• บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ?
    .
    การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท
    .
    หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ? . การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท . หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs . #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA
    .
    ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว
    .
    ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    @thedongfangbubai

    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เซ็นคำสั่งผ่อนคลายภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากยานยนต์นำเข้า ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์มะกันคุย เจรจาต่อรองจนปิดดีลได้แล้วกับประเทศใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งต่อมาประมุขทำเนียบขาวบอกใบ้ว่า อาจเป็นอินเดีย ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวอ้างจีนกำลังซุ่มร่างรายชื่อสินค้าอเมริกันที่อาจได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ 125% รวมทั้งแจ้งให้บริษัทต่าง ๆ ทราบอย่างเงียบๆ ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040749

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งผ่อนคลายภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากยานยนต์นำเข้า ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์มะกันคุย เจรจาต่อรองจนปิดดีลได้แล้วกับประเทศใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งต่อมาประมุขทำเนียบขาวบอกใบ้ว่า อาจเป็นอินเดีย ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวอ้างจีนกำลังซุ่มร่างรายชื่อสินค้าอเมริกันที่อาจได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ 125% รวมทั้งแจ้งให้บริษัทต่าง ๆ ทราบอย่างเงียบๆ ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040749 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 0 รีวิว
  • หั่นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% รับมือ Trade War : [Biz Talk]

    ตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งที่ 2/68 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.00% เหลือ 1.75 % เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย ที่ชะลอตัวลงมาก จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากสงครามการค้า
    หั่นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% รับมือ Trade War : [Biz Talk] ตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งที่ 2/68 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.00% เหลือ 1.75 % เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย ที่ชะลอตัวลงมาก จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากสงครามการค้า
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • กนง.ย้ำลดดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจรับแรงกดดันสงครามการค้า ชี้ยังไม่เข้าสู่วัฏจักรขาลง
    https://www.thai-tai.tv/news/18429/
    กนง.ย้ำลดดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจรับแรงกดดันสงครามการค้า ชี้ยังไม่เข้าสู่วัฏจักรขาลง https://www.thai-tai.tv/news/18429/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ขี่กระแสชาตินิยมที่พลุ่งพล่านจากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสงครามการค้าและขู่ยึดแดนใบเมเปิลเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันจันทร์ (28 เม.ย.) แถมผู้นำฝ่ายค้าน ปีแอร์ โพลิเอฟ ซึ่งรณรงค์หาเสียงด้วยสไตล์ปากกล้าท้าตีท้าต่อยแบบทรัมป์ ยังพ่ายแพ้ขนาดรักษาเก้าอี้ ส.ส.ของตัวเองไม่ได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040306

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ขี่กระแสชาตินิยมที่พลุ่งพล่านจากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสงครามการค้าและขู่ยึดแดนใบเมเปิลเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันจันทร์ (28 เม.ย.) แถมผู้นำฝ่ายค้าน ปีแอร์ โพลิเอฟ ซึ่งรณรงค์หาเสียงด้วยสไตล์ปากกล้าท้าตีท้าต่อยแบบทรัมป์ ยังพ่ายแพ้ขนาดรักษาเก้าอี้ ส.ส.ของตัวเองไม่ได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040306 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1153 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ?

    การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4

    การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ

    บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์

    #Newskit
    สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ? การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4 การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วง 100 วันแรก ของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดย S&P 500 ลดลงเกือบ 8% ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2025

    นโยบายของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าและการเปลี่ยนแปลงภาษีส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด โดยมีทั้ง บริษัทที่ได้รับประโยชน์และบริษัทที่ได้รับผลกระทบ อย่างชัดเจน

    ✅ บริษัทที่ได้รับประโยชน์
    - Palantir เพิ่มขึ้นเกือบ 60% เนื่องจากได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหม
    - Newsmax เพิ่มขึ้นกว่า 60% หลังเปิดตัวในตลาดหุ้น
    - Newmont และบริษัทเหมืองทองอื่นๆ เพิ่มขึ้น 20-50% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    ✅ บริษัทที่ได้รับผลกระทบ
    - สายการบินสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 33% เนื่องจากภาษีและความต้องการเดินทางที่ลดลง
    - Tesla ลดลง 33% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของ Elon Musk ในรัฐบาล
    - Kohl’s ลดลง 46% และ Macy’s ลดลง 17% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
    - Teradyne และ Zebra Technologies ลดลงกว่า 40% เนื่องจากผลกระทบจากภาษีและข้อจำกัดทางการค้า

    ✅ แนวโน้มของตลาดหุ้น
    - นักลงทุนยังคงจับตานโยบายของทรัมป์ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
    - ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/wall-street039s-winners-and-losers-during-trump039s-100-days-at-white-house
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วง 100 วันแรก ของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดย S&P 500 ลดลงเกือบ 8% ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2025 นโยบายของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าและการเปลี่ยนแปลงภาษีส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด โดยมีทั้ง บริษัทที่ได้รับประโยชน์และบริษัทที่ได้รับผลกระทบ อย่างชัดเจน ✅ บริษัทที่ได้รับประโยชน์ - Palantir เพิ่มขึ้นเกือบ 60% เนื่องจากได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหม - Newsmax เพิ่มขึ้นกว่า 60% หลังเปิดตัวในตลาดหุ้น - Newmont และบริษัทเหมืองทองอื่นๆ เพิ่มขึ้น 20-50% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ✅ บริษัทที่ได้รับผลกระทบ - สายการบินสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 33% เนื่องจากภาษีและความต้องการเดินทางที่ลดลง - Tesla ลดลง 33% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของ Elon Musk ในรัฐบาล - Kohl’s ลดลง 46% และ Macy’s ลดลง 17% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง - Teradyne และ Zebra Technologies ลดลงกว่า 40% เนื่องจากผลกระทบจากภาษีและข้อจำกัดทางการค้า ✅ แนวโน้มของตลาดหุ้น - นักลงทุนยังคงจับตานโยบายของทรัมป์ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาว - ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/wall-street039s-winners-and-losers-during-trump039s-100-days-at-white-house
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Wall Street's winners and losers during Trump's 100 days at White House
    (Reuters) -The dramatic shift in U.S. domestic and foreign policy since President Donald Trump returned to the White House on January 20 has sent shockwaves across global financial markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยการวิเคราะห์จาก TechInsights ระบุว่าหากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 40% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดิม

    ในปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนต่างกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่า 100% ต่อสินค้านำเข้าจากกันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการส่งออก นอกจากนี้ จีนยังได้ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    TechInsights คาดการณ์ว่าหากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2026 แต่หากอัตราภาษีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 40% ตลาดจะหดตัวลงเหลือเพียง 557 พันล้านดอลลาร์

    ✅ อัตราภาษีและผลกระทบต่อการเติบโต
    - อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงถึง 40% อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์หดตัวลงถึง 34% ในปี 2026
    - หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดจะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์

    ✅ การตอบโต้ของจีน
    - จีนกำหนดอัตราภาษี 125% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
    - ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การผลิตและการส่งออกได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูง
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ การคาดการณ์ของ TechInsights
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 557 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 40%

    https://wccftech.com/techinsights-if-the-average-us-import-tariff-rate-remains-sticky-at-40-percent-the-global-semiconductor-market-will-shrink-by-a-third-in-2026/
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยการวิเคราะห์จาก TechInsights ระบุว่าหากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 40% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดิม ในปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนต่างกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่า 100% ต่อสินค้านำเข้าจากกันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการส่งออก นอกจากนี้ จีนยังได้ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ TechInsights คาดการณ์ว่าหากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2026 แต่หากอัตราภาษีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 40% ตลาดจะหดตัวลงเหลือเพียง 557 พันล้านดอลลาร์ ✅ อัตราภาษีและผลกระทบต่อการเติบโต - อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงถึง 40% อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์หดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 - หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดจะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ✅ การตอบโต้ของจีน - จีนกำหนดอัตราภาษี 125% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ - ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การผลิตและการส่งออกได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูง - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การคาดการณ์ของ TechInsights - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 557 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 40% https://wccftech.com/techinsights-if-the-average-us-import-tariff-rate-remains-sticky-at-40-percent-the-global-semiconductor-market-will-shrink-by-a-third-in-2026/
    WCCFTECH.COM
    TechInsights: If The Average US Import Tariff Rate Remains Sticky At 40 Percent, The Global Semiconductor Market Will Shrink By A Third In 2026
    TechInsights has now published its take on the tariff-related one-upmanship between the US and China, and its impact on semiconductors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าชิปบางประเภทจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลดภาษีตอบโต้ที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 125% โดยการยกเว้นนี้ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม (Integrated Circuits) แต่ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตภายในประเทศเอง

    บริษัทที่ได้ชำระภาษีสำหรับสินค้าที่ได้รับการยกเว้นระหว่างวันที่ 10-24 เมษายน สามารถยื่นขอคืนเงินภาษีได้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนี้

    การยกเว้นภาษีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านชิปขั้นสูงที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

    ✅ การยกเว้นภาษีชิปบางประเภท
    - ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม
    - ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตเอง

    ✅ การคืนเงินภาษี
    - บริษัทที่ชำระภาษีระหว่างวันที่ 10-24 เมษายนสามารถยื่นขอคืนเงินได้

    ✅ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
    - อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ

    ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การยกเว้นภาษีช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reportedly-waives-tariffs-on-some-us-chip-imports-duties-paid-are-eligible-for-refunds
    จีนได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าชิปบางประเภทจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลดภาษีตอบโต้ที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 125% โดยการยกเว้นนี้ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม (Integrated Circuits) แต่ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตภายในประเทศเอง บริษัทที่ได้ชำระภาษีสำหรับสินค้าที่ได้รับการยกเว้นระหว่างวันที่ 10-24 เมษายน สามารถยื่นขอคืนเงินภาษีได้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนี้ การยกเว้นภาษีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านชิปขั้นสูงที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ✅ การยกเว้นภาษีชิปบางประเภท - ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม - ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตเอง ✅ การคืนเงินภาษี - บริษัทที่ชำระภาษีระหว่างวันที่ 10-24 เมษายนสามารถยื่นขอคืนเงินได้ ✅ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า - อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การยกเว้นภาษีช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reportedly-waives-tariffs-on-some-us-chip-imports-duties-paid-are-eligible-for-refunds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP290 : “ทราย สก๊อต” กระจกสะท้อนอุทยานเทา (Full)
    - “ทราย สก็อต” เหยียบตีนใคร?
    - World Expoประเทศไทย กลายเป็น ตลาดนัดขายของ
    - เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน จับตาผู้ว่าฯ ไม่เป็นกลาง
    - สงครามการค้า อาเซียนถูกบีบให้เลือกข้าง ?
    - จีนเอาเปรียบ หรือ สหรัฐฯขายชาติ

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ทรายสก๊อต #ดรามาทรายสก๊อต #อุทยานเทา #worldexpo #thaipavilion #เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน #สงครามการค้า #อาเซียน #ภาษีทรัมป์
    Sondhitalk EP290 : “ทราย สก๊อต” กระจกสะท้อนอุทยานเทา (Full) - “ทราย สก็อต” เหยียบตีนใคร? - World Expoประเทศไทย กลายเป็น ตลาดนัดขายของ - เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน จับตาผู้ว่าฯ ไม่เป็นกลาง - สงครามการค้า อาเซียนถูกบีบให้เลือกข้าง ? - จีนเอาเปรียบ หรือ สหรัฐฯขายชาติ สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ทรายสก๊อต #ดรามาทรายสก๊อต #อุทยานเทา #worldexpo #thaipavilion #เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน #สงครามการค้า #อาเซียน #ภาษีทรัมป์
    Like
    Love
    Yay
    42
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1891 มุมมอง 242 0 รีวิว
  • ทรัมป์กระพริบตาก่อน! เปรยพร้อมลดภาษีให้จีน : คนเคาะข่าว 24-04-68
    อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร
    #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #ลดภาษีให้จีน #สงครามการค้า #เศรษฐกิจโลก #จีนสหรัฐ #ข่าวต่างประเทศ #นโยบายทรัมป์ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #Geopolitics #thaitimes #การค้าระหว่างประเทศ #ท่าทีทรัมป์
    ทรัมป์กระพริบตาก่อน! เปรยพร้อมลดภาษีให้จีน : คนเคาะข่าว 24-04-68 อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #ลดภาษีให้จีน #สงครามการค้า #เศรษฐกิจโลก #จีนสหรัฐ #ข่าวต่างประเทศ #นโยบายทรัมป์ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #Geopolitics #thaitimes #การค้าระหว่างประเทศ #ท่าทีทรัมป์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ กล่าวยอมรับระหว่างกล่าวปราศรัยแบบเป็นการภายในเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) ว่า การประจันหน้าเล่นงานจีนด้วยภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำอย่างยืนยาวได้ และเขาคาดหมายว่าจะมี “การลดระดับ” ในสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038272

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ กล่าวยอมรับระหว่างกล่าวปราศรัยแบบเป็นการภายในเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) ว่า การประจันหน้าเล่นงานจีนด้วยภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำอย่างยืนยาวได้ และเขาคาดหมายว่าจะมี “การลดระดับ” ในสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038272 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1261 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่งกำลังพิจารณาเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ โดยมีการกำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจากทั้งสองฝ่าย

    ✅ บริษัทจีนกำลังพิจารณาเสนอขายหุ้น IPO ในสหรัฐฯ
    - บริษัทที่พิจารณาเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้แก่ Walnut Coding, Shenzhen Cloudsky Technologies, Zaihui และ Zhonghe Group
    - Walnut Coding มีลูกค้าจ่ายเงินกว่า 7.2 ล้านราย และอาจระดมทุนได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์

    ✅ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่
    - สหรัฐฯ กำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าจีน และจีนตอบโต้ด้วยภาษี 125% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ
    - การเจรจาระหว่างสองประเทศยังคงมีความไม่แน่นอน

    ✅ การตัดสินใจของบริษัทจีนขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามการค้า
    - หากสถานการณ์สงครามการค้าแย่ลง บริษัทอาจยกเลิกแผนการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

    ✅ การเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อาจช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
    - การเสนอขายหุ้น IPO ในสหรัฐฯ อาจช่วยให้บริษัทจีนเข้าถึงแหล่งเงินทุนและขยายธุรกิจในระดับโลก

    https://www.techradar.com/pro/chinese-tech-companies-want-to-enter-the-us-market-despite-trade-and-tariff-war
    บริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่งกำลังพิจารณาเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ โดยมีการกำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ✅ บริษัทจีนกำลังพิจารณาเสนอขายหุ้น IPO ในสหรัฐฯ - บริษัทที่พิจารณาเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้แก่ Walnut Coding, Shenzhen Cloudsky Technologies, Zaihui และ Zhonghe Group - Walnut Coding มีลูกค้าจ่ายเงินกว่า 7.2 ล้านราย และอาจระดมทุนได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ✅ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ - สหรัฐฯ กำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าจีน และจีนตอบโต้ด้วยภาษี 125% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ - การเจรจาระหว่างสองประเทศยังคงมีความไม่แน่นอน ✅ การตัดสินใจของบริษัทจีนขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามการค้า - หากสถานการณ์สงครามการค้าแย่ลง บริษัทอาจยกเลิกแผนการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ✅ การเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อาจช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ - การเสนอขายหุ้น IPO ในสหรัฐฯ อาจช่วยให้บริษัทจีนเข้าถึงแหล่งเงินทุนและขยายธุรกิจในระดับโลก https://www.techradar.com/pro/chinese-tech-companies-want-to-enter-the-us-market-despite-trade-and-tariff-war
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอังคาร(22เม.ย.) ว่าเขาจะลดเพดานภาษีที่เรียกเก็บสินค้านำเข้าจากจีนลงอย่างมาก จากระดับสูงลิ่วที่ไม่เคยมีมาก่อน 145% และ "จะไม่เล่นไม้แข็ง" ในศึกรีดภาษี พร้อมกับยอมรับว่าสงครามการค้าในปัจจุบันระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037883

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอังคาร(22เม.ย.) ว่าเขาจะลดเพดานภาษีที่เรียกเก็บสินค้านำเข้าจากจีนลงอย่างมาก จากระดับสูงลิ่วที่ไม่เคยมีมาก่อน 145% และ "จะไม่เล่นไม้แข็ง" ในศึกรีดภาษี พร้อมกับยอมรับว่าสงครามการค้าในปัจจุบันระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037883 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1206 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ไทยไม่เลือกข้างไม่ได้ : คนเคาะข่าว 22-04-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว #สงครามการค้า #สหรัฐจีน #ไทยในสมรภูมิเศรษฐกิจ #ไม่เลือกข้างไม่ได้ #Geopolitics #การเมืองโลก #เศรษฐกิจโลก #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ความมั่นคงเศรษฐกิจไทย #สงครามการค้าโลก
    สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ไทยไม่เลือกข้างไม่ได้ : คนเคาะข่าว 22-04-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #สงครามการค้า #สหรัฐจีน #ไทยในสมรภูมิเศรษฐกิจ #ไม่เลือกข้างไม่ได้ #Geopolitics #การเมืองโลก #เศรษฐกิจโลก #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ความมั่นคงเศรษฐกิจไทย #สงครามการค้าโลก
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จำกัดการติดต่อด้านการทูตกับจีนให้แคบลงในแทบทุกช่องทาง โดยมีเป้าหมายคือต้องการเจรจาต่อรองโดยตรงกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติที่ลุกลามบานปลายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองสัญชาติอเมริกา อ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037508

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จำกัดการติดต่อด้านการทูตกับจีนให้แคบลงในแทบทุกช่องทาง โดยมีเป้าหมายคือต้องการเจรจาต่อรองโดยตรงกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติที่ลุกลามบานปลายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองสัญชาติอเมริกา อ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037508 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 21-4-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องที่น่าคิดมากสำหรับคนที่ "ลงทุนทองคำ" ทั้งหลาย ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังประสบอยู่ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ และอีกเรื่องนึงก็คือ เบื้องหลังที่แท้จริงของสงครามภาษี-สงครามการค้า ที่กำลังกระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตของเราทุกคน รวมถึงผู้คนทั่วโลก
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=VNwQF-v4s0E
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ลงทุนทองคำ #สงครามภาษี #สงครามการค้า
    สนธิเล่าเรื่อง 21-4-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องที่น่าคิดมากสำหรับคนที่ "ลงทุนทองคำ" ทั้งหลาย ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังประสบอยู่ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ และอีกเรื่องนึงก็คือ เบื้องหลังที่แท้จริงของสงครามภาษี-สงครามการค้า ที่กำลังกระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตของเราทุกคน รวมถึงผู้คนทั่วโลก . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=VNwQF-v4s0E . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ลงทุนทองคำ #สงครามภาษี #สงครามการค้า
    Like
    5
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด)

    #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)**
    - **รับซื้อ**: 52,350 บาท
    - **ขายออก**: 52,450 บาท
    - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน

    #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%**
    - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท
    - **ขายออก**: 53,250 บาท
    - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม)

    #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)**
    - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์
    - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ)
    - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

    #### 4. **แนวโน้มราคาทอง**
    - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน
    - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม**
    - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ**
    - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท)
    - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท)
    - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD)

    ---

    ### ปัจจัยกระทบราคาทอง
    - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
    - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ
    - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด) #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)** - **รับซื้อ**: 52,350 บาท - **ขายออก**: 52,450 บาท - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%** - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท - **ขายออก**: 53,250 บาท - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม) #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)** - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ) - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน #### 4. **แนวโน้มราคาทอง** - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม** - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ** - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท) - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท) - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD) --- ### ปัจจัยกระทบราคาทอง - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full)
    - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง
    - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม
    - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ
    - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง
    - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full) - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    Wow
    52
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2323 มุมมอง 281 7 รีวิว
  • ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68

    #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68 #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ไทม์ไลน์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
    ไทม์ไลน์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าเปิดโปงความจริง
    80% ของกระเป๋าแบรนด์เนมหรูในโลก
    ต่าง Made in China ทั้งสิ้น
    .
    เมื่อสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับ จีนทวีความรุนแรงขึ้น ... คนจีน ซึ่งตั้งโรงงานผลิตสินค้าส่งออก ก็เริ่มออกมาเปิดโปงถึงเบื้องหลัง กระบวนการผลิตของสินค้าต่าง ๆ โดยประเด็นที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือ
    .
    ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบัน “สินค้าหรูหราแบรนด์เนม” ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้โรงงานผลิตจากประเทศจีนแทบทั้งนั้น โดยมีตัวเลขระบุว่า มากกว่า 80% ของกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมในโลกนี้ล้วนแล้วแต่พึ่งพาสายพานการผลิต Made in China ทั้งสิ้น
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSr4td7W1/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สงครามการค้า #สงครามภาษี #กระเป๋าแบรนด์เนม #กระเป๋าหรู #สินค้าแบรนด์เนม
    สงครามการค้าเปิดโปงความจริง 80% ของกระเป๋าแบรนด์เนมหรูในโลก ต่าง Made in China ทั้งสิ้น . เมื่อสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับ จีนทวีความรุนแรงขึ้น ... คนจีน ซึ่งตั้งโรงงานผลิตสินค้าส่งออก ก็เริ่มออกมาเปิดโปงถึงเบื้องหลัง กระบวนการผลิตของสินค้าต่าง ๆ โดยประเด็นที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือ . ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบัน “สินค้าหรูหราแบรนด์เนม” ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้โรงงานผลิตจากประเทศจีนแทบทั้งนั้น โดยมีตัวเลขระบุว่า มากกว่า 80% ของกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมในโลกนี้ล้วนแล้วแต่พึ่งพาสายพานการผลิต Made in China ทั้งสิ้น . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSr4td7W1/ . #บูรพาไม่แพ้ #สงครามการค้า #สงครามภาษี #กระเป๋าแบรนด์เนม #กระเป๋าหรู #สินค้าแบรนด์เนม
    @thedongfangbubai

    สงครามการค้าเปิดโปงความจริง 80% ของกระเป๋าแบรนด์เนมหรูในโลก ต่าง Made in China ทั้งสิ้น . เมื่อสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับ จีนทวีความรุนแรงขึ้น ... คนจีน ซึ่งตั้งโรงงานผลิตสินค้าส่งออก ก็เริ่มออกมาเปิดโปงถึงเบื้องหลัง กระบวนการผลิตของสินค้าต่าง ๆ โดยประเด็นที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือ . ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบัน “สินค้าหรูหราแบรนด์เนม” ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้โรงงานผลิตจากประเทศจีนแทบทั้งนั้น โดยมีตัวเลขระบุว่า มากกว่า 80% ของกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมในโลกนี้ล้วนแล้วแต่พึ่งพาสายพานการผลิต Made in China ทั้งสิ้น . #บูรพาไม่แพ้ #สงครามการค้า #สงครามภาษี #กระเป๋าแบรนด์เนม #กระเป๋าหรู #สินค้าแบรนด์เนม

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 16-4-68
    .
    รายการเช้าวันนี้ กลับมาในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะมาเล่าถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเน้นหนักไปในเรื่องของ การทุจริตในการจัดจ้างก่อสร้าง ตึก สตง. รวมไปถึงประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องในสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจาก "สงครามภาษีตอบโต้-สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐฯ และจีน คุณสนธิจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ โปรดติดตามโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=m48RVoO4-Ts
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามการค้า #สงครามภาษี
    สนธิเล่าเรื่อง 16-4-68 . รายการเช้าวันนี้ กลับมาในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะมาเล่าถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเน้นหนักไปในเรื่องของ การทุจริตในการจัดจ้างก่อสร้าง ตึก สตง. รวมไปถึงประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องในสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจาก "สงครามภาษีตอบโต้-สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐฯ และจีน คุณสนธิจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ โปรดติดตามโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=m48RVoO4-Ts . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามการค้า #สงครามภาษี
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts