• อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา … ป้องกันกันไว้

    #AIA #อุบัติเหตุทางถนน #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา … ป้องกันกันไว้ #AIA #อุบัติเหตุทางถนน #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน

    พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า

    เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า

    อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย

    “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย

    “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก

    พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล

    ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประกันชีวิตAIA #มรดกเพื่อลูก #วางแผนการเงิน #ประกันชีวิต #มรดกหลักล้าน #อุบัติเหตุทางถนน #มรดก #ฝากไว้ให้คิด
    #ประกันชีวิตAIA #มรดกเพื่อลูก #วางแผนการเงิน #ประกันชีวิต #มรดกหลักล้าน #อุบัติเหตุทางถนน #มรดก #ฝากไว้ให้คิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ มีแผนคุ้มครองอุบัติเหตุคุ้มๆ

    #อุบัติเหตุทางถนน #ประกันชีวิต #day10challenge #AIA #10วันอันตราย #day10 #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ มีแผนคุ้มครองอุบัติเหตุคุ้มๆ #อุบัติเหตุทางถนน #ประกันชีวิต #day10challenge #AIA #10วันอันตราย #day10 #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขับรถช่วงปีใหม่ ต้องระวังให้มากขึ้น

    #ประกันชีวิตAIA #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #มรดก #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA #อุบัติเหตุทางถนน
    ขับรถช่วงปีใหม่ ต้องระวังให้มากขึ้น #ประกันชีวิตAIA #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #มรดก #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA #อุบัติเหตุทางถนน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ

    ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ??

    ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย

    เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด

    เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85%

    ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ
    17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน

    ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว

    ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ
    1. คลองตัน
    2. แสมดำ
    3. ลาดพร้าว
    4. หัวหมาก
    5. สวนหลวง

    ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น

    รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง

    แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า

    มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่?

    มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน

    ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า

    เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ?? ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85% ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ 17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน 08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ 1. คลองตัน 2. แสมดำ 3. ลาดพร้าว 4. หัวหมาก 5. สวนหลวง ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่? มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blue Suede Shoes
    เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์.
    ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด
    “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า
    เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง
    แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้
    “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์
    “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง
    แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก
    เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!”
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins
    ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่
    เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20

    ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021
    The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน
    Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม
    “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!”
    อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    Blue Suede Shoes เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์. ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้ “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์ “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!” “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่ เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20 ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021 The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!” อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 892 มุมมอง 99 0 รีวิว
  • คุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยาย คุณปู่คุณย่า ยิ่งมีความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุหกล้ม ❤️‍🩹❤️‍🩹
    ดังนั้นอย่าลืมดูแลท่านช่วยทำประกันอุบัติเหตุกันด้วยนะครับ

    #ประกันชีวิตออนไลน์ #มรดก #มรดกประกันชีวิต #โรงพยาบาล #อุบัติเหตุทางถนน #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA
    คุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยาย คุณปู่คุณย่า ยิ่งมีความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุหกล้ม ❤️‍🩹❤️‍🩹 ดังนั้นอย่าลืมดูแลท่านช่วยทำประกันอุบัติเหตุกันด้วยนะครับ #ประกันชีวิตออนไลน์ #มรดก #มรดกประกันชีวิต #โรงพยาบาล #อุบัติเหตุทางถนน #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เกือบทุกวัย ทุกเวลา และทุกคน ถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม แต่อาจจะเกิดจากคนอื่นมากระทบถึงเราได้🙀🙀🙀

    สถิติอุบัติในประเทศไทย ยังคงสูง 😰😰😰
    โคราช และเชียงใหม่ มียอดสูงสุด
    ชาย เกิดเหตุมากกว่าหญิง
    อายุ 36 ถึง 60 เป็นช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุเยอะที่สุด
    ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเยอะจะเป็นช่วงหัวค่ำ
    และสุดท้ายมักเกิดกับรถจักรยานยนต์

    ดังนั้นอย่าลืมวางแผน…เกี่ยวกับอุบัติเหตุไว้ด้วย

    #AIA #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #อุบัติเหตุทางถนน
    อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เกือบทุกวัย ทุกเวลา และทุกคน ถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม แต่อาจจะเกิดจากคนอื่นมากระทบถึงเราได้🙀🙀🙀 สถิติอุบัติในประเทศไทย ยังคงสูง 😰😰😰 โคราช และเชียงใหม่ มียอดสูงสุด ชาย เกิดเหตุมากกว่าหญิง อายุ 36 ถึง 60 เป็นช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุเยอะที่สุด ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเยอะจะเป็นช่วงหัวค่ำ และสุดท้ายมักเกิดกับรถจักรยานยนต์ ดังนั้นอย่าลืมวางแผน…เกี่ยวกับอุบัติเหตุไว้ด้วย #AIA #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #อุบัติเหตุทางถนน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • วางแผนประกันอุบัติเหตุแบบชิลๆ เบาๆ
    คุ้มมากๆๆ

    #AIA #ประกันชีวิต #มรดกประกันชีวิต #มรดก #ประกันชีวิตออนไลน์ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุทางถนน
    วางแผนประกันอุบัติเหตุแบบชิลๆ เบาๆ คุ้มมากๆๆ #AIA #ประกันชีวิต #มรดกประกันชีวิต #มรดก #ประกันชีวิตออนไลน์ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุทางถนน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว