• 💜 #รีวิว เส้นทาง #จอร์แดน #อัมมาน จากคุณลัดดาวรรณนะคะ💜 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 - 02 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    📍จอร์แดน (Jordan) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมที่หลากหลาย และธรรมชาติที่สวยงาม จอร์แดนเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจแหล่งโบราณคดีและประสบการณ์การผจญภัยในทะเลทราย

    ดูทัวร์จอร์แดนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/c83f8e

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จอร์แดน #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    💜 #รีวิว เส้นทาง #จอร์แดน #อัมมาน จากคุณลัดดาวรรณนะคะ💜 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 - 02 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 📍จอร์แดน (Jordan) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมที่หลากหลาย และธรรมชาติที่สวยงาม จอร์แดนเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจแหล่งโบราณคดีและประสบการณ์การผจญภัยในทะเลทราย ดูทัวร์จอร์แดนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/c83f8e LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จอร์แดน #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru

    กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท)

    จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง

    ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง

    ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน

    สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท) จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน

    วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว

    ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ

    ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป

    #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน • วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว • ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ • ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป • #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • 171/68

    วินทร์ เลียววาริณ
    15 มกราคม 2568

    ลูกค้าคนล่าสุดในคืนนี้เป็นฝรั่งผมสีทอง ร่างหนาใหญ่ หน้าตาคุ้นๆ

    หลายคนทักเขา "ท่านเอง"

    'ท่านเอง' วางก้นบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ บอกข้าพเจ้า "วันนี้อยากกินกรีนแลนด์"

    ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว ถาม "ท่านหมายถึง Greenland Cocktail?"

    "ผมหมายถึงกรีนแลนด์จริงๆ"

    "ท่านจะยึดเกรียนแลนด์?"

    "กรีนแลนด์ ไม่ใช่เกรียนแลนด์ เกรียนแลนด์ยึดไปให้ปวดหัวทำไม"

    "ขออภัย ยึดกรีนแลนด์ไปทำไมครับ มันเป็นดินแดนน้ำแข็ง ถ้าท่านชอบที่เย็นๆ มาเมืองไทยตอนนี้ดีที่สุด อุณหภูมิที่กรุงเทพฯ 18 องศา กำลังดี ยกเว้นฝุ่น 2.5 นิดหน่อย ผู้ว่าฯบอกว่าไม่เป็นไร แค่ work from home ก็จบ"

    "ผมต้องยึดเกรียนแลนด์ เอ๊ย! กรีนแลนด์ เพราะต้องขัดขวางพวกจีน สายลับของผมสืบมาว่าจีนจะสร้างเส้นทางค้าขายข้ามกรีนแลนด์ เรียกว่า Ice Silk Road"

    "แล้วพวกกรีนแลนด์จะยอมให้ท่านยึดหรือไฉน?"

    "เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"

    "งั้นท่านก็ควรฉลองการยึดล่วงหน้า ด้วยค็อคเทล Greenland ดื่มให้สบายใจดีกว่า"

    "ค็อคเทลนี้ทำยังไง?"

    "Greenland Cocktail ทำมาจากน้ำส้มผสมว็อดกา เติม Amaretto almond liqueur กับ Blue Curacao liqueur และไข่ อ้อ! ใส่เชอร์รีและใบมินท์เข้าไปด้วยเพื่อให้สวย"

    'ท่านเอง' ดื่ม Greenland Cocktail จนหมดแก้ว แล้วเอ่ย "คราวนี้ผมอยากกินปานามา"

    "ท่านหมายถึงค็อคเทล Panama ที่ทำด้วย บรั่นดี Creme de Cacao น้ำแข็ง ครีม?"

    "ค็อคเทลที่คุณว่ามานี้ก็เอา แต่จะยึดปานามาด้วย"

    "ยึดไปทำไมครับ?"

    "พวกจีนไปคุมคลองปานามา เราต้องไปยึดคืนมา"

    "งั้นฉลองด้วยค็อคเทล Panama นะครับ"

    ค็อคเทล Panama หายลงท้อง 'ท่านเอง' กล่าว "คราวนี้ผมอยากกินรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ"

    "ท่านหมายถึงเบียร์ยี่ห้อ 51st State?"

    "เบียร์ก็เอา แต่เวลาพูดถึงรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ผมหมายถึงแคนาดา"

    "ท่านจะยึดแคนาดาไปทำไมครับ ในเมื่อผู้นำแคนาดาก็เป็นลูกน้องท่านอยู่แล้ว สั่งให้ทำอะไรก็ทำ"

    "ก็อยากยึด ยึดแล้วเท่ เข้าใจมั้ย? เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"

    "จริงครับ งั้นดื่มรัฐที่ 51 เลยครับ"

    ข้าพเจ้าเสิร์ฟเบียร์ 51st State ให้ 'ท่านเอง' แล้วกล่าวว่า "เห็นท่านยึดประเทศนั้นประเทศนี้แล้วผมกลัวมากว่าท่านจะมายึดไทยแลนด์ด้วย"

    'ท่านเอง' สำลักเบียร์ สั่นหัว

    "โน! โน! โน! ไม่เอา ไม่ยึดไทยแลนด์ ยึดไปแล้วเหนื่อย ต้องแก้ปัญหามากมาย บ้านคุณมีปัญหาเยอะ นักโทษไม่ต้องเข้าคุก คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงินช่วยคนจน กับสร้างบ่อนเพื่อชาติ แก้ฝุ่น 2.5 ไม่ได้ก็ work from home อ่านหนังสือแปดบรรทัดก็รู้หมดทุกอย่าง เรียนหนังสือก็จ่ายครบจบแน่ มาตรฐานการศึกษาแย่ก็แจกแท็บเล็ต แท็กซี่ตีหัวนักท่องเที่ยวกับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าก็ไม่เห็น ไม่ขายผ้าขาวม้าก็ขาย soft power นี่นั่นโน่น พูดแล้วหมด'รมณ์ ผมไปก่อนละ"

    "เดี๋ยว! ท่านยังไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม"

    "ค่าเครื่องดื่มนี่ขอยึดนะ เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"
    ..............................

    หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
    171/68 วินทร์ เลียววาริณ 15 มกราคม 2568 ลูกค้าคนล่าสุดในคืนนี้เป็นฝรั่งผมสีทอง ร่างหนาใหญ่ หน้าตาคุ้นๆ หลายคนทักเขา "ท่านเอง" 'ท่านเอง' วางก้นบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ บอกข้าพเจ้า "วันนี้อยากกินกรีนแลนด์" ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว ถาม "ท่านหมายถึง Greenland Cocktail?" "ผมหมายถึงกรีนแลนด์จริงๆ" "ท่านจะยึดเกรียนแลนด์?" "กรีนแลนด์ ไม่ใช่เกรียนแลนด์ เกรียนแลนด์ยึดไปให้ปวดหัวทำไม" "ขออภัย ยึดกรีนแลนด์ไปทำไมครับ มันเป็นดินแดนน้ำแข็ง ถ้าท่านชอบที่เย็นๆ มาเมืองไทยตอนนี้ดีที่สุด อุณหภูมิที่กรุงเทพฯ 18 องศา กำลังดี ยกเว้นฝุ่น 2.5 นิดหน่อย ผู้ว่าฯบอกว่าไม่เป็นไร แค่ work from home ก็จบ" "ผมต้องยึดเกรียนแลนด์ เอ๊ย! กรีนแลนด์ เพราะต้องขัดขวางพวกจีน สายลับของผมสืบมาว่าจีนจะสร้างเส้นทางค้าขายข้ามกรีนแลนด์ เรียกว่า Ice Silk Road" "แล้วพวกกรีนแลนด์จะยอมให้ท่านยึดหรือไฉน?" "เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" "งั้นท่านก็ควรฉลองการยึดล่วงหน้า ด้วยค็อคเทล Greenland ดื่มให้สบายใจดีกว่า" "ค็อคเทลนี้ทำยังไง?" "Greenland Cocktail ทำมาจากน้ำส้มผสมว็อดกา เติม Amaretto almond liqueur กับ Blue Curacao liqueur และไข่ อ้อ! ใส่เชอร์รีและใบมินท์เข้าไปด้วยเพื่อให้สวย" 'ท่านเอง' ดื่ม Greenland Cocktail จนหมดแก้ว แล้วเอ่ย "คราวนี้ผมอยากกินปานามา" "ท่านหมายถึงค็อคเทล Panama ที่ทำด้วย บรั่นดี Creme de Cacao น้ำแข็ง ครีม?" "ค็อคเทลที่คุณว่ามานี้ก็เอา แต่จะยึดปานามาด้วย" "ยึดไปทำไมครับ?" "พวกจีนไปคุมคลองปานามา เราต้องไปยึดคืนมา" "งั้นฉลองด้วยค็อคเทล Panama นะครับ" ค็อคเทล Panama หายลงท้อง 'ท่านเอง' กล่าว "คราวนี้ผมอยากกินรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" "ท่านหมายถึงเบียร์ยี่ห้อ 51st State?" "เบียร์ก็เอา แต่เวลาพูดถึงรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ผมหมายถึงแคนาดา" "ท่านจะยึดแคนาดาไปทำไมครับ ในเมื่อผู้นำแคนาดาก็เป็นลูกน้องท่านอยู่แล้ว สั่งให้ทำอะไรก็ทำ" "ก็อยากยึด ยึดแล้วเท่ เข้าใจมั้ย? เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" "จริงครับ งั้นดื่มรัฐที่ 51 เลยครับ" ข้าพเจ้าเสิร์ฟเบียร์ 51st State ให้ 'ท่านเอง' แล้วกล่าวว่า "เห็นท่านยึดประเทศนั้นประเทศนี้แล้วผมกลัวมากว่าท่านจะมายึดไทยแลนด์ด้วย" 'ท่านเอง' สำลักเบียร์ สั่นหัว "โน! โน! โน! ไม่เอา ไม่ยึดไทยแลนด์ ยึดไปแล้วเหนื่อย ต้องแก้ปัญหามากมาย บ้านคุณมีปัญหาเยอะ นักโทษไม่ต้องเข้าคุก คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงินช่วยคนจน กับสร้างบ่อนเพื่อชาติ แก้ฝุ่น 2.5 ไม่ได้ก็ work from home อ่านหนังสือแปดบรรทัดก็รู้หมดทุกอย่าง เรียนหนังสือก็จ่ายครบจบแน่ มาตรฐานการศึกษาแย่ก็แจกแท็บเล็ต แท็กซี่ตีหัวนักท่องเที่ยวกับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าก็ไม่เห็น ไม่ขายผ้าขาวม้าก็ขาย soft power นี่นั่นโน่น พูดแล้วหมด'รมณ์ ผมไปก่อนละ" "เดี๋ยว! ท่านยังไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม" "ค่าเครื่องดื่มนี่ขอยึดนะ เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" .............................. หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก
    กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา
    หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง
    ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ
    เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย
    โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง
    แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส

    รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ

    ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส

    สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326

    #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส • รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ • ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส • สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326 • #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68
    .
    รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68 . รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    Like
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมื่อกระแสความกังวลด้านความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดการยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก ทั้งแพกเกจทัวร์และการจองตั๋วเครื่องบิน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลที่เคยคึกคักมากที่สุด

    ในช่วงต้นปี 2568 การเดินทางไปไทยของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทท่องเที่ยวและแพลตฟอร์มจองทริปออนไลน์หลายแห่งรายงานว่ามียอดยกเลิกการจองแพกเกจทัวร์และตั๋วเครื่องบินในปริมาณมาก

    บริษัทท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ รายงานว่ายอดการยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บางบริษัทระบุว่าสัดส่วนการยกเลิกสูงถึง 30% ของจำนวนการจองทั้งหมด

    ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีน หลายคนแสดงความเห็นว่าพวกเขาเลือกยกเลิกการเดินทางแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้รับคืนเต็มจำนวน ค่าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือค่าซิมการ์ด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,650 หยวน (ประมาณ 8,212 บาท) ต่อคน พวกเขายอมรับว่าความปลอดภัยสำคัญกว่า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003971

    #MGROnline #นักท่องเที่ยวจีน #ยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทย
    ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมื่อกระแสความกังวลด้านความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดการยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก ทั้งแพกเกจทัวร์และการจองตั๋วเครื่องบิน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลที่เคยคึกคักมากที่สุด • ในช่วงต้นปี 2568 การเดินทางไปไทยของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทท่องเที่ยวและแพลตฟอร์มจองทริปออนไลน์หลายแห่งรายงานว่ามียอดยกเลิกการจองแพกเกจทัวร์และตั๋วเครื่องบินในปริมาณมาก • บริษัทท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ รายงานว่ายอดการยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บางบริษัทระบุว่าสัดส่วนการยกเลิกสูงถึง 30% ของจำนวนการจองทั้งหมด • ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีน หลายคนแสดงความเห็นว่าพวกเขาเลือกยกเลิกการเดินทางแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้รับคืนเต็มจำนวน ค่าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือค่าซิมการ์ด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,650 หยวน (ประมาณ 8,212 บาท) ต่อคน พวกเขายอมรับว่าความปลอดภัยสำคัญกว่า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003971 • #MGROnline #นักท่องเที่ยวจีน #ยกเลิกแพกเกจทัวร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศุลกากรฮ่องกงได้ยึดรถบรรทุกที่บรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้แจ้งหรือไม่ได้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (14 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) โดยในจำนวนนี้มีชิปประมาณ 670,000 ชิ้น และส่วนประกอบฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ประมาณ 80,000 ชิ้น รวมถึง CPU, RAM และเมนบอร์ด

    การตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกซ่อนอยู่ในกล่องที่บรรจุสินค้าที่แจ้งถูกต้องภายในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คนขับรถบรรทุกวัย 47 ปีที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

    ฮ่องกงและมาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว แต่ผู้คนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องเผชิญกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 13% อาจถูกล่อลวงให้นำสินค้าจากฮ่องกงกลับบ้านโดยไม่แจ้งต่อศุลกากร

    การลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้อาจทำให้ผู้กระทำผิดต้องเผชิญกับค่าปรับสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 257,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปี

    การยึดสินค้าลักลอบนำเข้าครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวดของศุลกากรฮ่องกงในการตรวจจับและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/truck-with-usd1-8m-in-smuggled-electronics-seized-by-hong-kong-customs-670-000-undeclared-chips-670-000-chips-and-about-80-000-pc-hardware-components
    ศุลกากรฮ่องกงได้ยึดรถบรรทุกที่บรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้แจ้งหรือไม่ได้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (14 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) โดยในจำนวนนี้มีชิปประมาณ 670,000 ชิ้น และส่วนประกอบฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ประมาณ 80,000 ชิ้น รวมถึง CPU, RAM และเมนบอร์ด การตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกซ่อนอยู่ในกล่องที่บรรจุสินค้าที่แจ้งถูกต้องภายในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คนขับรถบรรทุกวัย 47 ปีที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ฮ่องกงและมาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว แต่ผู้คนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องเผชิญกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 13% อาจถูกล่อลวงให้นำสินค้าจากฮ่องกงกลับบ้านโดยไม่แจ้งต่อศุลกากร การลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้อาจทำให้ผู้กระทำผิดต้องเผชิญกับค่าปรับสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 257,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปี การยึดสินค้าลักลอบนำเข้าครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวดของศุลกากรฮ่องกงในการตรวจจับและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ https://www.tomshardware.com/pc-components/truck-with-usd1-8m-in-smuggled-electronics-seized-by-hong-kong-customs-670-000-undeclared-chips-670-000-chips-and-about-80-000-pc-hardware-components
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยไม่เคยมีKาสิโน หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ การท่องเที่ยวเราก็ติดอันดับโลกได้ ตกลงจะดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือดึงดูดผีPนัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ไทยไม่เคยมีKาสิโน หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ การท่องเที่ยวเราก็ติดอันดับโลกได้ ตกลงจะดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือดึงดูดผีPนัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ เผย ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยันกฤษฎีกาไม่ขวาง แต่ต้องปรับคำให้เข้ากับนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ชี้ยิ่งทำเร็วยิ่งดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดึงนักท่องเที่ยว งัดธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000003642

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯ เผย ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยันกฤษฎีกาไม่ขวาง แต่ต้องปรับคำให้เข้ากับนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ชี้ยิ่งทำเร็วยิ่งดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดึงนักท่องเที่ยว งัดธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000003642 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Sad
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 825 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกนักท่องเที่ยวจีนไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน หวังสร้างความเชื่อมั่น พร้อมรองรับสถานการณ์ในทุกมิติ

    จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม

    วันนี้ (12 ม.ค.) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทท.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000003379

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ยกระดับ #มาตรการดูแลความปลอดภัย #นักท่องเที่ยว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หลอกนักท่องเที่ยวจีน
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกนักท่องเที่ยวจีนไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน หวังสร้างความเชื่อมั่น พร้อมรองรับสถานการณ์ในทุกมิติ • จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม • วันนี้ (12 ม.ค.) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทท.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000003379 • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ยกระดับ #มาตรการดูแลความปลอดภัย #นักท่องเที่ยว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หลอกนักท่องเที่ยวจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ"
    โสภณ องค์การณ์
    10 ตุลาคม 2567
    (งานเขียนชิ้นสุดท้าย)

    ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567

    ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์

    งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา

    งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า

    สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว

    ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู

    มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด

    การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว

    แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง

    ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง

    ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน

    มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า

    ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ

    พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก

    เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย

    แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก

    แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน

    ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว

    ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ

    ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ

    ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย

    ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้

    พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย

    ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย

    ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น

    ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น

    ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

    ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ" โสภณ องค์การณ์ 10 ตุลาคม 2567 (งานเขียนชิ้นสุดท้าย) ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567 ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์ งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้ พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์

    ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ

    นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้

    ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว

    ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่

    ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน

    ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์

    ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ

    ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น
    .
    .
    .
    ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง

    โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป

    แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

    นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ

    ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด

    ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง
    .
    .
    .
    ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ

    เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น

    และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน?

    คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท

    ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้ ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่ ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์ ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น . . . ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?” คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง . . . ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน? คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…. นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨
    🌟 จุดเด่น:
    - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK
    หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา
    - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้)
    - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ
    - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ
    🔑 จุดบวก :
    - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ
    - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว
    📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722
    ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ

    #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨ 🌟 จุดเด่น: - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้) - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ 🔑 จุดบวก : - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว 📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722 ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนระบุในวันพุธ (8 ม.ค.) สามารถช่วยผู้ประสบภัยกว่า 400 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคาร (7) โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายไม่ทราบจำนวนท่ามกลางสภาพอากาศติดลบ 18 องศาเซลเซียส

    พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันอังคาร และถือเป็นธรณีพิโรธครั้งรุนแรงที่สุดในบริเวณดังกล่าวในรอบหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่อำเภอติงกริ จังหวัดซีกัตเซ ของเขตปกครองตนเองทิเบต โดยอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกประมาณ 80 กิโลเมตร ขณะที่ซีกัตเซ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธนิกายทิเบต เนื่องจากเมืองซีกัตเซถือเป็นที่ประทับของปันเจนลามะ หนึ่งในพระลามะผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของศาสนาพุทธนิกายทิเบต โดยเป็นรองเฉพาะองค์ทะไลลามะเท่านั้น

    จากการที่แผ่นดินไหวคราวนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 24 ชั่วโมง ย่อมหมายความว่าผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังต้องผจญค่ำคืนที่อุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งมาแล้ว 1 คืน และเพิ่มความกดดันสำหรับพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ต้องรีบเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัยซึ่งเป็นเขตเขาสูง และมีความกว้างขวางพอๆ กับอาณาเขตประเทศกัมพูชา

    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ท่ามกลางอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลงถึงระดับ -18 องศาเซลเซียสในช่วงคืนวันอังคาร ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือกระทั่งผู้ซึ่งต้องหลบภัยอยู่นอกอาคารบ้านเรือน มีความเสี่ยงเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็ว และอาจอยู่รอดได้เพียง 5-10 ชั่วโมงแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ

    ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นสมาชิกครอบครัวเบียดกันอยู่ในเต็นท์สีน้ำเงินและเขียวที่ทหารและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รีบไปติดตั้งให้ในชุมชนรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยที่ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาอีกหลายร้อยระลอก

    ในวันพุธ ซีซีทีวียังคงรายงานตัวเลขเดิมซึ่งอัปเดตตั้งแต่ตอนดึกวันอังคารที่ว่า ในทิเบตมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บ 188 คน ขณะที่รายงานจากพวกเพื่อนบ้านอย่างเนปาลและประเทศใกล้เคียง ถึงแม้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนขณะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทว่ายังไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต

    จากการวิเคราะห์ของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้ ทำให้พื้นดินรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวยุบตัวลงถึง 1.6 เมตรในระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร

    ด้านสื่อของทางการจีนรายงานว่า บริเวณโดยรอบของพื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ในสภาพเสียหายหนัก จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บ้านเรือน 3,609 หลังพังทลายในเมืองซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 800,000 คน และเวลานี้ทางการจีนจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 14,000 คนไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว

    ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลงวันพุธ (8 ) ว่า ผู้ประสบภัยกว่า 46,500 คนถูกนำไปยังที่พักใหม่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยว 484 คนในติงกริที่ได้รับการนำส่งอย่างปลอดภัยไปยังเมืองซีกัตเซ

    ทั้งนี้ พื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร รวมทั้งเนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน

    รายงานระบุว่า จนถึงเที่ยงวันพุธ มีอาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้น 646 ครั้งในบริเวณรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยครั้งรุนแรงที่สุดอยู่ในระดับ 4.4

    ข้อมูลจากสำนักงานแผ่นดินไหวท้องถิ่นระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 29 ครั้ง วัดความแรงได้ระดับ 3 ขึ้นไปภายในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบพื้นท่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคาร

    เหมิง ฮุ่ย รองหัวหน้าสำนักงานแผ่นดินไหวทิเบต แถลงว่า จากการวิเคราะห์พบว่า อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ในบริเวณเดียวกันนี้ในอนาคต

    แผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคารถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในจีนนับจากปี 2023 ที่เกิดแผ่นดินไหวความแรง 6.2 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 149 คนในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

    ปี 2008 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ในเสฉวน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70,000 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวในจีนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองถังชานในปี 1976 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 242,000 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002350
    ..............
    Sondhi X
    จีนระบุในวันพุธ (8 ม.ค.) สามารถช่วยผู้ประสบภัยกว่า 400 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคาร (7) โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายไม่ทราบจำนวนท่ามกลางสภาพอากาศติดลบ 18 องศาเซลเซียส พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันอังคาร และถือเป็นธรณีพิโรธครั้งรุนแรงที่สุดในบริเวณดังกล่าวในรอบหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่อำเภอติงกริ จังหวัดซีกัตเซ ของเขตปกครองตนเองทิเบต โดยอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกประมาณ 80 กิโลเมตร ขณะที่ซีกัตเซ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธนิกายทิเบต เนื่องจากเมืองซีกัตเซถือเป็นที่ประทับของปันเจนลามะ หนึ่งในพระลามะผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของศาสนาพุทธนิกายทิเบต โดยเป็นรองเฉพาะองค์ทะไลลามะเท่านั้น จากการที่แผ่นดินไหวคราวนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 24 ชั่วโมง ย่อมหมายความว่าผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังต้องผจญค่ำคืนที่อุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งมาแล้ว 1 คืน และเพิ่มความกดดันสำหรับพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ต้องรีบเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัยซึ่งเป็นเขตเขาสูง และมีความกว้างขวางพอๆ กับอาณาเขตประเทศกัมพูชา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ท่ามกลางอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลงถึงระดับ -18 องศาเซลเซียสในช่วงคืนวันอังคาร ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือกระทั่งผู้ซึ่งต้องหลบภัยอยู่นอกอาคารบ้านเรือน มีความเสี่ยงเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็ว และอาจอยู่รอดได้เพียง 5-10 ชั่วโมงแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นสมาชิกครอบครัวเบียดกันอยู่ในเต็นท์สีน้ำเงินและเขียวที่ทหารและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รีบไปติดตั้งให้ในชุมชนรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยที่ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาอีกหลายร้อยระลอก ในวันพุธ ซีซีทีวียังคงรายงานตัวเลขเดิมซึ่งอัปเดตตั้งแต่ตอนดึกวันอังคารที่ว่า ในทิเบตมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บ 188 คน ขณะที่รายงานจากพวกเพื่อนบ้านอย่างเนปาลและประเทศใกล้เคียง ถึงแม้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนขณะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทว่ายังไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต จากการวิเคราะห์ของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้ ทำให้พื้นดินรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวยุบตัวลงถึง 1.6 เมตรในระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านสื่อของทางการจีนรายงานว่า บริเวณโดยรอบของพื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ในสภาพเสียหายหนัก จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บ้านเรือน 3,609 หลังพังทลายในเมืองซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 800,000 คน และเวลานี้ทางการจีนจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 14,000 คนไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลงวันพุธ (8 ) ว่า ผู้ประสบภัยกว่า 46,500 คนถูกนำไปยังที่พักใหม่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยว 484 คนในติงกริที่ได้รับการนำส่งอย่างปลอดภัยไปยังเมืองซีกัตเซ ทั้งนี้ พื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร รวมทั้งเนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน รายงานระบุว่า จนถึงเที่ยงวันพุธ มีอาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้น 646 ครั้งในบริเวณรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยครั้งรุนแรงที่สุดอยู่ในระดับ 4.4 ข้อมูลจากสำนักงานแผ่นดินไหวท้องถิ่นระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 29 ครั้ง วัดความแรงได้ระดับ 3 ขึ้นไปภายในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบพื้นท่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคาร เหมิง ฮุ่ย รองหัวหน้าสำนักงานแผ่นดินไหวทิเบต แถลงว่า จากการวิเคราะห์พบว่า อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ในบริเวณเดียวกันนี้ในอนาคต แผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคารถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในจีนนับจากปี 2023 ที่เกิดแผ่นดินไหวความแรง 6.2 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 149 คนในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ปี 2008 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ในเสฉวน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70,000 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวในจีนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองถังชานในปี 1976 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 242,000 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002350 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 977 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💜 #รีวิว เส้นทาง #จีน #ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง จากคุณสวโรจน์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 22-27 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    ⭐️ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River Cruise) เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมจีน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ระหว่างการเดินทางบนแม่น้ำที่ยาวที่สุดในจีนและเอเชีย

    ⭐️ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่องเรือ
    เมษายน - พฤษภาคม: ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย
    กันยายน - ตุลาคม: ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศแห้งและมีทัศนียภาพที่สวยงาม
    หลีกเลี่ยงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม และฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    💜 #รีวิว เส้นทาง #จีน #ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง จากคุณสวโรจน์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 22-27 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 ⭐️ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River Cruise) เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมจีน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ระหว่างการเดินทางบนแม่น้ำที่ยาวที่สุดในจีนและเอเชีย ⭐️ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่องเรือ เมษายน - พฤษภาคม: ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย กันยายน - ตุลาคม: ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศแห้งและมีทัศนียภาพที่สวยงาม หลีกเลี่ยงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม และฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ในแคว้นทิเบตของจีน เมื่อวันอังคาร (7 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน อาคารบ้านเรือนมากมายถล่ม และแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงเนปาล ภูฏาน และตอนเหนือของอินเดีย
    .
    ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีน (ซีอีเอ็นซี) รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 9.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีศูนย์กลางเหนือแผ่นดินไหวอยู่ที่อำเภอติงกริ ที่รู้จักกันว่า เป็นประตูด้านเหนือสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 10 กม. ซึ่งถือว่าตื้นและมักก่อความเสียหายได้สูง ทางด้านสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯนั้น ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรง 7.1
    .
    อำเภอติงกริ ยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรราว 800,000 คน และอยู่ในการบริหารปกครองของนครซีกัตเซ ที่ตามประเพณีแล้วเป็นที่ประทับของปันเชนลามะ หนึ่งในพระลามะสำคัญที่สุดในศาสนาพุทธนิกายทิเบต
    .
    ภาพวิดีโอของสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นบ้านเรือนมากมายเสียหาย ผนังอาคารแยกออกจากกัน ขณะที่รายงานผู้เสียชีวิตได้รับการปรับให้สูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงเวลาตอนดึกวันอังคาร สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน ให้ตัวเลขว่าเฉพาะในทิเบต มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บอีก 188 คน
    .
    ทั้งนี้ พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร เนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน
    .
    ศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคารอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลกและจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักปีนเขาและนักเดินป่าราว 80 กม.
    .
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในรัศมี 20 กม.จากพื้นที่เหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีเมืองตั้งอยู่ 3 เมือง และหมู่บ้าน 27 หมู่บ้าน จำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 6,900 คน ขณะนี้มีรายงานว่าบ้านเรือนกว่า 1,000 หลังได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยท้องถิ่นกว่า 1,500 คนถูกส่งไปยังพื้นที่ประสบภัย นอกจากนั้น รัฐบาลจีนยังนำเต็นต์ผ้าฝ้าย เสื้อคลุมผ้าฝ้าย ผ้าห่ม และเตียงพับ ไปแจกจ่ายในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
    .
    ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นได้ประสานกับเมืองใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบผลกระทบจากแผ่นดินไหว และค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนั้น หลังเกิดเหตุจีนยังห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปในบริเวณยอดเขาเอเวอเรสต์จากฝั่งทิเบต
    .
    สื่อจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งการให้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการค้นหาและกู้ภัยเพื่อลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งให้จัดหาที่พักอาศัยใหม่แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ผู้ประสบภัยปลอดภัยและอบอุ่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นติดลบ 8 องศาในติงกริ อีกทั้งคาดว่า จะลดลงอยู่ที่ -18 องศาในค่ำวันอังคาร
    .
    หมู่บ้านต่างๆ ในติงกริที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 4,000-5,000 เมตร รายงานว่า มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายสิบครั้ง ครั้งที่รุนแรงนั้นวัดความแรงได้ 4.4
    .
    แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในทิเบตยังรับรู้ได้ถึงกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ที่อยู่ห่างจากพื้นที่เหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 400 กม. ทำให้มีประชาชนจำนวนมากพากันวิ่งหนีออกจากบ้าน และผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนเป็นชายที่กระโดดลงจากชั้นบนของบ้าน
    .
    กาฐมาณฑุเคยเผชิญแผ่นดินไหวความแรง 7.8 ในปี 2015 ที่มีผู้เสียชีวิตราว 9,000 คน และบาดเจ็บหลายพันคน ซึ่งถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศนี้
    .
    นอกจากนั้น ประชาชนในกรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน และที่รัฐพิหาร ตอนเหนือของอินเดียที่ติดกับพรมแดนเนปาล ก็รับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือทรัพย์สินสูญหายแต่อย่างใด
    .
    ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวตามแนวเทือกเขาบริเวณชายแดนจีน-คีร์กีซถาน วัดความแรงได้ 7.0 มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บหลายสิบคน
    .
    และก่อนหน้านั้นขึ้นไปอีกคือในเดือนธันวาคม 2023 เกิดแผ่นดินไหวในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีผู้เสียชีวิต 148 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในจีนนับจากปี 2014 ที่เหตุธรณีพิโรธในมณฑลยูนนานคร่าชีวิตประชาชนกว่า 600 คน
    .
    แผ่นดินไหวในเดือนธันวาคม 2023 ยังเกิดขึ้นท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ ทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือยิ่งท้าทายมากขึ้น โดยผู้รอดชีวิตต้องผิงไฟกลางแจ้งเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001959
    ..............
    Sondhi X
    เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ในแคว้นทิเบตของจีน เมื่อวันอังคาร (7 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน อาคารบ้านเรือนมากมายถล่ม และแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงเนปาล ภูฏาน และตอนเหนือของอินเดีย . ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีน (ซีอีเอ็นซี) รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 9.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีศูนย์กลางเหนือแผ่นดินไหวอยู่ที่อำเภอติงกริ ที่รู้จักกันว่า เป็นประตูด้านเหนือสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 10 กม. ซึ่งถือว่าตื้นและมักก่อความเสียหายได้สูง ทางด้านสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯนั้น ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรง 7.1 . อำเภอติงกริ ยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรราว 800,000 คน และอยู่ในการบริหารปกครองของนครซีกัตเซ ที่ตามประเพณีแล้วเป็นที่ประทับของปันเชนลามะ หนึ่งในพระลามะสำคัญที่สุดในศาสนาพุทธนิกายทิเบต . ภาพวิดีโอของสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นบ้านเรือนมากมายเสียหาย ผนังอาคารแยกออกจากกัน ขณะที่รายงานผู้เสียชีวิตได้รับการปรับให้สูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงเวลาตอนดึกวันอังคาร สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน ให้ตัวเลขว่าเฉพาะในทิเบต มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บอีก 188 คน . ทั้งนี้ พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร เนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน . ศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคารอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลกและจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักปีนเขาและนักเดินป่าราว 80 กม. . สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในรัศมี 20 กม.จากพื้นที่เหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีเมืองตั้งอยู่ 3 เมือง และหมู่บ้าน 27 หมู่บ้าน จำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 6,900 คน ขณะนี้มีรายงานว่าบ้านเรือนกว่า 1,000 หลังได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยท้องถิ่นกว่า 1,500 คนถูกส่งไปยังพื้นที่ประสบภัย นอกจากนั้น รัฐบาลจีนยังนำเต็นต์ผ้าฝ้าย เสื้อคลุมผ้าฝ้าย ผ้าห่ม และเตียงพับ ไปแจกจ่ายในพื้นที่ดังกล่าวด้วย . ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นได้ประสานกับเมืองใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบผลกระทบจากแผ่นดินไหว และค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนั้น หลังเกิดเหตุจีนยังห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปในบริเวณยอดเขาเอเวอเรสต์จากฝั่งทิเบต . สื่อจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งการให้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการค้นหาและกู้ภัยเพื่อลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งให้จัดหาที่พักอาศัยใหม่แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ผู้ประสบภัยปลอดภัยและอบอุ่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นติดลบ 8 องศาในติงกริ อีกทั้งคาดว่า จะลดลงอยู่ที่ -18 องศาในค่ำวันอังคาร . หมู่บ้านต่างๆ ในติงกริที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 4,000-5,000 เมตร รายงานว่า มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายสิบครั้ง ครั้งที่รุนแรงนั้นวัดความแรงได้ 4.4 . แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในทิเบตยังรับรู้ได้ถึงกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ที่อยู่ห่างจากพื้นที่เหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 400 กม. ทำให้มีประชาชนจำนวนมากพากันวิ่งหนีออกจากบ้าน และผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนเป็นชายที่กระโดดลงจากชั้นบนของบ้าน . กาฐมาณฑุเคยเผชิญแผ่นดินไหวความแรง 7.8 ในปี 2015 ที่มีผู้เสียชีวิตราว 9,000 คน และบาดเจ็บหลายพันคน ซึ่งถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศนี้ . นอกจากนั้น ประชาชนในกรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน และที่รัฐพิหาร ตอนเหนือของอินเดียที่ติดกับพรมแดนเนปาล ก็รับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือทรัพย์สินสูญหายแต่อย่างใด . ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวตามแนวเทือกเขาบริเวณชายแดนจีน-คีร์กีซถาน วัดความแรงได้ 7.0 มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บหลายสิบคน . และก่อนหน้านั้นขึ้นไปอีกคือในเดือนธันวาคม 2023 เกิดแผ่นดินไหวในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีผู้เสียชีวิต 148 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในจีนนับจากปี 2014 ที่เหตุธรณีพิโรธในมณฑลยูนนานคร่าชีวิตประชาชนกว่า 600 คน . แผ่นดินไหวในเดือนธันวาคม 2023 ยังเกิดขึ้นท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ ทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือยิ่งท้าทายมากขึ้น โดยผู้รอดชีวิตต้องผิงไฟกลางแจ้งเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001959 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 918 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อนยอนสู่ปีนัง ขบวนรถไฟ My Sawasdee

    หลังการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการขบวนรถพิเศษ My Sawasdee เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ ในช่วงวันหยุดยาวของมาเลเซีย นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ล่าสุดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา เปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษ My Sawasdee Penang Edition เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ให้บริการระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2567 ถึง 5 ม.ค.2568

    เฟซบุ๊ก "แซม ญาณบ้าน" นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้บริการ เปิดเผยว่า ขบวนรถดังกล่าวจำหน่ายตั๋วเที่ยวเดียวในราคา 45 ริงกิต (ประมาณ 346 บาท) เน้นสำหรับชาวมาเลเซียที่จะไปเที่ยวหาดใหญ่ เพราะออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 7 โมงเช้า ถึงปลายทางหาดใหญ่ประมาณเที่ยงวัน ส่วนขากลับออกจากหาดใหญ่เวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จอดที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อลงตราประทับจากตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก่อนจอดส่งผู้โดยสารตามรายทาง รวม 5 สถานี

    ก่อนเข้าสถานีปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่จะกำชับเรื่องการกรอกบัตรขาเข้าดิจิทัลของมาเลเซีย (MDAC) สำหรับชาวต่างชาติ และต้องนำสิ่งของทุกอย่างลงจากรถไฟ รวมทั้งน้ำดื่มและอาหาร เข้า ตม. เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

    ตู้โดยสารที่ใช้เป็นตู้โดยสารปรับอากาศ คล้ายรถนั่งปรับอากาศชั้น 2 ในไทย เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์ ให้นั่งรอในขบวนรถระหว่าง ตม. ไทยและมาเลเซียลงตราประทับนักท่องเที่ยวขาออกจากมาเลเซีย ไปขบวน 950 และ 46 ให้หมดก่อน ประมาณ 30 นาทีจึงให้ผู้โดยสารออกมาลงตราประทับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีผู้โดยสารขึ้นระหว่างทางก่อนถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ก็ปล่อยขบวนรถก่อนเวลาเกือบ 20 นาที แต่ปรากฎว่าต้องรอหลีกให้รถไฟ KTM Komuter มาถึงทีหลังให้แซงไปก่อน ถึงจะออกรถได้

    แม้จะถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 21.36 น. ตามเวลามาเลเซีย แต่ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไม่ทันรอบ 21.30 น. ต้องรอเรือรอบถัดไป 23.00 น. ถึงจะเข้าไปบนเกาะปีนัง จึงแนะว่าถ้าไม่เร่งรีบก็น่าสนใจ แต่ถ้าต้องทำเวลาจริงๆ ใช้บริการ KTM Komuter ดีกว่า เพราะใช้เวลาจากสถานีปาดังเบซาร์ ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธไม่ถึง 2 ชั่วโมง

    สำหรับความคืบหน้าการเดินรถไฟ บัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย รายงานว่า นายวง ฮอน ไว ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งรัฐปีนัง กล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งรัฐปีนัง เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงต้นปี 2568

    #Newskit
    ต่อนยอนสู่ปีนัง ขบวนรถไฟ My Sawasdee หลังการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการขบวนรถพิเศษ My Sawasdee เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ ในช่วงวันหยุดยาวของมาเลเซีย นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ล่าสุดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา เปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษ My Sawasdee Penang Edition เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ให้บริการระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2567 ถึง 5 ม.ค.2568 เฟซบุ๊ก "แซม ญาณบ้าน" นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้บริการ เปิดเผยว่า ขบวนรถดังกล่าวจำหน่ายตั๋วเที่ยวเดียวในราคา 45 ริงกิต (ประมาณ 346 บาท) เน้นสำหรับชาวมาเลเซียที่จะไปเที่ยวหาดใหญ่ เพราะออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 7 โมงเช้า ถึงปลายทางหาดใหญ่ประมาณเที่ยงวัน ส่วนขากลับออกจากหาดใหญ่เวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จอดที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อลงตราประทับจากตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก่อนจอดส่งผู้โดยสารตามรายทาง รวม 5 สถานี ก่อนเข้าสถานีปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่จะกำชับเรื่องการกรอกบัตรขาเข้าดิจิทัลของมาเลเซีย (MDAC) สำหรับชาวต่างชาติ และต้องนำสิ่งของทุกอย่างลงจากรถไฟ รวมทั้งน้ำดื่มและอาหาร เข้า ตม. เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ตู้โดยสารที่ใช้เป็นตู้โดยสารปรับอากาศ คล้ายรถนั่งปรับอากาศชั้น 2 ในไทย เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์ ให้นั่งรอในขบวนรถระหว่าง ตม. ไทยและมาเลเซียลงตราประทับนักท่องเที่ยวขาออกจากมาเลเซีย ไปขบวน 950 และ 46 ให้หมดก่อน ประมาณ 30 นาทีจึงให้ผู้โดยสารออกมาลงตราประทับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีผู้โดยสารขึ้นระหว่างทางก่อนถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ก็ปล่อยขบวนรถก่อนเวลาเกือบ 20 นาที แต่ปรากฎว่าต้องรอหลีกให้รถไฟ KTM Komuter มาถึงทีหลังให้แซงไปก่อน ถึงจะออกรถได้ แม้จะถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 21.36 น. ตามเวลามาเลเซีย แต่ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไม่ทันรอบ 21.30 น. ต้องรอเรือรอบถัดไป 23.00 น. ถึงจะเข้าไปบนเกาะปีนัง จึงแนะว่าถ้าไม่เร่งรีบก็น่าสนใจ แต่ถ้าต้องทำเวลาจริงๆ ใช้บริการ KTM Komuter ดีกว่า เพราะใช้เวลาจากสถานีปาดังเบซาร์ ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธไม่ถึง 2 ชั่วโมง สำหรับความคืบหน้าการเดินรถไฟ บัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย รายงานว่า นายวง ฮอน ไว ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งรัฐปีนัง กล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งรัฐปีนัง เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงต้นปี 2568 #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่

    โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์

    กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก

    นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส

    อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ

    #Newskit
    มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์ กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ #Newskit
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำถามการเลือกตั้งท้องถิ่นในภูเก็ต1​ จะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างไร?2. จะแก้ปัญหารถติดอย่างไร?3.​ จะแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างไร?4.จะแก้ปัญหาห้องพักที่ว่างไม่มีนักท่องเที่ยวจำนวน​80, 000-90,000 ห้องต่อวันได้อย่างไร5.​ จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตให้ถึงปีละ​20​ล้านคนได้อย่างไร?6.จะวางระบบผังเมืองควบคุมการลงทุนของภาคเอกชนให้มีทิศทางที่เหมาะสมได้อย่างไร?หรือปัญหาเหล่านี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น​ และนักการเมืองท้องถิ่นไม่ต้องรับผิดชอบ?
    คำถามการเลือกตั้งท้องถิ่นในภูเก็ต1​ จะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างไร?2. จะแก้ปัญหารถติดอย่างไร?3.​ จะแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างไร?4.จะแก้ปัญหาห้องพักที่ว่างไม่มีนักท่องเที่ยวจำนวน​80, 000-90,000 ห้องต่อวันได้อย่างไร5.​ จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตให้ถึงปีละ​20​ล้านคนได้อย่างไร?6.จะวางระบบผังเมืองควบคุมการลงทุนของภาคเอกชนให้มีทิศทางที่เหมาะสมได้อย่างไร?หรือปัญหาเหล่านี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น​ และนักการเมืองท้องถิ่นไม่ต้องรับผิดชอบ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts