• พร้อมหรือยัง? ที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งปัญญาและความเข้าใจ... ไพ่พรหมญาณไม่ใช่แค่การทำนาย แต่เป็นการเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ 🔑 เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งโอกาสและอุปสรรค! 🎁

    ไพ่ตัวแทนทั้ง 12 ตำแหน่ง เล่าถึงเรื่องราวที่อาจจะเกิดขึ้นในดวงชะตาของคุณ! 🔮

    วาสนา: รู้ชะตาชีวิต... เตรียมรับโชคและระวังภัย! 🍀
    o ไพ่วาสนาเผยเส้นทางชีวิตของคุณ! ด้านดี: จะนำทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ 🏆 โอกาสที่คุณไม่ควรพลาด! ✨ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงอุปสรรคที่อาจขัดขวาง เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือและแก้ไข! 🚧

    ทรัพย์สิน: ร่ำรวยชาญฉลาด... อย่าประมาทในการลงทุน! 💰
    o เปิดประตูสู่ความมั่งคั่ง! 🗝️ ด้านดี: ชี้ช่องทางสู่โอกาสทางการเงินที่น่าสนใจ การลงทุนที่ชาญฉลาด! 📈 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การตัดสินใจที่ผิดพลาด เพื่อให้คุณรอบคอบในการบริหารจัดการเงินทอง! ⚠️

    บ้านช่อง: สวรรค์ในบ้าน... อย่าปล่อยปละละเลยความสัมพันธ์! 🏡
    o สร้างความสุขในครอบครัว! 🥰 ด้านดี: เสริมสร้างความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น! ❤️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น ความห่างเหินที่ต้องแก้ไข เพื่อให้คุณรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้! 🫂

    ญาติมิตร: เพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง... อย่าไว้ใจคนผิด! 🤝
    o เครือข่ายที่แข็งแกร่ง! 💪 ด้านดี: ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนแท้และพันธมิตร! 🤗 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงคนที่อาจเข้ามาหลอกลวง หรือทำให้คุณเดือดร้อน เพื่อให้คุณเลือกคบคนอย่างระมัดระวัง! 🙅‍♀️

    บุตรบริวาร: บริหารคนอย่างเข้าใจ... อย่าละเลยการดูแล! 👨‍👩‍👧‍👦
    o ทีมงานที่แข็งแกร่ง! 🧑‍🤝‍🧑 ด้านดี: ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากลูกน้อง! 🙌 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น การขาดความสามัคคี เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลและสร้างความเข้าใจในทีม! 🗣️

    ศัตรู: รู้เขารู้เรา... อย่าประมาทคู่แข่ง! 😈
    o เตรียมพร้อมรับมืออุปสรรค! 🛡️ ด้านดี: รู้ทันกลอุบายของศัตรู! 🕵️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงภัยที่มองไม่เห็น การถูกแทงข้างหลัง เพื่อให้คุณป้องกันตัวเองและหลีกเลี่ยงปัญหา! 🔪

    คู่ครอง: รักแท้ต้องดูแล... อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์จืดจาง! 💖
    o สร้างรักที่ยั่งยืน! ♾️ ด้านดี: มีความรัก ความเข้าใจ ความผูกพัน! 🥰 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความห่างเหิน เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลความสัมพันธ์และเติมความรักให้กันเสมอ! 💔

    โรคภัย: ดูแลสุขภาพ... อย่าละเลยสัญญาณเตือน! 🩺
    o สุขภาพดีคือสิ่งสำคัญ! 💪 ด้านดี: ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส! ☀️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเสี่ยงต่อโรคภัย การเจ็บป่วย เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลสุขภาพและป้องกันไว้ก่อน! 🤕

    ความสุข: เติมเต็มชีวิต... อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ! 😄
    o ค้นพบความสุขที่แท้จริง! 😇 ด้านดี: มีความสงบ ความพึงพอใจ ความรัก! 💕 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความทุกข์ ความเศร้า ความผิดหวัง เพื่อให้คุณมองโลกในแง่ดีและหาความสุขจากสิ่งรอบตัว! 😔

    การงาน: สร้างความสุขในที่ทำงาน... อย่าปล่อยให้ความเครียดครอบงำ! 🏢
    o รักงานที่ทำ! 🥰 ด้านดี: พบความสำเร็จและความพึงพอใจในอาชีพ! 🏆 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเครียด ความกดดัน ความขัดแย้ง เพื่อให้คุณหาทางผ่อนคลายและรักษาสมดุลในชีวิต! 😩

    ลาภยศ: โอกาสมาแล้ว... อย่าปล่อยให้หลุดมือ! 👑
    o ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน! 🚀 ด้านดี: ได้รับโอกาสในการเติบโต ชื่อเสียง และการยอมรับ! 👍 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญ การแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ! 🏋️

    ไพ่สรุป: ภาพรวมชีวิต... ทั้งดีและร้าย! 🖼️
    o ไขรหัสชีวิตของคุณ! 🧩 ไพ่สรุปจะรวบรวมทุกข้อมูล! ด้านดี: ชี้ให้เห็นโอกาสและความสำเร็จที่รออยู่! 🌟 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสม! 💡

    🌟 พร้อมหรือยังที่จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ชีวิต? มาดูดวงกับเรา! 🔮 เราพร้อมให้คำปรึกษาและนำทางคุณไปสู่ความสำเร็จและความสุขในทุกๆ ด้านของชีวิต! ✨ ติดต่อเราเลย! ส่งข้อความมาได้เลย! ✉️
    พร้อมหรือยัง? ที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งปัญญาและความเข้าใจ... ไพ่พรหมญาณไม่ใช่แค่การทำนาย แต่เป็นการเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ 🔑 เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งโอกาสและอุปสรรค! 🎁 ไพ่ตัวแทนทั้ง 12 ตำแหน่ง เล่าถึงเรื่องราวที่อาจจะเกิดขึ้นในดวงชะตาของคุณ! 🔮 วาสนา: รู้ชะตาชีวิต... เตรียมรับโชคและระวังภัย! 🍀 o ไพ่วาสนาเผยเส้นทางชีวิตของคุณ! ด้านดี: จะนำทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ 🏆 โอกาสที่คุณไม่ควรพลาด! ✨ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงอุปสรรคที่อาจขัดขวาง เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือและแก้ไข! 🚧 ทรัพย์สิน: ร่ำรวยชาญฉลาด... อย่าประมาทในการลงทุน! 💰 o เปิดประตูสู่ความมั่งคั่ง! 🗝️ ด้านดี: ชี้ช่องทางสู่โอกาสทางการเงินที่น่าสนใจ การลงทุนที่ชาญฉลาด! 📈 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การตัดสินใจที่ผิดพลาด เพื่อให้คุณรอบคอบในการบริหารจัดการเงินทอง! ⚠️ บ้านช่อง: สวรรค์ในบ้าน... อย่าปล่อยปละละเลยความสัมพันธ์! 🏡 o สร้างความสุขในครอบครัว! 🥰 ด้านดี: เสริมสร้างความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น! ❤️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น ความห่างเหินที่ต้องแก้ไข เพื่อให้คุณรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้! 🫂 ญาติมิตร: เพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง... อย่าไว้ใจคนผิด! 🤝 o เครือข่ายที่แข็งแกร่ง! 💪 ด้านดี: ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนแท้และพันธมิตร! 🤗 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงคนที่อาจเข้ามาหลอกลวง หรือทำให้คุณเดือดร้อน เพื่อให้คุณเลือกคบคนอย่างระมัดระวัง! 🙅‍♀️ บุตรบริวาร: บริหารคนอย่างเข้าใจ... อย่าละเลยการดูแล! 👨‍👩‍👧‍👦 o ทีมงานที่แข็งแกร่ง! 🧑‍🤝‍🧑 ด้านดี: ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากลูกน้อง! 🙌 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น การขาดความสามัคคี เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลและสร้างความเข้าใจในทีม! 🗣️ ศัตรู: รู้เขารู้เรา... อย่าประมาทคู่แข่ง! 😈 o เตรียมพร้อมรับมืออุปสรรค! 🛡️ ด้านดี: รู้ทันกลอุบายของศัตรู! 🕵️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงภัยที่มองไม่เห็น การถูกแทงข้างหลัง เพื่อให้คุณป้องกันตัวเองและหลีกเลี่ยงปัญหา! 🔪 คู่ครอง: รักแท้ต้องดูแล... อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์จืดจาง! 💖 o สร้างรักที่ยั่งยืน! ♾️ ด้านดี: มีความรัก ความเข้าใจ ความผูกพัน! 🥰 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความห่างเหิน เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลความสัมพันธ์และเติมความรักให้กันเสมอ! 💔 โรคภัย: ดูแลสุขภาพ... อย่าละเลยสัญญาณเตือน! 🩺 o สุขภาพดีคือสิ่งสำคัญ! 💪 ด้านดี: ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส! ☀️ ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเสี่ยงต่อโรคภัย การเจ็บป่วย เพื่อให้คุณใส่ใจดูแลสุขภาพและป้องกันไว้ก่อน! 🤕 ความสุข: เติมเต็มชีวิต... อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ! 😄 o ค้นพบความสุขที่แท้จริง! 😇 ด้านดี: มีความสงบ ความพึงพอใจ ความรัก! 💕 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความทุกข์ ความเศร้า ความผิดหวัง เพื่อให้คุณมองโลกในแง่ดีและหาความสุขจากสิ่งรอบตัว! 😔 การงาน: สร้างความสุขในที่ทำงาน... อย่าปล่อยให้ความเครียดครอบงำ! 🏢 o รักงานที่ทำ! 🥰 ด้านดี: พบความสำเร็จและความพึงพอใจในอาชีพ! 🏆 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความเครียด ความกดดัน ความขัดแย้ง เพื่อให้คุณหาทางผ่อนคลายและรักษาสมดุลในชีวิต! 😩 ลาภยศ: โอกาสมาแล้ว... อย่าปล่อยให้หลุดมือ! 👑 o ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน! 🚀 ด้านดี: ได้รับโอกาสในการเติบโต ชื่อเสียง และการยอมรับ! 👍 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญ การแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ! 🏋️ ไพ่สรุป: ภาพรวมชีวิต... ทั้งดีและร้าย! 🖼️ o ไขรหัสชีวิตของคุณ! 🧩 ไพ่สรุปจะรวบรวมทุกข้อมูล! ด้านดี: ชี้ให้เห็นโอกาสและความสำเร็จที่รออยู่! 🌟 ด้านที่ต้องระวัง: เตือนถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสม! 💡 🌟 พร้อมหรือยังที่จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ชีวิต? มาดูดวงกับเรา! 🔮 เราพร้อมให้คำปรึกษาและนำทางคุณไปสู่ความสำเร็จและความสุขในทุกๆ ด้านของชีวิต! ✨ ติดต่อเราเลย! ส่งข้อความมาได้เลย! ✉️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯไทยหัวใจกัมพูชา ห่วงผลกระทบเหมน จนนึกว่าเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝั่งกัมพูชา ไอ่สมเสร็จมันจึงได้ใจ ท้าทาย ตอบโต้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อุ๊งอิ๊ง
    #นายกไทยหัวใจกัมพูชา
    นายกฯไทยหัวใจกัมพูชา ห่วงผลกระทบเหมน จนนึกว่าเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝั่งกัมพูชา ไอ่สมเสร็จมันจึงได้ใจ ท้าทาย ตอบโต้ #คิงส์โพธิ์แดง #อุ๊งอิ๊ง #นายกไทยหัวใจกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมความเร็วสูงสุด 512GB/s
    PCI-SIG ได้ประกาศ เปิดตัวมาตรฐาน PCIe 7.0 อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน และ เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s

    PCIe 7.0 เพิ่มอัตราการส่งข้อมูลเป็น 128 GT/s ต่อเลน ซึ่ง เร็วกว่า PCIe 6.0 ถึงสองเท่า และเร็วกว่า PCIe 5.0 ถึงสี่เท่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมอัตราการส่งข้อมูล 128 GT/s ต่อเลน
    - สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน
    - ใช้เทคนิค PAM4 signaling และ FLIT encoding เหมือน PCIe 6.0
    - ต้องเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz เพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น
    - PCI-SIG เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    PCIe 7.0 จะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น 800G Ethernet, Ultra Ethernet และ Quantum Computing

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz อาจทำให้การรักษาคุณภาพสัญญาณบนสายทองแดงเป็นเรื่องท้าทาย
    - PCIe 7.0 อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - PCIe 8.0 อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลแทนสายทองแดงเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น
    - ต้องติดตามว่า PCIe 7.0 จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่

    🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อความเร็วสูง
    PCI-SIG กำลังพัฒนา PCIe 8.0 ซึ่งอาจมีความเร็วถึง 1TB/s และ อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลเพื่อรองรับการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/pcie-7-0-spec-finalized-with-up-to-512gb-s-speeds-pci-sig-targets-1tb-s-for-8-0-as-exploration-phase-begins
    🚀 PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมความเร็วสูงสุด 512GB/s PCI-SIG ได้ประกาศ เปิดตัวมาตรฐาน PCIe 7.0 อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน และ เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s PCIe 7.0 เพิ่มอัตราการส่งข้อมูลเป็น 128 GT/s ต่อเลน ซึ่ง เร็วกว่า PCIe 6.0 ถึงสองเท่า และเร็วกว่า PCIe 5.0 ถึงสี่เท่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมอัตราการส่งข้อมูล 128 GT/s ต่อเลน - สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน - ใช้เทคนิค PAM4 signaling และ FLIT encoding เหมือน PCIe 6.0 - ต้องเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz เพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น - PCI-SIG เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี PCIe 7.0 จะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น 800G Ethernet, Ultra Ethernet และ Quantum Computing ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz อาจทำให้การรักษาคุณภาพสัญญาณบนสายทองแดงเป็นเรื่องท้าทาย - PCIe 7.0 อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - PCIe 8.0 อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลแทนสายทองแดงเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น - ต้องติดตามว่า PCIe 7.0 จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่ 🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อความเร็วสูง PCI-SIG กำลังพัฒนา PCIe 8.0 ซึ่งอาจมีความเร็วถึง 1TB/s และ อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลเพื่อรองรับการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/pcie-7-0-spec-finalized-with-up-to-512gb-s-speeds-pci-sig-targets-1tb-s-for-8-0-as-exploration-phase-begins
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡ อนาคตของซูเปอร์คอมพิวเตอร์: พลังงานจะเป็นปัจจัยสำคัญกว่าประสิทธิภาพ
    Mark Papermaster, CTO ของ AMD เน้นย้ำว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในอนาคตจะต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วในการประมวลผล โดยอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับ ความท้าทายด้านการใช้พลังงานและระบบระบายความร้อน

    Papermaster ชี้ให้เห็นว่าความต้องการด้าน AI และการคำนวณประสิทธิภาพสูง (HPC) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ ข้อจำกัดด้านพลังงานและแบนด์วิดท์หน่วยความจำกำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AMD CTO ระบุว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็ว
    - การใช้พลังงานของ AI data centers อาจสูงถึงหลายร้อยเมกะวัตต์
    - หน่วยความจำต้องเพิ่มแบนด์วิดท์เป็นสองเท่าทุกสองปีเพื่อรองรับความต้องการของ AI
    - AMD กำลังพัฒนา Instinct MI355X ซึ่งให้ประสิทธิภาพ inference สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 35 เท่า
    - เทคโนโลยี Ultra Ethernet อาจช่วยลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และ HPC
    Papermaster เตือนว่าการใช้พลังงานของ accelerators อาจสูงถึง 1,600W ภายในปี 2026 และอาจแตะ 2,000W ในอนาคต ทำให้ อุตสาหกรรมต้องพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้พลังงานของ AI data centers อาจเพิ่มขึ้นจนต้องใช้พลังงานระดับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    - AMD ยอมรับว่าการพัฒนา 2nm chip มีต้นทุนสูงมาก และต้องใช้เครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์
    - Nvidia กำลังเปิด NVLink ให้ผู้ผลิตรายอื่นเพื่อแข่งขันกับ Ultra Ethernet
    - ต้องติดตามว่า RISC-V จะสามารถพัฒนาไปถึงระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้หรือไม่

    🚀 อนาคตของซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    Papermaster มองว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในอนาคตจะต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับงานที่หลากหลาย โดย โมเดลการสร้างแบบโมดูลาร์ เช่น Jupiter อาจเป็นแนวทางที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งระบบได้ดีขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108283-amd-cto-foresees-smarter-greener-more-flexible-era.html
    ⚡ อนาคตของซูเปอร์คอมพิวเตอร์: พลังงานจะเป็นปัจจัยสำคัญกว่าประสิทธิภาพ Mark Papermaster, CTO ของ AMD เน้นย้ำว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในอนาคตจะต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วในการประมวลผล โดยอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับ ความท้าทายด้านการใช้พลังงานและระบบระบายความร้อน Papermaster ชี้ให้เห็นว่าความต้องการด้าน AI และการคำนวณประสิทธิภาพสูง (HPC) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ ข้อจำกัดด้านพลังงานและแบนด์วิดท์หน่วยความจำกำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD CTO ระบุว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็ว - การใช้พลังงานของ AI data centers อาจสูงถึงหลายร้อยเมกะวัตต์ - หน่วยความจำต้องเพิ่มแบนด์วิดท์เป็นสองเท่าทุกสองปีเพื่อรองรับความต้องการของ AI - AMD กำลังพัฒนา Instinct MI355X ซึ่งให้ประสิทธิภาพ inference สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 35 เท่า - เทคโนโลยี Ultra Ethernet อาจช่วยลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และ HPC Papermaster เตือนว่าการใช้พลังงานของ accelerators อาจสูงถึง 1,600W ภายในปี 2026 และอาจแตะ 2,000W ในอนาคต ทำให้ อุตสาหกรรมต้องพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้พลังงานของ AI data centers อาจเพิ่มขึ้นจนต้องใช้พลังงานระดับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ - AMD ยอมรับว่าการพัฒนา 2nm chip มีต้นทุนสูงมาก และต้องใช้เครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์ - Nvidia กำลังเปิด NVLink ให้ผู้ผลิตรายอื่นเพื่อแข่งขันกับ Ultra Ethernet - ต้องติดตามว่า RISC-V จะสามารถพัฒนาไปถึงระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ 🚀 อนาคตของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Papermaster มองว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในอนาคตจะต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับงานที่หลากหลาย โดย โมเดลการสร้างแบบโมดูลาร์ เช่น Jupiter อาจเป็นแนวทางที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งระบบได้ดีขึ้น https://www.techspot.com/news/108283-amd-cto-foresees-smarter-greener-more-flexible-era.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD CTO: power constraints, not compute, will shape tomorrow's supercomputers
    Papermaster began by highlighting the continued surge in demand for high-performance computing, driven primarily by artificial intelligence. He pointed to the emergence of new systems in Germany...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 นักวิจัยสอนหุ่นยนต์เล่นแบดมินตันด้วย AI และ Nvidia RTX
    นักวิจัยจาก ETH Zürich ได้พัฒนา หุ่นยนต์สี่ขา ANYmal-D ให้สามารถ เล่นแบดมินตันได้โดยใช้ AI และการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning) โดยใช้ Nvidia RTX 2080 Ti ในการฝึกฝน

    หุ่นยนต์ เรียนรู้การเคลื่อนไหวและการตีลูกแบดมินตันโดยไม่ต้องมีการตั้งโปรแกรมล่วงหน้า โดยใช้ Isaac Gym virtual simulator

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัยจาก ETH Zürich พัฒนาหุ่นยนต์ ANYmal-D ให้เล่นแบดมินตันได้
    - ใช้ AI และ Reinforcement Learning ในการฝึกฝน
    - หุ่นยนต์เรียนรู้การเคลื่อนไหวผ่าน Isaac Gym virtual simulator
    - ใช้ Nvidia RTX 2080 Ti ในการฝึกฝนกว่า 7,500 รอบ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
    - สามารถติดตามลูกแบดมินตันด้วยกล้องสเตอริโอในตัว และใช้โมเดลพยากรณ์เสียงรบกวนเพื่อคาดการณ์ตำแหน่งของลูกแบด

    🔥 ผลกระทบต่อการพัฒนาหุ่นยนต์
    เทคนิคนี้ ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องตั้งโปรแกรมทีละขั้นตอน ซึ่งอาจ นำไปใช้กับงานอื่น ๆ เช่น การตรวจสอบอุตสาหกรรมและการช่วยเหลือฉุกเฉิน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการฝึกหุ่นยนต์ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์สูง
    - ต้องติดตามว่าหุ่นยนต์จะสามารถเล่นแบดมินตันได้ดีขึ้นเมื่อพัฒนาเพิ่มเติมหรือไม่
    - การนำ AI ไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงยังคงเป็นความท้าทาย
    - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถนำไปใช้กับหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้หรือไม่

    🚀 อนาคตของหุ่นยนต์ AI
    หุ่นยนต์ที่สามารถ เรียนรู้การเคลื่อนไหวแบบเต็มตัวโดยไม่ต้องตั้งโปรแกรมทีละขั้นตอน อาจ ช่วยให้การพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรมและการช่วยเหลือฉุกเฉินมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108279-researchers-teach-robot-play-badminton-using-nvidia-rtx.html
    🤖 นักวิจัยสอนหุ่นยนต์เล่นแบดมินตันด้วย AI และ Nvidia RTX นักวิจัยจาก ETH Zürich ได้พัฒนา หุ่นยนต์สี่ขา ANYmal-D ให้สามารถ เล่นแบดมินตันได้โดยใช้ AI และการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning) โดยใช้ Nvidia RTX 2080 Ti ในการฝึกฝน หุ่นยนต์ เรียนรู้การเคลื่อนไหวและการตีลูกแบดมินตันโดยไม่ต้องมีการตั้งโปรแกรมล่วงหน้า โดยใช้ Isaac Gym virtual simulator ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัยจาก ETH Zürich พัฒนาหุ่นยนต์ ANYmal-D ให้เล่นแบดมินตันได้ - ใช้ AI และ Reinforcement Learning ในการฝึกฝน - หุ่นยนต์เรียนรู้การเคลื่อนไหวผ่าน Isaac Gym virtual simulator - ใช้ Nvidia RTX 2080 Ti ในการฝึกฝนกว่า 7,500 รอบ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง - สามารถติดตามลูกแบดมินตันด้วยกล้องสเตอริโอในตัว และใช้โมเดลพยากรณ์เสียงรบกวนเพื่อคาดการณ์ตำแหน่งของลูกแบด 🔥 ผลกระทบต่อการพัฒนาหุ่นยนต์ เทคนิคนี้ ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องตั้งโปรแกรมทีละขั้นตอน ซึ่งอาจ นำไปใช้กับงานอื่น ๆ เช่น การตรวจสอบอุตสาหกรรมและการช่วยเหลือฉุกเฉิน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการฝึกหุ่นยนต์ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์สูง - ต้องติดตามว่าหุ่นยนต์จะสามารถเล่นแบดมินตันได้ดีขึ้นเมื่อพัฒนาเพิ่มเติมหรือไม่ - การนำ AI ไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงยังคงเป็นความท้าทาย - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถนำไปใช้กับหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้หรือไม่ 🚀 อนาคตของหุ่นยนต์ AI หุ่นยนต์ที่สามารถ เรียนรู้การเคลื่อนไหวแบบเต็มตัวโดยไม่ต้องตั้งโปรแกรมทีละขั้นตอน อาจ ช่วยให้การพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรมและการช่วยเหลือฉุกเฉินมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techspot.com/news/108279-researchers-teach-robot-play-badminton-using-nvidia-rtx.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers teach robot to play badminton using Nvidia RTX machine learning
    Scientists at ETH Zürich recently published a study and video (below) explaining how they trained a quadrupedal robot to play badminton. The research could demonstrate the usefulness...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✈️ JetZero ลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตเครื่องบินใน North Carolina
    JetZero สตาร์ทอัพด้านการบินของสหรัฐฯ ประกาศลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง โรงงานผลิตเครื่องบินและสำนักงานใหญ่ในรัฐ North Carolina โดยได้รับ การสนับสนุนจาก United Airlines และ Alaska Airlines

    JetZero จะ ผลิตเครื่องบิน Z4 แบบ Blended Wing Body ซึ่งเป็น เครื่องบินโดยสารขนาด 250 ที่นั่งที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - JetZero ลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานผลิตเครื่องบินที่ Greensboro, North Carolina
    - ได้รับเงินสนับสนุนจาก United Airlines และ Alaska Airlines
    - รัฐ North Carolina ให้เงินจูงใจด้านภาษีมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ หากบริษัทสร้างงานกว่า 14,000 ตำแหน่งระหว่างปี 2027-2036
    - โครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติม 450 ล้านดอลลาร์สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน
    - JetZero มีคำสั่งซื้อแบบมีเงื่อนไขสำหรับเครื่องบิน Z4 จำนวน 100 ลำจาก United Airlines และตัวเลือกสำหรับอีก 100 ลำ

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบิน
    JetZero เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่พยายามพัฒนาเครื่องบินที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง เพื่อช่วยให้ สายการบินบรรลุเป้าหมาย Net Zero

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - อุตสาหกรรมการบินมีต้นทุนสูง และสตาร์ทอัพหลายรายประสบปัญหาทางการเงินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    - การสรรหาพนักงานที่มีประสบการณ์ด้านการบินในภูมิภาคนี้อาจเป็นความท้าทาย
    - ต้องติดตามว่า JetZero จะสามารถผลิตเครื่องบิน Z4 ได้ตามแผนหรือไม่
    - การแข่งขันในตลาดเครื่องบินพลังงานสะอาดกำลังรุนแรงขึ้น โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Boom Supersonic ที่เปิดโรงงานในพื้นที่เดียวกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/aircraft-startup-jetzero-to-invest-47-billion-over-a-decade-in-north-carolina-hq
    ✈️ JetZero ลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตเครื่องบินใน North Carolina JetZero สตาร์ทอัพด้านการบินของสหรัฐฯ ประกาศลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง โรงงานผลิตเครื่องบินและสำนักงานใหญ่ในรัฐ North Carolina โดยได้รับ การสนับสนุนจาก United Airlines และ Alaska Airlines JetZero จะ ผลิตเครื่องบิน Z4 แบบ Blended Wing Body ซึ่งเป็น เครื่องบินโดยสารขนาด 250 ที่นั่งที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูง ✅ ข้อมูลจากข่าว - JetZero ลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานผลิตเครื่องบินที่ Greensboro, North Carolina - ได้รับเงินสนับสนุนจาก United Airlines และ Alaska Airlines - รัฐ North Carolina ให้เงินจูงใจด้านภาษีมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ หากบริษัทสร้างงานกว่า 14,000 ตำแหน่งระหว่างปี 2027-2036 - โครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติม 450 ล้านดอลลาร์สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน - JetZero มีคำสั่งซื้อแบบมีเงื่อนไขสำหรับเครื่องบิน Z4 จำนวน 100 ลำจาก United Airlines และตัวเลือกสำหรับอีก 100 ลำ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบิน JetZero เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่พยายามพัฒนาเครื่องบินที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง เพื่อช่วยให้ สายการบินบรรลุเป้าหมาย Net Zero ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - อุตสาหกรรมการบินมีต้นทุนสูง และสตาร์ทอัพหลายรายประสบปัญหาทางการเงินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา - การสรรหาพนักงานที่มีประสบการณ์ด้านการบินในภูมิภาคนี้อาจเป็นความท้าทาย - ต้องติดตามว่า JetZero จะสามารถผลิตเครื่องบิน Z4 ได้ตามแผนหรือไม่ - การแข่งขันในตลาดเครื่องบินพลังงานสะอาดกำลังรุนแรงขึ้น โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Boom Supersonic ที่เปิดโรงงานในพื้นที่เดียวกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/aircraft-startup-jetzero-to-invest-47-billion-over-a-decade-in-north-carolina-hq
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Aircraft startup JetZero to invest $4.7 billion over a decade in North Carolina HQ
    (Reuters) -U.S. aircraft startup JetZero, which has secured investments from United Airlines and Alaska Airlines, will invest $4.7 billion over a decade on a production facility and headquarters in North Carolina, the state said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‼️สิ่งที่ลุงรอกำลังจะมาแล้วววววว.....

    🚀 Nvidia เปิดตัวชิป N1X ที่อาจท้าทาย Intel และ AMD ในตลาดแล็ปท็อป
    Nvidia กำลังเข้าสู่ตลาด Windows-on-Arm ด้วย N1X SoC ซึ่งมี 20 คอร์ และทำคะแนน 3,096 คะแนนใน Geekbench (single-core) โดยมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX

    Nvidia ได้ร่วมมือกับ MediaTek เพื่อพัฒนา CPU ที่ใช้ Arm Cortex cores โดยชิปนี้ ถูกทดสอบบน HP development board ที่ใช้ Ubuntu 24.04.1

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia N1X มี 20 คอร์ (10x Cortex-X925 + 10x Cortex-A725)
    - ทำคะแนน 3,096 (single-core) และ 18,837 (multi-core) ใน Geekbench
    - ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell GPU ที่มี 6,144 CUDA cores
    - ทดสอบบน HP development board พร้อม RAM 128GB (8GB สำหรับ GPU)
    - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX

    🔥 การแข่งขันในตลาดชิปแล็ปท็อป
    แม้ว่า N1X จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ยังตามหลัง Apple M4 Max ที่ทำคะแนน 4,054 (single-core) และ 25,913 (multi-core)

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Nvidia ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ N1X SoC
    - Apple M4 Max ยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพใน Geekbench
    - ต้องติดตามว่า Nvidia จะเปิดตัวชิปนี้ในปี 2026 หรือไม่
    - AMD และ Qualcomm กำลังพัฒนา SoC ใหม่ เช่น Sound Wave APUs และ Snapdragon X2

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidias-20-core-n1x-leaks-with-3000-single-core-geekbench-score-arm-chip-could-rival-intel-and-amds-laptop-offerings
    ‼️สิ่งที่ลุงรอกำลังจะมาแล้วววววว..... 🚀 Nvidia เปิดตัวชิป N1X ที่อาจท้าทาย Intel และ AMD ในตลาดแล็ปท็อป Nvidia กำลังเข้าสู่ตลาด Windows-on-Arm ด้วย N1X SoC ซึ่งมี 20 คอร์ และทำคะแนน 3,096 คะแนนใน Geekbench (single-core) โดยมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX Nvidia ได้ร่วมมือกับ MediaTek เพื่อพัฒนา CPU ที่ใช้ Arm Cortex cores โดยชิปนี้ ถูกทดสอบบน HP development board ที่ใช้ Ubuntu 24.04.1 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia N1X มี 20 คอร์ (10x Cortex-X925 + 10x Cortex-A725) - ทำคะแนน 3,096 (single-core) และ 18,837 (multi-core) ใน Geekbench - ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell GPU ที่มี 6,144 CUDA cores - ทดสอบบน HP development board พร้อม RAM 128GB (8GB สำหรับ GPU) - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX 🔥 การแข่งขันในตลาดชิปแล็ปท็อป แม้ว่า N1X จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ยังตามหลัง Apple M4 Max ที่ทำคะแนน 4,054 (single-core) และ 25,913 (multi-core) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Nvidia ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ N1X SoC - Apple M4 Max ยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพใน Geekbench - ต้องติดตามว่า Nvidia จะเปิดตัวชิปนี้ในปี 2026 หรือไม่ - AMD และ Qualcomm กำลังพัฒนา SoC ใหม่ เช่น Sound Wave APUs และ Snapdragon X2 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidias-20-core-n1x-leaks-with-3000-single-core-geekbench-score-arm-chip-could-rival-intel-and-amds-laptop-offerings
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚖 Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin เดือนนี้
    Elon Musk ได้ประกาศว่า Tesla พร้อมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ใน Austin, Texas โดยกำหนดวันเปิดตัว เบื้องต้นเป็นวันที่ 22 มิถุนายน แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจาก Tesla ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

    Tesla ได้เผยแพร่ วิดีโอของรถ Model Y ที่ขับเคลื่อนเองบนถนนใน Austin โดยรถเหล่านี้มี คำว่า "Robotaxi" ติดอยู่ด้านข้าง และไม่มีคนขับอยู่หลังพวงมาลัย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin วันที่ 22 มิถุนายน
    - Elon Musk ระบุว่าการเปิดตัวอาจเลื่อนออกไปเพื่อความปลอดภัย
    - Tesla วางแผนให้รถ Model Y ขับเคลื่อนเองจากโรงงานไปยังบ้านลูกค้าเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน
    - การเปิดตัวครั้งแรกจะจำกัดจำนวนรถเพียง 10-20 คัน ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น Los Angeles และ San Francisco
    - Tesla ใช้เทคโนโลยี geofencing เพื่อให้ Robotaxi วิ่งเฉพาะในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

    🔥 การแข่งขันในตลาด Robotaxi
    Austin กลายเป็น ศูนย์กลางการทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Waymo และ Zoox ที่กำลังดำเนินการทดสอบในเมืองนี้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Tesla ยังต้องพิสูจน์ว่า Robotaxi สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมจริง
    - Waymo และ Zoox มีข้อได้เปรียบในการให้บริการเชิงพาณิชย์มาก่อน Tesla
    - Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและการยอมรับจากสาธารณะ
    - ต้องติดตามว่าการเปิดตัว Robotaxi จะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ Tesla อย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108273-tesla-robotaxi-service-launch-june-22-austin.html
    🚖 Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin เดือนนี้ Elon Musk ได้ประกาศว่า Tesla พร้อมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ใน Austin, Texas โดยกำหนดวันเปิดตัว เบื้องต้นเป็นวันที่ 22 มิถุนายน แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจาก Tesla ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก Tesla ได้เผยแพร่ วิดีโอของรถ Model Y ที่ขับเคลื่อนเองบนถนนใน Austin โดยรถเหล่านี้มี คำว่า "Robotaxi" ติดอยู่ด้านข้าง และไม่มีคนขับอยู่หลังพวงมาลัย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin วันที่ 22 มิถุนายน - Elon Musk ระบุว่าการเปิดตัวอาจเลื่อนออกไปเพื่อความปลอดภัย - Tesla วางแผนให้รถ Model Y ขับเคลื่อนเองจากโรงงานไปยังบ้านลูกค้าเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน - การเปิดตัวครั้งแรกจะจำกัดจำนวนรถเพียง 10-20 คัน ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น Los Angeles และ San Francisco - Tesla ใช้เทคโนโลยี geofencing เพื่อให้ Robotaxi วิ่งเฉพาะในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด 🔥 การแข่งขันในตลาด Robotaxi Austin กลายเป็น ศูนย์กลางการทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Waymo และ Zoox ที่กำลังดำเนินการทดสอบในเมืองนี้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Tesla ยังต้องพิสูจน์ว่า Robotaxi สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมจริง - Waymo และ Zoox มีข้อได้เปรียบในการให้บริการเชิงพาณิชย์มาก่อน Tesla - Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและการยอมรับจากสาธารณะ - ต้องติดตามว่าการเปิดตัว Robotaxi จะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ Tesla อย่างไร https://www.techspot.com/news/108273-tesla-robotaxi-service-launch-june-22-austin.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla's long-awaited robotaxi service is coming to Austin this month
    Replying to an X user asking about when public rides would begin, Musk said the launch date is "tentatively" set for June 22, but the actual timing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Fidji Simo: จากครอบครัวชาวประมงสู่ผู้บริหารระดับสูงใน Silicon Valley
    Fidji Simo กำลังจะกลายเป็น ผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI โดยจะทำหน้าที่ ดูแลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้ CEO Sam Altman สามารถ มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน

    Simo เติบโตใน ครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะเข้าเรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนจะก้าวเข้าสู่ Meta และ Instacart

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Fidji Simo จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI ดูแลการดำเนินงานของบริษัท
    - เติบโตในครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส
    - เรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนย้ายไป Meta ในปี 2011
    - เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ Meta สู่แพลตฟอร์มวิดีโอในปี 2014
    - เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Instacart ในปี 2021 และทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2022

    🔥 ความท้าทายที่รออยู่ใน OpenAI
    แม้ว่า OpenAI จะเป็น หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่บริษัท กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมากและความไม่แน่นอนด้านการบริหาร

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - OpenAI กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมาก แม้จะประสบความสำเร็จกับ ChatGPT
    - บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหลายครั้ง รวมถึงการปลดและคืนตำแหน่งของ Sam Altman ในปี 2023
    - ต้องติดตามว่า Simo จะสามารถช่วยให้ OpenAI มีเสถียรภาพด้านการบริหารได้หรือไม่
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดยมีคู่แข่งอย่าง Google DeepMind และ Anthropic

    การเข้ามาของ Simo อาจช่วยให้ OpenAI มีความมั่นคงมากขึ้น และ สามารถขยายธุรกิจไปสู่การใช้งาน AI ในระดับองค์กร อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของบริษัทอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/from-fishing-family-to-big-tech-french-ceo-takes-on-silicon-valley
    🚀 Fidji Simo: จากครอบครัวชาวประมงสู่ผู้บริหารระดับสูงใน Silicon Valley Fidji Simo กำลังจะกลายเป็น ผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI โดยจะทำหน้าที่ ดูแลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้ CEO Sam Altman สามารถ มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน Simo เติบโตใน ครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะเข้าเรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนจะก้าวเข้าสู่ Meta และ Instacart ✅ ข้อมูลจากข่าว - Fidji Simo จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI ดูแลการดำเนินงานของบริษัท - เติบโตในครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส - เรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนย้ายไป Meta ในปี 2011 - เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ Meta สู่แพลตฟอร์มวิดีโอในปี 2014 - เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Instacart ในปี 2021 และทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2022 🔥 ความท้าทายที่รออยู่ใน OpenAI แม้ว่า OpenAI จะเป็น หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่บริษัท กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมากและความไม่แน่นอนด้านการบริหาร ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - OpenAI กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมาก แม้จะประสบความสำเร็จกับ ChatGPT - บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหลายครั้ง รวมถึงการปลดและคืนตำแหน่งของ Sam Altman ในปี 2023 - ต้องติดตามว่า Simo จะสามารถช่วยให้ OpenAI มีเสถียรภาพด้านการบริหารได้หรือไม่ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดยมีคู่แข่งอย่าง Google DeepMind และ Anthropic การเข้ามาของ Simo อาจช่วยให้ OpenAI มีความมั่นคงมากขึ้น และ สามารถขยายธุรกิจไปสู่การใช้งาน AI ในระดับองค์กร อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของบริษัทอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/from-fishing-family-to-big-tech-french-ceo-takes-on-silicon-valley
    WWW.THESTAR.COM.MY
    From fishing family to Big Tech: French CEO takes on Silicon Valley
    At just 39 years old, Fidji Simo is poised to become OpenAI's second-in-command after leaving her mark at two other major tech firms, including Meta.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔐 8 บทเรียนสำคัญที่ CISOs ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์
    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นไปที่ การตอบสนองที่รวดเร็วและการป้องกันเชิงรุก เพื่อให้สามารถ ปรับกลยุทธ์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัย

    🔍 บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์โจมตี
    1️⃣ การแบ่งปันบทเรียนช่วยให้ทุกคนปลอดภัยขึ้น

    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ควรแบ่งปันประสบการณ์เพื่อช่วยให้ชุมชนปลอดภัยขึ้น

    การวิเคราะห์เหตุการณ์โดยไม่มีการตำหนิ ช่วยให้สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    2️⃣ ต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก

    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตี ต้องปรับแนวคิดให้เข้าใจการโจมตีมากขึ้น

    การฝึกซ้อม Red Team และ Live Fire Drill ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ดีขึ้น

    3️⃣ ต้องมีแผนรับมือที่ชัดเจน
    - การมีแผนรับมือที่ดี ช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนอง
    - ควรกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

    4️⃣ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    - แฮกเกอร์มักโจมตีระบบสำรองข้อมูลก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อสามารถกู้คืนข้อมูลได้
    - ควรตรวจสอบและทดสอบระบบสำรองข้อมูลเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์แฝงอยู่

    5️⃣ ต้องตั้งมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น
    - หลังจากเหตุการณ์โจมตี CISOs ควรปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น
    - การฝึกซ้อม Tabletop Exercise ช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น

    6️⃣ อย่าหลงไปกับเทคโนโลยีใหม่โดยไม่จำเป็น
    - CISOs ควรให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่และการตรวจจับภัยคุกคามมากกว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่
    - การใช้ Zero Trust และ Passwordless Authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือที่ซับซ้อน

    7️⃣ งบประมาณด้านความปลอดภัยอาจลดลงหลังเหตุการณ์โจมตี
    - หลังจากเหตุการณ์โจมตี องค์กรอาจเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยชั่วคราว
    - CISOs ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้หลังจากงบประมาณลดลง

    8️⃣ ต้องดูแลสุขภาพจิตของตนเอง
    - CISOs ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์โจมตี มักเผชิญกับความเครียดสูง
    - ควรมีแผนดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔥 ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย
    ‼️ องค์กรที่ไม่มีงบประมาณเพียงพออาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    ‼️ การพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อน
    ‼️ CISOs ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายบริหารในการลดต้นทุนด้านความปลอดภัย
    ‼️ ต้องติดตามแนวโน้มภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์

    https://www.csoonline.com/article/4002175/8-things-cisos-have-learnt-from-cyber-incidents.html
    🔐 8 บทเรียนสำคัญที่ CISOs ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นไปที่ การตอบสนองที่รวดเร็วและการป้องกันเชิงรุก เพื่อให้สามารถ ปรับกลยุทธ์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัย 🔍 บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์โจมตี 1️⃣ การแบ่งปันบทเรียนช่วยให้ทุกคนปลอดภัยขึ้น CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ควรแบ่งปันประสบการณ์เพื่อช่วยให้ชุมชนปลอดภัยขึ้น การวิเคราะห์เหตุการณ์โดยไม่มีการตำหนิ ช่วยให้สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2️⃣ ต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตี ต้องปรับแนวคิดให้เข้าใจการโจมตีมากขึ้น การฝึกซ้อม Red Team และ Live Fire Drill ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ดีขึ้น 3️⃣ ต้องมีแผนรับมือที่ชัดเจน - การมีแผนรับมือที่ดี ช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนอง - ควรกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว 4️⃣ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย - แฮกเกอร์มักโจมตีระบบสำรองข้อมูลก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อสามารถกู้คืนข้อมูลได้ - ควรตรวจสอบและทดสอบระบบสำรองข้อมูลเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์แฝงอยู่ 5️⃣ ต้องตั้งมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น - หลังจากเหตุการณ์โจมตี CISOs ควรปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น - การฝึกซ้อม Tabletop Exercise ช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น 6️⃣ อย่าหลงไปกับเทคโนโลยีใหม่โดยไม่จำเป็น - CISOs ควรให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่และการตรวจจับภัยคุกคามมากกว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่ - การใช้ Zero Trust และ Passwordless Authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือที่ซับซ้อน 7️⃣ งบประมาณด้านความปลอดภัยอาจลดลงหลังเหตุการณ์โจมตี - หลังจากเหตุการณ์โจมตี องค์กรอาจเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยชั่วคราว - CISOs ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้หลังจากงบประมาณลดลง 8️⃣ ต้องดูแลสุขภาพจิตของตนเอง - CISOs ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์โจมตี มักเผชิญกับความเครียดสูง - ควรมีแผนดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔥 ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย ‼️ องค์กรที่ไม่มีงบประมาณเพียงพออาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ การพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อน ‼️ CISOs ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายบริหารในการลดต้นทุนด้านความปลอดภัย ‼️ ต้องติดตามแนวโน้มภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ https://www.csoonline.com/article/4002175/8-things-cisos-have-learnt-from-cyber-incidents.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    8 things CISOs have learned from cyber incidents
    CISOs who have been through cyber attacks share some of the enduring lessons that have changed their approach to cybersecurity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤝 OpenAI ขยายความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพด้าน AI
    OpenAI ได้ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อช่วยรองรับความต้องการด้านการประมวลผลสำหรับ การฝึกและใช้งานโมเดล AI ซึ่งถือเป็นการขยายแหล่งทรัพยากร นอกเหนือจาก Microsoft Azure

    แม้ว่า OpenAI และ Google จะเป็นคู่แข่งกันในตลาด AI แต่ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI สามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - OpenAI ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI
    - ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI ขยายแหล่งทรัพยากรนอกเหนือจาก Microsoft Azure
    - OpenAI จะสามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google
    - Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) มีรายได้จาก Google Cloud สูงถึง 43 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
    - OpenAI มีอัตราการเติบโตสูง โดยมีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์

    🔥 ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Google
    แม้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ Google Cloud มีลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ Google ต้องบริหารทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Google ต้องจัดสรรทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก
    - Google Cloud กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความต้องการทรัพยากรที่สูงขึ้น
    - OpenAI กำลังพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก
    - ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อตกลงนี้อย่างไร

    การขยายความร่วมมือกับ Google Cloud ช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดหาทรัพยากร และ อาจช่วยให้ Google Cloud แข่งขันกับ Microsoft Azure ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร

    https://www.neowin.net/news/openai-to-use-google-cloud-despite-rivalry-diversifying-beyond-microsoft/
    🤝 OpenAI ขยายความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพด้าน AI OpenAI ได้ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อช่วยรองรับความต้องการด้านการประมวลผลสำหรับ การฝึกและใช้งานโมเดล AI ซึ่งถือเป็นการขยายแหล่งทรัพยากร นอกเหนือจาก Microsoft Azure แม้ว่า OpenAI และ Google จะเป็นคู่แข่งกันในตลาด AI แต่ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI สามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI ✅ ข้อมูลจากข่าว - OpenAI ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI - ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI ขยายแหล่งทรัพยากรนอกเหนือจาก Microsoft Azure - OpenAI จะสามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google - Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) มีรายได้จาก Google Cloud สูงถึง 43 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 - OpenAI มีอัตราการเติบโตสูง โดยมีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์ 🔥 ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Google แม้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ Google Cloud มีลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ Google ต้องบริหารทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Google ต้องจัดสรรทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก - Google Cloud กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความต้องการทรัพยากรที่สูงขึ้น - OpenAI กำลังพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก - ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อตกลงนี้อย่างไร การขยายความร่วมมือกับ Google Cloud ช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดหาทรัพยากร และ อาจช่วยให้ Google Cloud แข่งขันกับ Microsoft Azure ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร https://www.neowin.net/news/openai-to-use-google-cloud-despite-rivalry-diversifying-beyond-microsoft/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI to use Google Cloud despite rivalry, diversifying beyond Microsoft
    OpenAI and Google Cloud have reportedly reached a deal that will allow OpenAI to train its models on Google Cloud infrastructure.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 Firefox 139.0.4 อัปเดตใหม่ แก้ไขปัญหาค้างและข้อบกพร่องบน Windows
    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.4 ซึ่งเป็นอัปเดตล่าสุดที่ แก้ไขปัญหาการค้างของเบราว์เซอร์ เมื่อสลับแอปพลิเคชันหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ รวมถึง แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงและการตั้งค่าภาพพื้นหลังบน Windows

    Firefox 139.0.4 มาพร้อมกับแพตช์ด้านความปลอดภัย ที่แก้ไขช่องโหว่สำคัญ เช่น Memory Corruption ใน canvas surfaces และ Integer Overflow ใน OrderedHashTable ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Firefox 139.0.4 แก้ไขปัญหาค้างเมื่อสลับแอปหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์
    - แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงในหน้าการตั้งค่า
    - แก้ไขปัญหาการเลือกข้อความเมื่อคลิกสามครั้งในบางสถานการณ์
    - แก้ไขชื่อไฟล์ผิดพลาดเมื่อตั้งค่าภาพเป็นพื้นหลังบน Windows
    - อัปเดตด้านความปลอดภัย รวมถึงการแก้ไข Memory Corruption และ Integer Overflow

    🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การอัปเดตนี้ช่วยให้ Firefox มีเสถียรภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Chrome และ Edge

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ควรอัปเดต Firefox เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ Firefox ยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติม
    - Mozilla กำลังลดจำนวนบริการที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เช่น Pocket และ Fakespot
    - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/firefox-13904-fixes-browser-freezes-wallpaper-bugs-on-windows-and-more/
    🔧 Firefox 139.0.4 อัปเดตใหม่ แก้ไขปัญหาค้างและข้อบกพร่องบน Windows Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.4 ซึ่งเป็นอัปเดตล่าสุดที่ แก้ไขปัญหาการค้างของเบราว์เซอร์ เมื่อสลับแอปพลิเคชันหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ รวมถึง แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงและการตั้งค่าภาพพื้นหลังบน Windows Firefox 139.0.4 มาพร้อมกับแพตช์ด้านความปลอดภัย ที่แก้ไขช่องโหว่สำคัญ เช่น Memory Corruption ใน canvas surfaces และ Integer Overflow ใน OrderedHashTable ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Firefox 139.0.4 แก้ไขปัญหาค้างเมื่อสลับแอปหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ - แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงในหน้าการตั้งค่า - แก้ไขปัญหาการเลือกข้อความเมื่อคลิกสามครั้งในบางสถานการณ์ - แก้ไขชื่อไฟล์ผิดพลาดเมื่อตั้งค่าภาพเป็นพื้นหลังบน Windows - อัปเดตด้านความปลอดภัย รวมถึงการแก้ไข Memory Corruption และ Integer Overflow 🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การอัปเดตนี้ช่วยให้ Firefox มีเสถียรภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Chrome และ Edge ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ควรอัปเดต Firefox เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - แม้จะมีการแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ Firefox ยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติม - Mozilla กำลังลดจำนวนบริการที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เช่น Pocket และ Fakespot - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหรือไม่ https://www.neowin.net/news/firefox-13904-fixes-browser-freezes-wallpaper-bugs-on-windows-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox 139.0.4 fixes browser freezes, wallpaper bugs on Windows, and more
    Firefox 139.0.4 is here to fix some bugs and issues, such as freezes when switching between apps, wallpaper bugs on Windows, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพานแก้วในจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) 🌉✨ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของภูเขาที่จางเจียเจียในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน 🇨🇳 สะพานแก้วนี้ยาว 430 เมตร และสูงจากพื้นถึง 300 เมตร 🌿 ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนอากาศ 🎢

    ค่าเข้าชมและข้อมูลการท่องเที่ยว 💰:
    * ค่าเข้าชมสะพานแก้วประมาณ 160-200 หยวน (ประมาณ 750-950 บาท) ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโปรโมชั่น
    * บัตรเข้าชมรวมการเข้าชมพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะและเส้นทางชมวิว
    * เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8:30 น. - 18:00 น. (สามารถปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือสภาพอากาศ)
    * กิจกรรมที่น่าสนใจ: นอกจากการเดินบนสะพานแล้ว ยังสามารถเดินป่าชมวิวธรรมชาติและภูเขา

    การเดินทาง:
    * สามารถเดินทางโดยรถโดยสารจากตัวเมืองจางเจียเจีย หรือใช้รถไฟความเร็วสูง
    * มีบริการรถรับส่งจากสถานีรถไฟหรือสนามบินไปยังสะพานแก้ว

    สิ่งที่ควรเตรียม:
    * เสื้อผ้าสบายและรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน
    * กล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกความประทับใจ

    สะพานแก้วในจางเจียเจียไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิวที่ตื่นเต้น แต่ยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามไม่เหมือนใคร 🌄💫

    #Zhangjiajie #GlassBridge #สะพานแก้ว #ท่องเที่ยวจีน #วิวสวย #จางเจียเจี้ย #ธรรมชาติ #ท้าทาย #เที่ยวจีน #ทัวร์จีน #เดินทาง
    สะพานแก้วในจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) 🌉✨ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของภูเขาที่จางเจียเจียในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน 🇨🇳 สะพานแก้วนี้ยาว 430 เมตร และสูงจากพื้นถึง 300 เมตร 🌿 ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนอากาศ 🎢 ค่าเข้าชมและข้อมูลการท่องเที่ยว 💰: * ค่าเข้าชมสะพานแก้วประมาณ 160-200 หยวน (ประมาณ 750-950 บาท) ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโปรโมชั่น * บัตรเข้าชมรวมการเข้าชมพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะและเส้นทางชมวิว * เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8:30 น. - 18:00 น. (สามารถปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือสภาพอากาศ) * กิจกรรมที่น่าสนใจ: นอกจากการเดินบนสะพานแล้ว ยังสามารถเดินป่าชมวิวธรรมชาติและภูเขา การเดินทาง: * สามารถเดินทางโดยรถโดยสารจากตัวเมืองจางเจียเจีย หรือใช้รถไฟความเร็วสูง * มีบริการรถรับส่งจากสถานีรถไฟหรือสนามบินไปยังสะพานแก้ว สิ่งที่ควรเตรียม: * เสื้อผ้าสบายและรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน * กล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกความประทับใจ สะพานแก้วในจางเจียเจียไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิวที่ตื่นเต้น แต่ยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามไม่เหมือนใคร 🌄💫 #Zhangjiajie #GlassBridge #สะพานแก้ว #ท่องเที่ยวจีน #วิวสวย #จางเจียเจี้ย #ธรรมชาติ #ท้าทาย #เที่ยวจีน #ทัวร์จีน #เดินทาง
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jetstar Asia โบกมือลา ยุติกิจการ 31 ก.ค.นี้

    ธุรกิจการบินในอาเซียนเริ่มมีผู้ออกจากเกม เมื่อเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป (Jetstar Group) ประกาศปิดกิจการสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (Jetstar Asia) ซึ่งมีฐานการบินอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้รหัส 3K  โดยทยอยลดเที่ยวบินลง ก่อนยุติกิจการในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ให้เหตุผลว่าสายการบินฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งต้นทุนจากผู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าบริการด้านการบิน รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แม้จะพยายามลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาราคาค่าโดยสารให้ถูกลงได้อย่างยั่งยืน

    สำหรับเที่ยวบินของเจ็ทสตาร์เอเชีย (รหัส 3K) ยังคงให้บริการตามปกติ แต่อาจมีการลดจำนวนเที่ยวบินลง หากมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจะติดต่อกลับไปยังผู้โดยสาร หากไม่ได้รับการติดต่อแสดงว่าเที่ยวบินยังคงให้บริการตามปกติ แต่หากเดินทางหลังวันที่ 31 ก.ค. มีสิทธิ์ขอคืนเงินเต็มจำนวนไปยังช่องทางที่ใช้ชำระเงิน และจะมีการติดต่อกลับโดยตรง หรือเข้าไปที่หน้า Manage Booking เพื่อดำเนินการคืนเงินด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินกับสายการบินเจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส (รหัส JQ) หรือเจ็ทสตาร์ เจแปน (รหัส GK) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินใดๆ

    สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (3K) เป็นสายการบินราคาประหยัดในกลุ่มเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเวสต์บรู๊ค อินเวสต์เมนต์ ประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้น 51% และกลุ่มบริษัทสายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียถือหุ้น 49% มีฐานการบินที่ประเทศสิงคโปร์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2546 เส้นทางสิงคโปร์-ฮ่องกง ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะสั้น จากท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ ไปยัง 16 เส้นทางใน 9 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ไปยังปลายทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ภูเก็ต และกระบี่

    เส้นทางยอดนิยมของสายการบินนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (สุวรรณภูมิ) ไป-กลับสัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน เดนปาซาร์ (บาหลี) อินโดนีเซีย 28 เที่ยวบิน จาการ์ตา อินโดนีเซีย 21 เที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย 21 เที่ยวบิน มะนิลา ฟิลิปปินส์ 18 เที่ยวบิน และภูเก็ต 15 เที่ยวบิน การปิดกิจการของเจ็ทสตาร์ เอเชีย จะกระทบกับพนักงานมากกว่า 500 คนในสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ส่วนเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 13 ลำ จะทยอยถูกนำกลับไปใช้ให้บริการเส้นทางบินภายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มแควนตัสได้ถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย

    #Newskit
    Jetstar Asia โบกมือลา ยุติกิจการ 31 ก.ค.นี้ ธุรกิจการบินในอาเซียนเริ่มมีผู้ออกจากเกม เมื่อเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป (Jetstar Group) ประกาศปิดกิจการสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (Jetstar Asia) ซึ่งมีฐานการบินอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้รหัส 3K  โดยทยอยลดเที่ยวบินลง ก่อนยุติกิจการในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ให้เหตุผลว่าสายการบินฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งต้นทุนจากผู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าบริการด้านการบิน รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แม้จะพยายามลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาราคาค่าโดยสารให้ถูกลงได้อย่างยั่งยืน สำหรับเที่ยวบินของเจ็ทสตาร์เอเชีย (รหัส 3K) ยังคงให้บริการตามปกติ แต่อาจมีการลดจำนวนเที่ยวบินลง หากมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจะติดต่อกลับไปยังผู้โดยสาร หากไม่ได้รับการติดต่อแสดงว่าเที่ยวบินยังคงให้บริการตามปกติ แต่หากเดินทางหลังวันที่ 31 ก.ค. มีสิทธิ์ขอคืนเงินเต็มจำนวนไปยังช่องทางที่ใช้ชำระเงิน และจะมีการติดต่อกลับโดยตรง หรือเข้าไปที่หน้า Manage Booking เพื่อดำเนินการคืนเงินด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินกับสายการบินเจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส (รหัส JQ) หรือเจ็ทสตาร์ เจแปน (รหัส GK) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินใดๆ สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (3K) เป็นสายการบินราคาประหยัดในกลุ่มเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเวสต์บรู๊ค อินเวสต์เมนต์ ประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้น 51% และกลุ่มบริษัทสายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียถือหุ้น 49% มีฐานการบินที่ประเทศสิงคโปร์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2546 เส้นทางสิงคโปร์-ฮ่องกง ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะสั้น จากท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ ไปยัง 16 เส้นทางใน 9 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ไปยังปลายทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ภูเก็ต และกระบี่ เส้นทางยอดนิยมของสายการบินนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (สุวรรณภูมิ) ไป-กลับสัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน เดนปาซาร์ (บาหลี) อินโดนีเซีย 28 เที่ยวบิน จาการ์ตา อินโดนีเซีย 21 เที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย 21 เที่ยวบิน มะนิลา ฟิลิปปินส์ 18 เที่ยวบิน และภูเก็ต 15 เที่ยวบิน การปิดกิจการของเจ็ทสตาร์ เอเชีย จะกระทบกับพนักงานมากกว่า 500 คนในสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ส่วนเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 13 ลำ จะทยอยถูกนำกลับไปใช้ให้บริการเส้นทางบินภายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มแควนตัสได้ถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ว่างงานจัด วันๆ โพสเย้ยท้าทาย ลอกปรัชญาจีนเอาหล่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นนักสู้ขี้แพ้ แม้แต่ประชาชนของตัวเองยังปล่อยให้มาเป็นขอทานเต็มบ้านเมืองไทย หัดเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก่อนดีไหม
    #7ดอกจิก
    #ฮุนเซน
    #ฮุนมาเนต
    #นี่หรือคือผู้นำ
    ♣ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ว่างงานจัด วันๆ โพสเย้ยท้าทาย ลอกปรัชญาจีนเอาหล่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นนักสู้ขี้แพ้ แม้แต่ประชาชนของตัวเองยังปล่อยให้มาเป็นขอทานเต็มบ้านเมืองไทย หัดเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก่อนดีไหม #7ดอกจิก #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #นี่หรือคือผู้นำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡ Inversion Semiconductor เตรียมปฏิวัติการผลิตชิปด้วยเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็ก
    Inversion Semiconductor ซึ่งเป็น สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Y Combinator กำลังพัฒนา เครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กแบบตั้งโต๊ะ ที่สามารถ เพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า โดยใช้ เทคนิค Laser Wakefield Acceleration (LWFA)

    🔍 วิธีการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาค
    เครื่องเร่งอนุภาคของ Inversion Semiconductor มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า แต่สามารถ ให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Inversion Semiconductor พัฒนาเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตชิป
    - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า
    - ใช้ Laser Wakefield Acceleration (LWFA) ซึ่งช่วยให้สามารถเร่งอิเล็กตรอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - เครื่องเร่งอนุภาคนี้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า
    - สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า

    🔥 ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี
    แม้ว่าแนวคิดนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและใช้พลังงานมาก
    - Inversion Semiconductor ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงานที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
    - ต้องพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด หากไม่สามารถร่วมมือกับ ASML หรือผู้ผลิตเครื่องมืออื่น ๆ
    - การใช้แหล่งกำเนิดแสงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 10nm อาจมีข้อจำกัดด้านการดูดซับแสงของวัสดุ

    หาก Inversion Semiconductor สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ การผลิตชิปมีความเร็วสูงขึ้นและลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคได้หรือไม่


    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/plans-to-shrink-particle-accelerators-by-1000x-could-speed-chipmaking-by-15x-inversion-semiconductor-proposes-tabletop-particle-accelerators-with-petawatt-lasers
    ⚡ Inversion Semiconductor เตรียมปฏิวัติการผลิตชิปด้วยเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็ก Inversion Semiconductor ซึ่งเป็น สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Y Combinator กำลังพัฒนา เครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กแบบตั้งโต๊ะ ที่สามารถ เพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า โดยใช้ เทคนิค Laser Wakefield Acceleration (LWFA) 🔍 วิธีการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาค เครื่องเร่งอนุภาคของ Inversion Semiconductor มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า แต่สามารถ ให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Inversion Semiconductor พัฒนาเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตชิป - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า - ใช้ Laser Wakefield Acceleration (LWFA) ซึ่งช่วยให้สามารถเร่งอิเล็กตรอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เครื่องเร่งอนุภาคนี้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า - สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า 🔥 ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี แม้ว่าแนวคิดนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและใช้พลังงานมาก - Inversion Semiconductor ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงานที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง - ต้องพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด หากไม่สามารถร่วมมือกับ ASML หรือผู้ผลิตเครื่องมืออื่น ๆ - การใช้แหล่งกำเนิดแสงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 10nm อาจมีข้อจำกัดด้านการดูดซับแสงของวัสดุ หาก Inversion Semiconductor สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ การผลิตชิปมีความเร็วสูงขึ้นและลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/plans-to-shrink-particle-accelerators-by-1000x-could-speed-chipmaking-by-15x-inversion-semiconductor-proposes-tabletop-particle-accelerators-with-petawatt-lasers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💰 Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI
    Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center

    🔍 เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave
    Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์
    - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล
    - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล
    - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm
    - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่
    - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
    - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น

    Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    💰 Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center 🔍 เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต ✅ ข้อมูลจากข่าว - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่ - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่ - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Qualcomm strengthens AI portfolio with $2.4 billion Alphawave deal
    (Reuters) -U.S. chipmaker Qualcomm agreed to acquire Alphawave for about $2.4 billion on Monday, as it expands into the booming AI data center market, sending shares of the British semiconductor company surging more than 22%.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง
    Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI

    Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026
    - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile
    - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น
    - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ

    🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา
    Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่
    - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต
    - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่

    https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026 - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่ - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่ https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    COMPUTERCITY.COM
    Intel Panther Lake Coming In 2025: Latest News
    Intel’s Panther Lake processors are shaping up to be one of the company’s most ambitious generational shifts in years—bringing together bleeding-edge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเย็นใกล้มืดนี้ก็ควรลดความคิดแย่ๆลงเพื่อคิดแต่เรื่องที่ควรจะทำให้สำเร็จไปเลย จะได้ไม่รู้สึกหนักหัว และลองอยู่กับสิ่งที่ทำให้รู้สึกกังวล เหมือนท้าทาย Toxic รอบตัวเรา ทุกวันนี้ก็ยังต้องนั่งทบทวนตัวเองอยู่ว่าจะตามความคาดหวังของคนรอบข้างรวมทั้งแรงกดดันรอบด้าน หรือจะไม่ตามดี ผมว่าไม่ตามน่ะดีแล้ว เพราะกว่าจะบรรจุก็อีกนาน ส่วนหลังบรรจุถ้ามันกดดันเกินไปและได้ตำแหน่งไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็ต้อง ขอสละสิทธิ์ ไปเลย
    ช่วงเย็นใกล้มืดนี้ก็ควรลดความคิดแย่ๆลงเพื่อคิดแต่เรื่องที่ควรจะทำให้สำเร็จไปเลย จะได้ไม่รู้สึกหนักหัว และลองอยู่กับสิ่งที่ทำให้รู้สึกกังวล เหมือนท้าทาย Toxic รอบตัวเรา ทุกวันนี้ก็ยังต้องนั่งทบทวนตัวเองอยู่ว่าจะตามความคาดหวังของคนรอบข้างรวมทั้งแรงกดดันรอบด้าน หรือจะไม่ตามดี ผมว่าไม่ตามน่ะดีแล้ว เพราะกว่าจะบรรจุก็อีกนาน ส่วนหลังบรรจุถ้ามันกดดันเกินไปและได้ตำแหน่งไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็ต้อง ขอสละสิทธิ์ ไปเลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น

    เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

    🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม
    1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น
    การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ

    ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้

    2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา
    เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น

    สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา

    3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป
    อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง

    ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน

    🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy
    1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว
    เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน

    การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา

    2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร
    หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร

    การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง

    3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน
    เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง

    ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว

    ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท
    - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล

    - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ

    - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม

    ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️
    ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย

    หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง 🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม 1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้ 2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา 3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน 🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy 1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา 2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง 3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️ ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📱 Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือพับสามส่วน แต่การชาร์จอาจไม่เร็วอย่างที่หวัง
    Samsung กำลังเตรียมเปิดตัว มือถือพับสามส่วน (tri-fold phone) ซึ่งอาจใช้ชื่อ Galaxy G Fold โดยมีหน้าจอ 6.49 นิ้วด้านนอก และ 9.96 นิ้วด้านใน อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลในจีน ระบุว่า มือถือรุ่นนี้จะรองรับการชาร์จแบบมีสายเพียง 25W ซึ่งเทียบเท่ากับ Galaxy S25 และ Galaxy Z Fold 6

    แม้ว่าการชาร์จ 25W จะเป็นมาตรฐานของ Samsung ในปัจจุบัน แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Oppo Find N5 ที่รองรับ 80W หรือ Galaxy S25 Ultra ที่รองรับ 45W อาจทำให้ผู้ใช้บางส่วนผิดหวัง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือพับสามส่วน อาจใช้ชื่อ Galaxy G Fold
    - มีหน้าจอ 6.49 นิ้วด้านนอก และ 9.96 นิ้วด้านใน
    - รองรับการชาร์จแบบมีสาย 25W เทียบเท่ากับ Galaxy S25 และ Galaxy Z Fold 6
    - Oppo Find N5 รองรับการชาร์จ 80W และ Galaxy S25 Ultra รองรับ 45W
    - อาจเปิดตัวพร้อมกับ Galaxy Z Fold 7 และ Galaxy Z Flip 7 ในเดือนกรกฎาคม

    🔥 ความท้าทายด้านราคาและการผลิต
    มีรายงานว่า Samsung อาจตั้งราคาสูงถึง $3,500 (ประมาณ 128,000 บาท) สำหรับมือถือรุ่นนี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะ ต้นทุนการผลิตที่สูงจากการใช้เทคโนโลยีพับสามส่วน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ราคาสูงถึง $3,500 อาจทำให้มือถือรุ่นนี้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้ยาก
    - การชาร์จ 25W อาจไม่เร็วพอเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด
    - ต้องติดตามว่า Samsung จะสามารถผลิตมือถือพับสามส่วนในปริมาณมากได้หรือไม่
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความทนทานของกลไกพับสามส่วน

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมือถือพับ
    หาก Samsung สามารถเปิดตัวมือถือพับสามส่วนได้สำเร็จ อาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับข้อจำกัดด้านการชาร์จและราคาหรือไม่

    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-upcoming-samsing-tri-fold-phone-may-take-a-while-to-charge-up
    📱 Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือพับสามส่วน แต่การชาร์จอาจไม่เร็วอย่างที่หวัง Samsung กำลังเตรียมเปิดตัว มือถือพับสามส่วน (tri-fold phone) ซึ่งอาจใช้ชื่อ Galaxy G Fold โดยมีหน้าจอ 6.49 นิ้วด้านนอก และ 9.96 นิ้วด้านใน อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลในจีน ระบุว่า มือถือรุ่นนี้จะรองรับการชาร์จแบบมีสายเพียง 25W ซึ่งเทียบเท่ากับ Galaxy S25 และ Galaxy Z Fold 6 แม้ว่าการชาร์จ 25W จะเป็นมาตรฐานของ Samsung ในปัจจุบัน แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Oppo Find N5 ที่รองรับ 80W หรือ Galaxy S25 Ultra ที่รองรับ 45W อาจทำให้ผู้ใช้บางส่วนผิดหวัง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือพับสามส่วน อาจใช้ชื่อ Galaxy G Fold - มีหน้าจอ 6.49 นิ้วด้านนอก และ 9.96 นิ้วด้านใน - รองรับการชาร์จแบบมีสาย 25W เทียบเท่ากับ Galaxy S25 และ Galaxy Z Fold 6 - Oppo Find N5 รองรับการชาร์จ 80W และ Galaxy S25 Ultra รองรับ 45W - อาจเปิดตัวพร้อมกับ Galaxy Z Fold 7 และ Galaxy Z Flip 7 ในเดือนกรกฎาคม 🔥 ความท้าทายด้านราคาและการผลิต มีรายงานว่า Samsung อาจตั้งราคาสูงถึง $3,500 (ประมาณ 128,000 บาท) สำหรับมือถือรุ่นนี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะ ต้นทุนการผลิตที่สูงจากการใช้เทคโนโลยีพับสามส่วน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ราคาสูงถึง $3,500 อาจทำให้มือถือรุ่นนี้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้ยาก - การชาร์จ 25W อาจไม่เร็วพอเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด - ต้องติดตามว่า Samsung จะสามารถผลิตมือถือพับสามส่วนในปริมาณมากได้หรือไม่ - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความทนทานของกลไกพับสามส่วน 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมือถือพับ หาก Samsung สามารถเปิดตัวมือถือพับสามส่วนได้สำเร็จ อาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับข้อจำกัดด้านการชาร์จและราคาหรือไม่ https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-upcoming-samsing-tri-fold-phone-may-take-a-while-to-charge-up
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล สั่งการให้กองกำลัง IDF ขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อหยุดทีมนักเคลื่อนไหวที่นำโดย เกรต้า ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวสาวชาวสวีเดนพาเรือ "แมดลีน" (Madeleine) ที่บรรทุกสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังกาซา ซึ่งถือเป็นการท้าทายอำนาจของกองกำลังอิสราเอลในการปิดล้อมกาซา

    “ผมมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดไปยังกองกำลังอิสราเอลให้ดำเนินการทุกอย่าง เพื่อไม่ให้กองเรือ ‘แมดลีน’ เดินทางมาถึงกาซา ผมขอพูดอย่างชัดเจนถึงเกรตาผู้ต่อต้านชาวยิวและเพื่อนๆ ของเธอว่า คุณต้องถอยกลับ เพราะคุณจะไม่มีวันไปถึงกาซาอย่างแน่นอน

    อิสราเอลจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่ละเมิดกฎการการปิดล้อมในกาซา ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือฮามาสองค์กรก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่จับตัวประกันของเรา และก่ออาชญากรรมสงคราม” แคทซ์ กล่าวอย่างไม่อายใคร!
    อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล สั่งการให้กองกำลัง IDF ขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อหยุดทีมนักเคลื่อนไหวที่นำโดย เกรต้า ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวสาวชาวสวีเดนพาเรือ "แมดลีน" (Madeleine) ที่บรรทุกสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังกาซา ซึ่งถือเป็นการท้าทายอำนาจของกองกำลังอิสราเอลในการปิดล้อมกาซา “ผมมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดไปยังกองกำลังอิสราเอลให้ดำเนินการทุกอย่าง เพื่อไม่ให้กองเรือ ‘แมดลีน’ เดินทางมาถึงกาซา ผมขอพูดอย่างชัดเจนถึงเกรตาผู้ต่อต้านชาวยิวและเพื่อนๆ ของเธอว่า คุณต้องถอยกลับ เพราะคุณจะไม่มีวันไปถึงกาซาอย่างแน่นอน อิสราเอลจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่ละเมิดกฎการการปิดล้อมในกาซา ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือฮามาสองค์กรก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่จับตัวประกันของเรา และก่ออาชญากรรมสงคราม” แคทซ์ กล่าวอย่างไม่อายใคร!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎥 YouTube Creators กับบทบาทใหม่ในการฝึก AI
    ปัจจุบัน YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยให้สิทธิ์ 18 บริษัท AI รายใหญ่ ใช้เนื้อหาวิดีโอเพื่อพัฒนาโมเดล AI โดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งเป็นแนวทางที่ เน้นอิทธิพลมากกว่ารายได้

    แม้ว่าจะไม่มีค่าตอบแทนโดยตรง ครีเอเตอร์หลายคนมองว่าการเข้าร่วมช่วยให้เนื้อหาของพวกเขามีอิทธิพลต่อการพัฒนา AI ซึ่งอาจทำให้ วิดีโอของพวกเขาถูกนำไปใช้ในคำตอบของ AI writers และโมเดล AI ด้านการเขียนโค้ด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยไม่มีค่าตอบแทน
    - 18 บริษัท AI รายใหญ่สามารถใช้วิดีโอที่ได้รับอนุญาตเพื่อพัฒนาโมเดล
    - ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มอิทธิพลของเนื้อหาของตน
    - Oxylabs เปิดตัวชุดข้อมูล YouTube ที่ได้รับความยินยอมจากครีเอเตอร์กว่า 1 ล้านช่อง
    - วิดีโอเหล่านี้ถูกใช้เพื่อฝึก AI ด้านการสร้างภาพและวิดีโอ

    🔥 ความท้าทายด้านลิขสิทธิ์และกฎหมาย
    แม้ว่า Oxylabs จะเน้นการใช้ข้อมูลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มี กฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ครีเอเตอร์ที่ไม่ได้เลือกเข้าร่วมจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องตรวจสอบการตั้งค่าของตนเอง
    - กฎหมายเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ
    - UK’s Data (Use and Access) Bill ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และอาจส่งผลต่อการใช้ข้อมูลในอนาคต
    - แม้จะเป็นโมเดลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมและมูลค่าของเนื้อหา

    การเปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI อาจช่วยให้โมเดล AI มีข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากฎหมายและแนวทางการคุ้มครองสิทธิ์จะพัฒนาไปในทิศทางใด

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/thousands-of-youtubers-are-letting-ai-firms-train-on-their-original-videos-for-absolutely-free-and-heres-why
    🎥 YouTube Creators กับบทบาทใหม่ในการฝึก AI ปัจจุบัน YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยให้สิทธิ์ 18 บริษัท AI รายใหญ่ ใช้เนื้อหาวิดีโอเพื่อพัฒนาโมเดล AI โดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งเป็นแนวทางที่ เน้นอิทธิพลมากกว่ารายได้ แม้ว่าจะไม่มีค่าตอบแทนโดยตรง ครีเอเตอร์หลายคนมองว่าการเข้าร่วมช่วยให้เนื้อหาของพวกเขามีอิทธิพลต่อการพัฒนา AI ซึ่งอาจทำให้ วิดีโอของพวกเขาถูกนำไปใช้ในคำตอบของ AI writers และโมเดล AI ด้านการเขียนโค้ด ✅ ข้อมูลจากข่าว - YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยไม่มีค่าตอบแทน - 18 บริษัท AI รายใหญ่สามารถใช้วิดีโอที่ได้รับอนุญาตเพื่อพัฒนาโมเดล - ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มอิทธิพลของเนื้อหาของตน - Oxylabs เปิดตัวชุดข้อมูล YouTube ที่ได้รับความยินยอมจากครีเอเตอร์กว่า 1 ล้านช่อง - วิดีโอเหล่านี้ถูกใช้เพื่อฝึก AI ด้านการสร้างภาพและวิดีโอ 🔥 ความท้าทายด้านลิขสิทธิ์และกฎหมาย แม้ว่า Oxylabs จะเน้นการใช้ข้อมูลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มี กฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ครีเอเตอร์ที่ไม่ได้เลือกเข้าร่วมจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องตรวจสอบการตั้งค่าของตนเอง - กฎหมายเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ - UK’s Data (Use and Access) Bill ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และอาจส่งผลต่อการใช้ข้อมูลในอนาคต - แม้จะเป็นโมเดลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมและมูลค่าของเนื้อหา การเปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI อาจช่วยให้โมเดล AI มีข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากฎหมายและแนวทางการคุ้มครองสิทธิ์จะพัฒนาไปในทิศทางใด https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/thousands-of-youtubers-are-letting-ai-firms-train-on-their-original-videos-for-absolutely-free-and-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏛️ Direct File: เครื่องมือยื่นภาษีฟรีของ IRS ที่กลายเป็นโอเพ่นซอร์ส
    Direct File ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยื่นภาษีออนไลน์ฟรีของ IRS ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวในปี 2024 แม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากบริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ที่พยายามขัดขวางโครงการนี้

    ล่าสุด IRS ได้เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้ โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ เพื่อให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้โดยชุมชนเทคโนโลยี แม้ว่าจะมีบางส่วนของโค้ดที่ถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย

    Direct File ถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ประชาชนยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น โดยรองรับทั้ง ภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บน เดสก์ท็อปและมือถือ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Direct File เปิดตัวในปี 2024 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
    - IRS เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้โอเพ่นซอร์สไลเซนส์
    - รองรับภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บนเดสก์ท็อปและมือถือ
    - พัฒนาโดย US Digital Service และ 18F ซึ่งเป็นทีมเทคโนโลยีของรัฐบาล
    - Code for America ได้ fork โค้ดของ Direct File เพื่อพัฒนาต่อ

    🔥 ความท้าทายและแรงกดดันจากภาคเอกชน
    บริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ได้ใช้ กลยุทธ์ทางการตลาดและการล็อบบี้ เพื่อขัดขวางโครงการ Direct File โดยพยายาม โน้มน้าวให้รัฐบาลไม่สนับสนุนบริการยื่นภาษีฟรี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บางส่วนของโค้ดถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย ทำให้บางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้
    - ต้องติดตามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสนับสนุน Direct File ต่อไปหรือไม่
    - การเปิดโอเพ่นซอร์สอาจทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

    การเปิดโอเพ่นซอร์สของ Direct File ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการยื่นภาษีฟรีได้ง่ายขึ้น และ ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาโดยชุมชนจะช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108209-free-tax-filing-tool-direct-file-getting-open.html
    🏛️ Direct File: เครื่องมือยื่นภาษีฟรีของ IRS ที่กลายเป็นโอเพ่นซอร์ส Direct File ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยื่นภาษีออนไลน์ฟรีของ IRS ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวในปี 2024 แม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากบริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ที่พยายามขัดขวางโครงการนี้ ล่าสุด IRS ได้เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้ โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ เพื่อให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้โดยชุมชนเทคโนโลยี แม้ว่าจะมีบางส่วนของโค้ดที่ถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย Direct File ถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ประชาชนยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น โดยรองรับทั้ง ภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บน เดสก์ท็อปและมือถือ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Direct File เปิดตัวในปี 2024 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว - IRS เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ - รองรับภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บนเดสก์ท็อปและมือถือ - พัฒนาโดย US Digital Service และ 18F ซึ่งเป็นทีมเทคโนโลยีของรัฐบาล - Code for America ได้ fork โค้ดของ Direct File เพื่อพัฒนาต่อ 🔥 ความท้าทายและแรงกดดันจากภาคเอกชน บริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ได้ใช้ กลยุทธ์ทางการตลาดและการล็อบบี้ เพื่อขัดขวางโครงการ Direct File โดยพยายาม โน้มน้าวให้รัฐบาลไม่สนับสนุนบริการยื่นภาษีฟรี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บางส่วนของโค้ดถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย ทำให้บางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ - ต้องติดตามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสนับสนุน Direct File ต่อไปหรือไม่ - การเปิดโอเพ่นซอร์สอาจทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด การเปิดโอเพ่นซอร์สของ Direct File ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการยื่นภาษีฟรีได้ง่ายขึ้น และ ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาโดยชุมชนจะช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108209-free-tax-filing-tool-direct-file-getting-open.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Free tax filing tool Direct File is getting the open source treatment
    The IRS launched Direct File in 2024, offering US citizens a free, user-friendly online platform for filing federal income tax returns. The software quickly gained popularity despite...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.124 : เบื้องหลังกัมพูชา “ท้ารบ” ไทย
    .
    บูรพาไม่แพ้วันนี้ เจาะลึกเบื้องหลังว่า ทำไมกัมพูชาถึงกล้าที่จะท้าทายประเทศไทยถึงขนาดนี้ และมีใครที่หนุนหลังกัมพูชาหรือเปล่า จะเป็น ประเทศจีน ที่ใกล้ชิดกับกัมพูชา อย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ooiGZYPnCGc
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ไทยกัมพูชา #ช่องบก #ฮุนเซน
    บูรพาไม่แพ้ Ep.124 : เบื้องหลังกัมพูชา “ท้ารบ” ไทย . บูรพาไม่แพ้วันนี้ เจาะลึกเบื้องหลังว่า ทำไมกัมพูชาถึงกล้าที่จะท้าทายประเทศไทยถึงขนาดนี้ และมีใครที่หนุนหลังกัมพูชาหรือเปล่า จะเป็น ประเทศจีน ที่ใกล้ชิดกับกัมพูชา อย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ooiGZYPnCGc . #บูรพาไม่แพ้ #ไทยกัมพูชา #ช่องบก #ฮุนเซน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts