• อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท

    อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ

    ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า

    “ช้อคโกแลตดูไบ”

    ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด

    เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน

    ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก

    ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง
    .
    .
    .
    ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า

    ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย

    ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง

    หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส
    สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์
    สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์
    สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์

    ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ

    ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ

    เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต

    ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ

    นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น

    ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle)

    แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้

    คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่

    รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่
    .
    .
    .
    ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี

    อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต

    ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า
    .
    .
    .
    ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย

    เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น

    ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี

    ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ

    แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ

    ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด

    อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย

    เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก

    อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย

    นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน

    ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง . . . ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?” คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle) แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้ คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่ รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่ . . . ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า . . . ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ

    จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง

    ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก

    ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี

    หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น

    คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ

    สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน

    แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย

    แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร?

    นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ

    ถามว่าถูกกระทำจากใคร ?

    ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว

    แต่ ...

    แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่

    เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ

    เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน

    กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น

    ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า

    เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต

    เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่

    เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย

    ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น

    แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่

    คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว

    อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน

    พยายามเข้านะ..

    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #ข่าวดราม่า
    #สื่อเสี้ยม
    #ส่อสันดาน
    #คนไทย
    #สิ่งเสพติด
    #ความรุนแรง
    #บทความ
    #thaitimes
    #โคราช

    ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร? นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถามว่าถูกกระทำจากใคร ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว แต่ ... แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่ เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่ เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่ คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน พยายามเข้านะ.. #ข้อคิด #แง่คิด #ข่าวดราม่า #สื่อเสี้ยม #ส่อสันดาน #คนไทย #สิ่งเสพติด #ความรุนแรง #บทความ #thaitimes #โคราช
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1510 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ใช้ Thaitimes เป็นวันแรกครับ
    เพราะผมได้ตั้งใจว่าจะลดการใช้งาน Facebook เนื่องจากมีฟีดข่าวที่มีแต่เรื่องข่าวสารที่เป็นพิษ อย่าง ข่าวการเมืองจากสื่อที่เลือกข้าง ข่าวดราม่ารายวัน ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
    ผมเองก็ยอมรับว่า ควรจะเสพข่าวน้อยลง เสพมัลติมีเดียที่ชื่นชอบ ฝึกฝนวิชาชีพด้านโค้ดดิ้งและดาต้าให้เข้มข้นมากขึ้นครับ
    รูปนี้รูปเก่าตั้งแต่ต้นปี 2020 ตอนที่ยังอยู่ชุมพร แต่เดือน พ.ย. ผมอาจได้กลับชุมพร แต่ยังคงทำงานฟรีแลนซ์ทางออนไลน์อยู่ครับ ชอบอิสระ เป็นนายตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำก็ได้ครับ
    วันนี้ใช้ Thaitimes เป็นวันแรกครับ เพราะผมได้ตั้งใจว่าจะลดการใช้งาน Facebook เนื่องจากมีฟีดข่าวที่มีแต่เรื่องข่าวสารที่เป็นพิษ อย่าง ข่าวการเมืองจากสื่อที่เลือกข้าง ข่าวดราม่ารายวัน ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผมเองก็ยอมรับว่า ควรจะเสพข่าวน้อยลง เสพมัลติมีเดียที่ชื่นชอบ ฝึกฝนวิชาชีพด้านโค้ดดิ้งและดาต้าให้เข้มข้นมากขึ้นครับ รูปนี้รูปเก่าตั้งแต่ต้นปี 2020 ตอนที่ยังอยู่ชุมพร แต่เดือน พ.ย. ผมอาจได้กลับชุมพร แต่ยังคงทำงานฟรีแลนซ์ทางออนไลน์อยู่ครับ ชอบอิสระ เป็นนายตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำก็ได้ครับ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว