• 📹 วิดีโอของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik โจมตีโรงงาน Yuzhmash ในเมือง Dnepropetrovsk, เผยแพร่โดยรองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย Dmitry Medvedev
    .
    📹 Video of the Oreshnik hypersonic ballistic missile attack on the Yuzhmash plant in Dnepropetrovsk, published by Deputy Chairman of the Russian Security Council Dmitry Medvedev.
    .
    1:45 AM · Nov 22, 2024 · 5,139 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859669494786032019
    📹 วิดีโอของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik โจมตีโรงงาน Yuzhmash ในเมือง Dnepropetrovsk, เผยแพร่โดยรองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย Dmitry Medvedev . 📹 Video of the Oreshnik hypersonic ballistic missile attack on the Yuzhmash plant in Dnepropetrovsk, published by Deputy Chairman of the Russian Security Council Dmitry Medvedev. . 1:45 AM · Nov 22, 2024 · 5,139 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859669494786032019
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน
    .
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน
    .
    ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง
    .
    ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
    .
    สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด
    .
    ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง
    .
    นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้
    .
    แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง
    .
    นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน
    .
    อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป
    .
    อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล
    .
    ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS
    .
    ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060
    ..............
    Sondhi X
    คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน . การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน . ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง . ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ . สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด . ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง . นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร . ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้ . แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง . นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน . โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน . อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป . อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล . ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS . ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอับคาเซีย บิซาเนีย ลาออก

    ประธานาธิบดี อัสลาน บิซาเนีย ยื่นใบลาออกหลังการเจรจาระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน

    ผู้ประท้วงต้องออกจากอาคารรัฐบาลในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน รองประธานาธิบดีอับคาเซีย บัดร์ กุนบา จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี
    .
    ⚡️BREAKING

    ABKHAZIA'S PRESIDENT BZHANIA RESIGNS

    President Aslan Bzhania submits his resignation following talks between government and opposition.

    The protesters must leave government buildings on November 19. Abkhazia's VP Badr Gunba will become acting president.
    .
    7:32 AM · Nov 19, 2024 · 1,083 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1858669563602149625
    ประธานาธิบดีอับคาเซีย บิซาเนีย ลาออก ประธานาธิบดี อัสลาน บิซาเนีย ยื่นใบลาออกหลังการเจรจาระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน ผู้ประท้วงต้องออกจากอาคารรัฐบาลในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน รองประธานาธิบดีอับคาเซีย บัดร์ กุนบา จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี . ⚡️BREAKING ABKHAZIA'S PRESIDENT BZHANIA RESIGNS President Aslan Bzhania submits his resignation following talks between government and opposition. The protesters must leave government buildings on November 19. Abkhazia's VP Badr Gunba will become acting president. . 7:32 AM · Nov 19, 2024 · 1,083 Views https://x.com/SputnikInt/status/1858669563602149625
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของวอชิงตันที่ไฟเขียวให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย คือการทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามและอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของมอสโก
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการตัดสินใจ เปิดเผยก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) ว่าวอชิงตันได้กลับลำนโยบายครั้งสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ด้วยการ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    "การตัดสินใจของตะวันตก เกี่ยวกับระดับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายดังกล่าว อาจจบลงด้วยการที่ความเป็นรัฐของยูเครนกลายสภาพเป็นเศษซากหักพังโดยสิ้นเชิงในยามเช้า" อันเดร คลิสชาส สมาชิกอาวุโสของสภาสหพันธรัฐหรือสภาบนของรัสเซีย ระบุผ่านเทเลแกรม
    .
    ส่วน วลาดิมีร์ ซาบารอฟ รองประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาบนรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะตอบโต้ในทันที "มันเป็นก้าวย่างที่ใหญ่มากๆในการมุ่งหน้าสู่การเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3" ซาบารอฟ ให้สัมภาษณ์กับทาสส์นิวส์
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในเดือนกันยายน ว่าตะวันตกจะเท่ากับสู้รบกับรัสเซียโดยตรง หากว่าอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่เขาบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงลักษณะและขอบเขตความขัดแย้ง
    .
    รัสเซียจะถูกบีบให้ดำเนินการในสิ่งที่ปูตินเรียกว่า "การตัดสินใจต่างๆอย่างเหมาะสม" บนพื้นฐานของภัยคุกคามใหม่นี้
    .
    ลีโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา สภาล่างของรัสเซีย กล่าวว่าการที่สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี ATACMS ของอมเริกา จะนำมาซึ่งการตอบโต้อย่างหนักหน่วงที่สุด จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนัก
    .
    "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯลึกเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆของรัสเซีย จะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเสี่ยงนำมาซึ่งผลสนองที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าหลายเท่า" สลัตสกีกล่าวกับทาสส์นิวส์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110699
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของวอชิงตันที่ไฟเขียวให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย คือการทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามและอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของมอสโก . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการตัดสินใจ เปิดเผยก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) ว่าวอชิงตันได้กลับลำนโยบายครั้งสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ด้วยการ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . "การตัดสินใจของตะวันตก เกี่ยวกับระดับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายดังกล่าว อาจจบลงด้วยการที่ความเป็นรัฐของยูเครนกลายสภาพเป็นเศษซากหักพังโดยสิ้นเชิงในยามเช้า" อันเดร คลิสชาส สมาชิกอาวุโสของสภาสหพันธรัฐหรือสภาบนของรัสเซีย ระบุผ่านเทเลแกรม . ส่วน วลาดิมีร์ ซาบารอฟ รองประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาบนรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะตอบโต้ในทันที "มันเป็นก้าวย่างที่ใหญ่มากๆในการมุ่งหน้าสู่การเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3" ซาบารอฟ ให้สัมภาษณ์กับทาสส์นิวส์ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในเดือนกันยายน ว่าตะวันตกจะเท่ากับสู้รบกับรัสเซียโดยตรง หากว่าอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่เขาบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงลักษณะและขอบเขตความขัดแย้ง . รัสเซียจะถูกบีบให้ดำเนินการในสิ่งที่ปูตินเรียกว่า "การตัดสินใจต่างๆอย่างเหมาะสม" บนพื้นฐานของภัยคุกคามใหม่นี้ . ลีโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา สภาล่างของรัสเซีย กล่าวว่าการที่สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี ATACMS ของอมเริกา จะนำมาซึ่งการตอบโต้อย่างหนักหน่วงที่สุด จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนัก . "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯลึกเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆของรัสเซีย จะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเสี่ยงนำมาซึ่งผลสนองที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าหลายเท่า" สลัตสกีกล่าวกับทาสส์นิวส์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110699 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ ป.ป.ช ฟ้าเปลี่ยนสี
    .
    ไม่เกินธันวาคมนี้ ก็จะมีเลือกตั้ง กรรมการ ป.ป.ช. ใหม่ ขณะนี้ ป.ป.ช. มีความจำเป็นต้องการคนเข้ามาเป็นกรรมการอย่างน้อย 7 คน ใน 10 คน ทำไมต้องเยอะขนาดนั้น ? เหตุผลเพราะว่าการพิจารณาข้าราชการตำแหน่งระดับสูง ระดับพลตำรวจเอกนั้น ต้องใช้กรรมการ ป.ป.ช. ประมาณ 7 คน แล้วคนที่จะเข้ามาใหม่ก็จะได้รับการเลือกเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ในเดือนธันวาคมนี้ 2 คน มีอยู่คนหนึ่ง คือท่านประภาศ คงเอียด อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง และท่านประภาศนั้นกำลังรอโปรดเกล้าฯ อยู่
    .
    ป.ป.ช. นั้น ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ คือท่านภัทรศักดิ์ วรรณแสง อดีตรองประธานศาลฎีกา และกรรมการ ป.ป.ช. ที่เข้ามาใหม่ทุกคนรับรู้ถึงความเน่าเฟะของ ป.ป.ช. ในอดีต ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช. คุณนิวัติไชย เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.
    .
    แล้วท่านผู้ชมไม่คิดหรือว่าคนที่เข้ามาใหม่ ท่านประธาน ป.ป.ช. แล้วคนที่เพิ่งได้รับเลือกแล้วเข้ามา เขาไม่ต้องการจะล้างภาพพจน์เลวๆ ของ ป.ป.ช. ออกหรือ? เขาต้องการเช็ด ทำความสะอาด ป.ป.ช.
    .
    และท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านเป็นคนลูกหม้อของ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนไหนส่วนไหน ที่เป็นคณะอนุกรรมการคอยพิจารณาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แล้วก็เก็บเรื่องเอาไว้ ช่วยเหลือเอาไว้ ผมถามว่าท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านจะไม่รู้หรือว่าเป็นใครบ้าง ท่านรู้ ท่านรู้หมด ผมถึงกล้าพูดว่านี่คือฟ้าเปลี่ยนสี
    .
    เมื่อฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ไม่เกิน 2 ปี (2568-2569) เราจะเริ่มเห็นคดีที่สุรเชชษฐ์ หักพาล จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดก็คือการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จากการให้เช่าพระจากเฮียอั๊ง โดยอ้างว่าเฮียอั๊งให้สุรเชชษฐ์ ไปหาท่านผู้ว่าฯ ที่เกษียณแล้ว อายุ 90 ปี ท่านไปแจ้งความที่ สน.ตลิ่งชัน ว่าท่านไม่เคยรู้เรื่องเลย ท่านไม่เคยรู้จักสุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วเฮียอั๊ง ก็ไม่ได้สนิท มาขอเช่าพระองค์หนึ่งมูลค่าหมื่นกว่าบาท แล้ว ป.ป.ช. ก็เข้าไปสอบท่านแล้วด้วย ท่านก็ให้การเป็นไปตามที่ผมพูด ตอนนี้รออย่างเดียว
    .
    คุณสุรเชชษฐ์ ครับ 2568-2569 ไม่เกินสองปีนี้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย เพราะว่าถ้ามีการเอาเรื่องแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จขึ้นมา เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ใน ป.ป.ช. ปิดบังข้อเท็จจริงและไม่ยอมพิจารณา ถ้าพิจารณาแล้วมีความผิด เขาชี้มูลความผิดเลย เมื่อเขาชี้มูลความผิดปัง เผอิญท่านไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เพราะท่านถูกให้ออก ไม่เป็นไร แต่สมมุติมองในมุมกลับ ถ้าท่านยังเป็นรอง ผบ.ตร. อยู่ ถ้าถูกชี้มูลความผิด ต้องให้ออกจากราชการเช่นกัน แล้วกระบวนการก็คือว่า เมื่อชี้มูลความผิดแล้ว ก็ส่งไปอัยการ อัยการพิจารณาแล้ว มีข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานที่ฟ้องได้ ก็จะฟ้อง ถ้าอัยการถูกวิ่งเต้น จะโดยใครก็ตาม ไม่ยอมฟ้อง เรื่องก็กลับไปที่ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็จำเป็นต้องฟ้องเอง
    .
    นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่ผมตีแผ่ให้ดู ว่าชีวิตคุณจากนี้ไป ไม่ใช่สนุกสนาน คุณฟ้องผม 4-5 คดี เดี๋ยววันหน้าวันหลังผมจะเอาคดีที่คุณฟ้องผมมาว่ามีอะไรบ้าง แล้วคุณจงใจไปฟ้องผมที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณรู้จักกับผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นหรือเปล่า ไม่เป็นไรครับ หนังเรื่องนี้ยังต้องดูกันอีกยาวนาน แต่อันหนึ่งที่แน่นอน ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก
    เมื่อ ป.ป.ช ฟ้าเปลี่ยนสี . ไม่เกินธันวาคมนี้ ก็จะมีเลือกตั้ง กรรมการ ป.ป.ช. ใหม่ ขณะนี้ ป.ป.ช. มีความจำเป็นต้องการคนเข้ามาเป็นกรรมการอย่างน้อย 7 คน ใน 10 คน ทำไมต้องเยอะขนาดนั้น ? เหตุผลเพราะว่าการพิจารณาข้าราชการตำแหน่งระดับสูง ระดับพลตำรวจเอกนั้น ต้องใช้กรรมการ ป.ป.ช. ประมาณ 7 คน แล้วคนที่จะเข้ามาใหม่ก็จะได้รับการเลือกเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ในเดือนธันวาคมนี้ 2 คน มีอยู่คนหนึ่ง คือท่านประภาศ คงเอียด อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง และท่านประภาศนั้นกำลังรอโปรดเกล้าฯ อยู่ . ป.ป.ช. นั้น ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ คือท่านภัทรศักดิ์ วรรณแสง อดีตรองประธานศาลฎีกา และกรรมการ ป.ป.ช. ที่เข้ามาใหม่ทุกคนรับรู้ถึงความเน่าเฟะของ ป.ป.ช. ในอดีต ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช. คุณนิวัติไชย เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช. . แล้วท่านผู้ชมไม่คิดหรือว่าคนที่เข้ามาใหม่ ท่านประธาน ป.ป.ช. แล้วคนที่เพิ่งได้รับเลือกแล้วเข้ามา เขาไม่ต้องการจะล้างภาพพจน์เลวๆ ของ ป.ป.ช. ออกหรือ? เขาต้องการเช็ด ทำความสะอาด ป.ป.ช. . และท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านเป็นคนลูกหม้อของ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนไหนส่วนไหน ที่เป็นคณะอนุกรรมการคอยพิจารณาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แล้วก็เก็บเรื่องเอาไว้ ช่วยเหลือเอาไว้ ผมถามว่าท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านจะไม่รู้หรือว่าเป็นใครบ้าง ท่านรู้ ท่านรู้หมด ผมถึงกล้าพูดว่านี่คือฟ้าเปลี่ยนสี . เมื่อฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ไม่เกิน 2 ปี (2568-2569) เราจะเริ่มเห็นคดีที่สุรเชชษฐ์ หักพาล จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดก็คือการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จากการให้เช่าพระจากเฮียอั๊ง โดยอ้างว่าเฮียอั๊งให้สุรเชชษฐ์ ไปหาท่านผู้ว่าฯ ที่เกษียณแล้ว อายุ 90 ปี ท่านไปแจ้งความที่ สน.ตลิ่งชัน ว่าท่านไม่เคยรู้เรื่องเลย ท่านไม่เคยรู้จักสุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วเฮียอั๊ง ก็ไม่ได้สนิท มาขอเช่าพระองค์หนึ่งมูลค่าหมื่นกว่าบาท แล้ว ป.ป.ช. ก็เข้าไปสอบท่านแล้วด้วย ท่านก็ให้การเป็นไปตามที่ผมพูด ตอนนี้รออย่างเดียว . คุณสุรเชชษฐ์ ครับ 2568-2569 ไม่เกินสองปีนี้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย เพราะว่าถ้ามีการเอาเรื่องแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จขึ้นมา เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ใน ป.ป.ช. ปิดบังข้อเท็จจริงและไม่ยอมพิจารณา ถ้าพิจารณาแล้วมีความผิด เขาชี้มูลความผิดเลย เมื่อเขาชี้มูลความผิดปัง เผอิญท่านไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เพราะท่านถูกให้ออก ไม่เป็นไร แต่สมมุติมองในมุมกลับ ถ้าท่านยังเป็นรอง ผบ.ตร. อยู่ ถ้าถูกชี้มูลความผิด ต้องให้ออกจากราชการเช่นกัน แล้วกระบวนการก็คือว่า เมื่อชี้มูลความผิดแล้ว ก็ส่งไปอัยการ อัยการพิจารณาแล้ว มีข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานที่ฟ้องได้ ก็จะฟ้อง ถ้าอัยการถูกวิ่งเต้น จะโดยใครก็ตาม ไม่ยอมฟ้อง เรื่องก็กลับไปที่ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็จำเป็นต้องฟ้องเอง . นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่ผมตีแผ่ให้ดู ว่าชีวิตคุณจากนี้ไป ไม่ใช่สนุกสนาน คุณฟ้องผม 4-5 คดี เดี๋ยววันหน้าวันหลังผมจะเอาคดีที่คุณฟ้องผมมาว่ามีอะไรบ้าง แล้วคุณจงใจไปฟ้องผมที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณรู้จักกับผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นหรือเปล่า ไม่เป็นไรครับ หนังเรื่องนี้ยังต้องดูกันอีกยาวนาน แต่อันหนึ่งที่แน่นอน ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 621 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป้าหมายการพัฒนาภายใน ในทางปฏิบัติ (IDG in ACTION)

    "เรามองว่ากรอบงาน IDG เกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ"

    Selina Waddington Millstam อดีตหัวหน้าฝ่ายความสามารถระดับโลกของ Ericsson กล่าว นอกจาก Ikea และ Google แล้ว Ericsson ยังเป็นหนึ่งในองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    หลายคนใน Google ได้เริ่มต้นจากเล็ก ๆ โดยรวม 1 - 2 เป้าหมายไว้ในแผนกหรือทีมเดียวในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พยายามนําไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นตั้งแต่กลุ่มบริษัท Stena ของสวีเดนไปจนถึงแบรนด์รองเท้า Icebug

    เอกสารฉบับแรกของ IDG ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนกันยายนรวบรวมชัยชนะและความท้าทายบางอย่างจนถึงตอนนี้ ทําให้การอ่านสนุก คุณจะพบกับ Michiel Bakker รองประธานฝ่ายของ Google ที่ใคร่ครวญว่าความ "เปราะบาง" กับเพื่อนร่วมงานสร้างสิ่งที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

    Ikea และ Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยอมรับเป้าหมายการพัฒนาภายใน
    เหตุใด Google ซึ่งมีรายได้ใกล้ 300,000 ล้านดอลลาร์ (239 พันล้านปอนด์) โดยมีพนักงาน 170,000 คนใน 55+ ประเทศ และต้องการมีส่วนร่วม ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ มันชัดเจนมากว่าสิ่งที่ทําให้ Google ประสบความสําเร็จจนถึงตอนนี้ จะไม่ทําให้เราประสบความสําเร็จในอนาคต "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"

    แผนกของ Bakker ที่ Google ได้จัดเวิร์กช็อป 3 วัน ซึ่งเรียกว่า "ประสบการณ์ทางอารมณ์" โดยตัดสินใจทํางานกับความสามารถ 3 – 4 อย่างที่ "มีความสําคัญทางธุรกิจ"

    ทีมชั้นนําของ Tina Molund ที่ Ikea ตั้งข้อสังเกตถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วม: "เวลาที่ทําให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นและสามารถสร้างความพึงพอใจได้ด้วย IDG ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการท้าทายความคิด"

    พนักงานเริ่มต้นด้วยการประเมินการกระทําและพฤติกรรมของตนเองที่เกี่ยวข้องกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้ง 5 ทักษะ ของ IDG ความท้าทายประการหนึ่งที่พบจากการประเมิน IDG คือการจัดลําดับความสําคัญของงานเมื่อผลกำไรอันเป็น Bottom Line ตะโกนดังที่สุด

    นับว่าเป็นเรื่องยากสําหรับผู้นําอาวุโสหลายคนที่จะให้ "เวลาและความสนใจ" กับคําถามต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการพัฒนาภายใน"

    Waddington Millstam จาก Ericsson ยอมรับในเรื่องนี้และเธอยังกล่าวว่าผู้นําอาวุโสต้องมีความเชื่อในคุณค่าที่แท้จริงของ IDG

    Ikea, Google, Ericsson และองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" ทําให้การนําพลังของการพัฒนาภายใน (IDG) มาสู่ผู้นํา 7,000 คนทั่วโลก มีความสําคัญมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาก็ตาม

    ในประเทศไทยเรื่องนี้ยังใหม่แต่อีกไม่นานก็ได้เผชิญกับสิ่งที่องค์กรต่างๆเผชิญมาก่อน หนึ่งสิ่งในฐานะผู้นำต้องทำคืออะไรร่วมหาโซลูชั่นได้ที่ www.10-xconsulting.com
    เป้าหมายการพัฒนาภายใน ในทางปฏิบัติ (IDG in ACTION) "เรามองว่ากรอบงาน IDG เกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ" Selina Waddington Millstam อดีตหัวหน้าฝ่ายความสามารถระดับโลกของ Ericsson กล่าว นอกจาก Ikea และ Google แล้ว Ericsson ยังเป็นหนึ่งในองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลายคนใน Google ได้เริ่มต้นจากเล็ก ๆ โดยรวม 1 - 2 เป้าหมายไว้ในแผนกหรือทีมเดียวในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พยายามนําไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นตั้งแต่กลุ่มบริษัท Stena ของสวีเดนไปจนถึงแบรนด์รองเท้า Icebug เอกสารฉบับแรกของ IDG ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนกันยายนรวบรวมชัยชนะและความท้าทายบางอย่างจนถึงตอนนี้ ทําให้การอ่านสนุก คุณจะพบกับ Michiel Bakker รองประธานฝ่ายของ Google ที่ใคร่ครวญว่าความ "เปราะบาง" กับเพื่อนร่วมงานสร้างสิ่งที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร Ikea และ Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยอมรับเป้าหมายการพัฒนาภายใน เหตุใด Google ซึ่งมีรายได้ใกล้ 300,000 ล้านดอลลาร์ (239 พันล้านปอนด์) โดยมีพนักงาน 170,000 คนใน 55+ ประเทศ และต้องการมีส่วนร่วม ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ มันชัดเจนมากว่าสิ่งที่ทําให้ Google ประสบความสําเร็จจนถึงตอนนี้ จะไม่ทําให้เราประสบความสําเร็จในอนาคต "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" แผนกของ Bakker ที่ Google ได้จัดเวิร์กช็อป 3 วัน ซึ่งเรียกว่า "ประสบการณ์ทางอารมณ์" โดยตัดสินใจทํางานกับความสามารถ 3 – 4 อย่างที่ "มีความสําคัญทางธุรกิจ" ทีมชั้นนําของ Tina Molund ที่ Ikea ตั้งข้อสังเกตถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วม: "เวลาที่ทําให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นและสามารถสร้างความพึงพอใจได้ด้วย IDG ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการท้าทายความคิด" พนักงานเริ่มต้นด้วยการประเมินการกระทําและพฤติกรรมของตนเองที่เกี่ยวข้องกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้ง 5 ทักษะ ของ IDG ความท้าทายประการหนึ่งที่พบจากการประเมิน IDG คือการจัดลําดับความสําคัญของงานเมื่อผลกำไรอันเป็น Bottom Line ตะโกนดังที่สุด นับว่าเป็นเรื่องยากสําหรับผู้นําอาวุโสหลายคนที่จะให้ "เวลาและความสนใจ" กับคําถามต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการพัฒนาภายใน" Waddington Millstam จาก Ericsson ยอมรับในเรื่องนี้และเธอยังกล่าวว่าผู้นําอาวุโสต้องมีความเชื่อในคุณค่าที่แท้จริงของ IDG Ikea, Google, Ericsson และองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" ทําให้การนําพลังของการพัฒนาภายใน (IDG) มาสู่ผู้นํา 7,000 คนทั่วโลก มีความสําคัญมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาก็ตาม ในประเทศไทยเรื่องนี้ยังใหม่แต่อีกไม่นานก็ได้เผชิญกับสิ่งที่องค์กรต่างๆเผชิญมาก่อน หนึ่งสิ่งในฐานะผู้นำต้องทำคืออะไรร่วมหาโซลูชั่นได้ที่ www.10-xconsulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของรัสเซียจากฝ่ายตะวันตกล้มเหลว -- คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกรัฐสภาอาวุโสของรัสเซีย (รองประธานสภาสหพันธรัฐ) กล่าวกับสปุตนิก

    นักการเมืองตะวันตกคิดว่าการคว่ำบาตรจะจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติสีทางการเมืองในรัสเซีย, แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
    .
    🚨Western regime change efforts in Russia have failed -- senior Russian lawmaker Konstantin Kosachev (Vice Speaker of Federation Council) to Sputnik.

    Western politicians thought sanctions would spark a political color revolution in Russia, but the opposite happened.
    .
    4:58 AM · Nov 14, 2024 · 2,247 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856818921615335877
    🚨ความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของรัสเซียจากฝ่ายตะวันตกล้มเหลว -- คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกรัฐสภาอาวุโสของรัสเซีย (รองประธานสภาสหพันธรัฐ) กล่าวกับสปุตนิก นักการเมืองตะวันตกคิดว่าการคว่ำบาตรจะจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติสีทางการเมืองในรัสเซีย, แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม . 🚨Western regime change efforts in Russia have failed -- senior Russian lawmaker Konstantin Kosachev (Vice Speaker of Federation Council) to Sputnik. Western politicians thought sanctions would spark a political color revolution in Russia, but the opposite happened. . 4:58 AM · Nov 14, 2024 · 2,247 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856818921615335877
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 999 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ
    .
    ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม
    .
    ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้
    .
    "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้"
    .
    ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค
    .
    ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ"
    .
    ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
    .
    รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน
    .
    มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ . ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง . ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม . ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้ . "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้" . ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค . ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ" . ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต . รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน . มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 989 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน
    .
    มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
    .
    ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ
    .
    กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
    .
    คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต
    .
    ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย
    .
    สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้
    .
    สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่
    .
    ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย
    .
    ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า
    .
    นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน . มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง . ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ . กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา . คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต . ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย . สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ . นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ . สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่ . ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย . ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า . นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1077 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❗️ทรัมป์ได้เลือกวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างเป็นทางการ

    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากฟลอริดาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

    “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ, จากฟลอริดา, ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โกเป็นผู้นำที่ได้รับการเคารพนับถือ, และเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังสำหรับเสรีภาพ เขาจะเป็นผู้สนับสนุนประเทศชาติของเรา, เพื่อนแท้ของพันธมิตรของเรา, และเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่จะไม่ยอมแพ้ต่อศัตรู ผมตั้งตารอที่จะร่วมงานกับมาร์โกเพื่อให้ประเทศอเมริกา, และโลก, ปลอดภัยและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!” ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์

    รูบิโอถือเป็นคู่หูของทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี ๒๐๒๔, แต่เลือกรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์แทน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน, เขาได้เสนอร่างกฎหมายต่อต้านรัสเซียหลายฉบับและมีมุมมองที่รุนแรงต่อจีนและรัสเซีย หากได้รับการแต่งตั้ง, รูบิโอจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เป็นชาวฮิสแปนิก
    .
    ❗️ TRUMP HAS OFFICIALLY SELECTED SEN. MARCO RUBIO AS HIS PICK FOR SECRETARY OF STATE

    US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Florida Senator Marco Rubio to be the US Secretary of State.

    "It is my Great Honor to announce that Senator Marco Rubio, of Florida, is hereby nominated to be The United States Secretary of State. Marco is a Highly Respected Leader, and a very powerful Voice for Freedom. He will be a strong Advocate for our Nation, a true friend to our Allies, and a fearless Warrior who will never back down to our adversaries. I look forward to working with Marco to Make America, and the World, Safe and Great Again!" Trump said in a statement.

    Rubio was considered as Trump's running mate for the position of the US vice president in the 2024 election, but Vice President-elect J.D. Vance was chosen instead. Since the beginning of the Russian special military operation in Ukraine, he has introduced a number of Anti-Russian bills and holds harsh views on China and Russia. If appointed, Rubio would be the first Hispanic secretary of state.
    .
    Last edited 3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,086 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856795310355300520
    ❗️ทรัมป์ได้เลือกวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากฟลอริดาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ, จากฟลอริดา, ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โกเป็นผู้นำที่ได้รับการเคารพนับถือ, และเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังสำหรับเสรีภาพ เขาจะเป็นผู้สนับสนุนประเทศชาติของเรา, เพื่อนแท้ของพันธมิตรของเรา, และเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่จะไม่ยอมแพ้ต่อศัตรู ผมตั้งตารอที่จะร่วมงานกับมาร์โกเพื่อให้ประเทศอเมริกา, และโลก, ปลอดภัยและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!” ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ รูบิโอถือเป็นคู่หูของทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี ๒๐๒๔, แต่เลือกรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์แทน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน, เขาได้เสนอร่างกฎหมายต่อต้านรัสเซียหลายฉบับและมีมุมมองที่รุนแรงต่อจีนและรัสเซีย หากได้รับการแต่งตั้ง, รูบิโอจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เป็นชาวฮิสแปนิก . ❗️ TRUMP HAS OFFICIALLY SELECTED SEN. MARCO RUBIO AS HIS PICK FOR SECRETARY OF STATE US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Florida Senator Marco Rubio to be the US Secretary of State. "It is my Great Honor to announce that Senator Marco Rubio, of Florida, is hereby nominated to be The United States Secretary of State. Marco is a Highly Respected Leader, and a very powerful Voice for Freedom. He will be a strong Advocate for our Nation, a true friend to our Allies, and a fearless Warrior who will never back down to our adversaries. I look forward to working with Marco to Make America, and the World, Safe and Great Again!" Trump said in a statement. Rubio was considered as Trump's running mate for the position of the US vice president in the 2024 election, but Vice President-elect J.D. Vance was chosen instead. Since the beginning of the Russian special military operation in Ukraine, he has introduced a number of Anti-Russian bills and holds harsh views on China and Russia. If appointed, Rubio would be the first Hispanic secretary of state. . Last edited 3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,086 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856795310355300520
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในกาซา พร้อมเรียกร้องยิวถอนออกจากดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดและสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ทว่า รัฐมนตรีอิสราเอลดาหน้าคัดค้าน ถึงขั้นประกาศว่า จะดำเนินการเพื่อเข้าผนวกดินแดนบางส่วนในเวสต์แบงก์ปีหน้า
    .
    ในการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) บรรดาผู้นำของกลุ่มสันนิบาตอาหรับซึ่งมีสมาชิก 22 ชาติ และขององค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ที่มีสมาชิก 57 ชาติ ได้แสดงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลและฮามาสทำสงครามในกาซามากว่าหนึ่งปี รวมทั้งลุกลามออกไปยังเลบานอน ตลอดจนอีกหลายชาติในภูมิภาค
    .
    ซัมมิตนี้ยังจัดขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นผู้สนับสนุนหลักทางทหารของอิสราเอล
    .
    แถลงการณ์ปิดประชุมที่ออกมาในวันจันทร์ (11) ระบุว่า สันติภาพที่เป็นธรรมและครอบคลุมในตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้ หากอิสราเอลไม่ยุติการยึดครองดินแดนทั้งหมดที่เป็นของปาเลสไตน์ตามเขตแดน ณ วันที่ 4 มิ.ย.1967 ทั้งนี้ ดินแดนดังกล่าวหมายถึงเขตเวสต์แบงก์ เยรูซาเลมตะวันออก ฉนวนกาซา และที่ราบสูงโกลัน
    .
    ในแถลงการณ์ยังอ้างอิงมติของสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้อิสราเอลถอนออกจากดินแดนเหล่านั้น ตลอดจนแผนริเริ่มสันติภาพอาหรับปี 2002 ที่ประเทศอาหรับเสนอสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล แลกเปลี่ยนกับการที่อิสราเอลทำข้อตกลงสองรัฐ ซึ่งก็คือการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ขึ้นมาตามเขตแดนในปี 1967
    .
    นอกจากนั้น แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้นานาชาติประกาศแผนการพร้อมขั้นตอนและกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการสนับสนุนให้รัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นจริง
    .
    อย่างไรก็ตาม ทางด้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว คัดค้านการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ โดยกิเดียน ซาร์ ผู้เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐยิวคนใหม่ วิจารณ์ว่า แนวทางดังกล่าวไม่สามารถทำได้จริง
    .
    เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอล ซึ่งสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ถึงขั้นประกาศว่า จะผลักดันให้อิสราเอลเข้าผนวกดินแดนบางส่วนในเวสต์แบงก์ในปีหน้า
    .
    สำหรับซัมมิตในริยาดคราวนี้ ยังได้แถลงประณามอาชญากรรมน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงของกองทัพอิสราเอลซึ่งเข้าข่ายอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    .
    ขณะที่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดี เรียกร้องให้โลกหยุดการกระทำของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์และเลบานอน พร้อมประณามปฏิบัติการของอิสราเอลในกาซาเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” รวมทั้งยังเรียกร้องให้อิสราเอลยับยั้งการโจมตีอิหร่าน ท่าทีเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างริยาดกับเตหะรานซึ่งมีการปรับปรุงกระเตื้องขึ้นมาก
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ ของเลบานอน เตือนว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิกฤตความอยู่รอด และโจมตีประเทศที่แทรกแซงกิจการภายในของเลบานอน ซึ่งมีนัยหมายถึงอิหร่าน
    .
    ขณะที่รองประธานาธิบดีโมฮัมหมัด เรซา อาเรฟของอิหร่าน กล่าวว่า โลกกำลังรอให้ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ยุติการประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ในกาซาและเลบานอนทันที
    .
    นอกจากนั้น แถลงการณ์ของที่ประชุมในริยาดยังเรียกร้องให้แบนการส่งออกและการจัดส่งอาวุธให้อิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ดี มีรายงานจากเว็บไซต์ข่าวแอกซิออสของอเมริกาว่า รอน เดอร์เมอร์ รัฐมนตรีกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ได้เดินทางไปพบทรัมป์ที่รีสอร์ตในฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ ก่อนที่เดอร์เมอร์จะไปพบแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันเดียวกัน
    .
    แอกซิออสรายงานเพิ่มเติมว่า เดอร์เมอร์นำข้อความจากเนทันยาฮูไปถ่ายทอดให้ทรัมป์ฟัง รวมทั้งสรุปแผนการสำหรับกาซา เลบานอน และอิหร่านในช่วง 2 เดือนข้างหน้าก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง
    .
    อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ทรัมป์เปิดเผยกับนิวยอร์กโพสต์ว่า จะเสนอชื่อ ส.ส.เอลิส สเตฟานิก ประธานของที่ประชุมพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้มีจุดยืนปกป้องอิสราเอลและต่อต้านอิหร่านอย่างแข็งขัน เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นคนใหม่ของเขา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109074
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในกาซา พร้อมเรียกร้องยิวถอนออกจากดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดและสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ทว่า รัฐมนตรีอิสราเอลดาหน้าคัดค้าน ถึงขั้นประกาศว่า จะดำเนินการเพื่อเข้าผนวกดินแดนบางส่วนในเวสต์แบงก์ปีหน้า . ในการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) บรรดาผู้นำของกลุ่มสันนิบาตอาหรับซึ่งมีสมาชิก 22 ชาติ และขององค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ที่มีสมาชิก 57 ชาติ ได้แสดงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลและฮามาสทำสงครามในกาซามากว่าหนึ่งปี รวมทั้งลุกลามออกไปยังเลบานอน ตลอดจนอีกหลายชาติในภูมิภาค . ซัมมิตนี้ยังจัดขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นผู้สนับสนุนหลักทางทหารของอิสราเอล . แถลงการณ์ปิดประชุมที่ออกมาในวันจันทร์ (11) ระบุว่า สันติภาพที่เป็นธรรมและครอบคลุมในตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้ หากอิสราเอลไม่ยุติการยึดครองดินแดนทั้งหมดที่เป็นของปาเลสไตน์ตามเขตแดน ณ วันที่ 4 มิ.ย.1967 ทั้งนี้ ดินแดนดังกล่าวหมายถึงเขตเวสต์แบงก์ เยรูซาเลมตะวันออก ฉนวนกาซา และที่ราบสูงโกลัน . ในแถลงการณ์ยังอ้างอิงมติของสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้อิสราเอลถอนออกจากดินแดนเหล่านั้น ตลอดจนแผนริเริ่มสันติภาพอาหรับปี 2002 ที่ประเทศอาหรับเสนอสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล แลกเปลี่ยนกับการที่อิสราเอลทำข้อตกลงสองรัฐ ซึ่งก็คือการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ขึ้นมาตามเขตแดนในปี 1967 . นอกจากนั้น แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้นานาชาติประกาศแผนการพร้อมขั้นตอนและกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการสนับสนุนให้รัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นจริง . อย่างไรก็ตาม ทางด้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว คัดค้านการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ โดยกิเดียน ซาร์ ผู้เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐยิวคนใหม่ วิจารณ์ว่า แนวทางดังกล่าวไม่สามารถทำได้จริง . เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอล ซึ่งสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ถึงขั้นประกาศว่า จะผลักดันให้อิสราเอลเข้าผนวกดินแดนบางส่วนในเวสต์แบงก์ในปีหน้า . สำหรับซัมมิตในริยาดคราวนี้ ยังได้แถลงประณามอาชญากรรมน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงของกองทัพอิสราเอลซึ่งเข้าข่ายอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ . ขณะที่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดี เรียกร้องให้โลกหยุดการกระทำของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์และเลบานอน พร้อมประณามปฏิบัติการของอิสราเอลในกาซาเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” รวมทั้งยังเรียกร้องให้อิสราเอลยับยั้งการโจมตีอิหร่าน ท่าทีเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างริยาดกับเตหะรานซึ่งมีการปรับปรุงกระเตื้องขึ้นมาก . ด้านนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ ของเลบานอน เตือนว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิกฤตความอยู่รอด และโจมตีประเทศที่แทรกแซงกิจการภายในของเลบานอน ซึ่งมีนัยหมายถึงอิหร่าน . ขณะที่รองประธานาธิบดีโมฮัมหมัด เรซา อาเรฟของอิหร่าน กล่าวว่า โลกกำลังรอให้ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ยุติการประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ในกาซาและเลบานอนทันที . นอกจากนั้น แถลงการณ์ของที่ประชุมในริยาดยังเรียกร้องให้แบนการส่งออกและการจัดส่งอาวุธให้อิสราเอล . อย่างไรก็ดี มีรายงานจากเว็บไซต์ข่าวแอกซิออสของอเมริกาว่า รอน เดอร์เมอร์ รัฐมนตรีกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ได้เดินทางไปพบทรัมป์ที่รีสอร์ตในฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ ก่อนที่เดอร์เมอร์จะไปพบแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันเดียวกัน . แอกซิออสรายงานเพิ่มเติมว่า เดอร์เมอร์นำข้อความจากเนทันยาฮูไปถ่ายทอดให้ทรัมป์ฟัง รวมทั้งสรุปแผนการสำหรับกาซา เลบานอน และอิหร่านในช่วง 2 เดือนข้างหน้าก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง . อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ทรัมป์เปิดเผยกับนิวยอร์กโพสต์ว่า จะเสนอชื่อ ส.ส.เอลิส สเตฟานิก ประธานของที่ประชุมพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้มีจุดยืนปกป้องอิสราเอลและต่อต้านอิหร่านอย่างแข็งขัน เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นคนใหม่ของเขา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109074 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านระบุว่า "โลกกำลังเฝ้ารอ" รัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังเข้ารับตำแหน่ง เข้ามาหยุดสงครามของอิสราเอลกับพวกนักรบฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ พร้อมกับประณามปฏิบัติการลอบสังหารต่างๆ โดยฝีมือของรัฐยิว ว่าเป็น "การก่อการร้ายอย่างเป็นระบบ"
    .
    "รัฐบาลอเมริกาคือผู้สนับสนุนหลักของการกระทำต่างๆ ของรัฐบาลไซออนิสต์ (อิสราเอล)" โมฮัมหมัด เรซา อาเรฟ รองประธานาธิบดีคนที่ 1 บอกกับที่ประชุมซัมมิตร่วมระหว่างสันนิบาตอาหรับกับองค์การความร่วมมืออิสลาม ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย
    .
    "โลกกำลังเฝ้ารอคำสัญญาของรัฐบาลใหม่ของประเทศแห่งนี้ สำหรับหยุดการทำสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในกาซาและเลบานอนในทันที" รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ของอิหร่านกล่าว
    .
    นับตั้งแต่พวกฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งโหมกระพือสงครามทั้งในกาซาและเลบานอน อิสราเอลได้สังหารสมาชิกระดับสูงของฝ่ายต่อต้านไปหลายคน ในนั้นรวมถึง ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส และฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์
    .
    นอกจากนี้ ยังเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาสคนก่อนหน้า ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
    .
    "ปฏิบัติการสังหารเป้าหมายไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการไม่เคารพกฎหมายและเป็นการก่อการร้ายอย่างเป็นระบบ เปลี่ยนองค์กรด้านความมั่นคง เป็นเครื่องมือในการส่งหารผู้นำและพลเมืองของประเทศต่างๆ" อาเรฟกล่าว
    .
    ในขณะที่ ทรัมป์ เคยให้สัญญาเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลาง ในระหว่างหาเสียงนั้น เขายังเคยพูดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่งควรกดดันให้ อิสราเอลปิดฉากในการทำสงครามกับฮามาสในกาซา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108688
    ..............
    Sondhi X
    อิหร่านระบุว่า "โลกกำลังเฝ้ารอ" รัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังเข้ารับตำแหน่ง เข้ามาหยุดสงครามของอิสราเอลกับพวกนักรบฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ พร้อมกับประณามปฏิบัติการลอบสังหารต่างๆ โดยฝีมือของรัฐยิว ว่าเป็น "การก่อการร้ายอย่างเป็นระบบ" . "รัฐบาลอเมริกาคือผู้สนับสนุนหลักของการกระทำต่างๆ ของรัฐบาลไซออนิสต์ (อิสราเอล)" โมฮัมหมัด เรซา อาเรฟ รองประธานาธิบดีคนที่ 1 บอกกับที่ประชุมซัมมิตร่วมระหว่างสันนิบาตอาหรับกับองค์การความร่วมมืออิสลาม ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย . "โลกกำลังเฝ้ารอคำสัญญาของรัฐบาลใหม่ของประเทศแห่งนี้ สำหรับหยุดการทำสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในกาซาและเลบานอนในทันที" รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ของอิหร่านกล่าว . นับตั้งแต่พวกฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งโหมกระพือสงครามทั้งในกาซาและเลบานอน อิสราเอลได้สังหารสมาชิกระดับสูงของฝ่ายต่อต้านไปหลายคน ในนั้นรวมถึง ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส และฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ . นอกจากนี้ ยังเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาสคนก่อนหน้า ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน . "ปฏิบัติการสังหารเป้าหมายไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการไม่เคารพกฎหมายและเป็นการก่อการร้ายอย่างเป็นระบบ เปลี่ยนองค์กรด้านความมั่นคง เป็นเครื่องมือในการส่งหารผู้นำและพลเมืองของประเทศต่างๆ" อาเรฟกล่าว . ในขณะที่ ทรัมป์ เคยให้สัญญาเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลาง ในระหว่างหาเสียงนั้น เขายังเคยพูดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่งควรกดดันให้ อิสราเอลปิดฉากในการทำสงครามกับฮามาสในกาซา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108688 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 806 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตรองประธานบริษัทไฟเซอร์ ดร. ไมเคิล เยดอน อ้างว่าวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นอาวุธชีวภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าคนหลายพันล้านคนตามแผนลดจำนวนประชากรของดีพสเตต
    .
    Former Pfizer VP Dr. Michael Yeadon claims that the COVID vaccines are bioweapons designed to kill billions of people as part of a depopulation agenda by the Deep State.
    .
    7:15 PM · Nov 11, 2024 · 14.5K Views
    https://x.com/iluminatibot/status/1855947337371451727
    อดีตรองประธานบริษัทไฟเซอร์ ดร. ไมเคิล เยดอน อ้างว่าวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นอาวุธชีวภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าคนหลายพันล้านคนตามแผนลดจำนวนประชากรของดีพสเตต . Former Pfizer VP Dr. Michael Yeadon claims that the COVID vaccines are bioweapons designed to kill billions of people as part of a depopulation agenda by the Deep State. . 7:15 PM · Nov 11, 2024 · 14.5K Views https://x.com/iluminatibot/status/1855947337371451727
    Wow
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 818 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา
    .
    ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า
    .
    นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19
    .
    ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
    .
    ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.)
    .
    สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน
    .
    แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น
    .
    เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก
    .
    ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์
    .
    ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย
    .
    อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว
    .
    นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252
    ..............
    Sondhi X
    ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ . โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา . ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 . นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า . นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 . ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม . ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 . ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.) . สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน . แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น . เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก . ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์ . ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย . อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว . นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัญญาณร้ายที่บ่งบอกว่าผู้ที่หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์นั้นจะต้องผิดหวังอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาได้แต่งตั้งนายไบรอัน ฮุก อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการองค์กรระหว่างประเทศสายเหยี่ยว ที่เป็นผู้นำฝ่ายต่อต้านอิหร่านและรัสเซียในสมัยรัฐบาลบุชและปอมเปโอ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยทรัมป์ได้แต่งตั้งให้ไบรอัน ฮุก ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารในกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลการจัดตั้งทีมนโยบายต่างประเทศชุดใหม่

    ฮุคมี ทัศนคติ ที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจทำให้เขาขัดแย้งกับทรัมป์ ซึ่งสัญญาว่าจะเจรจายุติสงครามในยูเครนโดยเร็ว หลังจากฮุคออกจากรัฐบาลทรัมป์สมัยที่แล้ว ได้ทำงานเป็นรองประธานบริษัทไพรเวทอิควิตี้ในนิวยอร์กที่เน้นการลงทุนระหว่างประเทศ

    นอกจากนี้ทัศนคติสายเหยี่ยวของฮุคเกี่ยวกับอิหร่านอาจส่งผลต่อแนวทางนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ต่ออิหร่าน แม้ว่าทรัมป์และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจ.ดี. แวนซ์ จะเคยกล่าวว่าสงครามกับอิหร่านไม่เป็นผลดีต่ออเมริกา แต่ฮุคกลับผลักดันนโยบายต่างๆ ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง

    https://www.dropsitenews.com/p/trump-iran-hawk-hook-pompeo-israel-netanyahu-russia

    #Thaitimes
    สัญญาณร้ายที่บ่งบอกว่าผู้ที่หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์นั้นจะต้องผิดหวังอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาได้แต่งตั้งนายไบรอัน ฮุก อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการองค์กรระหว่างประเทศสายเหยี่ยว ที่เป็นผู้นำฝ่ายต่อต้านอิหร่านและรัสเซียในสมัยรัฐบาลบุชและปอมเปโอ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยทรัมป์ได้แต่งตั้งให้ไบรอัน ฮุก ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารในกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลการจัดตั้งทีมนโยบายต่างประเทศชุดใหม่ ฮุคมี ทัศนคติ ที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจทำให้เขาขัดแย้งกับทรัมป์ ซึ่งสัญญาว่าจะเจรจายุติสงครามในยูเครนโดยเร็ว หลังจากฮุคออกจากรัฐบาลทรัมป์สมัยที่แล้ว ได้ทำงานเป็นรองประธานบริษัทไพรเวทอิควิตี้ในนิวยอร์กที่เน้นการลงทุนระหว่างประเทศ นอกจากนี้ทัศนคติสายเหยี่ยวของฮุคเกี่ยวกับอิหร่านอาจส่งผลต่อแนวทางนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ต่ออิหร่าน แม้ว่าทรัมป์และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจ.ดี. แวนซ์ จะเคยกล่าวว่าสงครามกับอิหร่านไม่เป็นผลดีต่ออเมริกา แต่ฮุคกลับผลักดันนโยบายต่างๆ ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง https://www.dropsitenews.com/p/trump-iran-hawk-hook-pompeo-israel-netanyahu-russia #Thaitimes
    WWW.DROPSITENEWS.COM
    Trump is Eyeing Iran Hawk Brian Hook as First Foreign Policy Pick
    "The Iranian view is that Trump wants to make a deal, but it depends on whether he appoints the same neoconservatives as last time"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข่าวอีกด้าน(จริงเท็จมิทราบ)
    ..
    ระเบิด! Kamala Harris กำลังหลบหนี! กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ขณะที่การกลับมาของทรัมป์ส่งสัญญาณการล่มสลายของหุ่นเชิด Deep State – GITMO รออยู่!

    Kamala Harris ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งของ Deep State กำลังวิ่งหนีเพื่อหลบซ่อน หลังจากชัยชนะของทรัมป์ในปี 2024 โลกของเธอพลิกคว่ำ สถานการณ์พลิกผัน และ Kamala ตกเป็นเหยื่อ

    กลุ่มหมวกขาวกำลังเข้าใกล้ ตั้งใจที่จะนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บทบาทของเธอในฐานะหุ่นเชิดเพื่อการจัดการของชนชั้นสูงสิ้นสุดลงแล้ว และเธออยู่บนเส้นทางเดียวสู่ GITMO ทุกการกระทำที่ซ่อนเร้น ทุกข้อตกลงที่เธอทำในความลับ ถูกเปิดเผยแล้ว เธอไม่ใช่รองประธานาธิบดีอีกต่อไป เธอเป็นเพียงผู้หลบหนีที่หลบหนีจากความจริง

    บทบาทที่แท้จริงของ Kamala ถูกเปิดเผย

    เป็นเวลาหลายปีที่การเติบโตของ Kamala ถูกจัดฉากขึ้นเพื่อรับใช้วาระของ Deep State ภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเป็นเพียงหน้ากากสำหรับผลประโยชน์ของชนชั้นสูงเท่านั้น เบื้องหลังมุมมองของสาธารณชน เธอยังคงรักษาอำนาจของ Deep State เอาไว้ แต่การเลือกตั้งในปี 2024 ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยชัยชนะของทรัมป์ กลุ่มรักชาติได้รับอำนาจในการนำความจริงมาเปิดเผย

    พันธมิตรและสายสัมพันธ์ลับๆ ของกมลากำลังคลี่คลาย และกลุ่มหมวกขาวก็ไม่ยอมลดละ เปิดเผยเครือข่ายของเธอ สายสัมพันธ์ของเธอกับ CIA, FBI และหน่วยงานลับอื่นๆ กลายเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ

    ไม่มีที่ใดให้หนีอีกแล้ว

    เส้นทางหลบหนีของกมลาหายไปแล้ว และคนควบคุมระดับสูงของเธอก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้ กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ นี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเท่านั้น แต่เป็นการกำจัดผู้ปฏิบัติการที่ฝังตัวมากที่สุดคนหนึ่งของ Deep State ด้วยกลยุทธ์ และจุดหมายปลายทางก็ถูกกำหนดไว้แล้ว: กวนตัน เธอไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรยศ หุ่นเชิดของผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ที่เผชิญกับความยุติธรรมที่แท้จริงในขณะนี้

    กวนตานาโมรออยู่: จุดจบของการปกครองของกมลา

    สิ่งอำนวยความสะดวกที่กวนตานาโม ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับคนทรยศต่อประเทศชาติ พร้อมแล้ว การบ่อนทำลายประชาธิปไตยของกมลาและความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์กำลังถูกเปิดโปง นี่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกร้องความสมบูรณ์ของอเมริกาคืนมาด้วย ผู้รักชาติได้เปิดเผยแผนการของเธอ บทบาทของเธอในการทำให้การเลือกตั้งไม่มั่นคง และการทรยศต่อประชาชนของเธอ

    คำสั่งโดยตรงของทรัมป์

    ด้วยการกลับมาของทรัมป์ กองทัพกำลังดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมาย คำสั่งของเขาในการนำกมลาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เกี่ยวกับการแก้แค้น แต่เป็นการทำลายผู้นำทุกคนของดีพสเตต พันธมิตรทางทหารของทรัมป์พร้อมที่จะดำเนินการตามภารกิจนี้ให้สำเร็จ หลายคนที่เคยปกป้องเธอตอนนี้กำลังร่วมมือกับกลุ่มหมวกขาว โดยเข้าใจถึงผลที่ตามมา

    การล่มสลายของกมลาส่งสารบางอย่าง

    การจับกุมเธอไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถจัดการระบบได้ กลุ่มหมวกขาวจะไม่หยุดจนกว่าคนทุจริตทุกคนจะต้องเผชิญกับความยุติธรรม การล่มสลายของกมลาเป็นหลักฐานว่าอเมริกาของทรัมป์จะไม่ยอมทนต่อการทรยศ ผู้รักชาติทุกที่ต่างได้เห็นความจริงที่ถูกเปิดเผย

    ความยุติธรรมสำหรับประชาชน

    การมาถึงของกมลาที่กวนตานาโมนั้นไม่ใช่แค่สัญลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นคืนความยุติธรรมอีกด้วย เธอเป็นตัวแทนของระบบที่ทุจริต แต่ตอนนี้ผู้รักชาติกำลังเรียกร้องประเทศของตนคืน วันแห่งการชดใช้ของเธอใกล้เข้ามาแล้ว และประชาชนกำลังเฝ้าดูอยู่ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวกำลังรื้อถอนกลุ่มดีพสเตตทีละชิ้น ในอเมริกาของทรัมป์ การทรยศจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ
    ..ข่าวอีกด้าน(จริงเท็จมิทราบ) .. ระเบิด! Kamala Harris กำลังหลบหนี! กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ขณะที่การกลับมาของทรัมป์ส่งสัญญาณการล่มสลายของหุ่นเชิด Deep State – GITMO รออยู่! Kamala Harris ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งของ Deep State กำลังวิ่งหนีเพื่อหลบซ่อน หลังจากชัยชนะของทรัมป์ในปี 2024 โลกของเธอพลิกคว่ำ สถานการณ์พลิกผัน และ Kamala ตกเป็นเหยื่อ กลุ่มหมวกขาวกำลังเข้าใกล้ ตั้งใจที่จะนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บทบาทของเธอในฐานะหุ่นเชิดเพื่อการจัดการของชนชั้นสูงสิ้นสุดลงแล้ว และเธออยู่บนเส้นทางเดียวสู่ GITMO ทุกการกระทำที่ซ่อนเร้น ทุกข้อตกลงที่เธอทำในความลับ ถูกเปิดเผยแล้ว เธอไม่ใช่รองประธานาธิบดีอีกต่อไป เธอเป็นเพียงผู้หลบหนีที่หลบหนีจากความจริง บทบาทที่แท้จริงของ Kamala ถูกเปิดเผย เป็นเวลาหลายปีที่การเติบโตของ Kamala ถูกจัดฉากขึ้นเพื่อรับใช้วาระของ Deep State ภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเป็นเพียงหน้ากากสำหรับผลประโยชน์ของชนชั้นสูงเท่านั้น เบื้องหลังมุมมองของสาธารณชน เธอยังคงรักษาอำนาจของ Deep State เอาไว้ แต่การเลือกตั้งในปี 2024 ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยชัยชนะของทรัมป์ กลุ่มรักชาติได้รับอำนาจในการนำความจริงมาเปิดเผย พันธมิตรและสายสัมพันธ์ลับๆ ของกมลากำลังคลี่คลาย และกลุ่มหมวกขาวก็ไม่ยอมลดละ เปิดเผยเครือข่ายของเธอ สายสัมพันธ์ของเธอกับ CIA, FBI และหน่วยงานลับอื่นๆ กลายเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ไม่มีที่ใดให้หนีอีกแล้ว เส้นทางหลบหนีของกมลาหายไปแล้ว และคนควบคุมระดับสูงของเธอก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้ กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ นี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเท่านั้น แต่เป็นการกำจัดผู้ปฏิบัติการที่ฝังตัวมากที่สุดคนหนึ่งของ Deep State ด้วยกลยุทธ์ และจุดหมายปลายทางก็ถูกกำหนดไว้แล้ว: กวนตัน เธอไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรยศ หุ่นเชิดของผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ที่เผชิญกับความยุติธรรมที่แท้จริงในขณะนี้ กวนตานาโมรออยู่: จุดจบของการปกครองของกมลา สิ่งอำนวยความสะดวกที่กวนตานาโม ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับคนทรยศต่อประเทศชาติ พร้อมแล้ว การบ่อนทำลายประชาธิปไตยของกมลาและความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์กำลังถูกเปิดโปง นี่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกร้องความสมบูรณ์ของอเมริกาคืนมาด้วย ผู้รักชาติได้เปิดเผยแผนการของเธอ บทบาทของเธอในการทำให้การเลือกตั้งไม่มั่นคง และการทรยศต่อประชาชนของเธอ คำสั่งโดยตรงของทรัมป์ ด้วยการกลับมาของทรัมป์ กองทัพกำลังดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมาย คำสั่งของเขาในการนำกมลาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เกี่ยวกับการแก้แค้น แต่เป็นการทำลายผู้นำทุกคนของดีพสเตต พันธมิตรทางทหารของทรัมป์พร้อมที่จะดำเนินการตามภารกิจนี้ให้สำเร็จ หลายคนที่เคยปกป้องเธอตอนนี้กำลังร่วมมือกับกลุ่มหมวกขาว โดยเข้าใจถึงผลที่ตามมา การล่มสลายของกมลาส่งสารบางอย่าง การจับกุมเธอไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถจัดการระบบได้ กลุ่มหมวกขาวจะไม่หยุดจนกว่าคนทุจริตทุกคนจะต้องเผชิญกับความยุติธรรม การล่มสลายของกมลาเป็นหลักฐานว่าอเมริกาของทรัมป์จะไม่ยอมทนต่อการทรยศ ผู้รักชาติทุกที่ต่างได้เห็นความจริงที่ถูกเปิดเผย ความยุติธรรมสำหรับประชาชน การมาถึงของกมลาที่กวนตานาโมนั้นไม่ใช่แค่สัญลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นคืนความยุติธรรมอีกด้วย เธอเป็นตัวแทนของระบบที่ทุจริต แต่ตอนนี้ผู้รักชาติกำลังเรียกร้องประเทศของตนคืน วันแห่งการชดใช้ของเธอใกล้เข้ามาแล้ว และประชาชนกำลังเฝ้าดูอยู่ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวกำลังรื้อถอนกลุ่มดีพสเตตทีละชิ้น ในอเมริกาของทรัมป์ การทรยศจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำพูดของรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ กลับมาเป็นไวรัลในโซเลียลอีกครั้ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเขากล่าวไว้เมื่อฤดูร้อนปี 2023:

    "เราสร้างนโยบายต่างประเทศที่เอาแต่คอยกดดัน บงการ จับผิด และสั่งสอนให้พวกเค้าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ต่อประเทศที่ไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องใดๆกับสหรัฐฯ แต่จีนกลับมีนโยบายต่างประเทศในการสร้างถนน สะพาน และสร้างอาหารให้แก่ประเทศที่ยากจน"

    ผมคิดว่า เราควรดำเนินนโยบายทางการทูตที่เคารพในผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้"
    คำพูดของรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ กลับมาเป็นไวรัลในโซเลียลอีกครั้ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเขากล่าวไว้เมื่อฤดูร้อนปี 2023: "เราสร้างนโยบายต่างประเทศที่เอาแต่คอยกดดัน บงการ จับผิด และสั่งสอนให้พวกเค้าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ต่อประเทศที่ไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องใดๆกับสหรัฐฯ แต่จีนกลับมีนโยบายต่างประเทศในการสร้างถนน สะพาน และสร้างอาหารให้แก่ประเทศที่ยากจน" ผมคิดว่า เราควรดำเนินนโยบายทางการทูตที่เคารพในผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนจากเดโมแครต ให้สัญญาถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการกล่าวปราศรัย ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้นำอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ให้เดินหน้าสู้เพื่ออุดมการณ์ต่อไป
    .
    "เราต้องยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ดิฉันได้คุยกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความยินดีกับเขาต่อชัยชนะของเขา" แฮร์ริส กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
    .
    "ดิฉันบอกกับเขาว่า เราจะช่วยเขาและคณะทำงานของเขาในการเปลี่ยนผ่าน และเราจะมีส่วนร่วมในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ" แฮร์ริสระบุ
    .
    แฮร์ริส ไม่ได้พาดพิงกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ที่เขาปราศรัยต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2020 แต่เธอกล่าวว่าการเคารพผลการเลือกตั้งทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นอะไรที่พิเศษแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่อยากได้ความไว้วางใจจากสาธารณะจำเป็นต้องเคารพผลการเลือกตั้ง
    .
    "ในขณะเดียวกัน ในประเทศของเรา เรามีความภักดีไม่ใช่แค่กับประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และภักดีต่อมโนธรรมและต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา" เธอกล่าว
    .
    ระหว่างปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ แฮร์ริสเริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินหน้าสู้ต่อเพื่ออุดมการณ์ต่างไ ของพวกเขา แม้มีความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวด หนึ่งวันหลังจาก ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างขาดลอย
    .
    "ผลของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราสู้เพื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เราโหวตเพื่อ แต่ฟังฉัน ฉันอยากบอกว่าแสงสว่างแห่งความหวังของอเมริกาจะลุกโชนสว่างไสวอยู่เสมอ ตราบใดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ และตราบใดที่เราเดินหน้าสู้ต่อไป" เธอกล่าว "บางครั้งการต่อสู้ต้องใช้เวลาสักพัก มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันชนะ"
    .
    บรรดาผู้สนับสนุนของแฮร์ริสหลายพันคนรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ดในคืนวันอังคาร (5 พ.ย.) เพื่อสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับผู้หญิงรายหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในวันพุธ (6 พ.ย.) พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส หลังจากเธอประสบความพ่ายแพ้
    .
    "ฉันมาที่นี่ เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อเธอ สำหรับสิ่งที่เธอทำ" ดอนนา บรูซ วัย 72 ปีกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เด็กผู้หญิงผิวสีจะปกป้องโลก "ฉันยังคงเชื่อแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เด็กหญิงรายนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงผิวสีรายหนึ่งจะสามารถทำได้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107151
    ..............
    Sondhi X
    กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนจากเดโมแครต ให้สัญญาถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการกล่าวปราศรัย ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้นำอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ให้เดินหน้าสู้เพื่ออุดมการณ์ต่อไป . "เราต้องยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ดิฉันได้คุยกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความยินดีกับเขาต่อชัยชนะของเขา" แฮร์ริส กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. . "ดิฉันบอกกับเขาว่า เราจะช่วยเขาและคณะทำงานของเขาในการเปลี่ยนผ่าน และเราจะมีส่วนร่วมในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ" แฮร์ริสระบุ . แฮร์ริส ไม่ได้พาดพิงกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ที่เขาปราศรัยต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2020 แต่เธอกล่าวว่าการเคารพผลการเลือกตั้งทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นอะไรที่พิเศษแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่อยากได้ความไว้วางใจจากสาธารณะจำเป็นต้องเคารพผลการเลือกตั้ง . "ในขณะเดียวกัน ในประเทศของเรา เรามีความภักดีไม่ใช่แค่กับประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และภักดีต่อมโนธรรมและต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา" เธอกล่าว . ระหว่างปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ แฮร์ริสเริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินหน้าสู้ต่อเพื่ออุดมการณ์ต่างไ ของพวกเขา แม้มีความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวด หนึ่งวันหลังจาก ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างขาดลอย . "ผลของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราสู้เพื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เราโหวตเพื่อ แต่ฟังฉัน ฉันอยากบอกว่าแสงสว่างแห่งความหวังของอเมริกาจะลุกโชนสว่างไสวอยู่เสมอ ตราบใดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ และตราบใดที่เราเดินหน้าสู้ต่อไป" เธอกล่าว "บางครั้งการต่อสู้ต้องใช้เวลาสักพัก มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันชนะ" . บรรดาผู้สนับสนุนของแฮร์ริสหลายพันคนรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ดในคืนวันอังคาร (5 พ.ย.) เพื่อสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับผู้หญิงรายหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในวันพุธ (6 พ.ย.) พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส หลังจากเธอประสบความพ่ายแพ้ . "ฉันมาที่นี่ เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อเธอ สำหรับสิ่งที่เธอทำ" ดอนนา บรูซ วัย 72 ปีกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เด็กผู้หญิงผิวสีจะปกป้องโลก "ฉันยังคงเชื่อแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เด็กหญิงรายนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงผิวสีรายหนึ่งจะสามารถทำได้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107151 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1217 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
    .
    ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
    .
    วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
    .
    ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
    .
    แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
    .
    จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    .
    กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
    .
    ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
    .
    ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
    .
    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
    .
    นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1401 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CNN รายงานล่าสุดให้อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน เก็บชัยชนะไปแล้วอย่างน้อย 25 รัฐ รวมถึงนอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจียซึ่งเป็น 2 ใน 7 รัฐสมรภูมิสำคัญ คว้าจำนวนผู้แทนเลือกตั้งแล้ว 246 คน ขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต มีแนวโน้มคว้าชัยแล้วใน 14 รัฐ และเขต D.C. ได้คณะผู้แทนเลือกตั้ง 187 คน ทว่ายังต้องรอจับตาผลการนับคะแนนในอีก 5 รัฐสมรภูมิสำคัญที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดผลเลือกตั้งในครั้งนี้

    https://mgronline.com/around/detail/9670000106900

    #Thaitimes
    สำนักข่าว CNN รายงานล่าสุดให้อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน เก็บชัยชนะไปแล้วอย่างน้อย 25 รัฐ รวมถึงนอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจียซึ่งเป็น 2 ใน 7 รัฐสมรภูมิสำคัญ คว้าจำนวนผู้แทนเลือกตั้งแล้ว 246 คน ขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต มีแนวโน้มคว้าชัยแล้วใน 14 รัฐ และเขต D.C. ได้คณะผู้แทนเลือกตั้ง 187 คน ทว่ายังต้องรอจับตาผลการนับคะแนนในอีก 5 รัฐสมรภูมิสำคัญที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดผลเลือกตั้งในครั้งนี้ https://mgronline.com/around/detail/9670000106900 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ใกล้เส้นชัย! CNN ชี้ ‘ทรัมป์’ กวาด 2 รัฐสมรภูมิ ‘จอร์เจีย-นอร์ทแคโรไลนา’ ได้ผู้แทนเลือกตั้ง 246 คน
    สำนักข่าว CNN รายงานล่าสุดให้อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน เก็บชัยชนะไปแล้วอย่างน้อย 25 รัฐ รวมถึงนอร์ทแคโรไลนาและจอร์เจียซึ่งเป็น 2 ใน 7 รัฐสมรภูมิสำคัญ คว้าจำนวนผู้แทนเลือกตั้งแล้ว 246 คน ข
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา
    .
    เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ
    .
    ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง
    .
    “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ”
    .
    และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท
    .
    “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส”
    .
    พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย
    ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ”
    .
    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน
    .
    และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์
    .
    เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน
    โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ
    .
    ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994
    .........
    Sondhi X
    ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้ . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา . เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ . ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง . “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ” . และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท . “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส” . พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ” . ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน . และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์ . เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ . ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994 ......... Sondhi X
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1325 มุมมอง 0 รีวิว
  • การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด
    .
    ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่
    .
    หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้
    .
    ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้
    .
    นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020
    .
    ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้
    .
    ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้
    .
    แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ
    .
    ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
    .
    ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน
    .
    อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
    .
    การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร
    .
    ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง
    .
    ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม”
    .
    ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา
    .
    ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
    .
    สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น
    .
    ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า
    .
    ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น
    .
    ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ
    .
    รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742
    ..............
    Sondhi X
    การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด . ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่ . หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ . ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้ . นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020 . ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้ . ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้ . แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ . ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน . อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ . ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน . อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น . การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร . ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง . ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม” . ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา . ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง . สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น . ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า . ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น . ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ . รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1435 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงจะอยู่ห่างกันในระยะทาง, แต่อยู่ไกลกันในประสบการณ์: ไบเดนไม่เข้าร่วมงานรวมตัวหาเสียงเลือกตั้งของแฮร์ริส

    ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงเฝ้าติดตามคืนเลือกตั้งของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส, รายงานของ Washington Examiner, ซึ่ง, น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่าง

    แม้ว่าไบเดนและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะอยู่ที่ทำเนียบขาวเพื่อติดตามความคืบหน้าการเลือกตั้ง, แต่แฮร์ริสจะจัดงานของเธอที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด, ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสองไมล์

    ความสัมพันธ์ระหว่างไบเดนและแฮร์ริสตึงเครียด, โดยแฮร์ริสวางตำแหน่งตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นใหม่, โดยสัญญาว่าจะมี "หนทางใหม่ข้างหน้า" และกล่าวว่า "เราจะไม่หันหลังกลับ" อย่างไรก็ตาม, อาชีพการงานของเธอเป็นหนี้บุญคุณไบเดนมาก, ซึ่งเลือกเธอเป็นคู่หูในปี 2020 และสนับสนุนเธอหลังจากถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    MILES APART, WORLDS AWAY: BIDEN PASSES ON HARRIS’S ELECTION NIGHT GATHERING

    President Joe Biden will not attend Vice President Kamala Harris's election night watch party, the Washington Examiner reports, which, probably, speaks volumes.

    While Biden and the first lady will stay at the White House for election updates, Harris is hosting her event at Howard University, just two miles away.

    The Biden-Harris relationship has been strained, with Harris positioning herself as a fresh start, promising a “new way forward” and saying “We are not going back.” Yet, her career owes much to Biden, who chose her as his running mate in 2020 and endorsed her after withdrawing from the race.
    .
    6:34 AM · Nov 6, 2024 · 1,710 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853944121901383724
    ถึงจะอยู่ห่างกันในระยะทาง, แต่อยู่ไกลกันในประสบการณ์: ไบเดนไม่เข้าร่วมงานรวมตัวหาเสียงเลือกตั้งของแฮร์ริส ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงเฝ้าติดตามคืนเลือกตั้งของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส, รายงานของ Washington Examiner, ซึ่ง, น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่าง แม้ว่าไบเดนและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะอยู่ที่ทำเนียบขาวเพื่อติดตามความคืบหน้าการเลือกตั้ง, แต่แฮร์ริสจะจัดงานของเธอที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด, ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสองไมล์ ความสัมพันธ์ระหว่างไบเดนและแฮร์ริสตึงเครียด, โดยแฮร์ริสวางตำแหน่งตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นใหม่, โดยสัญญาว่าจะมี "หนทางใหม่ข้างหน้า" และกล่าวว่า "เราจะไม่หันหลังกลับ" อย่างไรก็ตาม, อาชีพการงานของเธอเป็นหนี้บุญคุณไบเดนมาก, ซึ่งเลือกเธอเป็นคู่หูในปี 2020 และสนับสนุนเธอหลังจากถอนตัวจากการแข่งขัน . MILES APART, WORLDS AWAY: BIDEN PASSES ON HARRIS’S ELECTION NIGHT GATHERING President Joe Biden will not attend Vice President Kamala Harris's election night watch party, the Washington Examiner reports, which, probably, speaks volumes. While Biden and the first lady will stay at the White House for election updates, Harris is hosting her event at Howard University, just two miles away. The Biden-Harris relationship has been strained, with Harris positioning herself as a fresh start, promising a “new way forward” and saying “We are not going back.” Yet, her career owes much to Biden, who chose her as his running mate in 2020 and endorsed her after withdrawing from the race. . 6:34 AM · Nov 6, 2024 · 1,710 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853944121901383724
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts