• สวมวิญญาณจอมยุทธ"หลง"จนได้
    นางเอกจากฮ่องกงคิวไม่ว่าง😅😅

    ..................................................
    มองหานางเอกแถวๆนี้แหละ
    ขออาสาสมัคร please !! 🤭🤭😂

    #今生情不變
    สวมวิญญาณจอมยุทธ"หลง"จนได้ นางเอกจากฮ่องกงคิวไม่ว่าง😅😅 .................................................. มองหานางเอกแถวๆนี้แหละ ขออาสาสมัคร please !! 🤭🤭😂 #今生情不變
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 พฤศจิกายน 2567-ชายเดี่ยว วิว กุลวุฒิ ชนะ Lee Cheuk Yiu จากฮ่องกง 3-0 เก็บแต้ม Blitzers นำ 4-2 , ตัดสินคู่สุดท้าย แบด3คน ที่มีสามแต้มเป็นเดิมพันชนะ Blitzers เฉือนแต้ม Sudden Death คว้าแชมป์​ลีคอินโด BDMNTN-XL รับทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท

    ทั้งนี้การแข่งขันแบดมินตันรายการพิเศษในรายการ "บีเอ็กซ์แอล แบดมินตัน" ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 3 พ.ย.67 ที่อิสโตร่า เสนายัน ในกรุงจาร์การ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

    โดยจะมี 3 นักแบดมินตันไทยลงแข่งขัน อาทิ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยว ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2024 , "เมย์" รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยว เจ้าของแชมป์โลก ปี 2013 และ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ โดยจะลงเล่นแทน โนโซมิ โอกูฮาระ จากญี่ปุ่น โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นในรูปแบบ แบ่งเป็น 4 ทีม แต่ละทีมส่งตัวแทนลงแข่ง 5 แมตช์ ได้แก่ ชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว ชายคู่ หญิงคู่ และแบด 3 คน ทีมไหนถึง 5 ก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ ไม่มีคะแนนต่ำสุดหรือสูงสุดสำหรับแต่ละเซ็ต - ผู้เล่น/คู่/ทีมที่มีคะแนนมากที่สุดหลังจากแต่ละ 10 นาทีจะชนะ 1 เซ็ต

    สำหรับ "เมย์" รัชนก อินทนนท์ จะอยู่ในกลุ่ม Lighting ร่วมกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น (เดนมาร์ก) , อัชวานี่ พอนนัพพา (อินเดีย) , เกรเซี่ย โพลี่ (อินโดนเซีย) , ยูตะ วาตานาเบ้ (ญี่ปุ่น) , ตัง ชุนมาน (ฮ่องกง) และ โซว วุยอิค (มาเลเซีย)

    ส่วน "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ จะอยู่ในกลุ่ม Bltizers ร่วมกับ อเล็กซานดร้า โบเจ้ จากเดนมาร์ก , ออง ยิวซิน กับ เตียว อี้เว่ย จากมาเลเซีย , ซาบาร์ คาร์ยามาน กุตมา จากอินโดนีเซีย ,

    https://youtu.be/WeuDCPVG1Yc?si=048h60IuBSTlXRzR

    #Thaitimes
    3 พฤศจิกายน 2567-ชายเดี่ยว วิว กุลวุฒิ ชนะ Lee Cheuk Yiu จากฮ่องกง 3-0 เก็บแต้ม Blitzers นำ 4-2 , ตัดสินคู่สุดท้าย แบด3คน ที่มีสามแต้มเป็นเดิมพันชนะ Blitzers เฉือนแต้ม Sudden Death คว้าแชมป์​ลีคอินโด BDMNTN-XL รับทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท ทั้งนี้การแข่งขันแบดมินตันรายการพิเศษในรายการ "บีเอ็กซ์แอล แบดมินตัน" ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 3 พ.ย.67 ที่อิสโตร่า เสนายัน ในกรุงจาร์การ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะมี 3 นักแบดมินตันไทยลงแข่งขัน อาทิ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยว ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2024 , "เมย์" รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยว เจ้าของแชมป์โลก ปี 2013 และ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ โดยจะลงเล่นแทน โนโซมิ โอกูฮาระ จากญี่ปุ่น โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นในรูปแบบ แบ่งเป็น 4 ทีม แต่ละทีมส่งตัวแทนลงแข่ง 5 แมตช์ ได้แก่ ชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว ชายคู่ หญิงคู่ และแบด 3 คน ทีมไหนถึง 5 ก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ ไม่มีคะแนนต่ำสุดหรือสูงสุดสำหรับแต่ละเซ็ต - ผู้เล่น/คู่/ทีมที่มีคะแนนมากที่สุดหลังจากแต่ละ 10 นาทีจะชนะ 1 เซ็ต สำหรับ "เมย์" รัชนก อินทนนท์ จะอยู่ในกลุ่ม Lighting ร่วมกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น (เดนมาร์ก) , อัชวานี่ พอนนัพพา (อินเดีย) , เกรเซี่ย โพลี่ (อินโดนเซีย) , ยูตะ วาตานาเบ้ (ญี่ปุ่น) , ตัง ชุนมาน (ฮ่องกง) และ โซว วุยอิค (มาเลเซีย) ส่วน "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ จะอยู่ในกลุ่ม Bltizers ร่วมกับ อเล็กซานดร้า โบเจ้ จากเดนมาร์ก , ออง ยิวซิน กับ เตียว อี้เว่ย จากมาเลเซีย , ซาบาร์ คาร์ยามาน กุตมา จากอินโดนีเซีย , https://youtu.be/WeuDCPVG1Yc?si=048h60IuBSTlXRzR #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📢 ล่องเรือสำราญจากประเทศไทย สัมผัสความงดงามของท้องทะเลจากบนเรือ Costa Serena เส้นทางยอดฮิตที่ไม่อยากให้พลาด อัพเดตโปรโมชั่นและราคาล่าสุด ✨

    พีเรียดเดินทาง 💬

    ✔️ 15-19 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - ฟูก๊วก (ค้างคืน) - สมุย - แหลมฉบัง
    ✔️ 19-22 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - ฟูก๊วก - สมุย - แหลมฉบัง
    ✔️ 22-27 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - โฮจิมินห์ (ฟู่หมี) - ฮ่องกง

    ⭕️ รวมอาหารทุกมื้อ
    ⭕️ รวมห้องพักบนเรือสำราญ
    ⭕️ รวมภาษีท่าเรือ

    รายละเอียดต่างๆของเรือสำราญ Costa Serena ค่ะ
    https://www.cruisedomain.com/costa-serena-9th.php

    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)

    #CostaSerena #แหลมฉบัง #ฟูก๊วก #เวียดนาม #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #โปรโมชั่นล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    📢 ล่องเรือสำราญจากประเทศไทย สัมผัสความงดงามของท้องทะเลจากบนเรือ Costa Serena เส้นทางยอดฮิตที่ไม่อยากให้พลาด อัพเดตโปรโมชั่นและราคาล่าสุด ✨ พีเรียดเดินทาง 💬 ✔️ 15-19 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - ฟูก๊วก (ค้างคืน) - สมุย - แหลมฉบัง ✔️ 19-22 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - ฟูก๊วก - สมุย - แหลมฉบัง ✔️ 22-27 ก.พ. 68 เส้นทาง แหลมฉบัง - โฮจิมินห์ (ฟู่หมี) - ฮ่องกง ⭕️ รวมอาหารทุกมื้อ ⭕️ รวมห้องพักบนเรือสำราญ ⭕️ รวมภาษีท่าเรือ รายละเอียดต่างๆของเรือสำราญ Costa Serena ค่ะ https://www.cruisedomain.com/costa-serena-9th.php ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #CostaSerena #แหลมฉบัง #ฟูก๊วก #เวียดนาม #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #โปรโมชั่นล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 971 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดสมัยประชุมสภาฯ นอกจากจะอดตักแกงใส่ถุงกลับไปแดรกที่บ้านแล้ว ยังไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง และอาจได้เที่ยวฮ่องกงฟรี จากคดีปลอม สด.43
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ปิดสมัยประชุมสภาฯ นอกจากจะอดตักแกงใส่ถุงกลับไปแดรกที่บ้านแล้ว ยังไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง และอาจได้เที่ยวฮ่องกงฟรี จากคดีปลอม สด.43 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 1 รีวิว
  • โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย
    น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา
    โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า
    ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว
    เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป
    เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ
    ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด
    โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล
    ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย
    เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • UPDATE: เริ่ม 1 ธ.ค. นี้ เดินทางผ่าน 6 สนามบินใช้ระบบ Biometric สแกนหน้าเช็กอิน คาดประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
    .
    วันนี้ (29 ตุลาคม) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยพัฒนาและทดสอบระบบให้มีความพร้อมในการใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
    .
    รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.), ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)
    .
    ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผู้โดยสารภายในประเทศสามารถใช้งานได้ก่อน และในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล
    .
    สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่
    .
    1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ
    .
    2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS) โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก Enrollment จากนั้นสแกน Barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบเช่นเดียวกัน
    .
    ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผู้โดยสารให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    .
    ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ จะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากที่ผ่านมา AOT มีการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ
    .
    ได้แก่ 1. เครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน) 2. เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3. เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4. ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร และ 5. ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง
    .
    โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์
    .
    ดร.กีรติ กล่าวว่า ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง 0.73%
    .
    โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% และมีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.88% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.25% และมีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% ด้านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.14% และมีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.68% สำหรับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลง 1.96% และมีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลง 3.37%
    .
    ขณะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.94% และมีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.97% และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลง 5.14% และมีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลง 5.84% ทั้งนี้ มีผู้โดยสารแยกตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, รัสเซีย และญี่ปุ่น
    .
    ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจัดสรรตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 (W2024/2025) ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024) 22.1% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 222,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 33.1% เที่ยวบินภายในประเทศ 147,459 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.5% ทั้งนี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งระหว่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น 23% และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์ และฮ่องกง
    .
    สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) AOT คาดว่าจะผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.02% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.02%
    .
    โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% และมีเที่ยวบินประมาณ 376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.69% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% และมีเที่ยวบินประมาณ 223,200 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.00%
    .
    #สนามบิน
    #TheStandardNews
    UPDATE: เริ่ม 1 ธ.ค. นี้ เดินทางผ่าน 6 สนามบินใช้ระบบ Biometric สแกนหน้าเช็กอิน คาดประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วขึ้น . วันนี้ (29 ตุลาคม) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยพัฒนาและทดสอบระบบให้มีความพร้อมในการใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น . รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.), ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) . ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผู้โดยสารภายในประเทศสามารถใช้งานได้ก่อน และในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล . สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่ . 1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ . 2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS) โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก Enrollment จากนั้นสแกน Barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบเช่นเดียวกัน . ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผู้โดยสารให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น . ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ จะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากที่ผ่านมา AOT มีการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ . ได้แก่ 1. เครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน) 2. เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3. เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4. ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร และ 5. ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง . โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์ . ดร.กีรติ กล่าวว่า ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง 0.73% . โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% และมีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.88% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.25% และมีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% ด้านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.14% และมีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.68% สำหรับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลง 1.96% และมีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลง 3.37% . ขณะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.94% และมีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.97% และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลง 5.14% และมีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลง 5.84% ทั้งนี้ มีผู้โดยสารแยกตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, รัสเซีย และญี่ปุ่น . ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจัดสรรตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 (W2024/2025) ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024) 22.1% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 222,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 33.1% เที่ยวบินภายในประเทศ 147,459 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.5% ทั้งนี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งระหว่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น 23% และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์ และฮ่องกง . สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) AOT คาดว่าจะผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.02% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.02% . โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% และมีเที่ยวบินประมาณ 376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.69% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% และมีเที่ยวบินประมาณ 223,200 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.00% . #สนามบิน #TheStandardNews
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก 2ล้านยูโร
    กลายมาเป็นแยกย่อยไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้อีก

    ซึ่งตอนนั้น มีบางคนปฏิเสทว่า ไม่ได้บินไปฮ่องกงเพื่อพบทักษิณ

    และด้วยความบังเอิญ พี่คนนี้เล่าออกมาหมดเลย
    จาก 2ล้านยูโร กลายมาเป็นแยกย่อยไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้อีก ซึ่งตอนนั้น มีบางคนปฏิเสทว่า ไม่ได้บินไปฮ่องกงเพื่อพบทักษิณ และด้วยความบังเอิญ พี่คนนี้เล่าออกมาหมดเลย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 114 0 รีวิว
  • กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน
    .
    หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง
    .
    การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า
    .
    อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง
    .
    นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก
    .
    ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม
    .
    นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน
    .
    นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น
    .
    ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล
    .
    ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน
    .
    โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย
    .
    ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด
    .
    ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน . หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง . การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า . อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง . นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก . ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม . นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน . นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น . ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล . ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน . โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย . ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด . ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1162 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
    .
    แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
    .
    ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
    .
    หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
    .
    นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
    .
    ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
    .
    นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
    .
    ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
    .
    ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
    .
    ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
    .
    ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
    .
    ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
    .
    โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
    .
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
    .
    จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
    .
    ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
    .
    ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
    .
    แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
    .
    ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
    .
    ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
    .
    จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
    .
    ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
    .
    ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?!
    .
    นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท
    .
    คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง
    ..............
    Sondhi X
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา . แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง . ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท . หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง . นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน . ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ . นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ . ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม . ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง . ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา . ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566 . ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง . โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ . หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 . จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม . ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด . ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที . แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง . ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง . ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น . จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน . ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา . ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว . เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?! . นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท . คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1

    เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น!

    ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน

    หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!)
    23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?)
    14.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1 เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น! ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!) 23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?) 14.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.กมล กมลตระกูลโพสต์ประเด็น“ เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนตอนนี้คือ Luxury Shame หรือ ความน่าละอายของชีวิตหรู

    กล่าวคือ ผู้คนรู้สึกกันว่าการใช้สินค้าแบรนด์เนมนั้นคือสิ่งน่าอาย ยิ่งถือกระเป๋าหรือแต่งตัวด้วยสินค้าหรู ใช้รถราคาแพงเท่าไร ก็ยิ่งน่าละอายเท่านั้น

    สื่ออเมริกันบอกว่า เทรนด์นี้เกิดขึ้นเพราะผู้นำจีนคือ ท่านสี จิ้นผิง และรัฐบาลจีน ได้ออกมารณรงค์ให้ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆของจีน รวมทั้งธนาคารใหญ่ๆในฮ่องกง ให้เลิกสวมเสื้อผ้าและนาฬิกาหรู ให้งดการเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจในสถานที่หรูหราจัดงาน และลดโบนัสก้อนโต

    คนจีนที่มีสตางค์ในเวลานี้นิยมแต่งตัวที่มีรสนิยมหรูเรียบๆ มากกว่าแต่งตัวแบบเรียกร้องความสนใจ

    ก็คือยังใช้ของแพงหรือแบรนด์เนมอยู่ตามฐานะ แต่ไม่ใช่รุ่นที่แพงระยับสะกดสายตาผู้คน

    โดยผู้นำจีนได้ทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้วย

    บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนที่อวดและขายสินค้าแบรนด์เนมที่ราคาแพงเว่อร์ ก็ถูกทางการจีนสกัดดาวรุ่งไปแล้ว

    ศัพท์ที่เขาใช้เรียกอินฟลูแบรนด์เนมเหล่านี้คือ Wealth Fluanting ครับ มีความหมายว่า ”พวกอวดรวยให้คนอิจฉา“

    จิตวิทยาของสินค้าหรูหราราคาแพง คือ เป็นสินค้าที่ผู้ใช้ต้องการแสดงตัวในสังคมว่าเป็นคนมีฐานะดี มีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากสังคมมองว่าสินค้านั้นคือความน่าอาย ต้องการแสดงความแตกต่าง ความสูงส่ง เหนือผู้คนในสังคม คนที่เคยซื้อเขาก็เลิกซื้อ เพราะซื้อไปก็ไม่ได้อวดใคร

    แถมยังอาจตกเป็นเป้าสายตาของทางการอีก ด้วย ดีไม่ดีอาจจะถูกตรวจสอบที่มาของเงินการจ่ายภาษีย้อนหลังอีกด้วย

    เทรนด์ในจีนตอนนี้ก็คือ ”Quiet Luxury“ หรือ “หรูหราแบบเงียบ ” ครับ

    สื่ออเมริกันเขาบอกว่า จีนได้ใช้นโยบายนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของฐานะในสังคม ฟังดูแล้วผมก็ว่าดีนะ เพราะขนาดสื่ออเมริกันที่ปกติจะเหน็บจีนยังบอกว่า คนจีนนั้นฉลาดในการใช้เงินมากขึ้นเยอะ

    ...แชร์ มาเล่าสู่กันฟังครับ…”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/D5Lvch3RTrXrH6K9/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ดร.กมล กมลตระกูลโพสต์ประเด็น“ เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนตอนนี้คือ Luxury Shame หรือ ความน่าละอายของชีวิตหรู กล่าวคือ ผู้คนรู้สึกกันว่าการใช้สินค้าแบรนด์เนมนั้นคือสิ่งน่าอาย ยิ่งถือกระเป๋าหรือแต่งตัวด้วยสินค้าหรู ใช้รถราคาแพงเท่าไร ก็ยิ่งน่าละอายเท่านั้น สื่ออเมริกันบอกว่า เทรนด์นี้เกิดขึ้นเพราะผู้นำจีนคือ ท่านสี จิ้นผิง และรัฐบาลจีน ได้ออกมารณรงค์ให้ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆของจีน รวมทั้งธนาคารใหญ่ๆในฮ่องกง ให้เลิกสวมเสื้อผ้าและนาฬิกาหรู ให้งดการเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจในสถานที่หรูหราจัดงาน และลดโบนัสก้อนโต คนจีนที่มีสตางค์ในเวลานี้นิยมแต่งตัวที่มีรสนิยมหรูเรียบๆ มากกว่าแต่งตัวแบบเรียกร้องความสนใจ ก็คือยังใช้ของแพงหรือแบรนด์เนมอยู่ตามฐานะ แต่ไม่ใช่รุ่นที่แพงระยับสะกดสายตาผู้คน โดยผู้นำจีนได้ทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้วย บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนที่อวดและขายสินค้าแบรนด์เนมที่ราคาแพงเว่อร์ ก็ถูกทางการจีนสกัดดาวรุ่งไปแล้ว ศัพท์ที่เขาใช้เรียกอินฟลูแบรนด์เนมเหล่านี้คือ Wealth Fluanting ครับ มีความหมายว่า ”พวกอวดรวยให้คนอิจฉา“ จิตวิทยาของสินค้าหรูหราราคาแพง คือ เป็นสินค้าที่ผู้ใช้ต้องการแสดงตัวในสังคมว่าเป็นคนมีฐานะดี มีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากสังคมมองว่าสินค้านั้นคือความน่าอาย ต้องการแสดงความแตกต่าง ความสูงส่ง เหนือผู้คนในสังคม คนที่เคยซื้อเขาก็เลิกซื้อ เพราะซื้อไปก็ไม่ได้อวดใคร แถมยังอาจตกเป็นเป้าสายตาของทางการอีก ด้วย ดีไม่ดีอาจจะถูกตรวจสอบที่มาของเงินการจ่ายภาษีย้อนหลังอีกด้วย เทรนด์ในจีนตอนนี้ก็คือ ”Quiet Luxury“ หรือ “หรูหราแบบเงียบ ” ครับ สื่ออเมริกันเขาบอกว่า จีนได้ใช้นโยบายนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของฐานะในสังคม ฟังดูแล้วผมก็ว่าดีนะ เพราะขนาดสื่ออเมริกันที่ปกติจะเหน็บจีนยังบอกว่า คนจีนนั้นฉลาดในการใช้เงินมากขึ้นเยอะ ...แชร์ มาเล่าสู่กันฟังครับ…” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/D5Lvch3RTrXrH6K9/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP4 นี้ขออนุญาตนำเสนอประเด็นในเรื่องสิ่งกีดขวางในการเดินอากาศของอากาศยานบริเวณใกล้เคียงสนามบิน ซึ่งเป็นเพียงข้อสังเกตที่มีอยู่จากข้อมูลที่ปรากฎในเว็ปไซต์ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

    จากข้อมูลที่ประกาศอยู่ในการแก้ไขเอกสารแถลงข่าวการบินประเทศไทย (AIP Amendment: AMDT) ในหัวข้อสิ่งกีดขวาง (Aerodrome Obstacles) ทางการบินของสนามบินสุวรรณภูมิ - AD2-VTBS -1-13, 31 OCT 24 (https://aip.caat.or.th/2024-10-31-AIRAC/html/index-en-GB.html) ที่จะมีผลในวันที่ 31 ต.ค.67 นี้ มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนสิ่งกีดขวางทั้งในแนวขึ้นลงและแนวบินวนเข้าสู่สนามบินที่น่าจะมีนัยยะสำคัญต่อการเดินทางทางอากาศเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้จำนวนสิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรคต่อการบินที่มีการปรับปรุงข้อมูลครั้งก่อนเมื่อ 2 พ.ย. 67 จำนวนค่าพิกัดสิ่งกีดขวางที่นับได้มีประมาณ 17 รายการ แต่ครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมถึงประมาณ 160 รายการ โดยมากแล้วก็จะเป็นตึกที่พักอาศัยหรือคอนโดและเสาส่งสัญญาณแรงสูง แต่กระนั้นก็ตามก็มีป้ายโฆษณาปรากฏอยู่ในหัวข้อสิ่งกีดขวางทางการบินใน AIP Thailand ของสนามบินนี้ด้วยเช่นกัน

    ข้อมูลอ้างอิงตามมาตรฐานที่ระบุในข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ในหมวด 4 เรื่องสิ่งกีดขวาง (Obstacles) ข้อ 245 ระบุว่า “เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำให้การปฏิบัติการของอากาศยานเป็นไปอย่างปลอดภัยและป้องกันไม่ให้สนามบินต้องหยุดดำเนินการจากการขยายตัวของสิ่งกีดขวางโดยรอบสนามบิน สนามบินต้องมีพื้นผิวจำกัดสิ่งกีดขวาง” (Obstacle Limitation Surfaces: OLS) ที่มีการกำหนดเงื่อนไขหรือขอบเขตของวัตถุที่จะยื่นเข้าไปในห้วงอากาศไม่ให้เป็นสิ่งกีดขวางทางการบินได้ ทั้งภาครัฐในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 59 และ 60 ของ พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497ฯ ผู้พิจารณาอนุญาต หรือจำกัดความสูงของตึกอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดใน OLS รอบนอกสนามบินและตัวผู้ดำเนินการสนามบินเองจะต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีสิ่งใดยื่นล้ำเข้าไปในเขตปลอดภัยการเดินอากาศเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดได้เพื่อวัตถุประสงค์ตามหมวดนี้ แต่จำนวนสิ่งกีดขวางที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าจะสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ของทั้งสองหน่วยงานนี้หรือไม่ (หากมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนประการใดต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้)

    สนามบินเก่าไคตั๊กของฮ่องกงที่อยู่ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาและอาคารอพาร์ทเม้นท์สูงๆจำนวนมาก (ภาพประกอบจากเฟสบุค Historic Photographs) ที่ปัจจุบันสนามบินมีการถูกยกเลิกการใช้งานไปแล้วก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่อธิบายความหมายและวัตถุประสงค์ของการควบคุมและจำกัดสิ่งกีดขวางทางการบินรอบสนามบินนี้ได้

    จากจำนวนสิ่งกีดขวางที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมขนาดนี้อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อการจัดการจราจรทางอากาศในเขตใกล้เคียงสนามบินซึ่งหมายรวมถึงการออกแบบวิธีปฎิบัติการบินของหน่วยงานที่รับผิดชอบที่จะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางเหล่านี้ให้มีระยะที่ปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆต่อการปฏิบัติการบินในการเข้าหรือออกจากสนามบิน นอกจากนี้ก็อาจจะมีผลต่อการจัดการการรองรับจำนวนเที่ยวบินให้มีประสิทธิภาพตามการคาดการณ์ปริมาณการรองรับของสนามบินตามที่มีการตั้งเป้ากันไว้ด้วยเช่นกัน การมุ่งหมายจะเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคนี้หรือ Regional Aviation Hub จะได้รับผลกระทบไปด้วยหรือไม่ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคงพอจะอธิบายหรือตอบประเด็นข้อสังเกตนี้ได้

    โดยทั่วไปแล้ว แผนแม่บทสนามบินของทุกๆแห่งย่อมมีการวางแผนกำหนดขีดความสามารถการรองรับปริมาณจราจรทางอากาศในอนาคตไว้ในระยะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนทางวิ่ง ทางขับ หลุมจอดอากาศยาน หรืออาคารผู้โดยสาร/อาคารเทียบเครื่องบิน การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อรองรับแผนดังกล่าวเช่นการควบคุมสิ่งกีดขวางโดยรอบของสนามบิน การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมทางเสียง การออกแบบการเดินทางของผู้โดยสารจากสนามบินไปตามจุดต่างๆ หรือการวางยุทธศาสต์ของสนามบิน ฯลฯเพื่อให้สอดคล้องและรองรับปริมาณเที่ยวบินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามแผนฯเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างสนามบินแล้ว ในคู่มือการควบคุมสิ่งกีดขวาง (Guidance Material for Control of Obstacles) ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ของ กพท. หน้าที่ของผู้ดำเนินการสนามบิน (Aerodrome Operator’s Responsibilities) ด้านการควบคุมสิ่งกีดขวางระบุไว้อย่างชัดเจน สิ่งกีดขวางที่มีการระบุพิกัดตำแหน่งและความสูงแล้วสนามบินจะต้องมีการเฝ้าระวังไม่ให้มีสิ่งกีดขวางใหม่เกิดขึ้น ติดตาม และประสานกับเจ้าของอาคารหรือเจ้าของเสาส่งสัญญาณ ฯลฯ ในเรื่องการใช้การได้ของไฟแสดงสถานะของสิ่งกีดขวางนั้นๆในช่วงเวลากลางคืนหรือช่วงทัศนะวิสัยต่ำว่ายังคงใช้งานได้เพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อการปฏิบัติการบิน

    ในปี ค.ศ. 2021 จากคะแนนการตรวจสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ในการกำกับดูแลด้านสนามบินของประเทศไทยซึ่งน่าจะรวมถึงเรื่องการควบคุมสิ่งกีดขวางด้วย มีผลคะแนนที่ 49.59% ในขณะที่เกณฑ์เฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 63.1% ในครั้งหน้าที่จะมีการตรวจติดตามในต้นปีหน้าตามกำหนดการเดิมในเดือน ม.ค.68 เรื่องดังกล่าวนี้จะมีผลต่อการตรวจสอบของ ICAO ด้วยหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาทบทวน

    ในทางปฏิบัติเมื่อมีข้อมูลหรือสิ่งกีดขวางใหม่แบบถาวรเกิดขึ้นที่จะต้องลงประกาศแก้ไขใน AIP Thailand ที่มีรอบตารางการประกาศและวันที่มีผลบังคับใช้ (42วันหลังวันประกาศข้อมูล) ถูกกำหนดไว้ตามมาตรฐานซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน หากไม่ได้มีการแจ้งข้อมูลด้วยวิธีการอื่นใดที่รวดเร็วกว่านี้เช่นประกาศผู้ทำการในอากาศหรือ NOTAM PERM (Notice to airmen, Permanents) หรือ ประกาศเพิ่มเติมเอกสารแถลงข่าวการบิน (AIP Supplement ที่เป็นแบบ Non-AIRAC) ก็อาจจะมีผลต่อการเดินอากาศในเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบินได้แต่เข้าใจว่าคงมีการดำเนินการไปแล้ว

    ข้อมูลข้างต้นสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของ กพท. https://www.caat.or.th
    EP4 นี้ขออนุญาตนำเสนอประเด็นในเรื่องสิ่งกีดขวางในการเดินอากาศของอากาศยานบริเวณใกล้เคียงสนามบิน ซึ่งเป็นเพียงข้อสังเกตที่มีอยู่จากข้อมูลที่ปรากฎในเว็ปไซต์ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จากข้อมูลที่ประกาศอยู่ในการแก้ไขเอกสารแถลงข่าวการบินประเทศไทย (AIP Amendment: AMDT) ในหัวข้อสิ่งกีดขวาง (Aerodrome Obstacles) ทางการบินของสนามบินสุวรรณภูมิ - AD2-VTBS -1-13, 31 OCT 24 (https://aip.caat.or.th/2024-10-31-AIRAC/html/index-en-GB.html) ที่จะมีผลในวันที่ 31 ต.ค.67 นี้ มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนสิ่งกีดขวางทั้งในแนวขึ้นลงและแนวบินวนเข้าสู่สนามบินที่น่าจะมีนัยยะสำคัญต่อการเดินทางทางอากาศเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้จำนวนสิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรคต่อการบินที่มีการปรับปรุงข้อมูลครั้งก่อนเมื่อ 2 พ.ย. 67 จำนวนค่าพิกัดสิ่งกีดขวางที่นับได้มีประมาณ 17 รายการ แต่ครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมถึงประมาณ 160 รายการ โดยมากแล้วก็จะเป็นตึกที่พักอาศัยหรือคอนโดและเสาส่งสัญญาณแรงสูง แต่กระนั้นก็ตามก็มีป้ายโฆษณาปรากฏอยู่ในหัวข้อสิ่งกีดขวางทางการบินใน AIP Thailand ของสนามบินนี้ด้วยเช่นกัน ข้อมูลอ้างอิงตามมาตรฐานที่ระบุในข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ในหมวด 4 เรื่องสิ่งกีดขวาง (Obstacles) ข้อ 245 ระบุว่า “เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำให้การปฏิบัติการของอากาศยานเป็นไปอย่างปลอดภัยและป้องกันไม่ให้สนามบินต้องหยุดดำเนินการจากการขยายตัวของสิ่งกีดขวางโดยรอบสนามบิน สนามบินต้องมีพื้นผิวจำกัดสิ่งกีดขวาง” (Obstacle Limitation Surfaces: OLS) ที่มีการกำหนดเงื่อนไขหรือขอบเขตของวัตถุที่จะยื่นเข้าไปในห้วงอากาศไม่ให้เป็นสิ่งกีดขวางทางการบินได้ ทั้งภาครัฐในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 59 และ 60 ของ พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497ฯ ผู้พิจารณาอนุญาต หรือจำกัดความสูงของตึกอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดใน OLS รอบนอกสนามบินและตัวผู้ดำเนินการสนามบินเองจะต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีสิ่งใดยื่นล้ำเข้าไปในเขตปลอดภัยการเดินอากาศเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดได้เพื่อวัตถุประสงค์ตามหมวดนี้ แต่จำนวนสิ่งกีดขวางที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าจะสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ของทั้งสองหน่วยงานนี้หรือไม่ (หากมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนประการใดต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้) สนามบินเก่าไคตั๊กของฮ่องกงที่อยู่ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาและอาคารอพาร์ทเม้นท์สูงๆจำนวนมาก (ภาพประกอบจากเฟสบุค Historic Photographs) ที่ปัจจุบันสนามบินมีการถูกยกเลิกการใช้งานไปแล้วก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่อธิบายความหมายและวัตถุประสงค์ของการควบคุมและจำกัดสิ่งกีดขวางทางการบินรอบสนามบินนี้ได้ จากจำนวนสิ่งกีดขวางที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมขนาดนี้อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อการจัดการจราจรทางอากาศในเขตใกล้เคียงสนามบินซึ่งหมายรวมถึงการออกแบบวิธีปฎิบัติการบินของหน่วยงานที่รับผิดชอบที่จะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางเหล่านี้ให้มีระยะที่ปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆต่อการปฏิบัติการบินในการเข้าหรือออกจากสนามบิน นอกจากนี้ก็อาจจะมีผลต่อการจัดการการรองรับจำนวนเที่ยวบินให้มีประสิทธิภาพตามการคาดการณ์ปริมาณการรองรับของสนามบินตามที่มีการตั้งเป้ากันไว้ด้วยเช่นกัน การมุ่งหมายจะเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคนี้หรือ Regional Aviation Hub จะได้รับผลกระทบไปด้วยหรือไม่ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคงพอจะอธิบายหรือตอบประเด็นข้อสังเกตนี้ได้ โดยทั่วไปแล้ว แผนแม่บทสนามบินของทุกๆแห่งย่อมมีการวางแผนกำหนดขีดความสามารถการรองรับปริมาณจราจรทางอากาศในอนาคตไว้ในระยะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนทางวิ่ง ทางขับ หลุมจอดอากาศยาน หรืออาคารผู้โดยสาร/อาคารเทียบเครื่องบิน การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อรองรับแผนดังกล่าวเช่นการควบคุมสิ่งกีดขวางโดยรอบของสนามบิน การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมทางเสียง การออกแบบการเดินทางของผู้โดยสารจากสนามบินไปตามจุดต่างๆ หรือการวางยุทธศาสต์ของสนามบิน ฯลฯเพื่อให้สอดคล้องและรองรับปริมาณเที่ยวบินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามแผนฯเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างสนามบินแล้ว ในคู่มือการควบคุมสิ่งกีดขวาง (Guidance Material for Control of Obstacles) ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ของ กพท. หน้าที่ของผู้ดำเนินการสนามบิน (Aerodrome Operator’s Responsibilities) ด้านการควบคุมสิ่งกีดขวางระบุไว้อย่างชัดเจน สิ่งกีดขวางที่มีการระบุพิกัดตำแหน่งและความสูงแล้วสนามบินจะต้องมีการเฝ้าระวังไม่ให้มีสิ่งกีดขวางใหม่เกิดขึ้น ติดตาม และประสานกับเจ้าของอาคารหรือเจ้าของเสาส่งสัญญาณ ฯลฯ ในเรื่องการใช้การได้ของไฟแสดงสถานะของสิ่งกีดขวางนั้นๆในช่วงเวลากลางคืนหรือช่วงทัศนะวิสัยต่ำว่ายังคงใช้งานได้เพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อการปฏิบัติการบิน ในปี ค.ศ. 2021 จากคะแนนการตรวจสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ในการกำกับดูแลด้านสนามบินของประเทศไทยซึ่งน่าจะรวมถึงเรื่องการควบคุมสิ่งกีดขวางด้วย มีผลคะแนนที่ 49.59% ในขณะที่เกณฑ์เฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 63.1% ในครั้งหน้าที่จะมีการตรวจติดตามในต้นปีหน้าตามกำหนดการเดิมในเดือน ม.ค.68 เรื่องดังกล่าวนี้จะมีผลต่อการตรวจสอบของ ICAO ด้วยหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาทบทวน ในทางปฏิบัติเมื่อมีข้อมูลหรือสิ่งกีดขวางใหม่แบบถาวรเกิดขึ้นที่จะต้องลงประกาศแก้ไขใน AIP Thailand ที่มีรอบตารางการประกาศและวันที่มีผลบังคับใช้ (42วันหลังวันประกาศข้อมูล) ถูกกำหนดไว้ตามมาตรฐานซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน หากไม่ได้มีการแจ้งข้อมูลด้วยวิธีการอื่นใดที่รวดเร็วกว่านี้เช่นประกาศผู้ทำการในอากาศหรือ NOTAM PERM (Notice to airmen, Permanents) หรือ ประกาศเพิ่มเติมเอกสารแถลงข่าวการบิน (AIP Supplement ที่เป็นแบบ Non-AIRAC) ก็อาจจะมีผลต่อการเดินอากาศในเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบินได้แต่เข้าใจว่าคงมีการดำเนินการไปแล้ว ข้อมูลข้างต้นสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของ กพท. https://www.caat.or.th
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องอาเล้ง 5ขวบ นักแข่งจักรยานไถเด็กไทย คว้าแชมป์ที่ประเทศฮ่องกง ชมคลิป ได้เพจ Arleng osaka
    น้องอาเล้ง 5ขวบ นักแข่งจักรยานไถเด็กไทย คว้าแชมป์ที่ประเทศฮ่องกง ชมคลิป ได้เพจ Arleng osaka
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • เก็บภาพพระใหญ่ @ฮ่องกง
    เก็บภาพพระใหญ่ @ฮ่องกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥10 อันดับนักลงทุนต่างประเทศ
    ที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด
    (อัพเดตเดือน สิงหาคม 2567)

    🚩อันดับ 1 คือ สหราชอาณาจักร
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.53 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 29.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    🚩อันดับ 2 คือ สิงคโปร์
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.37 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 26.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    🚩อันดับ 3 คือ ฮ่องกง
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 0.57 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 11.0% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    ที่มา : SET Research
    (ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #นักลงทุนต่างประเทศที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด
    #thaitimes
    💥💥10 อันดับนักลงทุนต่างประเทศ ที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด (อัพเดตเดือน สิงหาคม 2567) 🚩อันดับ 1 คือ สหราชอาณาจักร มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.53 ล้านล้านบาท คิดเป็น 29.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด 🚩อันดับ 2 คือ สิงคโปร์ มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 26.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด 🚩อันดับ 3 คือ ฮ่องกง มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 0.57 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11.0% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด ที่มา : SET Research (ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #นักลงทุนต่างประเทศที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด #thaitimes
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 286 0 รีวิว
  • 💥💥10 อันดับนักลงทุนต่างประเทศ
    ที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด
    (อัพเดตเดือน สิงหาคม 2567)

    🚩อันดับ 1 คือ สหราชอาณาจักร
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.53 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 29.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    🚩อันดับ 2 คือ สิงคโปร์
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.37 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 26.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    🚩อันดับ 3 คือ ฮ่องกง
    มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 0.57 ล้านล้านบาท
    คิดเป็น 11.0% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด

    ที่มา : SET Research
    (ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #นักลงทุนต่างประเทศที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด
    #thaitimes
    💥💥10 อันดับนักลงทุนต่างประเทศ ที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด (อัพเดตเดือน สิงหาคม 2567) 🚩อันดับ 1 คือ สหราชอาณาจักร มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.53 ล้านล้านบาท คิดเป็น 29.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด 🚩อันดับ 2 คือ สิงคโปร์ มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 26.6% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด 🚩อันดับ 3 คือ ฮ่องกง มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 0.57 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11.0% ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด ที่มา : SET Research (ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #นักลงทุนต่างประเทศที่ถือครองหุ้นไทยมากที่สุด #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย

    11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง

    ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568

    การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว

    ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู)

    สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์

    แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา

    สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น

    ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์

    #Thaitimes
    United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย 11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู) สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์ แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ #รีวิว เส้นทาง #ฮ่องกง#สายมู จากคุณเดชสิทธิ์ นะคะ❤️
    เมื่อวันที่ 29ก.ย.-1ต.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    ฮ่องกง ( #HongKong ) เป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีนที่มีลักษณะเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการเงินที่สำคัญระดับโลก ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย วัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก และยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

    ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/8f2fed

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ฮ่องกง #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ❤️ #รีวิว เส้นทาง #ฮ่องกง#สายมู จากคุณเดชสิทธิ์ นะคะ❤️ เมื่อวันที่ 29ก.ย.-1ต.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 ฮ่องกง ( #HongKong ) เป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีนที่มีลักษณะเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการเงินที่สำคัญระดับโลก ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย วัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก และยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/8f2fed รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ฮ่องกง #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1783 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”พลอยเพชร ด้วงเขียว“ หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ

    9 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวมติชนระบุว่า การแข่งขันเทนนิสเยาวชนเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมอันดับเอเชีย ระดับเกรด 2 รายการ LTAT Asian 14&Under C2 (4) 2024 หรือ “แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2024” ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เป็นการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ

    พลอยเพชร ด้วงเขียว นักเทนนิสดาวรุ่งจากสงขลา ดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี โชว์ฟอร์มมือวางอันดับ 1 ของรายการ หวดชนะ เอลิซา โอนาธี กาเบรียล คาฮากัลลา จากศรีลังกา ด้วยสกอร์ 6-0 ทั้งสองเซต ในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่งให้ พลอยเพชร ทะยานสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ อัญวีณ์ ไพศาลภาณุวงศ์ นักเทนนิสไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 4 ของรายการ ที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะ แฮลีน หมิง แฮ ชู มือวางอันดับ 8 จากฮ่องกง 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 7-5 และ 6-0

    ที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_4836797

    #Thaitimes
    ”พลอยเพชร ด้วงเขียว“ หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ 9 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวมติชนระบุว่า การแข่งขันเทนนิสเยาวชนเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมอันดับเอเชีย ระดับเกรด 2 รายการ LTAT Asian 14&Under C2 (4) 2024 หรือ “แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2024” ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เป็นการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ พลอยเพชร ด้วงเขียว นักเทนนิสดาวรุ่งจากสงขลา ดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี โชว์ฟอร์มมือวางอันดับ 1 ของรายการ หวดชนะ เอลิซา โอนาธี กาเบรียล คาฮากัลลา จากศรีลังกา ด้วยสกอร์ 6-0 ทั้งสองเซต ในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่งให้ พลอยเพชร ทะยานสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ อัญวีณ์ ไพศาลภาณุวงศ์ นักเทนนิสไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 4 ของรายการ ที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะ แฮลีน หมิง แฮ ชู มือวางอันดับ 8 จากฮ่องกง 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 7-5 และ 6-0 ที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_4836797 #Thaitimes
    WWW.MATICHON.CO.TH
    พลอยเพชร หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ
    พลอยเพชร หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚢 เปิดประสบการณ์ล่องเรือจากแหลมฉบัง ประเทศไทย !!
    พร้อมความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด พบกับกิจกรรมมากมายบนเรือที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
    ตั้งแต่โซนกิจกรรมสำหรับเด็กจนถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ ทุกความต้องการจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดทริป ✨👨‍👩‍👧‍👦

    🚨 พร้อมโปรโมชั่น Early Bird 999 ท่านแรก ลด 1,000 ต่อท่าน
    ฟรี รถรับส่ง กรุงเทพฯ-ท่าเรือ-กรุงเทพฯ 🚨

    1. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้น-ลง แหลมฉบัง) 4 วัน 3 คืน 📢
    📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูก๊วก - สมุย - แหลมฉบัง
    💬 เดินทาง 19 - 22 ก.พ. 68

    2. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้น-ลง แหลมฉบัง) 5 วัน 4 คืน 📢
    📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูก๊วก (ค้างคืน) - สมุย - แหลมฉบัง
    💬 เดินทาง 15 - 19 ก.พ. 68

    3. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้นแหลมฉบัง / ลงฮ่องกง) 6 วัน 5 คืน 📢
    📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ - ฮ่องกง
    💬 เดินทาง 22 - 27 ก.พ. 68

    4. ทัวร์ล่องเรือสำราญ Costa Serena มีหัวหน้าทัวร์พาเที่ยวตลอดทริป 6 วัน 5 คืน 📢
    📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ - ฮ่องกง
    💬 เดินทาง 22 - 27 ก.พ. 68

    รายละเอียดเรือสำราญและห้องพัก
    https://cruisedomain.com/costa-serena-9th.php

    ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)

    #Costa #CostaCruise #CostaSerena #เรือCostaSerena #เรือสำราญ #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #แหลมฉบัง #LaemChabang #ฮ่องกง #Hongkong #เวียดนาม #Vietnam #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เปิดประสบการณ์ล่องเรือจากแหลมฉบัง ประเทศไทย !! พร้อมความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด พบกับกิจกรรมมากมายบนเรือที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่โซนกิจกรรมสำหรับเด็กจนถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ ทุกความต้องการจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดทริป ✨👨‍👩‍👧‍👦 🚨 พร้อมโปรโมชั่น Early Bird 999 ท่านแรก ลด 1,000 ต่อท่าน ฟรี รถรับส่ง กรุงเทพฯ-ท่าเรือ-กรุงเทพฯ 🚨 1. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้น-ลง แหลมฉบัง) 4 วัน 3 คืน 📢 📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูก๊วก - สมุย - แหลมฉบัง 💬 เดินทาง 19 - 22 ก.พ. 68 2. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้น-ลง แหลมฉบัง) 5 วัน 4 คืน 📢 📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูก๊วก (ค้างคืน) - สมุย - แหลมฉบัง 💬 เดินทาง 15 - 19 ก.พ. 68 3. แพ็คเกจ Costa Serena, Cruise Only (ขึ้นแหลมฉบัง / ลงฮ่องกง) 6 วัน 5 คืน 📢 📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ - ฮ่องกง 💬 เดินทาง 22 - 27 ก.พ. 68 4. ทัวร์ล่องเรือสำราญ Costa Serena มีหัวหน้าทัวร์พาเที่ยวตลอดทริป 6 วัน 5 คืน 📢 📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ - ฮ่องกง 💬 เดินทาง 22 - 27 ก.พ. 68 รายละเอียดเรือสำราญและห้องพัก https://cruisedomain.com/costa-serena-9th.php ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #Costa #CostaCruise #CostaSerena #เรือCostaSerena #เรือสำราญ #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #แหลมฉบัง #LaemChabang #ฮ่องกง #Hongkong #เวียดนาม #Vietnam #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1521 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 01🤠

    ในเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 เติ้งกง(邓公)ได้รับแขกพิเศษในห้องโถงใหญ่ของประชาชน

    แขกรับเชิญคนนี้ คือ จินยง(金庸)นักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดัง

    ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นนักการเมือง อีกคนเป็นนักเขียน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ในความเป็นจริงพวกเขาชื่นชมซึ่งกันและกันเสมอ ในมุมมองของ จินยง(金庸) เติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่น่านับถือที่สุดเหมือนเช่นเดียวกับวีรบุรุษที่เขาได้เขียนบรรยายไว้ในนวนิยาย

    🥸บ้านและเมืองในใต้หล้า🥸

    ในเวลานั้น จินยง(金庸)เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ "หมิงเป้า(明报)" เขาเคยตีพิมพ์บทความว่า เติ้งกง(邓公)ควรได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศโดยเร็วที่สุด

    😎ในเวลานี้ เติ้งกง(邓公)ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนใหม่ และยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประเทศอีกด้วย😎

    😎จากมุมมองของผู้คนทั่วไป เติ้งกง(邓公)ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศเพิ่มขึ้นอีกสักตำแหน่งหนึ่ง เหตุผลมันก็ควรเป็นอย่างที่ควรจะเป็น😎

    😎แต่ครั้งนี้ เติ้งกง(邓公)ได้ชี้แจงกับจินยง(金庸)อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศ😎

    ในตอนแรก จินยง(金庸)รู้สึกแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่า เติ้งกง(邓公)ได้เป็นประธานของประเทศ ซึ่งทุกคนต่างก็คาดหวังดังนั้น ทำไมเขาถึงไม่เต็มใจ?

    อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังเหตุผลที่เติ้งกง(邓公)พูดจบ จินยง(金庸)ก็มีแต่ความชื่นชมอยู่ในใจ

    😎จินยง(金庸)เคยกล่าวไว้ว่า เติ้งกง(邓公)เป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุด จากภายในตัวของ เติ้งกง(邓公) เขาได้เห็นตัวตนของวีรบุรุษในฐานะของการรับใช้ประเทศและประชาชนซึ่งเขาใฝ่แสวงหา😎

    จินยง(金庸)มีชื่อเสียงจากงานในด้านงานเขียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลาที่ผ่านมาโดยตลอดเขาไม่ใช่เป็นนักเขียนวรรณกรรมธรรมดาๆ เลย นอกจากนี้เขายังมีอิทธิพลในสนามด้านการเมืองด้วย

    เมื่อเขายังเด็กเยาววัย อุดมคติของจินยง(金庸) คือ การเป็นนักการทูตที่ยอดเยี่ยม

    ด้วยเหตุนี้ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในปี ค.ศ. 1942 เขาจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย ซูโจว(苏州大学)ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาเรียนวิชาเอกกฎหมายระหว่างประเทศ

    อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จบลงด้วยการเป็นนักการทูต หลังจบการศึกษา ต้ากงเป้า(大公报)ได้ชวนจินยง(金庸)เป็นบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ

    สำหรับจินยง(金庸)ที่เพิ่งเรียนจบ นี่เป็นงานที่ดีมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับอย่างง่ายดาย

    หลังจากนั้นไม่นาน "ต้ากงเป้า(大公报)" ก็วางแผนที่จะกลับมาตีพิมพ์ในฮ่องกงและกำลังต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน

    ดังนั้น จินยง(金庸)จึงถูกย้ายไปฮ่องกงด้วยวิธีนี้

    ฟันเฟืองแห่งโชคชะตากำลังพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว และจินยง(金庸)ต้องห่างไกลจากความฝันในการเป็นนักการทูตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลายเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อผลกระทบไม่ด้อยไปกว่านักการทูต

    ในปีค.ศ. 1959 จินยง(金庸)ออกจาก "ต้ากงเป้า(大公报)" และก่อตั้ง "หมิงเป้า(明报)"ที่มีชื่อเสียงด้วยตัวเขาเอง

    "หมิงเป้า(明报)"มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาเนื่องจากออกพิมพ์นิยายกำลังภายในอย่างต่อเนื่องของจินยง(金庸)

    อย่างไรก็ตาม "หมิงเป้า(明报)" ไม่ได้มีแค่คอลัมน์นิยายกำลังภายใน อันที่จริง จินยง(金庸)มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันใน "หมิงเป้า(明报)"เสมอ

    ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ และจินยง(金庸)ไม่เข้าใจปรากฏการณ์นี้

    เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีสายสัมพันธ์กับเติ้งกง(邓公)ในขณะนี้ แต่เขาได้เรียนรู้แนวคิดทางการเมืองบางอย่างของเติ้งกง(邓公) และเชื่อว่าเติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของจีนได้

    เขาไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายต่อเติ้งกง(邓公)ของคนอื่นได้ ดังนั้น ในฐานะบรรณาธิการ เขาจึงตีพิมพ์บทความหลายบทความใน "หมิงเป้า(明报)"เพื่อพูดแทนเติ้งกง(邓公)

    เนื่องจากในเวลานั้นเขามีชื่อเสียงมาก บทความเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสคลื่นลมไม่เบาในฮ่องกงและแม้แต่ในแผ่นดินใหญ่

    แต่แม้ว่าจะเกิดการโต้แย้งกันขึ้น จินยง(金庸)ยังคงยืนยันในมุมมองของเขาเหมือนเดิม เขาถึงกับยังได้เขียนคำทำนายว่า "เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平)จะกลับมาแน่นอน" ในบทความ

    เหตุผลที่ทำให้ จินยง(金庸)มีความมั่นใจในตนเองคือในปีค.ศ. 1975 เติ้งกง(邓公)ได้กลับมาในช่วงสั้นๆ จากนั้นได้ดำเนินการแก้ไขภายในประเทศหลายครั้งด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งและใช้นโยบายใหม่

    อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้กินเวลาเพียงหนึ่งปี และเติ้งกง(邓公)ก็ออกจากเวทีการเมืองอีกครั้ง

    ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคราวนี้เติ้งกง(邓公)จะเลือนหายไปจากเวทีการเมืองตลอดไป แต่จินยง(金庸)ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่า สักวันหนึ่งเติ้งกง(邓公)จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของจีนใหม่และนำจีนไปสู่บรรยากาศใหม่

    หลายคนไม่เข้าใจการสนับสนุนที่ร้อนแรงแข็งแกร่งของจินยง(金庸)ที่มีต่อเติ้งกง(邓公) ในตอนนั้น

    แม้ว่าจินยง(金庸)จะกระตือรือร้นใฝ่ใจในการแสดงความคิดเห็นวิภาษวิจารณ์เกี่ยวกับการเมือง แต่เขาก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเขาไม่เคยมีมิตรภาพกับเติ้งกง(邓公)

    ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องกงยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิในเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็อ่อนไหวมาก จินยง(金庸)เสี่ยงที่จะถูกปิดล้อมโดยผู้อ่านเนื่องมาจากการประสงค์ที่จะพูดแทน เติ้งกง(邓公) ทำไมเขาถึงมั่นใจในความสามารถของเติ้งกง(邓公)ถึงขนาดนั้น?

    ในการสัมภาษณ์ครั้งต่อมา จินยง(金庸)ชื่นชมต่อเติ้งกง(邓公)มาก เขากล่าวว่า: 😎"ผมชื่นชมบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้นี้ของเขามาโดยตลอด เหมือนกับวีระบุรุษผู้กล้าหาญที่เขียนบรรยายไว้ในนิยายต่อสู้กำลังภายในของผม.......เพียงแค่ความแข็งแกร่งนั้น แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องยืนหยัดในข้อเสนอที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ ความอับอาย และความปลอดภัยของตนเอง นี่ถึงจะทำให้ผู้อื่นยอมรับ”😎

    สำหรับการเคลื่อนไหวของ จินยง(金庸) ความจริงแล้ว เติ้งกง(邓公)ก็ได้สัมผัสรู้มา เมื่อเวลาที่เขาถูกส่งไปที่ เจึยงซี(江西) เขาได้ยินว่ามีนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากในฮ่องกงซึ่งมักจะตีพิมพ์บทความที่เกี่ยวข้องกับการเมือง

    หลังจากเติ้งกง(邓公)อ่านบทความเหล่านี้ เขาคิดว่า จินยง(金庸) อยู่ในฮ่องกง แม้ว่าเขาจะมีมุมมองที่จำกัดในฮ่องกงก็ตาม ยังมีความเฉียบแหลมทางการเมืองของเขาและความสามารถของเขาในการพูดเพื่อความยุติธรรม จึงเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพ

    แน่นอน สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือตัวเติ้งกง(邓公)เองเป็นคนรักอ่านนวนิยายศิลปะการต่อสู้กำลังภายในมาก ทันทีที่เขาเห็นนิยายของจินยง(金庸) เขาก็เต็มไปด้วยคำชมและหมกมุ่นในการอ่านนวนิยายนั้น จนกระทั่งหลายปีต่อมา การอ่านนวนิยายของ จินยง(金庸)เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุดของเติ้งกง(邓公)

    ด้วยประการฉะนี้แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้พบหน้ากันแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในฐานะเพื่อนรู้ใจ

    🥳โปรดติดตามบทความ #มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 02.ต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 01🤠 ในเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 เติ้งกง(邓公)ได้รับแขกพิเศษในห้องโถงใหญ่ของประชาชน แขกรับเชิญคนนี้ คือ จินยง(金庸)นักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดัง ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นนักการเมือง อีกคนเป็นนักเขียน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ในความเป็นจริงพวกเขาชื่นชมซึ่งกันและกันเสมอ ในมุมมองของ จินยง(金庸) เติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่น่านับถือที่สุดเหมือนเช่นเดียวกับวีรบุรุษที่เขาได้เขียนบรรยายไว้ในนวนิยาย 🥸บ้านและเมืองในใต้หล้า🥸 ในเวลานั้น จินยง(金庸)เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ "หมิงเป้า(明报)" เขาเคยตีพิมพ์บทความว่า เติ้งกง(邓公)ควรได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศโดยเร็วที่สุด 😎ในเวลานี้ เติ้งกง(邓公)ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนใหม่ และยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประเทศอีกด้วย😎 😎จากมุมมองของผู้คนทั่วไป เติ้งกง(邓公)ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศเพิ่มขึ้นอีกสักตำแหน่งหนึ่ง เหตุผลมันก็ควรเป็นอย่างที่ควรจะเป็น😎 😎แต่ครั้งนี้ เติ้งกง(邓公)ได้ชี้แจงกับจินยง(金庸)อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศ😎 ในตอนแรก จินยง(金庸)รู้สึกแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่า เติ้งกง(邓公)ได้เป็นประธานของประเทศ ซึ่งทุกคนต่างก็คาดหวังดังนั้น ทำไมเขาถึงไม่เต็มใจ? อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังเหตุผลที่เติ้งกง(邓公)พูดจบ จินยง(金庸)ก็มีแต่ความชื่นชมอยู่ในใจ 😎จินยง(金庸)เคยกล่าวไว้ว่า เติ้งกง(邓公)เป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุด จากภายในตัวของ เติ้งกง(邓公) เขาได้เห็นตัวตนของวีรบุรุษในฐานะของการรับใช้ประเทศและประชาชนซึ่งเขาใฝ่แสวงหา😎 จินยง(金庸)มีชื่อเสียงจากงานในด้านงานเขียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลาที่ผ่านมาโดยตลอดเขาไม่ใช่เป็นนักเขียนวรรณกรรมธรรมดาๆ เลย นอกจากนี้เขายังมีอิทธิพลในสนามด้านการเมืองด้วย เมื่อเขายังเด็กเยาววัย อุดมคติของจินยง(金庸) คือ การเป็นนักการทูตที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในปี ค.ศ. 1942 เขาจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย ซูโจว(苏州大学)ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาเรียนวิชาเอกกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จบลงด้วยการเป็นนักการทูต หลังจบการศึกษา ต้ากงเป้า(大公报)ได้ชวนจินยง(金庸)เป็นบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ สำหรับจินยง(金庸)ที่เพิ่งเรียนจบ นี่เป็นงานที่ดีมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นาน "ต้ากงเป้า(大公报)" ก็วางแผนที่จะกลับมาตีพิมพ์ในฮ่องกงและกำลังต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ดังนั้น จินยง(金庸)จึงถูกย้ายไปฮ่องกงด้วยวิธีนี้ ฟันเฟืองแห่งโชคชะตากำลังพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว และจินยง(金庸)ต้องห่างไกลจากความฝันในการเป็นนักการทูตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลายเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อผลกระทบไม่ด้อยไปกว่านักการทูต ในปีค.ศ. 1959 จินยง(金庸)ออกจาก "ต้ากงเป้า(大公报)" และก่อตั้ง "หมิงเป้า(明报)"ที่มีชื่อเสียงด้วยตัวเขาเอง "หมิงเป้า(明报)"มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาเนื่องจากออกพิมพ์นิยายกำลังภายในอย่างต่อเนื่องของจินยง(金庸) อย่างไรก็ตาม "หมิงเป้า(明报)" ไม่ได้มีแค่คอลัมน์นิยายกำลังภายใน อันที่จริง จินยง(金庸)มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันใน "หมิงเป้า(明报)"เสมอ ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ และจินยง(金庸)ไม่เข้าใจปรากฏการณ์นี้ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีสายสัมพันธ์กับเติ้งกง(邓公)ในขณะนี้ แต่เขาได้เรียนรู้แนวคิดทางการเมืองบางอย่างของเติ้งกง(邓公) และเชื่อว่าเติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของจีนได้ เขาไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายต่อเติ้งกง(邓公)ของคนอื่นได้ ดังนั้น ในฐานะบรรณาธิการ เขาจึงตีพิมพ์บทความหลายบทความใน "หมิงเป้า(明报)"เพื่อพูดแทนเติ้งกง(邓公) เนื่องจากในเวลานั้นเขามีชื่อเสียงมาก บทความเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสคลื่นลมไม่เบาในฮ่องกงและแม้แต่ในแผ่นดินใหญ่ แต่แม้ว่าจะเกิดการโต้แย้งกันขึ้น จินยง(金庸)ยังคงยืนยันในมุมมองของเขาเหมือนเดิม เขาถึงกับยังได้เขียนคำทำนายว่า "เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平)จะกลับมาแน่นอน" ในบทความ เหตุผลที่ทำให้ จินยง(金庸)มีความมั่นใจในตนเองคือในปีค.ศ. 1975 เติ้งกง(邓公)ได้กลับมาในช่วงสั้นๆ จากนั้นได้ดำเนินการแก้ไขภายในประเทศหลายครั้งด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งและใช้นโยบายใหม่ อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้กินเวลาเพียงหนึ่งปี และเติ้งกง(邓公)ก็ออกจากเวทีการเมืองอีกครั้ง ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคราวนี้เติ้งกง(邓公)จะเลือนหายไปจากเวทีการเมืองตลอดไป แต่จินยง(金庸)ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่า สักวันหนึ่งเติ้งกง(邓公)จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของจีนใหม่และนำจีนไปสู่บรรยากาศใหม่ หลายคนไม่เข้าใจการสนับสนุนที่ร้อนแรงแข็งแกร่งของจินยง(金庸)ที่มีต่อเติ้งกง(邓公) ในตอนนั้น แม้ว่าจินยง(金庸)จะกระตือรือร้นใฝ่ใจในการแสดงความคิดเห็นวิภาษวิจารณ์เกี่ยวกับการเมือง แต่เขาก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเขาไม่เคยมีมิตรภาพกับเติ้งกง(邓公) ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องกงยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิในเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็อ่อนไหวมาก จินยง(金庸)เสี่ยงที่จะถูกปิดล้อมโดยผู้อ่านเนื่องมาจากการประสงค์ที่จะพูดแทน เติ้งกง(邓公) ทำไมเขาถึงมั่นใจในความสามารถของเติ้งกง(邓公)ถึงขนาดนั้น? ในการสัมภาษณ์ครั้งต่อมา จินยง(金庸)ชื่นชมต่อเติ้งกง(邓公)มาก เขากล่าวว่า: 😎"ผมชื่นชมบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้นี้ของเขามาโดยตลอด เหมือนกับวีระบุรุษผู้กล้าหาญที่เขียนบรรยายไว้ในนิยายต่อสู้กำลังภายในของผม.......เพียงแค่ความแข็งแกร่งนั้น แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องยืนหยัดในข้อเสนอที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ ความอับอาย และความปลอดภัยของตนเอง นี่ถึงจะทำให้ผู้อื่นยอมรับ”😎 สำหรับการเคลื่อนไหวของ จินยง(金庸) ความจริงแล้ว เติ้งกง(邓公)ก็ได้สัมผัสรู้มา เมื่อเวลาที่เขาถูกส่งไปที่ เจึยงซี(江西) เขาได้ยินว่ามีนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากในฮ่องกงซึ่งมักจะตีพิมพ์บทความที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หลังจากเติ้งกง(邓公)อ่านบทความเหล่านี้ เขาคิดว่า จินยง(金庸) อยู่ในฮ่องกง แม้ว่าเขาจะมีมุมมองที่จำกัดในฮ่องกงก็ตาม ยังมีความเฉียบแหลมทางการเมืองของเขาและความสามารถของเขาในการพูดเพื่อความยุติธรรม จึงเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพ แน่นอน สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือตัวเติ้งกง(邓公)เองเป็นคนรักอ่านนวนิยายศิลปะการต่อสู้กำลังภายในมาก ทันทีที่เขาเห็นนิยายของจินยง(金庸) เขาก็เต็มไปด้วยคำชมและหมกมุ่นในการอ่านนวนิยายนั้น จนกระทั่งหลายปีต่อมา การอ่านนวนิยายของ จินยง(金庸)เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุดของเติ้งกง(邓公) ด้วยประการฉะนี้แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้พบหน้ากันแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในฐานะเพื่อนรู้ใจ 🥳โปรดติดตามบทความ #มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 02.ต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥 ตลาดหุ้นเอเชีย เช่น Nikkei ญี่ปุ่น
    ฮั่งเส็ง HSI ฮ่องกง, VN30 เวียดนาม,
    รวมทั้งตลาดหุ้นไทย หรือ SET
    เปิดทำการในวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2567
    ด้วยดัชนีที่เป็นบวก จากปัจจัยตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
    มีแนวโน้มสูงขึ้น คลายความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจ
    สหรัฐถดถอย

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #thaitimes
    💥💥 ตลาดหุ้นเอเชีย เช่น Nikkei ญี่ปุ่น ฮั่งเส็ง HSI ฮ่องกง, VN30 เวียดนาม, รวมทั้งตลาดหุ้นไทย หรือ SET เปิดทำการในวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2567 ด้วยดัชนีที่เป็นบวก จากปัจจัยตัวเลขจ้างงานสหรัฐ มีแนวโน้มสูงขึ้น คลายความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจ สหรัฐถดถอย ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠

    ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา

    ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公)

    🥳หนึ่ง🥳

    เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927

    ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา

    เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน

    ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน"

    หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋)

    ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า:

    “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง”

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ

    ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)"

    ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)"

    เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย

    ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้

    🥳สอง🥳

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ

    หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้

    หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

    ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

    แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛)

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ:

    เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง

    สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公)

    ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด

    ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10%

    นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

    🥳สาม🥳

    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว:

    ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ

    ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨)

    ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ

    หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ

    ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า:

    ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน”

    หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร

    ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย

    หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป"

    เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠 ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) 🥳หนึ่ง🥳 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927 ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน" หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋) ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า: “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)" ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)" เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ 🥳สอง🥳 หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้ หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛) หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ: เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公) ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10% นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น 🥳สาม🥳 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว: ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า: ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป" เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!!

    ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!!

    2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น
    ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา……
    โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013
    ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย
    เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
    สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
    เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post
    และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น……
    จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว

    แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ……

    ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง
    รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น……
    ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน
    ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน

    การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ
    SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว

    เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ
    โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20
    แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ,
    การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง
    แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น…
    ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!!

    ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ
    ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน
    สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ
    แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก
    บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015
    เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน

    สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้
    เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้……
    และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร……
    ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง)
    ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด
    มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก……
    ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น
    ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS)
    แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น……
    แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา
    โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012)
    “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……”

    ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป
    ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988

    ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่)
    ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า
    เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด……
    เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า
    ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย
    สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย

    แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู
    แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน
    ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว
    ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู
    อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม…
    ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง
    แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม

    ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
    และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268
    ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ………

    เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้

    ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี
    โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม ***** Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ
    สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว……
    ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..”
    นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร?
    คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!!
    แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน

    สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี
    ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง
    สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!! ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!! 2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา…… โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013 ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น…… จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ…… ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น…… ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20 แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ, การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น… ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!! ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015 เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้…… และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร…… ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง) ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก…… ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS) แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น…… แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012) “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……” ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988 ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่) ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด…… เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม… ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268 ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ……… เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม Pussy Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว…… ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..” นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร? คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!! แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣สหรัฐอเมริกาเป็นอาณาจักรของคนโรคจิตที่มีอำนาจมหาศาลในการล้างสมองคนโง่ๆ🤣

    ฮ่องกงในปี ๒๐๑๙ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการปฏิวัติสีและโรคจิตของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงเชียร์จากสื่อตะวันตก, นักการเมือง และกลุ่มรัฐลึก

    📌แต่เรื่องราวก็จบลงอย่างสวยงาม📌
    .
    US is a psychopathic empire with amazing power to brainwash the stupid masses.

    Hong Kong in 2019 was gripped by color revolution and mass psychosis of young people who were cheered on by Western media, politicians and deep state.

    But the story had a good ending.
    .
    2:42 PM · Oct 1, 2024 · 7,926 Views
    https://x.com/Kanthan2030/status/1841020728369397959
    🤣สหรัฐอเมริกาเป็นอาณาจักรของคนโรคจิตที่มีอำนาจมหาศาลในการล้างสมองคนโง่ๆ🤣 ฮ่องกงในปี ๒๐๑๙ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการปฏิวัติสีและโรคจิตของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงเชียร์จากสื่อตะวันตก, นักการเมือง และกลุ่มรัฐลึก 📌แต่เรื่องราวก็จบลงอย่างสวยงาม📌 . US is a psychopathic empire with amazing power to brainwash the stupid masses. Hong Kong in 2019 was gripped by color revolution and mass psychosis of young people who were cheered on by Western media, politicians and deep state. But the story had a good ending. . 2:42 PM · Oct 1, 2024 · 7,926 Views https://x.com/Kanthan2030/status/1841020728369397959
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)

    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง

    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014

    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey

    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU



    ----------------------------------------------
    รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง
    1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut
    แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90
    ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM
    เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet
    ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง
    ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์"
    https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4
    เพลง Glorious Years (光辉岁月)
    https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU

    2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND
    ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง
    ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล
    https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw
    3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai)
    เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
    "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ
    เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ
    บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง
    เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก
    https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU
    สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM
    ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi
    คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน
    https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o

    4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้
    และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้
    ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ?
    https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc

    5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung
    นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง
    อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า.....
    mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1
    密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣
    https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0
    6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง
    สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน
    ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้
    ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก..
    ช่าย หมาย..ล่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY
    7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน
    ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล"
    มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond
    海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย
    ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง
    คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 )
    แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love
    ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡)
    ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย
    ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ
    https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI
    9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒
    มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่
    ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน"
    ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken "
    https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU
    10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง
    ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ
    กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983
    11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน
    เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ
    คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก

    12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง
    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014
    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey
    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU
    13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้
    《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว"
    "Song of a Thousand Thousand Que"
    ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji
    โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988
    หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง
    PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง
    ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang
    กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ
    Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records,
    CBS/SonyและWingo Creative
    ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล
    " My Favorite Song Award in the Music World "
    ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง
    ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989
    https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w

    14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง
    ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok
    https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo

    15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam
    https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4

    16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน
    เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University
    และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 "
    เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก
    นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ
    https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI

    17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. "
    เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน.
    https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg

    18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว”
    สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau)
    นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง
    สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji
    《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together
    สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน)
    โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ)
    如何面对 曾一起走过的日子
    jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2
    现在剩下我独行
    jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4
    如何用心声一一讲你知
    jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1
    从来没人明白我
    cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5
    唯一你给我好日子
    wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2
    有你有我有情有生有死有义
    jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6
    https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ
    19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung
    ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』
    แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล"
    หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side
    https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80

    20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu
    คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》
    ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade"
    นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San
    นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก)
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”
    https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes

    21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung
    ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า
    ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง
    ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน
    ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง
    หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง.
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี
    ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau)
    ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau)
    แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ
    ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก
    และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น
    สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป
    ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ
    มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป
    และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน
    (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง)
    ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ
    เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้
    โดยปราศจากเธอ
    ตรงกับชื่อเพลง
    "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走
    Only Want to Go with You in this Life
    https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c
    23. เพลงแนว Soft-Rock
    อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond
    บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง
    บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง
    ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ
    เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲)
    ศิลปิน : 李克勤 และ 周深
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”

    25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์
    เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง
    โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง
    รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372

    -《暗裡著迷》
    - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟
    - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet
    ของวง Beyond แน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY
    - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ)
    天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
    - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง
    1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月
    2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空
    - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne
    ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
    กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว
    ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee
    ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ
    - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม"
    เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี
    ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่
    (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว)
    https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI
    - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด
    ของ Joey Yuong 容祖兒
    แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป
    สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา"
    ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน
    - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา
    แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee
    เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index"
    ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย.
    https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM
    - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China)
    เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue
    ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui
    แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU ---------------------------------------------- รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง 1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90 ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์" https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4 เพลง Glorious Years (光辉岁月) https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU 2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw 3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o 4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้ และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้ ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ? https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc 5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า..... mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1 密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣 https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0 6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้ ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก.. ช่าย หมาย..ล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY 7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล" มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond 海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 ) แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡) ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI 9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒 มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่ ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน" ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken " https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU 10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983 11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก 12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU 13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้ 《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว" "Song of a Thousand Thousand Que" ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988 หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records, CBS/SonyและWingo Creative ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล " My Favorite Song Award in the Music World " ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989 https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w 14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo 15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4 16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 " เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI 17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. " เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน. https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg 18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว” สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau) นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji 《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน) โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ) 如何面对 曾一起走过的日子 jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2 现在剩下我独行 jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4 如何用心声一一讲你知 jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1 从来没人明白我 cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5 唯一你给我好日子 wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2 有你有我有情有生有死有义 jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6 https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ 19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』 แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล" หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80 20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》 ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade" นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก) ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes 21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง. https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau) ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau) แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง) ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากเธอ ตรงกับชื่อเพลง "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走 Only Want to Go with You in this Life https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c 23. เพลงแนว Soft-Rock อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲) ศิลปิน : 李克勤 และ 周深 ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” 25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์ เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372 -《暗裡著迷》 - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟 - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet ของวง Beyond แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ) 天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง 1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月 2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空 - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม" เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่ (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว) https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด ของ Joey Yuong 容祖兒 แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา" ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index" ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย. https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China) เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😱 ฮ่องกงแซงหน้าสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางการเงิน!

    เป็นไปได้อย่างไร? สื่ออเมริกันและอังกฤษต่างก็ร้องโวยวายว่า "พรรคคอมมิวนิสต์จีน" ได้ทำลายเสรีภาพในฮ่องกง, ซึ่งตอนนี้ไม่มีอนาคตแล้ว?

    🤣พวกจักรวรรดินิยมมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับจีนอยู่เสมอ, แต่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้เลย🤣
    .
    😱 Hong Kong surpasses Singapore as a financial center!

    How’s that possible? All the American and British media cried that China’s “CCP” had destroyed the freeeeedom in HK, which now has no future?

    Imperialists are wrong about China all the time, but they never learn.
    .
    10:09 AM · Sep 27, 2024 · 2,512 Views
    https://x.com/Kanthan2030/status/1839502595624214605
    😱 ฮ่องกงแซงหน้าสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางการเงิน! เป็นไปได้อย่างไร? สื่ออเมริกันและอังกฤษต่างก็ร้องโวยวายว่า "พรรคคอมมิวนิสต์จีน" ได้ทำลายเสรีภาพในฮ่องกง, ซึ่งตอนนี้ไม่มีอนาคตแล้ว? 🤣พวกจักรวรรดินิยมมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับจีนอยู่เสมอ, แต่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้เลย🤣 . 😱 Hong Kong surpasses Singapore as a financial center! How’s that possible? All the American and British media cried that China’s “CCP” had destroyed the freeeeedom in HK, which now has no future? Imperialists are wrong about China all the time, but they never learn. . 10:09 AM · Sep 27, 2024 · 2,512 Views https://x.com/Kanthan2030/status/1839502595624214605
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥23/09/2567
    ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้กลับมาฟื้นตัว แข็งค่าขึ้นอีกครั้ง
    หลังจากอ่อนค่าลงมาประมาณ 2 สัปดาห์
    ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ส่วนใหญ่
    ปรับตัวลดลง รวมทั้งตลาดหุ้นไทย

    🚩โดยดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง หรือ HSI ดัชนีอยู่ที่ 1827.11
    ปรับตัวลง -20 จุด ลดลง -0.13%

    🚩ดัชนี VN30 เวียดนาม ดัชนีอยู่ที่ 1322.46
    ปรับตัวลง -3.54 จุด -0.27%

    🚩ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยหรือ SET ล่าสุด 14.50 น.
    ดัชนีอยู่ที่ 1445.44 ลดลง -6.44 จุด -0.42%

    🚩และค่าเงินบาท วันนี้อ่อนค่าลง -0.16% เมื่อเทียบกับ
    ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ 32.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #ค่าเงินบาท
    #thaitimes
    🔥🔥23/09/2567 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้กลับมาฟื้นตัว แข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากอ่อนค่าลงมาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลง รวมทั้งตลาดหุ้นไทย 🚩โดยดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง หรือ HSI ดัชนีอยู่ที่ 1827.11 ปรับตัวลง -20 จุด ลดลง -0.13% 🚩ดัชนี VN30 เวียดนาม ดัชนีอยู่ที่ 1322.46 ปรับตัวลง -3.54 จุด -0.27% 🚩ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยหรือ SET ล่าสุด 14.50 น. ดัชนีอยู่ที่ 1445.44 ลดลง -6.44 จุด -0.42% 🚩และค่าเงินบาท วันนี้อ่อนค่าลง -0.16% เมื่อเทียบกับ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ 32.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #ค่าเงินบาท #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 888 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แทนคุณแผ่นดิน

    🤠คำนำ🤠

    “ฉันสาบานว่าจะอุทิศด้วยเลือดในกายทั้งหมดของฉันเพื่อรับใช้มาตุภูมิ(我以我血荐轩辕)” นี่เป็นบทประพันธท่อนหนึ่งในถ้อยคำที่เขียนแล้วทำให้หัวใจคุกรุ่นซึ่งเขียนโดยหลู่ซวิ่น(鲁迅)ด้วยความรู้สึกรักชาติ เป็นเวลาหลายพันปีที่ความรักต่อมาตุภูมิเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวจีนจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ และเราได้รู้จักผู้รักชาตินับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่ต่างกัน การแสดงความรักชาติก็แตกต่างกันไป ในยุคแห่งสงคราม ความรักชาติอาจหมายถึงการเข้าสู่สนามรบ และไม่เสียใจที่ต้องสละชีวิตเพื่อทำลายศัตรูเพื่อมาตุภูมิ ในยุคที่ประเทศสงบสุขประชาชนปลอดภัย ความรักชาติยังหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จและไม่สร้างปัญหาให้กับมาตุภูมิ

    หลังจากการสถาปนาจีนใหม่ ก็ไม่ต้องทนกับความวุ่นวายของสงครามอีกต่อไป และสถานการณ์ความรักชาติก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการจำนวนมาก ความรักชาติของพวกเขาสะท้อนให้เห็นจากการใช้ทรัพย์สมบัติของตนเพื่อตอบแทนมาตุภูมิ เคยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง เขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินจากต่างประเทศและบริจาคให้กับมาตุภูมิ จากนั้น สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ประกาศให้บริษัทล้มละลาย เกิดอะไรขึ้นกับเขา

    🤠1. ตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินส่งไปมาตุภูมิบ้านเกิด🤠

    สวี เจิงผิง(徐增平)เคยเป็นทหาร ในปีค.ศ. 1997 เขาเป็นประธานของ Hong Kong Chuanglu Group(香港创律集团)ข่าวที่เขาเห็นโดยบังเอิญทำให้หัวใจของเขาเต้นไหว ปรากฏว่ามีรายงานของสื่อว่ายูเครนต้องการขายเรือบรรทุกเครื่องบินที่ยังสร้างไม่เสร็จ และความรักชาติของเขาก็จุดประกายขึ้นมาทันที เขาตั้งใจจะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินลำนั้นและมอบให้กับบ้านเกิดมาตุภูมิของเขา

    เนื่องจากเรือบรรทุกเครื่องบินเกี่ยวข้องกับการพัฒนาภารกิจด้านการป้องกันประเทศของประเทศ เรือบรรทุกเครื่องบินยูเครนไม่สามารถซื้อในนามของประเทศได้ เพราะจะทำให้ประเทศอื่นมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยเงินของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เรือบรรทุกเครื่องบินถือเป็นอาวุธที่ใช้ในการป้องกันประเทศ รัฐบาลยูเครนจะไม่เห็นด้วยกับการซื้อของเขาโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปิดบริษัทบันเทิงภายใต้ชื่อของเขาเอง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Chuanglu Tourism and Entertainment Company(创律旅游娱乐公司) และอ้างว่าเขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนให้เป็นสถานบันเทิง

    ในปีค.ศ. 1998 สวี เจิงผิง(徐增平)ซึ่งไม่เข้าใจในเรื่องภาษาได้เดินทางมายังยูเครนอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ชื่อ "Varyag" สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาคือสถานการณ์เมื่อร้อยปีก่อน เมื่อกิจการทหารเรือของจีนตกต่ำจนขีดต่ำสุด และถูกรังแกโดยประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ เขามีความตั้งใจมากขึ้นที่จะมีส่วนร่วมวางพื้นฐานเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินในการพัฒนากองทัพเรือของมาตุภูมิ ที่โต๊ะไวน์ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลที่รับผิดชอบฝ่ายยูเครนได้ดี เขาดื่มเหล้าหนัก 6 ปอนด์เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ในท้ายที่สุด เขาก็เจรจาเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินได้สำเร็จ

    🤠2. อุปสรรคของการเดินทางกลับมาตุภูมิบ้านเกิดของเรือบรรทุกเครื่องบิน🤠

    ในเวลานั้น ยูเครนตกลงที่จะขายเรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวให้กับ สวี เจิงผิง(徐增平)ในราคา 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่รวมแบบร่างการออกแบบ สวี เจิงผิง(徐增平)รู้ดีว่าแบบการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินมีความสำคัญมากกว่าตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน การได้แบบดังกล่าวเท่านั้น จึงจะสามารถผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงเจรจาอีกครั้ง และหลังจากการเจรจาบางอย่าง สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ซื้อแบบของการออกแบบเรือในราคาสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมทีคิดว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสามารถกลับบ้านได้ในเวลานี้ แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมมือกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจึงเกือบจะไม่สามารถกลับได้

    สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมกันกดดันยูเครนให้หยุดขายเรือบรรทุกเครื่องบิน เมื่อหมดทางออกยูเครนจึงละทิ้งข้อตกลงทางวาจากับ สวี เจิงผิง(徐增平) และขายเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวในรูปแบบของการประมูลแทน เมื่อเห็นว่าเรือบรรทุกเครื่องบินที่เขากำลังจะได้มา แต่คนอื่นก็กำลังจะแย่งชิงเอาไป สวี เจิงผิง(徐增平)ระงับความขุ่นเคืองภายในของเขาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเข้าร่วมการประมูล และได้ประมูลซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินในราคาสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

    หลังจากเหตุการณ์นี้ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะนำเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมาตุภูมิโดยเร็วที่สุด เขาได้จัดการเรื่องเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของเรือบรรทุกเครื่องบินทันทีและปกป้องแบบของการออกแบบอย่างระมัดระวัง เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นมุ่งหน้าสู่มาตุภูมิเขารู้สึกตื่นเต้นซาบซึ้งมากจนน้ำตาไหล แต่เมื่อแบบร่างการออกแบบถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ช่างเทคนิคพบว่าแบบร่างนั้นไม่สมบูรณ์และข้อมูลสำคัญจำนวนมากยังขาดหายไป สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเดินทางไปยูเครนอีกครั้งเพื่อขอแบบร่างการออกแบบที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ระหว่างทางกลับบ้านมาตุภูมิ ยังถูกรัฐบาลตุรกีเข้าแทรกแซง ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งปี

    🤠3. เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ และบริษัทล้มละลาย🤠

    ต่อมาการเจรจาระหว่างประเทศจีนกับตุรกีใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ในช่วงเวลานี้ บริษัทเรือลากจูงจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินก็ต้องจ่ายด้วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมหลายแสนดอลลาร์ บริษัทของ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกต่อไป ในปี ค.ศ. 2002 เรือบรรทุกเครื่องบินได้แล่นเข้าสู่น่านน้ำของมาตุภูมิและเข้าสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิในที่สุด ตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินไปจนถึงการส่งกลับจีน ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปี และ สวี เจิงผิง(徐增平)ใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ

    เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย สวี เจิงผิง(徐增平)ได้ประกาศว่าบริษัทบันเทิงของเขาล้มละลายอย่างเป็นทางการ เดิมทีนี่เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อเรือบรรทุกเครื่องบิน คำโกหกนี้ปรากฏชัดออกมาในตัวเองทันทีที่เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปลี่ยนมือและบริจาคเรือบรรทุกเครื่องบินให้กับประเทศ แม้ว่าบริษัทบันเทิงในมาเก๊าจะล้มละลาย แต่ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพความยากจน เขายังมีบริษัทอื่นในฮ่องกงและเขายังคงเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติ

    “ตี๋น้อยต้องการรับใช้ชาติ ไม่ใช่เพื่อเป็นเจ้าขุนมูลนาย” ผู้รักชาติที่แท้จริงถือว่าความรักชาติเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง และไม่สนใจความสำเร็จหรือความล้มเหลวส่วนบุคคล สวี เจิงผิง(徐增平)ก็คือคนเช่นนี้ เขาแสดงมิตรภาพอันลึกซึ้งต่อมาตุภูมิในรูปแบบของเขาเอง และสมควรได้รับความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อเขา

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    #แทนคุณแผ่นดิน 🤠คำนำ🤠 “ฉันสาบานว่าจะอุทิศด้วยเลือดในกายทั้งหมดของฉันเพื่อรับใช้มาตุภูมิ(我以我血荐轩辕)” นี่เป็นบทประพันธท่อนหนึ่งในถ้อยคำที่เขียนแล้วทำให้หัวใจคุกรุ่นซึ่งเขียนโดยหลู่ซวิ่น(鲁迅)ด้วยความรู้สึกรักชาติ เป็นเวลาหลายพันปีที่ความรักต่อมาตุภูมิเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวจีนจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ และเราได้รู้จักผู้รักชาตินับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่ต่างกัน การแสดงความรักชาติก็แตกต่างกันไป ในยุคแห่งสงคราม ความรักชาติอาจหมายถึงการเข้าสู่สนามรบ และไม่เสียใจที่ต้องสละชีวิตเพื่อทำลายศัตรูเพื่อมาตุภูมิ ในยุคที่ประเทศสงบสุขประชาชนปลอดภัย ความรักชาติยังหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จและไม่สร้างปัญหาให้กับมาตุภูมิ หลังจากการสถาปนาจีนใหม่ ก็ไม่ต้องทนกับความวุ่นวายของสงครามอีกต่อไป และสถานการณ์ความรักชาติก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการจำนวนมาก ความรักชาติของพวกเขาสะท้อนให้เห็นจากการใช้ทรัพย์สมบัติของตนเพื่อตอบแทนมาตุภูมิ เคยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง เขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินจากต่างประเทศและบริจาคให้กับมาตุภูมิ จากนั้น สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ประกาศให้บริษัทล้มละลาย เกิดอะไรขึ้นกับเขา 🤠1. ตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินส่งไปมาตุภูมิบ้านเกิด🤠 สวี เจิงผิง(徐增平)เคยเป็นทหาร ในปีค.ศ. 1997 เขาเป็นประธานของ Hong Kong Chuanglu Group(香港创律集团)ข่าวที่เขาเห็นโดยบังเอิญทำให้หัวใจของเขาเต้นไหว ปรากฏว่ามีรายงานของสื่อว่ายูเครนต้องการขายเรือบรรทุกเครื่องบินที่ยังสร้างไม่เสร็จ และความรักชาติของเขาก็จุดประกายขึ้นมาทันที เขาตั้งใจจะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินลำนั้นและมอบให้กับบ้านเกิดมาตุภูมิของเขา เนื่องจากเรือบรรทุกเครื่องบินเกี่ยวข้องกับการพัฒนาภารกิจด้านการป้องกันประเทศของประเทศ เรือบรรทุกเครื่องบินยูเครนไม่สามารถซื้อในนามของประเทศได้ เพราะจะทำให้ประเทศอื่นมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยเงินของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เรือบรรทุกเครื่องบินถือเป็นอาวุธที่ใช้ในการป้องกันประเทศ รัฐบาลยูเครนจะไม่เห็นด้วยกับการซื้อของเขาโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปิดบริษัทบันเทิงภายใต้ชื่อของเขาเอง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Chuanglu Tourism and Entertainment Company(创律旅游娱乐公司) และอ้างว่าเขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนให้เป็นสถานบันเทิง ในปีค.ศ. 1998 สวี เจิงผิง(徐增平)ซึ่งไม่เข้าใจในเรื่องภาษาได้เดินทางมายังยูเครนอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ชื่อ "Varyag" สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาคือสถานการณ์เมื่อร้อยปีก่อน เมื่อกิจการทหารเรือของจีนตกต่ำจนขีดต่ำสุด และถูกรังแกโดยประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ เขามีความตั้งใจมากขึ้นที่จะมีส่วนร่วมวางพื้นฐานเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินในการพัฒนากองทัพเรือของมาตุภูมิ ที่โต๊ะไวน์ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลที่รับผิดชอบฝ่ายยูเครนได้ดี เขาดื่มเหล้าหนัก 6 ปอนด์เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ในท้ายที่สุด เขาก็เจรจาเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินได้สำเร็จ 🤠2. อุปสรรคของการเดินทางกลับมาตุภูมิบ้านเกิดของเรือบรรทุกเครื่องบิน🤠 ในเวลานั้น ยูเครนตกลงที่จะขายเรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวให้กับ สวี เจิงผิง(徐增平)ในราคา 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่รวมแบบร่างการออกแบบ สวี เจิงผิง(徐增平)รู้ดีว่าแบบการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินมีความสำคัญมากกว่าตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน การได้แบบดังกล่าวเท่านั้น จึงจะสามารถผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงเจรจาอีกครั้ง และหลังจากการเจรจาบางอย่าง สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ซื้อแบบของการออกแบบเรือในราคาสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมทีคิดว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสามารถกลับบ้านได้ในเวลานี้ แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมมือกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจึงเกือบจะไม่สามารถกลับได้ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมกันกดดันยูเครนให้หยุดขายเรือบรรทุกเครื่องบิน เมื่อหมดทางออกยูเครนจึงละทิ้งข้อตกลงทางวาจากับ สวี เจิงผิง(徐增平) และขายเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวในรูปแบบของการประมูลแทน เมื่อเห็นว่าเรือบรรทุกเครื่องบินที่เขากำลังจะได้มา แต่คนอื่นก็กำลังจะแย่งชิงเอาไป สวี เจิงผิง(徐增平)ระงับความขุ่นเคืองภายในของเขาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเข้าร่วมการประมูล และได้ประมูลซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินในราคาสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากเหตุการณ์นี้ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะนำเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมาตุภูมิโดยเร็วที่สุด เขาได้จัดการเรื่องเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของเรือบรรทุกเครื่องบินทันทีและปกป้องแบบของการออกแบบอย่างระมัดระวัง เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นมุ่งหน้าสู่มาตุภูมิเขารู้สึกตื่นเต้นซาบซึ้งมากจนน้ำตาไหล แต่เมื่อแบบร่างการออกแบบถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ช่างเทคนิคพบว่าแบบร่างนั้นไม่สมบูรณ์และข้อมูลสำคัญจำนวนมากยังขาดหายไป สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเดินทางไปยูเครนอีกครั้งเพื่อขอแบบร่างการออกแบบที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ระหว่างทางกลับบ้านมาตุภูมิ ยังถูกรัฐบาลตุรกีเข้าแทรกแซง ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งปี 🤠3. เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ และบริษัทล้มละลาย🤠 ต่อมาการเจรจาระหว่างประเทศจีนกับตุรกีใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ในช่วงเวลานี้ บริษัทเรือลากจูงจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินก็ต้องจ่ายด้วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมหลายแสนดอลลาร์ บริษัทของ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกต่อไป ในปี ค.ศ. 2002 เรือบรรทุกเครื่องบินได้แล่นเข้าสู่น่านน้ำของมาตุภูมิและเข้าสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิในที่สุด ตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินไปจนถึงการส่งกลับจีน ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปี และ สวี เจิงผิง(徐增平)ใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย สวี เจิงผิง(徐增平)ได้ประกาศว่าบริษัทบันเทิงของเขาล้มละลายอย่างเป็นทางการ เดิมทีนี่เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อเรือบรรทุกเครื่องบิน คำโกหกนี้ปรากฏชัดออกมาในตัวเองทันทีที่เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปลี่ยนมือและบริจาคเรือบรรทุกเครื่องบินให้กับประเทศ แม้ว่าบริษัทบันเทิงในมาเก๊าจะล้มละลาย แต่ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพความยากจน เขายังมีบริษัทอื่นในฮ่องกงและเขายังคงเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติ “ตี๋น้อยต้องการรับใช้ชาติ ไม่ใช่เพื่อเป็นเจ้าขุนมูลนาย” ผู้รักชาติที่แท้จริงถือว่าความรักชาติเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง และไม่สนใจความสำเร็จหรือความล้มเหลวส่วนบุคคล สวี เจิงผิง(徐增平)ก็คือคนเช่นนี้ เขาแสดงมิตรภาพอันลึกซึ้งต่อมาตุภูมิในรูปแบบของเขาเอง และสมควรได้รับความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อเขา 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 กันยายน 2567 -Highlight จากงาน BOT Symposium 2024 | หนี้: The Economics of Balancing Today and Tomorrow

    ช่วงหนึ่ง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติบอกว่า ธปท.ไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยตาม Fed โดยย้ำว่า นโยบายการเงินในประเทศ ยังอิงอยู่กับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก

    รายงานจากเพจ Today Biznews เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย ว่า Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% หรือ 50 เบสิสพอยท์ (bps) สำหรับ Fed ถือว่าไม่น้อย

    แต่ในแง่ผลกระทบ มองว่า ตลาดรับรู้ไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์อ่อนค่า ค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทแข็งค่า สะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง

    ส่วนช่องทางที่กระทบเศรษฐกิจไทย หลักๆ คือ กระทบตลาดเงินและค่าเงิน ในแง่ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็มีบ้าง

    แต่โดยรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะเราเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งระบบแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ช่องที่เห็นที่กระทบเยอะคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์

    อีกอย่างที่ซ้ำเติมคือราคาทองคำที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ส่วนหนึ่งก็มาจากดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งค่าเงินไทยมีความสัมพันธ์ (Correlation) กับทองค่อนข้างสูง สูงกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค

    ส่วนผลในแง่เศรษฐกิจหลัง Fed ลดดอกเบี้ย สะท้อนว่า Fed ให้ความสำคัญกับ Soft Landing หรือให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เทียบกับความเป็นห่วงในด้านเงินเฟ้อ

    ซึ่งในแง่เศรษฐกิจ อาจจะทำให้ไทยสบายใจขึ้นได้หน่อยว่า โอกาส Soft Landing ในสหรัฐจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

    ‘นี่ (การลดดอกเบี้ยของ Fed) ก็เหมือนการซื้อประกัน Make Sure ว่าโอกาสเกิด Hard Landing ให้มันน้อยๆ’

    [ นโยบายอิงกับปัจจัยในประเทศ ]

    ส่วนผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเรา ผู้ว่าฯ บอกว่า นโยบายการเงินของไทย เน้นเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก (ที่แบงก์ชาติบอกอยู่เสมอ) คือ

    1. เศรษฐกิจ: การเติบโตว่าจะเข้าสู่ศักยภาพหรือไม่
    2. เงินเฟ้อ: เงินเฟ้อของเราจะเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อหรือไม่
    3. เสถียรภาพทางด้านการเงิน: ซึ่งช่วงหลังให้ความสำคัญ

    ทั้ง 3 ปัจจัย ไม่ได้เห็นอะไรที่จะทำให้ภาพการประเมินแตกต่างจากที่มองเอาไว้ ทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ มีแต่เสถียรภาพทางด้านการเงิน เริ่มเห็นความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) เพิ่มสูงขึ้นเยอะ

    แต่ก็ต้องคำนึงถึงภาพรวม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตอนที่ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกเตรียมปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งจะกระทบภาพรวม และมีนัยต่อประเด็นข้างต้น ทำให้ต้องคำนึงถึง

    ‘การที่เราย้ำว่า เรา Outlook Dependent เป็นการตัดสินใจ หรือกรอบความคิดที่เหมาะสมแล้ว และถูกต้อง เพราะเราเห็นแล้วว่าที่อื่นที่เน้น Data Dependent มันสร้าง noise ต่อตลาดเยอะ’

    ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ณ ตอนนี้ยังประชุมตามเดิม (รอบหน้า 16 ต.ค. 2567) ถ้าต้องมีการประชุมเพิ่มเติมพิเศษก็มีได้

    [ ดอกเบี้ยลด หนี้ไม่ลด ]

    เมื่อถามถึงความคาดหวังให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อลดหนี้ครัวเรือน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ อธิบายว่า สำหรับตัวบน (หนี้) มี 2 ส่วน คือ ผลต่อหนี้เก่า ซึ่งถ้าลดดอกเบี้ย จะทำให้ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายบนหนี้เก่าลดลง ส่วนหนี้ใหม่ คำถามคือ ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วทำให้สินเชื่อโตเร็วขึ้น ตัวหนี้โดยรวมมันก็จะเพิ่มขึ้น

    ซึ่งการดูตรงนี้ต้องชั่งน้ำหนักทั้ง 2 ส่วน แต่ยังไงแบงก์ชาติก็ไม่ได้อยากเห็นตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีโตพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะในแง่ของเสถียรภาพมันคงไม่เหมาะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะให้มันลงเร็ว ลงแรง จนเกินไป เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจ

    ต้องบอกว่า ภาระหนี้เป็นอะไรที่แบงก์ชาติเป็นห่วง เพราะมีสัดส่วนครัวเรือนไม่น้อยที่มีปัญหาหนี้ แต่อยากฝากไว้ว่า การลดดอกเบี้ย ผลที่ส่งต่อภาระหนี้มันก็ไม่ได้เต็มที่

    หนี้ของเราสัดส่วนไม่น้อยไม่ได้เป็นหนี้ Floating แต่เป็น Fixed Rate และ Fixed Installment พวกนี้ภาระหนี้ไม่ได้ลด ในแง่ที่ต้องจ่ายรายเดือน เพราะฉะนั้น จะไปคาดหวังให้ดอกเบี้ยลงปุ๊ปและภาระหนี้ทุกคนลด ก็ไม่ใช่

    ‘เรื่องของ Fed มันไม่ใช่ว่า Fed ลดแล้วเราต้องลด แต่การที่ Fed ลด อย่างที่บอก มันก็กระทบปัจจัยหลายอย่าง กระทบเรื่องของภาพรวมอะไรต่างๆ กระทบตัวแปรต่างๆ ที่เราต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย’

    ผู้ว่าฯ อธิบายอีกว่า เราไม่เหมือนประเทศที่ fix ค่าเงิน เช่น ฮ่องกง หรือตะวันออกกลาง ที่ fix ค่าเงินกับดอลลาร์ เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย เขาก็ต้องลดดอกเบี้ยไปโดยปริยาย แต่ของเราไม่ใช่แบบนั้น

    [ เงินไหลออกน้อยกว่าปีก่อน ]

    ส่วนผลกระทบต่อค่าเงินบาท แน่นอนว่าแบงก์ชาติไม่ได้อยากเห็นค่าเงินที่ผันผวนขนาดนี้ และค่าความผันผวน (Volatility) ของเราก็สูง และการแข็งค่า โดยเฉพาะช่วงหลัง ก็เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว

    ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) บาทแข็งค่าไป 2.4% แต่ก็ยังมีประเทศที่แข็งค่ามากกว่าเรา เช่น มาเลเซีย ที่ช่วงหลังแข็งค่าค่อนข้างเยอะ

    สำหรับการประเมิน แบงก์ชาติจะดูว่าที่มาของการแข็งค่าคืออะไร 1. ถ้ามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหรือเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเคสนี้มาจากเรื่องดอลลาร์อ่อนค่าและ Fed ลดดอกเบี้ย ก็เป็นการปรับตามกลไกตลาด

    แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ 2. การเคลื่อนไหวที่เร็วและไม่ได้มาจากปัจจัยเชิงพื้นฐาน เช่น กระแสเงินที่มาจากการเก็งกำไร (Speculated Flow) หรือเงินร้อน (Hot Money) ซึ่งเข้ามาเก็งกำไรและทำให้ความผันผวนเกิดขึ้น โดยที่ไม่สะท้อนเรื่องของพื้นฐาน อันนี้แบงก์ชาติจะ sensitive กว่า

    ซึ่งภาพรวมของเงินทุนในช่วงหลัง การไหลออกน้อยกว่าปีที่แล้วเยอะ (ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น) โดยปีก่อน (2566) เงินทุนไหลออก 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท)

    ส่วนปีนี้ (2567) YTD อยู่ที่ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.2 หมื่นล้านบาท) ช่วงหลังเห็นการไหลเข้าค่อนข้างเยอะ จากปัจจัยของโลกและปัจจัยแวดล้อมของเรา เช่น ความชัดเจนด้านการเมือง

    ที่มา https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/news-and-media/speeches/speechgov_20sep2024.pdf
    ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/_z66w8oG260?si=v16T3b9bMjKajLvF

    #Thaitimes
    20 กันยายน 2567 -Highlight จากงาน BOT Symposium 2024 | หนี้: The Economics of Balancing Today and Tomorrow ช่วงหนึ่ง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติบอกว่า ธปท.ไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยตาม Fed โดยย้ำว่า นโยบายการเงินในประเทศ ยังอิงอยู่กับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก รายงานจากเพจ Today Biznews เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย ว่า Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% หรือ 50 เบสิสพอยท์ (bps) สำหรับ Fed ถือว่าไม่น้อย แต่ในแง่ผลกระทบ มองว่า ตลาดรับรู้ไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์อ่อนค่า ค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทแข็งค่า สะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง ส่วนช่องทางที่กระทบเศรษฐกิจไทย หลักๆ คือ กระทบตลาดเงินและค่าเงิน ในแง่ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็มีบ้าง แต่โดยรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะเราเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งระบบแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ช่องที่เห็นที่กระทบเยอะคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ อีกอย่างที่ซ้ำเติมคือราคาทองคำที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ส่วนหนึ่งก็มาจากดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งค่าเงินไทยมีความสัมพันธ์ (Correlation) กับทองค่อนข้างสูง สูงกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ส่วนผลในแง่เศรษฐกิจหลัง Fed ลดดอกเบี้ย สะท้อนว่า Fed ให้ความสำคัญกับ Soft Landing หรือให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เทียบกับความเป็นห่วงในด้านเงินเฟ้อ ซึ่งในแง่เศรษฐกิจ อาจจะทำให้ไทยสบายใจขึ้นได้หน่อยว่า โอกาส Soft Landing ในสหรัฐจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ‘นี่ (การลดดอกเบี้ยของ Fed) ก็เหมือนการซื้อประกัน Make Sure ว่าโอกาสเกิด Hard Landing ให้มันน้อยๆ’ [ นโยบายอิงกับปัจจัยในประเทศ ] ส่วนผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเรา ผู้ว่าฯ บอกว่า นโยบายการเงินของไทย เน้นเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก (ที่แบงก์ชาติบอกอยู่เสมอ) คือ 1. เศรษฐกิจ: การเติบโตว่าจะเข้าสู่ศักยภาพหรือไม่ 2. เงินเฟ้อ: เงินเฟ้อของเราจะเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อหรือไม่ 3. เสถียรภาพทางด้านการเงิน: ซึ่งช่วงหลังให้ความสำคัญ ทั้ง 3 ปัจจัย ไม่ได้เห็นอะไรที่จะทำให้ภาพการประเมินแตกต่างจากที่มองเอาไว้ ทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ มีแต่เสถียรภาพทางด้านการเงิน เริ่มเห็นความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) เพิ่มสูงขึ้นเยอะ แต่ก็ต้องคำนึงถึงภาพรวม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตอนที่ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกเตรียมปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งจะกระทบภาพรวม และมีนัยต่อประเด็นข้างต้น ทำให้ต้องคำนึงถึง ‘การที่เราย้ำว่า เรา Outlook Dependent เป็นการตัดสินใจ หรือกรอบความคิดที่เหมาะสมแล้ว และถูกต้อง เพราะเราเห็นแล้วว่าที่อื่นที่เน้น Data Dependent มันสร้าง noise ต่อตลาดเยอะ’ ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ณ ตอนนี้ยังประชุมตามเดิม (รอบหน้า 16 ต.ค. 2567) ถ้าต้องมีการประชุมเพิ่มเติมพิเศษก็มีได้ [ ดอกเบี้ยลด หนี้ไม่ลด ] เมื่อถามถึงความคาดหวังให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อลดหนี้ครัวเรือน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ อธิบายว่า สำหรับตัวบน (หนี้) มี 2 ส่วน คือ ผลต่อหนี้เก่า ซึ่งถ้าลดดอกเบี้ย จะทำให้ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายบนหนี้เก่าลดลง ส่วนหนี้ใหม่ คำถามคือ ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วทำให้สินเชื่อโตเร็วขึ้น ตัวหนี้โดยรวมมันก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งการดูตรงนี้ต้องชั่งน้ำหนักทั้ง 2 ส่วน แต่ยังไงแบงก์ชาติก็ไม่ได้อยากเห็นตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีโตพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะในแง่ของเสถียรภาพมันคงไม่เหมาะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะให้มันลงเร็ว ลงแรง จนเกินไป เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจ ต้องบอกว่า ภาระหนี้เป็นอะไรที่แบงก์ชาติเป็นห่วง เพราะมีสัดส่วนครัวเรือนไม่น้อยที่มีปัญหาหนี้ แต่อยากฝากไว้ว่า การลดดอกเบี้ย ผลที่ส่งต่อภาระหนี้มันก็ไม่ได้เต็มที่ หนี้ของเราสัดส่วนไม่น้อยไม่ได้เป็นหนี้ Floating แต่เป็น Fixed Rate และ Fixed Installment พวกนี้ภาระหนี้ไม่ได้ลด ในแง่ที่ต้องจ่ายรายเดือน เพราะฉะนั้น จะไปคาดหวังให้ดอกเบี้ยลงปุ๊ปและภาระหนี้ทุกคนลด ก็ไม่ใช่ ‘เรื่องของ Fed มันไม่ใช่ว่า Fed ลดแล้วเราต้องลด แต่การที่ Fed ลด อย่างที่บอก มันก็กระทบปัจจัยหลายอย่าง กระทบเรื่องของภาพรวมอะไรต่างๆ กระทบตัวแปรต่างๆ ที่เราต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย’ ผู้ว่าฯ อธิบายอีกว่า เราไม่เหมือนประเทศที่ fix ค่าเงิน เช่น ฮ่องกง หรือตะวันออกกลาง ที่ fix ค่าเงินกับดอลลาร์ เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย เขาก็ต้องลดดอกเบี้ยไปโดยปริยาย แต่ของเราไม่ใช่แบบนั้น [ เงินไหลออกน้อยกว่าปีก่อน ] ส่วนผลกระทบต่อค่าเงินบาท แน่นอนว่าแบงก์ชาติไม่ได้อยากเห็นค่าเงินที่ผันผวนขนาดนี้ และค่าความผันผวน (Volatility) ของเราก็สูง และการแข็งค่า โดยเฉพาะช่วงหลัง ก็เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) บาทแข็งค่าไป 2.4% แต่ก็ยังมีประเทศที่แข็งค่ามากกว่าเรา เช่น มาเลเซีย ที่ช่วงหลังแข็งค่าค่อนข้างเยอะ สำหรับการประเมิน แบงก์ชาติจะดูว่าที่มาของการแข็งค่าคืออะไร 1. ถ้ามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหรือเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเคสนี้มาจากเรื่องดอลลาร์อ่อนค่าและ Fed ลดดอกเบี้ย ก็เป็นการปรับตามกลไกตลาด แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ 2. การเคลื่อนไหวที่เร็วและไม่ได้มาจากปัจจัยเชิงพื้นฐาน เช่น กระแสเงินที่มาจากการเก็งกำไร (Speculated Flow) หรือเงินร้อน (Hot Money) ซึ่งเข้ามาเก็งกำไรและทำให้ความผันผวนเกิดขึ้น โดยที่ไม่สะท้อนเรื่องของพื้นฐาน อันนี้แบงก์ชาติจะ sensitive กว่า ซึ่งภาพรวมของเงินทุนในช่วงหลัง การไหลออกน้อยกว่าปีที่แล้วเยอะ (ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น) โดยปีก่อน (2566) เงินทุนไหลออก 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท) ส่วนปีนี้ (2567) YTD อยู่ที่ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.2 หมื่นล้านบาท) ช่วงหลังเห็นการไหลเข้าค่อนข้างเยอะ จากปัจจัยของโลกและปัจจัยแวดล้อมของเรา เช่น ความชัดเจนด้านการเมือง ที่มา https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/news-and-media/speeches/speechgov_20sep2024.pdf ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/_z66w8oG260?si=v16T3b9bMjKajLvF #Thaitimes
    Like
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1888 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน

    ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้

    พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก

    “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน”

    ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร

    เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป
    ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี

    นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้

    ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

    นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน

    #Thaitimes
    ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้ พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน” ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1965 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥ตอนนี้ธนาคารกลางของหลายๆประเทศ
    เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามธนาคารกลาง
    สหรัฐ หรือ เฟด เช่น อินโดนีเซีย, ฮ่องกง
    หลายๆประเทศในตะวันออกกลาง
    จุดประสงค์หลัก คือ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ

    🚩แอดมินเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
    ก็คงกำลังพิจารณาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
    นโยบายลงเช่นเดียวกัน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
    #thaitimes
    💥ตอนนี้ธนาคารกลางของหลายๆประเทศ เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามธนาคารกลาง สหรัฐ หรือ เฟด เช่น อินโดนีเซีย, ฮ่องกง หลายๆประเทศในตะวันออกกลาง จุดประสงค์หลัก คือ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ 🚩แอดมินเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็คงกำลังพิจารณาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายลงเช่นเดียวกัน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราดอกเบี้ยนโยบาย #thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย

    17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021

    กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China

    PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม

    "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก

    สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC

    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน
    PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“

    PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก
    PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง

    “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป

    PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก

    Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC”
    ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน

    กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande

    กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda

    PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม

    PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC

    ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้

    #Thaitimes
    ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย 17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021 กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“ PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC” ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1203 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ้นแล้ว! " ฉีเส้าเฉียง" (徐少强)ดารานักแสดงเจ้าบทบาท“ฮุนโปยเฮี้ยง”หนังซีรีส์ละครกำลังภายในที่โด่งดังยุค80 เรื่องกระบี่ไร้เทียมทาน( Reincarnated ) เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในหลอดอาหาร สิริอายุ73ปี

    15 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสื่อฮ่องกงอย่าง HK01 และ 东网今日 ระบุว่า เถียนฉีเหวิน-田启文 ผู้อำนวยการสร้างและเพื่อนของ สวีเส้าเฉียง ยืนยันถึงการเสียชีวิตของฉีเส้าเฉียงจริงจากโรคมะเร็งหลอดอาหารขณะอยู่ที่ปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้

    สวีเส้าเฉียง ดารานักแสดงขวัญใจที่แฟนๆหนังจีนทั้งประเทศไทยและจีนในยุค 1970-1980 ที่ประทับใจและ เคยมาแสดงหนังไทยเรื่องเพชรตัดหยก(2525) คู่กับสรพงศ์ ชาตรี

    https://youtu.be/rKtspK3dsWg?si=Ubt1awvSl5NFOlti

    #Thaitimes
    สิ้นแล้ว! " ฉีเส้าเฉียง" (徐少强)ดารานักแสดงเจ้าบทบาท“ฮุนโปยเฮี้ยง”หนังซีรีส์ละครกำลังภายในที่โด่งดังยุค80 เรื่องกระบี่ไร้เทียมทาน( Reincarnated ) เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในหลอดอาหาร สิริอายุ73ปี 15 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสื่อฮ่องกงอย่าง HK01 และ 东网今日 ระบุว่า เถียนฉีเหวิน-田启文 ผู้อำนวยการสร้างและเพื่อนของ สวีเส้าเฉียง ยืนยันถึงการเสียชีวิตของฉีเส้าเฉียงจริงจากโรคมะเร็งหลอดอาหารขณะอยู่ที่ปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้ สวีเส้าเฉียง ดารานักแสดงขวัญใจที่แฟนๆหนังจีนทั้งประเทศไทยและจีนในยุค 1970-1980 ที่ประทับใจและ เคยมาแสดงหนังไทยเรื่องเพชรตัดหยก(2525) คู่กับสรพงศ์ ชาตรี https://youtu.be/rKtspK3dsWg?si=Ubt1awvSl5NFOlti #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • จองแล้ว 2 ล้านเครื่อง! Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนพับ 3 เสียงตอบรับทะลุเป้า ในเวลาไม่ถึง 24ชม.
    .
    พรุ่งนี้ (10 ก.ย.) หัวเว่ยจะทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบบพับสามทบรุ่นแรกของบริษัท ซึ่งก็คือ Mate XT ULTIMATE DESIGN หลังจากเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา หัวเว่ยเพิ่งเปิดตัววีดิโอทีเซอร์ที่นำแสดงโดย หลิว เต๋อหัว นักแสดงและนักร้องชาวฮ่องกงชื่อดัง ทั้งยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สำหรับแบรนด์ Ultimate Design ของหัวเว่ย
    .
    จากข้อมูลบนเว็บไซต์ V Mall ของหัวเว่ย ที่เปิดให้จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Mate XT จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีแดงเลือดหมู นอกจากนี้ยังมีให้เลือก 2 ความจุคือ 512GB (RAM 16GB) และ 1TB (RAM 16GB) อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยังไม่ได้เปิดเผยราคาขายปลีกอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าอาจมีราคาสูงถึง 14,900 หยวน (ประมาณ 71,000 บาท) โดยเปิดให้จองซื้อได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา (โดยเปิดให้จองเป็นเวลา 12 วันถึง วันที่ 19 กันยายน 2567)
    .
    ทั้งนี้ จากรายงานของสื่อจีนพบว่า ยอดจองซื้อโทรศัพท์รุ่น HUAWEI Mate XT ULTIMATE DESIGN ในเว็บไซต์ V Mall นั้นพุ่งทะลุ 1.3 ล้านเครื่องภายในระยะเวลาเพียง 7 ชั่วโมง และทะลุ 2 ล้านเครื่อง ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง
    .
    ขณะที่จากการตรวจสอบล่าสุดเวลา 09.30น. ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. พบว่า ยอดจอง HUAWEI Mate XT ULTIMATE DESIGN นั้นอยู่ที่ 2.68 ล้านเครื่องแล้ว
    จองแล้ว 2 ล้านเครื่อง! Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนพับ 3 เสียงตอบรับทะลุเป้า ในเวลาไม่ถึง 24ชม. . พรุ่งนี้ (10 ก.ย.) หัวเว่ยจะทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบบพับสามทบรุ่นแรกของบริษัท ซึ่งก็คือ Mate XT ULTIMATE DESIGN หลังจากเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา หัวเว่ยเพิ่งเปิดตัววีดิโอทีเซอร์ที่นำแสดงโดย หลิว เต๋อหัว นักแสดงและนักร้องชาวฮ่องกงชื่อดัง ทั้งยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สำหรับแบรนด์ Ultimate Design ของหัวเว่ย . จากข้อมูลบนเว็บไซต์ V Mall ของหัวเว่ย ที่เปิดให้จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Mate XT จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีแดงเลือดหมู นอกจากนี้ยังมีให้เลือก 2 ความจุคือ 512GB (RAM 16GB) และ 1TB (RAM 16GB) อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยังไม่ได้เปิดเผยราคาขายปลีกอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าอาจมีราคาสูงถึง 14,900 หยวน (ประมาณ 71,000 บาท) โดยเปิดให้จองซื้อได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา (โดยเปิดให้จองเป็นเวลา 12 วันถึง วันที่ 19 กันยายน 2567) . ทั้งนี้ จากรายงานของสื่อจีนพบว่า ยอดจองซื้อโทรศัพท์รุ่น HUAWEI Mate XT ULTIMATE DESIGN ในเว็บไซต์ V Mall นั้นพุ่งทะลุ 1.3 ล้านเครื่องภายในระยะเวลาเพียง 7 ชั่วโมง และทะลุ 2 ล้านเครื่อง ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง . ขณะที่จากการตรวจสอบล่าสุดเวลา 09.30น. ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. พบว่า ยอดจอง HUAWEI Mate XT ULTIMATE DESIGN นั้นอยู่ที่ 2.68 ล้านเครื่องแล้ว
    Like
    Love
    Wow
    7
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei รุกแล้ว! ปล่อยทีเซอร์ "สมาร์ทโฟนพับ 3 ทบ" ใช้ "หลิว เต๋อหัว" เป็นพรีเซนเตอร์
    .
    วันนี้ (5 ก.ย.) บัญชีเวยป๋อ หัวเว่ยจงตวน (华为终端) ของบริษัทหัวเว่ย บริษัทไอทีชั้นนำของจีนได้เผยแพร่คลิปวีดิโอประชาสัมพันธ์ สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของบริษัทคือ Huawei Mate XT | Ultimate design ความยาว 39 วินาที โดยใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราฮ่องกงชื่อก้องอย่าง หลิว เต๋อหัว หรือ แอนดี้ เลา
    .
    ทั้งนี้ ดีไซน์ฝาหลังของ Huawei Mate XT | Ultimate design นั้นแสดงให้เห็นโมดูลกล้องแบบ 8 เหลี่ยม โดยเมื่อตอนกางออกจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการกางออกแบบ 3 ทบ (Tri-fold) โดยถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ๆ ที่มีดีไซน์แบบ 3 ทบ
    .
    สำหรับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN นั้นมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 10 กันยายน 2567 ในเวลา 14:30น. ตามเวลาในประเทศจีน (13:30น. ตามเวลาในไทย) หลังจากแอปเปิลจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่คือ iPhone 16
    .
    华为终端 HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN >> https://weibo.com/1839167003/5075168815483932#repost
    Huawei รุกแล้ว! ปล่อยทีเซอร์ "สมาร์ทโฟนพับ 3 ทบ" ใช้ "หลิว เต๋อหัว" เป็นพรีเซนเตอร์ . วันนี้ (5 ก.ย.) บัญชีเวยป๋อ หัวเว่ยจงตวน (华为终端) ของบริษัทหัวเว่ย บริษัทไอทีชั้นนำของจีนได้เผยแพร่คลิปวีดิโอประชาสัมพันธ์ สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของบริษัทคือ Huawei Mate XT | Ultimate design ความยาว 39 วินาที โดยใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราฮ่องกงชื่อก้องอย่าง หลิว เต๋อหัว หรือ แอนดี้ เลา . ทั้งนี้ ดีไซน์ฝาหลังของ Huawei Mate XT | Ultimate design นั้นแสดงให้เห็นโมดูลกล้องแบบ 8 เหลี่ยม โดยเมื่อตอนกางออกจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการกางออกแบบ 3 ทบ (Tri-fold) โดยถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ๆ ที่มีดีไซน์แบบ 3 ทบ . สำหรับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN นั้นมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 10 กันยายน 2567 ในเวลา 14:30น. ตามเวลาในประเทศจีน (13:30น. ตามเวลาในไทย) หลังจากแอปเปิลจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่คือ iPhone 16 . 华为终端 HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN >> https://weibo.com/1839167003/5075168815483932#repost
    Like
    Love
    Wow
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cathay Pacific Airways สายการบินแห่งชาติของฮ่องกง ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 48 เที่ยวบินหลังจากตรวจพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 ขัดข้อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้กับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั่วโลก ส่งผลให้ราคาหุ้น Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษร่วงลงอย่างรวดเร็ว

    2 กันยายน 2567-รายงานข่าวSouth China Morning Post ระบุว่า เมื่อเช้าวันนี้ สายการบินคาเธ่ย์แถลงว่าได้ตรวจพบปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินรุ่น A350 หลังจากที่เครื่องบินคาเธ่ย์แปซิฟิค CX383 ถูกบังคับให้บินกลับฮ่องกงระหว่างเดินทางไปเมืองซูริกในช่วงเช้าของวันเดียวกัน

    สายการบินCathay ไม่ได้อธิบายชิ้นส่วนเครื่องยนต์อย่างละเอียด แต่ระบุว่าเป็นเครื่องบินประเภทเดียวกันลำแรกที่ประสบปัญหาขัดข้องเช่นนี้ในเครื่องบิน A350 ทั่วโลก

    “จนถึงขณะนี้ เราพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์เดียวกันหลายชิ้นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว เราได้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่แล้ว และงานซ่อมแซมกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ” Cathay กล่าว

    ตามข้อมูลของ Flightradar24 เครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางคือ A350-1000 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหญ่กว่าจากสองรุ่นของ A350 สองเครื่องยนต์ โดยเครื่องบินเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ท XWB-97 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เจ็ทที่ใหญ่ที่สุดของ Rolls

    ตามข้อมูลเดียวกันระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้รับการส่งมอบในเดือนมกราคม 2019

    ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าเครื่องยนต์ Rolls-Royce XWB-97 ที่ได้รับผลกระทบถูกติดตั้งบนเครื่องบินลำดังกล่าวเมื่อใด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสายการบินและผู้ผลิตเครื่องยนต์มักจะสลับเครื่องยนต์กันเพื่อให้ตรงกับตารางการซ่อมบำรุง

    สายการบินดังกล่าวกล่าวว่ากำลังประสานงานกับกรมการบินพลเรือนฮ่องกงและผู้ผลิตเครื่องบินเจ็ทและเครื่องยนต์

    Cathay ให้บริการเครื่องบินแบบผสมระหว่าง Boeing (BA.N) และ Airbus (AIR.PA) และมีเครื่องบินที่สั่งซื้ออยู่ประมาณ 100 ลำในปัจจุบัน รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า เครื่องบินลำตัวแคบ และเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยมีสิทธิ์ในการซื้ออีก 80 ลำ

    โฆษกของแอร์บัสได้ส่งคำถามไปยังสายการบินและบริษัทผลิตเครื่องยนต์ Rolls-Royce (RR.L) ซึ่งยังไม่ได้คำตอบหรือแสดงความคิดเห็นในทันที

    สำหรับหุ้นของบริษัทโรลรอยซ์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์รายเดียวให้กับเครื่องบินเจ็ตระยะไกล A350 ร่วงลงมากถึง 8.8% หลังจากที่ Cathay รายงานว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ขัดข้อง

    ที่มา :
    https://www.scmp.com/news/hong-kong/transport/article/3276914/hong-kongs-cathay-axes-48-flights-after-engine-component-failure-a350-aircraft?share=KSrpe0%2BwhkX%2FkLzmGSDqLCjs9%2B5Myrw7GDrN8zbywoq5tv%2FU2nx9XF7eCV0mOfb79ou9qXLTnxOebaa%2FihAStP0r5VUXu%2FwXzBSthYHvBeI%3D&utm_campaign=social_share

    #Thaitimes
    Cathay Pacific Airways สายการบินแห่งชาติของฮ่องกง ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 48 เที่ยวบินหลังจากตรวจพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 ขัดข้อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้กับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั่วโลก ส่งผลให้ราคาหุ้น Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษร่วงลงอย่างรวดเร็ว 2 กันยายน 2567-รายงานข่าวSouth China Morning Post ระบุว่า เมื่อเช้าวันนี้ สายการบินคาเธ่ย์แถลงว่าได้ตรวจพบปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินรุ่น A350 หลังจากที่เครื่องบินคาเธ่ย์แปซิฟิค CX383 ถูกบังคับให้บินกลับฮ่องกงระหว่างเดินทางไปเมืองซูริกในช่วงเช้าของวันเดียวกัน สายการบินCathay ไม่ได้อธิบายชิ้นส่วนเครื่องยนต์อย่างละเอียด แต่ระบุว่าเป็นเครื่องบินประเภทเดียวกันลำแรกที่ประสบปัญหาขัดข้องเช่นนี้ในเครื่องบิน A350 ทั่วโลก “จนถึงขณะนี้ เราพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์เดียวกันหลายชิ้นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว เราได้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่แล้ว และงานซ่อมแซมกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ” Cathay กล่าว ตามข้อมูลของ Flightradar24 เครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางคือ A350-1000 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหญ่กว่าจากสองรุ่นของ A350 สองเครื่องยนต์ โดยเครื่องบินเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ท XWB-97 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เจ็ทที่ใหญ่ที่สุดของ Rolls ตามข้อมูลเดียวกันระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้รับการส่งมอบในเดือนมกราคม 2019 ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าเครื่องยนต์ Rolls-Royce XWB-97 ที่ได้รับผลกระทบถูกติดตั้งบนเครื่องบินลำดังกล่าวเมื่อใด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสายการบินและผู้ผลิตเครื่องยนต์มักจะสลับเครื่องยนต์กันเพื่อให้ตรงกับตารางการซ่อมบำรุง สายการบินดังกล่าวกล่าวว่ากำลังประสานงานกับกรมการบินพลเรือนฮ่องกงและผู้ผลิตเครื่องบินเจ็ทและเครื่องยนต์ Cathay ให้บริการเครื่องบินแบบผสมระหว่าง Boeing (BA.N) และ Airbus (AIR.PA) และมีเครื่องบินที่สั่งซื้ออยู่ประมาณ 100 ลำในปัจจุบัน รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า เครื่องบินลำตัวแคบ และเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยมีสิทธิ์ในการซื้ออีก 80 ลำ โฆษกของแอร์บัสได้ส่งคำถามไปยังสายการบินและบริษัทผลิตเครื่องยนต์ Rolls-Royce (RR.L) ซึ่งยังไม่ได้คำตอบหรือแสดงความคิดเห็นในทันที สำหรับหุ้นของบริษัทโรลรอยซ์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์รายเดียวให้กับเครื่องบินเจ็ตระยะไกล A350 ร่วงลงมากถึง 8.8% หลังจากที่ Cathay รายงานว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ขัดข้อง ที่มา : https://www.scmp.com/news/hong-kong/transport/article/3276914/hong-kongs-cathay-axes-48-flights-after-engine-component-failure-a350-aircraft?share=KSrpe0%2BwhkX%2FkLzmGSDqLCjs9%2B5Myrw7GDrN8zbywoq5tv%2FU2nx9XF7eCV0mOfb79ou9qXLTnxOebaa%2FihAStP0r5VUXu%2FwXzBSthYHvBeI%3D&utm_campaign=social_share #Thaitimes
    WWW.SCMP.COM
    Hong Kong’s Cathay axes 48 flights, grounds A350 fleet due to engine problem
    ‘This component was the first of its type to suffer such failure on any A350 aircraft worldwide,’ it says.
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์"

    การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่

    เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส.

    แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี

    แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้

    นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้

    ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี

    "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน"

    นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง

    ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น

    อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง

    "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม"

    "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม"

    นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่

    "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน"

    "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย"

    เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน

    "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน"

    เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า

    #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์" การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่ เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้ นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน" นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม" "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม" นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน" "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย" เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน" เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1210 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราชินี ทรงฝึกซ้อมกีฬาเรือใบ
    เพื่อทรงร่วมแข่งขันเรือรายการ TP 52 Super Series 2024
    เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 67 เวลา 13.09 น. ตามเวลาที่ราชอาณาจักรสเปน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือ Puerto Portals เกาะมายอร์กา เพื่อทรงฝึกซ้อมกีฬาเรือใบ ร่วมกับทีมวายุ ในโอกาสที่จะทรงร่วมการแข่งขันเรือใบรายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week หรือ TP 52 Super Series 2024 ณ เมือง Puerto Portals ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง วันที่ 1 กันยายน 2567
    การฝึกซ้อมวันนี้ เน้นเรื่องการประเมินแรงลม และแรงต้านของลม เพื่อให้ได้ตำแหน่งของลมที่ถูกต้องเหมาะสมตามเส้นทางการแข่งขัน และกำหนดตำแหน่งที่ถูกต้องของสมาชิก ทั้ง 15 คนบนเรือใบ โดยใช้เรือใบTP 52 หมายเลข THA27 ในการฝึกซ้อม และเป็นเรือที่จะใช้แข่งขันจริงในระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 1 กันยายนนี้
    โดยการแข่งขันครั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะทรงลงแข่งขันในตำแหน่ง Strategist ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ต้องใช้ทักษะพิเศษในการวางแผนและความเชี่ยวชาญในการกำหนดทิศทางลม เพื่อให้ปรับใบเรือได้ตรงกับตำแหน่งลม ซึ่งจะส่งผลให้เรือแล่นไปในทิศทางที่ต้องการ และถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด
    สำหรับการแข่งขันเรือใบรายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week ณ เมือง Puerto Portals หรือ TP 52 Super Series 2024 เป็นสนามที่ 4 จากทั้งหมด 5 สนาม อันเป็นการแข่งขันระดับเอลิทของกีฬาเรือใบที่มีคนติดตามจํานวนมากและมีผู้เข้าแข่งขันที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมแข่งขัน โดยในปีนี้มีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 13 ทีมจาก 9 ประเทศ อาทิ อาทิ สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สหรัฐอเมริกาสาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐตุรกี สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และ ประเทศไทย

    #TP52SuperSeries2024
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    พระราชินี ทรงฝึกซ้อมกีฬาเรือใบ เพื่อทรงร่วมแข่งขันเรือรายการ TP 52 Super Series 2024 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 67 เวลา 13.09 น. ตามเวลาที่ราชอาณาจักรสเปน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือ Puerto Portals เกาะมายอร์กา เพื่อทรงฝึกซ้อมกีฬาเรือใบ ร่วมกับทีมวายุ ในโอกาสที่จะทรงร่วมการแข่งขันเรือใบรายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week หรือ TP 52 Super Series 2024 ณ เมือง Puerto Portals ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง วันที่ 1 กันยายน 2567 การฝึกซ้อมวันนี้ เน้นเรื่องการประเมินแรงลม และแรงต้านของลม เพื่อให้ได้ตำแหน่งของลมที่ถูกต้องเหมาะสมตามเส้นทางการแข่งขัน และกำหนดตำแหน่งที่ถูกต้องของสมาชิก ทั้ง 15 คนบนเรือใบ โดยใช้เรือใบTP 52 หมายเลข THA27 ในการฝึกซ้อม และเป็นเรือที่จะใช้แข่งขันจริงในระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 1 กันยายนนี้ โดยการแข่งขันครั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะทรงลงแข่งขันในตำแหน่ง Strategist ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ต้องใช้ทักษะพิเศษในการวางแผนและความเชี่ยวชาญในการกำหนดทิศทางลม เพื่อให้ปรับใบเรือได้ตรงกับตำแหน่งลม ซึ่งจะส่งผลให้เรือแล่นไปในทิศทางที่ต้องการ และถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด สำหรับการแข่งขันเรือใบรายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week ณ เมือง Puerto Portals หรือ TP 52 Super Series 2024 เป็นสนามที่ 4 จากทั้งหมด 5 สนาม อันเป็นการแข่งขันระดับเอลิทของกีฬาเรือใบที่มีคนติดตามจํานวนมากและมีผู้เข้าแข่งขันที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมแข่งขัน โดยในปีนี้มีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 13 ทีมจาก 9 ประเทศ อาทิ อาทิ สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สหรัฐอเมริกาสาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐตุรกี สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และ ประเทศไทย #TP52SuperSeries2024 #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชามตราไก่ไม่ใช่มรดกของไทย!
    .
    ชามตราไก่ หรือ จีกงหว่าน (鸡公碗)ปรากฏครั้งแรกในสมัยเฉิงฮวาของราชวงศ์หมิง ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ บรรดาเจ้าชายและขุนนางในสมัยนั้นนิยมใช้
    .
    ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและช่วงเริ่มต้นของสาธารณรัฐจีนตราชามไก่ส่วนใหญ่ถูกผลิตขึ้นในมณฑลเจียงซี อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ต้นทุนการผลิตสูงและไม่สามารถแข่งขันกับเครื่องลายครามจากต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าได้ ทำให้การผลิตก็หยุดไประยะหนึ่ง ต่อมาคนในแถบภูมิภาคแต้จิ๋ว-ซัวเถา ได้นำชามชนิดนี้มาผลิตต่อ ทำให้ชามตราไก่ก็ได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งยังมีการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และฮ่องกง
    .
    ภาพประกอบ >> ชามไก่ยุคราชวงศ์หมิง กลายเป็นประหนึ่งชามศักดิ์สิทธิ์หลังประมูลราคาได้สูงถึง 281.24 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 1,181 ล้านบาท) ในปี 2557
    ชามตราไก่ไม่ใช่มรดกของไทย! . ชามตราไก่ หรือ จีกงหว่าน (鸡公碗)ปรากฏครั้งแรกในสมัยเฉิงฮวาของราชวงศ์หมิง ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ บรรดาเจ้าชายและขุนนางในสมัยนั้นนิยมใช้ . ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและช่วงเริ่มต้นของสาธารณรัฐจีนตราชามไก่ส่วนใหญ่ถูกผลิตขึ้นในมณฑลเจียงซี อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ต้นทุนการผลิตสูงและไม่สามารถแข่งขันกับเครื่องลายครามจากต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าได้ ทำให้การผลิตก็หยุดไประยะหนึ่ง ต่อมาคนในแถบภูมิภาคแต้จิ๋ว-ซัวเถา ได้นำชามชนิดนี้มาผลิตต่อ ทำให้ชามตราไก่ก็ได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งยังมีการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และฮ่องกง . ภาพประกอบ >> ชามไก่ยุคราชวงศ์หมิง กลายเป็นประหนึ่งชามศักดิ์สิทธิ์หลังประมูลราคาได้สูงถึง 281.24 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 1,181 ล้านบาท) ในปี 2557
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานประกันภัยฮ่องกงสั่งปรับหนัก AIAถึง 23 ล้านเหรียญฮ่องกง มากเป็นประวัติการณ์ฐานละเลยกฎหมายปราบปรามการฟอกเงิน

    2 สิงหาคม 2567-รายงานสื่อบลูมเบิร์กระบุว่าAIA Group Ltd.ถูกสำนักงานประกันภัยฮ่องกงปรับเป็นเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 23 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการกำกับดูแลการฟอกเงิน ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของเมืองเพิ่มมาตรการตรวจสอบอุตสาหกรรมนี้ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

    สำนักงานประกันสังคมระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลเมื่อวันศุกร์ว่าการตรวจสอบในสถานที่โดยหน่วยงานกำกับดูแลพบ "ปัญหาทางเทคนิค" กับระบบป้องกันการฟอกเงินและอัลกอริทึมที่เกี่ยวข้องของ AIA การตรวจสอบดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2016 ถึงเดือนตุลาคม 2022

    ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-08-02/hk-hits-aia-with-record-fine-for-anti-money-laundering-lapses

    #Thaitimes
    สำนักงานประกันภัยฮ่องกงสั่งปรับหนัก AIAถึง 23 ล้านเหรียญฮ่องกง มากเป็นประวัติการณ์ฐานละเลยกฎหมายปราบปรามการฟอกเงิน 2 สิงหาคม 2567-รายงานสื่อบลูมเบิร์กระบุว่าAIA Group Ltd.ถูกสำนักงานประกันภัยฮ่องกงปรับเป็นเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 23 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการกำกับดูแลการฟอกเงิน ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของเมืองเพิ่มมาตรการตรวจสอบอุตสาหกรรมนี้ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น สำนักงานประกันสังคมระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลเมื่อวันศุกร์ว่าการตรวจสอบในสถานที่โดยหน่วยงานกำกับดูแลพบ "ปัญหาทางเทคนิค" กับระบบป้องกันการฟอกเงินและอัลกอริทึมที่เกี่ยวข้องของ AIA การตรวจสอบดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2016 ถึงเดือนตุลาคม 2022 ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-08-02/hk-hits-aia-with-record-fine-for-anti-money-laundering-lapses #Thaitimes
    WWW.BLOOMBERG.COM
    Hong Kong Hits AIA With Record Fine for Anti-Laundering Lapses
    AIA Group Ltd. was subject to a record fine of HK$23 million ($2.9 million) by the Insurance Authority for anti-money laundering oversight, as the city’s regulators steps up scrutiny of the industry.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่างกัน 20 เท่า! มูลค่าเงินอัดฉีดของนักกีฬาผู้ที่ได้ "เหรียญทอง" จากปารีสโอลิมปิก 2024 เปรียบเทียบระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ ฮ่องกง
    .
    • นักกีฬาสหรัฐฯ ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้จะได้ เงินรางวัล $37,500 หรือราว 1.34 ล้านบาท
    • นักกีฬาฮ่องกง ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้จะได้ เงินรางวัล $768,000 หรือราว 27.4 ล้านบาท
    .
    ในส่วนของประเทศไทยนั้น กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (NSDF) ประกาศว่าจะมอบเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาไทยที่ทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลในปารีสเกมส์ 2024 โดยหลักเกณฑ์ให้รางวัลแก่นักกีฬา, บุคลากร และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่าแห่งประเทศไทย ซึ่งข้อของการเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนระบุไว้ว่า หากนักกีฬาไทยสามารถคว้า
    .
    • เหรียญทอง จะได้รับเงินรางวัลอัดฉีด 12 ล้านบาท
    • เหรียญเงิน 7.2 ล้านบาท
    • เหรียญทองแดง 4.8 ล้านบาท
    ต่างกัน 20 เท่า! มูลค่าเงินอัดฉีดของนักกีฬาผู้ที่ได้ "เหรียญทอง" จากปารีสโอลิมปิก 2024 เปรียบเทียบระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ ฮ่องกง . • นักกีฬาสหรัฐฯ ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้จะได้ เงินรางวัล $37,500 หรือราว 1.34 ล้านบาท • นักกีฬาฮ่องกง ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้จะได้ เงินรางวัล $768,000 หรือราว 27.4 ล้านบาท . ในส่วนของประเทศไทยนั้น กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (NSDF) ประกาศว่าจะมอบเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาไทยที่ทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลในปารีสเกมส์ 2024 โดยหลักเกณฑ์ให้รางวัลแก่นักกีฬา, บุคลากร และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่าแห่งประเทศไทย ซึ่งข้อของการเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนระบุไว้ว่า หากนักกีฬาไทยสามารถคว้า . • เหรียญทอง จะได้รับเงินรางวัลอัดฉีด 12 ล้านบาท • เหรียญเงิน 7.2 ล้านบาท • เหรียญทองแดง 4.8 ล้านบาท
    Like
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัยชนะแท้จริงคือ ชนะใจตัวเองด้วยจิตวิญญาณนักสู้จากฮ่องกง ที่ไม่ยอมแพ้ พลิกกลับจากแต้มต่ำพลิกกลับมาครองเหรียญทองฟันดาบเหรียญแรกของฮ่องกงในโอลิมปิก PARIS 2024ด้วยน้ำตาแห่งความปิติท่วมท้น

    28 กรกฎาคม 2567 -รายงานข่าวSMCPระบุคำพูดของ วิเวียน กง ม่านไหว (Vivian Kong Man -wai )แชมป์เหรียญทองแรกกีฬาฟันดาบในโอลิมปิก2024 เกิดขึ้นเพราะ "จิตวิญญาณแห่งฮ่องกง" ทำให้เธอทำสำเร็จในศึกแข่งขันกีฬาฟันดาบ ณ เอกรองด์ ปาเลส์ โดยพลิกกลับมาจากการตามหลังถึง 6 แต้ม เอาชนะออเรียน มัลโล-เบรอตง (Auriane Mallo-Breton) ในรอบชิงชนะเลิศฟันดาบหญิง และคว้าเหรียญทองเหรียญแรกของฮ่องกงในโอลิมปิกที่ปารีสได้สำเร็จ

    วิเวียน กง ม่านไหว นักฟันดาบมือวางอันดับ 1 ของโลกซึ่งแข่งขันกับโอริอาน มัลโล-เบรตง นักฟันดาบมืออันดับ6ของโลก ต่อหน้าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง และฝูงชนจำนวนมาก การต่อสู้เปิดด้วยความพ่ายแพ้ของวิเวียนที่ถูกนำไป 7-1 แต้มขาดลอย แต่ด้วยสติและตั้งสมาธิแน่วแน่ โยนทิ้งความกังวลถึงชัยชนะทั้งหมดทิ้งไป นักฟันดาบสาวฮ่องกงวัย 30 ปีรายนี้สามารถต้านทานแรงกดดันมหาศาลค่อยๆไต่ไล่คะแนนเป็น 9-6 แล้วก็เป็น 10-8 และเป็น 10-9 และสามารถตีแต้มเสมอได้ 10-10

    ทั้งคู่เข้าสู่เกมดวลดาบกันอย่างดุเดือดด้วยคะแนน 12-12 แต่วิเวียนสามารถครองชัยชนะได้ในช่วงsudden death เพียงแต้มเดียวแต้มประวัติศาสตร์ ทำให้เธอประสบความสำเร็จได้เป็นแชมป์เหรียญทองฟันดาบประเภทเอเป้ โอลิมปิก2024 ถือเป็นคนที่3ในประว้ติศาสรร์ฮ่องกง น้ำตาแห่งชัยชนะไหลอาบใบหน้า

    "ฉันไม่อยากแพ้มากขนาดนั้น" กงกล่าวเมื่อถูกถามว่าเธอจัดการพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร "ฉันไม่อยากยอมแพ้โดยไม่แสดงจิตวิญญาณแห่งฮ่องกงออกมา

    “ด้วยสถิติ 7-1 ฉันบอกกับตัวเองว่าไม่อยากแพ้ด้วยคะแนนที่น่าอายขนาดนั้น ฉันจึงพยายามกลับมาให้ได้ทีละแต้ม"

    “ฉันรู้ว่ามันต่ำกว่ามาตรฐานของฉันมาก และฉันสามารถทำได้ดีกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ … และความสำเร็จก็เกิดขึ้น”
    ชัยชนะแท้จริงคือ ชนะใจตัวเองด้วยจิตวิญญาณนักสู้จากฮ่องกง ที่ไม่ยอมแพ้ พลิกกลับจากแต้มต่ำพลิกกลับมาครองเหรียญทองฟันดาบเหรียญแรกของฮ่องกงในโอลิมปิก PARIS 2024ด้วยน้ำตาแห่งความปิติท่วมท้น 28 กรกฎาคม 2567 -รายงานข่าวSMCPระบุคำพูดของ วิเวียน กง ม่านไหว (Vivian Kong Man -wai )แชมป์เหรียญทองแรกกีฬาฟันดาบในโอลิมปิก2024 เกิดขึ้นเพราะ "จิตวิญญาณแห่งฮ่องกง" ทำให้เธอทำสำเร็จในศึกแข่งขันกีฬาฟันดาบ ณ เอกรองด์ ปาเลส์ โดยพลิกกลับมาจากการตามหลังถึง 6 แต้ม เอาชนะออเรียน มัลโล-เบรอตง (Auriane Mallo-Breton) ในรอบชิงชนะเลิศฟันดาบหญิง และคว้าเหรียญทองเหรียญแรกของฮ่องกงในโอลิมปิกที่ปารีสได้สำเร็จ วิเวียน กง ม่านไหว นักฟันดาบมือวางอันดับ 1 ของโลกซึ่งแข่งขันกับโอริอาน มัลโล-เบรตง นักฟันดาบมืออันดับ6ของโลก ต่อหน้าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง และฝูงชนจำนวนมาก การต่อสู้เปิดด้วยความพ่ายแพ้ของวิเวียนที่ถูกนำไป 7-1 แต้มขาดลอย แต่ด้วยสติและตั้งสมาธิแน่วแน่ โยนทิ้งความกังวลถึงชัยชนะทั้งหมดทิ้งไป นักฟันดาบสาวฮ่องกงวัย 30 ปีรายนี้สามารถต้านทานแรงกดดันมหาศาลค่อยๆไต่ไล่คะแนนเป็น 9-6 แล้วก็เป็น 10-8 และเป็น 10-9 และสามารถตีแต้มเสมอได้ 10-10 ทั้งคู่เข้าสู่เกมดวลดาบกันอย่างดุเดือดด้วยคะแนน 12-12 แต่วิเวียนสามารถครองชัยชนะได้ในช่วงsudden death เพียงแต้มเดียวแต้มประวัติศาสตร์ ทำให้เธอประสบความสำเร็จได้เป็นแชมป์เหรียญทองฟันดาบประเภทเอเป้ โอลิมปิก2024 ถือเป็นคนที่3ในประว้ติศาสรร์ฮ่องกง น้ำตาแห่งชัยชนะไหลอาบใบหน้า "ฉันไม่อยากแพ้มากขนาดนั้น" กงกล่าวเมื่อถูกถามว่าเธอจัดการพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร "ฉันไม่อยากยอมแพ้โดยไม่แสดงจิตวิญญาณแห่งฮ่องกงออกมา “ด้วยสถิติ 7-1 ฉันบอกกับตัวเองว่าไม่อยากแพ้ด้วยคะแนนที่น่าอายขนาดนั้น ฉันจึงพยายามกลับมาให้ได้ทีละแต้ม" “ฉันรู้ว่ามันต่ำกว่ามาตรฐานของฉันมาก และฉันสามารถทำได้ดีกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ … และความสำเร็จก็เกิดขึ้น”
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจเชิญตัวสาวชาวจีนสอบปากคำ หลังพบเป็นผู้ว่าจ้างขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ แยกห้วยขวาง สารภาพรับงานจากบริษัทในฮ่องกง ค่าจ้าง 1.7 หมื่นบาท
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000062357

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจเชิญตัวสาวชาวจีนสอบปากคำ หลังพบเป็นผู้ว่าจ้างขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ แยกห้วยขวาง สารภาพรับงานจากบริษัทในฮ่องกง ค่าจ้าง 1.7 หมื่นบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000062357 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Sad
    Haha
    19
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่มของระบบ Microsoft Windows จีนไม่เดือดร้อนเพราะมีระบบคอมพิวเตอร์ตัวเองที่ "ปลอดภัยและควบคุมเอง" ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ตั้งแต่สายการบินไปจนถึงธนาคาร ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ

    20 กรกฏาคม 2567-รายงานจากสื่อเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 กรกฏาคม ไม่มีรายงานความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานในจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากโลกปั่นป่วนจากการล่มของไมโครซอฟต์ ขณะที่สนามบินหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ฮ่องกงไปจนถึงออสเตรเลีย ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการตามปกติ

    อย่างไรก็ตาม แต่พนักงานบริษัทต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยกับเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า สำนักงานของเธอเริ่มประสบกับปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องเมื่อบ่ายวันศุกร์ และเกือบทุกคนได้รับผลกระทบ หน้าจอแล็ปท็อปของพนักงานค้างอยู่บนหน้าจอสีฟ้าพร้อมข้อความ "กำลังกู้คืน" ดูเหมือนว่า Windows จะโหลดไม่ถูกต้อง”

    จากนั้นฝ่ายสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทก็สั่งให้ทุกคนปิดคอมพิวเตอร์ รอคำแนะนำเพิ่มเติม และใช้แอปมือถือสำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที งานบัญชีของพนักงานก็ล่าช้าเนื่องจากการหยุดทำงาน “รายงาน [ทางการเงิน] ของเดือนนี้จะล่าช้า” เจ้าหน้าที่กล่าว

    พนักงานจากบริษัทต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งรายงานว่าประสบปัญหาหน้าจอสีฟ้าเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. แม้ว่าพนักงานบางคนสามารถรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ได้ในภายหลัง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทได้ ซึ่งแสดงข้อผิดพลาด “502 Bad Gateway” บริษัทบอกกับพนักงานว่า “การสนับสนุนด้านไอทีทั่วโลกได้เปิดใช้งานการตอบสนองในระดับสูงสุดเพื่อแก้ไขปัญหา” ตามที่พนักงานรายดังกล่าวระบุ

    บน Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่มีลักษณะคล้ายอินสตาแกรม ผู้ใช้หลายคนบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการเช็คอินในเชนโรงแรมระดับนานาชาติ เช่น Sheraton, Marriott และ Hyatt ในเมืองต่างๆ ของจีน

    ขณะที่บริการสาธารณะของจีนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ เว็บไซต์ของจีนและช่องทางโซเชียลมีเดียของ Microsoft จึงไม่ออกประกาศฉุกเฉินใดๆ Microsoft ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นทันทีเมื่อวันศุกร์

    การที่ภูมิคุ้มกันของจีนต่อการล่มของไมโครซอฟต์ขัดข้อง แสดงให้เห็นว่าจีนลดการพึ่งพาผู้ให้บริการจากต่างประเทศ เช่น Microsoft และบริษัทแอนตี้ไวรัส CrowdStrike ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ออกแคมเปญทั่วทั้งหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อแทนที่ฮาร์ดแวร์และระบบจากต่างประเทศด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในประเทศจีน

    การล่มของไมโครซอฟต์มีสาเหตุมาจากการอัปเดตซอฟต์แวร์จาก CrowdStrike ยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ Windows ทั่วโลก George Kurtz ซีอีโอของ CrowdStrike ยืนยันเมื่อเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่าบริษัทของเขากำลังเร่งแก้ไขปัญหา

    แต่ในจีนมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการล่มของ Microsoft ในประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้มีความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของระบบคอมพิวเตอร์ที่ "ปลอดภัยและควบคุมได้" ตามที่พนักงานรัฐบาลจีนคนหนึ่งกล่าว

    ใน Weibo ชาวเน็ตชาวจีนแซวว่า Microsoft “ให้วันหยุดครึ่งวันแก่พวกเขา” ผู้แสดงความคิดเห็นคนหนึ่งกล่าวว่า “บริษัทของเราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่มีระบบ HarmonyOS ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมสนุกกับไมโครซอฟต์ของคุณได้”

    ที่มา :https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3271171/microsoft-outage-leaves-china-largely-untouched-tech-self-sufficiency-campaign-pays
    การล่มของระบบ Microsoft Windows จีนไม่เดือดร้อนเพราะมีระบบคอมพิวเตอร์ตัวเองที่ "ปลอดภัยและควบคุมเอง" ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ตั้งแต่สายการบินไปจนถึงธนาคาร ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ 20 กรกฏาคม 2567-รายงานจากสื่อเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 กรกฏาคม ไม่มีรายงานความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานในจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากโลกปั่นป่วนจากการล่มของไมโครซอฟต์ ขณะที่สนามบินหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ฮ่องกงไปจนถึงออสเตรเลีย ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการตามปกติ อย่างไรก็ตาม แต่พนักงานบริษัทต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยกับเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า สำนักงานของเธอเริ่มประสบกับปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องเมื่อบ่ายวันศุกร์ และเกือบทุกคนได้รับผลกระทบ หน้าจอแล็ปท็อปของพนักงานค้างอยู่บนหน้าจอสีฟ้าพร้อมข้อความ "กำลังกู้คืน" ดูเหมือนว่า Windows จะโหลดไม่ถูกต้อง” จากนั้นฝ่ายสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทก็สั่งให้ทุกคนปิดคอมพิวเตอร์ รอคำแนะนำเพิ่มเติม และใช้แอปมือถือสำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที งานบัญชีของพนักงานก็ล่าช้าเนื่องจากการหยุดทำงาน “รายงาน [ทางการเงิน] ของเดือนนี้จะล่าช้า” เจ้าหน้าที่กล่าว พนักงานจากบริษัทต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งรายงานว่าประสบปัญหาหน้าจอสีฟ้าเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. แม้ว่าพนักงานบางคนสามารถรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ได้ในภายหลัง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทได้ ซึ่งแสดงข้อผิดพลาด “502 Bad Gateway” บริษัทบอกกับพนักงานว่า “การสนับสนุนด้านไอทีทั่วโลกได้เปิดใช้งานการตอบสนองในระดับสูงสุดเพื่อแก้ไขปัญหา” ตามที่พนักงานรายดังกล่าวระบุ บน Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่มีลักษณะคล้ายอินสตาแกรม ผู้ใช้หลายคนบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการเช็คอินในเชนโรงแรมระดับนานาชาติ เช่น Sheraton, Marriott และ Hyatt ในเมืองต่างๆ ของจีน ขณะที่บริการสาธารณะของจีนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ เว็บไซต์ของจีนและช่องทางโซเชียลมีเดียของ Microsoft จึงไม่ออกประกาศฉุกเฉินใดๆ Microsoft ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นทันทีเมื่อวันศุกร์ การที่ภูมิคุ้มกันของจีนต่อการล่มของไมโครซอฟต์ขัดข้อง แสดงให้เห็นว่าจีนลดการพึ่งพาผู้ให้บริการจากต่างประเทศ เช่น Microsoft และบริษัทแอนตี้ไวรัส CrowdStrike ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ออกแคมเปญทั่วทั้งหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อแทนที่ฮาร์ดแวร์และระบบจากต่างประเทศด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในประเทศจีน การล่มของไมโครซอฟต์มีสาเหตุมาจากการอัปเดตซอฟต์แวร์จาก CrowdStrike ยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ Windows ทั่วโลก George Kurtz ซีอีโอของ CrowdStrike ยืนยันเมื่อเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่าบริษัทของเขากำลังเร่งแก้ไขปัญหา แต่ในจีนมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการล่มของ Microsoft ในประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้มีความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของระบบคอมพิวเตอร์ที่ "ปลอดภัยและควบคุมได้" ตามที่พนักงานรัฐบาลจีนคนหนึ่งกล่าว ใน Weibo ชาวเน็ตชาวจีนแซวว่า Microsoft “ให้วันหยุดครึ่งวันแก่พวกเขา” ผู้แสดงความคิดเห็นคนหนึ่งกล่าวว่า “บริษัทของเราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่มีระบบ HarmonyOS ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมสนุกกับไมโครซอฟต์ของคุณได้” ที่มา :https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3271171/microsoft-outage-leaves-china-largely-untouched-tech-self-sufficiency-campaign-pays
    WWW.SCMP.COM
    China escapes Microsoft outage, thanks to Beijing’s tech self-sufficiency drive
    The Microsoft Windows outage that affected foreign businesses and luxury hotels in China on Friday left the country’s key infrastructure unaffected.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • แตะเพื่อสแกน Widget ใหม่แบงก์กรุงเทพ

    ใครที่ใช้แอปพลิเคชัน Bangkok Bank โมบายล์แบงกิ้งธนาคารกรุงเทพ เวอร์ชันล่าสุด (Version 3.35.0) และชื่นชอบการสแกนจ่าย (Scan to Pay) ไม่ควรพลาดกับการสร้างวิดเจ็ต (Widget) บนหน้าจอมือถือ ที่ทำให้การสแกนจ่ายง่ายภายใน 3 วินาที

    วิดเจ็ตของ Bangkok Bank เหมือนเมนูลัดสำหรับสแกนจ่ายโดยเฉพาะ มีโลโก้ธนาคารกรุงเทพ พร้อมข้อความ "แตะเพื่อสแกน" โดยระบบ iOS ติดตั้งได้ทั้งหน้าจอหลัก หน้าจอล็อก และหน้าจอมุมมองวันนี้ ส่วน Android ติดตั้งได้เฉพาะหน้าจอหลัก

    เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เวลาจะใช้สแกนจ่าย สามารถกดที่ Widget แล้วระบบจะนำพาไปยังหน้าจอสแกนจ่ายได้เลย

    ถ้าต้องการสแกนจ่ายให้รวดเร็วขึ้นไปอีก สามารถตั้งค่าวงเงินควิกเพย์ ช่วยให้สามารถสแกนจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่ PIN เหมาะสำหรับคนทำธุรกรรมแบบเร่งรีบ โดยสามารถปรับวงเงินได้สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน

    เหตุผลที่ธนาคารกรุงเทพออกแบบมา เพราะลูกค้านิยมสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที กว่าจะเรียกแอปฯ ธนาคาร โหลดข้อมูล และกดทำรายการสแกน จึงได้ออกแบบมุ่งเน้นเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก

    ปัจจุบัน แอปฯ Bangkok Bank นอกจากสแกนจ่ายผ่าน PromptPay QR Code ในไทยแล้ว ยังสแกนจ่ายที่เมืองนอกได้ ผ่านบริการ Cross-Border Payment ที่เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง

    นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ VISA และ Mastercard ยังสามารถสแกนจ่ายผ่านบริการ “สแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเครดิต” เทียบเท่ากับการรูดบัตรเครดิต โดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง

    #Newskit #BangkokBank #โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ
    แตะเพื่อสแกน Widget ใหม่แบงก์กรุงเทพ ใครที่ใช้แอปพลิเคชัน Bangkok Bank โมบายล์แบงกิ้งธนาคารกรุงเทพ เวอร์ชันล่าสุด (Version 3.35.0) และชื่นชอบการสแกนจ่าย (Scan to Pay) ไม่ควรพลาดกับการสร้างวิดเจ็ต (Widget) บนหน้าจอมือถือ ที่ทำให้การสแกนจ่ายง่ายภายใน 3 วินาที วิดเจ็ตของ Bangkok Bank เหมือนเมนูลัดสำหรับสแกนจ่ายโดยเฉพาะ มีโลโก้ธนาคารกรุงเทพ พร้อมข้อความ "แตะเพื่อสแกน" โดยระบบ iOS ติดตั้งได้ทั้งหน้าจอหลัก หน้าจอล็อก และหน้าจอมุมมองวันนี้ ส่วน Android ติดตั้งได้เฉพาะหน้าจอหลัก เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เวลาจะใช้สแกนจ่าย สามารถกดที่ Widget แล้วระบบจะนำพาไปยังหน้าจอสแกนจ่ายได้เลย ถ้าต้องการสแกนจ่ายให้รวดเร็วขึ้นไปอีก สามารถตั้งค่าวงเงินควิกเพย์ ช่วยให้สามารถสแกนจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่ PIN เหมาะสำหรับคนทำธุรกรรมแบบเร่งรีบ โดยสามารถปรับวงเงินได้สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน เหตุผลที่ธนาคารกรุงเทพออกแบบมา เพราะลูกค้านิยมสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที กว่าจะเรียกแอปฯ ธนาคาร โหลดข้อมูล และกดทำรายการสแกน จึงได้ออกแบบมุ่งเน้นเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก ปัจจุบัน แอปฯ Bangkok Bank นอกจากสแกนจ่ายผ่าน PromptPay QR Code ในไทยแล้ว ยังสแกนจ่ายที่เมืองนอกได้ ผ่านบริการ Cross-Border Payment ที่เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ VISA และ Mastercard ยังสามารถสแกนจ่ายผ่านบริการ “สแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเครดิต” เทียบเท่ากับการรูดบัตรเครดิต โดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง #Newskit #BangkokBank #โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว