• “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก”

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย

    แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม

    กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้

    แผนของรัฐบาลอังกฤษ
    เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026
    ใช้เทคโนโลยี facial age estimation
    มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร
    เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    ความกังวลจากภาคประชาสังคม
    AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ
    เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด
    การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI
    ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก

    ตัวอย่างผลกระทบจริง
    Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง”
    ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย
    ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์

    ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย
    รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน
    มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย
    แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น
    กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    🧬 “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก” รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้ ✅ แผนของรัฐบาลอังกฤษ ➡️ เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026 ➡️ ใช้เทคโนโลยี facial age estimation ➡️ มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น ✅ ความกังวลจากภาคประชาสังคม ➡️ AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ ➡️ เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด ➡️ การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI ➡️ ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก ✅ ตัวอย่างผลกระทบจริง ➡️ Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง” ➡️ ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง ➡️ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย ➡️ ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์ ✅ ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย ➡️ รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน ➡️ มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย ➡️ แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น ➡️ กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UK use of AI age estimation tech on migrants fuels rights fears
    UK to use facial recognition tech to decide ages of lone child asylum seekers but critics say biases could rob many of safeguards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชมอีกครั้งคลิปเหตุการณ์หาดูยากย้อนรอยประวัติศาสตร์การลี้ภัยครั้งใหญ่ของชาวกัมพูชากว่าครึ่งล้านคน ที่ต้องหนีสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากยุคเขมรแดง (พ.ศ. 2518 และ 2522) เข้ามาอาศัยในค่ายอพยพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีรัฐบาลไทยและองค์กรโลกคอยให้ความช่วยเหลือดูแลถึง 7 ค่ายอพยพหลัก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เมื่อผู้ลี้ภัยบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ และมีกรณีพิพาทอ้างสิทธิ์ครอบครองและรุกล้ำที่ดินของคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของดั้งเดิมตามแนวชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098169

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ชมอีกครั้งคลิปเหตุการณ์หาดูยากย้อนรอยประวัติศาสตร์การลี้ภัยครั้งใหญ่ของชาวกัมพูชากว่าครึ่งล้านคน ที่ต้องหนีสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากยุคเขมรแดง (พ.ศ. 2518 และ 2522) เข้ามาอาศัยในค่ายอพยพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีรัฐบาลไทยและองค์กรโลกคอยให้ความช่วยเหลือดูแลถึง 7 ค่ายอพยพหลัก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เมื่อผู้ลี้ภัยบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ และมีกรณีพิพาทอ้างสิทธิ์ครอบครองและรุกล้ำที่ดินของคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของดั้งเดิมตามแนวชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098169 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาอพยพยึดหนองจาน หนองหญ้าแก้ว มีลุ้นคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมภาพยนตร์สารคดี หลังสวมบท 18 มงกุฎยึดแผ่นดินไทย สอบสันดานกันถึงรุ่นลูก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กัมพูชาอพยพยึดหนองจาน หนองหญ้าแก้ว มีลุ้นคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมภาพยนตร์สารคดี หลังสวมบท 18 มงกุฎยึดแผ่นดินไทย สอบสันดานกันถึงรุ่นลูก #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.กองกำลังบูรพา ร่วมผู้ว่าฯสระแก้ว ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้าน 4 อำเภอชายแดนไทย-กัมพูชา​ และเจ้าหน้าที่ร่วมซักซ้อมเสมือนจริงแผนอพยพประชาชนไปยังศูนย์​พักพิง สร้างความพร้อมและความเข้าใจรับมือสถานการณ์​ฉุกเฉิน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097587

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ผบ.กองกำลังบูรพา ร่วมผู้ว่าฯสระแก้ว ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้าน 4 อำเภอชายแดนไทย-กัมพูชา​ และเจ้าหน้าที่ร่วมซักซ้อมเสมือนจริงแผนอพยพประชาชนไปยังศูนย์​พักพิง สร้างความพร้อมและความเข้าใจรับมือสถานการณ์​ฉุกเฉิน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097587 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • กกล.บูรพา ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN จำนวน 3 ทุ่นใน 3 จุดของพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ด้านจังหวัด เตรียมซ้อมแผนอพยพประชาชนพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097414

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    กกล.บูรพา ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN จำนวน 3 ทุ่นใน 3 จุดของพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ด้านจังหวัด เตรียมซ้อมแผนอพยพประชาชนพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097414 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวัดสระแก้วประกาศซ้อมแผนอพยพประชาชนชายแดนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน วันอาทิตย์ที่ 12 ต.ค.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097410

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    จังหวัดสระแก้วประกาศซ้อมแผนอพยพประชาชนชายแดนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน วันอาทิตย์ที่ 12 ต.ค.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097410 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านแนวชายแดนหนองจาน -หนองหญ้าแก้ว ช่วยกันเสริมบังเกอร์ป้องกันภัยรับมือสถานการณ์ความไม่สงบในวันขีดเส้นตาย 10 ต.ค.นี้ที่เขมรต้องอพยพพ้นอธิปไตยไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096807

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชาวบ้านแนวชายแดนหนองจาน -หนองหญ้าแก้ว ช่วยกันเสริมบังเกอร์ป้องกันภัยรับมือสถานการณ์ความไม่สงบในวันขีดเส้นตาย 10 ต.ค.นี้ที่เขมรต้องอพยพพ้นอธิปไตยไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096807 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 1 ยันไม่ร่วมประชุม RBC ชายแดน หากกัมพูชาไม่ทำแผนอพยพประชาชนในเขตอธิปไตยไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21785/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่1 #อธิปไตยไทย #RBC #แผนอพยพ #สระแก้ว #ภูมิภาคทหารที่5 #ปัญหาชายแดน
    กองทัพภาคที่ 1 ยันไม่ร่วมประชุม RBC ชายแดน หากกัมพูชาไม่ทำแผนอพยพประชาชนในเขตอธิปไตยไทย https://www.thai-tai.tv/news/21785/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่1 #อธิปไตยไทย #RBC #แผนอพยพ #สระแก้ว #ภูมิภาคทหารที่5 #ปัญหาชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันหากภูมิภาคทหารที่ 5 ไม่ร่วมมือตามเงื่อนไขจัดทำแผนอพยพชาวกัมพูชา ไม่สามารถเข้าสู่การประชุม RBC ได้ เพราะไม่มีวาระเพิ่มเติมที่จะนำไปสู่การยุติปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095537

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันหากภูมิภาคทหารที่ 5 ไม่ร่วมมือตามเงื่อนไขจัดทำแผนอพยพชาวกัมพูชา ไม่สามารถเข้าสู่การประชุม RBC ได้ เพราะไม่มีวาระเพิ่มเติมที่จะนำไปสู่การยุติปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095537 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง

    คณะดอกไม้ป่า ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่

    ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้

    คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง

    การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้

    วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก

    ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง

    "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s

    แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น

    การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง
    1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง

    2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia)

    ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท

    ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

    วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง

    นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม

    คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ

    ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท

    กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง

    การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป)

    นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น

    ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น

    ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด

    การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด

    มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้

    สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า
    คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง

    บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว

    มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    🌼 ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง คณะดอกไม้ป่า 🌸 ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น 🔄 ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" 🧬🌾 มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" 🎧 อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 🌟 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่ ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก ❤️ และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้ คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน 💡 โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" 🎤🤝 ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้ วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ 👑 สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี 🔥 ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" 💔 ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" 🏡 ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) 🎺🎷 ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" 💃 ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง 1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง 2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia) 💖 ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" 🔗 ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ 💿 ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน 💰 ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต 🎙️ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน 🚚 และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ 🏙️ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ 👩‍🎤 ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป) นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ 💔 เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง 💵💶💷 ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ 📼 ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ 🏗️ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง ⏳ เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ 🎥 การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้ ✨ ✅✅ สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า ✅✅ คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" 🎶 พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว 💯 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา ตอบกลับหนังสือแม่ทัพภาคที่ 1 ของไทย เมินทำแผนอพยพคนกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำ 3 หมู่บ้าน จ.สระแก้ว ภายใน 7 ต.ค. อ้างให้รอประชุม JBC ระดับภูมิภาคไม่มีอำนาจเกี่ยวกับเส้นเขตแดน โบ้ยกลับบางพื้นที่ไทยก็ยึดครองเขตแดนกัมพูชา พร้อมขอให้สร้างบรรยากาศหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095212

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา ตอบกลับหนังสือแม่ทัพภาคที่ 1 ของไทย เมินทำแผนอพยพคนกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำ 3 หมู่บ้าน จ.สระแก้ว ภายใน 7 ต.ค. อ้างให้รอประชุม JBC ระดับภูมิภาคไม่มีอำนาจเกี่ยวกับเส้นเขตแดน โบ้ยกลับบางพื้นที่ไทยก็ยึดครองเขตแดนกัมพูชา พร้อมขอให้สร้างบรรยากาศหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095212 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3”
    จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น
    ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง
    ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน
    เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917
    ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก
    สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน
    Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า
    ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน
    อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ
    ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา
    ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein !
    ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน
    จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน
    ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan
    ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี
    Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947
    เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein !
    วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล
    ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล
    Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3” จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917 ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein ! ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947 เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein ! วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย
    ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม
    ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง
    แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ
    ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน
    แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein
    อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ !
    แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน !
    Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย
    อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ
    อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด
    เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง
    ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ
    นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด
    Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ ! แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน ! Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่ 1 ส่งหนังสือตอบกลับ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา เร่งให้จัดทำแผนอพยพประชาชนชาวกัมพูชาออกจากชายแดน จ.สระแก้ว ภายใน 7 ต.ค. พร้อมเสนอในการประชุม RBC จึงจะเข้าร่วมประชุมกับกัมพูชาตามคำเชิญ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094866

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    แม่ทัพภาคที่ 1 ส่งหนังสือตอบกลับ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา เร่งให้จัดทำแผนอพยพประชาชนชาวกัมพูชาออกจากชายแดน จ.สระแก้ว ภายใน 7 ต.ค. พร้อมเสนอในการประชุม RBC จึงจะเข้าร่วมประชุมกับกัมพูชาตามคำเชิญ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094866 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ซ้อมอพยพหนีไฟร่วมศรีสวรินทิรา ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ซ้อมอพยพหนีไฟร่วมศรีสวรินทิรา ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม”
    (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้
    ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago
    นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
    น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้
    นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein
    กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว
    ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller
    ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910
    น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น
    เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง
    ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน
    Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ
    แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน
    ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน
    อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557
    (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม” (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้ ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้ นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910 น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557 (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5”
    เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้
    ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ)
    เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้
    ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ
    ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ
    ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว)
    ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย
    ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187
    ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม
    สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ !
    ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้
    อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ
    ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว
    มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5” เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้ ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ) เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้ ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว) ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187 ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ ! ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้ อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ใจหนาใจด้านใจมึน,หน้ามึนหน้าหนาหน้าด้านทนหายห่วงต้องยกให้เขมรจริงๆ,ยุโรปและอเมริกาอยากรู้สันดานแท้จริงเขมรว่าเป็นแบบไหน,รู้ซึ้งถึงการเนรคุณการทรยศการหักหลัง ประเทศพวกนี้ต้องรับเขมรไปอยู่อาศัยในบ้านมันจริงๆไปเลย,สักเกือบล้านคนแบบมันอพยพมาหนองจานนี้ล่ะ,เอาไปรับเลี้ยงอยู่บนแผ่นดินฝรั่งดูนะ.

    ..เรา..คนไทยขอตัดขาดจากเขมรทันที,รีบสร้างรั้วกั้นชาติเนรคุณทรยศหักหลังนี้เลยอย่างรวดเร็ว,จริงๆต้องผลักดันคนเขมรออกจากประเทศทัังหมดทุกๆกรณี,ไปเกิดใหม่ค่อยมาเกิดบนแผ่นดินไทยแล้วกัน.,แต่ชาตินี้พวกมรึงไปไกลๆเลย.

    ..เขมรมันหน้ามึนจริงๆนะ ของแท้ด้วย.,มึนอีหลี!!!

    https://youtube.com/watch?v=MB_cq9UcCwc&si=iScsFhadDECOeULH
    555,ใจหนาใจด้านใจมึน,หน้ามึนหน้าหนาหน้าด้านทนหายห่วงต้องยกให้เขมรจริงๆ,ยุโรปและอเมริกาอยากรู้สันดานแท้จริงเขมรว่าเป็นแบบไหน,รู้ซึ้งถึงการเนรคุณการทรยศการหักหลัง ประเทศพวกนี้ต้องรับเขมรไปอยู่อาศัยในบ้านมันจริงๆไปเลย,สักเกือบล้านคนแบบมันอพยพมาหนองจานนี้ล่ะ,เอาไปรับเลี้ยงอยู่บนแผ่นดินฝรั่งดูนะ. ..เรา..คนไทยขอตัดขาดจากเขมรทันที,รีบสร้างรั้วกั้นชาติเนรคุณทรยศหักหลังนี้เลยอย่างรวดเร็ว,จริงๆต้องผลักดันคนเขมรออกจากประเทศทัังหมดทุกๆกรณี,ไปเกิดใหม่ค่อยมาเกิดบนแผ่นดินไทยแล้วกัน.,แต่ชาตินี้พวกมรึงไปไกลๆเลย. ..เขมรมันหน้ามึนจริงๆนะ ของแท้ด้วย.,มึนอีหลี!!! https://youtube.com/watch?v=MB_cq9UcCwc&si=iScsFhadDECOeULH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รมว.เฮ้ง” รับลูก “นายกฯ หนู” เตรียมพร้อมอุทยานฯ ทุกแห่งตามแนวชายแดน รองรับอพยพช่วยเหลือประชาชนจากเหตุปะทะ ไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/21661/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #อนุทินชาญวีรกูล #ทส #กรมอุทยาน #ชายแดนไทยกัมพูชา #อพยพประชาชน #เหตุปะทะ #กู้วัตถุระเบิด #การเมืองไทย

    “รมว.เฮ้ง” รับลูก “นายกฯ หนู” เตรียมพร้อมอุทยานฯ ทุกแห่งตามแนวชายแดน รองรับอพยพช่วยเหลือประชาชนจากเหตุปะทะ ไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/21661/ . #สุชาติชมกลิ่น #อนุทินชาญวีรกูล #ทส #กรมอุทยาน #ชายแดนไทยกัมพูชา #อพยพประชาชน #เหตุปะทะ #กู้วัตถุระเบิด #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านแห่เข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม หลังมีกระแสข่าวการปะทะช่องอานม้า และต่างฝากบอกนายกฯ-แม่ทัพภาค 2 ให้รีบรบกับเขมรให้รู้แพ้ชนะไปเลย จะได้ทำมาหากินปกติ ด้านศูนย์อพยพเตรียมความพร้อมบุคลากรร้องรับ แต่อาหารการกินช่วงแรกต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092732

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ชาวบ้านแห่เข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม หลังมีกระแสข่าวการปะทะช่องอานม้า และต่างฝากบอกนายกฯ-แม่ทัพภาค 2 ให้รีบรบกับเขมรให้รู้แพ้ชนะไปเลย จะได้ทำมาหากินปกติ ด้านศูนย์อพยพเตรียมความพร้อมบุคลากรร้องรับ แต่อาหารการกินช่วงแรกต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092732 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 7 “ครู”
    Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง)
    ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน
    ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ !
    Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!)
    กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี)
    แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า
    “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?)
    หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร
    เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต
    ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 7 “ครู” Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง) ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ ! Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!) กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี) แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?) หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เก็บข้าวของขึ้นรถเตรียมพร้อมอพยพ หลังทหารกัมพูชายิงปืนและลูกระเบิดข้ามเข้ามาฝั่งไทย หวังยั่วยุทหารไทยให้ตอบโต้เมื่อช่วงสายวันนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092545

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ชาวบ้านอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เก็บข้าวของขึ้นรถเตรียมพร้อมอพยพ หลังทหารกัมพูชายิงปืนและลูกระเบิดข้ามเข้ามาฝั่งไทย หวังยั่วยุทหารไทยให้ตอบโต้เมื่อช่วงสายวันนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092545 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อพยพแล้ว
    ..เคลื่อนมา1วัน ปกตินัดยิงกันวันที่26.,งวดหน้าซื้อขึ้นบวกหนึ่ง.

    https://youtu.be/TO3WY7sK7Bk?si=ER8nrTKkbWEOCSwx
    ..อพยพแล้ว ..เคลื่อนมา1วัน ปกตินัดยิงกันวันที่26.,งวดหน้าซื้อขึ้นบวกหนึ่ง. https://youtu.be/TO3WY7sK7Bk?si=ER8nrTKkbWEOCSwx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาการละคร เล่นใหญ่อพยพชาวบ้านที่อุดรมีชัย เพื่อจัดฉากยิงถล่มประเทศตัวเอง แล้วป้ายความผิดให้ไทย โดยมีไอ้บัฟฟาโลมะกันช่วยขยี้ข่าวกล่าวหาไทยไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กัมพูชาการละคร เล่นใหญ่อพยพชาวบ้านที่อุดรมีชัย เพื่อจัดฉากยิงถล่มประเทศตัวเอง แล้วป้ายความผิดให้ไทย โดยมีไอ้บัฟฟาโลมะกันช่วยขยี้ข่าวกล่าวหาไทยไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts