• หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่มันใช้ไทยแก้แค้นเรื่องส่วนตัวหรือเปล่าวะ!!

    เมื่อปี 2020 (2563) จีนคว่ำบาตร "รูบิโอ" ฐานส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดนในฮ่องกงและซินเจียง รูบิโอถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปจีน

    https://www.thansettakij.com/world/441736
    https://www.matichon.co.th/foreign/news_2266236
    https://mgronline.com/around/detail/9630000082033
    https://apnews.com/general-news-7b689e7a51bee2a7e6e1a7699257239c
    นี่มันใช้ไทยแก้แค้นเรื่องส่วนตัวหรือเปล่าวะ!! เมื่อปี 2020 (2563) จีนคว่ำบาตร "รูบิโอ" ฐานส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดนในฮ่องกงและซินเจียง รูบิโอถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปจีน https://www.thansettakij.com/world/441736 https://www.matichon.co.th/foreign/news_2266236 https://mgronline.com/around/detail/9630000082033 https://apnews.com/general-news-7b689e7a51bee2a7e6e1a7699257239c
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง

    หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน

    แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ

    ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก

    การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู

    ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น

    #Newskit
    แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6 มี.ค. 2568 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง รายงานข่าว Chinese credit ratings firm downgrades Thailand over crime scandals and economic prospects ระบุว่า ไชนา เฉิงซิน (China Chengxin) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งของจีน ได้ลดระดับ “ความน่าเชื่อถือ (Credit)” ของประเทศไทยจาก A- เป็น BBB+ หลังจากเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมข้ามพรมแดนที่เป็นข่าวโด่งดังหลายครั้งการที่ระดับลดลง หมายความว่าความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของไทยได้รับการจัดประเภทเป็น “ปานกลาง (Normal)” แทนที่จะเป็น "ต่ำ (Low)" ในขณะที่สถานะทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยได้รับการจัดอันดับเป็น “ปกติ (Fine)” แทนที่จะเป็น “แข็งแกร่ง (Strong)”
    6 มี.ค. 2568 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง รายงานข่าว Chinese credit ratings firm downgrades Thailand over crime scandals and economic prospects ระบุว่า ไชนา เฉิงซิน (China Chengxin) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งของจีน ได้ลดระดับ “ความน่าเชื่อถือ (Credit)” ของประเทศไทยจาก A- เป็น BBB+ หลังจากเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมข้ามพรมแดนที่เป็นข่าวโด่งดังหลายครั้งการที่ระดับลดลง หมายความว่าความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของไทยได้รับการจัดประเภทเป็น “ปานกลาง (Normal)” แทนที่จะเป็น "ต่ำ (Low)" ในขณะที่สถานะทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยได้รับการจัดอันดับเป็น “ปกติ (Fine)” แทนที่จะเป็น “แข็งแกร่ง (Strong)”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทีมแรกในโรงงานผลิตรถยนต์! ยูบีเทคโรโบติกส์ บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติจีนในนครเซินเจิ้น สร้างปรากฏการณ์ ติดตั้ง“วอล์กเกอร์ เอส 1” ( Walker S1) หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ “หลายสิบตัว” ที่โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของซีเคอร์ (Zeekr) ในเมืองท่าหนิงโป เพื่อปฏิบัติงานในหลายภารกิจหลายพื้นที่ภายในโรงงาน

    ซีเคอร์ เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าของจีลี่ออโต้ (Geely Auto) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน

    ความสำเร็จในการทดสอบติดตั้งการใช้งานหุ่นยนต์นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจีนในการยกระดับขีดความสามารถด้านการผลิตอย่างมโหฬาร

    ตามการแถลงเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ของยูบีเทค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนั้น บริษัทได้พัฒนาโมเดลการให้เหตุผลแบบหลายรูปแบบ (multimodal reasoning model) โดยเป็นการต่อยอดจากโมเดล R1 ของบริษัทดีปซีก (DeepSeek) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส หุ่นยนต์จึงสามารถ "วิเคราะห์ วางแผน และประสานงานต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021081

    #MGROnline #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ #ทีมแรก #โรงงานผลิตรถยนต์
    หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทีมแรกในโรงงานผลิตรถยนต์! ยูบีเทคโรโบติกส์ บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติจีนในนครเซินเจิ้น สร้างปรากฏการณ์ ติดตั้ง“วอล์กเกอร์ เอส 1” ( Walker S1) หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ “หลายสิบตัว” ที่โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของซีเคอร์ (Zeekr) ในเมืองท่าหนิงโป เพื่อปฏิบัติงานในหลายภารกิจหลายพื้นที่ภายในโรงงาน • ซีเคอร์ เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าของจีลี่ออโต้ (Geely Auto) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน • ความสำเร็จในการทดสอบติดตั้งการใช้งานหุ่นยนต์นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจีนในการยกระดับขีดความสามารถด้านการผลิตอย่างมโหฬาร • ตามการแถลงเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ของยูบีเทค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนั้น บริษัทได้พัฒนาโมเดลการให้เหตุผลแบบหลายรูปแบบ (multimodal reasoning model) โดยเป็นการต่อยอดจากโมเดล R1 ของบริษัทดีปซีก (DeepSeek) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส หุ่นยนต์จึงสามารถ "วิเคราะห์ วางแผน และประสานงานต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021081 • #MGROnline #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ #ทีมแรก #โรงงานผลิตรถยนต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้าวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) กึกก้องไปด้วยเสียงระฆังเมื่อ "มี่เสวี่ยปิงเฉิง" แบรนด์เครื่องดื่มชานมและน้ำแข็งไสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างเป็นทางการภายใต้รหัสหุ้น HK02097 โดยเปิดตัวที่ราคา 284.4 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ดันมูลค่าบริษัทพุ่งแตะ 1,071 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 4.88 ล้านล้านบาท)

    สิ่งที่แตกต่างจากพิธีเปิดตัวบริษัทจดทะเบียนทั่วไป คือ ผู้ก่อตั้งบริษัท "จางหงเชา" และ "จางหงฝู่" ไม่ได้ปรากฏตัวในพิธี รวมถึงผู้บริหารระดับสูงก็ไม่มีใครขึ้นเวทีเคาะระฆังเปิดตลาด โดยตัวแทนที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์กลับเป็น "ราชาหิมะ" มาสคอตประจำแบรนด์ที่เดินขึ้นเวทีพร้อมกับตัวละครอื่นๆ ในแฟรนไชส์

    "ราชาหิมะ" กล่าวระหว่างพิธีว่า "การเข้าตลาดหุ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น รหัสหุ้น 2097 ไม่ใช่จุดสิ้นสุด" พร้อมกันนี้ ทีมงานได้เปิดเพลงธีมของแบรนด์ซึ่งเป็นเพลงที่ติดหูผู้บริโภคไปทั่วจีน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020914

    #MGROnline #มี่เสวี่ยปิงเฉิง
    เช้าวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) กึกก้องไปด้วยเสียงระฆังเมื่อ "มี่เสวี่ยปิงเฉิง" แบรนด์เครื่องดื่มชานมและน้ำแข็งไสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างเป็นทางการภายใต้รหัสหุ้น HK02097 โดยเปิดตัวที่ราคา 284.4 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ดันมูลค่าบริษัทพุ่งแตะ 1,071 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 4.88 ล้านล้านบาท) • สิ่งที่แตกต่างจากพิธีเปิดตัวบริษัทจดทะเบียนทั่วไป คือ ผู้ก่อตั้งบริษัท "จางหงเชา" และ "จางหงฝู่" ไม่ได้ปรากฏตัวในพิธี รวมถึงผู้บริหารระดับสูงก็ไม่มีใครขึ้นเวทีเคาะระฆังเปิดตลาด โดยตัวแทนที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์กลับเป็น "ราชาหิมะ" มาสคอตประจำแบรนด์ที่เดินขึ้นเวทีพร้อมกับตัวละครอื่นๆ ในแฟรนไชส์ • "ราชาหิมะ" กล่าวระหว่างพิธีว่า "การเข้าตลาดหุ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น รหัสหุ้น 2097 ไม่ใช่จุดสิ้นสุด" พร้อมกันนี้ ทีมงานได้เปิดเพลงธีมของแบรนด์ซึ่งเป็นเพลงที่ติดหูผู้บริโภคไปทั่วจีน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020914 • #MGROnline #มี่เสวี่ยปิงเฉิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234
    ..............
    Sondhi X
    ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2247 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย . . . . . เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เซินเจิ้น #เมืองยุโรป #ฮ่องกง 🔥🔥
    เพียงสิบใบเทา รูดบัตร 0% 😍🤑

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 วัดกวนอู
    📍 เมืองยุโรปมาเลเนีย
    📍 เมืองหิมะ
    📍 ตลาดตงเหมิน
    📍 ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก)
    📍 เมืองโบราณหนานโถว
    📍 Oh Bay
    📍 โชว์น้ำพุดนตรี
    📍 วัดแชกงหมิว
    📍 เจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ
    📍 ช้อปปิ้งถนนนาธาน
    📍 Pop Mart

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เซินเจิ้น #เมืองยุโรป #ฮ่องกง 🔥🔥 เพียงสิบใบเทา รูดบัตร 0% 😍🤑 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 วัดกวนอู 📍 เมืองยุโรปมาเลเนีย 📍 เมืองหิมะ 📍 ตลาดตงเหมิน 📍 ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) 📍 เมืองโบราณหนานโถว 📍 Oh Bay 📍 โชว์น้ำพุดนตรี 📍 วัดแชกงหมิว 📍 เจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ 📍 ช้อปปิ้งถนนนาธาน 📍 Pop Mart รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ // พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกกลางทะเลอันดามัน ขอบารมีพระอุปคุตและเทวดาที่รักษาท้องมหาสมุทร //พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเด่นทุกด้านรวมทั้งโชคลาภ คุ้มกันภัย ด้านการเงิน ค้าขาย เสี่ยงโชคลาภ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ขจัดภยันตราย คุ้มครอง ป้องกันและเรื่องเมตตา มหานิยม มหาลาภ >>

    ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ // พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกกลางทะเลอันดามัน ขอบารมีพระอุปคุตและเทวดาที่รักษาท้องมหาสมุทร //พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นทุกด้านรวมทั้งโชคลาภ คุ้มกันภัย ด้านการเงิน ค้าขาย เสี่ยงโชคลาภ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ขจัดภยันตราย คุ้มครอง ป้องกันและเรื่องเมตตา มหานิยม มหาลาภ >> ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ระบุรายชื่อของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายเพื่อข้ามการป้องกันของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสร้างเนื้อหา deepfake ของคนดังและเนื้อหาอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย

    กลุ่มนี้ถูกติดตามโดย Microsoft ในชื่อ Storm-2139 และมีสมาชิกหลักคือ Arian Yadegarnia จากอิหร่าน (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Fiz'), Alan Krysiak จากสหราชอาณาจักร (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Drago'), Ricky Yuen จากฮ่องกง (หรือที่รู้จักในชื่อ 'cg-dot'), และ Phát Phùng Tấn จากเวียดนาม (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Asakuri')

    วิธีการทำงานของกลุ่ม Storm-2139 สมาชิกของ Storm-2139 ใช้ข้อมูลประจำตัวของลูกค้าที่ถูกขโมยจากแหล่งที่เปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อเข้าถึงบัญชีในบริการ AI สร้างเนื้อหา จากนั้นพวกเขาจะปรับเปลี่ยนความสามารถของบริการเหล่านั้นและขายการเข้าถึงให้กับกลุ่มอาชญากรอื่น ๆ พร้อมกับคำแนะนำในการสร้างเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพลามกอนาจารของคนดัง

    การจัดการของกลุ่ม กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ Storm-2139 แบ่งการทำงานออกเป็นสามประเภท: ผู้สร้างเครื่องมือ (creators), ผู้แจกจ่ายเครื่องมือ (providers), และผู้ใช้เครื่องมือ (users) ผู้สร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการใช้บริการ AI ในทางที่ผิด ผู้แจกจ่ายเครื่องมือทำการปรับแต่งและเผยแพร่ซอฟต์แวร์นั้นให้กับผู้ใช้ ผู้ใช้จะใช้ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายการใช้งานของ Microsoft

    มาตรการทางกฎหมาย Microsoft ได้ยื่นฟ้องกลุ่มนี้ในศาล Eastern District of Virginia ในเดือนธันวาคม 2024 และมีการออกคำสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อหยุดการกระทำของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีการยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพื่อป้องกันการใช้บริการอย่างผิดกฎหมาย

    Microsoft ยังได้รับอีเมลหลายฉบับจากสมาชิกกลุ่ม Storm-2139 ที่ตำหนิซึ่งกันและกันในเรื่องการกระทำที่เป็นอันตราย

    การดำเนินการต่อไป Microsoft ตั้งเป้าที่จะหยุดการกระทำของกลุ่มนี้และดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดในอนาคต และเตรียมการส่งข้อมูลทางอาญาไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐฯ และต่างประเทศ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-names-cybercriminals-behind-ai-deepfake-network/
    Microsoft ได้ระบุรายชื่อของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายเพื่อข้ามการป้องกันของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสร้างเนื้อหา deepfake ของคนดังและเนื้อหาอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย กลุ่มนี้ถูกติดตามโดย Microsoft ในชื่อ Storm-2139 และมีสมาชิกหลักคือ Arian Yadegarnia จากอิหร่าน (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Fiz'), Alan Krysiak จากสหราชอาณาจักร (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Drago'), Ricky Yuen จากฮ่องกง (หรือที่รู้จักในชื่อ 'cg-dot'), และ Phát Phùng Tấn จากเวียดนาม (หรือที่รู้จักในชื่อ 'Asakuri') วิธีการทำงานของกลุ่ม Storm-2139 สมาชิกของ Storm-2139 ใช้ข้อมูลประจำตัวของลูกค้าที่ถูกขโมยจากแหล่งที่เปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อเข้าถึงบัญชีในบริการ AI สร้างเนื้อหา จากนั้นพวกเขาจะปรับเปลี่ยนความสามารถของบริการเหล่านั้นและขายการเข้าถึงให้กับกลุ่มอาชญากรอื่น ๆ พร้อมกับคำแนะนำในการสร้างเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพลามกอนาจารของคนดัง การจัดการของกลุ่ม กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ Storm-2139 แบ่งการทำงานออกเป็นสามประเภท: ผู้สร้างเครื่องมือ (creators), ผู้แจกจ่ายเครื่องมือ (providers), และผู้ใช้เครื่องมือ (users) ผู้สร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการใช้บริการ AI ในทางที่ผิด ผู้แจกจ่ายเครื่องมือทำการปรับแต่งและเผยแพร่ซอฟต์แวร์นั้นให้กับผู้ใช้ ผู้ใช้จะใช้ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายการใช้งานของ Microsoft มาตรการทางกฎหมาย Microsoft ได้ยื่นฟ้องกลุ่มนี้ในศาล Eastern District of Virginia ในเดือนธันวาคม 2024 และมีการออกคำสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อหยุดการกระทำของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีการยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพื่อป้องกันการใช้บริการอย่างผิดกฎหมาย Microsoft ยังได้รับอีเมลหลายฉบับจากสมาชิกกลุ่ม Storm-2139 ที่ตำหนิซึ่งกันและกันในเรื่องการกระทำที่เป็นอันตราย การดำเนินการต่อไป Microsoft ตั้งเป้าที่จะหยุดการกระทำของกลุ่มนี้และดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดในอนาคต และเตรียมการส่งข้อมูลทางอาญาไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐฯ และต่างประเทศ https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-names-cybercriminals-behind-ai-deepfake-network/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft names cybercriminals behind AI deepfake network
    Microsoft has named multiple threat actors part of a cybercrime gang accused of developing malicious tools capable of bypassing generative AI guardrails to generate celebrity deepfakes and other illicit content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-ฮ่องกง จับมือขยายโอกาสแรงงานไทยสู่ตลาดสากล “พิพัฒน์“ ประชุมสมาพันธ์นายจ้างฮ่องกง (EFHK)
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1276393317291863
    ไทย-ฮ่องกง จับมือขยายโอกาสแรงงานไทยสู่ตลาดสากล “พิพัฒน์“ ประชุมสมาพันธ์นายจ้างฮ่องกง (EFHK) https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1276393317291863
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า ทางการจีนตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโควิด-19 ในค้างคาว โดยไวรัสดังกล่าวจัดอยู่ในสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5 ซึ่งถูกระบุในฮ่องกงในค้างคาวสายพันธุ์ Japanese pigistrelle โดยนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสเมอร์เบโคในค้างคาวมีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่กระจายสู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการถ่ายทอดโดยตรงหรือผ่านโฮสต์ตัวกลาง อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ไวรัสยังไม่ถือว่ากำลังแพร่ระบาด แต่นักวิจัยได้ย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

    -ชาวนาขอประกัน 1.2 หมื่น
    -ภาระสูงหยุดจับแก๊งคอล
    -นี่หรือเมืองพุทธ
    -ค้านทรัมป์ยึดฉนวนกาซา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า ทางการจีนตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโควิด-19 ในค้างคาว โดยไวรัสดังกล่าวจัดอยู่ในสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5 ซึ่งถูกระบุในฮ่องกงในค้างคาวสายพันธุ์ Japanese pigistrelle โดยนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสเมอร์เบโคในค้างคาวมีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่กระจายสู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการถ่ายทอดโดยตรงหรือผ่านโฮสต์ตัวกลาง อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ไวรัสยังไม่ถือว่ากำลังแพร่ระบาด แต่นักวิจัยได้ย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น -ชาวนาขอประกัน 1.2 หมื่น -ภาระสูงหยุดจับแก๊งคอล -นี่หรือเมืองพุทธ -ค้านทรัมป์ยึดฉนวนกาซา
    Like
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1348 มุมมอง 78 0 รีวิว
  • - #คิดถึงหนังเก่า -

    ในปี 1989 เลสลี จาง ประกาศอำลาวงการเพลง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังวางแผนจะหยุดพักหลังจากถ่ายทำ Days of Being Wild (วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า) ของ หว่องกาไว เสร็จ โชคดีที่ ผู้กำกับหวัง ใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างมาก และเขาก็ถ่ายทำ Days of Being Wild เสร็จในปี 1990

    เมื่อ จอห์น วู ตั้งใจจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" และเขียนเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเป็นหลัก แต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทำให้การถ่ายทำไม่ได้เริ่มต้นขึ้น

    หลังจากเข้าร่วม Milestone Films จอห์น วู ก็ดึงโครงการที่จะถ่ายทำ "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" เจ้าของบริษัท Golden Princess Film Company อนุมัติ และต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่กำหนดให้เนื้อเรื่องต้องมีความสนุก

    กู่เหวยลี่ (ลินดา คุค) โปรดิวเซอร์ของหนัง ได้ขอให้ "โจวเหวินฟะ" มารับบทนำโดยเฉพาะ ในปี 1990 โจวเหวินฟะรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนยาวๆ แต่เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับคือ "จอห์น วู" เขาก็ตกลงทันที

    เช่นเดียวกับ เลสลี่ จาง ที่กำลังจะหยุดพัก หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ Days of Being Wild ก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจ และยังได้ จงฉู่หง มาแสดงร่วมกับ โจวเหวินฟะ ด้วย

    “Once a Thief (ตีแสกตะวัน)” ออกฉายในปี 1991 ด้วยต้นทุนเพียง 1 ล้านเหรียญฮ่องกง ถ่ายทำนานสองเดือนครึ่ง เข้าฉายนาน 33 วัน กวาดรายได้ที่บ็อกซ์ออฟฟิศไปได้ถึง 33.39 ล้านเหรียญฮ่องกง ในปีนี้ เลสลี่จาง ยังได้รับรางวัล Hong Kong Film Awards ครั้งที่ 10 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Days of Being Wild อีกด้วย
    - #คิดถึงหนังเก่า - ในปี 1989 เลสลี จาง ประกาศอำลาวงการเพลง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังวางแผนจะหยุดพักหลังจากถ่ายทำ Days of Being Wild (วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า) ของ หว่องกาไว เสร็จ โชคดีที่ ผู้กำกับหวัง ใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างมาก และเขาก็ถ่ายทำ Days of Being Wild เสร็จในปี 1990 เมื่อ จอห์น วู ตั้งใจจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" และเขียนเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเป็นหลัก แต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทำให้การถ่ายทำไม่ได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากเข้าร่วม Milestone Films จอห์น วู ก็ดึงโครงการที่จะถ่ายทำ "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" เจ้าของบริษัท Golden Princess Film Company อนุมัติ และต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่กำหนดให้เนื้อเรื่องต้องมีความสนุก กู่เหวยลี่ (ลินดา คุค) โปรดิวเซอร์ของหนัง ได้ขอให้ "โจวเหวินฟะ" มารับบทนำโดยเฉพาะ ในปี 1990 โจวเหวินฟะรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนยาวๆ แต่เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับคือ "จอห์น วู" เขาก็ตกลงทันที เช่นเดียวกับ เลสลี่ จาง ที่กำลังจะหยุดพัก หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ Days of Being Wild ก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจ และยังได้ จงฉู่หง มาแสดงร่วมกับ โจวเหวินฟะ ด้วย “Once a Thief (ตีแสกตะวัน)” ออกฉายในปี 1991 ด้วยต้นทุนเพียง 1 ล้านเหรียญฮ่องกง ถ่ายทำนานสองเดือนครึ่ง เข้าฉายนาน 33 วัน กวาดรายได้ที่บ็อกซ์ออฟฟิศไปได้ถึง 33.39 ล้านเหรียญฮ่องกง ในปีนี้ เลสลี่จาง ยังได้รับรางวัล Hong Kong Film Awards ครั้งที่ 10 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Days of Being Wild อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ

    หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง

    โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย

    ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

    หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน

    การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว

    จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง

    เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน

    การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น
    ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน

    การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ

    ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี

    https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    เหรียญกลมเล็ก หลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน ๙๙๙๙๙ มั่งมี ศรีสุข ลาภผล พูนทวี วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ //เหรียญมีขนาดเล็ก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ ..

    ** พุทธคุณ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** พระอาจารย์จำเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมากที่สุด เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และแถบประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เป็นต้น ด้วยเหตุที่วัตรปฎิบัติบัตรอันงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของตัวหลวงพ่อจำเนียรเอง >>


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เหรียญกลมเล็ก หลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน ๙๙๙๙๙ มั่งมี ศรีสุข ลาภผล พูนทวี วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ //เหรียญมีขนาดเล็ก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. ** พุทธคุณ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** พระอาจารย์จำเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมากที่สุด เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และแถบประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เป็นต้น ด้วยเหตุที่วัตรปฎิบัติบัตรอันงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของตัวหลวงพ่อจำเนียรเอง >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่

    แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา

    ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ

    ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ

    การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก
    โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว

    นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก

    สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ 

    สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที

    อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้

    ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6%

    ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
    สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้

    การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน

    อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

    คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง

    การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง

    ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ

    แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร

    ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ  สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6% ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้ การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก
    .
    ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้
    .
    BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
    .
    ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
    .
    เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12)
    .
    BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง
    .
    ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ
    .
    การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน
    .
    เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown
    .
    นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง
    .
    ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11)
    .
    งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส”
    .
    ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร
    .
    ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms
    .
    ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA
    .
    ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน
    .
    เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว
    .
    ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306
    ..............
    Sondhi X
    เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก . ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ . BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ . ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น . เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12) . BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง . ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ . การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน . เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown . นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ . “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง . ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11) . งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส” . ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร . ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms . ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA . ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน . เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว . ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2477 มุมมอง 0 รีวิว
  • พังพระกาฬ ..ปลายปี 66 กระแสกำลังขยับขึ้น...รุ่นแรกปี 32 เล่นกันทะลุล้าน...รุ่นอื่นท่ไม่เกิน ปี 50 ขยับขึ้นตาม...เพราะต่างชาติ มาเล สิงคโปร์ ฮ่องกง เล่น พอหลังพอหลังจากนั้น มีความเปลี่ยนแปลง......เศรษญกิจในประเทศถดถอย ..ก็สาละวันเตี้ยลง..มาเรื่อยๆ..
    พังพระกาฬ ..ปลายปี 66 กระแสกำลังขยับขึ้น...รุ่นแรกปี 32 เล่นกันทะลุล้าน...รุ่นอื่นท่ไม่เกิน ปี 50 ขยับขึ้นตาม...เพราะต่างชาติ มาเล สิงคโปร์ ฮ่องกง เล่น พอหลังพอหลังจากนั้น มีความเปลี่ยนแปลง......เศรษญกิจในประเทศถดถอย ..ก็สาละวันเตี้ยลง..มาเรื่อยๆ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร

    ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย

    การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้

    ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

    https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้ ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ประกาศหยุดรับพัสดุจากจีนและฮ่องกงเมื่อช่วงปลายวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้นกับจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงการยกเลิก 'de minimis exemption' ซึ่งหมายความว่าพัสดุที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้รับการยกเว้นจากภาษีนำเข้าและการตรวจสอบอีกต่อไป

    การยกเลิกนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชิ้นส่วนพีซีราคาถูกจากจีนและฮ่องกง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างสถานีทำงานและชุดเล่นเกมต้องจ่ายมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาการส่งของที่นานขึ้นเนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบจากศุลกากร

    ผู้ใช้ทั่วไปในอเมริกาจะต้องจ่ายแพงขึ้นและใช้เวลารอนานขึ้นสำหรับสินค้าเทคโนโลยีจากจีน นอกจากนี้ การที่ USPS กลับมารับพัสดุอีกครั้งไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหายไป เพราะยังต้องรอให้มีการพัฒนาระบบการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/usps-had-ceased-accepting-parcels-from-china-and-hong-kong-late-tuesday-potentially-affecting-numerous-pc-parts-service-was-restored-by-early-wednesday
    ไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ประกาศหยุดรับพัสดุจากจีนและฮ่องกงเมื่อช่วงปลายวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้นกับจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงการยกเลิก 'de minimis exemption' ซึ่งหมายความว่าพัสดุที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้รับการยกเว้นจากภาษีนำเข้าและการตรวจสอบอีกต่อไป การยกเลิกนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชิ้นส่วนพีซีราคาถูกจากจีนและฮ่องกง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างสถานีทำงานและชุดเล่นเกมต้องจ่ายมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาการส่งของที่นานขึ้นเนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบจากศุลกากร ผู้ใช้ทั่วไปในอเมริกาจะต้องจ่ายแพงขึ้นและใช้เวลารอนานขึ้นสำหรับสินค้าเทคโนโลยีจากจีน นอกจากนี้ การที่ USPS กลับมารับพัสดุอีกครั้งไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหายไป เพราะยังต้องรอให้มีการพัฒนาระบบการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/usps-had-ceased-accepting-parcels-from-china-and-hong-kong-late-tuesday-potentially-affecting-numerous-pc-parts-service-was-restored-by-early-wednesday
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน
    .
    ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
    .
    นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
    .
    นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis
    .
    ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่
    .
    ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน
    .
    รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว
    .
    แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด
    .
    กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929
    ..............
    Sondhi X
    จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน . ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร . ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. . นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด . นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis . ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่ . ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน . รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว . แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด . กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2447 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง
    .
    อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา
    .
    จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต
    .
    จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้
    .
    ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก
    .
    สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา
    .
    ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน
    .
    ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา
    .
    สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร
    .
    ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา
    .
    แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้
    .
    ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
    .
    ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง . อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา . จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต . จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้ . ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก . สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก . ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา . ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน . ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา . สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร . ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา . แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้ . ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ . ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป . ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540 .............. Sondhi X
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2415 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts