• เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารของอเมริกันแอร์ไลน์ส (American Airlines) พุ่งชนกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพสหรัฐฯ จนตกลงไปในแม่น้ำโพโตแมคใกล้กับท่าอากาศยานแห่งชาติ เรแกน วอชิงตัน ชานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (29 ม.ค.) ล่าสุดมีรายงานจากสื่อ CBS ว่าสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้แล้วอย่างน้อย 18 ศพ
    .
    ก่อนหน้านั้น หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่าร่างผู้เสียชีวิตหลายร่างถูกนำขึ้นจากแม่น้ำและยังไม่พบผู้รอดชีวิต ขณะที่ ส.ว. เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัสโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า “เราทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง”
    .
    แหล่งข่าวในอเมริกันแอร์ไลน์สยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสาร 60 คน นักบิน 2 คน และลูกเรือ 2 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กลำที่พุ่งชนกันนั้นมีทหารอเมริกันอยู่ 3 นาย
    .
    กล้องเว็บแคมของศูนยเคนเนดีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยให้เห็นภาพการระเบิดกลางอากาศเหนือแม่น้ำเมื่อเวลาประมาณ 20.47 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก และมีเครื่องบินลำหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ร่วงตกลงมาอย่างรวดเร็ว
    .
    สำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) แถลงว่า เครื่องบินโดยสารรุ่น CRJ700 ของ PSA Airlines เกิดการพุ่งชนกลางอากาศกับเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง ขณะกำลังมุ่งหน้าลงจอดที่สนามบินเรแกน โดยเครื่องบินลำนี้อยู่ระหว่างปฏิบัติการภายใต้เที่ยวบิน 5342 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส และออกเดินทางมาจากเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส
    .
    อเมริกันแอร์ไลน์สแถลงผ่านโซเชียลมีเดียว่า สายการบิน “ได้รับรายงานว่าเที่ยวบิน 5342 ซึ่งปฏิบัติการบินโดย PSA จากเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส (ICT) มายังท่าอากาศยานแห่งชาติวอชิงตันเรแกน (DCA) ได้มีส่วนร่วมอยู่ในอุบัติเหตุดังกล่าว” และจะแถลงข้อมูลเพิ่มเติมทันทีที่สามารถทำได้
    .
    กองทัพสหรัฐฯ แถลงยืนยันล่าสุดว่า “สามารถยืนยันได้ว่าอากาศยานที่เกิดอุบัติเหตุคืนนี้เป็นเฮลิคอปเตอร์ UH-60 ที่เดินทางมาจากฐานทัพฟอร์ตเบลวัวร์ในรัฐเวอร์จิเนีย เรากำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และจะแถลงให้ทราบทันทีที่มีข้อมูลเพิ่มเติม”
    .
    ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกคำแถลงทันทีหลังทราบข่าวโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้ว่า “ได้รับรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุอันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นที่สนามบินแห่งชาติเรแกน”
    .
    “ขอพระเจ้าประทานพรแก่ดวงวิญญาณของพวกเขา และขอขอบคุณหน่วยตอบสนองเหตุฉุกเฉินที่ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง ผมกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้ และจะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง”
    .
    ครอบครัวและญาติมิตรของผู้โดยสารเริ่มไปรวมตัวที่สนามบินเรแกนเพื่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม โดยหญิงคนหนึ่งบอกกับเจ้าหน้าที่สนามบินว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าเธออยู่บนเครื่องหรือเปล่า” ซึ่งคาดว่าจะหมายถึงผู้โดยสารในเครื่องบินที่ตก ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียขวัญ
    .
    ตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า มีหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมภารกิจค้นหาและช่วยชีวิตที่แม่น้ำโพโตแมคซึ่งอยู่ติดกับสนามบินเรแกน โดยภาพถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์จะเห็นว่ามีเรือหลายลำซึ่งติดสัญญาณไฟสีแดงและน้ำเงินลอยอยู่ในแม่น้ำ รวมถึงหน่วยกู้ชีพและรถพยาบาล
    .
    ทางสนามบินยังประกาศระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก ในระหว่างที่หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินเข้าตอบสนองอุบัติเหตุเครื่องบินชนกันครั้งนี้
    .
    เครื่องบินโดยสารในสหรัฐฯ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีคนเสียชีวิตมาตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 2009 ทว่าเหตุการณ์ที่เครื่องบินหวุดหวิดจะเกิดอันตรายนั้นเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนก่อให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยการบินและการปฏิบัติงานของหอควบคุมการจราจรทางอากาศที่มีกำลังคนไม่เพียงพอ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009591
    .........
    Sondhi X
    เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารของอเมริกันแอร์ไลน์ส (American Airlines) พุ่งชนกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพสหรัฐฯ จนตกลงไปในแม่น้ำโพโตแมคใกล้กับท่าอากาศยานแห่งชาติ เรแกน วอชิงตัน ชานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (29 ม.ค.) ล่าสุดมีรายงานจากสื่อ CBS ว่าสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้แล้วอย่างน้อย 18 ศพ . ก่อนหน้านั้น หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่าร่างผู้เสียชีวิตหลายร่างถูกนำขึ้นจากแม่น้ำและยังไม่พบผู้รอดชีวิต ขณะที่ ส.ว. เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัสโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า “เราทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง” . แหล่งข่าวในอเมริกันแอร์ไลน์สยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสาร 60 คน นักบิน 2 คน และลูกเรือ 2 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กลำที่พุ่งชนกันนั้นมีทหารอเมริกันอยู่ 3 นาย . กล้องเว็บแคมของศูนยเคนเนดีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยให้เห็นภาพการระเบิดกลางอากาศเหนือแม่น้ำเมื่อเวลาประมาณ 20.47 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก และมีเครื่องบินลำหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ร่วงตกลงมาอย่างรวดเร็ว . สำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) แถลงว่า เครื่องบินโดยสารรุ่น CRJ700 ของ PSA Airlines เกิดการพุ่งชนกลางอากาศกับเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง ขณะกำลังมุ่งหน้าลงจอดที่สนามบินเรแกน โดยเครื่องบินลำนี้อยู่ระหว่างปฏิบัติการภายใต้เที่ยวบิน 5342 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส และออกเดินทางมาจากเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส . อเมริกันแอร์ไลน์สแถลงผ่านโซเชียลมีเดียว่า สายการบิน “ได้รับรายงานว่าเที่ยวบิน 5342 ซึ่งปฏิบัติการบินโดย PSA จากเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส (ICT) มายังท่าอากาศยานแห่งชาติวอชิงตันเรแกน (DCA) ได้มีส่วนร่วมอยู่ในอุบัติเหตุดังกล่าว” และจะแถลงข้อมูลเพิ่มเติมทันทีที่สามารถทำได้ . กองทัพสหรัฐฯ แถลงยืนยันล่าสุดว่า “สามารถยืนยันได้ว่าอากาศยานที่เกิดอุบัติเหตุคืนนี้เป็นเฮลิคอปเตอร์ UH-60 ที่เดินทางมาจากฐานทัพฟอร์ตเบลวัวร์ในรัฐเวอร์จิเนีย เรากำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และจะแถลงให้ทราบทันทีที่มีข้อมูลเพิ่มเติม” . ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกคำแถลงทันทีหลังทราบข่าวโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้ว่า “ได้รับรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุอันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นที่สนามบินแห่งชาติเรแกน” . “ขอพระเจ้าประทานพรแก่ดวงวิญญาณของพวกเขา และขอขอบคุณหน่วยตอบสนองเหตุฉุกเฉินที่ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง ผมกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้ และจะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง” . ครอบครัวและญาติมิตรของผู้โดยสารเริ่มไปรวมตัวที่สนามบินเรแกนเพื่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม โดยหญิงคนหนึ่งบอกกับเจ้าหน้าที่สนามบินว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าเธออยู่บนเครื่องหรือเปล่า” ซึ่งคาดว่าจะหมายถึงผู้โดยสารในเครื่องบินที่ตก ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียขวัญ . ตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า มีหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมภารกิจค้นหาและช่วยชีวิตที่แม่น้ำโพโตแมคซึ่งอยู่ติดกับสนามบินเรแกน โดยภาพถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์จะเห็นว่ามีเรือหลายลำซึ่งติดสัญญาณไฟสีแดงและน้ำเงินลอยอยู่ในแม่น้ำ รวมถึงหน่วยกู้ชีพและรถพยาบาล . ทางสนามบินยังประกาศระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก ในระหว่างที่หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินเข้าตอบสนองอุบัติเหตุเครื่องบินชนกันครั้งนี้ . เครื่องบินโดยสารในสหรัฐฯ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีคนเสียชีวิตมาตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 2009 ทว่าเหตุการณ์ที่เครื่องบินหวุดหวิดจะเกิดอันตรายนั้นเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนก่อให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยการบินและการปฏิบัติงานของหอควบคุมการจราจรทางอากาศที่มีกำลังคนไม่เพียงพอ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009591 ......... Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย
    .
    การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ
    .
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่
    .
    "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ
    .
    ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ
    .
    ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร
    .
    "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย . การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ . นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่ . "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ . ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ . ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร . "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้
    .
    ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล
    .
    ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล
    .
    "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที"
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้
    .
    เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส
    .
    เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน
    .
    บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป
    .
    สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน
    .
    อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้
    .
    มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม
    .
    "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย"
    .
    การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้ . ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล . ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล . "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที" . ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้ . เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส . เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน . บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป . สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน . อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้ . มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม . "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย" . การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
    .
    ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก
    .
    "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.)
    .
    "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง
    .
    มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน
    .
    จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย
    .
    "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน"
    .
    ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง
    .
    "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490
    ..............
    Sondhi X
    กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ . ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก . "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) . "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง . มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน . จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย . "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน" . ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง . "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาสั่งระงับคำสั่งทรัมป์ในการพักการให้เงินกู้ เงินให้เปล่า และความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ ของรัฐบาลกลางเป็นการชั่วคราว ตามการฟ้องร้องของกลุ่มที่เป็นตัวแทนองค์กรไม่หวังผลกำไร บุคลากรทางการแพทย์ และธุรกิจขนาดเล็กที่ระบุว่า คำสั่งของทำเนียบขาวอาจกระทบต่อโครงการที่ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน
    .
    ลอเรน อาลีข่าน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ สั่งให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการขัดขวางการให้เงินช่วยเหลือโครงการต่างๆ จนถึงวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งจะมีการให้การในศาลที่วอชิงตัน
    .
    คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในส่วนนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดของความพยายามยกเครื่องรัฐบาลกลาง โดยก่อนหน้านี้เขาสั่งระงับการให้ความช่วยเหลือต่างชาติ ระงับการจ้างงาน และยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานรัฐบาลหลายสิบแห่ง
    .
    พรรคเดโมแครตโจมตีคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือว่า เป็นการโจมตีอำนาจของคองเกรสในการกำกับดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งทำให้การจ่ายเงินให้แพทย์และครูที่ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนหยุดชะงัก ทว่า รีพับลิกันอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียงของทรัมป์ในการควบคุมงบประมาณที่มากผิดปกติของรัฐบาล
    .
    นอกจากนั้น คณะบริหารของทรัมป์ยังยืนยันว่า โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษที่สำคัญให้แก่ประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ
    .
    ทว่า วุฒิสมาชิกรอน ไวเดน จากพรรคเดโมแครต เผยว่า ได้รับการยืนยันจากแพทย์จากทั้ง 50 รัฐว่า ไม่ได้รับเงินจากโครงการเมดิแคร์ที่ให้การประกันสุขภาพชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำ 70 ล้านคน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า รัฐบาลกลางรับรู้ว่า พอร์ทัลเมดิเคดเกิดการขัดข้องและจะกลับมาออนไลน์ได้ตามปกติเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่า การจ่ายเงินไม่ได้รับผลกระทบ
    .
    คำสั่งดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของสำนักงานงบประมาณทำเนียบขาวระบุให้ระงับเงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลกลางนับจากเวลา 17.00 น. วันอังคาร (28 ม.ค.) โดยครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือต่างชาติ
    .
    และองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) พร้อมสั่งการให้หน่วยงาน 55 แห่งตรวจสอบโครงการเงินให้เปล่ากว่า 2,600 โครงการ
    .
    ทำเนียบขาวยืนยันว่า การระงับเงินช่วยเหลือจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินของโครงการสวัสดิการสังคม หรือเมดิแคร์ที่ให้แก่ผู้สูงวัยหรือความช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชน เช่น ความช่วยเหลือด้านอาหารและโครงการสวัสดิการสำหรับผู้ยากไร้
    .
    ทั้งนี้ เงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลมีความสำคัญต่อทุกแง่มุมชีวิตของคนอเมริกันอย่างแท้จริง โดยเงินนับล้านล้านดอลลาร์ถูกอัดฉีดให้โครงการด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการต่อสู้กับความยากจน ให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย บรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์ภัยพิบัติ สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอื่นๆ อีกมากมาย
    .
    ในบันทึกฉบับที่สอง ทำเนียบขาวระบุว่า เงินสนับสนุนสำหรับโครงการเมดิเคด เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก ความช่วยเหลือสำหรับผู้จ่ายค่าเช่า และโครงการเฮดสตาร์ตสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก
    .
    ทว่า วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟีย์ จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ระบบเบิกจ่ายของโครงการเฮดสตาร์ตในรัฐคอนเน็กติกัตของตนถูกปิด ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ได้
    .
    ขณะเดียวกัน ซารา แรตเนอร์ จากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ โนมิ เฮลธ์ สำทับว่า หากรัฐบาลกลางระงับเงินช่วยเหลือแก่ผู้รับเหมาสัญญาเมดิเคด อาจทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องปิดกิจการตามๆ กัน
    .
    บันทึกของทำเนียบขาวดูเหมือนไม่มีข้อยกเว้นในการตัดความช่วยเหลือสำหรับภัยพิบัติให้แก่พื้นที่อย่างลอสแองเจลิสและด้านตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนาที่เสียหายหนักจากภัยธรรมชาติ แม้ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนระหว่างเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยทั้งสองแห่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามทำความเข้าใจว่า จะดำเนินการตามคำสั่งใหม่ของคณะบริหารอย่างไร
    .
    พรรครีพับลิกันของทรัมป์พยายามผลักดันการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลมาโดยตลอด แม้ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะไม่แตะต้องโครงการสวัสดิการสังคมและเมดิแคร์ที่เป็นองค์ประกอบเกือบ 1 ใน 3 ของงบประมาณก็ตาม
    .
    ทว่า เดโมแครตวิจารณ์ว่า การระงับการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอันตราย เนื่องจากครอบครัวอเมริกันชนคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
    .
    อนึ่ง รัฐธรรมนูญของอเมริกาให้อำนาจคองเกรสในการควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล ทว่า ทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า เขาเชื่อว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจในการระงับการใช้จ่ายในโครงการที่ตนเองไม่ชอบ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009485
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษาสั่งระงับคำสั่งทรัมป์ในการพักการให้เงินกู้ เงินให้เปล่า และความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ ของรัฐบาลกลางเป็นการชั่วคราว ตามการฟ้องร้องของกลุ่มที่เป็นตัวแทนองค์กรไม่หวังผลกำไร บุคลากรทางการแพทย์ และธุรกิจขนาดเล็กที่ระบุว่า คำสั่งของทำเนียบขาวอาจกระทบต่อโครงการที่ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน . ลอเรน อาลีข่าน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ สั่งให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการขัดขวางการให้เงินช่วยเหลือโครงการต่างๆ จนถึงวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งจะมีการให้การในศาลที่วอชิงตัน . คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในส่วนนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดของความพยายามยกเครื่องรัฐบาลกลาง โดยก่อนหน้านี้เขาสั่งระงับการให้ความช่วยเหลือต่างชาติ ระงับการจ้างงาน และยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานรัฐบาลหลายสิบแห่ง . พรรคเดโมแครตโจมตีคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือว่า เป็นการโจมตีอำนาจของคองเกรสในการกำกับดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งทำให้การจ่ายเงินให้แพทย์และครูที่ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนหยุดชะงัก ทว่า รีพับลิกันอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียงของทรัมป์ในการควบคุมงบประมาณที่มากผิดปกติของรัฐบาล . นอกจากนั้น คณะบริหารของทรัมป์ยังยืนยันว่า โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษที่สำคัญให้แก่ประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ . ทว่า วุฒิสมาชิกรอน ไวเดน จากพรรคเดโมแครต เผยว่า ได้รับการยืนยันจากแพทย์จากทั้ง 50 รัฐว่า ไม่ได้รับเงินจากโครงการเมดิแคร์ที่ให้การประกันสุขภาพชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำ 70 ล้านคน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า รัฐบาลกลางรับรู้ว่า พอร์ทัลเมดิเคดเกิดการขัดข้องและจะกลับมาออนไลน์ได้ตามปกติเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่า การจ่ายเงินไม่ได้รับผลกระทบ . คำสั่งดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของสำนักงานงบประมาณทำเนียบขาวระบุให้ระงับเงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลกลางนับจากเวลา 17.00 น. วันอังคาร (28 ม.ค.) โดยครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือต่างชาติ . และองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) พร้อมสั่งการให้หน่วยงาน 55 แห่งตรวจสอบโครงการเงินให้เปล่ากว่า 2,600 โครงการ . ทำเนียบขาวยืนยันว่า การระงับเงินช่วยเหลือจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินของโครงการสวัสดิการสังคม หรือเมดิแคร์ที่ให้แก่ผู้สูงวัยหรือความช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชน เช่น ความช่วยเหลือด้านอาหารและโครงการสวัสดิการสำหรับผู้ยากไร้ . ทั้งนี้ เงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลมีความสำคัญต่อทุกแง่มุมชีวิตของคนอเมริกันอย่างแท้จริง โดยเงินนับล้านล้านดอลลาร์ถูกอัดฉีดให้โครงการด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการต่อสู้กับความยากจน ให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย บรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์ภัยพิบัติ สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอื่นๆ อีกมากมาย . ในบันทึกฉบับที่สอง ทำเนียบขาวระบุว่า เงินสนับสนุนสำหรับโครงการเมดิเคด เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก ความช่วยเหลือสำหรับผู้จ่ายค่าเช่า และโครงการเฮดสตาร์ตสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก . ทว่า วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟีย์ จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ระบบเบิกจ่ายของโครงการเฮดสตาร์ตในรัฐคอนเน็กติกัตของตนถูกปิด ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ได้ . ขณะเดียวกัน ซารา แรตเนอร์ จากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ โนมิ เฮลธ์ สำทับว่า หากรัฐบาลกลางระงับเงินช่วยเหลือแก่ผู้รับเหมาสัญญาเมดิเคด อาจทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องปิดกิจการตามๆ กัน . บันทึกของทำเนียบขาวดูเหมือนไม่มีข้อยกเว้นในการตัดความช่วยเหลือสำหรับภัยพิบัติให้แก่พื้นที่อย่างลอสแองเจลิสและด้านตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนาที่เสียหายหนักจากภัยธรรมชาติ แม้ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนระหว่างเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยทั้งสองแห่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม . ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามทำความเข้าใจว่า จะดำเนินการตามคำสั่งใหม่ของคณะบริหารอย่างไร . พรรครีพับลิกันของทรัมป์พยายามผลักดันการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลมาโดยตลอด แม้ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะไม่แตะต้องโครงการสวัสดิการสังคมและเมดิแคร์ที่เป็นองค์ประกอบเกือบ 1 ใน 3 ของงบประมาณก็ตาม . ทว่า เดโมแครตวิจารณ์ว่า การระงับการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอันตราย เนื่องจากครอบครัวอเมริกันชนคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด . อนึ่ง รัฐธรรมนูญของอเมริกาให้อำนาจคองเกรสในการควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล ทว่า ทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า เขาเชื่อว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจในการระงับการใช้จ่ายในโครงการที่ตนเองไม่ชอบ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009485 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!!

