• เย็นวันอาทิตย์ กับเสียงเพลงที่ไม่มีวันจาง – I Like Chopin

    ลุงยังจำได้ดี... หน้าร้อนช่วงหนึ่งของวัยเด็ก ในเย็นวันอาทิตย์ที่แสงแดดเริ่มอ่อนลง เสียงจั๊กจั่นเงียบลงไปทีละตัว สายลมจากพัดลมโต๊ะตัวเก่าๆ หมุนวนอย่างช้าๆ พ่อมักจะเปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ต่อกับเครื่องเสียงของแกที่ซื้อมาประกอบเอง

    ทุกวันอาทิตย์ช่วงเย็น พ่อจะหมุนหาคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงจากต่างประเทศ แนวที่เขาชอบมักเป็นเพลงสากลนุ่มๆ จากยุค 70s หรือ 80s และในบรรดาเพลงเหล่านั้น มีอยู่เพลงหนึ่งที่ยังฝังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ...

    "Raining Days .. Never Say "Goodbye"...

    เสียงเปียโนเบาๆ ดังขึ้นพร้อมเสียงร้องของนักร้องชายที่ผมตอนนั้นยังไม่รู้จักชื่อ รู้แค่ว่ามันไพเราะเหลือเกิน จนผมนั่งนิ่งอยู่ตรงพื้นเย็นๆ ฟังด้วยหัวใจเบาๆ เหมือนโลกเงียบไปทั้งใบ และมีแค่เสียงเพลงนี้ลอยอยู่ในอากาศ

    พ่อหันมายิ้ม แล้วพูดว่า
    “เพลงนี้ชื่อ I Like Chopin – เพราะดีนะ... เหมือนฟังเปียโนตอนฝนตก”

    วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ลุงรู้จักชื่อ Gazebo ชื่อนี้แปลกสำหรับเด็กไทยอย่างลุง แต่ความแปลกก็ยิ่งทำให้ลุงจำได้ เพลงนี้เป็นของศิลปินลูกครึ่งอิตาลี-อเมริกัน ที่ชื่อจริงคือ Paul Mazzolini แต่ลุงเรียกเขาตามที่วิทยุบอกว่า “กาเซโบ”

    ภายหลังเมื่อลุงโตขึ้น ได้รู้ว่าเพลงนี้ออกมาในปี 1983 เป็นผลงานที่ทำร่วมกับโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Pierluigi Giombini และแม้ชื่อเพลงจะบอกว่า “ฉันชอบโชแปง” แต่มันไม่ได้ใช้บทเพลงของโชแปงจริงๆ — เพียงแต่สร้างบรรยากาศเหงาและคลาสสิกเหมือนนั่งฟังเปียโนกลางสายฝนเย็น

    เพลงนี้เคย ขึ้นอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลก
    มียอดขายทะลุกว่า 8 ล้านแผ่น
    กลายเป็นตำนานของแนวเพลง Italo Disco
    และยังมีคนนำมา คัฟเวอร์และรีมิกซ์ อยู่เรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

    กว่า 20 ปีผ่านไป ลุงเจอเพลงนี้อีกครั้งใน Youtube ตอนปลายทศวรรษ 2000 เสียงเปียโนในอินโทรยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เสียงร้องยังคงห่อหุ้มความทรงจำของลุงเอาไว้อย่างแผ่วเบา

    มันไม่ใช่แค่เพลงสากลเพลงหนึ่ง แต่มันคือหนึ่งใน ภาพจำของวัยเยาว์ ที่รวมเอากลิ่นหน้าร้อน แสงเย็นของวันอาทิตย์ เสียงพ่อหรี่พัดลมให้เบา และความสงบของบ้านหลังเก่าเอาไว้ในท่วงทำนองเดียว

    วันนี้ แม้ลุงจะเปิดเพลงจาก Spotify ผ่านลำโพงไร้สายที่ทันสมัย แต่ใจลุงก็ยังลอยกลับไปในเย็นวันนั้นเสมอ... วันที่ “I Like Chopin” ดังผ่านชุดวิทยุเครื่องเสียงของพ่อ และได้รู้จักความสวยงามของเสียงดนตรี... เป็นครั้งแรกในชีวิต

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/Dtrgwqei7ww
    ☀️ เย็นวันอาทิตย์ กับเสียงเพลงที่ไม่มีวันจาง – I Like Chopin ลุงยังจำได้ดี... หน้าร้อนช่วงหนึ่งของวัยเด็ก ในเย็นวันอาทิตย์ที่แสงแดดเริ่มอ่อนลง เสียงจั๊กจั่นเงียบลงไปทีละตัว สายลมจากพัดลมโต๊ะตัวเก่าๆ หมุนวนอย่างช้าๆ พ่อมักจะเปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ต่อกับเครื่องเสียงของแกที่ซื้อมาประกอบเอง ทุกวันอาทิตย์ช่วงเย็น พ่อจะหมุนหาคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงจากต่างประเทศ แนวที่เขาชอบมักเป็นเพลงสากลนุ่มๆ จากยุค 70s หรือ 80s และในบรรดาเพลงเหล่านั้น มีอยู่เพลงหนึ่งที่ยังฝังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ... 🔖 "Raining Days .. Never Say "Goodbye"... 🎵 เสียงเปียโนเบาๆ ดังขึ้นพร้อมเสียงร้องของนักร้องชายที่ผมตอนนั้นยังไม่รู้จักชื่อ รู้แค่ว่ามันไพเราะเหลือเกิน จนผมนั่งนิ่งอยู่ตรงพื้นเย็นๆ ฟังด้วยหัวใจเบาๆ เหมือนโลกเงียบไปทั้งใบ และมีแค่เสียงเพลงนี้ลอยอยู่ในอากาศ พ่อหันมายิ้ม แล้วพูดว่า “เพลงนี้ชื่อ I Like Chopin – เพราะดีนะ... เหมือนฟังเปียโนตอนฝนตก” วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ลุงรู้จักชื่อ Gazebo ชื่อนี้แปลกสำหรับเด็กไทยอย่างลุง แต่ความแปลกก็ยิ่งทำให้ลุงจำได้ เพลงนี้เป็นของศิลปินลูกครึ่งอิตาลี-อเมริกัน ที่ชื่อจริงคือ Paul Mazzolini แต่ลุงเรียกเขาตามที่วิทยุบอกว่า “กาเซโบ” ภายหลังเมื่อลุงโตขึ้น ได้รู้ว่าเพลงนี้ออกมาในปี 1983 เป็นผลงานที่ทำร่วมกับโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Pierluigi Giombini และแม้ชื่อเพลงจะบอกว่า “ฉันชอบโชแปง” แต่มันไม่ได้ใช้บทเพลงของโชแปงจริงๆ — เพียงแต่สร้างบรรยากาศเหงาและคลาสสิกเหมือนนั่งฟังเปียโนกลางสายฝนเย็น 🎵 เพลงนี้เคย ขึ้นอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลก 🎵 มียอดขายทะลุกว่า 8 ล้านแผ่น 🎵 กลายเป็นตำนานของแนวเพลง Italo Disco 🎵 และยังมีคนนำมา คัฟเวอร์และรีมิกซ์ อยู่เรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน กว่า 20 ปีผ่านไป ลุงเจอเพลงนี้อีกครั้งใน Youtube ตอนปลายทศวรรษ 2000 เสียงเปียโนในอินโทรยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เสียงร้องยังคงห่อหุ้มความทรงจำของลุงเอาไว้อย่างแผ่วเบา มันไม่ใช่แค่เพลงสากลเพลงหนึ่ง แต่มันคือหนึ่งใน ภาพจำของวัยเยาว์ ที่รวมเอากลิ่นหน้าร้อน แสงเย็นของวันอาทิตย์ เสียงพ่อหรี่พัดลมให้เบา และความสงบของบ้านหลังเก่าเอาไว้ในท่วงทำนองเดียว วันนี้ แม้ลุงจะเปิดเพลงจาก Spotify ผ่านลำโพงไร้สายที่ทันสมัย แต่ใจลุงก็ยังลอยกลับไปในเย็นวันนั้นเสมอ... วันที่ “I Like Chopin” ดังผ่านชุดวิทยุเครื่องเสียงของพ่อ และได้รู้จักความสวยงามของเสียงดนตรี... เป็นครั้งแรกในชีวิต #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/Dtrgwqei7ww
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระจันทร์มาแล้ว แต่ตะวัน ยังไม่อยากจากลา ที่อนุสาวรีย์ชัย 18:30 วันที่ 2 สิงหา ฤดูฝน
    พระจันทร์มาแล้ว แต่ตะวัน ยังไม่อยากจากลา ที่อนุสาวรีย์ชัย 18:30 วันที่ 2 สิงหา ฤดูฝน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว

    Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์

    นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม

    ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย

    Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS
    เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง
    เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที

    ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน
    ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้
    ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน

    ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม
    ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น
    ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน

    Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก
    สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา
    Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า

    ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง
    Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้
    แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000

    NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS
    เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian
    ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว

    แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC
    เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง
    ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก

    ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull
    สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด
    Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา

    Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP
    อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC
    ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

    การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว
    ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง
    อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด

    การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน
    ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน
    อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน

    ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน
    อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น
    ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย ✅ Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS ➡️ เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง ➡️ เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที ✅ ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน ➡️ ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้ ➡️ ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน ✅ ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม ➡️ ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น ➡️ ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน ✅ Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก ➡️ สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา ➡️ Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า ✅ ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง ➡️ Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ ➡️ แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000 ✅ NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS ➡️ เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian ➡️ ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว ✅ แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC ➡️ เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง ➡️ ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก ✅ ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull ➡️ สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด ➡️ Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา ‼️ Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP ⛔ อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC ⛔ ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ‼️ การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว ⛔ ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง ⛔ อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด ‼️ การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน ⛔ ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน ⛔ อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ‼️ ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน ⛔ อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น ⛔ ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (Cambodian Mine Action Center – CMAC) แถลงยืนยันวานนี้ (1 ส.ค.) ว่ากองทัพอากาศไทยมีการทิ้งระเบิด MK-84 จำนวน 10 ลูกตลอดช่วง 5 วันที่มีการยิงปะทะตามแนวชายแดน และมีเพียง 4 ลูกเท่านั้นที่ระเบิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073101

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (Cambodian Mine Action Center – CMAC) แถลงยืนยันวานนี้ (1 ส.ค.) ว่ากองทัพอากาศไทยมีการทิ้งระเบิด MK-84 จำนวน 10 ลูกตลอดช่วง 5 วันที่มีการยิงปะทะตามแนวชายแดน และมีเพียง 4 ลูกเท่านั้นที่ระเบิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073101 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ตั้งทีมติดตามหยุดยิง : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผย กองทัพบกหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นพ้องตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงหารือการตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team(AMIT) ในอนาคต ทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยจะหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ยืนยัน จุดยืนไทยเคารพหลักสากล ไม่รุกราน ไม่ใช้ความรุนแรง

    -หวั่นล่ามล้วงข้อมูลไทย

    -เปลี่ยนสถานที่วัดใจกัมพูชา

    -เขมรฉวยจังหวะฟ้องโลก

    -ลดค่าไฟ กันยายน–ธันวาคม
    ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ตั้งทีมติดตามหยุดยิง : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผย กองทัพบกหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นพ้องตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงหารือการตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team(AMIT) ในอนาคต ทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยจะหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ยืนยัน จุดยืนไทยเคารพหลักสากล ไม่รุกราน ไม่ใช้ความรุนแรง -หวั่นล่ามล้วงข้อมูลไทย -เปลี่ยนสถานที่วัดใจกัมพูชา -เขมรฉวยจังหวะฟ้องโลก -ลดค่าไฟ กันยายน–ธันวาคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ธีม WordPress “Alone” ถูกเจาะทะลุ—เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บแบบเงียบ ๆ

    ธีม Alone – Charity Multipurpose Non-profit ซึ่งถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลกว่า 200 แห่งทั่วโลก ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ที่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถอัปโหลดไฟล์ ZIP ที่มี backdoor PHP เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบปลอมได้ทันที

    ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ซึ่งเพิ่งได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 แต่การโจมตีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนที่ช่องโหว่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพียง 2 วัน โดย Wordfence รายงานว่ามีความพยายามโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้วจากหลาย IP ทั่วโลก

    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อ:
    - สร้างบัญชีแอดมินปลอม
    - อัปโหลดมัลแวร์
    - เปลี่ยนเส้นทางผู้เยี่ยมชมไปยังเว็บฟิชชิ่ง
    - ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์อื่น

    ธีม Alone – Charity Multipurpose ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394
    คะแนนความรุนแรง 9.8/10
    เปิดทางให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งจากระยะไกล

    ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5
    เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 7.8.5 ขึ้นไป
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    Wordfence รายงานว่ามีการโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้ว
    เริ่มโจมตีตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2025
    ใช้ไฟล์ ZIP ที่มี backdoor เช่น wp-classic-editor.zip

    แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอมและควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ
    ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือ redirect ไปยังเว็บอันตราย
    อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและข้อมูลผู้ใช้งาน

    ธีมนี้ถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลและ NGO กว่า 200 แห่งทั่วโลก
    มีฟีเจอร์ donation integration และรองรับ Elementor/WPBakery
    เป็นธีมเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มไม่แสวงหากำไร

    หากยังใช้เวอร์ชันก่อน 7.8.5 เว็บไซต์ของคุณเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทันที
    ช่องโหว่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน
    อาจถูกใช้เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผู้ใช้

    การโจมตีเกิดขึ้นก่อนการเปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะ
    แสดงว่าแฮกเกอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงโค้ดอย่างใกล้ชิด
    อาจมีการโจมตีแบบ zero-day ในธีมอื่น ๆ อีก

    ผู้ดูแลเว็บไซต์อาจไม่รู้ว่าถูกเจาะ เพราะมัลแวร์ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
    เช่น การสร้างผู้ใช้ชื่อ “officialwp” หรือการซ่อนไฟล์ใน mu-plugins
    ต้องตรวจสอบ log และผู้ใช้แอดมินอย่างละเอียด

    การใช้ธีมและปลั๊กอินจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก
    ธีมเชิงพาณิชย์ที่ไม่มีการอัปเดตสม่ำเสมออาจมีช่องโหว่
    ควรใช้ธีมที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-target-critical-wordpress-theme-flaw-thousands-of-sites-at-risk-from-potential-takeover-find-out-if-youre-affected
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ธีม WordPress “Alone” ถูกเจาะทะลุ—เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บแบบเงียบ ๆ ธีม Alone – Charity Multipurpose Non-profit ซึ่งถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลกว่า 200 แห่งทั่วโลก ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ที่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถอัปโหลดไฟล์ ZIP ที่มี backdoor PHP เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบปลอมได้ทันที ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ซึ่งเพิ่งได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 แต่การโจมตีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนที่ช่องโหว่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพียง 2 วัน โดย Wordfence รายงานว่ามีความพยายามโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้วจากหลาย IP ทั่วโลก แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อ: - สร้างบัญชีแอดมินปลอม - อัปโหลดมัลแวร์ - เปลี่ยนเส้นทางผู้เยี่ยมชมไปยังเว็บฟิชชิ่ง - ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์อื่น ✅ ธีม Alone – Charity Multipurpose ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ➡️ คะแนนความรุนแรง 9.8/10 ➡️ เปิดทางให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งจากระยะไกล ✅ ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ➡️ เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 7.8.5 ขึ้นไป ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ Wordfence รายงานว่ามีการโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้ว ➡️ เริ่มโจมตีตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2025 ➡️ ใช้ไฟล์ ZIP ที่มี backdoor เช่น wp-classic-editor.zip ✅ แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอมและควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ➡️ ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือ redirect ไปยังเว็บอันตราย ➡️ อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและข้อมูลผู้ใช้งาน ✅ ธีมนี้ถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลและ NGO กว่า 200 แห่งทั่วโลก ➡️ มีฟีเจอร์ donation integration และรองรับ Elementor/WPBakery ➡️ เป็นธีมเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มไม่แสวงหากำไร ‼️ หากยังใช้เวอร์ชันก่อน 7.8.5 เว็บไซต์ของคุณเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทันที ⛔ ช่องโหว่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผู้ใช้ ‼️ การโจมตีเกิดขึ้นก่อนการเปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะ ⛔ แสดงว่าแฮกเกอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงโค้ดอย่างใกล้ชิด ⛔ อาจมีการโจมตีแบบ zero-day ในธีมอื่น ๆ อีก ‼️ ผู้ดูแลเว็บไซต์อาจไม่รู้ว่าถูกเจาะ เพราะมัลแวร์ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ⛔ เช่น การสร้างผู้ใช้ชื่อ “officialwp” หรือการซ่อนไฟล์ใน mu-plugins ⛔ ต้องตรวจสอบ log และผู้ใช้แอดมินอย่างละเอียด ‼️ การใช้ธีมและปลั๊กอินจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก ⛔ ธีมเชิงพาณิชย์ที่ไม่มีการอัปเดตสม่ำเสมออาจมีช่องโหว่ ⛔ ควรใช้ธีมที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/hackers-target-critical-wordpress-theme-flaw-thousands-of-sites-at-risk-from-potential-takeover-find-out-if-youre-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน

    เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽

    🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง

    ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน

    ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน
    อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์)
    กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ
    สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf

    ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e20770

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน 📍 เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽 🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน ✅ ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน ✅ อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) ✅ กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ ✅ สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e20770 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “ดูว่าใครแชร์อะไร กับใคร เมื่อไหร่”—Microsoft Teams เปิดให้ตรวจสอบการแชร์หน้าจอแล้ว

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Teams ที่ให้ผู้ดูแลระบบ (Teams admins) เข้าถึงข้อมูล telemetry และ audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอ (screen sharing) และการควบคุมหน้าจอ (Take/Give/Request control) ได้โดยตรงผ่าน Microsoft Purview

    ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่:
    - ใครเริ่มแชร์หน้าจอ และเมื่อไหร่
    - แชร์ให้ใครดู
    - ใครขอควบคุมหน้าจอ และใครอนุญาต
    - เวลาเริ่มและหยุดการแชร์
    - การยอมรับคำขอควบคุมหน้าจอ

    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก หรือการเข้าควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้งานทำได้ผ่าน Microsoft Purview โดยเลือกเมนู Audit → New Search แล้วกรอกคำค้น เช่น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง และสามารถ export เป็นไฟล์ CSV ได้

    Microsoft เปิดให้ Teams admins เข้าถึง audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอผ่าน Microsoft Purview
    ตรวจสอบได้ว่าใครแชร์หน้าจอ, แชร์ให้ใคร, และเมื่อไหร่
    รองรับการตรวจสอบคำสั่ง Take, Give, Request control

    ข้อมูล telemetry ช่วยให้ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยได้แบบละเอียด
    เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก
    หรือการควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้งานทำผ่าน Microsoft Purview โดยเลือก Audit → New Search
    ใช้คำค้น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail”
    สามารถ export ข้อมูลเป็น CSV ได้

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน
    ไม่จำกัดเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่
    ใช้ได้ทั้งใน Teams เวอร์ชัน desktop, web และ mobile

    Microsoft Purview เป็นแพลตฟอร์มรวมสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล
    รองรับการตรวจสอบ, ป้องกันการรั่วไหล, และการเข้ารหัสข้อมูล
    ใช้ร่วมกับ Microsoft 365, Edge, Windows/macOS และเครือข่าย HTTPS

    ฟีเจอร์ “Detect sensitive content during screen sharing” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีข้อมูลลับปรากฏบนหน้าจอ
    เช่น หมายเลขบัตรเครดิต, เลขประจำตัวประชาชน, หรือข้อมูลภาษี
    ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเตือนและสามารถหยุดการแชร์ได้ทันที

    Microsoft Purview รองรับการป้องกันข้อมูลด้วย sensitivity labels และ Double Key Encryption
    ช่วยให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและควบคุมการเข้าถึงได้ตามระดับความลับ
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมาย

    การเปิดเผยข้อมูล telemetry อาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ หากไม่มีการควบคุมสิทธิ์อย่างเหมาะสม
    ผู้ดูแลระบบที่ไม่มีจรรยาบรรณอาจใช้ข้อมูลเพื่อสอดแนมหรือกดดันพนักงาน
    ควรมีการกำหนดสิทธิ์และนโยบายการเข้าถึงอย่างชัดเจน

    การแชร์หน้าจอโดยไม่ระวังอาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลได้ง่าย
    เช่น การเปิดเอกสารภายในหรือข้อมูลลูกค้าระหว่างประชุมกับบุคคลภายนอก
    ควรมีการแจ้งเตือนหรือระบบตรวจจับเนื้อหาลับระหว่างการแชร์

    การใช้ฟีเจอร์นี้ต้องเปิด auditing ใน Microsoft Purview ก่อน
    หากไม่ได้เปิด auditing จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้
    ข้อมูลจะถูกเก็บตั้งแต่วันที่เปิด auditing เท่านั้น

    การตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังมีข้อจำกัดตามระดับ license ของ Microsoft 365
    ระยะเวลาการเก็บข้อมูล audit log ขึ้นอยู่กับประเภท license
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้ครบถ้วน

    https://www.neowin.net/news/teams-admins-will-now-be-able-to-see-telemetry-for-screen-sharing/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “ดูว่าใครแชร์อะไร กับใคร เมื่อไหร่”—Microsoft Teams เปิดให้ตรวจสอบการแชร์หน้าจอแล้ว ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Teams ที่ให้ผู้ดูแลระบบ (Teams admins) เข้าถึงข้อมูล telemetry และ audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอ (screen sharing) และการควบคุมหน้าจอ (Take/Give/Request control) ได้โดยตรงผ่าน Microsoft Purview ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่: - ใครเริ่มแชร์หน้าจอ และเมื่อไหร่ - แชร์ให้ใครดู - ใครขอควบคุมหน้าจอ และใครอนุญาต - เวลาเริ่มและหยุดการแชร์ - การยอมรับคำขอควบคุมหน้าจอ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก หรือการเข้าควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานทำได้ผ่าน Microsoft Purview โดยเลือกเมนู Audit → New Search แล้วกรอกคำค้น เช่น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง และสามารถ export เป็นไฟล์ CSV ได้ ✅ Microsoft เปิดให้ Teams admins เข้าถึง audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอผ่าน Microsoft Purview ➡️ ตรวจสอบได้ว่าใครแชร์หน้าจอ, แชร์ให้ใคร, และเมื่อไหร่ ➡️ รองรับการตรวจสอบคำสั่ง Take, Give, Request control ✅ ข้อมูล telemetry ช่วยให้ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยได้แบบละเอียด ➡️ เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก ➡️ หรือการควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การใช้งานทำผ่าน Microsoft Purview โดยเลือก Audit → New Search ➡️ ใช้คำค้น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” ➡️ สามารถ export ข้อมูลเป็น CSV ได้ ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน ➡️ ไม่จำกัดเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ ใช้ได้ทั้งใน Teams เวอร์ชัน desktop, web และ mobile ✅ Microsoft Purview เป็นแพลตฟอร์มรวมสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ➡️ รองรับการตรวจสอบ, ป้องกันการรั่วไหล, และการเข้ารหัสข้อมูล ➡️ ใช้ร่วมกับ Microsoft 365, Edge, Windows/macOS และเครือข่าย HTTPS ✅ ฟีเจอร์ “Detect sensitive content during screen sharing” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีข้อมูลลับปรากฏบนหน้าจอ ➡️ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต, เลขประจำตัวประชาชน, หรือข้อมูลภาษี ➡️ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเตือนและสามารถหยุดการแชร์ได้ทันที ✅ Microsoft Purview รองรับการป้องกันข้อมูลด้วย sensitivity labels และ Double Key Encryption ➡️ ช่วยให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและควบคุมการเข้าถึงได้ตามระดับความลับ ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมาย ‼️ การเปิดเผยข้อมูล telemetry อาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ หากไม่มีการควบคุมสิทธิ์อย่างเหมาะสม ⛔ ผู้ดูแลระบบที่ไม่มีจรรยาบรรณอาจใช้ข้อมูลเพื่อสอดแนมหรือกดดันพนักงาน ⛔ ควรมีการกำหนดสิทธิ์และนโยบายการเข้าถึงอย่างชัดเจน ‼️ การแชร์หน้าจอโดยไม่ระวังอาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลได้ง่าย ⛔ เช่น การเปิดเอกสารภายในหรือข้อมูลลูกค้าระหว่างประชุมกับบุคคลภายนอก ⛔ ควรมีการแจ้งเตือนหรือระบบตรวจจับเนื้อหาลับระหว่างการแชร์ ‼️ การใช้ฟีเจอร์นี้ต้องเปิด auditing ใน Microsoft Purview ก่อน ⛔ หากไม่ได้เปิด auditing จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ ⛔ ข้อมูลจะถูกเก็บตั้งแต่วันที่เปิด auditing เท่านั้น ‼️ การตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังมีข้อจำกัดตามระดับ license ของ Microsoft 365 ⛔ ระยะเวลาการเก็บข้อมูล audit log ขึ้นอยู่กับประเภท license ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้ครบถ้วน https://www.neowin.net/news/teams-admins-will-now-be-able-to-see-telemetry-for-screen-sharing/
    WWW.NEOWIN.NET
    Teams admins will now be able to see telemetry for screen sharing
    To improve the cybersecurity posture of an organization, Microsoft is introducing audit logs for screen sharing sessions, accessible through Purview.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กเล็ก” ไม่ไปเขมร ขอเปลี่ยนที่ประชุม GBC ในกรุงพนมเปญ เป็นมาเลเซีย และขยายเวลาประชุมเป็นวันที่ 4-7 ส.ค.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072511

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “บิ๊กเล็ก” ไม่ไปเขมร ขอเปลี่ยนที่ประชุม GBC ในกรุงพนมเปญ เป็นมาเลเซีย และขยายเวลาประชุมเป็นวันที่ 4-7 ส.ค. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072511 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68 Full : กองทัพหยุดฟังนักการเมืองขายชาติ

    30-7-68 สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... งปัญหานี้จะแก้ได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ!

    https://www.youtube.com/watch?v=3czgIxYZD4A
    สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68 Full : กองทัพหยุดฟังนักการเมืองขายชาติ 30-7-68 สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... งปัญหานี้จะแก้ได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ! https://www.youtube.com/watch?v=3czgIxYZD4A
    Like
    Love
    15
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 924 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมารักกัน เท่าคนไทยด้วยกัน

    “คนไทยเราเป็นคนกล้าหาญ เป็นคนอดทนเชื่อว่าไม่แพ้ชาติอื่นแน่ ๆ ที่มาคราวนี้ พี่ก็อยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากมาคิดถึงทุกคนด้วยที่นี้ พี่ก็มีของเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก แล้วก็ถ้ามีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ท่านผู้ว่าติดต่อมาได้ เพราะว่าพี่ก็ต้องการจะช่วยเหลือประเทศไทย คนไทยด้วยกันขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า คนไทยด้วยกันขอให้รักกัน ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมารักกันเท่าคนไทยด้วยกัน พี่ขออวยพรให้ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งเด็ก ๆ ณ ที่นี้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง แล้วก็หวังว่าเหตุการณ์ที่ร้าย ๆ จะผ่านไป และพวกเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง”

    พระดำรัส สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางวัฒน วรขัตติยราชนารี ในโอกาสเสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชน และหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ถือเป็นสิ่งเตือนใจประชาชนคนไทย ผู้รักชาติรักแผ่นดินในยามนี้

    สถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา นำมาซึ่งความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ 15 ราย ทหารไทยเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตอีก 15 นาย ความเสียหายทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน บ้านเรือนราษฎรและทรัพย์สินเสียหายอีกจำนวนมาก แม้สงบศึกจากข้อตกลงหยุดยิงนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. แต่สิ่งที่คนไทยผู้รักชาติต้องรับมือคือการแทรกแซงจากต่างชาติ

    กัมพูชาเดินเกมเชิงรุกกับต่างชาติ พาทูตทหาร ทูตประเทศต่างๆ และสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ชายแดน พยายามใช้ความสงสารในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าไทย ดึงชาติต่างๆ เข้ามาเป็นพวก ขณะที่มาเลเซียที่แสดงบทบาทเป็นคนกลาง ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาสนับสนุน ตั้งเงื่อนไขว่าถ้าไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษี ส่งทูตทหารประจำกัมพูชาและทูตทหารประจำประเทศไทยเป็นผู้สังเกตการณ์จากมาตรการหยุดยิง เท่ากับว่าไทยกำลังถูกจับตามองอย่างโดดเดี่ยว

    ในขณะที่ประเทศไทย ที่แม้สงครามด้วยอาวุธสงบลง ยังต้องเจอปฎิบัติการข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยข่าวปลอม และสงครามไซเบอร์เข้าโจมตี นักการเมืองคือตัวปัญหาของแผ่นดินอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลที่นิ่งเฉยกับสถานการณ์เหมือนรู้เห็นเป็นใจอีกฝ่าย และฝ่ายค้านที่ด่าว่ากองทัพส้นตีน ไม่เหลือใครแล้วแม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้แทนราษฎรให้พึ่งพา กินภาษีประชาชน แต่เลือกเฉพาะประชาชนที่เลือกเขาเขามา คนที่เลือกแบบนี้ ถึงได้ สส.แบบนี้

    ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักกัน เท่ากับคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินด้วยกัน จนกว่าจะมีความชัดเจนทางการเมืองจากศาลรัฐธรรมนูญ

    #Newskit
    ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมารักกัน เท่าคนไทยด้วยกัน “คนไทยเราเป็นคนกล้าหาญ เป็นคนอดทนเชื่อว่าไม่แพ้ชาติอื่นแน่ ๆ ที่มาคราวนี้ พี่ก็อยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากมาคิดถึงทุกคนด้วยที่นี้ พี่ก็มีของเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก แล้วก็ถ้ามีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ท่านผู้ว่าติดต่อมาได้ เพราะว่าพี่ก็ต้องการจะช่วยเหลือประเทศไทย คนไทยด้วยกันขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า คนไทยด้วยกันขอให้รักกัน ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมารักกันเท่าคนไทยด้วยกัน พี่ขออวยพรให้ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งเด็ก ๆ ณ ที่นี้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง แล้วก็หวังว่าเหตุการณ์ที่ร้าย ๆ จะผ่านไป และพวกเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง” พระดำรัส สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางวัฒน วรขัตติยราชนารี ในโอกาสเสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชน และหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ถือเป็นสิ่งเตือนใจประชาชนคนไทย ผู้รักชาติรักแผ่นดินในยามนี้ สถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา นำมาซึ่งความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ 15 ราย ทหารไทยเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตอีก 15 นาย ความเสียหายทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน บ้านเรือนราษฎรและทรัพย์สินเสียหายอีกจำนวนมาก แม้สงบศึกจากข้อตกลงหยุดยิงนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. แต่สิ่งที่คนไทยผู้รักชาติต้องรับมือคือการแทรกแซงจากต่างชาติ กัมพูชาเดินเกมเชิงรุกกับต่างชาติ พาทูตทหาร ทูตประเทศต่างๆ และสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ชายแดน พยายามใช้ความสงสารในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าไทย ดึงชาติต่างๆ เข้ามาเป็นพวก ขณะที่มาเลเซียที่แสดงบทบาทเป็นคนกลาง ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาสนับสนุน ตั้งเงื่อนไขว่าถ้าไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษี ส่งทูตทหารประจำกัมพูชาและทูตทหารประจำประเทศไทยเป็นผู้สังเกตการณ์จากมาตรการหยุดยิง เท่ากับว่าไทยกำลังถูกจับตามองอย่างโดดเดี่ยว ในขณะที่ประเทศไทย ที่แม้สงครามด้วยอาวุธสงบลง ยังต้องเจอปฎิบัติการข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยข่าวปลอม และสงครามไซเบอร์เข้าโจมตี นักการเมืองคือตัวปัญหาของแผ่นดินอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลที่นิ่งเฉยกับสถานการณ์เหมือนรู้เห็นเป็นใจอีกฝ่าย และฝ่ายค้านที่ด่าว่ากองทัพส้นตีน ไม่เหลือใครแล้วแม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้แทนราษฎรให้พึ่งพา กินภาษีประชาชน แต่เลือกเฉพาะประชาชนที่เลือกเขาเขามา คนที่เลือกแบบนี้ ถึงได้ สส.แบบนี้ ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักกัน เท่ากับคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินด้วยกัน จนกว่าจะมีความชัดเจนทางการเมืองจากศาลรัฐธรรมนูญ #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาไม่สนหยุดยิง ไทยพร้อมโต้ขั้นเด็ดขาด : [THE MESSAGE]

    พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อ่านแถลงการณ์กองทัพบก เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา ระบุ ตามที่รัฐบาลไทย​และกัมพูชา​ ตกลงประกาศหยุดยิง มีผลตั้งแต่ 24.00 น.ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568​ ฝ่ายไทยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ตลอดทั้งคืนถึงเช้ามืด กองทัพกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดย 1.พื้นที่คานม้า กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงใส่แนวกำลังฝ่ายไทย 2.พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือ กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก ยิงอย่างต่อเนื่อง ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเอง 3.พื้นที่ผามออีแดง ตรวจพบ​การยิงเครื่องยิงลูกระเบิด จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในเขตไทยอย่างชัดเจน เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง ครั้งที่ 2 สะท้อนถึงพฤติกรรมไม่เคารพพันธะกรณีระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจระหว่าง 2 ประเทศ กองทัพบกประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชา​อย่างถึงที่สุด ฝ่ายไทยจะยังอดทนอดกลั้น ยึดหลักสันติภาพและมนุษยธรรมสูงสุด และจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น​
    กัมพูชาไม่สนหยุดยิง ไทยพร้อมโต้ขั้นเด็ดขาด : [THE MESSAGE] พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อ่านแถลงการณ์กองทัพบก เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา ระบุ ตามที่รัฐบาลไทย​และกัมพูชา​ ตกลงประกาศหยุดยิง มีผลตั้งแต่ 24.00 น.ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568​ ฝ่ายไทยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ตลอดทั้งคืนถึงเช้ามืด กองทัพกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดย 1.พื้นที่คานม้า กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงใส่แนวกำลังฝ่ายไทย 2.พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือ กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก ยิงอย่างต่อเนื่อง ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเอง 3.พื้นที่ผามออีแดง ตรวจพบ​การยิงเครื่องยิงลูกระเบิด จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในเขตไทยอย่างชัดเจน เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง ครั้งที่ 2 สะท้อนถึงพฤติกรรมไม่เคารพพันธะกรณีระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจระหว่าง 2 ประเทศ กองทัพบกประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชา​อย่างถึงที่สุด ฝ่ายไทยจะยังอดทนอดกลั้น ยึดหลักสันติภาพและมนุษยธรรมสูงสุด และจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น​
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 กรณีการบังคับโทษอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น. ขณะที่ไต่สวนนัดสุดท้าย วิษณุอ้างทักษิณเป็นอดีตนายกฯ อาจถูกประทุษร้าย และต้องดูแลอาการป่วย แต่ไม่ทราบทักษิณไปขอพระราชทานอภัยโทษอย่างไร เป็นแค่ผู้รับคำสั่งเฉยๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071940

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 กรณีการบังคับโทษอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น. ขณะที่ไต่สวนนัดสุดท้าย วิษณุอ้างทักษิณเป็นอดีตนายกฯ อาจถูกประทุษร้าย และต้องดูแลอาการป่วย แต่ไม่ทราบทักษิณไปขอพระราชทานอภัยโทษอย่างไร เป็นแค่ผู้รับคำสั่งเฉยๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071940 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68 (Live ต่อ)
    .
    วันนี้สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... งปัญหานี้จะแก้ได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ!
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ea35eXwBUEE
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยกัมพูชา
    สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68 (Live ต่อ) . วันนี้สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... งปัญหานี้จะแก้ได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ea35eXwBUEE . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยกัมพูชา
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 1 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68
    .
    วันนี้สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... ปัญหานี้จะแก้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ!
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ea35eXwBUEE
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยกัมพูชา
    สนธิเล่าเรื่อง 30-7-68 . วันนี้สนธิเล่าเรื่องเป็นภาคพิเศษ เจาะลึกเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ให้ไปเจรจาหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียเป็นตัวกลาง จนนำมาสู่การหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่แม้จะหยุดยิงแต่รากเหง้าของปัญหาก็ยังไม่หายไป และพร้อมปะทุขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ... ปัญหานี้จะแก้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้คุณสนธิจะมาไขคำตอบ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ea35eXwBUEE . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อ SAP NetWeaver กลายเป็นประตูหลังให้มัลแวร์ Auto-Color

    ในเดือนเมษายน 2025 บริษัท Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบหลายขั้นตอนที่ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver เพื่อส่งมัลแวร์ Auto-Color เข้าสู่ระบบของบริษัทเคมีในสหรัฐฯ โดยช่องโหว่นี้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SAP ได้ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมระบบจากระยะไกล (Remote Code Execution)

    Auto-Color เป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาให้ปรับตัวตามสิทธิ์ของผู้ใช้งาน หากรันด้วยสิทธิ์ root จะฝังไลบรารีปลอมชื่อ libcext.so.2 และใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนทุกโปรแกรมในระบบ Linux ทำให้สามารถแทรกแซงการทำงานของระบบได้อย่างลึกซึ้ง

    Darktrace ใช้ระบบ AI “Autonomous Response” เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีภายในไม่กี่นาที โดยจำกัดพฤติกรรมให้อยู่ในขอบเขตปกติ พร้อมขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบและแก้ไข

    ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver ถูกเปิดเผยเมื่อ 24 เมษายน 2025
    เป็นช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 10.0) ที่เปิดให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์อันตรายโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบผ่าน Remote Code Execution

    Darktrace ตรวจพบการโจมตีในบริษัทเคมีสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2025
    เริ่มจากการสแกนช่องโหว่ในวันที่ 25 เมษายน และเริ่มโจมตีจริงในวันที่ 27 เมษายน
    ใช้ ZIP file และ DNS tunneling เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่ระบบ

    มัลแวร์ Auto-Color ถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบไฟล์ ELF สำหรับ Linux
    เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น “/var/log/cross/auto-color” เพื่อหลบซ่อน
    ใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนโปรแกรมอื่นในระบบ

    Darktrace ใช้ AI Autonomous Response เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีทันที
    จำกัดพฤติกรรมของอุปกรณ์ให้อยู่ใน “pattern of life” ปกติ
    ขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบ

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และปิด endpoint ที่เสี่ยงทันที
    หากไม่สามารถติดตั้งแพตช์ได้ ให้ปิดการเข้าถึง /developmentserver/metadatauploader
    แยกระบบ SAP ออกจากอินเทอร์เน็ตและตรวจสอบทุกการเชื่อมต่อ

    ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปิดเผยแล้ว
    ผู้โจมตีสามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการสร้าง payload ใหม่ได้
    การไม่ติดตั้งแพตช์ทันทีอาจนำไปสู่การควบคุมระบบเต็มรูปแบบ

    Auto-Color มีความสามารถในการหลบซ่อนเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อกับ C2 ได้
    ทำให้การวิเคราะห์ใน sandbox หรือระบบออฟไลน์ไม่สามารถตรวจพบพฤติกรรมจริง
    ส่งผลให้การตรวจสอบมัลแวร์ล่าช้าและอาจพลาดการป้องกัน

    ระบบ SAP มักถูกแยกออกจากการดูแลด้านความปลอดภัยขององค์กร
    ทีม SAP Basis อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านภัยคุกคามไซเบอร์
    การไม่บูรณาการกับทีม IT Security ทำให้เกิดช่องโหว่ในการป้องกัน

    การใช้เทคนิค ld.so.preload เป็นวิธีการฝังมัลแวร์ที่ลึกและยากต่อการตรวจจับ
    มัลแวร์สามารถแทรกแซงการทำงานของทุกโปรแกรมในระบบ Linux
    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบและล้างระบบ

    https://hackread.com/sap-netweaver-vulnerability-auto-color-malware-us-firm/
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อ SAP NetWeaver กลายเป็นประตูหลังให้มัลแวร์ Auto-Color ในเดือนเมษายน 2025 บริษัท Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบหลายขั้นตอนที่ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver เพื่อส่งมัลแวร์ Auto-Color เข้าสู่ระบบของบริษัทเคมีในสหรัฐฯ โดยช่องโหว่นี้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SAP ได้ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมระบบจากระยะไกล (Remote Code Execution) Auto-Color เป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาให้ปรับตัวตามสิทธิ์ของผู้ใช้งาน หากรันด้วยสิทธิ์ root จะฝังไลบรารีปลอมชื่อ libcext.so.2 และใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนทุกโปรแกรมในระบบ Linux ทำให้สามารถแทรกแซงการทำงานของระบบได้อย่างลึกซึ้ง Darktrace ใช้ระบบ AI “Autonomous Response” เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีภายในไม่กี่นาที โดยจำกัดพฤติกรรมให้อยู่ในขอบเขตปกติ พร้อมขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบและแก้ไข ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver ถูกเปิดเผยเมื่อ 24 เมษายน 2025 ➡️ เป็นช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 10.0) ที่เปิดให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์อันตรายโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบผ่าน Remote Code Execution ✅ Darktrace ตรวจพบการโจมตีในบริษัทเคมีสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2025 ➡️ เริ่มจากการสแกนช่องโหว่ในวันที่ 25 เมษายน และเริ่มโจมตีจริงในวันที่ 27 เมษายน ➡️ ใช้ ZIP file และ DNS tunneling เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่ระบบ ✅ มัลแวร์ Auto-Color ถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบไฟล์ ELF สำหรับ Linux ➡️ เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น “/var/log/cross/auto-color” เพื่อหลบซ่อน ➡️ ใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนโปรแกรมอื่นในระบบ ✅ Darktrace ใช้ AI Autonomous Response เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีทันที ➡️ จำกัดพฤติกรรมของอุปกรณ์ให้อยู่ใน “pattern of life” ปกติ ➡️ ขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบ ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และปิด endpoint ที่เสี่ยงทันที ➡️ หากไม่สามารถติดตั้งแพตช์ได้ ให้ปิดการเข้าถึง /developmentserver/metadatauploader ➡️ แยกระบบ SAP ออกจากอินเทอร์เน็ตและตรวจสอบทุกการเชื่อมต่อ ‼️ ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปิดเผยแล้ว ⛔ ผู้โจมตีสามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการสร้าง payload ใหม่ได้ ⛔ การไม่ติดตั้งแพตช์ทันทีอาจนำไปสู่การควบคุมระบบเต็มรูปแบบ ‼️ Auto-Color มีความสามารถในการหลบซ่อนเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อกับ C2 ได้ ⛔ ทำให้การวิเคราะห์ใน sandbox หรือระบบออฟไลน์ไม่สามารถตรวจพบพฤติกรรมจริง ⛔ ส่งผลให้การตรวจสอบมัลแวร์ล่าช้าและอาจพลาดการป้องกัน ‼️ ระบบ SAP มักถูกแยกออกจากการดูแลด้านความปลอดภัยขององค์กร ⛔ ทีม SAP Basis อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านภัยคุกคามไซเบอร์ ⛔ การไม่บูรณาการกับทีม IT Security ทำให้เกิดช่องโหว่ในการป้องกัน ‼️ การใช้เทคนิค ld.so.preload เป็นวิธีการฝังมัลแวร์ที่ลึกและยากต่อการตรวจจับ ⛔ มัลแวร์สามารถแทรกแซงการทำงานของทุกโปรแกรมในระบบ Linux ⛔ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบและล้างระบบ https://hackread.com/sap-netweaver-vulnerability-auto-color-malware-us-firm/
    HACKREAD.COM
    SAP NetWeaver Vulnerability Used in Auto-Color Malware Attack on US Firm
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมรภูมิตาควาย ยอมตายดีกว่าเป็นทาส

    หลังผลการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. ช่วงเวลาราว 6 ชั่วโมงที่เหลือของวันที่ 28 ก.ค. กลายเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะทหารทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อทิ้งทวน พร้อมกับยีดคืนดินแดนที่ทหารกัมพูชาบุกรุกก่อนหน้านี้ จุดที่คนไทยลุ้นมากที่สุดคือบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาเติมกำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

    ฝ่ายกัมพูชาส่งหน่วยรบพิเศษ BHQ (Bodyguard Headquarters) องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน 4 กองร้อย มีเป้าหมายยึดปราสาทตาควายให้ได้ก่อนเที่ยงคืน ขณะที่ฝ่ายไทยมีทั้งกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ที่เป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) พร้อมด้วยกรมรบพิเศษที่ 2 (รพศ.2) กรมรบพิเศษที่ 3 (รพศ.3) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมทหารราบที่ 19 (ร.19) และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ส่วนกองทัพอากาศจัดฝูงบิน F-16 ตัดเส้นทางสนับสนุนจุดตั้งปืนใหญ่กัมพูชา

    ช่วงเวลาวัดใจ 5 นาทีสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ร.31 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (King's Guard) ที่มาพร้อมคำขวัญ “ยอมตาย ดีกว่าเป็นทาส” ออกจากบังเกอร์ประจันหน้ากับศัตรู พร้อมส่งเสียงตะโกน "กู ร.31 ขอแลก" นำกำลังพลสู้ตายแบบถวายชีวิต เข้ายึดพื้นที่ปราสาทตาควายจากทหารกัมพูชา กระทั่งหลังเที่ยงคืน การสู้รบสงบลง แม้จะมีกำลังพลบาดเจ็บ 126 นาย แต่คว้าชัยชนะเหนือปราสาทตาควาย และรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ได้

    กองทัพไทยยึดคืนพื้นที่สำคัญ 11 แห่งในสมรภูมิรบอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ 1. ภูมะเขือ 2. ช่องอานม้า 3. ปราสาทตาเมือนธม 4. ปราสาทตาควาย 5. ช่องบก 6. โดนตวล 7. สัตตะโสม 8. ช่องจอม 9. ช่องสายตะกู 10. พระวิหาร และ 11. พลาญยาว ขณะที่การหารือเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นชอบร่วมกันหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ระหว่างรอประชุม GBC วันที่ 4 ส.ค. ขณะที่กำลังพลกองทัพบกไทย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 24-28 ก.ค. รวม 15 นาย

    การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่างกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน เพื่อปกป้องอธิปไตยจากกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลง MOU43 มากถึง 651 ครั้ง เมื่อพบการวางกับระเบิด ทำให้ทหารบาดเจ็บถึงขั้นพิการ 2 ครั้ง นำมาสู่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิด 2 ปราสาท 4 ด่านชายแดน กัมพูชาเปิดฉากยิงจรวด BM-21 และปะทะกันนานถึง 5 วัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 15 ราย

    #Newskit
    สมรภูมิตาควาย ยอมตายดีกว่าเป็นทาส หลังผลการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. ช่วงเวลาราว 6 ชั่วโมงที่เหลือของวันที่ 28 ก.ค. กลายเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะทหารทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อทิ้งทวน พร้อมกับยีดคืนดินแดนที่ทหารกัมพูชาบุกรุกก่อนหน้านี้ จุดที่คนไทยลุ้นมากที่สุดคือบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาเติมกำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายกัมพูชาส่งหน่วยรบพิเศษ BHQ (Bodyguard Headquarters) องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน 4 กองร้อย มีเป้าหมายยึดปราสาทตาควายให้ได้ก่อนเที่ยงคืน ขณะที่ฝ่ายไทยมีทั้งกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ที่เป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) พร้อมด้วยกรมรบพิเศษที่ 2 (รพศ.2) กรมรบพิเศษที่ 3 (รพศ.3) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมทหารราบที่ 19 (ร.19) และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ส่วนกองทัพอากาศจัดฝูงบิน F-16 ตัดเส้นทางสนับสนุนจุดตั้งปืนใหญ่กัมพูชา ช่วงเวลาวัดใจ 5 นาทีสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ร.31 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (King's Guard) ที่มาพร้อมคำขวัญ “ยอมตาย ดีกว่าเป็นทาส” ออกจากบังเกอร์ประจันหน้ากับศัตรู พร้อมส่งเสียงตะโกน "กู ร.31 ขอแลก" นำกำลังพลสู้ตายแบบถวายชีวิต เข้ายึดพื้นที่ปราสาทตาควายจากทหารกัมพูชา กระทั่งหลังเที่ยงคืน การสู้รบสงบลง แม้จะมีกำลังพลบาดเจ็บ 126 นาย แต่คว้าชัยชนะเหนือปราสาทตาควาย และรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ได้ กองทัพไทยยึดคืนพื้นที่สำคัญ 11 แห่งในสมรภูมิรบอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ 1. ภูมะเขือ 2. ช่องอานม้า 3. ปราสาทตาเมือนธม 4. ปราสาทตาควาย 5. ช่องบก 6. โดนตวล 7. สัตตะโสม 8. ช่องจอม 9. ช่องสายตะกู 10. พระวิหาร และ 11. พลาญยาว ขณะที่การหารือเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นชอบร่วมกันหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ระหว่างรอประชุม GBC วันที่ 4 ส.ค. ขณะที่กำลังพลกองทัพบกไทย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 24-28 ก.ค. รวม 15 นาย การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่างกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน เพื่อปกป้องอธิปไตยจากกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลง MOU43 มากถึง 651 ครั้ง เมื่อพบการวางกับระเบิด ทำให้ทหารบาดเจ็บถึงขั้นพิการ 2 ครั้ง นำมาสู่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิด 2 ปราสาท 4 ด่านชายแดน กัมพูชาเปิดฉากยิงจรวด BM-21 และปะทะกันนานถึง 5 วัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 15 ราย #Newskit
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเวลาที่เครื่องบินรบของกองทัพอากาศไทยทิ้งระเบิดใส่ฐานที่มั่นของกัมพูชา เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
    ช่วงเวลาที่เครื่องบินรบของกองทัพอากาศไทยทิ้งระเบิดใส่ฐานที่มั่นของกัมพูชา เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ด่วน!
    จับ 'สายลับเขมร' ยศร้อยโทสังกัดหน่วยข่าวกรอง คอยแจ้งพิกัดทหารไทยแนวชายแดนจันทบุรี-ตราด

    29 ก.ค.68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงทางทหารจันทบุรี-ตราด เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จังหวัดจันทบุรี(ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ทำการเชิญตัว MR.OEUN KHOEM หรือนายคึม เอือน อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ที่ถือวีซ่า NON-LA เดินทางเข้ามาเมื่อ 12 MAR 2025 วันที่การอนุญาตสิ้นสุด 11 MAR 2027 แจ้งที่พักอาศัยหมู่ 1 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มาทำการตรวจสอบที่ฝ่ายสืบสวน สภ.โป่งน้ำร้อน โดยมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี และกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมตรวจสอบและสอบปากคำ

    ทั้งนี้ เนื่องจากจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นย.จันทบุรี ได้สืบทราบว่า นาย OEUN KHOEM ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับทหารกัมพูชา เนื่องจากได้โพสต์ข้อความใน FB พร้อมภาพถ่ายว่า “THAILAND ATTACKS FIRST CAMBODIA DEFEDS” และพบชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาในรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กล 2141 จันทบุรี และที่บ้านพักที่นาย OEUN KHOEM อาศัยอยู่

    จากการตรวจสอบสวนเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ พบว่าหนังสือเดินทางและวีซ่ายังไม่หมดอายุ และจะส่ง โทรศัพท์มือถือให้ผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบข้อมูลในทั้งหมด ทำการสอบสวนเพิ่มเติม

    จนกระทั่ง ให้การรับสารภาพว่าเป็นทหารหน่วยข่าวของกองทัพกัมพูชา คือ ร้อยโท คึม เอือน หมายเลขประจำตัว 157625 เข้ามาสอดแนมหาข่าว ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งประเทศไทย แล้วส่งไปยังกองทัพกัมพูชา ใช้ในการสู้รบกับทหารไทย

    เครดิตข่าว: แนวหน้า
    ด่วน! จับ 'สายลับเขมร' ยศร้อยโทสังกัดหน่วยข่าวกรอง คอยแจ้งพิกัดทหารไทยแนวชายแดนจันทบุรี-ตราด 29 ก.ค.68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงทางทหารจันทบุรี-ตราด เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จังหวัดจันทบุรี(ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ทำการเชิญตัว MR.OEUN KHOEM หรือนายคึม เอือน อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ที่ถือวีซ่า NON-LA เดินทางเข้ามาเมื่อ 12 MAR 2025 วันที่การอนุญาตสิ้นสุด 11 MAR 2027 แจ้งที่พักอาศัยหมู่ 1 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มาทำการตรวจสอบที่ฝ่ายสืบสวน สภ.โป่งน้ำร้อน โดยมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี และกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมตรวจสอบและสอบปากคำ ทั้งนี้ เนื่องจากจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นย.จันทบุรี ได้สืบทราบว่า นาย OEUN KHOEM ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับทหารกัมพูชา เนื่องจากได้โพสต์ข้อความใน FB พร้อมภาพถ่ายว่า “THAILAND ATTACKS FIRST CAMBODIA DEFEDS” และพบชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาในรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กล 2141 จันทบุรี และที่บ้านพักที่นาย OEUN KHOEM อาศัยอยู่ จากการตรวจสอบสวนเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ พบว่าหนังสือเดินทางและวีซ่ายังไม่หมดอายุ และจะส่ง โทรศัพท์มือถือให้ผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบข้อมูลในทั้งหมด ทำการสอบสวนเพิ่มเติม จนกระทั่ง ให้การรับสารภาพว่าเป็นทหารหน่วยข่าวของกองทัพกัมพูชา คือ ร้อยโท คึม เอือน หมายเลขประจำตัว 157625 เข้ามาสอดแนมหาข่าว ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งประเทศไทย แล้วส่งไปยังกองทัพกัมพูชา ใช้ในการสู้รบกับทหารไทย เครดิตข่าว: แนวหน้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากช่องโหว่: เมื่อปลั๊กอินส่งอีเมลกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์

    ปลั๊กอิน Post SMTP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ WordPress ส่งอีเมลผ่าน SMTP ได้อย่างปลอดภัยและมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบันทึกอีเมล, การตรวจสอบ DNS, และการรองรับ OAuth แต่ในเวอร์ชัน ≤3.2.0 กลับมีช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ควรสงวนไว้สำหรับผู้ดูแลระบบ

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์—ระบบตรวจแค่ว่าผู้ใช้ “ล็อกอินแล้ว” แต่ไม่ตรวจว่า “มีสิทธิ์หรือไม่” ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดู log อีเมลทั้งหมด รวมถึงอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และใช้ข้อมูลนั้นในการยึดบัญชีแอดมินได้ทันที

    ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 โดย Patchstack รายงานเมื่อ 23 พฤษภาคม 2025 และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 แต่ปัญหาคือยังมีเว็บไซต์กว่า 160,000 แห่งที่ยังไม่ได้อัปเดต และเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    ปลั๊กอิน Post SMTP มีช่องโหว่ร้ายแรงในเวอร์ชัน ≤3.2.0
    ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์
    ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึง log อีเมลและข้อมูลสำคัญได้

    ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และมีคะแนน CVSS 8.8/10
    รายงานโดย Patchstack ผ่านโปรแกรม Zero Day
    แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 3.3.0 โดยเพิ่มการตรวจสอบ manage_options capability

    ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถยึดบัญชีแอดมินได้ผ่านการรีเซ็ตรหัสผ่าน
    ดูอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านจาก log แล้วใช้ลิงก์เพื่อเปลี่ยนรหัส
    ส่งผลให้สามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ

    ปลั๊กอินมีการติดตั้งมากกว่า 400,000 เว็บไซต์ทั่วโลก
    ประมาณ 40.2% ยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่
    คิดเป็นกว่า 160,000 เว็บไซต์ที่ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี24

    การแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 ปรับปรุงฟังก์ชัน get_logs_permission
    ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้อย่างถูกต้องก่อนเข้าถึง API
    ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์

    เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน ≤3.2.0 เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีแอดมิน
    ผู้โจมตีสามารถใช้บัญชี Subscriber เพื่อดู log และรีเซ็ตรหัสผ่าน
    ส่งผลให้เกิดการควบคุมเว็บไซต์, เปลี่ยนเนื้อหา, หรือฝังมัลแวร์

    เว็บไซต์ที่เปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้ทั่วไปยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
    เช่น เว็บอีคอมเมิร์ซ, เว็บสมาชิก, หรือเว็บที่เปิดคอมเมนต์
    ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีแล้วใช้ช่องโหว่โจมตีได้ทันที

    การไม่อัปเดตปลั๊กอินเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบ WordPress
    แม้จะมีการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ดูแลระบบจำนวนมากยังไม่อัปเดต
    ส่งผลให้ช่องโหว่ยังถูกใช้งานโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง

    การออกแบบปลั๊กอินที่ไม่ใช้หลัก least privilege ทำให้เกิดช่องโหว่
    ควรจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เข้าถึงเฉพาะสิ่งที่จำเป็น
    การตรวจสอบสิทธิ์ต้องละเอียด ไม่ใช่แค่ “ล็อกอินแล้ว”

    https://hackread.com/post-smtp-plugin-flaw-subscribers-over-admin-accounts/
    🔓 เรื่องเล่าจากช่องโหว่: เมื่อปลั๊กอินส่งอีเมลกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์ ปลั๊กอิน Post SMTP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ WordPress ส่งอีเมลผ่าน SMTP ได้อย่างปลอดภัยและมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบันทึกอีเมล, การตรวจสอบ DNS, และการรองรับ OAuth แต่ในเวอร์ชัน ≤3.2.0 กลับมีช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ควรสงวนไว้สำหรับผู้ดูแลระบบ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์—ระบบตรวจแค่ว่าผู้ใช้ “ล็อกอินแล้ว” แต่ไม่ตรวจว่า “มีสิทธิ์หรือไม่” ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดู log อีเมลทั้งหมด รวมถึงอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และใช้ข้อมูลนั้นในการยึดบัญชีแอดมินได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 โดย Patchstack รายงานเมื่อ 23 พฤษภาคม 2025 และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 แต่ปัญหาคือยังมีเว็บไซต์กว่า 160,000 แห่งที่ยังไม่ได้อัปเดต และเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ✅ ปลั๊กอิน Post SMTP มีช่องโหว่ร้ายแรงในเวอร์ชัน ≤3.2.0 ➡️ ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์ ➡️ ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึง log อีเมลและข้อมูลสำคัญได้ ✅ ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และมีคะแนน CVSS 8.8/10 ➡️ รายงานโดย Patchstack ผ่านโปรแกรม Zero Day ➡️ แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 3.3.0 โดยเพิ่มการตรวจสอบ manage_options capability ✅ ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถยึดบัญชีแอดมินได้ผ่านการรีเซ็ตรหัสผ่าน ➡️ ดูอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านจาก log แล้วใช้ลิงก์เพื่อเปลี่ยนรหัส ➡️ ส่งผลให้สามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ✅ ปลั๊กอินมีการติดตั้งมากกว่า 400,000 เว็บไซต์ทั่วโลก ➡️ ประมาณ 40.2% ยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ ➡️ คิดเป็นกว่า 160,000 เว็บไซต์ที่ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี24 ✅ การแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 ปรับปรุงฟังก์ชัน get_logs_permission ➡️ ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้อย่างถูกต้องก่อนเข้าถึง API ➡️ ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ ‼️ เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน ≤3.2.0 เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีแอดมิน ⛔ ผู้โจมตีสามารถใช้บัญชี Subscriber เพื่อดู log และรีเซ็ตรหัสผ่าน ⛔ ส่งผลให้เกิดการควบคุมเว็บไซต์, เปลี่ยนเนื้อหา, หรือฝังมัลแวร์ ‼️ เว็บไซต์ที่เปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้ทั่วไปยิ่งเสี่ยงมากขึ้น ⛔ เช่น เว็บอีคอมเมิร์ซ, เว็บสมาชิก, หรือเว็บที่เปิดคอมเมนต์ ⛔ ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีแล้วใช้ช่องโหว่โจมตีได้ทันที ‼️ การไม่อัปเดตปลั๊กอินเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบ WordPress ⛔ แม้จะมีการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ดูแลระบบจำนวนมากยังไม่อัปเดต ⛔ ส่งผลให้ช่องโหว่ยังถูกใช้งานโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง ‼️ การออกแบบปลั๊กอินที่ไม่ใช้หลัก least privilege ทำให้เกิดช่องโหว่ ⛔ ควรจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เข้าถึงเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ⛔ การตรวจสอบสิทธิ์ต้องละเอียด ไม่ใช่แค่ “ล็อกอินแล้ว” https://hackread.com/post-smtp-plugin-flaw-subscribers-over-admin-accounts/
    HACKREAD.COM
    Post SMTP Plugin Flaw Allowed Subscribers to Take Over Admin Accounts
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอนาคต (ที่ใกล้เข้ามา): เมื่อ Debian ตัดสินใจแก้ปัญหา Y2K38 ก่อนจะสายเกินไป

    ย้อนกลับไปปี 2000 โลกเคยเผชิญกับ “Y2K bug” ที่ทำให้หลายคนกลัวว่าเครื่องบินจะตกและธนาคารจะล่ม เพราะระบบคอมพิวเตอร์ใช้แค่สองหลักในการเก็บปี พอเข้าสู่ปี 2000 ก็คิดว่าเป็น 1900 แทน

    ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่คล้ายกันในปี 2038: ระบบ Unix ที่ใช้ตัวเลขจำนวนวินาทีตั้งแต่ปี 1970 เก็บไว้ในตัวแปร 32-bit จะเต็มในวันที่ 19 มกราคม 2038 เวลา 03:14:07 UTC และเมื่อเพิ่มอีกวินาทีเดียว ระบบจะ “ล้น” และกลับไปเป็นปี 1901!

    Debian ซึ่งเป็นหนึ่งใน Linux distro ที่เก่าแก่ที่สุด กำลังแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยจะเปลี่ยนไปใช้ตัวแปรเวลาแบบ 64-bit แม้แต่ในระบบ 32-bit ที่ยังใช้งานอยู่ในอุปกรณ์ราคาประหยัด เช่น รถยนต์, IoT, ทีวี, และเราเตอร์

    Debian เตรียมแก้ปัญหา Y2K38 ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ time_t แบบ 64-bit
    เริ่มใช้ใน Debian 13 “Trixie” ทั้งในระบบ 64-bit และ 32-bit
    time_t แบบใหม่จะไม่ล้นจนถึงอีก 292 พันล้านปี

    Y2K38 เกิดจากการใช้ signed 32-bit integer ในการเก็บเวลา Unix
    เก็บได้สูงสุดถึง 2,147,483,647 วินาทีหลังปี 1970
    เมื่อถึง 03:14:07 UTC วันที่ 19 ม.ค. 2038 จะล้นและกลายเป็นปี 1901

    Debian เป็น distro ที่ยังใช้ในอุปกรณ์ 32-bit จำนวนมาก
    เช่น ระบบควบคุมอาคาร, รถยนต์, ทีวี, Android ราคาถูก
    คาดว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะยังใช้งานอยู่เมื่อถึงปี 2038

    การเปลี่ยนไปใช้ 64-bit time_t ต้องแก้ไขมากกว่า 6,429 แพ็กเกจใน Debian
    เป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่กระทบถึง ABI (Application Binary Interface)
    ต้องแก้พร้อมกันในทุกไลบรารีที่เกี่ยวข้อง

    บางสถาปัตยกรรมจะยังคงใช้ 32-bit time_t เพื่อความเข้ากันได้
    เช่น i386 จะยังใช้แบบเดิมเพื่อรองรับ binary เก่า
    อาจมีการสร้าง ABI ใหม่ชื่อ i686 ที่รองรับ 64-bit time_t หากมีความต้องการ

    ระบบที่ยังใช้ 32-bit time_t จะล้มเหลวเมื่อถึงปี 2038
    อาจเกิดการย้อนเวลา, ข้อมูลเสียหาย, หรือระบบหยุดทำงาน
    กระทบต่อระบบฝังตัวที่ไม่สามารถอัปเดตได้ง่าย

    การเปลี่ยนไปใช้ 64-bit time_t อาจทำให้แอปพลิเคชันบางตัวพัง
    ต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมรองรับการเปลี่ยนแปลง ABI
    นักพัฒนาควรทดสอบซอฟต์แวร์กับ Debian รุ่นใหม่ล่วงหน้า

    อุปกรณ์ราคาถูกที่ยังผลิตอยู่วันนี้อาจยังใช้ 32-bit และเสี่ยงต่อ Y2K38
    เช่น Android ราคาถูก, IoT, และระบบควบคุมอุตสาหกรรม
    หากไม่ใช้ OS ที่แก้ปัญหาไว้แล้ว อาจต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใหม่

    บางระบบปฏิบัติการอื่นยังไม่แก้ปัญหา Y2K38 อย่างจริงจัง
    เช่น Windows รุ่นเก่า หรือ embedded OS ที่ไม่มีการอัปเดต
    อาจเกิดปัญหาแบบเงียบๆ เมื่อถึงปี 2038

    https://www.theregister.com/2025/07/25/y2k38_bug_debian/
    🕰️ เรื่องเล่าจากอนาคต (ที่ใกล้เข้ามา): เมื่อ Debian ตัดสินใจแก้ปัญหา Y2K38 ก่อนจะสายเกินไป ย้อนกลับไปปี 2000 โลกเคยเผชิญกับ “Y2K bug” ที่ทำให้หลายคนกลัวว่าเครื่องบินจะตกและธนาคารจะล่ม เพราะระบบคอมพิวเตอร์ใช้แค่สองหลักในการเก็บปี พอเข้าสู่ปี 2000 ก็คิดว่าเป็น 1900 แทน ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่คล้ายกันในปี 2038: ระบบ Unix ที่ใช้ตัวเลขจำนวนวินาทีตั้งแต่ปี 1970 เก็บไว้ในตัวแปร 32-bit จะเต็มในวันที่ 19 มกราคม 2038 เวลา 03:14:07 UTC และเมื่อเพิ่มอีกวินาทีเดียว ระบบจะ “ล้น” และกลับไปเป็นปี 1901! Debian ซึ่งเป็นหนึ่งใน Linux distro ที่เก่าแก่ที่สุด กำลังแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยจะเปลี่ยนไปใช้ตัวแปรเวลาแบบ 64-bit แม้แต่ในระบบ 32-bit ที่ยังใช้งานอยู่ในอุปกรณ์ราคาประหยัด เช่น รถยนต์, IoT, ทีวี, และเราเตอร์ ✅ Debian เตรียมแก้ปัญหา Y2K38 ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ time_t แบบ 64-bit ➡️ เริ่มใช้ใน Debian 13 “Trixie” ทั้งในระบบ 64-bit และ 32-bit ➡️ time_t แบบใหม่จะไม่ล้นจนถึงอีก 292 พันล้านปี ✅ Y2K38 เกิดจากการใช้ signed 32-bit integer ในการเก็บเวลา Unix ➡️ เก็บได้สูงสุดถึง 2,147,483,647 วินาทีหลังปี 1970 ➡️ เมื่อถึง 03:14:07 UTC วันที่ 19 ม.ค. 2038 จะล้นและกลายเป็นปี 1901 ✅ Debian เป็น distro ที่ยังใช้ในอุปกรณ์ 32-bit จำนวนมาก ➡️ เช่น ระบบควบคุมอาคาร, รถยนต์, ทีวี, Android ราคาถูก ➡️ คาดว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะยังใช้งานอยู่เมื่อถึงปี 2038 ✅ การเปลี่ยนไปใช้ 64-bit time_t ต้องแก้ไขมากกว่า 6,429 แพ็กเกจใน Debian ➡️ เป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่กระทบถึง ABI (Application Binary Interface) ➡️ ต้องแก้พร้อมกันในทุกไลบรารีที่เกี่ยวข้อง ✅ บางสถาปัตยกรรมจะยังคงใช้ 32-bit time_t เพื่อความเข้ากันได้ ➡️ เช่น i386 จะยังใช้แบบเดิมเพื่อรองรับ binary เก่า ➡️ อาจมีการสร้าง ABI ใหม่ชื่อ i686 ที่รองรับ 64-bit time_t หากมีความต้องการ ‼️ ระบบที่ยังใช้ 32-bit time_t จะล้มเหลวเมื่อถึงปี 2038 ⛔ อาจเกิดการย้อนเวลา, ข้อมูลเสียหาย, หรือระบบหยุดทำงาน ⛔ กระทบต่อระบบฝังตัวที่ไม่สามารถอัปเดตได้ง่าย ‼️ การเปลี่ยนไปใช้ 64-bit time_t อาจทำให้แอปพลิเคชันบางตัวพัง ⛔ ต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมรองรับการเปลี่ยนแปลง ABI ⛔ นักพัฒนาควรทดสอบซอฟต์แวร์กับ Debian รุ่นใหม่ล่วงหน้า ‼️ อุปกรณ์ราคาถูกที่ยังผลิตอยู่วันนี้อาจยังใช้ 32-bit และเสี่ยงต่อ Y2K38 ⛔ เช่น Android ราคาถูก, IoT, และระบบควบคุมอุตสาหกรรม ⛔ หากไม่ใช้ OS ที่แก้ปัญหาไว้แล้ว อาจต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใหม่ ‼️ บางระบบปฏิบัติการอื่นยังไม่แก้ปัญหา Y2K38 อย่างจริงจัง ⛔ เช่น Windows รุ่นเก่า หรือ embedded OS ที่ไม่มีการอัปเดต ⛔ อาจเกิดปัญหาแบบเงียบๆ เมื่อถึงปี 2038 https://www.theregister.com/2025/07/25/y2k38_bug_debian/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟรองซัวส์ บายรู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประณามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพยุโรปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าเป็น "วันที่มืดมิด" และเทียบเท่ากับเป็นการยอมศิโรราบให้อเมริกา ในขณะที่นักการเมืองคนอื่นๆในแดนน้ำหอมก็แสดงความขื่นขมต่อข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071404

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes

    ฟรองซัวส์ บายรู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประณามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพยุโรปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าเป็น "วันที่มืดมิด" และเทียบเท่ากับเป็นการยอมศิโรราบให้อเมริกา ในขณะที่นักการเมืองคนอื่นๆในแดนน้ำหอมก็แสดงความขื่นขมต่อข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071404 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 590 มุมมอง 0 รีวิว
  • บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 28 กรกฎาคม 2568
    https://www.thai-tai.tv/news/20598/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชารุกราน #จรวดBM21 #ขีปนาวุธPHL03 #ภัยไซเบอร์ #ข่าวเท็จ #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #พลเรือนเสียชีวิต #ทหารบาดเจ็บ #อพยพประชาชน #กองทัพไทย #ไทยไท
    บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 https://www.thai-tai.tv/news/20598/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชารุกราน #จรวดBM21 #ขีปนาวุธPHL03 #ภัยไซเบอร์ #ข่าวเท็จ #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #พลเรือนเสียชีวิต #ทหารบาดเจ็บ #อพยพประชาชน #กองทัพไทย #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน

    เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค.

    จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่

    หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม

    ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย

    #Newskit
    อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่ หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาฬิกาปลุก
    ปี พศ 2568

    วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม
    อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ
    สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา
    เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน
    ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน …
    ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ
    ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา

    แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ
    ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย
    ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ
    เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น
    เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น
    ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม…
    วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา

    เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์
    มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
    ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว …

    แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง
    กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม
    กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้
    แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก
    ไม่สะอาดหมดจดเสียที

    ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา
    ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง
    กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด
    ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้
    ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ
    และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น

    หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา
    แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก
    มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่

    และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน
    อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป
    และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม
    สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ
    ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง
    ที่เราเห็นในข่าว !?!

    คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด

    ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง
    และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น
    จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ

    ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย

    แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร
    เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง
    ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก
    ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 …
    ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง
    มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568)
    ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง

    เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ
    ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย
    มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง…
    บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!!

    และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่
    ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน

    บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ
    สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน
    เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ
    เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย
    หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ
    กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก…
    ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!!

    นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด
    ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน
    โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ
    การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ
    เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568)
    ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่
    หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง
    และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม …

    ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม
    การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน
    และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา…
    และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป
    ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง
    เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560
    รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567)
    (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์
    อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น…

    ขอบคุณครับ
    จากคนเล่านิทาน
    20 เมษายน 2568
    นาฬิกาปลุก ปี พศ 2568 วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน … ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม… วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์ มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว … แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก ไม่สะอาดหมดจดเสียที ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้ ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่ และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง ที่เราเห็นในข่าว !?! คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 … ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568) ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง… บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!! และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก… ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!! นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568) ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่ หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม … ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา… และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560 รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567) (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์ อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น… ขอบคุณครับ จากคนเล่านิทาน 20 เมษายน 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts