• "อนุทิน" เตรียมนำ ครม.ป้ายแดง เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ 24 ก.ย.นี้ ก่อนประชุม ครม.นัดพิเศษถกร่างนโยบาย และแถลง นโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 25 ก.ย. ด้าน จนท.ทำเนียบฯ ติดป้ายที่จอดรถประจำตำแหน่ง รอต้อนรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ขณะที่ “ธนกร” รมว.อุตสาหกรรม พร้อมทำงานเต็มที่ แม้มีเวลา 4 เดือน เน้นแก้ปัญหาภาคอุตสาหกรรม ลุยปราบโรงงานเถื่อน สานต่องานเดิม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089741

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน" เตรียมนำ ครม.ป้ายแดง เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ 24 ก.ย.นี้ ก่อนประชุม ครม.นัดพิเศษถกร่างนโยบาย และแถลง นโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 25 ก.ย. ด้าน จนท.ทำเนียบฯ ติดป้ายที่จอดรถประจำตำแหน่ง รอต้อนรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ขณะที่ “ธนกร” รมว.อุตสาหกรรม พร้อมทำงานเต็มที่ แม้มีเวลา 4 เดือน เน้นแก้ปัญหาภาคอุตสาหกรรม ลุยปราบโรงงานเถื่อน สานต่องานเดิม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089741 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี อนุทินนั่งควบมหาดไทย พร้อม 3 รัฐมนตรีช่วย ทรงศักดิ์-ศักดิ์ดา-ศศิธร พิพัฒน์รองนายกฯ ควบคมนาคม เอกนิติรองนายกฯ ควบคลัง ธรรมนัสรองนายกฯ ควบเกษตร สุชาติรองนายกฯ ควบกระทรวงทรัพย์ฯ ลูกเนวินไชยชนกเป็น รมว.ดีอี ลูกแบดทายาทเฮียตือเป็น รมต.สำนักนายกฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089730

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี อนุทินนั่งควบมหาดไทย พร้อม 3 รัฐมนตรีช่วย ทรงศักดิ์-ศักดิ์ดา-ศศิธร พิพัฒน์รองนายกฯ ควบคมนาคม เอกนิติรองนายกฯ ควบคลัง ธรรมนัสรองนายกฯ ควบเกษตร สุชาติรองนายกฯ ควบกระทรวงทรัพย์ฯ ลูกเนวินไชยชนกเป็น รมว.ดีอี ลูกแบดทายาทเฮียตือเป็น รมต.สำนักนายกฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089730 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผย เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ อยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะ ที่สำคัญคือการหวาดระแวงกัน พรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯเป็นคนละพรรคก็ไม่สนับสนุนเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตกไปที่พรรคอื่น สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลผม เพราะถือคติคนละพรรคแต่พวกเดียวกัน สำคัญกว่าพรรคเดียวกันคนละพวก เชื่อ ถ้าเศรษฐกิจดีประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่าคนมีกินมีใช้หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีก็ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เรากำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม ต้องใช้องคาพยพทุกอย่าง เช่น การทหาร การทูต หารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาของ 2 ประเทศ เร็วที่สุด

    -"ทักษิณ"ตัดผมสั้น-เครียด
    -แนะทำฐานข้อมูลบัญชี
    -ความหวังอยู่ที่หัวหน้าพรรค
    -จีนผู้นำโลกสิทธิบัตรศก.ดิจิทัล
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผย เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ อยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะ ที่สำคัญคือการหวาดระแวงกัน พรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯเป็นคนละพรรคก็ไม่สนับสนุนเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตกไปที่พรรคอื่น สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลผม เพราะถือคติคนละพรรคแต่พวกเดียวกัน สำคัญกว่าพรรคเดียวกันคนละพวก เชื่อ ถ้าเศรษฐกิจดีประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่าคนมีกินมีใช้หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีก็ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เรากำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม ต้องใช้องคาพยพทุกอย่าง เช่น การทหาร การทูต หารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาของ 2 ประเทศ เร็วที่สุด -"ทักษิณ"ตัดผมสั้น-เครียด -แนะทำฐานข้อมูลบัญชี -ความหวังอยู่ที่หัวหน้าพรรค -จีนผู้นำโลกสิทธิบัตรศก.ดิจิทัล
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รวมพลังเพื่อชาติ ไม่เปิดด่านไทย-กัมพูชา : [Biz Talk]
    นายกฯ อนุทิน ควงว่าที่ คณะรัฐมนตรี หารือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้คำมั่น จะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ใช้ทุกกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มที่ ภายใต้เวลาจำกัด ยืนยันยังไม่เปิดด่านชายแดน ไทย-กัมพูชา ย้ำแนวทางบริหารประเทศยึดคติ ‘คนละพรรค-พวกเดียวกัน’ พาคนไทย ‘มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี’
    รวมพลังเพื่อชาติ ไม่เปิดด่านไทย-กัมพูชา : [Biz Talk] นายกฯ อนุทิน ควงว่าที่ คณะรัฐมนตรี หารือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้คำมั่น จะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ใช้ทุกกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มที่ ภายใต้เวลาจำกัด ยืนยันยังไม่เปิดด่านชายแดน ไทย-กัมพูชา ย้ำแนวทางบริหารประเทศยึดคติ ‘คนละพรรค-พวกเดียวกัน’ พาคนไทย ‘มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี’
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เผยถึงข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บิดเบือนข้อเท็จจริง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ไม่ได้ระบุว่าเปิดด่านทันที ไม่สามารถทำได้โดยพลการ ต้องผ่านขั้นตอนและข้อตกลงร่วมกันหลายด้าน รัฐบาลต้องยึดผลประโยชน์ประชาชนไทย ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ จึงจะกำหนดแนวทางได้ สำหรับกระแสคัดค้านจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่กังวลว่าการเปิดด่านอาจเอื้อบ่อนการพนันและกลุ่มสแกมเมอร์ ต้องเจรจาและบรรลุข้อตกลงอย่างรอบคอบ ส่วนความคืบหน้าการจัดทำโผคณะรัฐมนตรีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายตน ต้องรอการตรวจสอบให้เรียบร้อย คาดว่าใช้เวลาไม่นาน

    -เขมรวางระเบิดต้องเก็บเอง
    -คดีแตงโมคืบหน้า 90%
    -ยกคำร้อง 6 พรรคซดมาม่า
    -ไทยติดวงจรหนี้วนลูป
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เผยถึงข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บิดเบือนข้อเท็จจริง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ไม่ได้ระบุว่าเปิดด่านทันที ไม่สามารถทำได้โดยพลการ ต้องผ่านขั้นตอนและข้อตกลงร่วมกันหลายด้าน รัฐบาลต้องยึดผลประโยชน์ประชาชนไทย ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ จึงจะกำหนดแนวทางได้ สำหรับกระแสคัดค้านจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่กังวลว่าการเปิดด่านอาจเอื้อบ่อนการพนันและกลุ่มสแกมเมอร์ ต้องเจรจาและบรรลุข้อตกลงอย่างรอบคอบ ส่วนความคืบหน้าการจัดทำโผคณะรัฐมนตรีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายตน ต้องรอการตรวจสอบให้เรียบร้อย คาดว่าใช้เวลาไม่นาน -เขมรวางระเบิดต้องเก็บเอง -คดีแตงโมคืบหน้า 90% -ยกคำร้อง 6 พรรคซดมาม่า -ไทยติดวงจรหนี้วนลูป
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 0 รีวิว

  • เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน
    วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น.


    โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง

    โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ

    -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

    -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

    -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

    -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

    -กระทรวงกลาโหม

    ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว

    ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด



    ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ

    -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

    -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

    -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ

    ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า

    -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

    -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม



    ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ

    -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

    ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้

    ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ

    โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้


    https://www.prachachat.net/politics/news-1879997


    เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น. โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ -กระทรวงกลาโหม ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ https://www.prachachat.net/politics/news-1879997
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พรุ่งนี้ 9 กันยา ขี้ข้าทักษิณประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ก่อนเคลื่อนย้ายไปประชุมเพลิงให้นายใหญ่ คดีชั้น14 ปิดฉากพรรคเพื่อแม้วแบบเศร้าๆ
    #7ดอกจิก
    #คดีชั้น14
    ♣ พรุ่งนี้ 9 กันยา ขี้ข้าทักษิณประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ก่อนเคลื่อนย้ายไปประชุมเพลิงให้นายใหญ่ คดีชั้น14 ปิดฉากพรรคเพื่อแม้วแบบเศร้าๆ #7ดอกจิก #คดีชั้น14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44
    .
    คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44 . คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท

    โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท

    จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม

    ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต

    สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป

    #Newskit
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทสรุปคดีแพทองธาร ขาดความรอบคอบ เสื่อมเกียรติภูมิชาติ

    วันศุกร์แห่งชาติ 29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

    เริ่มต้นที่ข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ศาลเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะไม่ได้ตอบรับข้อเสนอจากนายฮุน เซน ไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่เปิดด่านชายแดน จึงแสดงออกว่าไม่นิ่งเฉย รักษาผลประโยชน์ชาติและความสงบสุขของประเทศ

    แต่ข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ศาลเห็นว่านายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล มี 2 สถานะ คือ ประชาชนที่มีเสรีภาพ และการเป็นนายกฯ ที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ แม้จะสนทนากันส่วนตัว แต่เรื่องการเปิดด่านเป็นความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

    ส่วนที่กล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลบ) อ้างว่าใช้เทคนิคการเจรจา แก้ปัญหาออกจากตัวบุคคลเพื่อลดความตึงเครียด ศาลเห็นว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมือง เป็นช่องให้กัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ แม้จะใช้เทคนิคใดก็ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่เจรจาตามอำเภอใจ ยิ่งเมื่อเลือกใช้วิธีนี้ต้องใช้ความรับผิดชอบและความรอบคอบ

    ส่วนถ้อยคำที่ขอความเห็นใจจากนายฮุน เซน (เห็นใจหลานหน่อย จะเอาอะไรขอให้บอก) ศาลเห็นว่าเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งหวังเพียงคะแนนนิยมโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ความมั่นคง ทำให้เกิดความสงสัยว่าจะทำตามที่กัมพูชาร้องขอเพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แม้จะเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ชุดเล็กภายหลัง แต่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องคลิปเสียง จึงเห็นว่าไม่ใช่เทคนิคการเจรจาแต่ขาดความรอบคอบไม่ระมัดระวัง

    แม้ น.ส.แพทองธารจะระบุว่าเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกฯ ทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัยว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชาหรือไม่ เกิดความเสียหายร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ (1 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

    #Newskit
    บทสรุปคดีแพทองธาร ขาดความรอบคอบ เสื่อมเกียรติภูมิชาติ วันศุกร์แห่งชาติ 29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เริ่มต้นที่ข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ศาลเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะไม่ได้ตอบรับข้อเสนอจากนายฮุน เซน ไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่เปิดด่านชายแดน จึงแสดงออกว่าไม่นิ่งเฉย รักษาผลประโยชน์ชาติและความสงบสุขของประเทศ แต่ข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ศาลเห็นว่านายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล มี 2 สถานะ คือ ประชาชนที่มีเสรีภาพ และการเป็นนายกฯ ที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ แม้จะสนทนากันส่วนตัว แต่เรื่องการเปิดด่านเป็นความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ส่วนที่กล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลบ) อ้างว่าใช้เทคนิคการเจรจา แก้ปัญหาออกจากตัวบุคคลเพื่อลดความตึงเครียด ศาลเห็นว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมือง เป็นช่องให้กัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ แม้จะใช้เทคนิคใดก็ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่เจรจาตามอำเภอใจ ยิ่งเมื่อเลือกใช้วิธีนี้ต้องใช้ความรับผิดชอบและความรอบคอบ ส่วนถ้อยคำที่ขอความเห็นใจจากนายฮุน เซน (เห็นใจหลานหน่อย จะเอาอะไรขอให้บอก) ศาลเห็นว่าเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งหวังเพียงคะแนนนิยมโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ความมั่นคง ทำให้เกิดความสงสัยว่าจะทำตามที่กัมพูชาร้องขอเพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แม้จะเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ชุดเล็กภายหลัง แต่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องคลิปเสียง จึงเห็นว่าไม่ใช่เทคนิคการเจรจาแต่ขาดความรอบคอบไม่ระมัดระวัง แม้ น.ส.แพทองธารจะระบุว่าเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกฯ ทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัยว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชาหรือไม่ เกิดความเสียหายร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ (1 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สิ้นสุดความเป็นนายกฯ และมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลงด้วย ปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ชี้เป็นการถือเอาประโยชน์ของ "สมเด็จฮุนเซน" เหนือกว่าประโยชน์ชาติ
    ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สิ้นสุดความเป็นนายกฯ และมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลงด้วย ปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ชี้เป็นการถือเอาประโยชน์ของ "สมเด็จฮุนเซน" เหนือกว่าประโยชน์ชาติ
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 753 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำแพงเมืองไทย เป็นไปได้แค่ไหน?

    ท่าทีของ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สนับสนุนให้กองทัพบกสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีเสียงตอบรับที่ดีจากสังคม หลังจากได้ให้ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่า พื้นที่ตรงนั้นคือดินแดนของไทย จะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชน และปกป้องการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม โดยยืนยันว่าตนเองจะสนับสนุนทุกการกระทำของกองทัพบกอย่างแน่นอน

    การสร้างกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ชายแดนด้าน จ.สระแก้ว 165 กิโลเมตร หน่วยงานความมั่นคงเคยเสนอนายภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สร้างกำแพง ที่ผ่านมามีการวางลวดหนามแล้ว 55 กิโลเมตร ที่เหลือเป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมในการหลบหนีเข้าเมือง หน่วยงานความมั่นคงไม่สามารถตรวจการณ์ได้ตลอดเวลา แต่ขณะนั้นยังไม่มีการสร้างเพราะเห็นว่ายังเร็วเกินไป ต้องศึกษารูปแบบแนวทางภายใต้พื้นที่ที่ชัดเจน ที่ต้องไม่ติดพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบของคนทั้งสองประเทศ

    ครั้งหนึ่ง โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เคยสั่งการให้คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติมแนวคิดสร้างกำแพงระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลักลอบค้ายาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย แต่แล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสนอสร้างกำแพงคอนกรีตตามแนวชายแดนในจุดที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เพื่อยกระดับการป้องกันอย่างถาวร

    เขตแดนไทย-กัมพูชามีความยาว 798 กิโลเมตร แยกเป็นตามสันปันน้ำและแนวเส้นตรง 590 กิโลเมตร กับร่องน้ำลึกและลำน้ำอีก 208 กิโลเมตร มีการจัดทำหลักเขตแดนสยาม-เขมรไปแล้ว 73 หลัก ตั้งแต่ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก จ.ตราด แต่อีก 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำถึงช่องบก จ.อุบลราชธานี แม้ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 จะยึดหลักสันปันน้ำจากตีนภูเขาดงรัก แต่ไทยและกัมพูชากลับใช้แผนที่คนละฉบับกัน และกัมพูชาฟ้องศาลโลก

    หากจะมีการสร้างกำแพงขึ้นจริง นอกจากจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลแล้ว ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าหลักเขตแดนเคลื่อนย้ายไปในดินแดนของตน ต้องใช้กลไกทวิภาคีอย่างคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) แก้ไขปัญหา อีกทั้งยังต้องศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะดำเนินโครงการ ซึ่งจากความสัมพันธ์ที่ยังระหองระแหง การจะได้เห็นกำแพงเมืองไทยที่มั่นคงแข็งแรงจึงยังเป็นไปได้ยากในขณะนี้

    #Newskit
    กำแพงเมืองไทย เป็นไปได้แค่ไหน? ท่าทีของ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สนับสนุนให้กองทัพบกสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีเสียงตอบรับที่ดีจากสังคม หลังจากได้ให้ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่า พื้นที่ตรงนั้นคือดินแดนของไทย จะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชน และปกป้องการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม โดยยืนยันว่าตนเองจะสนับสนุนทุกการกระทำของกองทัพบกอย่างแน่นอน การสร้างกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ชายแดนด้าน จ.สระแก้ว 165 กิโลเมตร หน่วยงานความมั่นคงเคยเสนอนายภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สร้างกำแพง ที่ผ่านมามีการวางลวดหนามแล้ว 55 กิโลเมตร ที่เหลือเป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมในการหลบหนีเข้าเมือง หน่วยงานความมั่นคงไม่สามารถตรวจการณ์ได้ตลอดเวลา แต่ขณะนั้นยังไม่มีการสร้างเพราะเห็นว่ายังเร็วเกินไป ต้องศึกษารูปแบบแนวทางภายใต้พื้นที่ที่ชัดเจน ที่ต้องไม่ติดพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบของคนทั้งสองประเทศ ครั้งหนึ่ง โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เคยสั่งการให้คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติมแนวคิดสร้างกำแพงระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลักลอบค้ายาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย แต่แล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสนอสร้างกำแพงคอนกรีตตามแนวชายแดนในจุดที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เพื่อยกระดับการป้องกันอย่างถาวร เขตแดนไทย-กัมพูชามีความยาว 798 กิโลเมตร แยกเป็นตามสันปันน้ำและแนวเส้นตรง 590 กิโลเมตร กับร่องน้ำลึกและลำน้ำอีก 208 กิโลเมตร มีการจัดทำหลักเขตแดนสยาม-เขมรไปแล้ว 73 หลัก ตั้งแต่ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก จ.ตราด แต่อีก 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำถึงช่องบก จ.อุบลราชธานี แม้ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 จะยึดหลักสันปันน้ำจากตีนภูเขาดงรัก แต่ไทยและกัมพูชากลับใช้แผนที่คนละฉบับกัน และกัมพูชาฟ้องศาลโลก หากจะมีการสร้างกำแพงขึ้นจริง นอกจากจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลแล้ว ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าหลักเขตแดนเคลื่อนย้ายไปในดินแดนของตน ต้องใช้กลไกทวิภาคีอย่างคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) แก้ไขปัญหา อีกทั้งยังต้องศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะดำเนินโครงการ ซึ่งจากความสัมพันธ์ที่ยังระหองระแหง การจะได้เห็นกำแพงเมืองไทยที่มั่นคงแข็งแรงจึงยังเป็นไปได้ยากในขณะนี้ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบายคุณหลอกดาวซ้ำสอง

    ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะตายแหล่ ไม่ตายแหล่ จากคดีคลิปเสียงอังเคิลในศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาในวันที่ 29 ส.ค.นี้ แม้รัฐบาลถูลู่ถูกังเปิดให้ลงทะเบียนผูกบัตร EMV (บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรพรีเพด) และบัตรแรบบิท (Rabbit) เพื่อรับสิทธิ์รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนมากกว่า 2 แสนคนในระยะเวลา 2 วัน แต่แล้วคนกรุงฯ ต้องฝันสลาย เมื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ยอมรับแล้วว่าดำเนินโครงการไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ต้องจ่ายราคาเดิมไปก่อน

    สาเหตุหลักมาจากกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้ดึงเงินสะสมและรายได้ชดเชย มาใช้กับโครงการนี้ และร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่แก้ไขโดยเปิดช่องให้กู้เงินจากกระทรวงการคลังได้ เพราะรายได้จาก รฟม. ต้องส่งเข้ากระทรวงการคลัง จะเปลี่ยนไปเข้ากองทุนตั๋วร่วมฯ ทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ปรากฎว่าสภาผู้แทนราษฎร เจอปัญหาองค์ประชุมเพราะเสียงในสภาปริ่มน้ำบ่อยครั้ง แถมเมื่อรัฐบาลสอบถามกฤษฎีกาว่าจะเอางบกลางมาใช้หรือไม่ กฤษฎีกาก็ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

    สิ่งเดียวที่ทำได้ของรัฐบาล คือถูฝ่ามือรอให้กฎหมายทั้งสองฉบับผ่านที่ประชุมสภาฯ ก่อน โดยใช้โฆษกพรรค สมาชิกพรรค และสื่อบางส่วนคอยตะล่อม โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน หากผ่านด่านแรกไปได้ ส่งต่อด่านสองให้วุฒิสภา ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นขั้วการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทยคุมเสียงในสภาสูง แม้จะผ่านกฎหมายแล้ว ยังต้องออกกฎหมายลูกที่ต้องรับฟังความคิดเห็นอีก 15 วัน นายสุริยะจะเสนอคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เร็วขึ้น อ้างว่านโยบายเป็นบวกกับประชาชน ตั้งเป้าว่าจะดำเนินโครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.2568 ถึงกระนั้น จากคดีคลิปเสียงก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยังอยู่หรือไม่

    หากรัฐบาลแพทองธารต้องยุติลงและเปลี่ยนขั้วอำนาจรัฐบาล นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเคลมว่าเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย สังคมจะเกิดความรู้สึกรอเก้อเหมือนถูกหลอก ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐมากถึง 36 ล้านคน แต่สุดท้ายได้แต่โอนเงินพร้อมเพย์แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง ก่อนพับโครงการ โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือมาตรการภาษีขาเข้า (Tariff) จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา

    #Newskit
    รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบายคุณหลอกดาวซ้ำสอง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะตายแหล่ ไม่ตายแหล่ จากคดีคลิปเสียงอังเคิลในศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาในวันที่ 29 ส.ค.นี้ แม้รัฐบาลถูลู่ถูกังเปิดให้ลงทะเบียนผูกบัตร EMV (บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรพรีเพด) และบัตรแรบบิท (Rabbit) เพื่อรับสิทธิ์รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนมากกว่า 2 แสนคนในระยะเวลา 2 วัน แต่แล้วคนกรุงฯ ต้องฝันสลาย เมื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ยอมรับแล้วว่าดำเนินโครงการไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ต้องจ่ายราคาเดิมไปก่อน สาเหตุหลักมาจากกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้ดึงเงินสะสมและรายได้ชดเชย มาใช้กับโครงการนี้ และร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่แก้ไขโดยเปิดช่องให้กู้เงินจากกระทรวงการคลังได้ เพราะรายได้จาก รฟม. ต้องส่งเข้ากระทรวงการคลัง จะเปลี่ยนไปเข้ากองทุนตั๋วร่วมฯ ทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ปรากฎว่าสภาผู้แทนราษฎร เจอปัญหาองค์ประชุมเพราะเสียงในสภาปริ่มน้ำบ่อยครั้ง แถมเมื่อรัฐบาลสอบถามกฤษฎีกาว่าจะเอางบกลางมาใช้หรือไม่ กฤษฎีกาก็ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สิ่งเดียวที่ทำได้ของรัฐบาล คือถูฝ่ามือรอให้กฎหมายทั้งสองฉบับผ่านที่ประชุมสภาฯ ก่อน โดยใช้โฆษกพรรค สมาชิกพรรค และสื่อบางส่วนคอยตะล่อม โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน หากผ่านด่านแรกไปได้ ส่งต่อด่านสองให้วุฒิสภา ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นขั้วการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทยคุมเสียงในสภาสูง แม้จะผ่านกฎหมายแล้ว ยังต้องออกกฎหมายลูกที่ต้องรับฟังความคิดเห็นอีก 15 วัน นายสุริยะจะเสนอคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เร็วขึ้น อ้างว่านโยบายเป็นบวกกับประชาชน ตั้งเป้าว่าจะดำเนินโครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.2568 ถึงกระนั้น จากคดีคลิปเสียงก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยังอยู่หรือไม่ หากรัฐบาลแพทองธารต้องยุติลงและเปลี่ยนขั้วอำนาจรัฐบาล นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเคลมว่าเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย สังคมจะเกิดความรู้สึกรอเก้อเหมือนถูกหลอก ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐมากถึง 36 ล้านคน แต่สุดท้ายได้แต่โอนเงินพร้อมเพย์แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง ก่อนพับโครงการ โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือมาตรการภาษีขาเข้า (Tariff) จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน

    ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน

    แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค

    เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น

    โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571

    #Newskit
    รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571 #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ชื่อเท่ แต่ มีอำนาจ จริง หรือ ไม่...??? ##
    ..
    ..
    พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 คืออะไร ทำไมแชร์กันว่อนช่วงนี้...???
    .
    พยายามอธิบายให้ได้เนื้อหาแบบไม่ยาวมากเกินไปคือ...
    .
    หลักใหญ่ใจความ พรบ.นี้ ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ขึ้นมา
    .
    ซึ่งอำนาจและหน้าที่หลักของ "นปท." คือ
    .
    1.กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านความมั่นคงทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง
    .
    2.ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศรชล. และอื่น ๆ)
    .
    3.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ และ เสนอรายงานผลต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี
    .
    4.นอกจากนี้ นปท. ยังมีอำนาจ เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อจำเป็น เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ชาติ(ประชุม ถก แลกเปลี่ยน ในเชิงเสนอแนะ)
    ....
    ....
    สุดท้าย จะเห็นได้ว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ซึ่งชื่อเท่มาก ไม่มีอะไร มากไปกว่า...
    .
    หน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่ ดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับ นโยบายของนักการเมืองเบื้องบน และหรือ กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    .
    ทำได้แค่ เสนอข้อมูล ให้คำแนะนำ ติดตาม-ประเมินผล แค่นั้น
    .
    ไม่ได้มีหน้าที่ คาน หรือ คัดง้าง ไม่มีกฎหมายข้อให้ให้อำนาจ ในการโต้แย้ง ยับยั้ง หาก รัฐบาล หรือ กระทรวงการต่างประเทศกระทำผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด...!!!
    .
    พูดง่ายๆ คือ หน่วยงานปฏิบัติการ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของ รัฐบาล...
    .
    อำนาจที่มี ไม่ได้เท่เหมือนชื่อ...!!!
    .
    หาก นักการเมืองขายชาติ ก็โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้...!!!
    ....
    ....
    ผมคิดว่าตัวเองพอเข้าใจที่มาที่ไปของ การเขียนโพสเรื่องนี้ครับ...
    .
    อย่าอวยกันขนาดนั้นเลยครับ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย...!!!
    .
    ไม่งั้น "ทีมอวย" จะต่างอะไรกับ มาลี และ ฮุนเซน หล่ะครับ...???
    .

    ....
    ....
    ถ้าอยากสกัด เขมร จริง ยกเลิก MOU43-MOU44-JC44 คือทางออกครับ
    .
    https://www.naewna.com/politic/906142?fbclid=IwQ0xDSwMI-ZNjbGNrAwakRmV4dG4DYWVtAjEwAGJyaWQRMU44ZFlpaFRqMHhOT3c1bDkBHnHzvN8SfGcG8c7FdtCH44q4c5JWQHQkycw28_tsv4u0cdPKWRSRc7qd4fsM_aem_pRLgNZlXgTqmABx0ecgerw
    ## ชื่อเท่ แต่ มีอำนาจ จริง หรือ ไม่...??? ## .. .. พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 คืออะไร ทำไมแชร์กันว่อนช่วงนี้...??? . พยายามอธิบายให้ได้เนื้อหาแบบไม่ยาวมากเกินไปคือ... . หลักใหญ่ใจความ พรบ.นี้ ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ขึ้นมา . ซึ่งอำนาจและหน้าที่หลักของ "นปท." คือ . 1.กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านความมั่นคงทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง . 2.ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศรชล. และอื่น ๆ) . 3.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ และ เสนอรายงานผลต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี . 4.นอกจากนี้ นปท. ยังมีอำนาจ เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อจำเป็น เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ชาติ(ประชุม ถก แลกเปลี่ยน ในเชิงเสนอแนะ) .... .... สุดท้าย จะเห็นได้ว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ซึ่งชื่อเท่มาก ไม่มีอะไร มากไปกว่า... . หน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่ ดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับ นโยบายของนักการเมืองเบื้องบน และหรือ กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง . ทำได้แค่ เสนอข้อมูล ให้คำแนะนำ ติดตาม-ประเมินผล แค่นั้น . ไม่ได้มีหน้าที่ คาน หรือ คัดง้าง ไม่มีกฎหมายข้อให้ให้อำนาจ ในการโต้แย้ง ยับยั้ง หาก รัฐบาล หรือ กระทรวงการต่างประเทศกระทำผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด...!!! . พูดง่ายๆ คือ หน่วยงานปฏิบัติการ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของ รัฐบาล... . อำนาจที่มี ไม่ได้เท่เหมือนชื่อ...!!! . หาก นักการเมืองขายชาติ ก็โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้...!!! .... .... ผมคิดว่าตัวเองพอเข้าใจที่มาที่ไปของ การเขียนโพสเรื่องนี้ครับ... . อย่าอวยกันขนาดนั้นเลยครับ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย...!!! . ไม่งั้น "ทีมอวย" จะต่างอะไรกับ มาลี และ ฮุนเซน หล่ะครับ...??? . 😓😓😓😓😓😓😓😓 .... .... ถ้าอยากสกัด เขมร จริง ยกเลิก MOU43-MOU44-JC44 คือทางออกครับ . https://www.naewna.com/politic/906142?fbclid=IwQ0xDSwMI-ZNjbGNrAwakRmV4dG4DYWVtAjEwAGJyaWQRMU44ZFlpaFRqMHhOT3c1bDkBHnHzvN8SfGcG8c7FdtCH44q4c5JWQHQkycw28_tsv4u0cdPKWRSRc7qd4fsM_aem_pRLgNZlXgTqmABx0ecgerw
    WWW.NAEWNA.COM
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมานั้นนอกจากจะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีการย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ระดับปลัดกระทรวงอีกด้วย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาอนุมัติรับโอน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074791

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมานั้นนอกจากจะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีการย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ระดับปลัดกระทรวงอีกด้วย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาอนุมัติรับโอน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074791 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1018 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชา-สหรัฐฯ ความท้าทายของไทย : [NEWS UPDATE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ป้องกันข่าวปลอม สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลตั้งงบประมาณสนับสนุนผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน


    เดินหน้าหารือหยุดยิง

    ไทม์ไลน์รัฐสภาโต้กัมพูชา

    ไฟเขียวซื้อกริพเพน

    กองทัพต้องอยู่ใต้รัฐพลเรือน
    กัมพูชา-สหรัฐฯ ความท้าทายของไทย : [NEWS UPDATE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ป้องกันข่าวปลอม สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลตั้งงบประมาณสนับสนุนผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน เดินหน้าหารือหยุดยิง ไทม์ไลน์รัฐสภาโต้กัมพูชา ไฟเขียวซื้อกริพเพน กองทัพต้องอยู่ใต้รัฐพลเรือน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุชายแดน 8-10 ล้าน : [THE MESSAGE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ขณะนี้การปะทะสิ้นสุด เข้าสู่การเจรจาผ่านการประชุม GBC ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ วิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายต่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง
    เยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุชายแดน 8-10 ล้าน : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ขณะนี้การปะทะสิ้นสุด เข้าสู่การเจรจาผ่านการประชุม GBC ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ วิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายต่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ครม.สั่งด่วน! เตรียมฟ้องกัมพูชาทั้ง "อาญา-แพ่ง-ระดับโลก"...หลังรุกรานอธิปไตยไทย! พร้อมเรียกค่าเสียหายจากการปะทะ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20760/
    .
    #คณะรัฐมนตรี #ฟ้องกัมพูชา #FakeNews #โดรน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวกรอง #ไทยไท
    ครม.สั่งด่วน! เตรียมฟ้องกัมพูชาทั้ง "อาญา-แพ่ง-ระดับโลก"...หลังรุกรานอธิปไตยไทย! พร้อมเรียกค่าเสียหายจากการปะทะ! https://www.thai-tai.tv/news/20760/ . #คณะรัฐมนตรี #ฟ้องกัมพูชา #FakeNews #โดรน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวกรอง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไม่ใช่แค่พิเชษฐ์!" "เรืองไกร" ลากไส้รัฐบาล...ชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ชัด "ครม. ทั้งคณะ" และ สส. 322 คน ต้องรับผิดชอบด้วย!
    https://www.thai-tai.tv/news/20721/
    .
    #เรืองไกรลีกิจวัฒนะ #งบประมาณ69 #ศาลรัฐธรรมนูญ #ปปช #คณะรัฐมนตรี #สส #ทุจริตงบประมาณ #ไทยไท
    "ไม่ใช่แค่พิเชษฐ์!" "เรืองไกร" ลากไส้รัฐบาล...ชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ชัด "ครม. ทั้งคณะ" และ สส. 322 คน ต้องรับผิดชอบด้วย! https://www.thai-tai.tv/news/20721/ . #เรืองไกรลีกิจวัฒนะ #งบประมาณ69 #ศาลรัฐธรรมนูญ #ปปช #คณะรัฐมนตรี #สส #ทุจริตงบประมาณ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล (Denys Shmyhal) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครนอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (15 กรกฎาคม 2568)

    การลาออกของชมีฮาลเป็นส่วนหนึ่งของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามของประเทศตามแนวคิดของเซเลนสกี

    ขณะที่เซเลนสกี เสนอชื่อ ยูเลีย สวีรีเดนโก(Yulia Svyrydenko) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และยังดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

    สำหรับชมีฮาล ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ซึ่งจะถูกโยกไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา
    นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล (Denys Shmyhal) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครนอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (15 กรกฎาคม 2568) การลาออกของชมีฮาลเป็นส่วนหนึ่งของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามของประเทศตามแนวคิดของเซเลนสกี ขณะที่เซเลนสกี เสนอชื่อ ยูเลีย สวีรีเดนโก(Yulia Svyrydenko) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และยังดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำหรับชมีฮาล ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ซึ่งจะถูกโยกไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วครับ ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของคนไทย ครึ่งแรกของปี เทียบรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีปัจจุบัน2568 ให้สังเกตแนวโน้มเส้นสีฟ้าว่า กำลังอยู่ขาขึ้น
    ที่น่าสนใจ สีเหลืองคือ ก่อนการระบาดของโควิด สีส้มคือช่วงที่มีการระบาดหนักจนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สีแดงคือ การระบาดยุติ เลิกปิดบ้านปิดเมือง
    เห็นได้ชัดเจนว่า ปีแรกของการระบาด คนไทยไม่ได้ตายเพิ่มขึ้น ปีนั้นยังไม่มีวัคซีน
    ปีที่สองของการระบาด มีการฉีดวัคซีนกลับตายเพิ่มขึ้น
    ปี 2564 เริ่มมีการระดมฉีดวัคซีน กลับตายเพิ่มขึ้น
    แต่ที่น่า ตั้งคำถาม คือ ปี 2565 2566 2567 ที่ การระบาดยุติลง คนไทยกลับตายเพิ่มขึ้น มากกว่าก่อนการระบาดของโควิด ทั้งที่ เมื่อโควิด ยุติลง อัตราการเสียชีวิตควรจะกลับไปใกล้เคียงก่อนการระบาด
    ปีปัจจุบัน คนไทยยังเสียชีวิตในอัตราที่สูง แนวโน้มก็ยังอยู่ในขาขึ้น ทำไม?
    ถ้ารัฐบาล ใส่ใจ เรื่องชีวิตของคนไทย ต้องการแก้ปัญหาสาธารณสุข แค่เอาข้อมูล อายุเฉลี่ยของผู้ที่เสียชีวิตมาเทียบกันดู ก็จะเห็นว่า คนที่ตายอายุ น้อยลงด้วยไหม ตายก่อนวัยอันควรไหม?
    หลาย คนอาจสงสัยทำไมผมไม่วิเคราะห์เอง?
    ผม ไม่ได้เป็น รัฐบาล ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้
    แต่ รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทำได้ง่ายๆ แต่ จะทำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่า เขาเห็นความสำคัญของชีวิตคนไทยไหม?

    นิลฉงน นลเฉลย
    https://www.facebook.com/share/p/167nL51Umt/

    ขอขอบคุณอาจารย์หมอที่สละเวลาทำข้อมูลให้คนไทยได้ตื่นครับ
    มาแล้วครับ ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของคนไทย ครึ่งแรกของปี เทียบรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีปัจจุบัน2568 ให้สังเกตแนวโน้มเส้นสีฟ้าว่า กำลังอยู่ขาขึ้น ที่น่าสนใจ สีเหลืองคือ ก่อนการระบาดของโควิด สีส้มคือช่วงที่มีการระบาดหนักจนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สีแดงคือ การระบาดยุติ เลิกปิดบ้านปิดเมือง เห็นได้ชัดเจนว่า ปีแรกของการระบาด คนไทยไม่ได้ตายเพิ่มขึ้น ปีนั้นยังไม่มีวัคซีน ปีที่สองของการระบาด มีการฉีดวัคซีนกลับตายเพิ่มขึ้น ปี 2564 เริ่มมีการระดมฉีดวัคซีน กลับตายเพิ่มขึ้น แต่ที่น่า ตั้งคำถาม คือ ปี 2565 2566 2567 ที่ การระบาดยุติลง คนไทยกลับตายเพิ่มขึ้น มากกว่าก่อนการระบาดของโควิด ทั้งที่ เมื่อโควิด ยุติลง อัตราการเสียชีวิตควรจะกลับไปใกล้เคียงก่อนการระบาด ปีปัจจุบัน คนไทยยังเสียชีวิตในอัตราที่สูง แนวโน้มก็ยังอยู่ในขาขึ้น ทำไม? ถ้ารัฐบาล ใส่ใจ เรื่องชีวิตของคนไทย ต้องการแก้ปัญหาสาธารณสุข แค่เอาข้อมูล อายุเฉลี่ยของผู้ที่เสียชีวิตมาเทียบกันดู ก็จะเห็นว่า คนที่ตายอายุ น้อยลงด้วยไหม ตายก่อนวัยอันควรไหม? หลาย คนอาจสงสัยทำไมผมไม่วิเคราะห์เอง? ผม ไม่ได้เป็น รัฐบาล ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ แต่ รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทำได้ง่ายๆ แต่ จะทำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่า เขาเห็นความสำคัญของชีวิตคนไทยไหม? นิลฉงน นลเฉลย https://www.facebook.com/share/p/167nL51Umt/ ขอขอบคุณอาจารย์หมอที่สละเวลาทำข้อมูลให้คนไทยได้ตื่นครับ 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ ที่สวมหมวกอีกใบเป็นเลขาฯ ครม.เขมร ประกาศจัดม็อบใหญ่ 19 ก.ค.ในกรุงพนมเปญ แสดงพลังต่อต้านการรุกรานของไทย ส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า อ้างไทยคือศัตรูผู้บุกรุก ชายแดนไม่สงบลงง่ายๆ เขมรต้องสามัคคีกันปกป้องอธิปไตย

    วันนี้(12 ก.ค.) เฟซบุ๊กของ Kampuchea Thmey Daily ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการแถลงข่าวของนายกุช เวงสรุน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกัมพูชา และตัวแทนของทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงรุกรานดินแดนกัมพูชา ดังนั้นประชาชนกัมพูชาจึงต้องปลูกฝังความรักชาติ ปกป้องชาติและดินแดนของเราด้วย

    นายกุช กล่าวว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่การแข่งขันฟุตบอลก็คือจิตวิญญาณแห่งความรักชาติอยู่ เพราะเราต่างรู้ดีว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยจะไม่จบลงง่ายๆ ศัตรูของเรายังคงตั้งใจจะรุกรานดินแดนของเราต่อไป หากเราไม่พร้อม นั่นหมายความว่า เรายังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังไม่มีสันติภาพที่แท้จริงร่วมกันบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065595

    #Thaitimes #MGROnline #ฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ #กัมพูชา #กรุงพนมเปญ #ม็อบใหญ่
    ตัวแทนทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ ที่สวมหมวกอีกใบเป็นเลขาฯ ครม.เขมร ประกาศจัดม็อบใหญ่ 19 ก.ค.ในกรุงพนมเปญ แสดงพลังต่อต้านการรุกรานของไทย ส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า อ้างไทยคือศัตรูผู้บุกรุก ชายแดนไม่สงบลงง่ายๆ เขมรต้องสามัคคีกันปกป้องอธิปไตย • วันนี้(12 ก.ค.) เฟซบุ๊กของ Kampuchea Thmey Daily ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการแถลงข่าวของนายกุช เวงสรุน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกัมพูชา และตัวแทนของทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงรุกรานดินแดนกัมพูชา ดังนั้นประชาชนกัมพูชาจึงต้องปลูกฝังความรักชาติ ปกป้องชาติและดินแดนของเราด้วย • นายกุช กล่าวว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่การแข่งขันฟุตบอลก็คือจิตวิญญาณแห่งความรักชาติอยู่ เพราะเราต่างรู้ดีว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยจะไม่จบลงง่ายๆ ศัตรูของเรายังคงตั้งใจจะรุกรานดินแดนของเราต่อไป หากเราไม่พร้อม นั่นหมายความว่า เรายังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังไม่มีสันติภาพที่แท้จริงร่วมกันบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065595 • #Thaitimes #MGROnline #ฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ #กัมพูชา #กรุงพนมเปญ #ม็อบใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จุลพันธ์” แจงถอนร่างกาสิโนด้วยความจริงใจ เชื่อลดความขัดแย้งในสังคม สมัยประชุมนี้เสนออีกไม่ได้ แต่สมัยประชุมหน้ายังเสนอใหม่ได้ สุดท้ายสภามีมติถอนร่างฯ ด้วยเสียง 253 ต่อ 67

    เวลา 12.47 น. วันที่ 9 ก.ค.ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาญัตติถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....ออกจากวาระการประชุม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การอภิปรายที่ผ่านมาเป็นความคิดเห็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่โดยข้อเท็จจริงญัตติที่คุยอยู่คือการจะถอนร่างกฎหมายหรือไม่ แต่การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนมากลงไปเนื้อหาของร่างกฎหมายเป็นหลักว่ายังไม่มีความพร้อม และยังมีความบกพร่อง ซึ่งเป็นเรื่องของการพิจารณาวาระแรก ฉะนั้น อำนาจของสภาเป็นอำนาจของพวกเราที่อยู่ตรงนี้ที่มีกระบวนการแก้ไขต่างๆได้

    ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไป เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม และให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ได้พิจารณาอีกครั้ง จะช่วยให้ประเทศเดินหน้าได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลของฝ่ายค้านเราก็รับฟังได้ที่แต่ละท่านจะมีเหตุผลของท่าน

    “ต่อให้ร่างกฎหมายนี้ลงมติถอนแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างนี้จะออกจากสารบบ เพียงแต่ห้ามยื่นกลับมาในสมัยประชุมเดียวกัน ซึ่งสมัยประชุมหน้าสมาชิกสามารถยื่นสู่สภาได้เช่นเดิม ผมมาด้วยความจริงใจว่าการถอนร่างจะเป็นประโยชน์กับประเทศ และสัมคมมากกว่า ส่วนที่ท่านถามเป็นสิ่งที่ผมตอบไมได้ว่าจะเอากลับมาอีกหรือไม่ เพราะผมไม่มีอำนาจยืนยัน แต่ได้รับมอบมาเรื่องการถอนร่างเท่านั้น วันนี้ก็จะใช้เสียงสภาตัดสินให้ถอนกลับ ครม. แต่ถ้าสภาจะให้เดินหน้าก็ว่ากันในวาระ 1 ต่อไป ผมเชื่อว่า สส.ฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อมทุกกรณี” รมช.คลัง กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000064667

    #Thaitimes #MGROnline #ถอนร่างกาสิโน
    “จุลพันธ์” แจงถอนร่างกาสิโนด้วยความจริงใจ เชื่อลดความขัดแย้งในสังคม สมัยประชุมนี้เสนออีกไม่ได้ แต่สมัยประชุมหน้ายังเสนอใหม่ได้ สุดท้ายสภามีมติถอนร่างฯ ด้วยเสียง 253 ต่อ 67 • เวลา 12.47 น. วันที่ 9 ก.ค.ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาญัตติถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....ออกจากวาระการประชุม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การอภิปรายที่ผ่านมาเป็นความคิดเห็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่โดยข้อเท็จจริงญัตติที่คุยอยู่คือการจะถอนร่างกฎหมายหรือไม่ แต่การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนมากลงไปเนื้อหาของร่างกฎหมายเป็นหลักว่ายังไม่มีความพร้อม และยังมีความบกพร่อง ซึ่งเป็นเรื่องของการพิจารณาวาระแรก ฉะนั้น อำนาจของสภาเป็นอำนาจของพวกเราที่อยู่ตรงนี้ที่มีกระบวนการแก้ไขต่างๆได้ • ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไป เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม และให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ได้พิจารณาอีกครั้ง จะช่วยให้ประเทศเดินหน้าได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลของฝ่ายค้านเราก็รับฟังได้ที่แต่ละท่านจะมีเหตุผลของท่าน • “ต่อให้ร่างกฎหมายนี้ลงมติถอนแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างนี้จะออกจากสารบบ เพียงแต่ห้ามยื่นกลับมาในสมัยประชุมเดียวกัน ซึ่งสมัยประชุมหน้าสมาชิกสามารถยื่นสู่สภาได้เช่นเดิม ผมมาด้วยความจริงใจว่าการถอนร่างจะเป็นประโยชน์กับประเทศ และสัมคมมากกว่า ส่วนที่ท่านถามเป็นสิ่งที่ผมตอบไมได้ว่าจะเอากลับมาอีกหรือไม่ เพราะผมไม่มีอำนาจยืนยัน แต่ได้รับมอบมาเรื่องการถอนร่างเท่านั้น วันนี้ก็จะใช้เสียงสภาตัดสินให้ถอนกลับ ครม. แต่ถ้าสภาจะให้เดินหน้าก็ว่ากันในวาระ 1 ต่อไป ผมเชื่อว่า สส.ฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อมทุกกรณี” รมช.คลัง กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000064667 • #Thaitimes #MGROnline #ถอนร่างกาสิโน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts