บันทึกบรรพชน VOICES OF HISTORY (SIAM)
บันทึกบรรพชน VOICES OF HISTORY (SIAM)
ประวัติศาสตร์
  • 1 คนติดตามเรื่องนี้
  • 45 โพสต์
  • 41 รูปภาพ
  • 3 วิดีโอ
  • 0 รีวิว
  • ประวัติศาสตร์และข้อเท็จจริง
อัปเดตล่าสุด
  • ไปทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน
    เกิดมาทั้งที โชคดีได้เป็นไทย
    แผ่นดินนี้ บรรพชนปกป้องไว้
    จะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีไทย
    ไปทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน เกิดมาทั้งที โชคดีได้เป็นไทย แผ่นดินนี้ บรรพชนปกป้องไว้ จะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาชนจากทุกจังหวัดเดินทางเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยไทยมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ รสบัส 30 คัน รถตู้ 90 คัน เดินทางด้วยรถไฟ 700 คน รถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสาธารณะไม่สามารถระบุได้
    ประชาชนจากทุกจังหวัดเดินทางเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยไทยมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ รสบัส 30 คัน รถตู้ 90 คัน เดินทางด้วยรถไฟ 700 คน รถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสาธารณะไม่สามารถระบุได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมองว่าไอ้กี้ กับฮุน
    ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า
    ละครของพวกเขา กำลังดำเนินไป

    เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องคุณกบ

    ฮุนกับกี้ ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า
    ทำให้เขมรคลั่งชาติ จนเกิดการเผาสถานฑูต

    และทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารบุกเขาเขมร เพื่อช่วยคนไทย

    ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ

    ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง

    ไอ้ษินกลายเป็นฮีโร่ยอมหักพี่ที่รักเพื่อปกป้องคนไทยในกัมพูชา
    จำได้ว่าตอนนั้นคนอวยทักกี้หนักมาก

    ส่วนเขมรก็คลั่งฮุนเชนเช่นกัน
    ทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารเขาเขมร
    ฉากหน้า ฆ่าและประนาม
    แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ

    ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง
    ผมมองว่าไอ้กี้ กับฮุน ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า ละครของพวกเขา กำลังดำเนินไป เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องคุณกบ ฮุนกับกี้ ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า ทำให้เขมรคลั่งชาติ จนเกิดการเผาสถานฑูต และทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารบุกเขาเขมร เพื่อช่วยคนไทย ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง ไอ้ษินกลายเป็นฮีโร่ยอมหักพี่ที่รักเพื่อปกป้องคนไทยในกัมพูชา จำได้ว่าตอนนั้นคนอวยทักกี้หนักมาก ส่วนเขมรก็คลั่งฮุนเชนเช่นกัน ทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารเขาเขมร ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูก่อนถูกลบ

    เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์

    คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน

    ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้


    เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ

    เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว

    อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง

    เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้

    https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    ดูก่อนถูกลบ เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์ คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้ เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้ https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์นี้ ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ผู้แทนไทยเปิดเผยผลการเจรจาระหว่างไทยกับเขมรเรื่องพื้นที่ดินแดนของไทย แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงหรือเปิดเผยข้อตกลงระหว่างรัฐ จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ

    ผู้ชุมนุมเพียงต้องการปกป้องอธิปไตยของไทยบริเวณที่เขมรขนคนขึ้นมาอยู่ เอ่ะ! มันเหมือนตอนนี้ที่วันก่อนเขมรมันขนคนขึ้นมาปราสาทถึง 2 รถบัส ผมบอกได้แค่ว่า มันคือความตั้งใจ ที่ไทยอาจมองเป็นเรื่องตลก

    ตอนนั้น ผู้ชุมนุนปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะชาวบ้านเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้ทำให้เสียดินแดน และมองว่าผู้ชุมนุมทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ทำให้ชาวบ้านค้าขายไม่ได้ และอาจทำให้เกิดการปะทะกับเขมร สรุปคือกลุ่มนี้เชื่อว่ารัฐบาลไม่ทำให้ดินแดนแน่นอน มองว่าผู้ชุมนุมคือตัวปัญหา

    ถึงตรงนี้ ผมอยากให้เรามองมาที่ปัจจุบัน ว่าเหตุการณ์มันเหมือนกันมากขนาดไหน
    ผมจึงไม่สามารถใว้ใจให้คนที่บอกกับเขมรว่าแม่ทัพไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัน อยู่บริหารแผ่นดินไทยต่อไปได้อีก

    และอยากให้ทุกคนที่มีความสามารถในการนำเสนอข้อมูล ไปบอกเล่าและส่งต่อความจริงกับคนรุ่นหลังด้วยนะครับ


    https://www.youtube.com/watch?v=-U7-H37yRdc
    เหตุการณ์นี้ ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ผู้แทนไทยเปิดเผยผลการเจรจาระหว่างไทยกับเขมรเรื่องพื้นที่ดินแดนของไทย แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงหรือเปิดเผยข้อตกลงระหว่างรัฐ จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ผู้ชุมนุมเพียงต้องการปกป้องอธิปไตยของไทยบริเวณที่เขมรขนคนขึ้นมาอยู่ เอ่ะ! มันเหมือนตอนนี้ที่วันก่อนเขมรมันขนคนขึ้นมาปราสาทถึง 2 รถบัส ผมบอกได้แค่ว่า มันคือความตั้งใจ ที่ไทยอาจมองเป็นเรื่องตลก ตอนนั้น ผู้ชุมนุนปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะชาวบ้านเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้ทำให้เสียดินแดน และมองว่าผู้ชุมนุมทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ทำให้ชาวบ้านค้าขายไม่ได้ และอาจทำให้เกิดการปะทะกับเขมร สรุปคือกลุ่มนี้เชื่อว่ารัฐบาลไม่ทำให้ดินแดนแน่นอน มองว่าผู้ชุมนุมคือตัวปัญหา ถึงตรงนี้ ผมอยากให้เรามองมาที่ปัจจุบัน ว่าเหตุการณ์มันเหมือนกันมากขนาดไหน ผมจึงไม่สามารถใว้ใจให้คนที่บอกกับเขมรว่าแม่ทัพไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัน อยู่บริหารแผ่นดินไทยต่อไปได้อีก และอยากให้ทุกคนที่มีความสามารถในการนำเสนอข้อมูล ไปบอกเล่าและส่งต่อความจริงกับคนรุ่นหลังด้วยนะครับ https://www.youtube.com/watch?v=-U7-H37yRdc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรู้สึกชาวบ้านในพื้นใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร
    รู้สึกดีใจหลังรู้คำตัดสินศาลโลก อะไรทำให้คนไทยคนหนึงดีใจที่ตนกำลังจะเสียดินแดน

    คำตัดสินที่จะนำมาสู่การเสียดินแดนปราสาทและเขาพระวิหารไปอย่างไม่มีวันได้คืนกลับมา

    ในคลิปที่นักข่าวถามความรู้สึกชาวบ้าน เขาดีใจ มีความสุข และตำนิผู้ชุมนุมที่ปกป้องแผ่นดินไทยว่าทำให้วุ่นวาย

    นี่คือผลของการชี้นำโดยสื่อของรัฐบาลและสือชักจูงชี้นำความคิดชาวบ้าน

    หรือรัฐบาลโดยนักการเมืองยุคนั้น แปลคำตัดสินของศาลโลกด้วยข้อมูลและเนื้อหาที่บิดเบือนจากความจริง

    คนไทยทุกคนควรได้ดูคลิปนี้

    เพราะเราอาจถูกหลอกเหมือนพี่ที่ดีใจในขณะที่เรากำลังเสียดินแดน เพราะถูกบิดเบือนชี้นำโดยรัฐและนักการเมือง โดยเฉพาะพวกนักวิชาการ


    https://youtu.be/PMZ14G5DqnU?si=p9OhxHqnSfyt7poX
    ความรู้สึกชาวบ้านในพื้นใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร รู้สึกดีใจหลังรู้คำตัดสินศาลโลก อะไรทำให้คนไทยคนหนึงดีใจที่ตนกำลังจะเสียดินแดน คำตัดสินที่จะนำมาสู่การเสียดินแดนปราสาทและเขาพระวิหารไปอย่างไม่มีวันได้คืนกลับมา ในคลิปที่นักข่าวถามความรู้สึกชาวบ้าน เขาดีใจ มีความสุข และตำนิผู้ชุมนุมที่ปกป้องแผ่นดินไทยว่าทำให้วุ่นวาย นี่คือผลของการชี้นำโดยสื่อของรัฐบาลและสือชักจูงชี้นำความคิดชาวบ้าน หรือรัฐบาลโดยนักการเมืองยุคนั้น แปลคำตัดสินของศาลโลกด้วยข้อมูลและเนื้อหาที่บิดเบือนจากความจริง คนไทยทุกคนควรได้ดูคลิปนี้ เพราะเราอาจถูกหลอกเหมือนพี่ที่ดีใจในขณะที่เรากำลังเสียดินแดน เพราะถูกบิดเบือนชี้นำโดยรัฐและนักการเมือง โดยเฉพาะพวกนักวิชาการ https://youtu.be/PMZ14G5DqnU?si=p9OhxHqnSfyt7poX
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมยุคยิ่งลักษ์ ส่งเทียบเชิญชวนขอเจรจากับนายพลเขมร
    แถมเสนอจะเดินทางไปพบนายพลเขมร ด้วยตนเอง
    เป็นฝ่ายขอเจรจาทั้งที่เป็นอธิปไตยของไทย

    ซึ่งทำให้คนไทยกังวล ว่าท่าที รมว.กลาโหมจะทำให้ไทยเสียเปรียบ

    แต่ รมว.กลาโหมได้ตอบกลีบมาว่า ไม่โง่พอทำให้ไทยเสียเปรียบ (เขาพระวิหาร)หรอก
    ตอนนี้เสียแล้ว.................... คนไทยจำได้ไหม

    ผมนี่นึกถึงภาพที่ไอ้ภูมิธรรมมันบินไปจับมือกับนายพลเขมร ภาพเหมือนกัน ไทยแต่งตัวชุดธรรมดา เขมรเครื่องแบบเติมยศ ยืนจับมือกัน

    เหตุการณ์และคำตอบของนักการเมืองเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด

    https://youtu.be/KkS4c68IVnI?si=8rY-R4qsEfcCogQ7
    รัฐมนตรีกลาโหมยุคยิ่งลักษ์ ส่งเทียบเชิญชวนขอเจรจากับนายพลเขมร แถมเสนอจะเดินทางไปพบนายพลเขมร ด้วยตนเอง เป็นฝ่ายขอเจรจาทั้งที่เป็นอธิปไตยของไทย ซึ่งทำให้คนไทยกังวล ว่าท่าที รมว.กลาโหมจะทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่ รมว.กลาโหมได้ตอบกลีบมาว่า ไม่โง่พอทำให้ไทยเสียเปรียบ (เขาพระวิหาร)หรอก ตอนนี้เสียแล้ว.................... คนไทยจำได้ไหม ผมนี่นึกถึงภาพที่ไอ้ภูมิธรรมมันบินไปจับมือกับนายพลเขมร ภาพเหมือนกัน ไทยแต่งตัวชุดธรรมดา เขมรเครื่องแบบเติมยศ ยืนจับมือกัน เหตุการณ์และคำตอบของนักการเมืองเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด https://youtu.be/KkS4c68IVnI?si=8rY-R4qsEfcCogQ7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมขอทำนายเลยว่า ยังไงเขมรกับไทยก็จะปะทะกัน
    เมื่อฮุนเซนได้หลักฐานเอกสาร การตกลง
    และหลักฐานดิจิตอนฟุตพริ้น โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลไทย
    เพราะเพียงแค่การไม่โต้แย้ง นั่นก็หมายถึงการยอมรับ

    เมื่อทุกอย่างเดินตามหมากที่ไอ้ฮุนวางไว้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก
    มันจะลากเวลาให้นานพอที่คนไทยจะเบื่อหน่าย
    และประชาชนคนไทย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เริ่มเบื่อ
    ไม่ท่าทีรัฐบาลอิ้งที่ เหมือนจงใจรับลูกลากเวลา
    ทั้งที่จะกดดันเขมร เด็กมัทธยมยังคิดได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ

    เมื่อเวลานานพอ การปั่นประสาทคนไทยเริ่มได้ผล
    ประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ยืดเยื้อ จะหันมาที่กดดันทหาร
    เพราะมันรู้คนไทยขี้เบื่อ เบื่อเมื่อไหร่ ไทยเราจะอ่อนแอตอนนั้น

    เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นเอาตลก หรือพูดเพ้อๆ
    ประวัติข้อพิพาทเขาพระวิหาร ศรีสะเกษ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
    ช่วงแรกๆ ประชาชนก็ขึงขัง หลังๆ ถูกสื่อกล่อม

    ว่าเราต้องเจรจา ตกลงยอมให้ดินแดนไทยเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกับเขมร

    โดยให้ควาหวัง ที่ฟังขึ้นจากนักวิชาการ
    ว่าชาวบ้านจะได้กลับไปขายของเหมือนเดิม
    ไทยกัมพูชาจะได้อยู่กันอย่างสงบ

    เสียงชาวบ้านพื้นที่ชายแดนเริ่มออกมาขอร้องคนที่ชุมนุมว่าให้หยุด
    เพราะพวกชุมนุมไม่มีใครอยู่ชาย
    เมื่อคนในพื้นที่ออกมาร้องให้ เรียกร้องให้หยุด
    ใครจะทำอะไรได้

    ก็เขาบอกจะพัฒนาปราสาทพระวิหารให้เป็นที่เที่ยวระดับโลก
    ชาวบ้านจะรวย .......

    ผมจำหน้าป้ากับชาวบ้านอีกหลายคนได้ (ไม่ใช่ทุกคนแค่กลุ่มหนึง)ที่ขอร้องให้ทหารไทยเจรจากับทหารโจรเขมร

    ผมจำได้ดี ป้ามั่นใจว่าจะได้ขายของเหมือนเดิมและจะรวยกว่าเดิม
    ....มาวันนี้ เขมรห้ามคนไทยขึ้นปราสาทพระวิหารฝั่งไทย
    สภาพปราสาทเป็นเช่นไร ผมว่าคนในพื้นที่คงเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อสารดี

    หวังว่า เราจะไม่เดินวนไปจุดเดิม อย่าประมาทไอ้ฮุน
    ผมขอทำนายเลยว่า ยังไงเขมรกับไทยก็จะปะทะกัน เมื่อฮุนเซนได้หลักฐานเอกสาร การตกลง และหลักฐานดิจิตอนฟุตพริ้น โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลไทย เพราะเพียงแค่การไม่โต้แย้ง นั่นก็หมายถึงการยอมรับ เมื่อทุกอย่างเดินตามหมากที่ไอ้ฮุนวางไว้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก มันจะลากเวลาให้นานพอที่คนไทยจะเบื่อหน่าย และประชาชนคนไทย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เริ่มเบื่อ ไม่ท่าทีรัฐบาลอิ้งที่ เหมือนจงใจรับลูกลากเวลา ทั้งที่จะกดดันเขมร เด็กมัทธยมยังคิดได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ เมื่อเวลานานพอ การปั่นประสาทคนไทยเริ่มได้ผล ประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ยืดเยื้อ จะหันมาที่กดดันทหาร เพราะมันรู้คนไทยขี้เบื่อ เบื่อเมื่อไหร่ ไทยเราจะอ่อนแอตอนนั้น เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นเอาตลก หรือพูดเพ้อๆ ประวัติข้อพิพาทเขาพระวิหาร ศรีสะเกษ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่วงแรกๆ ประชาชนก็ขึงขัง หลังๆ ถูกสื่อกล่อม ว่าเราต้องเจรจา ตกลงยอมให้ดินแดนไทยเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกับเขมร โดยให้ควาหวัง ที่ฟังขึ้นจากนักวิชาการ ว่าชาวบ้านจะได้กลับไปขายของเหมือนเดิม ไทยกัมพูชาจะได้อยู่กันอย่างสงบ เสียงชาวบ้านพื้นที่ชายแดนเริ่มออกมาขอร้องคนที่ชุมนุมว่าให้หยุด เพราะพวกชุมนุมไม่มีใครอยู่ชาย เมื่อคนในพื้นที่ออกมาร้องให้ เรียกร้องให้หยุด ใครจะทำอะไรได้ ก็เขาบอกจะพัฒนาปราสาทพระวิหารให้เป็นที่เที่ยวระดับโลก ชาวบ้านจะรวย ....... ผมจำหน้าป้ากับชาวบ้านอีกหลายคนได้ (ไม่ใช่ทุกคนแค่กลุ่มหนึง)ที่ขอร้องให้ทหารไทยเจรจากับทหารโจรเขมร ผมจำได้ดี ป้ามั่นใจว่าจะได้ขายของเหมือนเดิมและจะรวยกว่าเดิม ....มาวันนี้ เขมรห้ามคนไทยขึ้นปราสาทพระวิหารฝั่งไทย สภาพปราสาทเป็นเช่นไร ผมว่าคนในพื้นที่คงเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อสารดี หวังว่า เราจะไม่เดินวนไปจุดเดิม อย่าประมาทไอ้ฮุน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า

    "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
    เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
    กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
    คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
    อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
    ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
    เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
    สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
    ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
    คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
    หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?
    ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?
    เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
    ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
    ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง
    เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
    ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
    ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป
    มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้
    สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย…

    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
    หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
    18 ตุลาคม 2502

    สำหรับคนเขมรแล้ว เมื่อคราวเขมรแตกจากเขมรแดง โดยพลพต มีชาวเขมรหนีตายเข้ามาที่เขาล้านจังหวัดตราด นับแสนคน มาในสภาพโครงกระดูกเดินได้ อดอยาก เจ็บป่วย ปางตาย อุจจาระ ปัสสาวะกลาดเกลื่อนเหม็นคลุ้งไปทั้งเขาล้าน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ให้การช่วยเหลือ ทรงประทับแรมท่ามกลางผู้อพยพชาวเขมรนับแสนคน ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย ได้ทรงให้สภากาชาดไทยจัดตั้งค่ายช่วยเหลือผู้อพยพหนีตายนับแสนคน ทรงงานหนักอย่างไม่ทรงรังเกียจด้วยพระเมตตาสูงสุดต่อชาวกัมพูชาพลัดบ้านพลัดถิ่นที่หนีตายมาพึ่งพระบารมี ทรงมีพระราชเสาวนีย์พระราชทานว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี”

    ในเหตุการณ์นั้นมีนายทหารหนุ่มคนหนึ่งโดยเสด็จและถวายงานในการช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างใกล้ชิดคือในหลวงรัชกาลที่ 10 (ขณะนั้นทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ทรงลาดตระเวนถวายอารักขา ดูแลความปลอดภัยของพระราชมารดาผู้ทรงมุ่งมั่นทรงงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างเต็มที่ และทรงได้ถวายงานในการช่วยเหลือพี่น้องชาวกัมพูชาที่บ้านแตกสาแหรกขาดจนต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็นพึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกเช่นกัน

    กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา? เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย… ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 18 ตุลาคม 2502 สำหรับคนเขมรแล้ว เมื่อคราวเขมรแตกจากเขมรแดง โดยพลพต มีชาวเขมรหนีตายเข้ามาที่เขาล้านจังหวัดตราด นับแสนคน มาในสภาพโครงกระดูกเดินได้ อดอยาก เจ็บป่วย ปางตาย อุจจาระ ปัสสาวะกลาดเกลื่อนเหม็นคลุ้งไปทั้งเขาล้าน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ให้การช่วยเหลือ ทรงประทับแรมท่ามกลางผู้อพยพชาวเขมรนับแสนคน ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย ได้ทรงให้สภากาชาดไทยจัดตั้งค่ายช่วยเหลือผู้อพยพหนีตายนับแสนคน ทรงงานหนักอย่างไม่ทรงรังเกียจด้วยพระเมตตาสูงสุดต่อชาวกัมพูชาพลัดบ้านพลัดถิ่นที่หนีตายมาพึ่งพระบารมี ทรงมีพระราชเสาวนีย์พระราชทานว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี” ในเหตุการณ์นั้นมีนายทหารหนุ่มคนหนึ่งโดยเสด็จและถวายงานในการช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างใกล้ชิดคือในหลวงรัชกาลที่ 10 (ขณะนั้นทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ทรงลาดตระเวนถวายอารักขา ดูแลความปลอดภัยของพระราชมารดาผู้ทรงมุ่งมั่นทรงงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างเต็มที่ และทรงได้ถวายงานในการช่วยเหลือพี่น้องชาวกัมพูชาที่บ้านแตกสาแหรกขาดจนต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็นพึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอความช่วยเหลือจากสถาบันไทยตลอด แต่ก็ไม่เคยสำนึก


    https://youtu.be/S9VqmEGgM6E?si=D37y53z-kLy45SoH
    ขอความช่วยเหลือจากสถาบันไทยตลอด แต่ก็ไม่เคยสำนึก https://youtu.be/S9VqmEGgM6E?si=D37y53z-kLy45SoH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระพันปีหลวง พร้อมด้วยในหลวง ร.10 ขณะดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมศูนย์สภากาชาดเขาล้านอีกครั้ง และทั้งสองพระองค์ยังทรงเสด็จไปอีกหลายครั้งเพื่อติดตามงานของศูนย์สภากาดชาดไทยแห่งนี้ด้วยทรงห่วงใย

    ในช่วงสงครามชิงอำนาจในเขมรติดต่อกันหลายปี ได้มีชาวเขมรอพยพเข้ามาในเขตประเทศไทยไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันที่ลาวก็ไม่สงบเช่นกัน เกิดสงครามในประเทศระหว่างขบวนการปเทดลาวกับรัฐบาลฝ่ายขวาในการสนับสนุนจาก ซีไอเอ.ของอเมริกา ชายแดนของประเทศไทยที่ติดต่อกับประเทศลาวและเขมรจึงมีคนหนีตายเข้ามาตลอดชายแดนตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน จนสุดภาคตะวันออก แม้จะมีการวางกับระเบิด ทุ่นระเบิดนับแสนลูกตามแนวชายแดนด้านเขมรเพื่อมิให้ชาวเขมรหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางคนหนีตายได้ ทุกวันนี้ก็ยังต้องเก็บกู้กันอยู่

    รัฐบาลเขมรเฮง สัมรินยังเรียกร้องมายังรัฐบาลไทยให้ปิดชายแดนไม่ให้คนเขมรหนีเข้ามา แต่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งไปเยี่ยมเขมรอพยพที่บ้านคลองหว้า ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศได้ตอบนักข่าวว่า เราเป็นประเทศเอกราช ใครจะสั่งมาไม่ได้ เมื่อนักข่าวถามว่าเขาขู่จะตอบโต้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ตอบว่า การเมืองนั้นจะพูดอะไรก็ได้ เราก็โต้ได้เหมือนกัน อย่างเวียดนามเรียกทูตเราไปต่อว่าและอ่านแถลงการณ์โจมตีเรา เราก็เรียกทูตเขามายื่นประท้วงไปเหมือนกัน ส่วนที่เฮง สัมรินกล่าวเตือนมาว่า ไทยอย่าคิดเล่นกับไฟ นายกฯเกรียงศักดิ์ก็บอกว่า “ผมก็บอกเขาว่า ไฟอย่าคิดเล่นกับน้ำก็แล้วกัน”
    สภาพค่ายอพยพที่อรัญประเทศก็ไม่ต่างกับที่เขาล้าน จังหวัดตราด คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะทั่วไปหมด เนื่องจากผู้อพยพปล่อยทั้งทุกข์หนักทุกข์เบาไล่เลือกที่ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า ได้สร้างส้วมให้แล้ว แต่ชาวเขมรไม่ยอมเข้า ถนัดแต่ “ไปทุ่ง” เรี่ยราดตามใจตัวเอง เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้ประกาศบังคับทุกคนให้ใช้ส้วมและทิ้งขยะให้เป็นที่ เพื่อสุขภาพของผู้อยู่เอง ถ้าจะใช้วิธีไปทุ่งก็ขอให้ขุดหลุมกลบ และสั่งให้แจกเสียมประจำไว้ทุกครอบครัว ทั้งยังให้รับเด็กที่ไม่มีพ่อแม่เข้ามาดูแลที่กรุงเทพฯด้วย

    ตลอดชายแดนไทยตอนนั้นจึงเกลื่อนไปด้วยค่ายอพยพ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถวบ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองจาน บ้านโนนสูง บ้านอ่างศิลา ฯลฯ จากข้อมูลของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรบรรเทาทุกข์อื่น การหนีภัยสงครามของชาวกัมพูชาตั้งแต่ปี ๒๕๑๘-๒๕๒๗ มีค่ายผู้อพยพหลักและค่ายย่อยไม่น้อยกว่า ๖๐ แห่งตลอดแนวชายแดนที่ติดกับกัมพูชา ค่ายที่ถูกกล่าวถึงมากสุดคือ เขาอีด่าง ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งแบกรับเขมรอพยพไว้กว่า ๒ แสนคน เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสนามที่องค์การระหว่างประเทศรวมทั้งกาชาดสากลให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย และต้องดูแลกันนานร่วม ๑๐ ปี ก่อนจะมีประเทศที่ ๓ ช่วยรับไปต่อหรือส่งกลับไปประเทศของตัวเมื่อเหตุการณ์สงบ

    สมเด็จพระพันปีหลวง พร้อมด้วยในหลวง ร.10 ขณะดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมศูนย์สภากาชาดเขาล้านอีกครั้ง และทั้งสองพระองค์ยังทรงเสด็จไปอีกหลายครั้งเพื่อติดตามงานของศูนย์สภากาดชาดไทยแห่งนี้ด้วยทรงห่วงใย ในช่วงสงครามชิงอำนาจในเขมรติดต่อกันหลายปี ได้มีชาวเขมรอพยพเข้ามาในเขตประเทศไทยไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันที่ลาวก็ไม่สงบเช่นกัน เกิดสงครามในประเทศระหว่างขบวนการปเทดลาวกับรัฐบาลฝ่ายขวาในการสนับสนุนจาก ซีไอเอ.ของอเมริกา ชายแดนของประเทศไทยที่ติดต่อกับประเทศลาวและเขมรจึงมีคนหนีตายเข้ามาตลอดชายแดนตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน จนสุดภาคตะวันออก แม้จะมีการวางกับระเบิด ทุ่นระเบิดนับแสนลูกตามแนวชายแดนด้านเขมรเพื่อมิให้ชาวเขมรหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางคนหนีตายได้ ทุกวันนี้ก็ยังต้องเก็บกู้กันอยู่ รัฐบาลเขมรเฮง สัมรินยังเรียกร้องมายังรัฐบาลไทยให้ปิดชายแดนไม่ให้คนเขมรหนีเข้ามา แต่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งไปเยี่ยมเขมรอพยพที่บ้านคลองหว้า ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศได้ตอบนักข่าวว่า เราเป็นประเทศเอกราช ใครจะสั่งมาไม่ได้ เมื่อนักข่าวถามว่าเขาขู่จะตอบโต้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ตอบว่า การเมืองนั้นจะพูดอะไรก็ได้ เราก็โต้ได้เหมือนกัน อย่างเวียดนามเรียกทูตเราไปต่อว่าและอ่านแถลงการณ์โจมตีเรา เราก็เรียกทูตเขามายื่นประท้วงไปเหมือนกัน ส่วนที่เฮง สัมรินกล่าวเตือนมาว่า ไทยอย่าคิดเล่นกับไฟ นายกฯเกรียงศักดิ์ก็บอกว่า “ผมก็บอกเขาว่า ไฟอย่าคิดเล่นกับน้ำก็แล้วกัน” สภาพค่ายอพยพที่อรัญประเทศก็ไม่ต่างกับที่เขาล้าน จังหวัดตราด คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะทั่วไปหมด เนื่องจากผู้อพยพปล่อยทั้งทุกข์หนักทุกข์เบาไล่เลือกที่ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า ได้สร้างส้วมให้แล้ว แต่ชาวเขมรไม่ยอมเข้า ถนัดแต่ “ไปทุ่ง” เรี่ยราดตามใจตัวเอง เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้ประกาศบังคับทุกคนให้ใช้ส้วมและทิ้งขยะให้เป็นที่ เพื่อสุขภาพของผู้อยู่เอง ถ้าจะใช้วิธีไปทุ่งก็ขอให้ขุดหลุมกลบ และสั่งให้แจกเสียมประจำไว้ทุกครอบครัว ทั้งยังให้รับเด็กที่ไม่มีพ่อแม่เข้ามาดูแลที่กรุงเทพฯด้วย ตลอดชายแดนไทยตอนนั้นจึงเกลื่อนไปด้วยค่ายอพยพ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถวบ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองจาน บ้านโนนสูง บ้านอ่างศิลา ฯลฯ จากข้อมูลของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรบรรเทาทุกข์อื่น การหนีภัยสงครามของชาวกัมพูชาตั้งแต่ปี ๒๕๑๘-๒๕๒๗ มีค่ายผู้อพยพหลักและค่ายย่อยไม่น้อยกว่า ๖๐ แห่งตลอดแนวชายแดนที่ติดกับกัมพูชา ค่ายที่ถูกกล่าวถึงมากสุดคือ เขาอีด่าง ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งแบกรับเขมรอพยพไว้กว่า ๒ แสนคน เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสนามที่องค์การระหว่างประเทศรวมทั้งกาชาดสากลให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย และต้องดูแลกันนานร่วม ๑๐ ปี ก่อนจะมีประเทศที่ ๓ ช่วยรับไปต่อหรือส่งกลับไปประเทศของตัวเมื่อเหตุการณ์สงบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานเงินสร้างสถาบันการศึกษาและให้ทุนแก่ นักเรียน นักศึกษา กัมพูชา

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานเงินสร้างสถาบันการศึกษาและให้ทุนแก่ นักเรียน นักศึกษา กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดแพรคลุมป้ายอาคารผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ผสมผสานกับเครื่องยนต์ดีเซล ณ สถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียล จ.กำปงธม ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯ ดร.ฮ็อง จวน ณารน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและการกีฬา ราชอาณาจักรกัมพูชา ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พลเอกณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เฝ้ารับเสด็จฯ
    เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดแพรคลุมป้ายอาคารผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ผสมผสานกับเครื่องยนต์ดีเซล ณ สถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียล จ.กำปงธม ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯ ดร.ฮ็อง จวน ณารน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและการกีฬา ราชอาณาจักรกัมพูชา ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พลเอกณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เฝ้ารับเสด็จฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดแพรคลุมป้ายอาคารผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ผสมผสานกับเครื่องยนต์ดีเซล ณ สถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียล จ.กำปงธม ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯ ดร.ฮ็อง จวน ณารน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและการกีฬา ราชอาณาจักรกัมพูชา ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พลเอกณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เฝ้ารับเสด็จฯ
    เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดแพรคลุมป้ายอาคารผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ผสมผสานกับเครื่องยนต์ดีเซล ณ สถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียล จ.กำปงธม ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯ ดร.ฮ็อง จวน ณารน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและการกีฬา ราชอาณาจักรกัมพูชา ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พลเอกณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เฝ้ารับเสด็จฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาหลายครั้ง ทรงพบว่าประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกลมีความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากขาดโอกาสทางการศึกษาและความยากลำบากในการเข้ารับการศึกษาของเด็กชาวกัมพูชา ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับปัญหาในประเทศไทย จึงมีพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาและการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมราชองครักษ์ กองบัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนองพระราชดำริ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งคณะกรรมการโครงการโรงเรียนพระราชทานในราชอาณาจักรกัมพูชา และทรงรับเป็นประธานโครงการ

    รัฐบาลกัมพูชาโดยฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ และยินดีรับสนองพระราชดำริอย่างเต็มที่ และน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน 45 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลซ็อมโบร์ จังหวัดกำปงธม สำหรับเป็นพื้นที่ก่อสร้างวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล

    วันที่ 17 พ.ค. 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2544 ต่อมามีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมอีกจำนวนมากและขยายพื้นที่ออกไปอีก 72 ไร่ รวมเป็น 117 ไร่ การก่อสร้างทั้งหมดเสร็จสิ้นในเดือน เม.ย. 2548

    วิทยาลัยกำปงเฌอเตียล เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เปิดสอนทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียนรวมประมาณ 1,200 คน โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนกัมพูชามีโอกาสได้รับการศึกษามากขึ้น ดังพระราชดำรัสในพิธีเปิดวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2548 ความตอนหนึ่งว่า

    “... ข้าพเจ้ามาศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมในประเทศกัมพูชาหลายครั้งทุกครั้งที่มารัฐบาลแห่งประเทศกัมพูชา อีกทั้งประชาชนชาวกัมพูชาต้อนรับข้าพเจ้าอย่างดียิ่ง สะท้อนให้เห็นความเป็นมิตรที่ดีต่อกันมานาน ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา และมีใจปรารถนาที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการสนองตอบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดดีไปกว่าการส่งเสริมการศึกษา เพื่อให้เยาวชนมีความรู้และมีอนาคต จึงได้คิดโครงการสร้างสถานศึกษาขึ้น ณที่นี้ เมื่อเริ่มต้นโครงการก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย จากทั้งสองประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาร่วมช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก... วิทยาลัยกำปงเฌอเตียลนี้ จะเป็นเสมือนอนุสรณ์แห่งสายสัมพันธ์อันมั่นคงและยั่งยืนระหว่างเราสองประเทศสืบไปตราบนานเท่านาน ...”

    นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาของวิทยาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษาเพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานเครื่องดนตรีปี่พาทย์ครบชุด และพระราชทานทรัพย์สำหรับจ้างครูท้องถิ่นผู้ชำนาญการสอนนาฏศิลป์และดนตรี

    ต่อมาในปี 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในพระราชฐานะทูตสันถวไมตรีขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร่วมมือกับราชอาณาจักรกัมพูชา ทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนใน 3 จังหวัด คือโรงเรียนประถมศึกษาดอมเบย (Domber Primary School) ในจังหวัดกำปงจาม (Kampong Cham Province) โรงเรียนประถมศึกษาทมปุง (Tompung Primary School) ในจังหวัดกำปงสะปือ (Kampong Speu Province) และโรงเรียนประถมศึกษาปุนเลย (Ponlei Primary School) ในจังหวัดเปรแวง (Prey Veng Province) ที่มีกิจกรรมการเกษตรแบบผสมผสานขนาดเล็ก พัฒนาแหล่งน้ำประจำโรงเรียน การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งการพัฒนาอนามัยส่วนบุคคลและสุขาภิบาล การดำเนินงานโครงการครอบคลุมเด็กนักเรียน 2,348 คน ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้แก่โรงเรียนและชุมชนอื่นๆ ต่อไป

    โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาหลายครั้ง ทรงพบว่าประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกลมีความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากขาดโอกาสทางการศึกษาและความยากลำบากในการเข้ารับการศึกษาของเด็กชาวกัมพูชา ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับปัญหาในประเทศไทย จึงมีพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาและการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมราชองครักษ์ กองบัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนองพระราชดำริ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งคณะกรรมการโครงการโรงเรียนพระราชทานในราชอาณาจักรกัมพูชา และทรงรับเป็นประธานโครงการ รัฐบาลกัมพูชาโดยฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ และยินดีรับสนองพระราชดำริอย่างเต็มที่ และน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน 45 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลซ็อมโบร์ จังหวัดกำปงธม สำหรับเป็นพื้นที่ก่อสร้างวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล วันที่ 17 พ.ค. 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2544 ต่อมามีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมอีกจำนวนมากและขยายพื้นที่ออกไปอีก 72 ไร่ รวมเป็น 117 ไร่ การก่อสร้างทั้งหมดเสร็จสิ้นในเดือน เม.ย. 2548 วิทยาลัยกำปงเฌอเตียล เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เปิดสอนทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียนรวมประมาณ 1,200 คน โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนกัมพูชามีโอกาสได้รับการศึกษามากขึ้น ดังพระราชดำรัสในพิธีเปิดวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2548 ความตอนหนึ่งว่า “... ข้าพเจ้ามาศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมในประเทศกัมพูชาหลายครั้งทุกครั้งที่มารัฐบาลแห่งประเทศกัมพูชา อีกทั้งประชาชนชาวกัมพูชาต้อนรับข้าพเจ้าอย่างดียิ่ง สะท้อนให้เห็นความเป็นมิตรที่ดีต่อกันมานาน ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา และมีใจปรารถนาที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการสนองตอบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดดีไปกว่าการส่งเสริมการศึกษา เพื่อให้เยาวชนมีความรู้และมีอนาคต จึงได้คิดโครงการสร้างสถานศึกษาขึ้น ณที่นี้ เมื่อเริ่มต้นโครงการก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย จากทั้งสองประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาร่วมช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก... วิทยาลัยกำปงเฌอเตียลนี้ จะเป็นเสมือนอนุสรณ์แห่งสายสัมพันธ์อันมั่นคงและยั่งยืนระหว่างเราสองประเทศสืบไปตราบนานเท่านาน ...” นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาของวิทยาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษาเพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานเครื่องดนตรีปี่พาทย์ครบชุด และพระราชทานทรัพย์สำหรับจ้างครูท้องถิ่นผู้ชำนาญการสอนนาฏศิลป์และดนตรี ต่อมาในปี 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในพระราชฐานะทูตสันถวไมตรีขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร่วมมือกับราชอาณาจักรกัมพูชา ทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนใน 3 จังหวัด คือโรงเรียนประถมศึกษาดอมเบย (Domber Primary School) ในจังหวัดกำปงจาม (Kampong Cham Province) โรงเรียนประถมศึกษาทมปุง (Tompung Primary School) ในจังหวัดกำปงสะปือ (Kampong Speu Province) และโรงเรียนประถมศึกษาปุนเลย (Ponlei Primary School) ในจังหวัดเปรแวง (Prey Veng Province) ที่มีกิจกรรมการเกษตรแบบผสมผสานขนาดเล็ก พัฒนาแหล่งน้ำประจำโรงเรียน การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งการพัฒนาอนามัยส่วนบุคคลและสุขาภิบาล การดำเนินงานโครงการครอบคลุมเด็กนักเรียน 2,348 คน ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้แก่โรงเรียนและชุมชนอื่นๆ ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซน ไม่ติดหนี้อะไรไทยจริงหรอ?

    ทั้งที่เคย ทูลขอไปยังเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร(พระยศขณะนั้น)ให้ทรงช่วยเหลือกัมพูชาด้านสาธารณสุข และการศึกษาต่อไป” สำนักข่าวซึ่งเป็นของรัฐบาล กล่าว

    พล.อ.วาภิรมย์ นายทหารเกษียนราชการวัย 65 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการ โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชาด้านการศึกษา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน

    โครงการนี้ได้ช่วยกัมพูชาก่อสร้างโรงเรียนมัธยมกัมปงเฌอเตียล (Kampong Chheuteal) ใน จ.กัมปงธม ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2543 พระองค์เสด็จฯ กัมพูชาหลายครั้งมาตั้งแต่นั้น รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนในเดือน พ.ย.2548 ร่วมกับ นรม.กัมพูชา

    โรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 และจากชื่อเดิม คือ โรงเรียนมัธยมปราสาทซอมบอร์ ได้กลายมาเป็นโรงเรียนมัธยมกัมปงเฉอเตียลและเป็นวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียลในปัจจุบัน

    ในแต่ละปีวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียล รับนักเรียนเข้าเรียนกว่า 1,000 คน สอนตามหลักสูตรของกัมพูชาโดยครูอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวเขมร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ตลอดมา

    กัมปงเฌอเตียล ได้กลายเป็นสถานศึกษาตัวอย่าง ซึ่งนอกจากจะฝึกสอนวิชาการแล้วยังเน้นการอบรมนักเรียนด้านความสะอาด การรักษาสุขภาพอนามัย การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม

    และเนื่องจากประชาคมแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทซอมบอร์ (Sambor Prey Kuk) ที่สร้างมาก่อนยุคเมืองพระนคร (นครวัด) การเรียนการสอนจึงเน้นในด้านการอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย
    ฮุนเซน ไม่ติดหนี้อะไรไทยจริงหรอ? ทั้งที่เคย ทูลขอไปยังเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร(พระยศขณะนั้น)ให้ทรงช่วยเหลือกัมพูชาด้านสาธารณสุข และการศึกษาต่อไป” สำนักข่าวซึ่งเป็นของรัฐบาล กล่าว พล.อ.วาภิรมย์ นายทหารเกษียนราชการวัย 65 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการ โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชาด้านการศึกษา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน โครงการนี้ได้ช่วยกัมพูชาก่อสร้างโรงเรียนมัธยมกัมปงเฌอเตียล (Kampong Chheuteal) ใน จ.กัมปงธม ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2543 พระองค์เสด็จฯ กัมพูชาหลายครั้งมาตั้งแต่นั้น รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนในเดือน พ.ย.2548 ร่วมกับ นรม.กัมพูชา โรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 และจากชื่อเดิม คือ โรงเรียนมัธยมปราสาทซอมบอร์ ได้กลายมาเป็นโรงเรียนมัธยมกัมปงเฉอเตียลและเป็นวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียลในปัจจุบัน ในแต่ละปีวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียล รับนักเรียนเข้าเรียนกว่า 1,000 คน สอนตามหลักสูตรของกัมพูชาโดยครูอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวเขมร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ตลอดมา กัมปงเฌอเตียล ได้กลายเป็นสถานศึกษาตัวอย่าง ซึ่งนอกจากจะฝึกสอนวิชาการแล้วยังเน้นการอบรมนักเรียนด้านความสะอาด การรักษาสุขภาพอนามัย การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม และเนื่องจากประชาคมแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทซอมบอร์ (Sambor Prey Kuk) ที่สร้างมาก่อนยุคเมืองพระนคร (นครวัด) การเรียนการสอนจึงเน้นในด้านการอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดการชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย.68 จากการสำรวจกระแสโซเชียลในโพสที่เชิญชวนคนร่วมแสดงความรักชาติ จึงมีกลุ่มที่เป็น io สร้างกระแส พิมพ์ชักชูง ไม่ให้คนออกไปในวันนี้ 28 เป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนทางกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่

    ดังนั้น อยากให้เราถามหัวใจตนเอง ว่ารักผืนแผ่นดินนี้ไหม หากเรารัก แล้วเรากล้าหาญพอไหมที่จะแสดงความรักนั้นออกมา ในรูปแบบที่หัวใจของเราเรียกร้องให้ทำ โดยไม่ต้องฟังเสียง หรืออ่านข้อความจากใคร แต่ทำเพราะหัวใจท่านสั่งให้ทำ

    โลกโซเชียล มีทั้งจริงและหลอก โดยเฉพาะคนไทยที่กำลังต่อสู้กับประเทศคอลเซ็นเตอร์ โซเชียลจึงอาจเป็นทั้งอาวุธปกป้องเราและทำลายเรา หากเราเชื่อทุกอย่างโดยไม่ยึดแผ่นดินสำคัญเป็นที่สุด
    ไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดการชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย.68 จากการสำรวจกระแสโซเชียลในโพสที่เชิญชวนคนร่วมแสดงความรักชาติ จึงมีกลุ่มที่เป็น io สร้างกระแส พิมพ์ชักชูง ไม่ให้คนออกไปในวันนี้ 28 เป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนทางกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ ดังนั้น อยากให้เราถามหัวใจตนเอง ว่ารักผืนแผ่นดินนี้ไหม หากเรารัก แล้วเรากล้าหาญพอไหมที่จะแสดงความรักนั้นออกมา ในรูปแบบที่หัวใจของเราเรียกร้องให้ทำ โดยไม่ต้องฟังเสียง หรืออ่านข้อความจากใคร แต่ทำเพราะหัวใจท่านสั่งให้ทำ โลกโซเชียล มีทั้งจริงและหลอก โดยเฉพาะคนไทยที่กำลังต่อสู้กับประเทศคอลเซ็นเตอร์ โซเชียลจึงอาจเป็นทั้งอาวุธปกป้องเราและทำลายเรา หากเราเชื่อทุกอย่างโดยไม่ยึดแผ่นดินสำคัญเป็นที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • บันทึกเอกสารกรอบการเจรจา JBC ระหว่าง รัฐบาลไทย และ เขมร ปี 2551

    จะเห็นว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทั้งทางบกและทะเลเป็นพื้นที่มหาศาล บางพื้นที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านักการเมืองเขาเจรจากัน หวังว่าเอกสารนี้คุณลุงสนธิ และอาจารย์ปานเทพ จะเคยเห็นและรับรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว

    ความน่ากังวนในการเจรจา JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.68 คือเราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าจะไม่นำไปสู่การทำข้อตกลง หรือ แถลงการณ์ร่วม ที่ทำให้ไทยต้องเสี่ยงต่อการเสียดินแดนอีก จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ยกดินแดนที่เขมรอ้างสิทธิให้เขมร โดยอ้างเหตุผลว่า ถอยคนละก้าว เพื่อไม่ให้เกิดสงคราม

    ประชาชนคนไทย จะรับรู้ได้อย่างไร ว่าการเจรจาที่จะมาถึง จะไม่ส่งผลเสียในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า
    บันทึกเอกสารกรอบการเจรจา JBC ระหว่าง รัฐบาลไทย และ เขมร ปี 2551 จะเห็นว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทั้งทางบกและทะเลเป็นพื้นที่มหาศาล บางพื้นที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านักการเมืองเขาเจรจากัน หวังว่าเอกสารนี้คุณลุงสนธิ และอาจารย์ปานเทพ จะเคยเห็นและรับรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว ความน่ากังวนในการเจรจา JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.68 คือเราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าจะไม่นำไปสู่การทำข้อตกลง หรือ แถลงการณ์ร่วม ที่ทำให้ไทยต้องเสี่ยงต่อการเสียดินแดนอีก จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ยกดินแดนที่เขมรอ้างสิทธิให้เขมร โดยอ้างเหตุผลว่า ถอยคนละก้าว เพื่อไม่ให้เกิดสงคราม ประชาชนคนไทย จะรับรู้ได้อย่างไร ว่าการเจรจาที่จะมาถึง จะไม่ส่งผลเสียในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/hMObzvciMsE?si=KNbUZfxvtHLxW_4R
    https://youtube.com/shorts/hMObzvciMsE?si=KNbUZfxvtHLxW_4R
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/qAZHEaHuI1E?si=eGq7Xmh2Wj9WjkND
    https://youtube.com/shorts/qAZHEaHuI1E?si=eGq7Xmh2Wj9WjkND
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/G5cwbu2QMRI?si=hNZMcWiUzKfV9l4b
    https://youtube.com/shorts/G5cwbu2QMRI?si=hNZMcWiUzKfV9l4b
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/h1U-99EMeoA?si=xecv6r1f8v20_ptE
    https://youtube.com/shorts/h1U-99EMeoA?si=xecv6r1f8v20_ptE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/mSIbrp39rgY?si=A2ENvn9q9EYPhikz
    https://youtube.com/shorts/mSIbrp39rgY?si=A2ENvn9q9EYPhikz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/-ZNQRnYWBEo?si=NsH3mJcExMLaqy3q
    https://youtube.com/shorts/-ZNQRnYWBEo?si=NsH3mJcExMLaqy3q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/P9cvdfCRL1w?si=par2C4q3JJTKU6R6
    https://youtube.com/shorts/P9cvdfCRL1w?si=par2C4q3JJTKU6R6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม