• นายกฯ ไม่ตอบ หลังสื่อซัก ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ตามแนวชายแดนไม่คืบ เหตุความสัมพันธ์ "ทักษิณ-ฮุนเซน" ย้อนถามต้องเกิดขึ้นให้ได้เลยใช่มั้ย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027133
    นายกฯ ไม่ตอบ หลังสื่อซัก ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ตามแนวชายแดนไม่คืบ เหตุความสัมพันธ์ "ทักษิณ-ฮุนเซน" ย้อนถามต้องเกิดขึ้นให้ได้เลยใช่มั้ย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027133
    Haha
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 828 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีปฏิเสธคำกล่าวของทรัมป์ที่ว่ากองกำลังยูเครนถูกล้อมไว้ในภูมิภาคเคิร์ส และต้องการให้รัสเซียเบามือ โดยการปล่อยให้ทหารเหล่านี้กลับออกมา

    เซเลนสกียืนกรานว่ากองกำลังของเคียฟยังคงยึดตรึงกำลังในพื้นที่และต่อสู้อย่างกล้าหาญ ไม่ได้ถูกล้อมแต่อย่างใด
    "การปฏิบัติของกองกำลังของเราในพื้นที่เป้าหมายของเราในเขตภูมิภาค Kursk ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยต่างๆกำลังดำเนินการตามภารกิจของตนอย่างถูกต้องตามที่จำเป็น ขอบคุณกองกำลังยูเครนในภูมิภาค Kursk ที่ทำให้กองกำลังรัสเซียจำนวนมากต้องถอนตัวจากทิศทางอื่น และกองกำลังของเราสามารถยับยั้งกลุ่มรัสเซียและเกาหลีเหนือในภูมิภาค Kursk ไม่มีการล้อมกองกำลังของเรา"

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลข่าวกรองของเขา รัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกโจมตีภูมิภาคซูมีของยูเครนอีกครั้ง และแจ้งต่อพันธมิตรของเขาถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของปูติน

    "เรากำลังสังเกตทิศทางตามแนวชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียกำลังสร้างกองกำลังขึ้น นี่บ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะโจมตีภูมิภาค Sumy ของเรา เราทราบเรื่องนี้และจะตอบโต้ ฉันต้องการให้พันธมิตรทั้งหมดเข้าใจอย่างชัดเจนว่าปูตินกำลังวางแผนอะไร เตรียมตัวอย่างไร และจะเพิกเฉยต่อสิ่งใด"
    เซเลนสกีปฏิเสธคำกล่าวของทรัมป์ที่ว่ากองกำลังยูเครนถูกล้อมไว้ในภูมิภาคเคิร์ส และต้องการให้รัสเซียเบามือ โดยการปล่อยให้ทหารเหล่านี้กลับออกมา เซเลนสกียืนกรานว่ากองกำลังของเคียฟยังคงยึดตรึงกำลังในพื้นที่และต่อสู้อย่างกล้าหาญ ไม่ได้ถูกล้อมแต่อย่างใด "การปฏิบัติของกองกำลังของเราในพื้นที่เป้าหมายของเราในเขตภูมิภาค Kursk ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยต่างๆกำลังดำเนินการตามภารกิจของตนอย่างถูกต้องตามที่จำเป็น ขอบคุณกองกำลังยูเครนในภูมิภาค Kursk ที่ทำให้กองกำลังรัสเซียจำนวนมากต้องถอนตัวจากทิศทางอื่น และกองกำลังของเราสามารถยับยั้งกลุ่มรัสเซียและเกาหลีเหนือในภูมิภาค Kursk ไม่มีการล้อมกองกำลังของเรา" นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลข่าวกรองของเขา รัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกโจมตีภูมิภาคซูมีของยูเครนอีกครั้ง และแจ้งต่อพันธมิตรของเขาถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของปูติน "เรากำลังสังเกตทิศทางตามแนวชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียกำลังสร้างกองกำลังขึ้น นี่บ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะโจมตีภูมิภาค Sumy ของเรา เราทราบเรื่องนี้และจะตอบโต้ ฉันต้องการให้พันธมิตรทั้งหมดเข้าใจอย่างชัดเจนว่าปูตินกำลังวางแผนอะไร เตรียมตัวอย่างไร และจะเพิกเฉยต่อสิ่งใด"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Vladimir Artyukh ผู้ว่าการภูมิภาค Sumy ของยูเครน กล่าวว่า พวกเขากำลังเตรียมอพยพพลเมืองออกจากหมู่บ้านตามแนวชายแดนที่ติดกับเขตเคิร์สของรัสเซีย ประมาณแปดหมู่บ้าน

    ▪️ Artyukh กล่าวว่า โดยเฉพาะหมู่บ้าน Yunakivska และ Myropillya จะมีคำสั่งห้ามไม่ให้ประชชนอยู่อาศัย เพื่อเตรียมใช้เป็นแนวป้องกันการบุกของรัสเซีย
    Vladimir Artyukh ผู้ว่าการภูมิภาค Sumy ของยูเครน กล่าวว่า พวกเขากำลังเตรียมอพยพพลเมืองออกจากหมู่บ้านตามแนวชายแดนที่ติดกับเขตเคิร์สของรัสเซีย ประมาณแปดหมู่บ้าน ▪️ Artyukh กล่าวว่า โดยเฉพาะหมู่บ้าน Yunakivska และ Myropillya จะมีคำสั่งห้ามไม่ให้ประชชนอยู่อาศัย เพื่อเตรียมใช้เป็นแนวป้องกันการบุกของรัสเซีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • มีแนวโน้มว่าปูตินจะตอบว่า "ไม่" ในข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่สหรัฐและยูเครนเห็นชอบร่วมกัน เนื่องจากบุคคลใกล้ชิดปูติน ไม่มีใครเอ่ยถึงข้อตกลงนี้เลย

    👉เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการพอดแคสต์ของ Mario Nawfal ไม่มีการพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงแต่อย่างใด

    👉ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุเพียงให้รอฟังจากปูตินเท่านั้น

    ประธานาธิบดีปูติน ในระหว่างการประชุมสถานการณ์ที่เคิร์ส ใส่ชุดลายพรางของกองทัพรัสเซีย และไม่พูดถึงเรื่องข้อตกลง👉หยุดยิง โดยพูดถึงแต่การบดขยี้กองกำลังยูเครนในเคิร์สก์ และให้สร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนเท่านั้น
    มีแนวโน้มว่าปูตินจะตอบว่า "ไม่" ในข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่สหรัฐและยูเครนเห็นชอบร่วมกัน เนื่องจากบุคคลใกล้ชิดปูติน ไม่มีใครเอ่ยถึงข้อตกลงนี้เลย 👉เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการพอดแคสต์ของ Mario Nawfal ไม่มีการพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงแต่อย่างใด 👉ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุเพียงให้รอฟังจากปูตินเท่านั้น ประธานาธิบดีปูติน ในระหว่างการประชุมสถานการณ์ที่เคิร์ส ใส่ชุดลายพรางของกองทัพรัสเซีย และไม่พูดถึงเรื่องข้อตกลง👉หยุดยิง โดยพูดถึงแต่การบดขยี้กองกำลังยูเครนในเคิร์สก์ และให้สร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนเท่านั้น
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์:

    ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น

    ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน

    ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที)

    ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ

    ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์
    .

    ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ:

    ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว

    ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก

    ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ

    ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน)

    ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์: ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที) ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์ . ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ: ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน) ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    0 Comments 0 Shares 332 Views 24 0 Reviews
  • เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน

    🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭

    แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี

    และล่าสุด... 💥

    เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ

    🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น?

    👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้

    📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด

    5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา

    ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!"

    บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม

    วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย

    🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง

    🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา?

    📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

    🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่
    1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด
    2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ
    3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง

    🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

    👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม

    🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง"

    📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา

    📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง

    🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย?

    🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา

    📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา
    - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน
    - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ
    - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป

    🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร?
    ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง
    ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด
    ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม

    🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568

    #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน 🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭 แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี และล่าสุด... 💥 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ 🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น? 👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ 📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด 5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!" บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย 🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง 🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา? 📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ 🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่ 1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด 2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ 3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง 🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ 👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง" 📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา 📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง 🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย? 🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา 📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป 🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร? ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม 🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568 #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    0 Comments 0 Shares 630 Views 0 Reviews
  • กาญจนบุรี - 32 แรงงานเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางหนีเข้าไทย สุดท้ายโดนรวบกลางป่า พบมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละ 3 หมื่นบาท

    จากกรณีรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง

    จากนโยบายของรัฐบาล นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.16(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ประชุมรับนโยบายเพื่อวางแผนในเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000022183

    #MGROnline #แรงงานเถื่อน
    กาญจนบุรี - 32 แรงงานเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางหนีเข้าไทย สุดท้ายโดนรวบกลางป่า พบมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละ 3 หมื่นบาท • จากกรณีรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง • จากนโยบายของรัฐบาล นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.16(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ประชุมรับนโยบายเพื่อวางแผนในเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000022183 • #MGROnline #แรงงานเถื่อน
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า
    .
    ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว
    .
    การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่
    .
    ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20%
    .
    อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย
    .
    ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว
    .
    มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้"
    .
    นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ
    .
    "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า
    .
    คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม
    .
    ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้
    .
    ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้
    .
    ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า . ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว . การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่ . ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20% . อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย . ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว . มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้" . นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ . "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า . คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม . ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้ . ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้ . ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    6
    0 Comments 0 Shares 1474 Views 0 Reviews
  • #ตาก – กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) เปิดฉากส่งโดรมถล่ม-ปะทะทหารเมียนมา อีกระลอก..กระทบชาวพม่าต้องหนีตายข้ามแดนเข้าท่าสองยางแล้วกว่า 100 ชีวิต ขณะที่ทัพอากาศไทยต้องส่ง F-16 บินลาดตระเวน

    วันนี้(27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าโจมตีทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่พัน.31 กองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ฐานปฏิบัติการปูลู่ตู่/เนิน 1248 อ.แลงปอย จ.ผาอัน รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้ามบ้านตะละออกา หมู่ที่ 6 ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร

    ต่อมาทหารเมียนมาก็ใช้อากาศยานหรือเครื่องบิน (แบบ YAK-130) จำนวน 1 ลำ ทิ้งระเบิด จำนวน 3 ลูก โจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่โดยรอบ ฐานฯ ปูลู่ตู่/เนิน 1248 ที่ฝ่ายกะเหรี่ยงปิดล้อมไว้ ทำให้ทหารกะเหรี่ยงล่าถอยออกจากพื้นที่รอบฐานทหารเมียนมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019480

    #MGROnline #ตาก #กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง #KNLA
    #ตาก – กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) เปิดฉากส่งโดรมถล่ม-ปะทะทหารเมียนมา อีกระลอก..กระทบชาวพม่าต้องหนีตายข้ามแดนเข้าท่าสองยางแล้วกว่า 100 ชีวิต ขณะที่ทัพอากาศไทยต้องส่ง F-16 บินลาดตระเวน • วันนี้(27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าโจมตีทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่พัน.31 กองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ฐานปฏิบัติการปูลู่ตู่/เนิน 1248 อ.แลงปอย จ.ผาอัน รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้ามบ้านตะละออกา หมู่ที่ 6 ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร • ต่อมาทหารเมียนมาก็ใช้อากาศยานหรือเครื่องบิน (แบบ YAK-130) จำนวน 1 ลำ ทิ้งระเบิด จำนวน 3 ลูก โจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่โดยรอบ ฐานฯ ปูลู่ตู่/เนิน 1248 ที่ฝ่ายกะเหรี่ยงปิดล้อมไว้ ทำให้ทหารกะเหรี่ยงล่าถอยออกจากพื้นที่รอบฐานทหารเมียนมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019480 • #MGROnline #ตาก #กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง #KNLA
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์:

    - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ

    - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา"

    - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง

    - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย

    - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน

    - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน"

    - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด

    - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ'

    - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน


    ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์: - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา" - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน" - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ' - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • "บิ๊กต๋อง" งัดยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” ล้างอาชญากรอีสานใต้ เช็กรูรั่วแนวชายแดน

    “บิ๊กต๋อง” หรือ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ได้ประกาศใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" (Stop & Destroy) เป็นแนวทางหลัก ในการปราบปรามอาชญากรรมใน 8 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่

    - นครราชสีมา
    - ชัยภูมิ
    - บุรีรัมย์
    - สุรินทร์
    - ศรีสะเกษ
    - อุบลราชธานี
    - อำนาจเจริญ
    - ยโสธร

    กลยุทธ์นี้ถูกออกแบบมา เพื่อสกัดและทำลายภัยคุกคามร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดข้ามชาติ อาชญากรติดอาวุธหนัก หรือกลุ่มที่กระทำผิดรุนแรงต่อสังคม แนวทางนี้จะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเด็ดขาดมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการ ไล่เช็กรูรั่วตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบกระทำผิดข้ามแดน

    ทำความเข้าใจยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” คืออะไร?
    ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" (Stop & Destroy) มีเป้าหมายหลักคือ การยับยั้ง และทำลายภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และความมั่นคง โดยมี 2 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

    1️⃣ "สตอป" (Stop) คือ หยุดยั้ง
    เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัด และควบคุมเป้าหมาย โดยใช้วิธีการเจรจา วางกำลังปิดล้อม หรือบีบให้เป้าหมาย เข้าสู่สถานการณ์ที่ตำรวจสามารถควบคุมได้ หากเป้าหมายให้ความร่วมมือ อาจไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ขั้นตอน “ดีสทรอย”

    2️⃣ "ดีสทรอย" (Destroy) ทำลาย
    หากเป้าหมายไม่ยอมจำนน หรือมีพฤติกรรมคุกคามรุนแรง เจ้าหน้าที่สามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
    การใช้อาวุธเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่

    ยุทธวิธีนี้เน้นความรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกปฏิบัติการเป็นไปตามกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน

    สถานการณ์ที่ตำรวจอีสานใต้ ใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย"
    ✅ ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ใช้เมื่อเผชิญกับ เครือข่ายค้ายาเสพติดที่ติดอาวุธ และพร้อมปะทะ ปฏิบัติการมักเกิดขึ้นในพื้นที่ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา และไทย-ลาว หรือกรณีที่พบการลักลอบขนยาเสพติด ผ่านช่องทางธรรมชาติ เช่น แนวป่าชายแดน หรือแม่น้ำโขง

    ✅ รับมือกับกลุ่มติดอาวุธ หรือกลุ่มก่อการร้าย เมื่อเผชิญกับผู้ก่ออาชญากรรมที่มีอาวุธหนัก และปฏิเสธการมอบตัว รวมถึงกรณีที่ต้องเข้าจู่โจม แหล่งกบดานของอาชญากรข้ามชาติ

    ✅ ไล่ล่าคนร้ายที่พยายามหลบหนี ใช้เมื่อคนร้ายขับรถแหกด่าน หรือมีแนวโน้มใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีมาตรการในการ ปิดล้อมสกัดจับ เพื่อไม่ให้คนร้ายสร้างอันตรายต่อประชาชน

    ✅ รับมือเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ใช้ในสถานการณ์เหตุกราดยิง หรือเหตุรุนแรงที่กระทบต่อสาธารณชน มุ่งเน้นการระงับเหตุโดยเร็ว เพื่อลดการสูญเสีย

    แนวทางปฏิบัติของยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย"
    📌 ขั้ยตอนแรก วิเคราะห์สถานการณ์ก่อนดำเนินการ
    เจ้าหน้าที่ต้องประเมินระดับภัยคุกคาม ก่อนเลือกใช้กำลัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

    📌 ขั้นตอนที่สอง ใช้มาตรการป้องกันก่อนใช้กำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิธีสั่งให้หยุด หรือเจรจาต่อรอง ก่อนใช้อาวุธ หากคนร้ายให้ความร่วมมือ อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้กำลังรุนแรง

    📌 ขั้นตอนที่สาม ใช้กำลังเฉพาะเมื่อจำเป็น หากเป้าหมายมีพฤติกรรมรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้อาวุธ ตามหลักยุทธวิธี โดยเน้นการยิงเพื่อหยุดภัยคุกคาม ไม่ใช่การสังหารโดยไม่มีเหตุอันควร

    📌 ขั้นตอนสุดท้าย. ควบคุมสถานการณ์หลังปฏิบัติการ ตรวจสอบพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และรายงานผลการปฏิบัติ เพื่อความโปร่งใส

    ข้อถกเถียงเกี่ยวกับยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย"
    แม้ว่ายุทธวิธีนี้จะช่วยให้การปฏิบัติงานของตำรวจ มีประสิทธิภาพในการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ได้แก่

    🔹 สิทธิของผู้ต้องหา การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน
    🔹 ความเสี่ยงต่อประชาชน หากปฏิบัติการเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ อาจมีประชาชนได้รับผลกระทบ
    🔹 ความโปร่งใสของการปฏิบัติ ต้องมีมาตรการตรวจสอบให้แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย

    ตัวอย่างการใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" ในพื้นที่อีสานใต้
    🔴 ปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดชายแดน
    ตำรวจภูธรภาค 3 ใช้ยุทธวิธีนี้ จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ พบการยิงปะทะในบางกรณี ที่คนร้ายพยายามหลบหนี และใช้กำลังตอบโต้

    🔴 กรณีเหตุกราดยิงในโคราช
    เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีนี้ ในการยุติเหตุรุนแรง และป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม

    ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" เป็นแนวทางสำคัญ ที่ตำรวจภูธรภาค 3 นำมาใช้เพื่อลดภัยคุกคามร้ายแรง และรักษาความปลอดภัยของประชาชน แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้กำลัง แต่หากดำเนินการอย่างโปร่งใส มีมาตรฐาน และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ยุทธวิธีนี้ก็จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อย ในพื้นที่อีสานใต้

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252337 ก.พ. 2568

    #StopAndDestroy #บิ๊กต๋อง #ยุทธวิธีตำรวจ #ปราบปรามยาเสพติด #อาชญากรรมอีสานใต้ #แนวชายแดน #ตำรวจภูธรภาค3 #CrimeControl #SouthIsaan #BorderSecurity
    "บิ๊กต๋อง" งัดยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” ล้างอาชญากรอีสานใต้ เช็กรูรั่วแนวชายแดน “บิ๊กต๋อง” หรือ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ได้ประกาศใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" (Stop & Destroy) เป็นแนวทางหลัก ในการปราบปรามอาชญากรรมใน 8 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ - นครราชสีมา - ชัยภูมิ - บุรีรัมย์ - สุรินทร์ - ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี - อำนาจเจริญ - ยโสธร กลยุทธ์นี้ถูกออกแบบมา เพื่อสกัดและทำลายภัยคุกคามร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดข้ามชาติ อาชญากรติดอาวุธหนัก หรือกลุ่มที่กระทำผิดรุนแรงต่อสังคม แนวทางนี้จะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเด็ดขาดมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการ ไล่เช็กรูรั่วตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบกระทำผิดข้ามแดน ทำความเข้าใจยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” คืออะไร? ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" (Stop & Destroy) มีเป้าหมายหลักคือ การยับยั้ง และทำลายภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และความมั่นคง โดยมี 2 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ 1️⃣ "สตอป" (Stop) คือ หยุดยั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัด และควบคุมเป้าหมาย โดยใช้วิธีการเจรจา วางกำลังปิดล้อม หรือบีบให้เป้าหมาย เข้าสู่สถานการณ์ที่ตำรวจสามารถควบคุมได้ หากเป้าหมายให้ความร่วมมือ อาจไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ขั้นตอน “ดีสทรอย” 2️⃣ "ดีสทรอย" (Destroy) ทำลาย หากเป้าหมายไม่ยอมจำนน หรือมีพฤติกรรมคุกคามรุนแรง เจ้าหน้าที่สามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด การใช้อาวุธเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่ ยุทธวิธีนี้เน้นความรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกปฏิบัติการเป็นไปตามกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน สถานการณ์ที่ตำรวจอีสานใต้ ใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" ✅ ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ใช้เมื่อเผชิญกับ เครือข่ายค้ายาเสพติดที่ติดอาวุธ และพร้อมปะทะ ปฏิบัติการมักเกิดขึ้นในพื้นที่ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา และไทย-ลาว หรือกรณีที่พบการลักลอบขนยาเสพติด ผ่านช่องทางธรรมชาติ เช่น แนวป่าชายแดน หรือแม่น้ำโขง ✅ รับมือกับกลุ่มติดอาวุธ หรือกลุ่มก่อการร้าย เมื่อเผชิญกับผู้ก่ออาชญากรรมที่มีอาวุธหนัก และปฏิเสธการมอบตัว รวมถึงกรณีที่ต้องเข้าจู่โจม แหล่งกบดานของอาชญากรข้ามชาติ ✅ ไล่ล่าคนร้ายที่พยายามหลบหนี ใช้เมื่อคนร้ายขับรถแหกด่าน หรือมีแนวโน้มใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีมาตรการในการ ปิดล้อมสกัดจับ เพื่อไม่ให้คนร้ายสร้างอันตรายต่อประชาชน ✅ รับมือเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ใช้ในสถานการณ์เหตุกราดยิง หรือเหตุรุนแรงที่กระทบต่อสาธารณชน มุ่งเน้นการระงับเหตุโดยเร็ว เพื่อลดการสูญเสีย แนวทางปฏิบัติของยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" 📌 ขั้ยตอนแรก วิเคราะห์สถานการณ์ก่อนดำเนินการ เจ้าหน้าที่ต้องประเมินระดับภัยคุกคาม ก่อนเลือกใช้กำลัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ 📌 ขั้นตอนที่สอง ใช้มาตรการป้องกันก่อนใช้กำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิธีสั่งให้หยุด หรือเจรจาต่อรอง ก่อนใช้อาวุธ หากคนร้ายให้ความร่วมมือ อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้กำลังรุนแรง 📌 ขั้นตอนที่สาม ใช้กำลังเฉพาะเมื่อจำเป็น หากเป้าหมายมีพฤติกรรมรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้อาวุธ ตามหลักยุทธวิธี โดยเน้นการยิงเพื่อหยุดภัยคุกคาม ไม่ใช่การสังหารโดยไม่มีเหตุอันควร 📌 ขั้นตอนสุดท้าย. ควบคุมสถานการณ์หลังปฏิบัติการ ตรวจสอบพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และรายงานผลการปฏิบัติ เพื่อความโปร่งใส ข้อถกเถียงเกี่ยวกับยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" แม้ว่ายุทธวิธีนี้จะช่วยให้การปฏิบัติงานของตำรวจ มีประสิทธิภาพในการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ได้แก่ 🔹 สิทธิของผู้ต้องหา การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน 🔹 ความเสี่ยงต่อประชาชน หากปฏิบัติการเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ อาจมีประชาชนได้รับผลกระทบ 🔹 ความโปร่งใสของการปฏิบัติ ต้องมีมาตรการตรวจสอบให้แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย ตัวอย่างการใช้ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" ในพื้นที่อีสานใต้ 🔴 ปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดชายแดน ตำรวจภูธรภาค 3 ใช้ยุทธวิธีนี้ จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ พบการยิงปะทะในบางกรณี ที่คนร้ายพยายามหลบหนี และใช้กำลังตอบโต้ 🔴 กรณีเหตุกราดยิงในโคราช เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีนี้ ในการยุติเหตุรุนแรง และป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม ยุทธวิธี "สตอป แอนด์ ดีสทรอย" เป็นแนวทางสำคัญ ที่ตำรวจภูธรภาค 3 นำมาใช้เพื่อลดภัยคุกคามร้ายแรง และรักษาความปลอดภัยของประชาชน แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้กำลัง แต่หากดำเนินการอย่างโปร่งใส มีมาตรฐาน และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ยุทธวิธีนี้ก็จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อย ในพื้นที่อีสานใต้ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252337 ก.พ. 2568 #StopAndDestroy #บิ๊กต๋อง #ยุทธวิธีตำรวจ #ปราบปรามยาเสพติด #อาชญากรรมอีสานใต้ #แนวชายแดน #ตำรวจภูธรภาค3 #CrimeControl #SouthIsaan #BorderSecurity
    0 Comments 0 Shares 753 Views 0 Reviews
  • ตำรวจสระแก้วสนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง จัดหนักผู้ประกอบการที่พักแนวชายแดนอรัญประเทศ เปิดห้องให้แก๊งคอลเซนเตอร์นำบัญชีม้าเข้าพักคอย ล่าสุดพบรีสอร์ทชื่อดังซุก 9 อินโดฯรอข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชา ดำเนินคดีผู้ดูแลฐานไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ-ไม่แจ้งการเข้าพักต่างด้าว ก่อนขยายผลจับเจ้าของตัวจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017892

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจสระแก้วสนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง จัดหนักผู้ประกอบการที่พักแนวชายแดนอรัญประเทศ เปิดห้องให้แก๊งคอลเซนเตอร์นำบัญชีม้าเข้าพักคอย ล่าสุดพบรีสอร์ทชื่อดังซุก 9 อินโดฯรอข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชา ดำเนินคดีผู้ดูแลฐานไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ-ไม่แจ้งการเข้าพักต่างด้าว ก่อนขยายผลจับเจ้าของตัวจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017892 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    9
    0 Comments 0 Shares 837 Views 0 Reviews
  • สระแก้ว- ตำรวจสระแก้วสนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง จัดหนักผู้ประกอบการที่พักแนวชายแดนอรัญประเทศ เปิดห้องให้แก๊งคอลเซนเตอร์นำบัญชีม้าเข้าพักคอย ล่าสุดพบรีสอร์ทชื่อดังซุก 9 อินโดฯรอข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชา ดำเนินคดีผู้ดูแลฐานไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ-ไม่แจ้งการเข้าพักต่างด้าว ก่อนขยายผลจับเจ้าของตัวจริง

    จากนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่สั่งการมายังตำรวจภูธรภาค 2 ให้เร่งสืบสวน และขยายผลในการป้องกันปราบปราม ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้าบริเวณชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.คลองลึก ได้สนธิกำลังร่วมตำรวจภูธรสระแก้ว และฝ่ายปกครอง บุกจับเจ้าของโรงแรมเถื่อนชายแดนอรัญประเทศ ซึ่งให้ที่พักคอยกลุ่มบัญชีม้ารอแก๊งคอลเซ็นเตอร์พาข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชาไปแล้ว 1 ราย โดยอ้างว่าไม่มีการลงทะเบียนหรือตรวจหลักฐานผู้เข้าพักนั้น

    ล่าสุดในวันนี้ ( 23 ก.พ.) พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว. สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว. สระแก้ว พร้อมด้วยพ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ. คลองลึกฯ และพ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมทหารกองกำลังบูรพา และฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ บุกตรวจสอบรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใน ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ ซึ่งมี น.ส.นัน อายุ 55 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการ

    และเมื่อขอดูใบอนุญาตประกอบการโรงแรมที่ได้รับจากนายทะเบียน กลับไม่สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ และเมื่อตรวจสอบทะเบียนผู้เข้าพักก็พบว่ามีชาวอินโดนีเซียเข้าพักจำนวน 9 ราย แต่ไม่มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้รับทราบ

    พร้อมสั่งปิดรีสอร์ทก่อนควบคุมตัว น.ส.นัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ. คลองลึก ดำเนินคดีฐานเปิดกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่แจ้งที่พักของชาวต่างด้าวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017892

    #MGROnline #กัมพูชา
    สระแก้ว- ตำรวจสระแก้วสนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง จัดหนักผู้ประกอบการที่พักแนวชายแดนอรัญประเทศ เปิดห้องให้แก๊งคอลเซนเตอร์นำบัญชีม้าเข้าพักคอย ล่าสุดพบรีสอร์ทชื่อดังซุก 9 อินโดฯรอข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชา ดำเนินคดีผู้ดูแลฐานไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ-ไม่แจ้งการเข้าพักต่างด้าว ก่อนขยายผลจับเจ้าของตัวจริง • จากนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่สั่งการมายังตำรวจภูธรภาค 2 ให้เร่งสืบสวน และขยายผลในการป้องกันปราบปราม ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้าบริเวณชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.คลองลึก ได้สนธิกำลังร่วมตำรวจภูธรสระแก้ว และฝ่ายปกครอง บุกจับเจ้าของโรงแรมเถื่อนชายแดนอรัญประเทศ ซึ่งให้ที่พักคอยกลุ่มบัญชีม้ารอแก๊งคอลเซ็นเตอร์พาข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่กัมพูชาไปแล้ว 1 ราย โดยอ้างว่าไม่มีการลงทะเบียนหรือตรวจหลักฐานผู้เข้าพักนั้น • ล่าสุดในวันนี้ ( 23 ก.พ.) พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว. สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว. สระแก้ว พร้อมด้วยพ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ. คลองลึกฯ และพ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมทหารกองกำลังบูรพา และฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ บุกตรวจสอบรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใน ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ ซึ่งมี น.ส.นัน อายุ 55 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการ • และเมื่อขอดูใบอนุญาตประกอบการโรงแรมที่ได้รับจากนายทะเบียน กลับไม่สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ และเมื่อตรวจสอบทะเบียนผู้เข้าพักก็พบว่ามีชาวอินโดนีเซียเข้าพักจำนวน 9 ราย แต่ไม่มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้รับทราบ • พร้อมสั่งปิดรีสอร์ทก่อนควบคุมตัว น.ส.นัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ. คลองลึก ดำเนินคดีฐานเปิดกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่แจ้งที่พักของชาวต่างด้าวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017892 • #MGROnline #กัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 359 Views 0 Reviews
  • 37 ปี ไทย-ลาว ประกาศหยุดยิง ยุติสมรภูมิบ้านร่มเกล้า สงครามบ่อแตน จุดพิพาทเนิน 1428

    📅 ย้อนไปเมื่อ 37 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531 นับเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย-ลาว เมื่อทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลง ประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ในสมรภูมิบ้านร่มเกล้า หลังจากการสู้รบที่ยืดเยื้อ มาอย่างยาวนานถึง 19 วัน สาเหตุหลักมาจาก ข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ที่นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะบริเวณ นิน 1428 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

    สงครามครั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งทหารและพลเรือน การเจรจาหยุดยิง นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการพิสูจน์เขตแดน เพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไป 37 ปี แต่ปัญหาเรื่อง พรมแดนไทย-ลาว บริเวณนี้ ก็ยังคงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่ทั้งสองประเทศต้องจับตาดู

    🔥 จุดเริ่มต้นของสงครามบ้านร่มเกล้า ข้อพิพาทเขตแดนไทย-ลาว 🎯
    ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนไทย-ลาว มีรากเหง้ามาจาก สนธิสัญญาปักปันเขตแดนไทย-ฝรั่งเศส เมื่อปี 2450 (ค.ศ. 1907) ซึ่งกำหนดให้ใช้ "แม่น้ำเหือง" เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ระหว่างไทยกับลาว ในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ แม่น้ำเหืองมีสองสาย ได้แก่

    - แม่น้ำเหืองป่าหมัน มีต้นกำเนิดจากภูสอยดาว
    - แม่น้ำเหืองงา มีต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง

    ฝ่ายลาวยืนยันว่า "แม่น้ำเหืองป่าหมัน" ควรเป็นเส้นแบ่งพรมแดน แต่ฝ่ายไทยแย้งว่า สนธิสัญญากำหนดให้ใช้แม่น้ำ ที่มีต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง ซึ่งหมายถึง "แม่น้ำเหืองงา" ทำให้พื้นที่บ้านร่มเกล้า กลายเป็นพื้นที่พิพาทที่ ไทย-ลาว ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ครอบครอง

    🏕️ บ้านร่มเกล้า จากหมู่บ้านม้ง สู่สมรภูมิรบ
    "บ้านร่มเกล้า" ตั้งอยู่บนแนวชายแดนไทย-ลาว ในเขตหมู่ที่ 8 ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวม้ง ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย 66/23 ของรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์

    ต่อมารัฐบาลไทย ให้สัมปทานป่าไม้ ในพื้นที่บ้านร่มเกล้า ทำให้ฝ่ายลาวมองว่า ไทยรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของตน และเป็นการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมาย จึงเกิดเหตุปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารพรานไทย กับกองกำลังลาว

    ⚔️ การสู้รบในสมรภูมิร่มเกล้า ปะทะครั้งใหญ่ 31 พฤษภาคม 2530 📌
    ทหารลาวเข้าโจมตีแคมป์คนงานไทย ที่ทำสัมปทานป่าไม้ คนงานไทยเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บหลายคน
    กองร้อยทหารพรานที่ 3405 เข้าช่วยเหลือ ทำให้เกิดการปะทะ หลังจากนั้น สถานการณ์เริ่มตึงเครียด กองทัพภาคที่ 3 ของไทย จึงส่งกำลังเสริม เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    🚀 ยุทธการสอยดาว 01 และ 02 ช่วงปลายปี 2530
    กองทัพไทยเปิดปฏิบัติการทางทหาร เต็มรูปแบบ ใช้ทหารราบ ทหารม้า ปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศ เป้าหมายหลักคือ "เนิน 1428" ที่ทหารลาวยึดครอง อย่างไรก็ตาม เนิน 1428 อยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ ทำให้ไทยไม่สามารถบุกยึด ได้อย่างเด็ดขาด

    ✈️ รบหนักสุด 1-19 กุมภาพันธ์ 2531
    กองทัพไทยระดมกำลังบุกเนิน 1428 โดยกองทัพอากาศไทย ส่งเครื่องบิน เอฟ-5 อี และโอวี-10 โจมตี
    แต่สูญเสียเครื่องบิน 2 ลำ ที่ถูกยิงตกโดยปืนต่อต้านอากาศยา นและจรวดแซม การรบยืดเยื้อนานถึง 19 วัน ทั้งสองฝ่ายสูญเสียหนัก

    🕊️ เจรจาหยุดยิง
    💬 11 กุมภาพันธ์ 2531 นายไกรสอน พรหมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาว ส่งสาส์นถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีไทย ขอให้หยุดยิง และตั้งคณะกรรมการพิสูจน์เขตแดน

    🤝 16-17 กุมภาพันธ์ 2531 ไทยและลาวเจรจากัน ที่กองบัญชาการ กองทัพอากาศไทย

    ✍️ 19 กุมภาพันธ์ 2531 ไทย-ลาว ลงนามข้อตกลงหยุดยิง และตกลงให้ถอยจากแนวปะทะ ฝ่ายละ 3 กิโลเมตร

    📉 ผลกระทบจากสงคราม
    💀 จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
    - ฝ่ายไทยเสียชีวิต 147 นาย บาดเจ็บกว่า 700 นาย
    - ฝ่ายลาวคาดว่าเสียชีวิต 300-400 นาย บาดเจ็บ 200-300 นาย

    💰 งบประมาณทางทหาร
    ไทยใช้งบประมาณในสงครามนี้กว่า 3,000 ล้านบาท

    🌍 ความสัมพันธ์ไทย-ลาว
    การรบทำให้ความสัมพันธ์ไทย-ลาว ตกต่ำที่สุดในยุคนั้น แม้จะหยุดยิง แต่ปัญหาพรมแดน ยังคงไม่ได้ข้อยุติ จนถึงปัจจุบัน

    🏛️ สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นหนึ่งในสงคราม ที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาพรมแดน ที่มีรากเหง้ามาจาก สนธิสัญญาทางประวัติศาสตร์ และความแตกต่างในการตีความแผนที่

    แม้สงครามจะจบลงแล้ว แต่ประเด็นเรื่องพรมแดนไทย-ลาว ยังคงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่ทั้งสองประเทศ ต้องหารือร่วมกันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซ้ำรอยอีกในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 190937 ก.พ. 2568

    🔗#ไทยลาว #สงครามบ้านร่มเกล้า #สงครามบ่อแตน #พรมแดนไทยลาว #เนิน1428 #หยุดยิง #ความสัมพันธ์ไทยลาว #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามเย็น #สมรภูมิร่มเกล้า 🎖️
    37 ปี ไทย-ลาว ประกาศหยุดยิง ยุติสมรภูมิบ้านร่มเกล้า สงครามบ่อแตน จุดพิพาทเนิน 1428 📅 ย้อนไปเมื่อ 37 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531 นับเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย-ลาว เมื่อทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลง ประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ในสมรภูมิบ้านร่มเกล้า หลังจากการสู้รบที่ยืดเยื้อ มาอย่างยาวนานถึง 19 วัน สาเหตุหลักมาจาก ข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ที่นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะบริเวณ นิน 1428 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สงครามครั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งทหารและพลเรือน การเจรจาหยุดยิง นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการพิสูจน์เขตแดน เพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไป 37 ปี แต่ปัญหาเรื่อง พรมแดนไทย-ลาว บริเวณนี้ ก็ยังคงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่ทั้งสองประเทศต้องจับตาดู 🔥 จุดเริ่มต้นของสงครามบ้านร่มเกล้า ข้อพิพาทเขตแดนไทย-ลาว 🎯 ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนไทย-ลาว มีรากเหง้ามาจาก สนธิสัญญาปักปันเขตแดนไทย-ฝรั่งเศส เมื่อปี 2450 (ค.ศ. 1907) ซึ่งกำหนดให้ใช้ "แม่น้ำเหือง" เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ระหว่างไทยกับลาว ในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ แม่น้ำเหืองมีสองสาย ได้แก่ - แม่น้ำเหืองป่าหมัน มีต้นกำเนิดจากภูสอยดาว - แม่น้ำเหืองงา มีต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง ฝ่ายลาวยืนยันว่า "แม่น้ำเหืองป่าหมัน" ควรเป็นเส้นแบ่งพรมแดน แต่ฝ่ายไทยแย้งว่า สนธิสัญญากำหนดให้ใช้แม่น้ำ ที่มีต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง ซึ่งหมายถึง "แม่น้ำเหืองงา" ทำให้พื้นที่บ้านร่มเกล้า กลายเป็นพื้นที่พิพาทที่ ไทย-ลาว ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ครอบครอง 🏕️ บ้านร่มเกล้า จากหมู่บ้านม้ง สู่สมรภูมิรบ "บ้านร่มเกล้า" ตั้งอยู่บนแนวชายแดนไทย-ลาว ในเขตหมู่ที่ 8 ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวม้ง ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย 66/23 ของรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ต่อมารัฐบาลไทย ให้สัมปทานป่าไม้ ในพื้นที่บ้านร่มเกล้า ทำให้ฝ่ายลาวมองว่า ไทยรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของตน และเป็นการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมาย จึงเกิดเหตุปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารพรานไทย กับกองกำลังลาว ⚔️ การสู้รบในสมรภูมิร่มเกล้า ปะทะครั้งใหญ่ 31 พฤษภาคม 2530 📌 ทหารลาวเข้าโจมตีแคมป์คนงานไทย ที่ทำสัมปทานป่าไม้ คนงานไทยเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บหลายคน กองร้อยทหารพรานที่ 3405 เข้าช่วยเหลือ ทำให้เกิดการปะทะ หลังจากนั้น สถานการณ์เริ่มตึงเครียด กองทัพภาคที่ 3 ของไทย จึงส่งกำลังเสริม เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ 🚀 ยุทธการสอยดาว 01 และ 02 ช่วงปลายปี 2530 กองทัพไทยเปิดปฏิบัติการทางทหาร เต็มรูปแบบ ใช้ทหารราบ ทหารม้า ปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศ เป้าหมายหลักคือ "เนิน 1428" ที่ทหารลาวยึดครอง อย่างไรก็ตาม เนิน 1428 อยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ ทำให้ไทยไม่สามารถบุกยึด ได้อย่างเด็ดขาด ✈️ รบหนักสุด 1-19 กุมภาพันธ์ 2531 กองทัพไทยระดมกำลังบุกเนิน 1428 โดยกองทัพอากาศไทย ส่งเครื่องบิน เอฟ-5 อี และโอวี-10 โจมตี แต่สูญเสียเครื่องบิน 2 ลำ ที่ถูกยิงตกโดยปืนต่อต้านอากาศยา นและจรวดแซม การรบยืดเยื้อนานถึง 19 วัน ทั้งสองฝ่ายสูญเสียหนัก 🕊️ เจรจาหยุดยิง 💬 11 กุมภาพันธ์ 2531 นายไกรสอน พรหมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาว ส่งสาส์นถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีไทย ขอให้หยุดยิง และตั้งคณะกรรมการพิสูจน์เขตแดน 🤝 16-17 กุมภาพันธ์ 2531 ไทยและลาวเจรจากัน ที่กองบัญชาการ กองทัพอากาศไทย ✍️ 19 กุมภาพันธ์ 2531 ไทย-ลาว ลงนามข้อตกลงหยุดยิง และตกลงให้ถอยจากแนวปะทะ ฝ่ายละ 3 กิโลเมตร 📉 ผลกระทบจากสงคราม 💀 จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ - ฝ่ายไทยเสียชีวิต 147 นาย บาดเจ็บกว่า 700 นาย - ฝ่ายลาวคาดว่าเสียชีวิต 300-400 นาย บาดเจ็บ 200-300 นาย 💰 งบประมาณทางทหาร ไทยใช้งบประมาณในสงครามนี้กว่า 3,000 ล้านบาท 🌍 ความสัมพันธ์ไทย-ลาว การรบทำให้ความสัมพันธ์ไทย-ลาว ตกต่ำที่สุดในยุคนั้น แม้จะหยุดยิง แต่ปัญหาพรมแดน ยังคงไม่ได้ข้อยุติ จนถึงปัจจุบัน 🏛️ สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นหนึ่งในสงคราม ที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาพรมแดน ที่มีรากเหง้ามาจาก สนธิสัญญาทางประวัติศาสตร์ และความแตกต่างในการตีความแผนที่ แม้สงครามจะจบลงแล้ว แต่ประเด็นเรื่องพรมแดนไทย-ลาว ยังคงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่ทั้งสองประเทศ ต้องหารือร่วมกันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซ้ำรอยอีกในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 190937 ก.พ. 2568 🔗#ไทยลาว #สงครามบ้านร่มเกล้า #สงครามบ่อแตน #พรมแดนไทยลาว #เนิน1428 #หยุดยิง #ความสัมพันธ์ไทยลาว #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามเย็น #สมรภูมิร่มเกล้า 🎖️
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 665 Views 0 Reviews
  • จเรตำรวจแห่งชาติ เผย ทางการจีนส่ง 3,700 รายชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมียวดี ให้ไทยใช้เป็นข้อมูลคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ ร่วมกับฐานของมูลของตำรวจและสถานทูตต่างประเทศ สั่งเดินหน้าระเบิดสะพานโจร ตัดทรัพยากรที่ใช้ในการกระทำผิด

    วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมกับ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เพื่อจัดตั้ง Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce

    พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เป็นการหารือเรื่องรายละเอียดที่ทางการไทยได้รวบรวมข้อมูลมาจากมาตรการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ทั้งการตัดการจ่ายไฟ ระงับสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และงดจ่ายน้ำมันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014827

    #MGROnline #จเรตำรวจแห่งชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เมียวดี
    จเรตำรวจแห่งชาติ เผย ทางการจีนส่ง 3,700 รายชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมียวดี ให้ไทยใช้เป็นข้อมูลคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ ร่วมกับฐานของมูลของตำรวจและสถานทูตต่างประเทศ สั่งเดินหน้าระเบิดสะพานโจร ตัดทรัพยากรที่ใช้ในการกระทำผิด • วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมกับ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เพื่อจัดตั้ง Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce • พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เป็นการหารือเรื่องรายละเอียดที่ทางการไทยได้รวบรวมข้อมูลมาจากมาตรการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ทั้งการตัดการจ่ายไฟ ระงับสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และงดจ่ายน้ำมันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014827 • #MGROnline #จเรตำรวจแห่งชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เมียวดี
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 458 Views 0 Reviews
  • ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์
    .
    ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา
    .
    โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู
    .
    "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น"
    .
    ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน
    ..............
    Sondhi X
    ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์ . ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา . โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู . "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น" . ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    12
    1 Comments 1 Shares 2355 Views 0 Reviews
  • ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน

    วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ

    ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด

    แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433

    #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน • วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ • ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด • แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433 • #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 499 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.สั่งการจเรตำรวจสอบปม "ผู้การ ต." ถูกแฉเอี่ยวเมียวดีคอมเพล็กซ์ พร้อมคุมเข้มแนวชายแดนหลังตัดไฟ หลัง กฟภ.ตัดไฟฟ้าสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011785

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.สั่งการจเรตำรวจสอบปม "ผู้การ ต." ถูกแฉเอี่ยวเมียวดีคอมเพล็กซ์ พร้อมคุมเข้มแนวชายแดนหลังตัดไฟ หลัง กฟภ.ตัดไฟฟ้าสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011785 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 Comments 2 Shares 1005 Views 0 Reviews
  • สมช.มีมติตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซนเตอร์ อาชญากรรมตามแนวชายแดนไทย-เมียนม่า งดส่งกระแสไฟฟ้า-น้ำมัน-สัญญาณอินเทอร์เน็ต 5 จุด ไล่ไปตั้งแต่เมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามจังหวัดเชียงราย เมืองเมียวดี ตรงข้ามจังหวัดตาก และเมืองพญาตองซู ตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี เริ่ม 9 โมงพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011460

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สมช.มีมติตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซนเตอร์ อาชญากรรมตามแนวชายแดนไทย-เมียนม่า งดส่งกระแสไฟฟ้า-น้ำมัน-สัญญาณอินเทอร์เน็ต 5 จุด ไล่ไปตั้งแต่เมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามจังหวัดเชียงราย เมืองเมียวดี ตรงข้ามจังหวัดตาก และเมืองพญาตองซู ตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี เริ่ม 9 โมงพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011460 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    Angry
    16
    0 Comments 0 Shares 1207 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เลื่อนมาตรการรีดภาษีที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังในวันจันทร์ (3 ก.พ.) เม็กซิโก ตอบตกลงเสริมกำลังตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ ด้วยสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 10,000 นาย เพื่อสกัดการไหลบ่าเข้ามาของยาเสพติดผิดกฎหมาย
    .
    ข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่รับปากว่าจะขัดขวางการลักลอบขนอาวุธอานุภาพสูงเข้าไปยังเม็กซิโก จากการเปิดเผยของเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ พูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่มาตรการรีดภาษีของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโก จีนและแคนาดา จะมีผลบังคับใช้ ในความเคลื่อนไหวที่พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะก่อความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงราคาสินค้าที่เพงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจและพวกผู้บริโภคอเมริกา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่าสหรัฐฯ และเม็กซิโก จะใช้ช่วงเวลาแห่งการระงับ 1 เดือน ในการประสานงานเจรจาเพิ่มเติม "ผมตั้งตาคอยมีส่วนร่วมในการเจรจาเหล่านี้กับประธานาธิบดีไชน์บาว์ม ในขณะที่เราพยายามบรรลุข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ" ส่วนไชน์บาว์ม กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "เรามีเวลาในเดือนนี้ ที่จะทำงานและโน้มน้าวกันและกัน นี่คือหนทางที่ดีที่สุดในการเดินหน้า"
    .
    ข้อตกลงนี้มีขึ้นไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจาก ทรัมป์ แถลงจะรีดภาษีอย่างครอบคลุมสินค้าต่างๆ จาก 3 ชาติคู่หูทางการค้าลำดับต้นของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ข้อตกลงช่วยคลายแรงกดดันแก่เม็กซิโกในเบื้องต้น แต่แนวโน้มการบรรเทาโทษให้แคนาดาและจีน ดูเหมือนจะเลือนราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติเพื่อนบ้านทางเหนือของอเมริกา ที่ทรัมป์และคณะทำงานของเขายังคงส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ
    .
    "เราไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักจากแคนาดา และเราจำเป็นต้องทำแบบนั้นเช่นกัน" ทรัมป์ กล่าวระหว่างลงนามในคำสั่งบริหารที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ เปิดเผยในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่าได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาและจะมีการหารือกันอีกรอบในตอนบ่าย (ตามเวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตาม มาตรการรีดภาษีเล่นงานแคนาดาและจีน ยังคงมีแนวโน้มเริ่มขึ้นตอน 00.01 น.ของวันอังคาร (ราว 12.01 น.ของวันพุธ ตามเวลาในเมืองไทย) และแคนาดา ได้แถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้ออกมาแล้ว
    .
    ระหว่างกล่าวในวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ทรัมป์ บ่งชี้ว่าสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติ อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ "พวกเขาไม่ยอมรับรถของเรา พวกเขาไม่ยอมรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา พวกเขาแทบไม่เปิดรับอะไรเลย ผิดกับเราที่อ้าแขนรับทุกๆ อย่างจากพวกเขา" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
    .
    บรรดาผู้นำยุโรป ณ ที่ประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ แสดงความเห็นในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่ายุโรปจะเตรียมพร้อมสำหรับตอบโต้กลับ หากว่าสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีเล่นงานพวกเขา แต่ก็เรียกร้องขอความมีเหตุมีผลและการเจรจาตกลงกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แย้มว่าสหราชอาณาจักร ซึ่งถอนตัวออกจากอียูในปี 2020 อาจรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี
    .
    สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าและคู่หูด้านการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอียู อ้างอิงข้อมูลจากยูโรสแตท พบว่าปี 2023 สำหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอียู 155,800 ล้านยูโร ในการค้าขายสินค้าระหว่างกัน แต่ก็ชดเชยด้วยการเกินดุลการค้า 104,000 ล้านยูโร ในด้านการบริการ
    .
    พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าแผนรีดภาษีเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีน 10% ของทรัมป์ จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและผลักให้ราคาข้าวของแพงขึ้นสำหรับชาวอเมริกา
    .
    สภาหอการค้านานาชาติ ประเมินว่ามาตรการรีดภาษีจะนำให้การส่งออกของเม็กซิโกลดลง 10% และกระทบจีดีพีของประเทศแห่งนี้ราว 4% ใน 1 ปี ส่วนมาตรการรีดภาษีแคนาดา จะทำให้จีดีพีของประเทศแห่งนี้ลดลง 2.6%
    .
    ทรัมป์ ยอมรับเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่า การรีดภาษีอาจก่อความเจ็บปวดในระยะสั้นแก่บรรดาผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่กระนั้นก็อ้างว่ามาตรการรีดภาษีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนยาเสพติด รวมถึงกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ
    .
    นักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่ามาตรการรีดภาษีอาจผลักให้แคนาดาและเม็กซิโก เข้าสู่ภาวะถดถอยและโหมกระพือภาวะ Stagflation (สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับพุ่ง และคนว่างงานสูงลิ่ว) ภายในประเทศ ส่วนในยุโรป พวกนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่ามาตรการของทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% กับสินค้านำเข้าจากอียู จะกระทบกับจีดีพีของกลุ่มราว 0.5%
    .
    ทำเนียบขาวไม่ได้ระบุรายละเอียดอย่างเจาะจงว่าก้าวย่างใดบ้างที่จะช่วยแคนาดาและจีน รอดพ้นจากการรีดภาษี ในขณะที่ ทรัมป์ ประกาศกร้าว่าจะยังคงเดินหน้าบังคับใช้มาตรการนี้ไปจนกว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ" เกี่ยวกับยาเฟนทานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ จะยุติลง
    .
    จีน เรียกปัญหายาเฟนทานิลว่าเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และบอกว่าจะยื่นคัดค้านมาตรการรีดภาษี ณ องค์การการค้าโลกและใช้มาตรการอื่นๆ ตอบโต้ แต่ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจาเช่นกัน ส่วนแคนาดาบอกว่าจะดำเนินการทางกฎหมายภายใต้องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านมาตรการรีดภาษีของทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011137
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เลื่อนมาตรการรีดภาษีที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังในวันจันทร์ (3 ก.พ.) เม็กซิโก ตอบตกลงเสริมกำลังตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ ด้วยสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 10,000 นาย เพื่อสกัดการไหลบ่าเข้ามาของยาเสพติดผิดกฎหมาย . ข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่รับปากว่าจะขัดขวางการลักลอบขนอาวุธอานุภาพสูงเข้าไปยังเม็กซิโก จากการเปิดเผยของเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ พูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่มาตรการรีดภาษีของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโก จีนและแคนาดา จะมีผลบังคับใช้ ในความเคลื่อนไหวที่พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะก่อความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงราคาสินค้าที่เพงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจและพวกผู้บริโภคอเมริกา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่าสหรัฐฯ และเม็กซิโก จะใช้ช่วงเวลาแห่งการระงับ 1 เดือน ในการประสานงานเจรจาเพิ่มเติม "ผมตั้งตาคอยมีส่วนร่วมในการเจรจาเหล่านี้กับประธานาธิบดีไชน์บาว์ม ในขณะที่เราพยายามบรรลุข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ" ส่วนไชน์บาว์ม กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "เรามีเวลาในเดือนนี้ ที่จะทำงานและโน้มน้าวกันและกัน นี่คือหนทางที่ดีที่สุดในการเดินหน้า" . ข้อตกลงนี้มีขึ้นไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจาก ทรัมป์ แถลงจะรีดภาษีอย่างครอบคลุมสินค้าต่างๆ จาก 3 ชาติคู่หูทางการค้าลำดับต้นของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ข้อตกลงช่วยคลายแรงกดดันแก่เม็กซิโกในเบื้องต้น แต่แนวโน้มการบรรเทาโทษให้แคนาดาและจีน ดูเหมือนจะเลือนราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติเพื่อนบ้านทางเหนือของอเมริกา ที่ทรัมป์และคณะทำงานของเขายังคงส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ . "เราไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักจากแคนาดา และเราจำเป็นต้องทำแบบนั้นเช่นกัน" ทรัมป์ กล่าวระหว่างลงนามในคำสั่งบริหารที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ เปิดเผยในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่าได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาและจะมีการหารือกันอีกรอบในตอนบ่าย (ตามเวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตาม มาตรการรีดภาษีเล่นงานแคนาดาและจีน ยังคงมีแนวโน้มเริ่มขึ้นตอน 00.01 น.ของวันอังคาร (ราว 12.01 น.ของวันพุธ ตามเวลาในเมืองไทย) และแคนาดา ได้แถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้ออกมาแล้ว . ระหว่างกล่าวในวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ทรัมป์ บ่งชี้ว่าสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติ อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ "พวกเขาไม่ยอมรับรถของเรา พวกเขาไม่ยอมรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา พวกเขาแทบไม่เปิดรับอะไรเลย ผิดกับเราที่อ้าแขนรับทุกๆ อย่างจากพวกเขา" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว . บรรดาผู้นำยุโรป ณ ที่ประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ แสดงความเห็นในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่ายุโรปจะเตรียมพร้อมสำหรับตอบโต้กลับ หากว่าสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีเล่นงานพวกเขา แต่ก็เรียกร้องขอความมีเหตุมีผลและการเจรจาตกลงกัน . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แย้มว่าสหราชอาณาจักร ซึ่งถอนตัวออกจากอียูในปี 2020 อาจรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี . สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าและคู่หูด้านการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอียู อ้างอิงข้อมูลจากยูโรสแตท พบว่าปี 2023 สำหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอียู 155,800 ล้านยูโร ในการค้าขายสินค้าระหว่างกัน แต่ก็ชดเชยด้วยการเกินดุลการค้า 104,000 ล้านยูโร ในด้านการบริการ . พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าแผนรีดภาษีเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีน 10% ของทรัมป์ จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและผลักให้ราคาข้าวของแพงขึ้นสำหรับชาวอเมริกา . สภาหอการค้านานาชาติ ประเมินว่ามาตรการรีดภาษีจะนำให้การส่งออกของเม็กซิโกลดลง 10% และกระทบจีดีพีของประเทศแห่งนี้ราว 4% ใน 1 ปี ส่วนมาตรการรีดภาษีแคนาดา จะทำให้จีดีพีของประเทศแห่งนี้ลดลง 2.6% . ทรัมป์ ยอมรับเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่า การรีดภาษีอาจก่อความเจ็บปวดในระยะสั้นแก่บรรดาผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่กระนั้นก็อ้างว่ามาตรการรีดภาษีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนยาเสพติด รวมถึงกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ . นักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่ามาตรการรีดภาษีอาจผลักให้แคนาดาและเม็กซิโก เข้าสู่ภาวะถดถอยและโหมกระพือภาวะ Stagflation (สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับพุ่ง และคนว่างงานสูงลิ่ว) ภายในประเทศ ส่วนในยุโรป พวกนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่ามาตรการของทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% กับสินค้านำเข้าจากอียู จะกระทบกับจีดีพีของกลุ่มราว 0.5% . ทำเนียบขาวไม่ได้ระบุรายละเอียดอย่างเจาะจงว่าก้าวย่างใดบ้างที่จะช่วยแคนาดาและจีน รอดพ้นจากการรีดภาษี ในขณะที่ ทรัมป์ ประกาศกร้าว่าจะยังคงเดินหน้าบังคับใช้มาตรการนี้ไปจนกว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ" เกี่ยวกับยาเฟนทานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ จะยุติลง . จีน เรียกปัญหายาเฟนทานิลว่าเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และบอกว่าจะยื่นคัดค้านมาตรการรีดภาษี ณ องค์การการค้าโลกและใช้มาตรการอื่นๆ ตอบโต้ แต่ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจาเช่นกัน ส่วนแคนาดาบอกว่าจะดำเนินการทางกฎหมายภายใต้องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านมาตรการรีดภาษีของทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011137 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1554 Views 0 Reviews
  • 37 ปี ยุทธการบ้านร่มเกล้า ไทย-ลาว ปะทะเดือด พิพาทเนิน 1428 สงครามบ่อแตน

    ย้อนไปเมื่อ 37 ปี ที่ผ่านมา “สมรภูมิร่มเกล้า” คือหนึ่งในเหตุการณ์ ความขัดแย้งทางทหาร ที่รุนแรงที่สุด ระหว่างไทยและลาว จุดศูนย์กลางของสงครามครั้งนี้คือ พื้นที่บ้านร่มเกล้า ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ซึ่งเกิดการสู้รบ ระหว่างกองทัพไทย และกองทัพประชาชนลาว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 นับเป็นเหตุการณ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา การปักปันเขตแดน ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ จนถึงปัจจุบัน

    🔥 ต้นตอของความขัดแย้ง ปัญหาเขตแดนไทย-ลาว
    📜 สนธิสัญญาปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส (2447-2450)
    ปัญหาการปะทะกัน ที่บ้านร่มเกล้า เกิดจากความคลาดเคลื่อน ในการตีความสนธิสัญญา ระหว่างราชอาณาจักรสยาม กับฝรั่งเศส (ขณะนั้น ลาวเป็นอาณานิคม ของฝรั่งเศส)

    ปี พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2450 ไทยและฝรั่งเศส ได้ตกลงกำหนดเขตแดน โดยใช้แม่น้ำเหือง เป็นเส้นแบ่งระหว่างดินแดน ไทยและลาว อย่างไรก็ตาม "แม่น้ำเหือง" มี 2 สาย คือ
    - แม่น้ำเหืองป่าหมัน ต้นกำเนิดจากภูสอยดาว
    - แม่น้ำเหืองงา ต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง

    ไทยอ้างว่า เส้นเขตแดนต้องใช้ "แม่น้ำเหืองงา" ตามต้นน้ำภูเมี่ยง
    ลาวอ้างว่า เส้นเขตแดนต้องใช้ "แม่น้ำเหืองป่าหมัน" ตามเส้นทางน้ำ ที่ไหลลงแม่น้ำโขง

    ความแตกต่างในการตีความนี้ ทำให้เกิดพื้นที่พิพาทกว่า 70 ตารางกิโลเมตร รวมถึงบริเวณบ้านร่มเกล้า ที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ์

    🔥 "บ้านร่มเกล้า" จุดยุทธศาสตร์ ที่นำไปสู่สงคราม
    🏡 การตั้งถิ่นฐานของชาวม้ง และการสัมปทานป่าไม้
    - พ.ศ. 2526 รัฐบาลไทยจัดตั้งหมู่บ้านร่มเกล้า เป็นที่อยู่ของชาวม้ง อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติ
    - พ.ศ. 2528 ไทยให้สัมปทานตัดไม้ในพื้นที่นี้ โดยกองทัพภาคที่ 3 ดูแล

    ลาวมองว่า ไทยเข้ามารุกล้ำพื้นที่ และให้กลุ่มม้ง ที่เคยต่อต้านรัฐบาลลาว เข้ามาตั้งถิ่นฐาน เป็นภัยต่อความมั่นคงของลาว

    🔫 ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น นำไปสู่สงคราม
    - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 ทหารลาวบุกโจมตี แคมป์ตัดไม้ของไทย ทำให้เกิดการปะทะครั้งแรก
    - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ทหารพรานไทย ปะทะกับทหารลาว 200-300 นาย ที่บ้านร่มเกล้า
    - ปลายปี พ.ศ. 2530 ทหารลาวสร้างฐานที่มั่น บนเนิน 1428 และเนิน 1182 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
    - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 กองทัพบกไทยเริ่ม "ยุทธการบ้านร่มเกล้า" เพื่อตอบโต้

    🔥 สมรภูมิร่มเกล้า การรบที่ดุเดือดที่สุด ระหว่างไทย-ลาว
    ⚔️ ยุทธการบ้านร่มเกล้า ปฏิบัติการผลักดันทหารลาว
    - ไทยใช้กำลังทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ และทหารพราน ในการโจมตี พร้อมส่งเครื่องบินรบ F-5E และ OV-10 โจมตีฐานที่มั่นลาว
    - ทหารลาวมีจรวดแซม และปืนต่อสู้อากาศยาน ทำให้เครื่องบินไทยถูกยิงตกไป 2 ลำ

    🔥 การสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือด เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ได้ 70% แต่เนิน 1428 ยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ยังตียึดไม่ได้

    ✈️ กองทัพอากาศไทยสูญเสียเครื่องบิน
    F-5E ตก 1 ลำ
    OV-10 ตก 1 ลำ

    ไทยพยายามยึดเนิน 1428 แต่ลาวได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ทำให้ไทยไม่สามารถรุกคืบไปได้

    ✍️ การเจรจาหยุดยิง และบทสรุปของสงคราม
    🤝 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หยุดยิงและถอยทัพ
    - 11 กุมภาพันธ์ 2531 นายไกรสอน พรหมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาว เสนอหยุดยิง
    - 16-17 กุมภาพันธ์ 2531 ผู้บัญชาการทหารของไทยและลาว เจรจากันที่กรุงเทพฯ
    - 19 กุมภาพันธ์ 2531 ตกลงหยุดยิง ถอยกำลังทหารฝ่ายละ 3 กิโลเมตร

    💔 ความสูญเสียจากสมรภูมิร่มเกล้า
    - ทหารไทยเสียชีวิต 147 นาย, บาดเจ็บ 166 นาย
    - ทหารลาวคาดว่าเสียชีวิต 300-400 นาย, บาดเจ็บ 200-300 นาย
    - ไทยใช้งบประมาณ ในสงครามครั้งนี้กว่า 3,000 ล้านบาท

    ❓ 37 ปี ผ่านไป เขตแดนยังไม่ชัดเจน
    แม้สงครามจะจบลงด้วยการเจรจา แต่ปัญหาเขตแดนไทย-ลาว ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จนถึงปัจจุบัน สนธิสัญญาปี 2450 ยังถูกตีความต่างกัน ไทยและลาว ยังคงมีข้อพิพาทบางจุด ตามแนวชายแดน บทเรียนของสมรภูมิร่มเกล้า คือ ความสำคัญของการเจรจาทางการทูต แทนการใช้กำลังทหาร

    🔎 FAQ: คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับสมรภูมิร่มเกล้า
    ❓ สมรภูมิร่มเกล้า เกิดขึ้นเมื่อไหร่?
    📌 เกิดขึ้นช่วง 1-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531

    ❓ ทำไมไทยกับลาวถึงสู้รบกัน?
    📌 เกิดจากความขัดแย้งเรื่อง เส้นเขตแดนบริเวณแม่น้ำเหือง ซึ่งไทยและลาว ตีความต่างกัน

    ❓ ไทยชนะสงครามนี้หรือไม่?
    📌 ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ได้ 70% แต่ ไม่สามารถยึดเนิน 1428 ได้ ทำให้ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ โดยสมบูรณ์

    ❓ ปัจจุบันไทย-ลาว ยังมีปัญหาชายแดนหรือไม่?
    📌 ยังมีข้อพิพาทบางจุด แต่ปัจจุบันไทยและลาว เน้นการเจรจา แทนการใช้กำลัง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 010707 ก.พ. 2568

    🔗 #สมรภูมิร่มเกล้า #สงครามไทยลาว #ประวัติศาสตร์ไทย #พิพาทชายแดน #ยุทธการบ้านร่มเกล้า #เนิน1428 #ไทยลาวสัมพันธ์ #ปักปันเขตแดน #แม่น้ำเหือง #สงครามบ่อแตน
    37 ปี ยุทธการบ้านร่มเกล้า ไทย-ลาว ปะทะเดือด พิพาทเนิน 1428 สงครามบ่อแตน ย้อนไปเมื่อ 37 ปี ที่ผ่านมา “สมรภูมิร่มเกล้า” คือหนึ่งในเหตุการณ์ ความขัดแย้งทางทหาร ที่รุนแรงที่สุด ระหว่างไทยและลาว จุดศูนย์กลางของสงครามครั้งนี้คือ พื้นที่บ้านร่มเกล้า ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ซึ่งเกิดการสู้รบ ระหว่างกองทัพไทย และกองทัพประชาชนลาว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 นับเป็นเหตุการณ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา การปักปันเขตแดน ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ จนถึงปัจจุบัน 🔥 ต้นตอของความขัดแย้ง ปัญหาเขตแดนไทย-ลาว 📜 สนธิสัญญาปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส (2447-2450) ปัญหาการปะทะกัน ที่บ้านร่มเกล้า เกิดจากความคลาดเคลื่อน ในการตีความสนธิสัญญา ระหว่างราชอาณาจักรสยาม กับฝรั่งเศส (ขณะนั้น ลาวเป็นอาณานิคม ของฝรั่งเศส) ปี พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2450 ไทยและฝรั่งเศส ได้ตกลงกำหนดเขตแดน โดยใช้แม่น้ำเหือง เป็นเส้นแบ่งระหว่างดินแดน ไทยและลาว อย่างไรก็ตาม "แม่น้ำเหือง" มี 2 สาย คือ - แม่น้ำเหืองป่าหมัน ต้นกำเนิดจากภูสอยดาว - แม่น้ำเหืองงา ต้นกำเนิดจากภูเมี่ยง ไทยอ้างว่า เส้นเขตแดนต้องใช้ "แม่น้ำเหืองงา" ตามต้นน้ำภูเมี่ยง ลาวอ้างว่า เส้นเขตแดนต้องใช้ "แม่น้ำเหืองป่าหมัน" ตามเส้นทางน้ำ ที่ไหลลงแม่น้ำโขง ความแตกต่างในการตีความนี้ ทำให้เกิดพื้นที่พิพาทกว่า 70 ตารางกิโลเมตร รวมถึงบริเวณบ้านร่มเกล้า ที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ์ 🔥 "บ้านร่มเกล้า" จุดยุทธศาสตร์ ที่นำไปสู่สงคราม 🏡 การตั้งถิ่นฐานของชาวม้ง และการสัมปทานป่าไม้ - พ.ศ. 2526 รัฐบาลไทยจัดตั้งหมู่บ้านร่มเกล้า เป็นที่อยู่ของชาวม้ง อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติ - พ.ศ. 2528 ไทยให้สัมปทานตัดไม้ในพื้นที่นี้ โดยกองทัพภาคที่ 3 ดูแล ลาวมองว่า ไทยเข้ามารุกล้ำพื้นที่ และให้กลุ่มม้ง ที่เคยต่อต้านรัฐบาลลาว เข้ามาตั้งถิ่นฐาน เป็นภัยต่อความมั่นคงของลาว 🔫 ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น นำไปสู่สงคราม - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 ทหารลาวบุกโจมตี แคมป์ตัดไม้ของไทย ทำให้เกิดการปะทะครั้งแรก - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ทหารพรานไทย ปะทะกับทหารลาว 200-300 นาย ที่บ้านร่มเกล้า - ปลายปี พ.ศ. 2530 ทหารลาวสร้างฐานที่มั่น บนเนิน 1428 และเนิน 1182 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 กองทัพบกไทยเริ่ม "ยุทธการบ้านร่มเกล้า" เพื่อตอบโต้ 🔥 สมรภูมิร่มเกล้า การรบที่ดุเดือดที่สุด ระหว่างไทย-ลาว ⚔️ ยุทธการบ้านร่มเกล้า ปฏิบัติการผลักดันทหารลาว - ไทยใช้กำลังทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ และทหารพราน ในการโจมตี พร้อมส่งเครื่องบินรบ F-5E และ OV-10 โจมตีฐานที่มั่นลาว - ทหารลาวมีจรวดแซม และปืนต่อสู้อากาศยาน ทำให้เครื่องบินไทยถูกยิงตกไป 2 ลำ 🔥 การสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือด เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ได้ 70% แต่เนิน 1428 ยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ยังตียึดไม่ได้ ✈️ กองทัพอากาศไทยสูญเสียเครื่องบิน F-5E ตก 1 ลำ OV-10 ตก 1 ลำ ไทยพยายามยึดเนิน 1428 แต่ลาวได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ทำให้ไทยไม่สามารถรุกคืบไปได้ ✍️ การเจรจาหยุดยิง และบทสรุปของสงคราม 🤝 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หยุดยิงและถอยทัพ - 11 กุมภาพันธ์ 2531 นายไกรสอน พรหมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาว เสนอหยุดยิง - 16-17 กุมภาพันธ์ 2531 ผู้บัญชาการทหารของไทยและลาว เจรจากันที่กรุงเทพฯ - 19 กุมภาพันธ์ 2531 ตกลงหยุดยิง ถอยกำลังทหารฝ่ายละ 3 กิโลเมตร 💔 ความสูญเสียจากสมรภูมิร่มเกล้า - ทหารไทยเสียชีวิต 147 นาย, บาดเจ็บ 166 นาย - ทหารลาวคาดว่าเสียชีวิต 300-400 นาย, บาดเจ็บ 200-300 นาย - ไทยใช้งบประมาณ ในสงครามครั้งนี้กว่า 3,000 ล้านบาท ❓ 37 ปี ผ่านไป เขตแดนยังไม่ชัดเจน แม้สงครามจะจบลงด้วยการเจรจา แต่ปัญหาเขตแดนไทย-ลาว ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จนถึงปัจจุบัน สนธิสัญญาปี 2450 ยังถูกตีความต่างกัน ไทยและลาว ยังคงมีข้อพิพาทบางจุด ตามแนวชายแดน บทเรียนของสมรภูมิร่มเกล้า คือ ความสำคัญของการเจรจาทางการทูต แทนการใช้กำลังทหาร 🔎 FAQ: คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับสมรภูมิร่มเกล้า ❓ สมรภูมิร่มเกล้า เกิดขึ้นเมื่อไหร่? 📌 เกิดขึ้นช่วง 1-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 ❓ ทำไมไทยกับลาวถึงสู้รบกัน? 📌 เกิดจากความขัดแย้งเรื่อง เส้นเขตแดนบริเวณแม่น้ำเหือง ซึ่งไทยและลาว ตีความต่างกัน ❓ ไทยชนะสงครามนี้หรือไม่? 📌 ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ได้ 70% แต่ ไม่สามารถยึดเนิน 1428 ได้ ทำให้ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ โดยสมบูรณ์ ❓ ปัจจุบันไทย-ลาว ยังมีปัญหาชายแดนหรือไม่? 📌 ยังมีข้อพิพาทบางจุด แต่ปัจจุบันไทยและลาว เน้นการเจรจา แทนการใช้กำลัง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 010707 ก.พ. 2568 🔗 #สมรภูมิร่มเกล้า #สงครามไทยลาว #ประวัติศาสตร์ไทย #พิพาทชายแดน #ยุทธการบ้านร่มเกล้า #เนิน1428 #ไทยลาวสัมพันธ์ #ปักปันเขตแดน #แม่น้ำเหือง #สงครามบ่อแตน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 763 Views 0 Reviews
  • 'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย
    .
    การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ
    .
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่
    .
    "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ
    .
    ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ
    .
    ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร
    .
    "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย . การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ . นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่ . "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ . ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ . ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร . "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    16
    0 Comments 0 Shares 2374 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้
    .
    ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล
    .
    ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล
    .
    "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที"
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้
    .
    เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส
    .
    เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน
    .
    บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป
    .
    สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน
    .
    อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้
    .
    มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม
    .
    "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย"
    .
    การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้ . ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล . ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล . "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที" . ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้ . เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส . เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน . บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป . สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน . อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้ . มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม . "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย" . การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    9
    1 Comments 0 Shares 2381 Views 0 Reviews
  • ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง
    .
    รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ
    .
    อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
    .
    ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024
    .
    ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5%
    .
    ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี
    .
    Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ
    .
    สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง
    .
    เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ"
    .
    มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน
    .
    การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ
    .
    นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ
    .
    รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706
    ..............
    Sondhi X
    ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง . รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ . อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 . ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024 . ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5% . ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี . Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ . สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง . เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ" . มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน . การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ . นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ . รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 Comments 0 Shares 1310 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา
    .
    ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
    .
    มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!"
    .
    ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา
    .
    ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร"
    .
    เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล
    .
    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ
    .
    เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา . ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ . มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน . นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!" . ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา . ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร" . เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล . ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา . ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ . เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 1503 Views 0 Reviews
More Results