อินเดียประกาศมาตรการตอบโต้ต่อปากีสถานหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายต่อนักท่องเที่ยวชาวฮินดู จนมีผู้เสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บ 17 ราย โดยผู้ก่อการร้ายเชื่อมโยงกับปากีสถาน:
1. ยกเลิกวีซ่าสำหรับชาวปากีสถานทุกคน
2. ระงับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ( Indus Waters Treaty 1960)
3. ปิดจุดผ่านแดนวากาห์ (Wagah border)
เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีก 17 ราย ในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาลอีก 1 คน
กลุ่มต่อต้านแห่งแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีสาเหตุการโจมตีมาจากความไม่พอใจที่มีผู้คนต่างเชื้อชาติกว่า 85,000 คน อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในจัมมูและแคชเมียร์ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมเดิยของท้องถิ่น
หน่วยงานความมั่นคงอินเดียระบุว่ากลุ่มก่อการร้าย Kashmir Resistance เป็นกองกำลังในสังกัดขององค์กรติดอาวุธในปากีสถานอย่าง Lashkar-e-Taiba และ Hizbul Mujahideen
ทางด้านรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเต็มตัว โดยพวกเขาอ้างว่าถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย มีเพียงทางกาทูตเท่านั้น ไม่ได้มีการสนับสนุนด้านอาวุธแต่อย่างใด
สำหรับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ปากีสถานเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า การยุติสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ (IWT) อาจเท่ากับการประกาศสงคราม
สนธิสัญญาฉบับนี้ มีธนาคารโลกเป็นตัวกลางในการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำ 6 สายหลักในลุ่มแม่น้ำสินธุ
อินเดียควบคุมแม่น้ำสายตะวันออก (Sutlej, Beas, Ravi) โดยไม่มีข้อจำกัด ในขณะที่ปากีสถานมีสิทธิ์หลักเหนือแม่น้ำสายตะวันตก (Indus, Jhelum, Chenab) แม้ว่าอินเดียจะใช้แม่น้ำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การบริโภค เช่น พลังงานน้ำก็ตาม
หากอินเดียเริ่มปิดกั้นการเข้าถึงน้ำจากแม่น้ำทั้ง 6 สาย ปากีสถานจะประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำและเศรษฐกิจจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากความต้องการน้ำของปากีสถาน 70% มาจากแม่น้ำเหล่านี้
1. ยกเลิกวีซ่าสำหรับชาวปากีสถานทุกคน
2. ระงับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ( Indus Waters Treaty 1960)
3. ปิดจุดผ่านแดนวากาห์ (Wagah border)
เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีก 17 ราย ในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาลอีก 1 คน
กลุ่มต่อต้านแห่งแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีสาเหตุการโจมตีมาจากความไม่พอใจที่มีผู้คนต่างเชื้อชาติกว่า 85,000 คน อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในจัมมูและแคชเมียร์ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมเดิยของท้องถิ่น
หน่วยงานความมั่นคงอินเดียระบุว่ากลุ่มก่อการร้าย Kashmir Resistance เป็นกองกำลังในสังกัดขององค์กรติดอาวุธในปากีสถานอย่าง Lashkar-e-Taiba และ Hizbul Mujahideen
ทางด้านรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเต็มตัว โดยพวกเขาอ้างว่าถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย มีเพียงทางกาทูตเท่านั้น ไม่ได้มีการสนับสนุนด้านอาวุธแต่อย่างใด
สำหรับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ปากีสถานเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า การยุติสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ (IWT) อาจเท่ากับการประกาศสงคราม
สนธิสัญญาฉบับนี้ มีธนาคารโลกเป็นตัวกลางในการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำ 6 สายหลักในลุ่มแม่น้ำสินธุ
อินเดียควบคุมแม่น้ำสายตะวันออก (Sutlej, Beas, Ravi) โดยไม่มีข้อจำกัด ในขณะที่ปากีสถานมีสิทธิ์หลักเหนือแม่น้ำสายตะวันตก (Indus, Jhelum, Chenab) แม้ว่าอินเดียจะใช้แม่น้ำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การบริโภค เช่น พลังงานน้ำก็ตาม
หากอินเดียเริ่มปิดกั้นการเข้าถึงน้ำจากแม่น้ำทั้ง 6 สาย ปากีสถานจะประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำและเศรษฐกิจจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากความต้องการน้ำของปากีสถาน 70% มาจากแม่น้ำเหล่านี้
อินเดียประกาศมาตรการตอบโต้ต่อปากีสถานหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายต่อนักท่องเที่ยวชาวฮินดู จนมีผู้เสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บ 17 ราย โดยผู้ก่อการร้ายเชื่อมโยงกับปากีสถาน:
1. ยกเลิกวีซ่าสำหรับชาวปากีสถานทุกคน
2. ระงับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ( Indus Waters Treaty 1960)
3. ปิดจุดผ่านแดนวากาห์ (Wagah border)
เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีก 17 ราย ในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาลอีก 1 คน
กลุ่มต่อต้านแห่งแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีสาเหตุการโจมตีมาจากความไม่พอใจที่มีผู้คนต่างเชื้อชาติกว่า 85,000 คน อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในจัมมูและแคชเมียร์ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมเดิยของท้องถิ่น
หน่วยงานความมั่นคงอินเดียระบุว่ากลุ่มก่อการร้าย Kashmir Resistance เป็นกองกำลังในสังกัดขององค์กรติดอาวุธในปากีสถานอย่าง Lashkar-e-Taiba และ Hizbul Mujahideen
ทางด้านรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเต็มตัว โดยพวกเขาอ้างว่าถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย มีเพียงทางกาทูตเท่านั้น ไม่ได้มีการสนับสนุนด้านอาวุธแต่อย่างใด
สำหรับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ปากีสถานเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า การยุติสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ (IWT) อาจเท่ากับการประกาศสงคราม
สนธิสัญญาฉบับนี้ มีธนาคารโลกเป็นตัวกลางในการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำ 6 สายหลักในลุ่มแม่น้ำสินธุ
อินเดียควบคุมแม่น้ำสายตะวันออก (Sutlej, Beas, Ravi) โดยไม่มีข้อจำกัด ในขณะที่ปากีสถานมีสิทธิ์หลักเหนือแม่น้ำสายตะวันตก (Indus, Jhelum, Chenab) แม้ว่าอินเดียจะใช้แม่น้ำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การบริโภค เช่น พลังงานน้ำก็ตาม
หากอินเดียเริ่มปิดกั้นการเข้าถึงน้ำจากแม่น้ำทั้ง 6 สาย ปากีสถานจะประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำและเศรษฐกิจจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากความต้องการน้ำของปากีสถาน 70% มาจากแม่น้ำเหล่านี้
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
61 มุมมอง
0 รีวิว