• TouristDigiPay – เมื่อคริปโตกลายเป็นกุญแจฟื้นการท่องเที่ยวไทย

    ประเทศไทยกำลังเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซา ด้วยโครงการ “TouristDigiPay” มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet เพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต

    โครงการนี้จะเริ่มในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 และดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ “regulatory sandbox” ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ

    นักท่องเที่ยวจะไม่จ่ายเงินด้วยคริปโตโดยตรง แต่จะต้องแปลงผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ e-wallet ที่ใช้จ่ายเป็นเงินบาทเท่านั้น โดยจำกัดการใช้จ่ายรายเดือนสูงสุด 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กจะถูกจำกัดไว้ที่ 50,000 บาท ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ

    เหตุผลหลักคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่ลดลงถึง 34% ในครึ่งปีแรกของ 2025

    นอกจากนี้ ประเทศอื่นก็เริ่มใช้คริปโตในภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น ภูฏานที่ร่วมมือกับ Binance Pay, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโต และแม้แต่ Blue Origin ของ Jeff Bezos ก็รับ Bitcoin กับ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    โครงการ TouristDigiPay เปิดให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet
    ดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ regulatory sandbox
    หน่วยงานกำกับดูแลประกอบด้วยกระทรวงการคลัง, ธปท., ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยว
    นักท่องเที่ยวไม่จ่ายคริปโตโดยตรง แต่ใช้เงินบาทผ่านระบบหลังบ้าน
    จำกัดการใช้จ่ายรายเดือนที่ 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กที่ 50,000 บาท
    ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ
    เป้าหมายคือกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ซบเซา โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน
    ตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 2025 อยู่ที่ 16.8 ล้านคน ลดลงจาก 17.7 ล้านคนในปีที่แล้ว
    รัฐบาลลดเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2025 จาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน
    รองนายกฯ และ รมว.คลังระบุว่าโครงการนี้ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดและบัตรเครดิต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ภูฏานร่วมมือกับ Binance Pay เพื่อเปิดรับคริปโตในภาคการท่องเที่ยว
    สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโตผ่าน Crypto.com
    Blue Origin รับ Bitcoin และ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ
    ประเทศไทยกำลังพิจารณาให้คริปโตเชื่อมกับบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายในประเทศ
    มีแผนรวมตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายเดียวเพื่อความคล่องตัวของนักลงทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/thailands-usd15b-touristdigipay-scheme-will-let-visitors-convert-crypto-to-baht-18-month-pilot-program-is-engineered-to-revive-slumping-tourism-in-the-region
    🎙️ TouristDigiPay – เมื่อคริปโตกลายเป็นกุญแจฟื้นการท่องเที่ยวไทย ประเทศไทยกำลังเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซา ด้วยโครงการ “TouristDigiPay” มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet เพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต โครงการนี้จะเริ่มในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 และดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ “regulatory sandbox” ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นักท่องเที่ยวจะไม่จ่ายเงินด้วยคริปโตโดยตรง แต่จะต้องแปลงผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ e-wallet ที่ใช้จ่ายเป็นเงินบาทเท่านั้น โดยจำกัดการใช้จ่ายรายเดือนสูงสุด 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กจะถูกจำกัดไว้ที่ 50,000 บาท ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ เหตุผลหลักคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่ลดลงถึง 34% ในครึ่งปีแรกของ 2025 นอกจากนี้ ประเทศอื่นก็เริ่มใช้คริปโตในภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น ภูฏานที่ร่วมมือกับ Binance Pay, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโต และแม้แต่ Blue Origin ของ Jeff Bezos ก็รับ Bitcoin กับ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ โครงการ TouristDigiPay เปิดให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet ➡️ ดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ regulatory sandbox ➡️ หน่วยงานกำกับดูแลประกอบด้วยกระทรวงการคลัง, ธปท., ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยว ➡️ นักท่องเที่ยวไม่จ่ายคริปโตโดยตรง แต่ใช้เงินบาทผ่านระบบหลังบ้าน ➡️ จำกัดการใช้จ่ายรายเดือนที่ 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กที่ 50,000 บาท ➡️ ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ ➡️ เป้าหมายคือกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ซบเซา โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน ➡️ ตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 2025 อยู่ที่ 16.8 ล้านคน ลดลงจาก 17.7 ล้านคนในปีที่แล้ว ➡️ รัฐบาลลดเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2025 จาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน ➡️ รองนายกฯ และ รมว.คลังระบุว่าโครงการนี้ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดและบัตรเครดิต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ภูฏานร่วมมือกับ Binance Pay เพื่อเปิดรับคริปโตในภาคการท่องเที่ยว ➡️ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโตผ่าน Crypto.com ➡️ Blue Origin รับ Bitcoin และ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ ➡️ ประเทศไทยกำลังพิจารณาให้คริปโตเชื่อมกับบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายในประเทศ ➡️ มีแผนรวมตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายเดียวเพื่อความคล่องตัวของนักลงทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/thailands-usd15b-touristdigipay-scheme-will-let-visitors-convert-crypto-to-baht-18-month-pilot-program-is-engineered-to-revive-slumping-tourism-in-the-region
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • เมื่อคริปโตกลายเป็นเงินจ่ายค่าข้าวมันไก่: ไทยเปิดตัว TouristDigiPay

    รัฐบาลไทยเปิดตัวโครงการนำร่องชื่อ “TouristDigiPay” ที่ให้ชาวต่างชาติสามารถแปลงคริปโตเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิตจากต่างประเทศ

    โครงการนี้จะดำเนินการในรูปแบบ sandbox เป็นเวลา 18 เดือน โดยมีการกำหนดวงเงินแปลงคริปโตไว้ที่ 550,000 บาทต่อเดือน เพื่อป้องกันการฟอกเงินและควบคุมความเสี่ยง

    นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และผู้ให้บริการ e-money ที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML อย่างเข้มงวด

    หลังแปลงคริปโตเป็นเงินบาท เงินจะถูกเก็บไว้ใน Tourist Wallet ซึ่งสามารถใช้จ่ายผ่าน QR code กับร้านค้าในไทยได้ โดยร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาทเท่านั้น ไม่ใช่คริปโต

    รัฐบาลหวังว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มที่คุ้นเคยกับคริปโต เช่น นักเดินทางรุ่นใหม่ และผู้ที่ไม่สะดวกใช้บัตรเครดิตข้ามประเทศ

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    โครงการ TouristDigiPay เปิดตัวเมื่อ 18 ส.ค. 2025 เพื่อให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาท
    ดำเนินการใน sandbox เป็นเวลา 18 เดือน พร้อมกำหนดวงเงินแปลงที่ 550,000 บาทต่อเดือน
    นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและ e-money ที่ได้รับอนุญาต
    ต้องผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML ตามมาตรฐานของ AMLO
    เงินที่แปลงจะถูกเก็บใน Tourist Wallet และใช้จ่ายผ่าน QR code
    ร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาทเท่านั้น ไม่ใช่คริปโต
    ไม่อนุญาตให้ถอนเงินสดระหว่างการเข้าร่วมโครงการ
    การใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กจำกัดที่ 50,000 บาทต่อเดือน ส่วนร้านใหญ่ได้ถึง 500,000 บาท
    ห้ามใช้จ่ายกับธุรกิจที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงสูงตามเกณฑ์ของ AMLO
    รัฐบาลหวังเพิ่มการใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยว 5,000 บาทต่อคน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่ใช้โมเดล “แปลงคริปโตเป็น fiat” สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
    QR code เป็นช่องทางจ่ายเงินที่นิยมที่สุดในไทย โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านค้าขนาดเล็ก
    การใช้ sandbox ช่วยให้รัฐบาลทดสอบเทคโนโลยีใหม่โดยไม่กระทบระบบการเงินหลัก
    การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังช้า ทำให้ไทยต้องหาทางดึงนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและอาเซียน
    การใช้คริปโตช่วยลดต้นทุนการแลกเปลี่ยนเงินตราและค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต
    หากโครงการสำเร็จ อาจขยายไปสู่การซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือสินค้าหรูในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/18/thailand-to-launch-crypto-to-baht-conversion-for-foreign-tourists
    🏖️ เมื่อคริปโตกลายเป็นเงินจ่ายค่าข้าวมันไก่: ไทยเปิดตัว TouristDigiPay รัฐบาลไทยเปิดตัวโครงการนำร่องชื่อ “TouristDigiPay” ที่ให้ชาวต่างชาติสามารถแปลงคริปโตเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิตจากต่างประเทศ โครงการนี้จะดำเนินการในรูปแบบ sandbox เป็นเวลา 18 เดือน โดยมีการกำหนดวงเงินแปลงคริปโตไว้ที่ 550,000 บาทต่อเดือน เพื่อป้องกันการฟอกเงินและควบคุมความเสี่ยง นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และผู้ให้บริการ e-money ที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML อย่างเข้มงวด หลังแปลงคริปโตเป็นเงินบาท เงินจะถูกเก็บไว้ใน Tourist Wallet ซึ่งสามารถใช้จ่ายผ่าน QR code กับร้านค้าในไทยได้ โดยร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาทเท่านั้น ไม่ใช่คริปโต รัฐบาลหวังว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มที่คุ้นเคยกับคริปโต เช่น นักเดินทางรุ่นใหม่ และผู้ที่ไม่สะดวกใช้บัตรเครดิตข้ามประเทศ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ โครงการ TouristDigiPay เปิดตัวเมื่อ 18 ส.ค. 2025 เพื่อให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาท ➡️ ดำเนินการใน sandbox เป็นเวลา 18 เดือน พร้อมกำหนดวงเงินแปลงที่ 550,000 บาทต่อเดือน ➡️ นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและ e-money ที่ได้รับอนุญาต ➡️ ต้องผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML ตามมาตรฐานของ AMLO ➡️ เงินที่แปลงจะถูกเก็บใน Tourist Wallet และใช้จ่ายผ่าน QR code ➡️ ร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาทเท่านั้น ไม่ใช่คริปโต ➡️ ไม่อนุญาตให้ถอนเงินสดระหว่างการเข้าร่วมโครงการ ➡️ การใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กจำกัดที่ 50,000 บาทต่อเดือน ส่วนร้านใหญ่ได้ถึง 500,000 บาท ➡️ ห้ามใช้จ่ายกับธุรกิจที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงสูงตามเกณฑ์ของ AMLO ➡️ รัฐบาลหวังเพิ่มการใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยว 5,000 บาทต่อคน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่ใช้โมเดล “แปลงคริปโตเป็น fiat” สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ➡️ QR code เป็นช่องทางจ่ายเงินที่นิยมที่สุดในไทย โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านค้าขนาดเล็ก ➡️ การใช้ sandbox ช่วยให้รัฐบาลทดสอบเทคโนโลยีใหม่โดยไม่กระทบระบบการเงินหลัก ➡️ การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังช้า ทำให้ไทยต้องหาทางดึงนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและอาเซียน ➡️ การใช้คริปโตช่วยลดต้นทุนการแลกเปลี่ยนเงินตราและค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ➡️ หากโครงการสำเร็จ อาจขยายไปสู่การซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือสินค้าหรูในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/18/thailand-to-launch-crypto-to-baht-conversion-for-foreign-tourists
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Thailand to launch crypto-to-baht conversion for foreign tourists
    BANGKOK (Reuters) -Thailand will launch an 18-month pilot programme to allow foreign visitors to convert cryptocurrencies into baht to make payments locally, officials said on Monday, part of efforts to rejuvenate the country's critical tourist sector.
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • จุดไฟเผาชาวมาเลย์ฯ สะเทือนท่องเที่ยวไทย

    นักท่องเที่ยวชาย-หญิง ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ถูกนายวรากร พับไธสง อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ใช้ทินเนอร์บรรจุขวดพลาสติก 1.5 ลิตรสาดใส่ ก่อนจุดไฟเผาแล้ววิ่งหนี เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายวรากรวิ่งหลบหนีแต่พลเมืองดีตามจับตัวเอาไว้ได้ เหตุเกิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าตัวอ้างว่าที่ก่อเหตุเพราะความเครียด ตกงาน ไม่มีรายได้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักมวย ไปสมัครงานเป็น รปภ. แต่เพิ่งถูกให้ออกจากงาน ออกมาหางานทำแต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าว ทำให้เครียดหนัก

    ทางการไทยยังคงมาตรการวัวหายแล้วล้อมคอกอีกตามเคย เกิดเหตุสะเทือนขวัญทีออกมาขยับที นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งๆ ที่ย่านราชประสงค์เป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรที่จะรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่สภาพที่แท้จริงเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ แท็กซี่และรถสามล้อครองถนนเบียดบังรถประจำทาง โก่งราคาเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ยิ่งในยามค่ำคืนหลัง 4 ทุ่มมีสภาพวังเวง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความปลอดภัยที่หย่อนยาน และไม่มีใครแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

    ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซีย เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นอันดับสอง ด้วยตัวเลขในปี 2567 จำนวน 4.95 ล้านคน รองจากนักท่องเที่ยวจีน 6.73 ล้านคน และปัจจุบัน 8 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 2.70 ล้านคน ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวจีน 2.73 ล้านคน ข่าวที่เกิดขึ้นถูกตีพิมพ์ในสื่อยักษ์ใหญ่ของมาเลเซีย ทั้ง The Star, New Straits Times และอีกหลายสำนัก คอมเมนต์ชาวมาเลเซียบอกเล่าประสบการณ์ว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยอันตราย เช่น มีมิจฉาชีพล้อมหน้าล้อมหลัง มีรถตุ๊กตุ๊กขอเงินเพิ่มแล้วพอตกลงกันไม่ได้ก็ทิ้งไว้กลางทาง มีแท็กซี่ขับออกนอกเส้นทาง และอีกสารพัดพฤติกรรม

    ในสภาวะที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะสูญญากาศ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มีสถานะไม่มั่นคง กำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาในเร็ววันนี้ ขณะที่ความมั่นคงของประเทศสั่นสะเทือนจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ส่งผลไปถึงความหย่อนยานในหลายภาคส่วนทั้งเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงการท่องเที่ยว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือแต่ละภาคส่วนต้องดูแลกันเอง พึ่งพารัฐบาลให้น้อยที่สุด เพราะประชาชนส่วนหนึ่งไม่เชื่อฟังรัฐบาลแล้ว จนกว่าการเมืองจะกลับมามีเสถียรภาพ หรือมีรัฐบาลชุดใหม่ที่ชัดเจนกว่านี้

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ลงใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 11 ส.ค. 2568)
    จุดไฟเผาชาวมาเลย์ฯ สะเทือนท่องเที่ยวไทย นักท่องเที่ยวชาย-หญิง ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ถูกนายวรากร พับไธสง อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ใช้ทินเนอร์บรรจุขวดพลาสติก 1.5 ลิตรสาดใส่ ก่อนจุดไฟเผาแล้ววิ่งหนี เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายวรากรวิ่งหลบหนีแต่พลเมืองดีตามจับตัวเอาไว้ได้ เหตุเกิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าตัวอ้างว่าที่ก่อเหตุเพราะความเครียด ตกงาน ไม่มีรายได้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักมวย ไปสมัครงานเป็น รปภ. แต่เพิ่งถูกให้ออกจากงาน ออกมาหางานทำแต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าว ทำให้เครียดหนัก ทางการไทยยังคงมาตรการวัวหายแล้วล้อมคอกอีกตามเคย เกิดเหตุสะเทือนขวัญทีออกมาขยับที นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งๆ ที่ย่านราชประสงค์เป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรที่จะรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่สภาพที่แท้จริงเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ แท็กซี่และรถสามล้อครองถนนเบียดบังรถประจำทาง โก่งราคาเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ยิ่งในยามค่ำคืนหลัง 4 ทุ่มมีสภาพวังเวง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความปลอดภัยที่หย่อนยาน และไม่มีใครแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซีย เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นอันดับสอง ด้วยตัวเลขในปี 2567 จำนวน 4.95 ล้านคน รองจากนักท่องเที่ยวจีน 6.73 ล้านคน และปัจจุบัน 8 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 2.70 ล้านคน ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวจีน 2.73 ล้านคน ข่าวที่เกิดขึ้นถูกตีพิมพ์ในสื่อยักษ์ใหญ่ของมาเลเซีย ทั้ง The Star, New Straits Times และอีกหลายสำนัก คอมเมนต์ชาวมาเลเซียบอกเล่าประสบการณ์ว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยอันตราย เช่น มีมิจฉาชีพล้อมหน้าล้อมหลัง มีรถตุ๊กตุ๊กขอเงินเพิ่มแล้วพอตกลงกันไม่ได้ก็ทิ้งไว้กลางทาง มีแท็กซี่ขับออกนอกเส้นทาง และอีกสารพัดพฤติกรรม ในสภาวะที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะสูญญากาศ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มีสถานะไม่มั่นคง กำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาในเร็ววันนี้ ขณะที่ความมั่นคงของประเทศสั่นสะเทือนจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ส่งผลไปถึงความหย่อนยานในหลายภาคส่วนทั้งเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงการท่องเที่ยว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือแต่ละภาคส่วนต้องดูแลกันเอง พึ่งพารัฐบาลให้น้อยที่สุด เพราะประชาชนส่วนหนึ่งไม่เชื่อฟังรัฐบาลแล้ว จนกว่าการเมืองจะกลับมามีเสถียรภาพ หรือมีรัฐบาลชุดใหม่ที่ชัดเจนกว่านี้ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ลงใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 11 ส.ค. 2568)
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 Comments 0 Shares 529 Views 0 Reviews
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 Comments 0 Shares 458 Views 0 Reviews
  • "เสี่ยนิด" ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ลุกขึ้นสู้หลังเจอศึกนอกศึกใน เชื่อนายกฯ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม สวน “อนุทิน” กาสิโนยังไม่เกิดนักท่องเที่ยวจีนจะห่วงอะไร ชี้คดี ”นายกฯ อิ๊งค์" ปล่อยตามกระบวนการ ลั่นยังมีก๊อกสาม “ชัยเกษม”

    วันนี้ (10ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเสถียรภาพทางการเมืองในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ว่า ตนมองว่าหลายคนพูดไปแล้วเรื่องนี้ แน่นอนว่าการเมืองเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นใจต่อนักลงทุนและความมั่นใจต่อประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้การเมืองมีเสถียรภาพ เรื่องที่ต้องขณะนี้ยังมีเรื่องอีกสองสามเรื่องที่จะต้องเดินไปข้างหน้า อย่างเช่นคดีต่างๆที่จะทำให้คน wait and see

    เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมที่เจอทั้งศึกนอกและศึกในอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและบอกให้ลุกขึ้นสู้ ท่านเองก็กำลังใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แล้วตนเชื่อว่าท่านก็สู้อยู่แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000065033

    #Thaitimes #MGROnline #เสี่ยนิด #แพทองธาร #เศรษฐาทวีสิน
    "เสี่ยนิด" ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ลุกขึ้นสู้หลังเจอศึกนอกศึกใน เชื่อนายกฯ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม สวน “อนุทิน” กาสิโนยังไม่เกิดนักท่องเที่ยวจีนจะห่วงอะไร ชี้คดี ”นายกฯ อิ๊งค์" ปล่อยตามกระบวนการ ลั่นยังมีก๊อกสาม “ชัยเกษม” • วันนี้ (10ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเสถียรภาพทางการเมืองในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ว่า ตนมองว่าหลายคนพูดไปแล้วเรื่องนี้ แน่นอนว่าการเมืองเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นใจต่อนักลงทุนและความมั่นใจต่อประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้การเมืองมีเสถียรภาพ เรื่องที่ต้องขณะนี้ยังมีเรื่องอีกสองสามเรื่องที่จะต้องเดินไปข้างหน้า อย่างเช่นคดีต่างๆที่จะทำให้คน wait and see • เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมที่เจอทั้งศึกนอกและศึกในอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและบอกให้ลุกขึ้นสู้ ท่านเองก็กำลังใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แล้วตนเชื่อว่าท่านก็สู้อยู่แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000065033 • #Thaitimes #MGROnline #เสี่ยนิด #แพทองธาร #เศรษฐาทวีสิน
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เผยถึงการตั้งหัวหน้าทีมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสาร เชื่อทีมไทยแลนด์ยังมีโอกาสบรรลุการเจรจามาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ ไม่ตอบเข้าสภาเพื่อควบคุมเสียงของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ บอกเป็นนายกที่ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงตอบไม่ได้ โต้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ใส่สีตีไข่ปมอ้างประธานาธิบดีจีนเตือนไทยเรื่องทำกาสิโน เป็นคำแนะนำแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง เพราะความปลอดภัย ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เพราะทำกาสิโน
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เผยถึงการตั้งหัวหน้าทีมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสาร เชื่อทีมไทยแลนด์ยังมีโอกาสบรรลุการเจรจามาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ ไม่ตอบเข้าสภาเพื่อควบคุมเสียงของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ บอกเป็นนายกที่ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงตอบไม่ได้ โต้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ใส่สีตีไข่ปมอ้างประธานาธิบดีจีนเตือนไทยเรื่องทำกาสิโน เป็นคำแนะนำแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง เพราะความปลอดภัย ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เพราะทำกาสิโน
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 763 Views 0 0 Reviews
  • 'แพทองธาร' สวน 'อนุทิน' ซัดเหตุนักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทยเพราะความปลอดภัยไม่ใช่จะมีกาสิโน
    https://www.thai-tai.tv/news/20138/
    .
    #แพทองธาร #อนุทินชาญวีรกูล #เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ #กาสิโน #นักท่องเที่ยวจีน #ความมั่นคง #กระทรวงมหาดไทย #ภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย #สีจิ้นผิง
    'แพทองธาร' สวน 'อนุทิน' ซัดเหตุนักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทยเพราะความปลอดภัยไม่ใช่จะมีกาสิโน https://www.thai-tai.tv/news/20138/ . #แพทองธาร #อนุทินชาญวีรกูล #เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ #กาสิโน #นักท่องเที่ยวจีน #ความมั่นคง #กระทรวงมหาดไทย #ภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย #สีจิ้นผิง
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • 'นิพนธ์' ผิดหวังปชป. ทำผิดซ้ำซ้อน ให้สัตยาบันย้อนหลัง เสี่ยงผิดกม.สถาบัน 79 ปี หมดสิ้นแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/20134/
    .
    #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #เพื่อไทย #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #ประชามติ #บ่อนกาสิโน #ประชาธิปัตย์ #ปชป #นิพนธ์บุญญามณี #พรรคการเมือง #ธรรมาภิบาล #กฎหมาย
    'นิพนธ์' ผิดหวังปชป. ทำผิดซ้ำซ้อน ให้สัตยาบันย้อนหลัง เสี่ยงผิดกม.สถาบัน 79 ปี หมดสิ้นแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/20134/ . #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #เพื่อไทย #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #ประชามติ #บ่อนกาสิโน #ประชาธิปัตย์ #ปชป #นิพนธ์บุญญามณี #พรรคการเมือง #ธรรมาภิบาล #กฎหมาย
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • 'เทพไท' ท้าเพื่อไทยแน่จริงชู 'กาสิโน' หาเสียงเลือกตั้งไปเลย
    https://www.thai-tai.tv/news/20133/
    .
    #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #เทพไทเสนพงศ์ #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #เพื่อไทย #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #ประชามติ #บ่อนกาสิโน
    'เทพไท' ท้าเพื่อไทยแน่จริงชู 'กาสิโน' หาเสียงเลือกตั้งไปเลย https://www.thai-tai.tv/news/20133/ . #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #เทพไทเสนพงศ์ #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #เพื่อไทย #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #ประชามติ #บ่อนกาสิโน
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • 'อนุทิน' แฉ นักท่องเที่ยวจีนทิ้งไทย เพราะ 'แพทองธาร' ดันทุรังทำกาสิโน ทั้งที่ 'สี จิ้นผิง' เตือนแล้วอย่าทำ ยันรัฐบาลต้องยกเลิกถาวร
    https://www.thai-tai.tv/news/20132/
    .
    #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง
    'อนุทิน' แฉ นักท่องเที่ยวจีนทิ้งไทย เพราะ 'แพทองธาร' ดันทุรังทำกาสิโน ทั้งที่ 'สี จิ้นผิง' เตือนแล้วอย่าทำ ยันรัฐบาลต้องยกเลิกถาวร https://www.thai-tai.tv/news/20132/ . #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #กาสิโน #กฎหมายกาสิโน #สถานบันเทิงครบวงจร #การพนัน #รัฐบาลไทย #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีน #ความสัมพันธ์ไทยจีน #แพทองธารชินวัตร #สีจิ้นผิง
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • ชอบบูลลี่ ชอบด่าเข้า ฟัง โฆษณาชวนเชื่อ มา แล้วแยกแยะไม่ได้...
    .
    ตอนนี้ นักท่องเที่ยวจีน ไม่มาแล้ว ไม่รู้ตอนนี้สบายใจรึยัง...???
    .
    ชอบบูลลี่ ชอบด่าเข้า ฟัง โฆษณาชวนเชื่อ มา แล้วแยกแยะไม่ได้... . ตอนนี้ นักท่องเที่ยวจีน ไม่มาแล้ว ไม่รู้ตอนนี้สบายใจรึยัง...??? . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • สะพานแก้วในจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของภูเขาที่จางเจียเจียในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน สะพานแก้วนี้ยาว 430 เมตร และสูงจากพื้นถึง 300 เมตร ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนอากาศ

    ค่าเข้าชมและข้อมูลการท่องเที่ยว :
    * ค่าเข้าชมสะพานแก้วประมาณ 160-200 หยวน (ประมาณ 750-950 บาท) ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโปรโมชั่น
    * บัตรเข้าชมรวมการเข้าชมพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะและเส้นทางชมวิว
    * เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8:30 น. - 18:00 น. (สามารถปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือสภาพอากาศ)
    * กิจกรรมที่น่าสนใจ: นอกจากการเดินบนสะพานแล้ว ยังสามารถเดินป่าชมวิวธรรมชาติและภูเขา

    การเดินทาง:
    * สามารถเดินทางโดยรถโดยสารจากตัวเมืองจางเจียเจีย หรือใช้รถไฟความเร็วสูง
    * มีบริการรถรับส่งจากสถานีรถไฟหรือสนามบินไปยังสะพานแก้ว

    สิ่งที่ควรเตรียม:
    * เสื้อผ้าสบายและรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน
    * กล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกความประทับใจ

    สะพานแก้วในจางเจียเจียไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิวที่ตื่นเต้น แต่ยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามไม่เหมือนใคร

    #Zhangjiajie #GlassBridge #สะพานแก้ว #ท่องเที่ยวจีน #วิวสวย #จางเจียเจี้ย #ธรรมชาติ #ท้าทาย #เที่ยวจีน #ทัวร์จีน #เดินทาง
    สะพานแก้วในจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) 🌉✨ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของภูเขาที่จางเจียเจียในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน 🇨🇳 สะพานแก้วนี้ยาว 430 เมตร และสูงจากพื้นถึง 300 เมตร 🌿 ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนอากาศ 🎢 ค่าเข้าชมและข้อมูลการท่องเที่ยว 💰: * ค่าเข้าชมสะพานแก้วประมาณ 160-200 หยวน (ประมาณ 750-950 บาท) ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโปรโมชั่น * บัตรเข้าชมรวมการเข้าชมพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะและเส้นทางชมวิว * เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8:30 น. - 18:00 น. (สามารถปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือสภาพอากาศ) * กิจกรรมที่น่าสนใจ: นอกจากการเดินบนสะพานแล้ว ยังสามารถเดินป่าชมวิวธรรมชาติและภูเขา การเดินทาง: * สามารถเดินทางโดยรถโดยสารจากตัวเมืองจางเจียเจีย หรือใช้รถไฟความเร็วสูง * มีบริการรถรับส่งจากสถานีรถไฟหรือสนามบินไปยังสะพานแก้ว สิ่งที่ควรเตรียม: * เสื้อผ้าสบายและรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน * กล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกความประทับใจ สะพานแก้วในจางเจียเจียไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิวที่ตื่นเต้น แต่ยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามไม่เหมือนใคร 🌄💫 #Zhangjiajie #GlassBridge #สะพานแก้ว #ท่องเที่ยวจีน #วิวสวย #จางเจียเจี้ย #ธรรมชาติ #ท้าทาย #เที่ยวจีน #ทัวร์จีน #เดินทาง
    0 Comments 1 Shares 518 Views 0 Reviews
  • วิกฤตถนนบรรทัดทองซบเซา นักท่องเที่ยวไม่เข้า หรือผู้ค้ารุกร้ำทางเท้า จนต้องจัดระเบียบ

    #News1 #Newsstory #จับประเด็น #ถนนบรรทัดทอง #นักท่องเที่ยวจีนหาย
    วิกฤตถนนบรรทัดทองซบเซา นักท่องเที่ยวไม่เข้า หรือผู้ค้ารุกร้ำทางเท้า จนต้องจัดระเบียบ #News1 #Newsstory #จับประเด็น #ถนนบรรทัดทอง #นักท่องเที่ยวจีนหาย
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 712 Views 24 0 Reviews
  • ทัวร์เฉิงตู พฤษภาคม 2568
    ราคา 18,881 บาท เดินทางโดย TG-การบินไทย
    จำนวนวัน: 4 วัน 3 คืน

    ท่องเที่ยวสุดพิเศษ:
    - นครเฉิงตู
    - เมืองตูเจียงเยี่ยน
    - จัตุรัสหย่างเทียนวู
    - แพนด้าเซลฟี่
    - สะพานหนานเฉียว

    ที่พัก:
    - ZHONGYAN INT HOTEL หรือเทียบเท่า
    - HOLIDAY INN EXPRESS HOTEL หรือเทียบเท่า

    รีบจองด่วน! ทัวร์เฉิงตู ที่นี่!
    #เฉิงตู #ทัวร์จีน #แพนด้า #การบินไทย #ทัวร์จีนราคาถูก #ท่องเที่ยวจีน #เที่ยวเฉิงตู #ทัวร์พฤษภาคม #เที่ยวจีน

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ec6564

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395
    🌟 ทัวร์เฉิงตู พฤษภาคม 2568 🌟 ราคา 18,881 บาท 💥 เดินทางโดย TG-การบินไทย ✈️ จำนวนวัน: 4 วัน 3 คืน 🗓️ 📍 ท่องเที่ยวสุดพิเศษ: - นครเฉิงตู 🏙️ - เมืองตูเจียงเยี่ยน 🏞️ - จัตุรัสหย่างเทียนวู 🏛️ - แพนด้าเซลฟี่ 🐼📸 - สะพานหนานเฉียว 🌉 🏨 ที่พัก: - ZHONGYAN INT HOTEL หรือเทียบเท่า 🏨 - HOLIDAY INN EXPRESS HOTEL หรือเทียบเท่า 🏨 📅 รีบจองด่วน! ทัวร์เฉิงตู ที่นี่! ✈️ #เฉิงตู #ทัวร์จีน #แพนด้า #การบินไทย #ทัวร์จีนราคาถูก #ท่องเที่ยวจีน #เที่ยวเฉิงตู #ทัวร์พฤษภาคม #เที่ยวจีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ec6564 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 Comments 0 Shares 1053 Views 0 Reviews
  • ทัวร์เฉิงตู พฤษภาคม 2568
    ราคา 18,881 บาท เดินทางโดย TG-การบินไทย
    จำนวนวัน: 4 วัน 3 คืน