    “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต

    มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง

    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ

    ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!! “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม

    ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100%

    ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา

    การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ

    https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100% ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump threatens tariffs on imported chips and tech goods despite warnings about higher PC, smartphone prices
    Trump's speech did not provide additional details about his proposed tariffs. However, speaking to reporters afterward, he stated his intention to implement a "much bigger" tariff rate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสียงปืนต่อสู้ดังตลอดทั่วบางส่วนของพื้นที่เมืองโกมา (Goma) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ที่โดนกบฏ M23 ร่วมกับกำลังทหารรวันดาบุกยึดแบบสายฟ้าแลบ ขณะที่ผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ เบลเยียม รวันดาในกรุงคินชาซา ส่วนสถานทูตฝรั่งเศสโดนบุกเผาถึงด้านใน
    .
    เอเอฟพีรายงานวันนี้ (27 ม.ค.) ว่า กลุ่มกบโ M23 ที่ย่อมาจากกลุ่ม “23 มีนาคม” ซึ่งมีรวันดาให้การสนับสนุนในวันจันทร์ (26) อ้างว่า สามารถยึดเมืองโกมา (Goma) ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกสำเร็จ
    .
    โกมาของดีอาร์คองโกถือเป็นเมืองสำคัญที่อุดมด้วยแร่ธาตุไม่ต่างจากเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์กที่ผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการอยากได้ เพราะโกมามีทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ ทั้งแร่แทนทาลัมและโคลบอลต์ที่สำคัญสำหรับแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า และยังมีแร่โคลแทน (coltan) และทองคำ
    .
    โคลแทนซึ่งเป็นแร่ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนและเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้อง รวมแบตเตอรี่รถไฟฟ้า
    .
    เอพีรายงานว่า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากลุ่มกบฏ M23 สามารถยึดเมืองโกมาได้มากน้อยเพียงใด
    .
    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลดีอาร์คองโกยืนยันการปรากฏตัวของกลุ่มกบฏ M23 ในเมืองโกมาซึ่งห่างจากกรุงคินชาฮา (Kinshasa)ไปทางตะวันออกราว 1,500 กม.
    .
    โฆษกรัฐบาลดีอาร์คองโกออกแถลงการณ์ยืนยันทางแพลตฟอร์ม X จะไม่ยอมเสียพื้นไปแม้แต่ตารางเซนเดียว แต่ไม่ยอมกล่าวว่า กลุ่มกบฏกำลังเข้ายึดเมืองโกมา เอพีรายงาน
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มกบฏ M23 ซึ่งมีทหารจากรวันดาเข้าช่วยเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองโกมาในคืนวันอาทิตย์ (26) หลังใช้เวลาแค่สัปดาห์ในการรุกคืบอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค
    .
    ขณะเดียวกัน ที่กรุงคินชาซา กลุ่มผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตต่างชาติที่ตั้งอยู่ในกลางกรุงทั้งสถานทูตสหรัฐฯ สถานทูตเบลเยียม สถานทูตรวันดา รวมถึงสถานทูตฝรั่งเศส
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า สถานทูตสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ หลบอยู่ในที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการเดินทาง
    .
    ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noel Barrot) ออกมาประณามว่า เป็นการโจมตีอย่างรับไม่ได้ พร้อมเปิดเผยว่า ไฟที่ไหม้ในตึกที่ทำการสถานทูตในเวลานี้อยู่ในการควบคุมแล้ว
    .
    ล่าสุด กลุ่มกบฏ M23 และกองกำลังทหารรวันดาสามารถควบคุมสนามบินโกมาได้สำเร็จในวันอังคาร (28) แหล่งข่าวทางความมั่นคงให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
    .
    “พวกเขาเข้ายึดสนามบิน พวกนักรบกลุ่ม M23 อยู่ที่นั่น” แหล่งข่าวเปิดเผย พร้อมเสริมต่อว่า มีทหารดีอาร์คองโกไม่ต่ำกว่า 1,200 นายยอมจำนน และถูกควบคุมที่ฐานทัพของกองกำลังสหประชาชาติ MONUSC ที่สนามบิน
    .
    โดยในวันอังคาร (28) เสียงปืนต่อสู้ยังคงได้ยินถึงแม้ว่าความหนักหน่วงในการสู้รบจะน้อยลง
    .
    มีนักรบกลุ่ม M23 หลายสิบคนเดินมาร์ชผ่านถนนสายหลักในโกมา มีบางส่วนสวมเสื้อเกราะกันกระสุนและถืออาวุธของทหารดีอาร์คองโก
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า ชาวโกมาไม่กี่คนออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาโดนปล้นสะดมจากทหารดีอาร์คองโกหรือจากกลุ่มกบฏ
    .
    ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าส่วนใดของโกมาที่โดนยึดโดยกบฏที่ออกมาอ้างว่ายึดได้ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ (26)
    .
    มีไม่ต่ำกว่า 17 คนเสียชีวิต และอีก 367 คนได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้ 2 วันอ้างอิงจากโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่
    .
    องค์การกาชาดออกมาเตือนความเสี่ยงหากตัวอย่างเชื้อไวรัสอีโบลาที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตหลังเลือดไหลออกไม่หยุดจากทั้งปาก จมูก หู ตา ที่มีสาเหตุจากการกินค้างคาวหรือลิง ที่เกิดระบาดอย่างรุนแรงเมื่อปี 2014-2016 ในไลบีเรียจนเห็นคนตายกลาดเกลื่อนถนน และหมออเมริกัน 2 คนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหมอมิชชันนารีต้องถูกหามส่งกลับสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วนเพราะติดเชื้อนั้นอาจหลุดออกไปจากห้องแล็บได้เนื่องมาจากการสู้รบระหว่างกบฏ M23 และทหารรัฐบาลดีอาร์คองโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009082
    ..............
    Sondhi X
    เสียงปืนต่อสู้ดังตลอดทั่วบางส่วนของพื้นที่เมืองโกมา (Goma) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ที่โดนกบฏ M23 ร่วมกับกำลังทหารรวันดาบุกยึดแบบสายฟ้าแลบ ขณะที่ผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ เบลเยียม รวันดาในกรุงคินชาซา ส่วนสถานทูตฝรั่งเศสโดนบุกเผาถึงด้านใน . เอเอฟพีรายงานวันนี้ (27 ม.ค.) ว่า กลุ่มกบโ M23 ที่ย่อมาจากกลุ่ม “23 มีนาคม” ซึ่งมีรวันดาให้การสนับสนุนในวันจันทร์ (26) อ้างว่า สามารถยึดเมืองโกมา (Goma) ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกสำเร็จ . โกมาของดีอาร์คองโกถือเป็นเมืองสำคัญที่อุดมด้วยแร่ธาตุไม่ต่างจากเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์กที่ผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการอยากได้ เพราะโกมามีทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ ทั้งแร่แทนทาลัมและโคลบอลต์ที่สำคัญสำหรับแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า และยังมีแร่โคลแทน (coltan) และทองคำ . โคลแทนซึ่งเป็นแร่ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนและเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้อง รวมแบตเตอรี่รถไฟฟ้า . เอพีรายงานว่า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากลุ่มกบฏ M23 สามารถยึดเมืองโกมาได้มากน้อยเพียงใด . อย่างไรก็ตาม รัฐบาลดีอาร์คองโกยืนยันการปรากฏตัวของกลุ่มกบฏ M23 ในเมืองโกมาซึ่งห่างจากกรุงคินชาฮา (Kinshasa)ไปทางตะวันออกราว 1,500 กม. . โฆษกรัฐบาลดีอาร์คองโกออกแถลงการณ์ยืนยันทางแพลตฟอร์ม X จะไม่ยอมเสียพื้นไปแม้แต่ตารางเซนเดียว แต่ไม่ยอมกล่าวว่า กลุ่มกบฏกำลังเข้ายึดเมืองโกมา เอพีรายงาน . เอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มกบฏ M23 ซึ่งมีทหารจากรวันดาเข้าช่วยเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองโกมาในคืนวันอาทิตย์ (26) หลังใช้เวลาแค่สัปดาห์ในการรุกคืบอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค . ขณะเดียวกัน ที่กรุงคินชาซา กลุ่มผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตต่างชาติที่ตั้งอยู่ในกลางกรุงทั้งสถานทูตสหรัฐฯ สถานทูตเบลเยียม สถานทูตรวันดา รวมถึงสถานทูตฝรั่งเศส . เอเอฟพีรายงานว่า สถานทูตสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ หลบอยู่ในที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการเดินทาง . ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noel Barrot) ออกมาประณามว่า เป็นการโจมตีอย่างรับไม่ได้ พร้อมเปิดเผยว่า ไฟที่ไหม้ในตึกที่ทำการสถานทูตในเวลานี้อยู่ในการควบคุมแล้ว . ล่าสุด กลุ่มกบฏ M23 และกองกำลังทหารรวันดาสามารถควบคุมสนามบินโกมาได้สำเร็จในวันอังคาร (28) แหล่งข่าวทางความมั่นคงให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี . “พวกเขาเข้ายึดสนามบิน พวกนักรบกลุ่ม M23 อยู่ที่นั่น” แหล่งข่าวเปิดเผย พร้อมเสริมต่อว่า มีทหารดีอาร์คองโกไม่ต่ำกว่า 1,200 นายยอมจำนน และถูกควบคุมที่ฐานทัพของกองกำลังสหประชาชาติ MONUSC ที่สนามบิน . โดยในวันอังคาร (28) เสียงปืนต่อสู้ยังคงได้ยินถึงแม้ว่าความหนักหน่วงในการสู้รบจะน้อยลง . มีนักรบกลุ่ม M23 หลายสิบคนเดินมาร์ชผ่านถนนสายหลักในโกมา มีบางส่วนสวมเสื้อเกราะกันกระสุนและถืออาวุธของทหารดีอาร์คองโก . เอเอฟพีรายงานว่า ชาวโกมาไม่กี่คนออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาโดนปล้นสะดมจากทหารดีอาร์คองโกหรือจากกลุ่มกบฏ . ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าส่วนใดของโกมาที่โดนยึดโดยกบฏที่ออกมาอ้างว่ายึดได้ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ (26) . มีไม่ต่ำกว่า 17 คนเสียชีวิต และอีก 367 คนได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้ 2 วันอ้างอิงจากโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ . องค์การกาชาดออกมาเตือนความเสี่ยงหากตัวอย่างเชื้อไวรัสอีโบลาที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตหลังเลือดไหลออกไม่หยุดจากทั้งปาก จมูก หู ตา ที่มีสาเหตุจากการกินค้างคาวหรือลิง ที่เกิดระบาดอย่างรุนแรงเมื่อปี 2014-2016 ในไลบีเรียจนเห็นคนตายกลาดเกลื่อนถนน และหมออเมริกัน 2 คนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหมอมิชชันนารีต้องถูกหามส่งกลับสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วนเพราะติดเชื้อนั้นอาจหลุดออกไปจากห้องแล็บได้เนื่องมาจากการสู้รบระหว่างกบฏ M23 และทหารรัฐบาลดีอาร์คองโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009082 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน
    .
    ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา
    .
    สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย
    .
    พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้
    .
    ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย
    .
    นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้
    .
    ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา
    .
    ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน
    .
    สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน
    .
    แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
    .
    สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก
    .
    ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์
    .
    คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์
    .
    ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้
    .
    วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน
    .
    กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย
    .
    อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน . ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา . สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย . พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ . ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย . นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง . ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน . อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้ . ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา . ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน . สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน . แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง . สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก . ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ . คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ . ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้ . วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน . กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 601 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและยุโรปกำลังพังทลาย!!"

    ฝรั่งเศสประกาศพร้อมส่งทหารไปกรีนแลนด์เพื่อต่อต้านสหรัฐในการผนวกดินแดน
    - รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก

    "หากเดนมาร์กร้องขอความช่วยเหลือ ฝรั่งเศสจะอยู่ที่นั่นร่วมกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ ที่แสดงการสนับสนุนเดนมาร์กอย่างแข็งขันในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปเมื่อไม่นานนี้ โดยหลายประเทศกำลังพิจารณาส่งทหารไปกรีนแลนด์ด้วยเช่นกัน" ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ กล่าว
    "ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและยุโรปกำลังพังทลาย!!" ฝรั่งเศสประกาศพร้อมส่งทหารไปกรีนแลนด์เพื่อต่อต้านสหรัฐในการผนวกดินแดน - รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก "หากเดนมาร์กร้องขอความช่วยเหลือ ฝรั่งเศสจะอยู่ที่นั่นร่วมกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ ที่แสดงการสนับสนุนเดนมาร์กอย่างแข็งขันในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปเมื่อไม่นานนี้ โดยหลายประเทศกำลังพิจารณาส่งทหารไปกรีนแลนด์ด้วยเช่นกัน" ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ กล่าว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง
    .
    รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ
    .
    อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
    .
    ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024
    .
    ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5%
    .
    ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี
    .
    Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ
    .
    สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง
    .
    เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ"
    .
    มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน
    .
    การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ
    .
    นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ
    .
    รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706
    ..............
    Sondhi X
    ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง . รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ . อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 . ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024 . ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5% . ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี . Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ . สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง . เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ" . มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน . การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ . นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ . รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี แนะนำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อช่องแคบอังกฤษเป็น "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่งเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา
    .
    ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเองเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มัสก์ เสนอ "ชื่อใหม่สำหรับน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส" โดยแชร์ภาพถ่ายของช่องแคบแห่งนี้ พร้อมกับเขียนข้อความ "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" ทับบนช่องแคบ
    .
    ดูเหมือนว่าโพสต์ข้อมัสก์จะเป็นการล้อเล่นขำๆ แต่มันมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ พันธมิตรทางการเมืองใกล้ชิดของมัสก์ ออกคำสั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และเปลี่ยนชื่อยอดเขาเดนาลี ในรัฐอะแลสกา กลับมาเป็นภูเขาแม็คคินลีย์ ซึ่งเป็นชื่อเดิมช่วงก่อนหน้าปี 2015 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้น ได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของอเมริกาเมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.)
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศซ้ำๆ ถึงความตั้งใจให้ได้มาซึ่งเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวที่จะเป็นการขยายชายฝั่งทะเลอาร์กติกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ล่าสุด ทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเสาร์ (25 ม.ค.) หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เมตเต เฟรเดอริกเซน​​ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า "ผมคิดว่าเรากำลังได้มันมา"
    .
    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ยังชี้แนะหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา
    .
    ชาวโรมันเรียกช่องแคบอังกฤษว่า "Mare Britannicum" หรือ "ทะเลของชาวบริตัน" มันถูกเรียกกันทั่วไปว่าช่องแคบอังกฤษตั้งแต่ยุคกลาง แม้ว่าในฝรั่งเศสจะเรียกว่า "La Manche" หรือ "The Sleeve" เนื่องจากรูปทรงของมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008691
    ..............
    Sondhi X
    อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี แนะนำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อช่องแคบอังกฤษเป็น "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่งเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา . ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเองเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มัสก์ เสนอ "ชื่อใหม่สำหรับน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส" โดยแชร์ภาพถ่ายของช่องแคบแห่งนี้ พร้อมกับเขียนข้อความ "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" ทับบนช่องแคบ . ดูเหมือนว่าโพสต์ข้อมัสก์จะเป็นการล้อเล่นขำๆ แต่มันมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ พันธมิตรทางการเมืองใกล้ชิดของมัสก์ ออกคำสั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และเปลี่ยนชื่อยอดเขาเดนาลี ในรัฐอะแลสกา กลับมาเป็นภูเขาแม็คคินลีย์ ซึ่งเป็นชื่อเดิมช่วงก่อนหน้าปี 2015 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้น ได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของอเมริกาเมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.) . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศซ้ำๆ ถึงความตั้งใจให้ได้มาซึ่งเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวที่จะเป็นการขยายชายฝั่งทะเลอาร์กติกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ล่าสุด ทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเสาร์ (25 ม.ค.) หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เมตเต เฟรเดอริกเซน​​ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า "ผมคิดว่าเรากำลังได้มันมา" . ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ยังชี้แนะหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา . ชาวโรมันเรียกช่องแคบอังกฤษว่า "Mare Britannicum" หรือ "ทะเลของชาวบริตัน" มันถูกเรียกกันทั่วไปว่าช่องแคบอังกฤษตั้งแต่ยุคกลาง แม้ว่าในฝรั่งเศสจะเรียกว่า "La Manche" หรือ "The Sleeve" เนื่องจากรูปทรงของมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008691 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้
    .
    ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
    .
    หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง
    .
    ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า
    .
    ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ
    .
    รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
    .
    ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้
    .
    ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
    .
    ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    .
    "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692
    ..............
    Sondhi X
    เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้ . ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ . หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง . ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า . ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ . รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ . ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้ . ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา . ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย . ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน . "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 710 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียอ้างยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในภาคตะวันออกของยูเครนได้อีกเมือง ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินของอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 เริ่มส่งผล กลุ่มเอ็นจีโอในยูเครนโวยได้รับผลกระทบแล้ว บางแห่งจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรก
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ว่า สามารถเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา แคว้นโดเนตสก์ ที่ในช่วงก่อนสงครามเคยมีประชากรราว 5,000 คน
    .
    อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข่าวนี้ได้ ขณะที่กองพลน้อยยานยนต์ที่ 110 ส่วนแยกของยูเครนอ้างว่า แค่ถอนตัวทางยุทธศาสตร์จากบางพื้นที่ของเมืองดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ยังคงมีการสู้รบภายในเมืองโดยมีเป้าหมายทำให้รัสเซียได้รับความเสียหายมากที่สุดด้วยการใช้ปืนใหญ่และโดรนโจมตี อีกทั้งยังมีแม่น้ำเป็นอุปสรรคขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย
    .
    นักวิเคราะห์คาดการณ์มานานแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา ที่อยู่ห่างจากแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครนเพียง 15 กิโลเมตร และหากการกล่าวอ้างของรัสเซียได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง จะทำให้เวลิกา โนโวซิลกาเป็นเมืองสำคัญแห่งแรกในแคว้นโดเนตสก์ที่ถูกตีแตกในปี 2025 นี้
    .
    ปีที่แล้วรัสเซียเข้ายึดเมืองอัฟดิอิฟกาและวูฮ์เรดาร์ ในแคว้นโดเนตส์หลังจากสู้รบดุเดือดเป็นเวลานาน โดยเมืองเหล่านั้นถูกโจมตีอย่างหนักด้วยปืนใหญ่ ระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี และโดรนก่อนที่จะแตก
    .
    นอกจากนั้น รัสเซียยังใช้เวลานานหลายเดือนในการพยายามเข้ายึดเมืองโปครอฟสก์และชาซีฟ ยาร์ ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญในโดเนตสก์ ทว่ายังไม่สำเร็จ แม้สามารถรุกคืบใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง พวกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในยูเครนที่ให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว เปิดเผยว่า ต้องระงับการดำเนินงาน เนื่องจากขาดการสนับสนุนทางการเงินของอเมริกา ภายหลังจากที่ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศให้ระงับการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศนาน 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันศุกร์ (24) เพื่อตรวจสอบว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่
    .
    นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ (25 ) เจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คนขององค์การพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเสด) ยังได้รับแจ้งให้ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอิงกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทางวินัย
    .
    ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเอ็นจีโอของยูเครนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากวอชิงตันเริ่มได้รับคำสั่งให้ “หยุดงาน” ซึ่งหมายถึงการระงับโครงการและการเดินทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    .
    เวเทรัน ฮับ ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ให้การสนับสนุนด้านกฎหมายและจิตวิทยาแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัวในยูเครน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ถูกบีบให้ระงับการดำเนินการหน่วยบริการใหญ่ที่สุด 2 ใน 3 แห่ง และจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018
    .
    อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยืนยันว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่อเมริกาให้แก่ยูเครนจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้ชี้แจงว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกระงับหรือไม่ โดยที่ผ่านมากองทัพยูเครนพึ่งพิงความช่วยเหลือจากอเมริกาถึง 40%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008689
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียอ้างยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในภาคตะวันออกของยูเครนได้อีกเมือง ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินของอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 เริ่มส่งผล กลุ่มเอ็นจีโอในยูเครนโวยได้รับผลกระทบแล้ว บางแห่งจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรก . กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ว่า สามารถเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา แคว้นโดเนตสก์ ที่ในช่วงก่อนสงครามเคยมีประชากรราว 5,000 คน . อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข่าวนี้ได้ ขณะที่กองพลน้อยยานยนต์ที่ 110 ส่วนแยกของยูเครนอ้างว่า แค่ถอนตัวทางยุทธศาสตร์จากบางพื้นที่ของเมืองดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ยังคงมีการสู้รบภายในเมืองโดยมีเป้าหมายทำให้รัสเซียได้รับความเสียหายมากที่สุดด้วยการใช้ปืนใหญ่และโดรนโจมตี อีกทั้งยังมีแม่น้ำเป็นอุปสรรคขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย . นักวิเคราะห์คาดการณ์มานานแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา ที่อยู่ห่างจากแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครนเพียง 15 กิโลเมตร และหากการกล่าวอ้างของรัสเซียได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง จะทำให้เวลิกา โนโวซิลกาเป็นเมืองสำคัญแห่งแรกในแคว้นโดเนตสก์ที่ถูกตีแตกในปี 2025 นี้ . ปีที่แล้วรัสเซียเข้ายึดเมืองอัฟดิอิฟกาและวูฮ์เรดาร์ ในแคว้นโดเนตส์หลังจากสู้รบดุเดือดเป็นเวลานาน โดยเมืองเหล่านั้นถูกโจมตีอย่างหนักด้วยปืนใหญ่ ระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี และโดรนก่อนที่จะแตก . นอกจากนั้น รัสเซียยังใช้เวลานานหลายเดือนในการพยายามเข้ายึดเมืองโปครอฟสก์และชาซีฟ ยาร์ ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญในโดเนตสก์ ทว่ายังไม่สำเร็จ แม้สามารถรุกคืบใกล้เข้าไปเรื่อยๆ . ในอีกด้านหนึ่ง พวกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในยูเครนที่ให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว เปิดเผยว่า ต้องระงับการดำเนินงาน เนื่องจากขาดการสนับสนุนทางการเงินของอเมริกา ภายหลังจากที่ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศให้ระงับการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศนาน 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันศุกร์ (24) เพื่อตรวจสอบว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่ . นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ (25 ) เจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คนขององค์การพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเสด) ยังได้รับแจ้งให้ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอิงกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทางวินัย . ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเอ็นจีโอของยูเครนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากวอชิงตันเริ่มได้รับคำสั่งให้ “หยุดงาน” ซึ่งหมายถึงการระงับโครงการและการเดินทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด . เวเทรัน ฮับ ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ให้การสนับสนุนด้านกฎหมายและจิตวิทยาแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัวในยูเครน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ถูกบีบให้ระงับการดำเนินการหน่วยบริการใหญ่ที่สุด 2 ใน 3 แห่ง และจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018 . อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยืนยันว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่อเมริกาให้แก่ยูเครนจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้ชี้แจงว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกระงับหรือไม่ โดยที่ผ่านมากองทัพยูเครนพึ่งพิงความช่วยเหลือจากอเมริกาถึง 40% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008689 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน หลั่งไหลกันเดินทางไปตามถนนสายหลัก เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซาแล้วเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) หลังจากกลุ่มฮามาสตกลงส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอลอีก 3 คนในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ และกองทหารรัฐยิวก็เริ่มถอนกำลังออกจากการปิดกั้นช่องทางซึ่งสกัดไม่ให้ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ได้เดินทาง
    .
    ประชาชนจำนวนมากมาย บางคนอุ้มทารกเอาไว้ในอ้อมแขน หรือไม่แบกสมบัติข้าวของที่ยังเหลืออยู่เอาไว้บนบ่า มุ่งหน้าเดินเท้าขึ้นเหนือ ไปตามถนนสายที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    .
    “มันเหมือนกับฉันเกิดใหม่ขึ้นครั้ง และเราได้รับชัยชนะอีกครั้ง” เป็นคำกล่าวของ อุมม์ โมฮัมเหม็ด อาลี คุณแม่ชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนซึ่งเดินตามกันไปอย่างช้าๆ เป็นแถวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรบนถนนเลียบทะเลสายดังกล่าว
    .
    พวกผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านคนแรกเดินมาถึงเมืองกาซาซิตี้ในตอนเช้าตรู่ หลังจากจุดข้ามจากตอนใต้ของกาซา เปิดขึ้นเมื่อเวลา 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเที่ยงวัน เวลาเมืองไทย) สำหรับจุดข้ามอีกจุดหนึ่งเปิดขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงถัดมา โดยเป็นทางสำหรับยวดยานต่างๆ
    .
    “หัวใจผมกำลังเต้นแรง ผมคิดว่าผมจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เป็นคำพูดของ โอซามา วัย 50 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนและเป็นคุณพ่อของลูก 5 คน ขณะที่เขาเดินทางถึงกาซาซิตี้ “ไม่ว่าการหยุดยิงนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่ยอมออกจากกาซาซิตี้และทางตอนเหนือนี่อีกแล้ว ถึงแม้อิสราเอลจะส่งรถถังมาเล่นงานพวกเราแต่ละคนก็ตาม ไม่มีการพลัดถิ่นที่อยู่กันอีกแล้ว”
    .
    หลังจากถูกสั่งให้ออกจากที่พำนักชั่วคราวซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดระยะเวลา 15 เดือนของสงครามครั้งนี้ ก็มีเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องยินดีปะทุขึ้นจากที่พักพิงหลบภัยและเต็นท์ค่ายพักต่างๆ เมื่อครอบครัวชาวปาเลสไตน์ได้ยินข่าวที่ว่าจุดข้ามจะเปิดให้เดินทางผ่านแล้ว
    .
    “นอนไม่หลับเลย ฉันเก็บข้าวของทุกอย่างและพร้อมเดินทางตั้งแต่แสงตะวันแรกของวันแล้ว” เป็นคำกล่าวของ กอดา คุณแม่ลูก 5 “อย่างน้อยที่สุดเราก็กำลังจะกลับบ้าน ตอนนี้ฉันพูดได้แล้วว่าสงครามยุติแล้ว และฉันหวังว่ามันจะอยู่ในความสงบต่อไปอีก” เธอบอกกับรอยเตอร์ผ่านแอปแชต
    .
    ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ฮามาสและชาวกาซาที่เป็นประชาชนธรรมดา ต่างปฏิเสธไม่เอาด้วยกับคำแนะนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้จอร์แดนและอียิปต์ รับชาวปาเลไสตน์จากดินแดนที่พินาศยับเยินจากสงครามแห่งนี้ อพยพเข้าไปพำนักอาศัยให้มากขึ้น มิหนำซ้ำยังเป็นการกระตุ้นความหวาดกลัวซึ่งมีมายาวนานของชาวปาเลสไตน์ที่ว่า พวกเขากำลังจะถูกผลักไสให้ออกจากบ้านของพวกเขาไปตลอดกาล
    .
    ตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่กระทำกันคราวนี้ ผู้ที่พำนักอาศัยในตอนเหนือกาซา จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ท่ผ่านมา ทว่าในวันอาทิตย์ (26 ) อิสราเอลขัดขวางเรื่องนี้ โดยกล่าวหาฮามาสละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลง
    .
    อย่างไรก็ดี ถึงตอนค่ำวันเดียวกัน สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า สามารถตกลงกับฮามาสได้แล้ว โดยฮามาสจะปล่อย อาร์เบล เยฮุด ตัวประกันที่เป็นพลเรือนหญิงที่เดิมคาดว่า จะได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับตัวประกันอีก 3 คนในวันพฤหัสฯ (30) และปล่อยเพิ่มอีก 3 คนในวันเสาร์ (1 ก.พ.)
    .
    คำแถลงยังระบุว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์เดินทางได้ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ ซึ่งฮามาสระบุว่าเป็น “ชัยชนะสำหรับชาวปาเลสไตน์ และสัญญาณความล้มเหลวของแผนการยึดครองและบังคับย้ายถิ่นฐาน”
    .
    สำหรับคำแนะนำของทรัมป์นั้น อยู่ในลักษณะของการที่เขาเสนอไอเดียกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซ วัน เมื่อวันเสาร์ (25) ว่า จอร์แดนและอียิปต์ ควรอ้าแขนรับชาวปาเลสไตน์ราว 2.4 ล้านคนจากกาซาที่พังพินาศจากสงครามที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นเสียชีวิตและนำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรมเลวร้าย
    .
    ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า จะดึงชาติอาหรับบางชาติเข้ามามีส่วนร่วม และสร้างที่พักอาศัยเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ก่อนสำทับว่า แนวทางนี้อาจเป็นได้ทั้งแนวทางชั่วคราวหรือถาวร
    .
    ปัจจุบัน จอร์แดนรองรับชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนอยู่แล้ว ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์อีกหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในอียิปต์ อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศรวมถึงชาติอาหรับอื่นๆ ต่างปฏิเสธแนวคิดในการย้ายชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้กาซาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
    .
    ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็แสดงท่าทีคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ทางด้าน เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลที่สังกัดพรรคขวาจัด บอกว่า “การคิดนอกกรอบ” เท่านั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพได้จริง และกล่าวยกย่องข้อเสนอของทรัมป์เป็น “ไอเดียเยี่ยมยอด” ซึ่งจะทำให้ชาวปาเลสไตน์มีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นในประเทศอื่น พร้อมเสริมว่า จะวางแผนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอนี้
    .
    สำหรับ ฟรานเชสกา อัลบานีส ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การกวาดล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นการคิดนอกกรอบ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และไร้ความรับผิดชอบ
    .
    บาเซม นาอิม สมาชิกกลุ่มการเมืองของฮามาส ยืนกรานว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่มีวันยอมรับข้อเสนอของทรัมป์ที่ดูเหมือนเจตนาดีภายใต้ข้ออ้างในการฟื้นฟูกาซา ขณะที่ซามี อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่อีกคน เรียกร้องทรัมป์ไม่ให้เสนอไอเดียผิดพลาดแบบที่อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยพยายามมาก่อน
    .
    สันนิบาตอาหรับคัดค้านไอเดียของทรัมป์เช่นเดียวกัน โดยเตือนว่า ความพยายามบังคับให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากถิ่นฐานเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์
    .
    อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศอียิปต์ ยืนยันจุดยืนในการต่อต้านการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไม่ว่าระยะยาวหรือระยะสั้น
    .
    ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ประณามไอเดียของทรัมป์ และประกาศว่า ชาวปาเลสไตน์จะไม่ยอมทิ้งบ้านเกิดอย่างแน่นอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008688
    ..............
    Sondhi X
    ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน หลั่งไหลกันเดินทางไปตามถนนสายหลัก เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซาแล้วเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) หลังจากกลุ่มฮามาสตกลงส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอลอีก 3 คนในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ และกองทหารรัฐยิวก็เริ่มถอนกำลังออกจากการปิดกั้นช่องทางซึ่งสกัดไม่ให้ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ได้เดินทาง . ประชาชนจำนวนมากมาย บางคนอุ้มทารกเอาไว้ในอ้อมแขน หรือไม่แบกสมบัติข้าวของที่ยังเหลืออยู่เอาไว้บนบ่า มุ่งหน้าเดินเท้าขึ้นเหนือ ไปตามถนนสายที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน . “มันเหมือนกับฉันเกิดใหม่ขึ้นครั้ง และเราได้รับชัยชนะอีกครั้ง” เป็นคำกล่าวของ อุมม์ โมฮัมเหม็ด อาลี คุณแม่ชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนซึ่งเดินตามกันไปอย่างช้าๆ เป็นแถวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรบนถนนเลียบทะเลสายดังกล่าว . พวกผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านคนแรกเดินมาถึงเมืองกาซาซิตี้ในตอนเช้าตรู่ หลังจากจุดข้ามจากตอนใต้ของกาซา เปิดขึ้นเมื่อเวลา 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเที่ยงวัน เวลาเมืองไทย) สำหรับจุดข้ามอีกจุดหนึ่งเปิดขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงถัดมา โดยเป็นทางสำหรับยวดยานต่างๆ . “หัวใจผมกำลังเต้นแรง ผมคิดว่าผมจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เป็นคำพูดของ โอซามา วัย 50 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนและเป็นคุณพ่อของลูก 5 คน ขณะที่เขาเดินทางถึงกาซาซิตี้ “ไม่ว่าการหยุดยิงนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่ยอมออกจากกาซาซิตี้และทางตอนเหนือนี่อีกแล้ว ถึงแม้อิสราเอลจะส่งรถถังมาเล่นงานพวกเราแต่ละคนก็ตาม ไม่มีการพลัดถิ่นที่อยู่กันอีกแล้ว” . หลังจากถูกสั่งให้ออกจากที่พำนักชั่วคราวซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดระยะเวลา 15 เดือนของสงครามครั้งนี้ ก็มีเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องยินดีปะทุขึ้นจากที่พักพิงหลบภัยและเต็นท์ค่ายพักต่างๆ เมื่อครอบครัวชาวปาเลสไตน์ได้ยินข่าวที่ว่าจุดข้ามจะเปิดให้เดินทางผ่านแล้ว . “นอนไม่หลับเลย ฉันเก็บข้าวของทุกอย่างและพร้อมเดินทางตั้งแต่แสงตะวันแรกของวันแล้ว” เป็นคำกล่าวของ กอดา คุณแม่ลูก 5 “อย่างน้อยที่สุดเราก็กำลังจะกลับบ้าน ตอนนี้ฉันพูดได้แล้วว่าสงครามยุติแล้ว และฉันหวังว่ามันจะอยู่ในความสงบต่อไปอีก” เธอบอกกับรอยเตอร์ผ่านแอปแชต . ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ฮามาสและชาวกาซาที่เป็นประชาชนธรรมดา ต่างปฏิเสธไม่เอาด้วยกับคำแนะนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้จอร์แดนและอียิปต์ รับชาวปาเลไสตน์จากดินแดนที่พินาศยับเยินจากสงครามแห่งนี้ อพยพเข้าไปพำนักอาศัยให้มากขึ้น มิหนำซ้ำยังเป็นการกระตุ้นความหวาดกลัวซึ่งมีมายาวนานของชาวปาเลสไตน์ที่ว่า พวกเขากำลังจะถูกผลักไสให้ออกจากบ้านของพวกเขาไปตลอดกาล . ตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่กระทำกันคราวนี้ ผู้ที่พำนักอาศัยในตอนเหนือกาซา จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ท่ผ่านมา ทว่าในวันอาทิตย์ (26 ) อิสราเอลขัดขวางเรื่องนี้ โดยกล่าวหาฮามาสละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลง . อย่างไรก็ดี ถึงตอนค่ำวันเดียวกัน สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า สามารถตกลงกับฮามาสได้แล้ว โดยฮามาสจะปล่อย อาร์เบล เยฮุด ตัวประกันที่เป็นพลเรือนหญิงที่เดิมคาดว่า จะได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับตัวประกันอีก 3 คนในวันพฤหัสฯ (30) และปล่อยเพิ่มอีก 3 คนในวันเสาร์ (1 ก.พ.) . คำแถลงยังระบุว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์เดินทางได้ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ ซึ่งฮามาสระบุว่าเป็น “ชัยชนะสำหรับชาวปาเลสไตน์ และสัญญาณความล้มเหลวของแผนการยึดครองและบังคับย้ายถิ่นฐาน” . สำหรับคำแนะนำของทรัมป์นั้น อยู่ในลักษณะของการที่เขาเสนอไอเดียกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซ วัน เมื่อวันเสาร์ (25) ว่า จอร์แดนและอียิปต์ ควรอ้าแขนรับชาวปาเลสไตน์ราว 2.4 ล้านคนจากกาซาที่พังพินาศจากสงครามที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นเสียชีวิตและนำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรมเลวร้าย . ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า จะดึงชาติอาหรับบางชาติเข้ามามีส่วนร่วม และสร้างที่พักอาศัยเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ก่อนสำทับว่า แนวทางนี้อาจเป็นได้ทั้งแนวทางชั่วคราวหรือถาวร . ปัจจุบัน จอร์แดนรองรับชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนอยู่แล้ว ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์อีกหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในอียิปต์ อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศรวมถึงชาติอาหรับอื่นๆ ต่างปฏิเสธแนวคิดในการย้ายชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้กาซาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต . ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็แสดงท่าทีคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ทางด้าน เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลที่สังกัดพรรคขวาจัด บอกว่า “การคิดนอกกรอบ” เท่านั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพได้จริง และกล่าวยกย่องข้อเสนอของทรัมป์เป็น “ไอเดียเยี่ยมยอด” ซึ่งจะทำให้ชาวปาเลสไตน์มีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นในประเทศอื่น พร้อมเสริมว่า จะวางแผนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอนี้ . สำหรับ ฟรานเชสกา อัลบานีส ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การกวาดล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นการคิดนอกกรอบ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และไร้ความรับผิดชอบ . บาเซม นาอิม สมาชิกกลุ่มการเมืองของฮามาส ยืนกรานว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่มีวันยอมรับข้อเสนอของทรัมป์ที่ดูเหมือนเจตนาดีภายใต้ข้ออ้างในการฟื้นฟูกาซา ขณะที่ซามี อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่อีกคน เรียกร้องทรัมป์ไม่ให้เสนอไอเดียผิดพลาดแบบที่อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยพยายามมาก่อน . สันนิบาตอาหรับคัดค้านไอเดียของทรัมป์เช่นเดียวกัน โดยเตือนว่า ความพยายามบังคับให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากถิ่นฐานเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ . อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศอียิปต์ ยืนยันจุดยืนในการต่อต้านการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไม่ว่าระยะยาวหรือระยะสั้น . ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ประณามไอเดียของทรัมป์ และประกาศว่า ชาวปาเลสไตน์จะไม่ยอมทิ้งบ้านเกิดอย่างแน่นอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008688 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 724 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข
    .
    ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา
    .
    อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้
    .
    “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ
    .
    ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง”
    .
    “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ
    .
    ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า”
    .
    คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว
    .
    สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย
    .
    ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย
    .
    โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau)
    .
    อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว
    .
    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX
    .
    อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย
    .
    ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก
    .
    ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข . ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา . อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้ . “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ . ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” . “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ . ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า” . คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว . สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย . ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย . โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau) . อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว . ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX . อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย . ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก . ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto

    Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์

    การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้

    นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์ การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanity Protocol valued at $1.1 billion after latest fundraise
    (Reuters) - Humanity Protocol has secured a fully diluted valuation of $1.1 billion after raising $20 million in a funding round co-led by Pantera Capital and Jump Crypto, the identity verification blockchain firm said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย วางแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ โดยจะบรรญัติข้อความในการยอมรับอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศเท่านั้น คือ ชายและหญิง

    ฟิโก ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศนโยบายที่คล้ายกันนี้ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยประกาศว่าสหรัฐฯ จะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศเท่านั้น คือ ชายและหญิง

    ฟิโก้ ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ว่าเป็น "นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและมีเหตุผล" และเสนอแนะว่าสหภาพยุโรปควรปฏิบัติตาม
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย วางแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ โดยจะบรรญัติข้อความในการยอมรับอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศเท่านั้น คือ ชายและหญิง ฟิโก ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศนโยบายที่คล้ายกันนี้ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยประกาศว่าสหรัฐฯ จะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศเท่านั้น คือ ชายและหญิง ฟิโก้ ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ว่าเป็น "นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและมีเหตุผล" และเสนอแนะว่าสหภาพยุโรปควรปฏิบัติตาม
    Like
    Haha
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมลงนาม "คำสั่งบริหาร" ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกองทัพอีกครั้ง ประกอบด้วย:

    - ประการแรก "เจ้าหน้าที่ทหารข้ามเพศ" จะถูกสั่งห้ามในการทำหน้าที่โดยให้เหตุผลว่าเพราะการรักษาทางการแพทย์อาจทำให้พวกเขา "ไม่พร้อม" แต่เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน และอาจมีข้อยกเว้นบางประการ

    จากข้อมูลเมื่อปี 2018 มีเจ้าหน้าข้ามเพศในกองทัพประมาณ 14,000 นาย

    - ประการที่สอง ยุติโครงการ DEI โดยสิ้นเชิง รวมทั้งติดตามผล เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงโดยการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ DEI ทั้งหมดจะถูกพักงานแต่ยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป ในขณะที่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมจะรับหน้าที่ทบทวนนโยบาย "WOKE" ที่แอบแฝงอยู่ในกองทัพทั้งหมด

    - ประการที่สาม เจ้าหน้าที่ที่ถูกไล่ออกเพราะปฏิเสธการฉีดวัคซีนในช่วงโควิดระบาด จะถูกยกเลิกคำสั่งนั้น และได้กลับเข้าตำแหน่งและยศเดิม รวมทั้งได้รับเงินเดือนย้อนหลัง และสวัสดิการต่างๆกลับคืน
    มีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมลงนาม "คำสั่งบริหาร" ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกองทัพอีกครั้ง ประกอบด้วย: - ประการแรก "เจ้าหน้าที่ทหารข้ามเพศ" จะถูกสั่งห้ามในการทำหน้าที่โดยให้เหตุผลว่าเพราะการรักษาทางการแพทย์อาจทำให้พวกเขา "ไม่พร้อม" แต่เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน และอาจมีข้อยกเว้นบางประการ จากข้อมูลเมื่อปี 2018 มีเจ้าหน้าข้ามเพศในกองทัพประมาณ 14,000 นาย - ประการที่สอง ยุติโครงการ DEI โดยสิ้นเชิง รวมทั้งติดตามผล เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงโดยการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ DEI ทั้งหมดจะถูกพักงานแต่ยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป ในขณะที่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมจะรับหน้าที่ทบทวนนโยบาย "WOKE" ที่แอบแฝงอยู่ในกองทัพทั้งหมด - ประการที่สาม เจ้าหน้าที่ที่ถูกไล่ออกเพราะปฏิเสธการฉีดวัคซีนในช่วงโควิดระบาด จะถูกยกเลิกคำสั่งนั้น และได้กลับเข้าตำแหน่งและยศเดิม รวมทั้งได้รับเงินเดือนย้อนหลัง และสวัสดิการต่างๆกลับคืน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมาป่ากับลูกแกะ"

    - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ

    - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต

    - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์

    - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ

    - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน”

    - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย

    - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์

    - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)

    "หมาป่ากับลูกแกะ" - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์ - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน” - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์ - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศบราซิลเตรียมร้องขอคำอธิบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ "ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์" (degrading treatment) ของผู้อพยพบราซิล ซึ่งถูกขนขึ้นเที่ยวบินเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่บราซิลได้ขอให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถอดกุญแจมือผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับมายังบราซิลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24) ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่งในรัฐบาลประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ก็ประณามการกระทำของฝ่ายอเมริกันว่าเป็นการ "ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง" ต่อสิทธิเพื่อนร่วมชาติของตน
    .
    เที่ยวบินดังกล่าวซึ่งมีผู้โดยสารชาวบราซิล 88 คน เจ้าหน้าความมั่งคงสหรัฐฯ 16 นาย และลูกเรืออีก 8 คน เดิมมีกำหนดลงจอดที่เมืองเบลูโอรีชองซีในรัฐมีนัสเชไรส์ทางตอนใต้ของบราซิล ทว่าต้องแวะจอดฉุกเฉินที่เมืองมาเนาช์ (Manaus) เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิค ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมบราซิล
    .
    ณ สถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่บราซิลได้สั่งให้มีการถอดกุญแจมือผู้อพยพทั้งหมด และประธานาธิบดี ลูลา ได้สั่งการให้กองทัพอากาศบราซิลส่งเครื่องบินไปรับช่วงพาพลเมืองเหล่านั้นมาส่งยังที่หมาย "อย่างมีเกียรติและปลอดภัย"
    .
    เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่สหรัฐฯ มีการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมายังบราซิล และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมและตำรวจบราซิล
    .
    รัฐบาล ทรัมป์ ได้นำมาตรการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายมาใช้อย่างครอบคลุม โดย ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะใช้วิธี "เนรเทศหมู่" เพื่อนำคนลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้ออกไปจากแผ่นดินอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม การใส่กุญแจมือหรือผูกมัดด้วยวิธีอื่นๆ ต่อผู้อพยพที่โดนเนรเทศขึ้นเครื่องบินมาจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ทางการบราซิลไม่พอใจมานานแล้ว และแม้แต่อดีตประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตรทรัมป์ ก็ยังเคยขอให้สหรัฐฯ เลิกการกระทำเช่นนี้เสีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008328
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศบราซิลเตรียมร้องขอคำอธิบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ "ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์" (degrading treatment) ของผู้อพยพบราซิล ซึ่งถูกขนขึ้นเที่ยวบินเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่บราซิลได้ขอให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถอดกุญแจมือผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับมายังบราซิลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24) ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่งในรัฐบาลประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ก็ประณามการกระทำของฝ่ายอเมริกันว่าเป็นการ "ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง" ต่อสิทธิเพื่อนร่วมชาติของตน . เที่ยวบินดังกล่าวซึ่งมีผู้โดยสารชาวบราซิล 88 คน เจ้าหน้าความมั่งคงสหรัฐฯ 16 นาย และลูกเรืออีก 8 คน เดิมมีกำหนดลงจอดที่เมืองเบลูโอรีชองซีในรัฐมีนัสเชไรส์ทางตอนใต้ของบราซิล ทว่าต้องแวะจอดฉุกเฉินที่เมืองมาเนาช์ (Manaus) เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิค ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมบราซิล . ณ สถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่บราซิลได้สั่งให้มีการถอดกุญแจมือผู้อพยพทั้งหมด และประธานาธิบดี ลูลา ได้สั่งการให้กองทัพอากาศบราซิลส่งเครื่องบินไปรับช่วงพาพลเมืองเหล่านั้นมาส่งยังที่หมาย "อย่างมีเกียรติและปลอดภัย" . เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่สหรัฐฯ มีการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมายังบราซิล และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมและตำรวจบราซิล . รัฐบาล ทรัมป์ ได้นำมาตรการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายมาใช้อย่างครอบคลุม โดย ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะใช้วิธี "เนรเทศหมู่" เพื่อนำคนลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้ออกไปจากแผ่นดินอเมริกา . อย่างไรก็ตาม การใส่กุญแจมือหรือผูกมัดด้วยวิธีอื่นๆ ต่อผู้อพยพที่โดนเนรเทศขึ้นเครื่องบินมาจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ทางการบราซิลไม่พอใจมานานแล้ว และแม้แต่อดีตประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตรทรัมป์ ก็ยังเคยขอให้สหรัฐฯ เลิกการกระทำเช่นนี้เสีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008328 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
    .
    "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย"
    .
    ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่
    .
    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย
    .
    ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์
    .
    ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่"
    .
    แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา
    .
    ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์
    .
    บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" . "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย" . ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่ . ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย . ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์ . ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่" . แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต . ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน . อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา . ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ . บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 922 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา
    .
    ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
    .
    มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!"
    .
    ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา
    .
    ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร"
    .
    เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล
    .
    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ
    .
    เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา . ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ . มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน . นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!" . ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา . ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร" . เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล . ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา . ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ . เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม
    .
    "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู
    .
    นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว
    .
    ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง
    .
    หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก)
    .
    ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313
    ..............
    Sondhi X
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม . "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว . นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู . นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว . ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง . หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน . หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก) . ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 908 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts