะแสงทำงานเต็มกำลังเมื่อไหร่ เหี้ยดิ้นพล่านทั่วแผ่นดิน อีตาเพน มันจ้องจะปฎิวัติอยู่แล้ว รอแค่มีตัวชง คนลงถนน แบกปืนไปไล่ฆ่ากันอย่างเมามันส์ ทหารออกจะมีตายห่ากันเป็นแสน เพราะแต่ละรัฐ อาวุธครบมือ ของใหญ่ ของหนัก มาเต็ม ใครหนุนล่ะ? ก็อียิวไงล่ะ จัดฉากทหารฆ่าประชาชน จัดฉาก มะกันโง่ฆ่ากันเอง ทั้งหมดเพื่อ RESET ใครจะตามเก็บหนี้มรึง? คงต้องใช้กำลังเข้ามายึดต่อไงล่ะ? อเมริกามัน NOBODY แล้ว แค่เยเมนยังชนะขาดลอย ไม่ต้องถึงมือปูติน สีจิ้นผิง ให้เสียตรีนดอกน่ะ JOHN KIM ผู้เดียว ก็เอาอยู่หมัด ฉากในหนังกำลังจะกลายเป็นจริง โสมแดงปักธงกลางทำเนียบขาว อยากเกิดต้องได้เกิด! มหากาพย์ละครฉากใหญ่เปลี่ยนแผ่นดินอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่แรงไม่จบ ไม่สุดทางไม่ได้แผ่นดินใหม่ อีทรัมปป์จะอยู่หรือไป คำตอบอยู่ที่ "ปากกระบอกปืน" ประกาศเอกราช แยกดินแดนชัวร์! เอาเลย ให้ว่อง ให้ไว กูอยากเห็นเหี้ยตายเกลื่อนแผ่นดิน โง่บัดซบทั้งแผ่นดิน อยู่ไปก็หนักแผ่นดินโลก! ตายห่าไปซะน่ะ อเมริกันหน้าควายทั้งหลาย คนดีดี ใครจะไปอยู่? ปิดตำนาน เสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ทั้งหมดคือ "เรื่องตอแหล"

    หมี CNN(ฆ่ากันเหอะ อย่าเสือกเสียเวลามาเลือกเลย ผลออกยังไง มรึงก็จ้องจะฆ่ากันอยู่แล้ว อเมริกันมันเก่งแต่ใช้กำลังกับผู้อ่อนแอกว่า เจอของจริง หมาไม่เลิก ฆ่ากันเองง่ายกว่า เพราะไม่ตายโหงทั้งแผ่นดิน ปูตินไม่ต้อง สีจิ้นผิงไม่ยุ่ง เดี๋ยวกูจะฆ่ากันเองโชว์ให้มรึงดู ถูกใจกด LIKE ให้น่ะจ๊ะ)
    06 พฤศจิกายน 67
    11.05 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    06-11-67/01 : หมี CNN / "FCUK DEMOCRAZY" ละครปาหี่ลวงโลก ฝีมือกำกับโดยอียิวเหี้ยไซออนนิสต์! ใครรอฟังผลเลือกตั้งอเมริกา? ไม่ต้องลุ้น เพราะเหี้ยมันจัดวางไว้แล้ว จะให้ละครฉากใหญ่ออกหน้าไหน? เพื่อนำไปสู่การแตกแผ่นดิน อเมริกาไม่แตก อียิวจะไร้บ้านอยู่? จำเอาไว้ว่า ใครสร้างระบบปชต.โกหกตอแหลนี้ขึ้นมากันล่ะ? อียิวทั้งนั้น ดังนั้น ไม่มีดอก อะไรที่มันควบคุมไม่ได้? เลือกตั้งคือเรื่องตอแหล ใครตรวจสอบได้จริง? ทุกครั้งแค่จัดฉาก งานถนัดเหี้ยมัน! ตอแหลตั้งแต่เที่ยงคืน เมืองเล็กติดชายแดนอีแคน เขตนี้เลือกตั้ง มีแค่ 6 ตัว ผลเสมอ หมายังรู้? ทำให้ดูน่าตื่นเต้น ควายอเมริกันลุ้นจนเยี่ยวแตก หารู้ไม่ ใครมาก็ไม่สำคัญ เพราะมันเตรียมแตกอเมริกาต่างหากล่ะ? บ้านเราก็ตอแหลไม่แพ้กัน กระแสปั่นควาย ชอบจุงเบย ขนาด "หมูเด้ง" ยังเลือกอีทรัมปป์ ส่วนอีแม่ เลือกอีกะลา เลือกตั้งมันมีจริงซะที่ไหน? ปชต.หาแดร๊กควาย ตื่นกันหมดแล้ว? ทุกครั้งหากมรึงสังเกตุ จะจับโป๊ะแตกได้ทันที ไม่ว่าใครจะนำ ใครจะตาม แต่พอก่อนเลือกตั้ง ทุกอย่างจะ RESET สูสีกันหมด โพลใคร โพลมัน ปั่นให้ควายตื่นเต้นว่ามีส่วนร่วม? DEEP STATE ที่ว่ากันเนี่ย มันวางหมากให้เดิน อเมริกาไม่มีตัวตน แค่หุ่นกระบอกให้อียิวเชิด ถึงเวลาก็ต้องกลับบ้านเก่า บ้านที่ไปปล้นอินเดียนแดงเค้ามา เวลาบ้านแตก อินเดียนแดงจะเรียกร้องเอาคืนทั้งหมดชัวร์! อเมริกาแตก ใครซวย อีแคนไงจ๊ะ? แต่มันรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะอีแคน คือเยรูซาเล็ม แห่งที่ 2 นั่นเอง อียิวมันจัดตั้งรัฐยิวใหม่แน่ เพราะสายพันธุ์เสนียดจัญไรโลกจะไม่มีวันหายสาปสูญ เพราะโลกต้องมี หยิน หยาง! เวลาวิเคราะห์ เกจิ กุนซือ บ้านเรา มักจะดูจากสิ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของขี้ข้าผ่านสื่อตอแหล มรึงจะหลงทางทันที? ให้ดู สิ่งที่อียิวเหี้ยมันต้องการ แล้วมรึงจะได้คำตอบ จุดหมายปลายทาง ว่ามันจะสุดทางตรงไหน? เพราะบอกเลยว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง? ทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่ยอมรับอยู่แล้ว เพราะเค้าสั่งมาไงล่ะ? ต้องแตกอเมริกาเท่านั้น คือทางรอดอเมริกา พูดให้ชัดคือ ย่ออเมริกาให้เล็กลง เพราะบ้านใหม่อียิวคือ อีแคนาดา นั่นแหละ! สุดท้ายอาจรวมแผ่นดิน เพื่อตั้งรัฐยิวใหม่ ทวีปอเมริกาเหนือคือดินแดนเหี้ย อีก 20 ปี มรึงจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูดวันนี้! หนีหนี้ แค่แผนขั้นต้น แผนการใหญ่มันคือแบ่งโลกออกเป็น 2 ขั้วอำนาจ รอวันฟื้นคืนชีพ แล้วฝั่งขั้วใหม่ไม่รู้เหรอ? รู้ซะยิ่งกว่ารู้ โคตรเหี้ยเก่งแค่ไหน ฉลาดแค่ไหน ก็แค่รองตรีนปูติน สีจิ้นผิง เค้าอ่านมรึงออก 3 ชั้น จนหมดเกลี้ยง อียิวครองโลกผ่านอเมริกา ต่อไปอียิวจะเผยร่างแท้จริงออกมา รัฐยิวใหม่ จะใช้ชื่อเหี้ยอะไรก็ช่าง แต่เจ้าของยังเป็นตัวเดิมเป๊ะเด๊ะ 100 ปี เจอกันใหม่ วังวนจักรวาล มรึงคิดได้ ทำไม ขั้วใหม่จะคิดไม่ได้ สิ่งที่ปูติน สีจิ้นผิง คาเมเนอี JOHN KIM ทำวันนี้ คือปูทางอีก 100 ปีเช่นกัน รู้ทางกันดี? CIVIL WAR แค่เครื่องมือผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเหี้ย เมื่อตะวันออกกลางมันไม่ได้ผล ก็ต้องไปตั้งหลักใหม่ที่อเมริกาเหนือ ส่วนอียุโรปหน้าโง่ ก็ต้องล่มสลายไปในที่สุด รวมถึงการแตกสลายของเครือราชอาณาจักรอังกฤษเช่นกัน เมื่อมรึงเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดแล้ว ละครปาหี่ ก็ดูกันให้สนุกสนานไปซะ อย่าอิน อย่าซีเรียส เพราะโลกคือละคร ยังไม่ตื่นกันอีกเหรอ? อเมริกาคือเรื่องโกหกตอแหล เหมือนที่มันทำฮอลีวู๊ดเอาไว้หลอกควายนั่นแหละ! อีทรัมปป์อยากเกิด อยากเป็น KING ส่วนอีกะลา แค่อีนู๋โคมแดง หมารับใช้ยิวเหี้ยไซออนนิสต์สุดตัว เครือข่ายบริษัทค้าอาวุธ อเมริกาไม่ขายอาวุธแดร๊ก มันก็ไม่มีเหี้ยอะไรจะขายแล้ว เพราะจีน รัสเซีย เอาไปแดร๊กหมด! มรึงเห็นรึยังล่ะว่า "ปชต.แค่ทางผ่าน" นายทุนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ไม่มีดอก เพื่อประชาชน เพื่อแผ่นดิน มีแค่เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์เท่านั้น เพราะขนาดแผ่นดินมรึงก็ยังไปปล้นเค้ามา ประสาอะไรจะมีความมั่นคง ปล้นเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป ความรุนแรง สูญเสีย ต้องมี อียิวมันไม่สนผลลัพธ์ดอก เพราะคนตายไม่ใช่มัน ด้วยเหตุนี้ อิหร่านถึงได้สั่งสอนอียิวไงล่ะ ไล่ฆ่าสายพันธุ์ยิวสัดนรก เพื่อทำให้โลกเบาขึ้น? ยิวมันเหี้ยกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ! ยิ่งแผ่นดินพ่อกูหอมหวาน มันอยากจะแดร๊กใจจะขาด แต่ดันซวย เจอลูกหลานบางระจัน ลูกหลานเสรีไทย 2 ย้อนเกล็ดเหี้ยไปหลายดอก วังจะแข็งแกร่งเพราะศรัทธาเท่านั้น ไม่ว่าอียิวมันจะเล่นแร่แปรวิญญานท่าไหน ก็ไม่สามารถรวบแดร๊กแผ่นดินพ่อได้ เพราะแผ่นดินนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ใช่ที่ที่เหี้ยจะอยู่ได้ มันคือแผ่นดินแห่งธรรม แสงสว่างไสว เหี้ยไอ้อีหน้าไหนก็อยู่ไม่ได้ หากสังเกตุ ไทยเราเดินตามรัสเซีย จีน โมเดล หลายเรื่อง พึ่งพาตัวเองตามคำสอนพ่อร.9 พอเพียง อดออม ประหยัด คลังไทยถึงมั่งคั่งติด TOP10 โลก อย่าคิดว่าอียุ่นปี่รวย หนี้ทั้งนั้น แบกดอลล่าร์จนหลังหัก เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ไทยเราหนี้น้อยที่สุด แต่เสือกมีทองคำเท่าภูเขา เชื่อมั้ยล่ะ? ปล.มาตามสูตร! อีเนรคุณทันยา ไล่รมต.กลาโหมออกทันที ผลงานนต่ำตม ไอ้สัส! ใครจะมาก็แพ้ยับ เพราะเสือกไม่ดูตัวเอง กระจอกแล้วยังเสือกซ่าส์ สุดท้าย แผนหาแพะมาเต็มตรีน โยนบาปให้อีเนรคุณทันยา ชาวยิวกู้แผ่นดิน ขับไล่ทรราชย์? อุปส์! สามัคคีคือพลัง เชิญไปตอแหลแถวช่อง 3 รับยาช่อง 9 ต่อเหอะจ๊ะ? อย่าปฎิเสธ อย่าตีเนียน ทุกการกระทำของอิสราเอล ไอ้อีชาวยิวต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะเกือบครึ่งศตวรรษ ที่มรึงไปรุกรานดินแดนคานาอันมาโดยตลอด มรึงรู้เห็นเต็มใจ กับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ วันนี้ เค้ามาไล่ฆ่ามรึง ลงแขกมรึง เป็นไปตามวิถีแห่งกรรมถูกต้องแล้ว โลกกำลังโฟกัสไปที่เลือกตั้งปาหี่ต้มเปื่อยควาย ความโกลาหลจะเกิดขึ้นแน่ เพราะแต่ละรัฐ มันเตรียมแยกตัวทั้งนั้น ไม่มีใครฟังอำนาจรัฐบาลกลางอีกแล้ว เพราะกูตั้งตนเป็นใหญ่เองได้ จะรองตรีนมรึงไปทำไม? อเมริกาแตก ใครได้ประโยชน์สูงสุดแถวนั้น อีแคนจะรับเละช่วงแรก แบกรับผู้อพยพหนีตาย แต่ในความเป็นจริง อยู่ในแผนรวมชาติพันธุ์เหี้ย ก่อตั้งรัฐยิวใหม่ขึ้นมา หากดูแผนที่ภูมิภาค โลกขั้วเก่าอยู่ดินแดนไกลโพ้น โลกขั้วใหม่คือโลกนั่นเอง แยกกันเดิน แล้วมาดูว่าใครจะรอด? ด้านประเทศกูมี สาละวนอยู่กับเรื่องปาหี่ตอแหล เค้าปล่อยให้มรึงล่อกันเอง กัดกันเอง แฉกันเอง แล้วค่อยเก็บกวาด ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบฟูมฟาย ทุกอย่างมันคือเกมส์ เราสนใจแค่ตัวเราเองก็พอ และให้รู้ไว้ว่า นี่แค่ "เพิ่งจะเริ่มเกมส์ล้างบางโลก" หลังเลือกตั้งปาหี่เหี้ย อะไรใหม่ๆ จะเกิดขึ้นมาอีกเยอะ อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ มรึงจะได้เห็นเต็ม 2 ตา เพราะแสงทำงานเต็มกำลังเมื่อไหร่ เหี้ยดิ้นพล่านทั่วแผ่นดิน อีตาเพน มันจ้องจะปฎิวัติอยู่แล้ว รอแค่มีตัวชง คนลงถนน แบกปืนไปไล่ฆ่ากันอย่างเมามันส์ ทหารออกจะมีตายห่ากันเป็นแสน เพราะแต่ละรัฐ อาวุธครบมือ ของใหญ่ ของหนัก มาเต็ม ใครหนุนล่ะ? ก็อียิวไงล่ะ จัดฉากทหารฆ่าประชาชน จัดฉาก มะกันโง่ฆ่ากันเอง ทั้งหมดเพื่อ RESET ใครจะตามเก็บหนี้มรึง? คงต้องใช้กำลังเข้ามายึดต่อไงล่ะ? อเมริกามัน NOBODY แล้ว แค่เยเมนยังชนะขาดลอย ไม่ต้องถึงมือปูติน สีจิ้นผิง ให้เสียตรีนดอกน่ะ JOHN KIM ผู้เดียว ก็เอาอยู่หมัด ฉากในหนังกำลังจะกลายเป็นจริง โสมแดงปักธงกลางทำเนียบขาว อยากเกิดต้องได้เกิด! มหากาพย์ละครฉากใหญ่เปลี่ยนแผ่นดินอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่แรงไม่จบ ไม่สุดทางไม่ได้แผ่นดินใหม่ อีทรัมปป์จะอยู่หรือไป คำตอบอยู่ที่ "ปากกระบอกปืน" ประกาศเอกราช แยกดินแดนชัวร์! เอาเลย ให้ว่อง ให้ไว กูอยากเห็นเหี้ยตายเกลื่อนแผ่นดิน โง่บัดซบทั้งแผ่นดิน อยู่ไปก็หนักแผ่นดินโลก! ตายห่าไปซะน่ะ อเมริกันหน้าควายทั้งหลาย คนดีดี ใครจะไปอยู่? ปิดตำนาน เสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ทั้งหมดคือ "เรื่องตอแหล" หมี CNN(ฆ่ากันเหอะ อย่าเสือกเสียเวลามาเลือกเลย ผลออกยังไง มรึงก็จ้องจะฆ่ากันอยู่แล้ว อเมริกันมันเก่งแต่ใช้กำลังกับผู้อ่อนแอกว่า เจอของจริง หมาไม่เลิก ฆ่ากันเองง่ายกว่า เพราะไม่ตายโหงทั้งแผ่นดิน ปูตินไม่ต้อง สีจิ้นผิงไม่ยุ่ง เดี๋ยวกูจะฆ่ากันเองโชว์ให้มรึงดู ถูกใจกด LIKE ให้น่ะจ๊ะ) 06 พฤศจิกายน 67 11.05 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1567 Views 0 Reviews