    ท่องเที่ยวสุดพิเศษ:
    - นครเฉิงตู
    - เมืองตูเจียงเยี่ยน
    - จัตุรัสหย่างเทียนวู
    - แพนด้าเซลฟี่
    - สะพานหนานเฉียว

    ที่พัก:
    - ZHONGYAN INT HOTEL หรือเทียบเท่า
    - HOLIDAY INN EXPRESS HOTEL หรือเทียบเท่า

    รีบจองด่วน! ทัวร์เฉิงตู ที่นี่!
    #เฉิงตู #ทัวร์จีน #แพนด้า #การบินไทย #ทัวร์จีนราคาถูก #ท่องเที่ยวจีน #เที่ยวเฉิงตู #ทัวร์พฤษภาคม #เที่ยวจีน

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ec6564

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🌟 ทัวร์เฉิงตู พฤษภาคม 2568 🌟 ราคา 18,881 บาท 💥 เดินทางโดย TG-การบินไทย ✈️ จำนวนวัน: 4 วัน 3 คืน 🗓️ 📍 ท่องเที่ยวสุดพิเศษ: - นครเฉิงตู 🏙️ - เมืองตูเจียงเยี่ยน 🏞️ - จัตุรัสหย่างเทียนวู 🏛️ - แพนด้าเซลฟี่ 🐼📸 - สะพานหนานเฉียว 🌉 🏨 ที่พัก: - ZHONGYAN INT HOTEL หรือเทียบเท่า 🏨 - HOLIDAY INN EXPRESS HOTEL หรือเทียบเท่า 🏨 📅 รีบจองด่วน! ทัวร์เฉิงตู ที่นี่! ✈️ #เฉิงตู #ทัวร์จีน #แพนด้า #การบินไทย #ทัวร์จีนราคาถูก #ท่องเที่ยวจีน #เที่ยวเฉิงตู #ทัวร์พฤษภาคม #เที่ยวจีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ec6564 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 Comments 0 Shares 1071 Views 0 Reviews
  • 18 สถานที่ท่องเที่ยวจีน-ที่สุดในโลก
    18 สถานที่ท่องเที่ยวจีน-ที่สุดในโลก
    0 Comments 0 Shares 304 Views 5 0 Reviews
  • ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง

    สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

    แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ

    อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท

    แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา

    แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ

    #Newskit
    ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ #Newskit
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 1179 Views 0 Reviews
  • Little Thailand ยูนนาน เทียบชั้นท่องเที่ยวไทยได้ไหม?
    .
    “มณฑลยูนนาน” ที่กำลังโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็น “เมืองไทยในเมืองจีน” หรือ 小泰国 อันหมายความว่า Little Thailand และยิ่งเมื่อมีกระแส ความหวั่นเกรงต่อความปลอดภัย และความไม่มั่นใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในหมู่ชาวจีนด้วยแล้ว “สิบสองปันนา” ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ก็กลายเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวจีน และถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ
    .
    https://www.tiktok.com/@thedongfangbubai/video/7474228690612800773
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สิบสองปันนา #LittleThailand #ยูนนาน
    Little Thailand ยูนนาน เทียบชั้นท่องเที่ยวไทยได้ไหม? . “มณฑลยูนนาน” ที่กำลังโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็น “เมืองไทยในเมืองจีน” หรือ 小泰国 อันหมายความว่า Little Thailand และยิ่งเมื่อมีกระแส ความหวั่นเกรงต่อความปลอดภัย และความไม่มั่นใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในหมู่ชาวจีนด้วยแล้ว “สิบสองปันนา” ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ก็กลายเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวจีน และถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ . https://www.tiktok.com/@thedongfangbubai/video/7474228690612800773 . #บูรพาไม่แพ้ #สิบสองปันนา #LittleThailand #ยูนนาน
    @thedongfangbubai

    Little Thailand ยูนนาน เทียบชั้นท่องเที่ยวไทยได้ไหม? . “มณฑลยูนนาน” ที่กำลังโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็น “เมืองไทยในเมืองจีน” หรือ 小泰国 อันหมายความว่า Little Thailand และยิ่งเมื่อมีกระแส ความหวั่นเกรงต่อความปลอดภัย และความไม่มั่นใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในหมู่ชาวจีนด้วยแล้ว “สิบสองปันนา” ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ก็กลายเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวจีน และถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ . ติดตาม เพจ "บูรพาไม่แพ้" ที่ได้แอปฯ น้ำเงิน . #บูรพาไม่แพ้ #สิบสองปันนา #LittleThailand #ยูนนาน

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 870 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.109 : Little Thailand ยูนนาน เทียบชั้นท่องเที่ยวไทยได้ไหม?
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้จะเล่าถึงเรื่องของ “มณฑลยูนนาน” ที่กำลังโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็น “เมืองไทยในเมืองจีน” หรือ 小泰国 อันหมายความว่า Little Thailand และยิ่งเมื่อมีกระแส ความหวั่นเกรงต่อความปลอดภัย และความไม่มั่นใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในหมู่ชาวจีนด้วยแล้ว “สิบสองปันนา” ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ก็กลายเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวจีน และถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=lsVMJUb90zg
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ยูนนาน #สิบสองปันนา #LittleThailand
    บูรพาไม่แพ้ Ep.109 : Little Thailand ยูนนาน เทียบชั้นท่องเที่ยวไทยได้ไหม? . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้จะเล่าถึงเรื่องของ “มณฑลยูนนาน” ที่กำลังโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็น “เมืองไทยในเมืองจีน” หรือ 小泰国 อันหมายความว่า Little Thailand และยิ่งเมื่อมีกระแส ความหวั่นเกรงต่อความปลอดภัย และความไม่มั่นใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในหมู่ชาวจีนด้วยแล้ว “สิบสองปันนา” ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ก็กลายเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวจีน และถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=lsVMJUb90zg . #บูรพาไม่แพ้ #ยูนนาน #สิบสองปันนา #LittleThailand
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 873 Views 0 Reviews
  • 11 กุมภาพันธ์ 2568-รายงานข่าวnews.ch7.com ระบุว่าชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าวภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว วันนี้ (11 ก.พ.68) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งเคยมีบทบาทแฉขบวนการกลุ่มทุนจีนเทา ฝากข้อความวิเคราะห์ ประเด็นศาลฯ ยกฟ้องคดีตู้ห่าว โดยระบุถึง 8 ประเด็น ความผิดพลาดของคดีตู้ห่าว ดังนี้1.การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญจับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ2.เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ตุลาคม 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัยการ ป.ป.ส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ3.การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถตู้อัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน4. ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา5. การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว ในผับจินหลิง อาคารวิบวับฯ 2 ตัว จำนวนกล้อง 40 กล้อง และอาคารลีลา เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัว จำนวนกล้อง 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าวกับหลาน6.ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ออกหมายจับ 22 พฤศจิกายน 25657. แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าวโดนข้อหายาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสน จนกระทั่ง 24 ธันวาคม 2565 แจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งฟอกเงินกับตู้ห่าว โดยมาแจ้งในภายหลัง8. ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่าง ๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้วที่มา : https://news.ch7.com/detail/784300?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR32maa_Iu_r1eyqvV_J-LQX_6R96iKqYEYZtHTZwPyCzYcgV4vyC3lf-j0_aem_Wbsu5wDoZFo1T6XSFm1RjA#m70f2wjiy1oxa38wwc
    11 กุมภาพันธ์ 2568-รายงานข่าวnews.ch7.com ระบุว่าชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าวภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว วันนี้ (11 ก.พ.68) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งเคยมีบทบาทแฉขบวนการกลุ่มทุนจีนเทา ฝากข้อความวิเคราะห์ ประเด็นศาลฯ ยกฟ้องคดีตู้ห่าว โดยระบุถึง 8 ประเด็น ความผิดพลาดของคดีตู้ห่าว ดังนี้1.การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญจับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ2.เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ตุลาคม 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัยการ ป.ป.ส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ3.การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถตู้อัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน4. ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา5. การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว ในผับจินหลิง อาคารวิบวับฯ 2 ตัว จำนวนกล้อง 40 กล้อง และอาคารลีลา เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัว จำนวนกล้อง 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าวกับหลาน6.ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ออกหมายจับ 22 พฤศจิกายน 25657. แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าวโดนข้อหายาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสน จนกระทั่ง 24 ธันวาคม 2565 แจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งฟอกเงินกับตู้ห่าว โดยมาแจ้งในภายหลัง8. ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่าง ๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้วที่มา : https://news.ch7.com/detail/784300?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR32maa_Iu_r1eyqvV_J-LQX_6R96iKqYEYZtHTZwPyCzYcgV4vyC3lf-j0_aem_Wbsu5wDoZFo1T6XSFm1RjA#m70f2wjiy1oxa38wwc
    NEWS.CH7.COM
    ข่าวชูวิทย์วิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาด ยกฟ้องตู้ห่าว
    ชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าว ภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว…
    Like
    Angry
    2
    2 Comments 1 Shares 1177 Views 0 Reviews
  • นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
    .
    ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย
    .
    ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ
    .
    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    .
    #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ . ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย . ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ . นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ . #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    Haha
    Like
    Love
    20
    2 Comments 0 Shares 2883 Views 0 Reviews
  • พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์

    ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ

    นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน

    นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    #Newskit
    พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์ ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 994 Views 0 Reviews
  • ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกมาทำงานในไทยแต่ถูกจับไปกักขังที่พม่า ทำชาวโซเชียลจีนเดือด เชื่อเจ้าหน้าที่ไทยมีเอี่ยวแก๊งจีนเทา จนเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย เมืองไทยอันตราย เบื้องต้นทำนักท่องเที่ยวจีนหายไปราว 10,000 คนในช่วงตรุษจีนนี้ ขณะที่สื่อจีนประเมินว่าไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงราว 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007313

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกมาทำงานในไทยแต่ถูกจับไปกักขังที่พม่า ทำชาวโซเชียลจีนเดือด เชื่อเจ้าหน้าที่ไทยมีเอี่ยวแก๊งจีนเทา จนเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย เมืองไทยอันตราย เบื้องต้นทำนักท่องเที่ยวจีนหายไปราว 10,000 คนในช่วงตรุษจีนนี้ ขณะที่สื่อจีนประเมินว่าไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงราว 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007313 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    22
    0 Comments 0 Shares 1758 Views 0 Reviews