• พิเชี้ย ปกป้องงบฯซ่อมสภาฯ แค่ 8 พันล้านพ่อง ไม่ต้องใหญ่อันดับ1 หรอก เพราะข้างในสภามัน เชี้ยอันดับ1 ของโลกไปแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พิเชษฐ์
    พิเชี้ย ปกป้องงบฯซ่อมสภาฯ แค่ 8 พันล้านพ่อง ไม่ต้องใหญ่อันดับ1 หรอก เพราะข้างในสภามัน เชี้ยอันดับ1 ของโลกไปแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง #พิเชษฐ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
    แสดงความ
    ยินดีเปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ใจกลางเมืองลพบุรี
    //////////////

    ศิริชัย อัมพร มารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์
    เปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร
    ผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆแต่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน

    เมื่อเวลา 09:00 น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568
    นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ หรือ โหน่ง ข่าวสืบสวน
    ผู้อำนวยการสำนักข่าวข่าวสืบสวน ฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค
    มอบพระสิวลี หลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ มอบให้เป็นสิริมงคล
    แสดงความยินดีให้แก่ นายศิริชัย อัมพร
    นางมารศรี อัมพร
    เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ซึ่งเป็นของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร เป็นผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง.
    ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรีใจกลางแหล่งท่องเที่ยว
    ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว
    ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ลองไปเช็คอินดูและลองชิมอาหารหวานอาหารคาวตลอดถึงกาแฟร้อนและเย็นเลือกมากมายลองชิมดูสั่งดูราคาบอกเลยนะไม่แพงแต่เจ้าของร้านใจดีใจดี
    ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ตั้งอยู่หลังร้านสกายเวย์
    65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น
    หยุดทุกวันจันทร์
    นันท์นภัส วงศ์ใหญ่ แสดงความ ยินดีเปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ใจกลางเมืองลพบุรี ////////////// ศิริชัย อัมพร มารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ เปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร ผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆแต่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เมื่อเวลา 09:00 น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ หรือ โหน่ง ข่าวสืบสวน ผู้อำนวยการสำนักข่าวข่าวสืบสวน ฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค มอบพระสิวลี หลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ มอบให้เป็นสิริมงคล แสดงความยินดีให้แก่ นายศิริชัย อัมพร นางมารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ซึ่งเป็นของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร เป็นผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง. ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรีใจกลางแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ลองไปเช็คอินดูและลองชิมอาหารหวานอาหารคาวตลอดถึงกาแฟร้อนและเย็นเลือกมากมายลองชิมดูสั่งดูราคาบอกเลยนะไม่แพงแต่เจ้าของร้านใจดีใจดี ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ตั้งอยู่หลังร้านสกายเวย์ 65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น หยุดทุกวันจันทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'คาทอลิก' ยื่น 'พิเชษฐ์-ผู้นำฝ่ายค้านฯ' ค้าน พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/18103/
    'คาทอลิก' ยื่น 'พิเชษฐ์-ผู้นำฝ่ายค้านฯ' ค้าน พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ https://www.thai-tai.tv/news/18103/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า

    จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ

    ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม

    อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น

    #Newskit
    ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา

    สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท

    สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย

    สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม

    นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน

    #Newskit
    คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 827 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม

    ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง

    วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566

    โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก

    ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109
    .........
    Sondhi X
    คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2161 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2889 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31 ตุลาคม 2567 -รายงานจากเพจเฟซบุ๊กของวาสนา นาน่วม นักข่าวสายความมั่นคงและทหาร นสพ.บางกอกโพสต์ ระบุเกี่ยวกับโผทหารว่า เขย่าผู้การ ทบ. “บิ๊กปู” เซ็นโผแรก ย้าย 362 พันเอกพิเศษ คอแดง-คอเขียว จัดแถว “รองผบ.พล.-ผู้การกรม ล้าง ปืนใหญ่ คอแดง พ้น พล.1 รอ. กองพล วงศ์เทวัญคอแดง เปลี่ยน ผบ.ร.31 รอ. หน่วยเดิม บิ๊กปู “ผู้การย้ง” ขึ้น รอง ผบ.พล.1 รอ.ขยับเพียบ บูรพาพยัคฆ์คอแดงพล.ร.2รอ.เปลี่ยน รบพิเศษคอแดง ผบ.รพศ.3 รอ.

    พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ลงนามคำสั่งกองทัพบก ที่ 406/2567 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับเงินเดือน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 จัดแถวนายทหารระดับ พันเอกพิเศษ หรือโผ ผู้บังคับการกรม ระดับ “รองผบ.พล-ผู้การกรม” 362 นาย

    ที่น่าจับตา ในส่วนกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยคุมกำลังหลักในกรุงเทพฯ และภาคกลาง โดยเฉพาะในหน่วยทหารคอแดง และขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 เช่น พล.1 รอ. และพล.ร.2 รอ.

    พ.อ.รณวรรณ พจน์สถิตย์ รองผบ.พล.1 รอ. (ตท.31) ข้ามหลุดสายวงศ์เทวัญ ไปเป็น รองผบ.มทบ.17

    ทั้งนี้ เป็นที่ตั้งข้อสังเกตุว่า อาจเพราะเป็นทหารเหล่าปืนใหญ่ ที่มาอยู่ในพล.1 รอ. ซึ่งเป็นกองพลทหารราบ ที่ ในที่สุด ผบ.พล.1 รอ. ก็ต้องเป็นทหารราบ
    จึงย้ายออก เพื่อเปิดทางให้ ผู้การย้ง พ.อ.คทาวุธ ชัยยัง ผบ.ร.31 รอ. (ตท.35) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.1 รอ. พ.อ.กฤษดาหิรัญโรจน์ เสธ.พล.1 รอ. (ตท.36) เป็น ผบ.ร.31 รอ. แทน

    ที่สำคัญ คือ พ.อ.สาธิต ไวยนนท์ รองผบ.มทบ.310 (ตท.26) รุ่น ผบ.ทบ. ข้ามมาเป็น รองผบ.พล.1 รอ.

    ในส่วน พล.ร.2 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์คอแดง พ.อ.ปฏิวัติ เพื่องประ ภัสสร์ ผบ.ร.12 รอ. (ตท.35) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.บัญชา ชาญฉลาด เสธ.พล.ร.2 รอ. (ตท.36) ขยับเป็น ผบ.ร.2 รอ. , พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี รองผบ.ร.12 รอ. (ตท.36) ขึ้นเป็น ผบ.ร.12 รอ.

    กองพลทหารราบที่9 กองพลทหารคอเขียว- พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29 (ตท.32) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.ร.9 , พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช เสธ.พล.ร.9 (ตท.33) เป็น ผบ.ร.29 , พ.อ.ชูพงษ์ สายอุบล ผบ.กรม.สน.พล.ร.9 (ตท.32) เป็น ผบ.ร.19

    กองพลทหารราบที่ 11- พ.อ.สังกาศ สร้อยคํา รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.13 (ตท.31) ข้ามกลับถิ่น มาเป็น รองผบ.พล.ร.11

    ในส่วน มทบ.ใน กองทัพภาค1 -
    พ.อ.ศตวรรษ อินทร์กง รองผบ.มทบ.17 (ตท.32) เป็น รองผบ.มทบ.12 , พ.อ.ชูชีพ โพธิ์นอก เสธ.มทบ.12 (ตท.28) เป็น รองผบ.มทบ.12 , พ.อ.พิทยากูล โพธิสุวรณ รองเสธ.ทภ.1 (ตท.29) ย้ายระนาบเป็น รองผบ.มทบ.13 , พ.อ.ธารา เจนตลอด รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.16 (ตท.26) เป็น รองผบ.มทบ.16 พ.อ.เอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.11 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.18 , พ.อ.ภัทราวุธ ทิพโกมุท รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.18 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.18

    พ.อ.อำนาจ วริชศักดิ์โสภานะ ผอ.กยก.ทภ.1 (ตท.35) ขัยเป็น ผบ.ม.5 รอ. , พ.อ.ณัฐฐา นวลศรีฉาย รองผบ.ม.4 รอ. (ตท.37) เป็น ผบ.ม.4 รอ.

    กองทัพภาคที่ 2 มีการขยับ
    พ.อ.ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.24 (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ร.3 , พ.อ.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.29 (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ร.3 , พ.อ.สุพรเทพ ไชยยงค์ รองผบ.ร.8 (ตท.33) เป็น ผบ.ร.8 ,พ.อ.สุรกิจ กาฬเนตร เสธ.พล.ร.6 (ตท.32) เป็น ผบ.ร.16 พ.อ.ประวัติ จารุตัน รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.23 (ตท.29) เป็น รองผบ.พล.ม.3 ล พ.อ.บดินทร์ อุปสาร รองผบ.ม.6 (ตท.32) ขึ้นเป็น ผบ.ม.6 , พ.อ.เอนก พรหมทา รองผบ.ม.6 (ตท.35) เป็น ผบ.ม.7

    กองทัพภาคที่ 3 : พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย เสธ.พล.ร.4 (ตท.32) เป็น รองผบ.พล.ร.4 , พ.อ.วันชัย มณีวรรณ เสธ.พล.ร.7 (ตท.32) เป็น รองผบ.พล.ร.7

    พ.อ.ภาส วงศ์สารภี รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.33 (ตท.29 ) กลับเข้าไลน์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.7 พ.อ.ยรรยง ทิพาปกรณ์ รองผบ.พล.ร.7 (ตท.28) เป็น รองผบ.มทบ.33 , พ.อ.ชนกานต์ แสงศร ผองกยก.ทภ.3 (ตท.35) เป็น ผบ.ร.14 , พ.อ.สุพรรณ ร้อยพุท รองผบ.ม.3 (ตท.33) เป็น ผบ.ม.2

    ส่วนกองทัพภาคที่ 4 มีการหมุนเวียนตำแหน่ง: พ.อ.วัชระ สุขวงศ์ นปก.ประจำ มทบ.41 (ตท.25) เป็น รองผบ.บชร.4 , พ.อ.อัทตเศรษฐ์ เต็มมีศรี ผองกขว.ทน.4 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.44 , พ.อ.พิเชษฐ์ ชุติเดโช รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.42 (ตท.29) เป็น รองผบ.มทบ.46 , พ.อ.ภูมเดชา พ่วงเจริญ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.46 (ตท.26) เป็น รองผบ.มทบ.46

    หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ:
    พ.อ.สุนทร กำลังมา ผบ.รพศ.4 (ตท.29) เป็น รองผบ.พล.รพศ.1 , พ.อ.นิมิตร วีระพงศ์ รองผบ.รพศ.2 (ตท.32) เป็นผบ.รพศ.3 รอ. ,

    กองพลทหารปืนใหญ่: พ.อ.ศักดิ์ชัย พงคพนาไกร เสธ.พล.ปตอ. (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ปตอ.

    ที่มา : wassana nanuam https://www.facebook.com/share/154TquBDqq/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    31 ตุลาคม 2567 -รายงานจากเพจเฟซบุ๊กของวาสนา นาน่วม นักข่าวสายความมั่นคงและทหาร นสพ.บางกอกโพสต์ ระบุเกี่ยวกับโผทหารว่า เขย่าผู้การ ทบ. “บิ๊กปู” เซ็นโผแรก ย้าย 362 พันเอกพิเศษ คอแดง-คอเขียว จัดแถว “รองผบ.พล.-ผู้การกรม ล้าง ปืนใหญ่ คอแดง พ้น พล.1 รอ. กองพล วงศ์เทวัญคอแดง เปลี่ยน ผบ.ร.31 รอ. หน่วยเดิม บิ๊กปู “ผู้การย้ง” ขึ้น รอง ผบ.พล.1 รอ.ขยับเพียบ บูรพาพยัคฆ์คอแดงพล.ร.2รอ.เปลี่ยน รบพิเศษคอแดง ผบ.รพศ.3 รอ. พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ลงนามคำสั่งกองทัพบก ที่ 406/2567 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับเงินเดือน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 จัดแถวนายทหารระดับ พันเอกพิเศษ หรือโผ ผู้บังคับการกรม ระดับ “รองผบ.พล-ผู้การกรม” 362 นาย ที่น่าจับตา ในส่วนกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยคุมกำลังหลักในกรุงเทพฯ และภาคกลาง โดยเฉพาะในหน่วยทหารคอแดง และขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 เช่น พล.1 รอ. และพล.ร.2 รอ. พ.อ.รณวรรณ พจน์สถิตย์ รองผบ.พล.1 รอ. (ตท.31) ข้ามหลุดสายวงศ์เทวัญ ไปเป็น รองผบ.มทบ.17 ทั้งนี้ เป็นที่ตั้งข้อสังเกตุว่า อาจเพราะเป็นทหารเหล่าปืนใหญ่ ที่มาอยู่ในพล.1 รอ. ซึ่งเป็นกองพลทหารราบ ที่ ในที่สุด ผบ.พล.1 รอ. ก็ต้องเป็นทหารราบ จึงย้ายออก เพื่อเปิดทางให้ ผู้การย้ง พ.อ.คทาวุธ ชัยยัง ผบ.ร.31 รอ. (ตท.35) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.1 รอ. พ.อ.กฤษดาหิรัญโรจน์ เสธ.พล.1 รอ. (ตท.36) เป็น ผบ.ร.31 รอ. แทน ที่สำคัญ คือ พ.อ.สาธิต ไวยนนท์ รองผบ.มทบ.310 (ตท.26) รุ่น ผบ.ทบ. ข้ามมาเป็น รองผบ.พล.1 รอ. ในส่วน พล.ร.2 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์คอแดง พ.อ.ปฏิวัติ เพื่องประ ภัสสร์ ผบ.ร.12 รอ. (ตท.35) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.บัญชา ชาญฉลาด เสธ.พล.ร.2 รอ. (ตท.36) ขยับเป็น ผบ.ร.2 รอ. , พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี รองผบ.ร.12 รอ. (ตท.36) ขึ้นเป็น ผบ.ร.12 รอ. กองพลทหารราบที่9 กองพลทหารคอเขียว- พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29 (ตท.32) ขึ้นเป็น รองผบ.พล.ร.9 , พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช เสธ.พล.ร.9 (ตท.33) เป็น ผบ.ร.29 , พ.อ.ชูพงษ์ สายอุบล ผบ.กรม.สน.พล.ร.9 (ตท.32) เป็น ผบ.ร.19 กองพลทหารราบที่ 11- พ.อ.สังกาศ สร้อยคํา รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.13 (ตท.31) ข้ามกลับถิ่น มาเป็น รองผบ.พล.ร.11 ในส่วน มทบ.ใน กองทัพภาค1 - พ.อ.ศตวรรษ อินทร์กง รองผบ.มทบ.17 (ตท.32) เป็น รองผบ.มทบ.12 , พ.อ.ชูชีพ โพธิ์นอก เสธ.มทบ.12 (ตท.28) เป็น รองผบ.มทบ.12 , พ.อ.พิทยากูล โพธิสุวรณ รองเสธ.ทภ.1 (ตท.29) ย้ายระนาบเป็น รองผบ.มทบ.13 , พ.อ.ธารา เจนตลอด รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.16 (ตท.26) เป็น รองผบ.มทบ.16 พ.อ.เอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.11 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.18 , พ.อ.ภัทราวุธ ทิพโกมุท รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.18 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.18 พ.อ.อำนาจ วริชศักดิ์โสภานะ ผอ.กยก.ทภ.1 (ตท.35) ขัยเป็น ผบ.ม.5 รอ. , พ.อ.ณัฐฐา นวลศรีฉาย รองผบ.ม.4 รอ. (ตท.37) เป็น ผบ.ม.4 รอ. กองทัพภาคที่ 2 มีการขยับ พ.อ.ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.24 (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ร.3 , พ.อ.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.29 (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ร.3 , พ.อ.สุพรเทพ ไชยยงค์ รองผบ.ร.8 (ตท.33) เป็น ผบ.ร.8 ,พ.อ.สุรกิจ กาฬเนตร เสธ.พล.ร.6 (ตท.32) เป็น ผบ.ร.16 พ.อ.ประวัติ จารุตัน รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.23 (ตท.29) เป็น รองผบ.พล.ม.3 ล พ.อ.บดินทร์ อุปสาร รองผบ.ม.6 (ตท.32) ขึ้นเป็น ผบ.ม.6 , พ.อ.เอนก พรหมทา รองผบ.ม.6 (ตท.35) เป็น ผบ.ม.7 กองทัพภาคที่ 3 : พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย เสธ.พล.ร.4 (ตท.32) เป็น รองผบ.พล.ร.4 , พ.อ.วันชัย มณีวรรณ เสธ.พล.ร.7 (ตท.32) เป็น รองผบ.พล.ร.7 พ.อ.ภาส วงศ์สารภี รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.33 (ตท.29 ) กลับเข้าไลน์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.7 พ.อ.ยรรยง ทิพาปกรณ์ รองผบ.พล.ร.7 (ตท.28) เป็น รองผบ.มทบ.33 , พ.อ.ชนกานต์ แสงศร ผองกยก.ทภ.3 (ตท.35) เป็น ผบ.ร.14 , พ.อ.สุพรรณ ร้อยพุท รองผบ.ม.3 (ตท.33) เป็น ผบ.ม.2 ส่วนกองทัพภาคที่ 4 มีการหมุนเวียนตำแหน่ง: พ.อ.วัชระ สุขวงศ์ นปก.ประจำ มทบ.41 (ตท.25) เป็น รองผบ.บชร.4 , พ.อ.อัทตเศรษฐ์ เต็มมีศรี ผองกขว.ทน.4 (ตท.27) เป็น รองผบ.มทบ.44 , พ.อ.พิเชษฐ์ ชุติเดโช รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.42 (ตท.29) เป็น รองผบ.มทบ.46 , พ.อ.ภูมเดชา พ่วงเจริญ รองผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.46 (ตท.26) เป็น รองผบ.มทบ.46 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ: พ.อ.สุนทร กำลังมา ผบ.รพศ.4 (ตท.29) เป็น รองผบ.พล.รพศ.1 , พ.อ.นิมิตร วีระพงศ์ รองผบ.รพศ.2 (ตท.32) เป็นผบ.รพศ.3 รอ. , กองพลทหารปืนใหญ่: พ.อ.ศักดิ์ชัย พงคพนาไกร เสธ.พล.ปตอ. (ตท.31) เป็น รองผบ.พล.ปตอ. ที่มา : wassana nanuam https://www.facebook.com/share/154TquBDqq/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 806 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเสริฐ​ มอง​ พิเชษฐ์ -​ ชลน่าน​ หักกลางสภาฯ​ แค่กระเซ้าเย้าแหย่​ 25/10/67 #ประเสริฐ #พิเชษฐ์ #ชลน่าน #รองประธาน​สภาฯ
    ประเสริฐ​ มอง​ พิเชษฐ์ -​ ชลน่าน​ หักกลางสภาฯ​ แค่กระเซ้าเย้าแหย่​ 25/10/67 #ประเสริฐ #พิเชษฐ์ #ชลน่าน #รองประธาน​สภาฯ
    Like
    Haha
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2177 มุมมอง 391 0 รีวิว
  • นายกเมืองพัทยา นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ เข้าร่วมพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ เวียนธูปใหญ่ ณโรงเจสว่างบริบูรณ์นาเกลือ

    https://youtu.be/Hpu9ybPNKPY
    นายกเมืองพัทยา นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ เข้าร่วมพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ เวียนธูปใหญ่ ณโรงเจสว่างบริบูรณ์นาเกลือ https://youtu.be/Hpu9ybPNKPY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย
    .
    ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ
    .
    แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก
    .
    ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้
    .
    “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว
    .
    การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
    ................
    Sondhi X
    อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย . ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ . แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก . ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้ . “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว . การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ................ Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1547 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิเชษฐ์” ลั่นสภาต้องเร่งแก้ กม.ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เตรียมเชิญหน่วยงานหารือมาตรฐาน ใช้โดรนช่วยดับไฟใน กทม. ลั่นวัวหายแล้วล้อมคอกก็ยังดี ค้านยกเลิกทัศนศึกษาชี้ยังจำเป็นต้องเสริมความรู้
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000092891

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “พิเชษฐ์” ลั่นสภาต้องเร่งแก้ กม.ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เตรียมเชิญหน่วยงานหารือมาตรฐาน ใช้โดรนช่วยดับไฟใน กทม. ลั่นวัวหายแล้วล้อมคอกก็ยังดี ค้านยกเลิกทัศนศึกษาชี้ยังจำเป็นต้องเสริมความรู้ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000092891 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2825 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เพื่อไทย” ลั่น ไม่มีองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ แถลงนโยบายของรัฐบาล เชื่อ “แพทองธาร” สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมได้เอง ยึดเก้าอี้ ”หมออ๋อง“ คืน เสนอชื่อ ”พิเชษฐ์“ นั่งรอง 1 แทน มั่นใจ ภท. ส่งคนนั่งรอง 2 เหมาะสม
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084092

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เพื่อไทย” ลั่น ไม่มีองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ แถลงนโยบายของรัฐบาล เชื่อ “แพทองธาร” สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมได้เอง ยึดเก้าอี้ ”หมออ๋อง“ คืน เสนอชื่อ ”พิเชษฐ์“ นั่งรอง 1 แทน มั่นใจ ภท. ส่งคนนั่งรอง 2 เหมาะสม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084092 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    Wow
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5385 มุมมอง 0 รีวิว