• Samsung จับมือ Intel – เกมการเมืองระดับโลกในสนามเซมิคอนดักเตอร์

    ในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังกลายเป็นสมรภูมิทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับชาติ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump

    หลังจาก SoftBank ประกาศลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ Samsung ก็ถูกเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทำแบบเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในโครงการโรงงานและการผลิตชิปในประเทศ

    Intel กลายเป็นศูนย์กลางของนโยบาย CHIPS Act ที่รัฐบาล Trump กำลังปรับเปลี่ยนจาก “เงินสนับสนุน” เป็น “การถือหุ้น” โดยมีแผนจะเปลี่ยนเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า $10.9 พันล้านให้กลายเป็นหุ้น 10% ใน Intel ซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Samsung ซึ่งได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ก็อาจถูกเสนอให้แลกเงินนั้นกับการถือหุ้นเช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และยุทธศาสตร์การผลิตของ Samsung ในระดับโลก

    นอกจากนี้ Samsung ยังพิจารณาร่วมมือกับบริษัท Amkor ในด้านการแพ็กเกจชิป ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Samsung เมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีโรงงานแพ็กเกจในสหรัฐฯ แล้ว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล Trump
    Intel ได้รับเงินสนับสนุน $10.9 พันล้านจาก CHIPS Act และอาจถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10%
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแนวทางจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น”
    Samsung พิจารณาร่วมมือกับ Amkor เพื่อเสริมความสามารถด้านการแพ็กเกจชิป
    Samsung มีข้อตกลงผลิตชิป AI ให้ Tesla มูลค่า $16.5 พันล้านในรัฐเท็กซัส
    TSMC ประกาศลงทุนเพิ่ม $100 พันล้านในสหรัฐฯ ผ่านการสนับสนุนจากทำเนียบขาว
    การลงทุนใน Intel ถูกมองว่าเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อนโยบายของรัฐบาล Trump
    Samsung หวังใช้การลงทุนนี้เพื่อเสริมบทบาทในตลาดสหรัฐฯ และลดผลกระทบจากภาษี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถือหุ้นใน TSMC, Micron และ Samsung เช่นเดียวกับ Intel
    การถือหุ้นโดยรัฐเป็นแนวทางที่ใช้ในจีน, เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี Samsung ลงทุน $37 พันล้านในโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ ภายในปี 2030
    SK hynix ก็ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act และอาจถูกเสนอให้แลกเป็นหุ้นเช่นกัน
    การถือหุ้นของรัฐบาลอาจไม่ให้สิทธิ์บริหาร แต่มีผลต่อยุทธศาสตร์และความมั่นคง

    https://wccftech.com/samsung-seeking-to-woo-trump-administration-by-investing-in-intel-after-softbank-says-report/
    🎙️ Samsung จับมือ Intel – เกมการเมืองระดับโลกในสนามเซมิคอนดักเตอร์ ในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังกลายเป็นสมรภูมิทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับชาติ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump หลังจาก SoftBank ประกาศลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ Samsung ก็ถูกเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทำแบบเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในโครงการโรงงานและการผลิตชิปในประเทศ Intel กลายเป็นศูนย์กลางของนโยบาย CHIPS Act ที่รัฐบาล Trump กำลังปรับเปลี่ยนจาก “เงินสนับสนุน” เป็น “การถือหุ้น” โดยมีแผนจะเปลี่ยนเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า $10.9 พันล้านให้กลายเป็นหุ้น 10% ใน Intel ซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Samsung ซึ่งได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ก็อาจถูกเสนอให้แลกเงินนั้นกับการถือหุ้นเช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และยุทธศาสตร์การผลิตของ Samsung ในระดับโลก นอกจากนี้ Samsung ยังพิจารณาร่วมมือกับบริษัท Amkor ในด้านการแพ็กเกจชิป ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Samsung เมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีโรงงานแพ็กเกจในสหรัฐฯ แล้ว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล Trump ➡️ Intel ได้รับเงินสนับสนุน $10.9 พันล้านจาก CHIPS Act และอาจถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10% ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแนวทางจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น” ➡️ Samsung พิจารณาร่วมมือกับ Amkor เพื่อเสริมความสามารถด้านการแพ็กเกจชิป ➡️ Samsung มีข้อตกลงผลิตชิป AI ให้ Tesla มูลค่า $16.5 พันล้านในรัฐเท็กซัส ➡️ TSMC ประกาศลงทุนเพิ่ม $100 พันล้านในสหรัฐฯ ผ่านการสนับสนุนจากทำเนียบขาว ➡️ การลงทุนใน Intel ถูกมองว่าเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อนโยบายของรัฐบาล Trump ➡️ Samsung หวังใช้การลงทุนนี้เพื่อเสริมบทบาทในตลาดสหรัฐฯ และลดผลกระทบจากภาษี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถือหุ้นใน TSMC, Micron และ Samsung เช่นเดียวกับ Intel ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐเป็นแนวทางที่ใช้ในจีน, เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี ➡️ Samsung ลงทุน $37 พันล้านในโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ ภายในปี 2030 ➡️ SK hynix ก็ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act และอาจถูกเสนอให้แลกเป็นหุ้นเช่นกัน ➡️ การถือหุ้นของรัฐบาลอาจไม่ให้สิทธิ์บริหาร แต่มีผลต่อยุทธศาสตร์และความมั่นคง https://wccftech.com/samsung-seeking-to-woo-trump-administration-by-investing-in-intel-after-softbank-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Seeking To Woo Trump Administration By Investing In Intel After Softbank, Says Report
    Samsung is considering investing in Intel to support U.S. chip production after Softbank's $2 billion investment.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เมล็ดพันธ์พิฆาต (2)

    นิทานเร่ืองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 8 : เมล็ดพันธ์พิฆาต (2)
    Green Revolution เป็นศัพท์เทคนิคที่อดีต ผอ. USAID คิดขึ้น เขาบอกว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ดัดแปลงพันธุกรรมเมล็ดพันธ์พืช เพื่อให้โตไว เขานำไปใช้ทดลองกับการปลูกข้าวในอินเดีย เมื่อประมาณปี ค.ศ.1961 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร ข้าวพันธ์ุดังกล่าว ให้ผลผลิตเป็น 10 เท่า ของข้าวพันธ์ุธรรมดา แต่ต้องใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
    คนอินเดียตาโตเห็นแต่ผลผลิต 10 เท่า อินเดียกลายเป็นประเทศส่งข้าวออกสูงอันดับต้นๆ คนขายพันธ์ุข้าวนับเงินเพลิน เพราะพันธ์ุข้าวนี้ต้องซื้อทุกครั้งที่ปลูก อย่าลืมบวกค่าปุ๋ยเคมี ค่ายาฆ่าแมลงด้วย แถมต้องทำระบบชลประทานด้วย ใครเป็นคนมาช่วยคิดช่วยทำ ใครขายเครื่องจักร คงพอนึกกันออก
    ฟิลิปปินส์ได้รับเกียรติเป็นหนูตะเภาตัวต่อมา โดยความอนุเคราะห์ของมูลนิธิ Ford และมูลนิธิ Rockefeller ได้จัดตั้งสถาบัน International Rice Research Institute (IRRI) ดัดแปลงข้าวข้ามสายพันธ์ุ เรียกว่า M 8
    M 8 นี่ก็เหมือนกัน ต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมากมาย แต่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธ์ุธรรมชาติ การใช้ข้าวพันธ์ M 8 ทำให้ฟิลิปปินส์กระโดดเป็นผู้ส่งออกข้าวเป็นครั้งแรก ในประมาณปี ค.ศ.1966 แต่การใช้ยาฆ่าแมลงอย่างแรง ทำให้ปลาและกบหลายพันธ์ุในนาข้าวตายเกลี้ยง
    Argentina เป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ ได้รับเลือกเป็นหนูตะเภา แบบครบวงจร ในปี ค.ศ.1980 การทดลองพืช GMO ถึงขั้นเกือบสมบูรณ์ และนาย Carlos Menem ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นาย Menem แน่นอน เป็นเด็กสร้างของตระกูล Rockefeller เขาเห็นพ้องทุกอย่างที่ ทางวอชิงตันและตระกูล Rockefeller เสนอ ถึงขนาดยอมให้เพื่อนของนาย David Rockefeller ที่อยู่แถววอชิงตัน ร่างแผนเศรษฐกิจประเทศให้ เป็นแผนเศรษฐกิจตามทฤษฎีที่ศึกษากันอยู่ในมหาวิทยาลัย Chicago เช่น การยกเลิกรัฐวิสาหกิจ การยกเลิกกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคต่อทุนเสรี เปิดประตูให้การค้าเสรีเข้าสะดวก
    เอ๊ะ! นี่มันแผนพัฒนาเศรษฐกิจ แผนเปิดเสรี แบบที่สมันน้อยทำเลยนะ คนที่อ่านนิทานจิกโก๋ปากซอยมาแล้ว คงพอจำได้
    Argentina เข้าสู่การปลูกพืช GMO อย่างจริงจัง ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลของตน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 ถึง ค.ศ.2004 หลังจากเปลี่ยนเป็นใช้พืช GMO ไปไม่กี่ปี ชาวไร่ ชาวนา ของ Argentina ก็เริ่มเป็นหนี้ ไม่มีปัญญาใช้หนี้เขาต้องขายหรือถูกยึดไร่นา แล้วต่างชาติก็เข้าไปกว้านซื้อไร่ ซื้อนา ในราคาถูก แสนถูก
    ทั้งหมดเกิดขึ้น ภายใน 10 ปี อ่านนิทานตอนนี้แล้ว ลองนึกถึงเรื่อง ปรส. กันบ้างไหม แม้ไม่ใช่เป็นอุปกรณ์เล่นกลเดียวกัน แต่ฉากเล่นกล มันไม่ต่างกันเท่าไหร่

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เมล็ดพันธ์พิฆาต (2) นิทานเร่ืองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 8 : เมล็ดพันธ์พิฆาต (2) Green Revolution เป็นศัพท์เทคนิคที่อดีต ผอ. USAID คิดขึ้น เขาบอกว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ดัดแปลงพันธุกรรมเมล็ดพันธ์พืช เพื่อให้โตไว เขานำไปใช้ทดลองกับการปลูกข้าวในอินเดีย เมื่อประมาณปี ค.ศ.1961 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร ข้าวพันธ์ุดังกล่าว ให้ผลผลิตเป็น 10 เท่า ของข้าวพันธ์ุธรรมดา แต่ต้องใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง คนอินเดียตาโตเห็นแต่ผลผลิต 10 เท่า อินเดียกลายเป็นประเทศส่งข้าวออกสูงอันดับต้นๆ คนขายพันธ์ุข้าวนับเงินเพลิน เพราะพันธ์ุข้าวนี้ต้องซื้อทุกครั้งที่ปลูก อย่าลืมบวกค่าปุ๋ยเคมี ค่ายาฆ่าแมลงด้วย แถมต้องทำระบบชลประทานด้วย ใครเป็นคนมาช่วยคิดช่วยทำ ใครขายเครื่องจักร คงพอนึกกันออก ฟิลิปปินส์ได้รับเกียรติเป็นหนูตะเภาตัวต่อมา โดยความอนุเคราะห์ของมูลนิธิ Ford และมูลนิธิ Rockefeller ได้จัดตั้งสถาบัน International Rice Research Institute (IRRI) ดัดแปลงข้าวข้ามสายพันธ์ุ เรียกว่า M 8 M 8 นี่ก็เหมือนกัน ต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมากมาย แต่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธ์ุธรรมชาติ การใช้ข้าวพันธ์ M 8 ทำให้ฟิลิปปินส์กระโดดเป็นผู้ส่งออกข้าวเป็นครั้งแรก ในประมาณปี ค.ศ.1966 แต่การใช้ยาฆ่าแมลงอย่างแรง ทำให้ปลาและกบหลายพันธ์ุในนาข้าวตายเกลี้ยง Argentina เป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ ได้รับเลือกเป็นหนูตะเภา แบบครบวงจร ในปี ค.ศ.1980 การทดลองพืช GMO ถึงขั้นเกือบสมบูรณ์ และนาย Carlos Menem ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นาย Menem แน่นอน เป็นเด็กสร้างของตระกูล Rockefeller เขาเห็นพ้องทุกอย่างที่ ทางวอชิงตันและตระกูล Rockefeller เสนอ ถึงขนาดยอมให้เพื่อนของนาย David Rockefeller ที่อยู่แถววอชิงตัน ร่างแผนเศรษฐกิจประเทศให้ เป็นแผนเศรษฐกิจตามทฤษฎีที่ศึกษากันอยู่ในมหาวิทยาลัย Chicago เช่น การยกเลิกรัฐวิสาหกิจ การยกเลิกกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคต่อทุนเสรี เปิดประตูให้การค้าเสรีเข้าสะดวก เอ๊ะ! นี่มันแผนพัฒนาเศรษฐกิจ แผนเปิดเสรี แบบที่สมันน้อยทำเลยนะ คนที่อ่านนิทานจิกโก๋ปากซอยมาแล้ว คงพอจำได้ Argentina เข้าสู่การปลูกพืช GMO อย่างจริงจัง ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลของตน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 ถึง ค.ศ.2004 หลังจากเปลี่ยนเป็นใช้พืช GMO ไปไม่กี่ปี ชาวไร่ ชาวนา ของ Argentina ก็เริ่มเป็นหนี้ ไม่มีปัญญาใช้หนี้เขาต้องขายหรือถูกยึดไร่นา แล้วต่างชาติก็เข้าไปกว้านซื้อไร่ ซื้อนา ในราคาถูก แสนถูก ทั้งหมดเกิดขึ้น ภายใน 10 ปี อ่านนิทานตอนนี้แล้ว ลองนึกถึงเรื่อง ปรส. กันบ้างไหม แม้ไม่ใช่เป็นอุปกรณ์เล่นกลเดียวกัน แต่ฉากเล่นกล มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ

    เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว

    หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง

    แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง

    อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป
    Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน
    แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries
    เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B
    Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป”
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้
    การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์
    มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG
    TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์
    การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน
    Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน
    Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    🎙️ CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป ➡️ Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน ➡️ แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries ➡️ เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B ➡️ Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป” ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ➡️ การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์ ➡️ มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG ➡️ TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์ ➡️ การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน ➡️ Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน ➡️ Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 6 : ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย
    Trilateral Commission เป็นองค์กรส่วนบุคคล เป็นการร่วมตัวของกลุ่มบุคคลในหลาย ๆ วงการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) มีวัตถุประสงค์ที่จะกำหนดยุทธศาสตร์โลก ผ่านเครือข่ายนานาชาติที่เชื่อมโยงกัน ในฐานะคู่ค้าหรือหุ้นส่วนทางการค้า โดยมีตระกูล Rockefeller เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งเมื่อรวมทรัพย์สิน และอิทธิพลทางการเมือง และเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ไม่มีใครจะมีรัศมีและบารมี (เหนือประชาธิปไตย) มาทาบได้
    ความปรารถนาของพวกเขาคือ ต้องการจะสถาปนา สิ่งซึ่ง George H. W Bush เรียกภายหลังว่า การจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ซึ่งมุ่งเน้นที่จะสร้างและขยายความมั่งคั่ง ภายใต้นโยบายเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน หลักเกณฑ์เดียวกัน เสมือนมีรัฐบาลเดียว คือ Global government โดยมี Trilateral Commission เป็นผู้ปูทาง วางรูปแบบกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งต่อมาในยุค ค.ศ.1990 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Globalization” หรือ “โลกาภิวัฒน์”
    พวกเขาบอกว่า ปัจจัยที่จะทำให้อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจครองโลกนั้น จะต้องพร้อมด้วย แก้ว 3 ประการ
    – กองทัพอันเกรียงไกร ที่ไม่มีผู้ใดจะกล้ามาท้าทาย
    – เงินสกุลดอลล่าร์ จะต้องเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรอง
    – การมีอำนาจควบคุมน้ำมันและอาหาร
    ปี ค.ศ.1973 ขณะที่บางซีกของโลกกำลังขาดแคลนอาหาร อเมริกามีอาหารเหลือกิน ประธานาธิบดี Nixon ก็กำลังยืนหน้าเขียวพิงเชือก ถูกกรรมการนับ จากสงครามเวียตนาม ทำท่าจะหลุดจากเชือกลงมากองกับพื้นเสียด้วยซ้ำ
พอดีผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยจัดส่งนาย Henry Kissinger มาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคง
    นาย Kissinger ไม่รอช้า เสนอความเห็นกับนาย Nixon ว่า เราควรจะใช้อาหารเป็นพระเอกในด้านการฑูตนะ ควบคู่กับการแสวงหาน้ำมันไปกับภูมิศาสตร์การเมือง
    อืม! เด็กเรามันใช้ได้จริงๆ นะ ไม่เสียเวลาเลย นาย David รำพึง
    ลืมบอกไปว่าในปี ค.ศ.1950 นาย David Rockefeller เป็นคนไปคัดเลือกตัว นาย Kissinger ตั้งแต่นาย Kissinger ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อให้มาทำงานในโครงการสำคัญของมูลนิธิ Rockefeller
    เริ่มเห็นภาพกันหรือยังท่านผู้อ่านนิทาน นาย Kissinger ตกลงไม่ใช่คนขี้โม้ และไม่ใช่หมอดู แต่เป็นอะไรนะ คนอ่านนิทานตอบได้น่า
    แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อเป็นการสนองนโยบาย (ใครไม่รู้) นาย Kissinger เห็นว่า นโยบายเกี่ยวกับการเกษตรนั้นสำคัญยิ่ง ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการเกษตรเลย เขาเลยนำมากำกับดูแลเอง โดยบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ
    เราต้องใช้อาหารเป็นเครื่องมือสำหรับให้รางวัลเพื่อน และลงโทษศัตรู นโยบายแบบนี้วอชิงตันก็ชอบ นาย David Rockefeller ก็พอใจ มันสมกับเป็นนักการฑูตผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไอ้คนนี้มีเสน่ห์เพราะอำนาจ ! ? !

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 6 : ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย Trilateral Commission เป็นองค์กรส่วนบุคคล เป็นการร่วมตัวของกลุ่มบุคคลในหลาย ๆ วงการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) มีวัตถุประสงค์ที่จะกำหนดยุทธศาสตร์โลก ผ่านเครือข่ายนานาชาติที่เชื่อมโยงกัน ในฐานะคู่ค้าหรือหุ้นส่วนทางการค้า โดยมีตระกูล Rockefeller เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งเมื่อรวมทรัพย์สิน และอิทธิพลทางการเมือง และเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ไม่มีใครจะมีรัศมีและบารมี (เหนือประชาธิปไตย) มาทาบได้ ความปรารถนาของพวกเขาคือ ต้องการจะสถาปนา สิ่งซึ่ง George H. W Bush เรียกภายหลังว่า การจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ซึ่งมุ่งเน้นที่จะสร้างและขยายความมั่งคั่ง ภายใต้นโยบายเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน หลักเกณฑ์เดียวกัน เสมือนมีรัฐบาลเดียว คือ Global government โดยมี Trilateral Commission เป็นผู้ปูทาง วางรูปแบบกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งต่อมาในยุค ค.ศ.1990 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Globalization” หรือ “โลกาภิวัฒน์” พวกเขาบอกว่า ปัจจัยที่จะทำให้อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจครองโลกนั้น จะต้องพร้อมด้วย แก้ว 3 ประการ – กองทัพอันเกรียงไกร ที่ไม่มีผู้ใดจะกล้ามาท้าทาย – เงินสกุลดอลล่าร์ จะต้องเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรอง – การมีอำนาจควบคุมน้ำมันและอาหาร ปี ค.ศ.1973 ขณะที่บางซีกของโลกกำลังขาดแคลนอาหาร อเมริกามีอาหารเหลือกิน ประธานาธิบดี Nixon ก็กำลังยืนหน้าเขียวพิงเชือก ถูกกรรมการนับ จากสงครามเวียตนาม ทำท่าจะหลุดจากเชือกลงมากองกับพื้นเสียด้วยซ้ำ
พอดีผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยจัดส่งนาย Henry Kissinger มาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นาย Kissinger ไม่รอช้า เสนอความเห็นกับนาย Nixon ว่า เราควรจะใช้อาหารเป็นพระเอกในด้านการฑูตนะ ควบคู่กับการแสวงหาน้ำมันไปกับภูมิศาสตร์การเมือง อืม! เด็กเรามันใช้ได้จริงๆ นะ ไม่เสียเวลาเลย นาย David รำพึง ลืมบอกไปว่าในปี ค.ศ.1950 นาย David Rockefeller เป็นคนไปคัดเลือกตัว นาย Kissinger ตั้งแต่นาย Kissinger ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อให้มาทำงานในโครงการสำคัญของมูลนิธิ Rockefeller เริ่มเห็นภาพกันหรือยังท่านผู้อ่านนิทาน นาย Kissinger ตกลงไม่ใช่คนขี้โม้ และไม่ใช่หมอดู แต่เป็นอะไรนะ คนอ่านนิทานตอบได้น่า แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อเป็นการสนองนโยบาย (ใครไม่รู้) นาย Kissinger เห็นว่า นโยบายเกี่ยวกับการเกษตรนั้นสำคัญยิ่ง ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการเกษตรเลย เขาเลยนำมากำกับดูแลเอง โดยบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ เราต้องใช้อาหารเป็นเครื่องมือสำหรับให้รางวัลเพื่อน และลงโทษศัตรู นโยบายแบบนี้วอชิงตันก็ชอบ นาย David Rockefeller ก็พอใจ มันสมกับเป็นนักการฑูตผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไอ้คนนี้มีเสน่ห์เพราะอำนาจ ! ? ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • สหรัฐมุ่งเป้า ล้มล้างการปกครองของมาดูโรในเวเนซูเอลา โดยใช้สงครามปราบยาเสพติดบังหน้า!

    รายงานล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ปราธานาธิบดีสหรัฐ มีคำสั่งส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีขนาดใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 3 ลำ (ประกอบไปด้วย USS Gravely, USS Jason Dunham and the USS Sampson อ้างอิงจากรอยเตอร์) และเรือดำน้ำ 1 ลำ ประจำการนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยอ้างเหตุผลเพื่อปราบแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ระบาดเข้าไปในสหรัฐ

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า วอชิงตันวางแผนการจัดสรรกำลังทหารเพิ่มเติมอีก 4,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ "P-8 Poseidons" เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก และแม้แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ประจำการในภูมิภาคนี้

    แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับสื่อมวลชนล่าสุด โดยระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนและมั่นคงอย่างยิ่ง เขาพร้อมที่จะใช้อำนาจทุกด้านของอเมริกาเพื่อหยุดยั้งการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าสู่ประเทศของเรา และนำตัวผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม

    ระบอบมาดูโรไม่ใช่รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา แต่มันคือแก๊งค้ายาเสพติด เพราะฉะนั้นประธานาธิบดีเชื่อว่ามาดูโรไม่ใช่ผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดที่ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐอเมริกาในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ"



    ทางด้าน นิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา กำลังพิจารณาเรียกระดมกองกำลังกึ่งทหารโบลิวาร์ 4.5 ล้านนาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจาหสหรัฐ





    สหรัฐมุ่งเป้า ล้มล้างการปกครองของมาดูโรในเวเนซูเอลา โดยใช้สงครามปราบยาเสพติดบังหน้า! 👉รายงานล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ปราธานาธิบดีสหรัฐ มีคำสั่งส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีขนาดใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 3 ลำ (ประกอบไปด้วย USS Gravely, USS Jason Dunham and the USS Sampson อ้างอิงจากรอยเตอร์) และเรือดำน้ำ 1 ลำ ประจำการนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยอ้างเหตุผลเพื่อปราบแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ระบาดเข้าไปในสหรัฐ 👉นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า วอชิงตันวางแผนการจัดสรรกำลังทหารเพิ่มเติมอีก 4,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ "P-8 Poseidons" เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก และแม้แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ประจำการในภูมิภาคนี้ 👉แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับสื่อมวลชนล่าสุด โดยระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนและมั่นคงอย่างยิ่ง เขาพร้อมที่จะใช้อำนาจทุกด้านของอเมริกาเพื่อหยุดยั้งการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าสู่ประเทศของเรา และนำตัวผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ระบอบมาดูโรไม่ใช่รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา แต่มันคือแก๊งค้ายาเสพติด เพราะฉะนั้นประธานาธิบดีเชื่อว่ามาดูโรไม่ใช่ผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดที่ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐอเมริกาในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ" 👉ทางด้าน นิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา กำลังพิจารณาเรียกระดมกองกำลังกึ่งทหารโบลิวาร์ 4.5 ล้านนาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจาหสหรัฐ
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • Nvidia B30A – ชิป AI สำหรับจีนที่แรงกว่าเดิม แต่ยังอยู่ในกรอบควบคุมของสหรัฐฯ

    ในโลกที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Nvidia กำลังเดินเกมใหม่เพื่อรักษาตลาดจีน ซึ่งคิดเป็น 13% ของรายได้บริษัท ด้วยการพัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “B30A” ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน โดยยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ

    B30A ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุด และเป็นชิปแบบ “single-die” ซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของรุ่นเรือธง B300 ที่ใช้แบบ “dual-die” แต่ยังแรงกว่า H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Nvidia ได้รับอนุญาตให้ขายในจีนก่อนหน้านี้

    ชิป B30A มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 4TB/s พร้อมเทคโนโลยี NVLink สำหรับเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่ได้ แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่างในจำนวน NVLink ที่อนุญาต

    นอกจากนี้ Nvidia ยังเตรียมเปิดตัว RTX 6000D สำหรับงาน inference ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกจาก RTX 6000 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ควบคุมการส่งออก โดยทั้งสองรุ่นคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าในจีนได้ภายในเดือนกันยายน 2025 หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ

    แนวทางนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้ Nvidia และ AMD จ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ที่ “ลดประสิทธิภาพลง” ประมาณ 30–50%

    ข้อมูลในข่าว
    Nvidia พัฒนา B30A ชิป AI สำหรับตลาดจีน โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell
    B30A เป็นชิปแบบ single-die ที่มีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของ B300
    ประสิทธิภาพของ B30A สูงกว่า H20 และใกล้เคียงกับ H100
    มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์ 4TB/s
    ใช้เทคโนโลยี NVLink สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์
    ออกแบบให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    Nvidia เตรียมส่งมอบตัวอย่าง B30A และ RTX 6000D ให้ลูกค้าในจีนภายในกันยายน 2025
    RTX 6000D เป็นรุ่นลดสเปกสำหรับ inference และกราฟิกระดับมืออาชีพ
    รัฐบาลสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ในจีน หากมีการแบ่งรายได้ 15%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    H20 ถูกพัฒนาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกในปี 2023 แต่ถูกระงับการขายในเมษายน 2025
    B30A ใช้เทคโนโลยี CoWoS-S ซึ่งถูกกว่ารุ่น CoWoS-L ที่ใช้ใน B300
    การออกแบบ single-die ช่วยลดกำลังไฟและเหมาะกับอุปกรณ์ PCIe
    Nvidia ต้องรักษาฐานลูกค้าในจีนเพื่อคง ecosystem ของ CUDA
    Huawei กำลังพัฒนา GPU แข่งกับ Nvidia แม้ยังด้อยในด้านซอฟต์แวร์และแบนด์วิดท์
    การออกแบบชิปเฉพาะตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น อินเดียและรัสเซีย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-could-be-readying-b30a-accelerator-for-chinese-market-new-blackwell-chip-reportedly-beats-h20-and-even-h100-while-complying-with-u-s-export-controls
    🧠 Nvidia B30A – ชิป AI สำหรับจีนที่แรงกว่าเดิม แต่ยังอยู่ในกรอบควบคุมของสหรัฐฯ ในโลกที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Nvidia กำลังเดินเกมใหม่เพื่อรักษาตลาดจีน ซึ่งคิดเป็น 13% ของรายได้บริษัท ด้วยการพัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “B30A” ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน โดยยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ B30A ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุด และเป็นชิปแบบ “single-die” ซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของรุ่นเรือธง B300 ที่ใช้แบบ “dual-die” แต่ยังแรงกว่า H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Nvidia ได้รับอนุญาตให้ขายในจีนก่อนหน้านี้ ชิป B30A มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 4TB/s พร้อมเทคโนโลยี NVLink สำหรับเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่ได้ แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่างในจำนวน NVLink ที่อนุญาต นอกจากนี้ Nvidia ยังเตรียมเปิดตัว RTX 6000D สำหรับงาน inference ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกจาก RTX 6000 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ควบคุมการส่งออก โดยทั้งสองรุ่นคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าในจีนได้ภายในเดือนกันยายน 2025 หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ แนวทางนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้ Nvidia และ AMD จ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ที่ “ลดประสิทธิภาพลง” ประมาณ 30–50% ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Nvidia พัฒนา B30A ชิป AI สำหรับตลาดจีน โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ➡️ B30A เป็นชิปแบบ single-die ที่มีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของ B300 ➡️ ประสิทธิภาพของ B30A สูงกว่า H20 และใกล้เคียงกับ H100 ➡️ มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์ 4TB/s ➡️ ใช้เทคโนโลยี NVLink สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ➡️ ออกแบบให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ➡️ Nvidia เตรียมส่งมอบตัวอย่าง B30A และ RTX 6000D ให้ลูกค้าในจีนภายในกันยายน 2025 ➡️ RTX 6000D เป็นรุ่นลดสเปกสำหรับ inference และกราฟิกระดับมืออาชีพ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ในจีน หากมีการแบ่งรายได้ 15% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ H20 ถูกพัฒนาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกในปี 2023 แต่ถูกระงับการขายในเมษายน 2025 ➡️ B30A ใช้เทคโนโลยี CoWoS-S ซึ่งถูกกว่ารุ่น CoWoS-L ที่ใช้ใน B300 ➡️ การออกแบบ single-die ช่วยลดกำลังไฟและเหมาะกับอุปกรณ์ PCIe ➡️ Nvidia ต้องรักษาฐานลูกค้าในจีนเพื่อคง ecosystem ของ CUDA ➡️ Huawei กำลังพัฒนา GPU แข่งกับ Nvidia แม้ยังด้อยในด้านซอฟต์แวร์และแบนด์วิดท์ ➡️ การออกแบบชิปเฉพาะตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น อินเดียและรัสเซีย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-could-be-readying-b30a-accelerator-for-chinese-market-new-blackwell-chip-reportedly-beats-h20-and-even-h100-while-complying-with-u-s-export-controls
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าใหม่: รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมถือหุ้นในบริษัทชิป – เมื่อเงินภาษีอาจกลายเป็นหุ้นใน Intel, Micron และ TSMC

    ในปี 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick กำลังผลักดันแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน: ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณกว่า $52.7 พันล้าน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเจรจากับ Intel ซึ่งอาจนำไปสู่การถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล แลกกับเงินสนับสนุนที่เคยให้ไปในยุคของประธานาธิบดี Biden และกำลังขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, Samsung และ TSMC

    แม้จะยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการ แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ และลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งอยู่ใกล้จีนเพียง 80 ไมล์

    นอกจากนี้ รัฐบาลยังเคยใช้แนวทางคล้ายกันกับ Nippon Steel โดยถือ “หุ้นทองคำ” เพื่อควบคุมการลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาถือหุ้นในบริษัทชิปที่ได้รับเงินจาก CHIPS Act
    เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งอาจมีการถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล
    ขยายแนวคิดไปยัง Micron, Samsung และ TSMC
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้าน สำหรับสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้าน, Micron $6.2 พันล้าน, TSMC $6.6 พันล้าน
    รัฐบาลเคยใช้แนวทาง “หุ้นทองคำ” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการลงทุน
    Lutnick ระบุว่าแนวคิดนี้จะไม่แทรกแซงการบริหารของบริษัท
    ทรัมป์สนับสนุนแนวคิดนี้เพื่อผลประโยชน์ของชาติและผู้เสียภาษี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Intel เคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิป แต่ปัจจุบันตามหลัง TSMC และ Samsung
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุน
    CHIPS Act ผ่านในยุค Biden เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศหลังวิกฤตโควิด
    การถือหุ้นโดยรัฐเคยเกิดขึ้นในวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น การช่วยเหลือ GM และ AIG
    การถือหุ้นอาจช่วยให้รัฐบาลมีสิทธิ์ตรวจสอบการใช้เงินและการดำเนินงาน
    การผลิตชิปในประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและกลาโหม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/trump-eyes-us-government-stakes-in-other-chip-makers-that-received-chips-act-funds-sources-say
    🏛️ เรื่องเล่าใหม่: รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมถือหุ้นในบริษัทชิป – เมื่อเงินภาษีอาจกลายเป็นหุ้นใน Intel, Micron และ TSMC ในปี 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick กำลังผลักดันแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน: ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณกว่า $52.7 พันล้าน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเจรจากับ Intel ซึ่งอาจนำไปสู่การถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล แลกกับเงินสนับสนุนที่เคยให้ไปในยุคของประธานาธิบดี Biden และกำลังขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, Samsung และ TSMC แม้จะยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการ แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ และลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งอยู่ใกล้จีนเพียง 80 ไมล์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเคยใช้แนวทางคล้ายกันกับ Nippon Steel โดยถือ “หุ้นทองคำ” เพื่อควบคุมการลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาถือหุ้นในบริษัทชิปที่ได้รับเงินจาก CHIPS Act ➡️ เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งอาจมีการถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล ➡️ ขยายแนวคิดไปยัง Micron, Samsung และ TSMC ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้าน สำหรับสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้าน, Micron $6.2 พันล้าน, TSMC $6.6 พันล้าน ➡️ รัฐบาลเคยใช้แนวทาง “หุ้นทองคำ” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการลงทุน ➡️ Lutnick ระบุว่าแนวคิดนี้จะไม่แทรกแซงการบริหารของบริษัท ➡️ ทรัมป์สนับสนุนแนวคิดนี้เพื่อผลประโยชน์ของชาติและผู้เสียภาษี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Intel เคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิป แต่ปัจจุบันตามหลัง TSMC และ Samsung ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุน ➡️ CHIPS Act ผ่านในยุค Biden เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศหลังวิกฤตโควิด ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐเคยเกิดขึ้นในวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น การช่วยเหลือ GM และ AIG ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้รัฐบาลมีสิทธิ์ตรวจสอบการใช้เงินและการดำเนินงาน ➡️ การผลิตชิปในประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและกลาโหม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/trump-eyes-us-government-stakes-in-other-chip-makers-that-received-chips-act-funds-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump eyes US government stakes in other chip makers that received CHIPS Act funds, sources say
    WASHINGTON (Reuters) -U.S. Commerce Secretary Howard Lutnick is looking into the federal government taking equity stakes in computer chip manufacturers that receive CHIPS Act funding to build factories in the country, two sources said.
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน เดินทางเยือนอินเดีย โดยมีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของแดนภารตะ ที่เตรียมเดินทางไปจีนปลายเดือนนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่มหาอำนาจเอเชีย 2 รายนี้มีการเผชิญหน้ากันมายาวนานเป็นปี อีกทั้งเกิดขึ้นขณะที่ทั้งคู่ต่างเผชิญแรงกดดันสงครามภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079157

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน เดินทางเยือนอินเดีย โดยมีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของแดนภารตะ ที่เตรียมเดินทางไปจีนปลายเดือนนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่มหาอำนาจเอเชีย 2 รายนี้มีการเผชิญหน้ากันมายาวนานเป็นปี อีกทั้งเกิดขึ้นขณะที่ทั้งคู่ต่างเผชิญแรงกดดันสงครามภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079157 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (2)
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (2)
    เอ้า ! มารู้จักครอบครัวตัวอย่าง (คนโคตรรวย) กันหน่อย ใครเป็นใคร อ่านตอนหลังจะได้ไม่งง ตระกูล Rockefeller เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเยอรมัน ผู้นำครอบครัว ที่ทำให้ตระกูลเขามีอิทธิพล มีสายตายาวไกลมาก (นักมายากลตัวพ่อ) คือ นาย John Davison Rockefeller Senior สมาชิกตระกูลที่สืบทอด DNA ของคุณป๋าจอห์น ที่สำคัญมี
    – John Davison Rockefeller, Junior
    – David Rockefeller
    – Nelson A. Rockefeller
    – Laurence Rockefeller
    – John Davison Rockefeller III
    เมื่อรวยล้นฟ้าและมีอิทธิพลขนาดนี้ กลุ่มตระกูล Rockefeller จะอยู่เฉยได้ยังไง คนรวยมีเงิน ก็อยากมีอำนาจ สูตรสำเร็จเดิม ๆ จึงมีแนวคิดที่จะควบคุมนโยบายเศรษฐกิจการเมือง ของอเมริกาและแน่นอนถ้าคุมอเมริกาได้ก็คุมโลกได้ เพื่อให้รวยขึ้นและมีอำนาจอยู่ในมือมากขึ้นอย่างประมาณมิได้
    แล้วจะทำกันเฉพาะในครอบครัวมันคงไม่ใหญ่พอมั้ง มันก็ต้องโชว์พาว ว่าแล้วพี่น้องตระกูล Rockefeller ก็ทำการคัดเลือก เฉพาะคนรวยและชนชั้นนำในสังคม จำนวน 300 คน จากเพื่อนและพวกของตนที่มีอิทธิพลสูงในวงการต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่า Trilateral Commission ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1973 เพื่อจะกำหนดทิศทางเดินของโลกเสียใหม่ ตามที่พวกตนต้องการ (ปัจจุบันนี้สมาคมผู้ทรงอิทธิพลมีสมาชิก จากประเทศแถบเอเซียเพิ่มขึ้นด้วย)
    ในจำนวนรายชื่อสมาชิกผู้ก่อตั้ง Trilateral Commission ของ David Rockefeller มีบุคคล เช่น Zbigniew Brzezinski (รายนี้สำคัญ จำกันไว้ให้ดี) และผู้ว่าการรัฐ Georgia คนทำไร่ถั่ว ชื่อ นาย James Earl “Jimmy” Carter (ผู้ซึ่งนาย David Rockefeller สนับสนุนให้เป็นประธานาธิบดี สมัย ค.ศ.1976 แทนนาย Gerald Ford) นาย George H. W Bush (ซึ่งก็ได้เป็นประธานาธิบดี โดยการสนับสนุนของกลุ่มคนรวย แถมยังมีบทบาทที่สำคัญมาก ๆ ต่อมาภายหลังอีกด้วย) Paul Volcker ผู้ซึ่งในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน Federal Reserve นาย Alan Greenspan ซึ่งแม้ตอนนั้นจะเป็นเพียง นักวาณิชย์ธนกิจอยู่แถว Wall Street แต่มีแววโดดเด่นเข้าตากรรมการ รวมทั้งนายพล Alexander Haig, นาย Cyrus Vance และ นาย Ed Muskie (ทั้ง 3 คน ต่อมาได้รับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นายพล Haig ได้เป็นสมัย นาย Ronald Reagan ส่วน 2 คนหลัง เป็นในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter คนหนึ่งเป็นช่วง ค.ศ. 1977 – 1980 อีกคนเป็นต่อ ค.ศ. 1980 – 1981) อืม! เข้าใจเล่นนะ พวกคนรวย
    ตอนนั้นนาย Brzezinski เพิ่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่โดนใจพวก Rockefeller อย่างยิ่ง ชื่อ “Between Two Ages: America’s Role in the Technotronic Era พิมพ์ในปี ค.ศ. 1970
    เขาบอกว่า “สังคมควรจะต้องครอบงำ หรือปกครองโดยบุคคล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) ซึ่งคนพวกนี้ ต้องไม่ลังเล ที่จะทำให้ได้มา ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยใช้เทคนิคใหม่ ๆ ให้มีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมสังคม รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม ย้อมพฤติกรรมสังคม ซึ่งจะเป็นการกำหนดและควบคุมสังคมด้วย”
แม่เจ้าโว้ย ยังกะนั่งเขียนอยู่ในใจของนาย David Rockefeller เลยนะ
    นอกจากนี้ในหนังสือดังกล่าว นาย Brzezinski ยังได้เสนอความคิดว่า น่าจะได้มีการจับมือกันระหว่างบรรษัทและธนาคารที่มีอิทธิพลและเครือข่ายข้าม ชาติ ระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อกำหนดนโยบายการทำธุรกิจร่วมกัน โดยการดำเนินการอย่างเป็นความลับ
    โอ้ย ไอ้หมอนี่ถ้าไม่เอามาใช้เป็นมือขวาก็ต้องมาเป็นมือซ้ายแน่นอน นาย David รำพึง
    แล้วนาย Bazezinski ก็ได้รับเลือกจากนาย David Rockefeller ให้เป็นกรรมการบริหารคนแรกของ Trilateral Commission

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (2) นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (2) เอ้า ! มารู้จักครอบครัวตัวอย่าง (คนโคตรรวย) กันหน่อย ใครเป็นใคร อ่านตอนหลังจะได้ไม่งง ตระกูล Rockefeller เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเยอรมัน ผู้นำครอบครัว ที่ทำให้ตระกูลเขามีอิทธิพล มีสายตายาวไกลมาก (นักมายากลตัวพ่อ) คือ นาย John Davison Rockefeller Senior สมาชิกตระกูลที่สืบทอด DNA ของคุณป๋าจอห์น ที่สำคัญมี – John Davison Rockefeller, Junior – David Rockefeller – Nelson A. Rockefeller – Laurence Rockefeller – John Davison Rockefeller III เมื่อรวยล้นฟ้าและมีอิทธิพลขนาดนี้ กลุ่มตระกูล Rockefeller จะอยู่เฉยได้ยังไง คนรวยมีเงิน ก็อยากมีอำนาจ สูตรสำเร็จเดิม ๆ จึงมีแนวคิดที่จะควบคุมนโยบายเศรษฐกิจการเมือง ของอเมริกาและแน่นอนถ้าคุมอเมริกาได้ก็คุมโลกได้ เพื่อให้รวยขึ้นและมีอำนาจอยู่ในมือมากขึ้นอย่างประมาณมิได้ แล้วจะทำกันเฉพาะในครอบครัวมันคงไม่ใหญ่พอมั้ง มันก็ต้องโชว์พาว ว่าแล้วพี่น้องตระกูล Rockefeller ก็ทำการคัดเลือก เฉพาะคนรวยและชนชั้นนำในสังคม จำนวน 300 คน จากเพื่อนและพวกของตนที่มีอิทธิพลสูงในวงการต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่า Trilateral Commission ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1973 เพื่อจะกำหนดทิศทางเดินของโลกเสียใหม่ ตามที่พวกตนต้องการ (ปัจจุบันนี้สมาคมผู้ทรงอิทธิพลมีสมาชิก จากประเทศแถบเอเซียเพิ่มขึ้นด้วย) ในจำนวนรายชื่อสมาชิกผู้ก่อตั้ง Trilateral Commission ของ David Rockefeller มีบุคคล เช่น Zbigniew Brzezinski (รายนี้สำคัญ จำกันไว้ให้ดี) และผู้ว่าการรัฐ Georgia คนทำไร่ถั่ว ชื่อ นาย James Earl “Jimmy” Carter (ผู้ซึ่งนาย David Rockefeller สนับสนุนให้เป็นประธานาธิบดี สมัย ค.ศ.1976 แทนนาย Gerald Ford) นาย George H. W Bush (ซึ่งก็ได้เป็นประธานาธิบดี โดยการสนับสนุนของกลุ่มคนรวย แถมยังมีบทบาทที่สำคัญมาก ๆ ต่อมาภายหลังอีกด้วย) Paul Volcker ผู้ซึ่งในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน Federal Reserve นาย Alan Greenspan ซึ่งแม้ตอนนั้นจะเป็นเพียง นักวาณิชย์ธนกิจอยู่แถว Wall Street แต่มีแววโดดเด่นเข้าตากรรมการ รวมทั้งนายพล Alexander Haig, นาย Cyrus Vance และ นาย Ed Muskie (ทั้ง 3 คน ต่อมาได้รับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นายพล Haig ได้เป็นสมัย นาย Ronald Reagan ส่วน 2 คนหลัง เป็นในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter คนหนึ่งเป็นช่วง ค.ศ. 1977 – 1980 อีกคนเป็นต่อ ค.ศ. 1980 – 1981) อืม! เข้าใจเล่นนะ พวกคนรวย ตอนนั้นนาย Brzezinski เพิ่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่โดนใจพวก Rockefeller อย่างยิ่ง ชื่อ “Between Two Ages: America’s Role in the Technotronic Era พิมพ์ในปี ค.ศ. 1970 เขาบอกว่า “สังคมควรจะต้องครอบงำ หรือปกครองโดยบุคคล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) ซึ่งคนพวกนี้ ต้องไม่ลังเล ที่จะทำให้ได้มา ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยใช้เทคนิคใหม่ ๆ ให้มีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมสังคม รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม ย้อมพฤติกรรมสังคม ซึ่งจะเป็นการกำหนดและควบคุมสังคมด้วย”
แม่เจ้าโว้ย ยังกะนั่งเขียนอยู่ในใจของนาย David Rockefeller เลยนะ นอกจากนี้ในหนังสือดังกล่าว นาย Brzezinski ยังได้เสนอความคิดว่า น่าจะได้มีการจับมือกันระหว่างบรรษัทและธนาคารที่มีอิทธิพลและเครือข่ายข้าม ชาติ ระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อกำหนดนโยบายการทำธุรกิจร่วมกัน โดยการดำเนินการอย่างเป็นความลับ โอ้ย ไอ้หมอนี่ถ้าไม่เอามาใช้เป็นมือขวาก็ต้องมาเป็นมือซ้ายแน่นอน นาย David รำพึง แล้วนาย Bazezinski ก็ได้รับเลือกจากนาย David Rockefeller ให้เป็นกรรมการบริหารคนแรกของ Trilateral Commission คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี เปิดเผยภายหลังการหารือกับทรัมป์ และผู้นำยุโรปว่า หนึ่งในแผนหลักประกันความมั่นคงสำหรับยูเครคือ สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือด้านทหารมูลค่า 90,000 ล้านดอลลาร์ (2.92 ล้านล้านบาท) ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องบินและระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    เซเลนสกีระบุว่า สหรัฐส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและร่วมเป็นหนึ่งในประเทศผู้ค้ำประกันความมั่นคงของยูเครน ซึ่งเขาเห็นว่าเป็น “ก้าวสำคัญ” แม้การเจรจาสันติภาพยังไม่เข้าใกล้จุดสิ้นสุด

    เซเลนสกียังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยูเครนพร้อมเปิดการเจรจากับรัสเซียใน “ทุกรูปแบบ” โดยประเด็นเรื่องดินแดนจะเป็นการหารือโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมอย่างเป็นทางการ
    เซเลนสกี เปิดเผยภายหลังการหารือกับทรัมป์ และผู้นำยุโรปว่า หนึ่งในแผนหลักประกันความมั่นคงสำหรับยูเครคือ สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือด้านทหารมูลค่า 90,000 ล้านดอลลาร์ (2.92 ล้านล้านบาท) ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องบินและระบบป้องกันภัยทางอากาศ เซเลนสกีระบุว่า สหรัฐส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและร่วมเป็นหนึ่งในประเทศผู้ค้ำประกันความมั่นคงของยูเครน ซึ่งเขาเห็นว่าเป็น “ก้าวสำคัญ” แม้การเจรจาสันติภาพยังไม่เข้าใกล้จุดสิ้นสุด เซเลนสกียังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยูเครนพร้อมเปิดการเจรจากับรัสเซียใน “ทุกรูปแบบ” โดยประเด็นเรื่องดินแดนจะเป็นการหารือโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมอย่างเป็นทางการ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • ปักกิ่งย้ำไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน หลังทรัมป์อ้างว่า ประธานาธิบดีสีรับปากไม่บุกเกาะมังกรน้อยในระหว่างที่ตนยังอยู่ในทำเนียบขาว พร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนยังแนะนำรัฐมนตรีเยอรมนีที่วิจารณ์เรื่องไทเป รวมถึงทะเลจีนใต้และตะวันออก ให้ละเว้นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า และหันมาปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าวแทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000078735

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ปักกิ่งย้ำไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน หลังทรัมป์อ้างว่า ประธานาธิบดีสีรับปากไม่บุกเกาะมังกรน้อยในระหว่างที่ตนยังอยู่ในทำเนียบขาว พร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนยังแนะนำรัฐมนตรีเยอรมนีที่วิจารณ์เรื่องไทเป รวมถึงทะเลจีนใต้และตะวันออก ให้ละเว้นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า และหันมาปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าวแทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000078735 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI โตเร็วกว่าไฟฟ้า: สหรัฐฯ เผชิญวิกฤตพลังงานจากศูนย์ข้อมูล

    ในปี 2025 ความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ พุ่งสูงจนโครงข่ายไฟฟ้าไม่สามารถรองรับได้ทัน โดยเฉพาะศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัทอย่าง Amazon, Google, Meta และ Microsoft ที่ต้องใช้ไฟฟ้าระดับ “กิกะวัตต์” ต่อแห่ง—เทียบเท่าบ้านเรือนหลายล้านหลัง

    รายงานจาก Goldman Sachs และ Gartner ระบุว่า ภายในปี 2027 ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลอาจแตะ 500 เทราวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐฯ ที่สร้างไว้ตั้งแต่ยุค 1970

    ผลกระทบเริ่มเห็นชัดในหลายรัฐ เช่น เท็กซัสและเวอร์จิเนีย ที่ค่าไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น $14–$37 ต่อเดือน และอาจสูงขึ้นอีกเมื่อรวมกับเงินเฟ้อ

    บริษัทเทคโนโลยีจึงเริ่มสร้างโรงไฟฟ้าเอง เช่น Meta ที่ใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสำหรับคลัสเตอร์ AI ขนาดใหญ่ และ Microsoft ที่ฟื้นโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Three Mile Island เพื่อรองรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    หากไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ สหรัฐฯ อาจสูญเสียความเป็นผู้นำด้าน AI เพราะบริษัทอาจย้ายศูนย์ข้อมูลไปต่างประเทศที่มีไฟฟ้าพร้อมใช้มากกว่า

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูล AI พุ่งสูงจนโครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐฯ ติดคอขวด
    บริษัทเทคโนโลยีต้องสร้างโรงไฟฟ้าเอง เช่น Meta และ Microsoft
    ความต้องการไฟฟ้าอาจแตะ 500 TWh ภายในปี 2027
    ค่าไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
    การขอเชื่อมต่อไฟฟ้าแต่ละครั้งสูงถึง 5 GW ต่อศูนย์ข้อมูล
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอ “AI action plan” เพื่อแก้ปัญหาโครงข่ายไฟฟ้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายงานจาก RAND ระบุว่า AI อาจต้องใช้ไฟฟ้าสูงถึง 68 GW ภายในปี 2027
    หากไม่แก้ปัญหา บริษัทอาจย้ายศูนย์ข้อมูลไปต่างประเทศ เสี่ยงต่อความมั่นคง
    ศูนย์ข้อมูลใหม่เริ่มใช้พลังงาน onsite เช่น เซลล์เชื้อเพลิงและพลังงานหมุนเวียน
    Bloom Energy คาดว่า 30% ของศูนย์ข้อมูลในปี 2030 จะใช้พลังงาน onsite เป็นหลัก
    การอนุมัติโครงการไฟฟ้าใหม่ยังติดขั้นตอนราชการและ supply chain
    การสร้างโรงไฟฟ้าใช้เวลาหลายปี แต่การขยายศูนย์ข้อมูลเกิดขึ้นทุกเดือน

    https://wccftech.com/the-us-ai-datacenter-boom-is-so-massive-that-the-nation-power-grid-is-in-a-critical-bottleneck-right-now/
    ⚠️ เมื่อ AI โตเร็วกว่าไฟฟ้า: สหรัฐฯ เผชิญวิกฤตพลังงานจากศูนย์ข้อมูล ในปี 2025 ความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ พุ่งสูงจนโครงข่ายไฟฟ้าไม่สามารถรองรับได้ทัน โดยเฉพาะศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัทอย่าง Amazon, Google, Meta และ Microsoft ที่ต้องใช้ไฟฟ้าระดับ “กิกะวัตต์” ต่อแห่ง—เทียบเท่าบ้านเรือนหลายล้านหลัง รายงานจาก Goldman Sachs และ Gartner ระบุว่า ภายในปี 2027 ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลอาจแตะ 500 เทราวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐฯ ที่สร้างไว้ตั้งแต่ยุค 1970 ผลกระทบเริ่มเห็นชัดในหลายรัฐ เช่น เท็กซัสและเวอร์จิเนีย ที่ค่าไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น $14–$37 ต่อเดือน และอาจสูงขึ้นอีกเมื่อรวมกับเงินเฟ้อ บริษัทเทคโนโลยีจึงเริ่มสร้างโรงไฟฟ้าเอง เช่น Meta ที่ใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสำหรับคลัสเตอร์ AI ขนาดใหญ่ และ Microsoft ที่ฟื้นโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Three Mile Island เพื่อรองรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ หากไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ สหรัฐฯ อาจสูญเสียความเป็นผู้นำด้าน AI เพราะบริษัทอาจย้ายศูนย์ข้อมูลไปต่างประเทศที่มีไฟฟ้าพร้อมใช้มากกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูล AI พุ่งสูงจนโครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐฯ ติดคอขวด ➡️ บริษัทเทคโนโลยีต้องสร้างโรงไฟฟ้าเอง เช่น Meta และ Microsoft ➡️ ความต้องการไฟฟ้าอาจแตะ 500 TWh ภายในปี 2027 ➡️ ค่าไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ การขอเชื่อมต่อไฟฟ้าแต่ละครั้งสูงถึง 5 GW ต่อศูนย์ข้อมูล ➡️ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอ “AI action plan” เพื่อแก้ปัญหาโครงข่ายไฟฟ้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายงานจาก RAND ระบุว่า AI อาจต้องใช้ไฟฟ้าสูงถึง 68 GW ภายในปี 2027 ➡️ หากไม่แก้ปัญหา บริษัทอาจย้ายศูนย์ข้อมูลไปต่างประเทศ เสี่ยงต่อความมั่นคง ➡️ ศูนย์ข้อมูลใหม่เริ่มใช้พลังงาน onsite เช่น เซลล์เชื้อเพลิงและพลังงานหมุนเวียน ➡️ Bloom Energy คาดว่า 30% ของศูนย์ข้อมูลในปี 2030 จะใช้พลังงาน onsite เป็นหลัก ➡️ การอนุมัติโครงการไฟฟ้าใหม่ยังติดขั้นตอนราชการและ supply chain ➡️ การสร้างโรงไฟฟ้าใช้เวลาหลายปี แต่การขยายศูนย์ข้อมูลเกิดขึ้นทุกเดือน https://wccftech.com/the-us-ai-datacenter-boom-is-so-massive-that-the-nation-power-grid-is-in-a-critical-bottleneck-right-now/
    WCCFTECH.COM
    The U.S. AI Datacenter Boom Is So Massive That the Nation’s Power Grid Is In a "Critical Bottleneck" Right Now; Big Tech is Forced to Build Its Power Plants
    While the AI hype is advancing with full force, the industry seems set to face a massive issue due to America's old power grids.
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • พวกผู้นำยุโรปเปิดเผยว่าจะเข้าร่วมกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในความพยายหาทางยุติการรุกรานของรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000078341

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire


    พวกผู้นำยุโรปเปิดเผยว่าจะเข้าร่วมกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในความพยายหาทางยุติการรุกรานของรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000078341 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 518 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1)
    เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก
    หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ
    การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย
    – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว
    – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่
    – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ
    เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา
    เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม
    เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร
    ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!)
    อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1) เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่ – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!) อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 1 : อำนาจทำให้คนมีเสน่ห์ ! ? !
    “Control Oil and you control nations;
control food and you control the people”
    “ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่าง ๆ ได้
ควบคุมอาหารได้ คุณก็ควบคุมประชาชนได้”
    เป็นคำพูดของนาย Henry Kissinger เมื่อช่วง ค.ศ. 1970 พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนทิศทางการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นไปตามที่นาย Kissinger พูด
    เรื่องบังเอิญหรือล็อกเป้า!
    งั้นมาทำความรู้จักนาย Kissinger กันหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นคนขี้โม้ หมอดู หรือคนในรู้จริง
    นาย Kissinger มีชื่อเต็มว่า Henry Alfred Kissinger ตอนเกิดใช้ชื่อว่า Heinz Alfred Kissinger เป็นคนเยอรมัน อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 90 ปี นอกจากยังไม่ตายและยังปากเปราะเหมือนเดิม นาย Kissinger เป็นคนตัวเตี้ย และห่างไกลกับคำว่าเป็นคนหน้าตาดี เขาแต่งงานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 แต่งกับนาง Nancy ผู้หญิงซึ่งตัวสูงกว่าเขาประมาณเกือบ 1 ฟุต เมื่อสมัยที่นาย Kissinger เรืองอำนาจ นาง Nancy เองซึ่งก็ไม่ใช่คนสวยอะไร จะมีรูปปรากฎอยู่ในนิตยสาร Vogue นานาชาติอยู่เสมอ นิตยสารนี้ นอกจากจะมีแต่รูปนางแบบระดับโลกแล้ว ผู้ที่จะได้มีภาพลงในหนังสือนี้ ก็จะต้องเป็นบุคคลที่สมัยนี้เรียกว่า Celeb คนดังว่างั้นเถอะ ตัวผัวก็ไม่หล่อ คนเป็นเมียก็ไม่สวย แต่ทั้งคู่ดังระเบิด แถมตัวผัวยังมีข่าวเสมอทางด้านส่วนตัวว่าเป็นชายเจ้าชู้ ไม่เร่ขายชาติ แต่ชอบทำลายชาติคนอื่นมากกว่า !
    เมื่อนักข่าวถามว่า ได้ข่าวว่าท่านเจ้าชู้ มีสาวควงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ท่านทำได้อย่างไรนะ ในเมื่อ ขอโทษ ท่านก็ไม่ใช่คนหล่อ นาย Kissinger ตอบว่า “อำนาจก็ทำให้คนมีเสน่ห์ได้นะ” ฮา
    นาย Kissinger มีอำนาจอย่างไร ถึงทำให้สาวๆ ยอมให้ควงบ่อยๆ แต่จะถึงขนาดจัดส่งขึ้นเครื่องบินไปร่วมร้องเพลงแก้เหงา หรือเปล่ารายงานข่าวไม่ได้บอก
    นาย Kissinger เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศ และต่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงต่างประเทศ ในสมัยประธานาธิบดี Richard Nixon และเป็นต่อมาจนถึงสมัยประธานาธิบดี Gerald Ford พูดง่ายๆ เป็นคนสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเมืองของอเมริกาและแน่นอนของโลกด้วยในช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977
    ผลงานของนาย Kissinger ที่เด่นๆ ที่ประกาศอย่างเปิดเผยลงใน Google คือ การคลี่คลาย (detente) สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต การเริ่มสร้างสัมพันธ์กับจีน และเริ่มขบวนการเจรจาสันติภาพที่ปารีส ซึ่งเป็นผลให้ยุติสงครามเวียตนาม (ที่อเมริกาเป็นผู้ริเริ่มนั่นแหละ !) ผลงานนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1973 คู่กับคู่กัด คือ นาย Le Duc Tho จากเวียตนามเหนือ แต่นาย Le Duc Tho ปฏิเสธที่จะรับรางวัล เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปฏิเสธรางวัล Nobel (เยี่ยม !)
    เป็นการให้รางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แห่งความอื้อฉาว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากสัญญาสันติภาพของจริงกว่าจะได้ลงนาม ในปี ค.ศ. 1975 แต่ผู้เจรจาได้รับรางวัลล่วงหน้า เหมือนล็อตเตอรี่ยังไม่ออก แต่ประกาศแล้วว่าใครถูกรางวัลที่ 1 (เอ้า ตบมือให้ลูกน้องนักเล่นกลกันหน่อย)
    แต่ผลงานของนาย Kissinger ที่ไม่ได้เปิดเผย แต่อยากเล่าให้ฟังคือ “National Security Study Memorandum 200” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า NSSM 200 ซึ่งได้จัดทำขึ้น ภายใต้การกำกับและอำนวยการสร้างโดยนาย Kissinger เอง สำเร็จเป็นเอกสารหนาเกือบ 200 หน้า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1974
    เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรลึกลับซับซ้อนอะไรหนักหนา ถึงขนาดตีตราครั่งว่าจะเปิดเผยได้ โดยคำสั่งของ White House เท่านั้น เก็บแอบซ่อนไว้ 15 ปี สภาความมั่นคงของอเมริกาก็เพิ่งเอามาเปิดให้อ่านกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1989

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ” ตอนที่ 1 : อำนาจทำให้คนมีเสน่ห์ ! ? ! “Control Oil and you control nations;
control food and you control the people” “ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่าง ๆ ได้
ควบคุมอาหารได้ คุณก็ควบคุมประชาชนได้” เป็นคำพูดของนาย Henry Kissinger เมื่อช่วง ค.ศ. 1970 พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนทิศทางการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นไปตามที่นาย Kissinger พูด เรื่องบังเอิญหรือล็อกเป้า! งั้นมาทำความรู้จักนาย Kissinger กันหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นคนขี้โม้ หมอดู หรือคนในรู้จริง นาย Kissinger มีชื่อเต็มว่า Henry Alfred Kissinger ตอนเกิดใช้ชื่อว่า Heinz Alfred Kissinger เป็นคนเยอรมัน อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 90 ปี นอกจากยังไม่ตายและยังปากเปราะเหมือนเดิม นาย Kissinger เป็นคนตัวเตี้ย และห่างไกลกับคำว่าเป็นคนหน้าตาดี เขาแต่งงานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 แต่งกับนาง Nancy ผู้หญิงซึ่งตัวสูงกว่าเขาประมาณเกือบ 1 ฟุต เมื่อสมัยที่นาย Kissinger เรืองอำนาจ นาง Nancy เองซึ่งก็ไม่ใช่คนสวยอะไร จะมีรูปปรากฎอยู่ในนิตยสาร Vogue นานาชาติอยู่เสมอ นิตยสารนี้ นอกจากจะมีแต่รูปนางแบบระดับโลกแล้ว ผู้ที่จะได้มีภาพลงในหนังสือนี้ ก็จะต้องเป็นบุคคลที่สมัยนี้เรียกว่า Celeb คนดังว่างั้นเถอะ ตัวผัวก็ไม่หล่อ คนเป็นเมียก็ไม่สวย แต่ทั้งคู่ดังระเบิด แถมตัวผัวยังมีข่าวเสมอทางด้านส่วนตัวว่าเป็นชายเจ้าชู้ ไม่เร่ขายชาติ แต่ชอบทำลายชาติคนอื่นมากกว่า ! เมื่อนักข่าวถามว่า ได้ข่าวว่าท่านเจ้าชู้ มีสาวควงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ท่านทำได้อย่างไรนะ ในเมื่อ ขอโทษ ท่านก็ไม่ใช่คนหล่อ นาย Kissinger ตอบว่า “อำนาจก็ทำให้คนมีเสน่ห์ได้นะ” ฮา นาย Kissinger มีอำนาจอย่างไร ถึงทำให้สาวๆ ยอมให้ควงบ่อยๆ แต่จะถึงขนาดจัดส่งขึ้นเครื่องบินไปร่วมร้องเพลงแก้เหงา หรือเปล่ารายงานข่าวไม่ได้บอก นาย Kissinger เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศ และต่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงต่างประเทศ ในสมัยประธานาธิบดี Richard Nixon และเป็นต่อมาจนถึงสมัยประธานาธิบดี Gerald Ford พูดง่ายๆ เป็นคนสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเมืองของอเมริกาและแน่นอนของโลกด้วยในช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977 ผลงานของนาย Kissinger ที่เด่นๆ ที่ประกาศอย่างเปิดเผยลงใน Google คือ การคลี่คลาย (detente) สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต การเริ่มสร้างสัมพันธ์กับจีน และเริ่มขบวนการเจรจาสันติภาพที่ปารีส ซึ่งเป็นผลให้ยุติสงครามเวียตนาม (ที่อเมริกาเป็นผู้ริเริ่มนั่นแหละ !) ผลงานนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1973 คู่กับคู่กัด คือ นาย Le Duc Tho จากเวียตนามเหนือ แต่นาย Le Duc Tho ปฏิเสธที่จะรับรางวัล เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปฏิเสธรางวัล Nobel (เยี่ยม !) เป็นการให้รางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แห่งความอื้อฉาว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากสัญญาสันติภาพของจริงกว่าจะได้ลงนาม ในปี ค.ศ. 1975 แต่ผู้เจรจาได้รับรางวัลล่วงหน้า เหมือนล็อตเตอรี่ยังไม่ออก แต่ประกาศแล้วว่าใครถูกรางวัลที่ 1 (เอ้า ตบมือให้ลูกน้องนักเล่นกลกันหน่อย) แต่ผลงานของนาย Kissinger ที่ไม่ได้เปิดเผย แต่อยากเล่าให้ฟังคือ “National Security Study Memorandum 200” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า NSSM 200 ซึ่งได้จัดทำขึ้น ภายใต้การกำกับและอำนวยการสร้างโดยนาย Kissinger เอง สำเร็จเป็นเอกสารหนาเกือบ 200 หน้า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1974 เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรลึกลับซับซ้อนอะไรหนักหนา ถึงขนาดตีตราครั่งว่าจะเปิดเผยได้ โดยคำสั่งของ White House เท่านั้น เก็บแอบซ่อนไว้ 15 ปี สภาความมั่นคงของอเมริกาก็เพิ่งเอามาเปิดให้อ่านกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1989 คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • เล่าให้ฟังใหม่: Intel เปิดตัวแคมเปญ “USAI” — เมื่อชิปกลายเป็นเรื่องของความมั่นคงชาติ

    Intel กำลังผลักดันแคมเปญใหม่ชื่อว่า “USAI” (United States Artificial Intelligence) เพื่อแสดงจุดยืนว่าเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตชิปขั้นสูงบนแผ่นดินอเมริกา โดยเน้นความรักชาติ ความมั่นคง และความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในภาคพลเรือนและทหาร

    แคมเปญนี้เกิดขึ้นหลังจากซีอีโอคนใหม่ Lip-Bu Tan ถูกตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับบริษัทจีน ซึ่งสร้างความกังวลด้านความมั่นคง Intel จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ โดยเฉพาะในยุคที่ TSMC และ Samsung ครองตลาดชิปขั้นสูง

    Intel ยังประกาศความร่วมมือกับ EdgeRunner AI เพื่อพัฒนา “AI agents” สำหรับกองทัพสหรัฐฯ โดยใช้ชิปที่ทำงานแบบ air-gapped (ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

    แม้จะมีความพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ แต่ Intel ยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการล้าหลังด้านเทคโนโลยี การสูญเสียบุคลากรสำคัญ และความไม่มั่นใจจากพนักงานภายในองค์กร

    Intel เปิดตัวแคมเปญ “USAI” เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ
    เน้นการผลิตชิปขั้นสูงบนแผ่นดินอเมริกา

    ซีอีโอ Lip-Bu Tan ถูกตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับบริษัทจีน
    พบกับประธานาธิบดี Trump เพื่อเคลียร์ข้อสงสัย

    Intel ร่วมมือกับ EdgeRunner AI พัฒนา AI agents สำหรับกองทัพ
    ใช้ชิปแบบ air-gapped เพื่อความปลอดภัย

    Intel ระบุว่าเป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ผลิตชิปขั้นสูงเอง
    ต่างจากบริษัทอื่นที่พึ่งพาโรงงานในต่างประเทศ

    แคมเปญ USAI มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่หลังถูก TSMC แซงหน้า
    หวังดึงความเชื่อมั่นจากรัฐบาลและตลาด

    https://wccftech.com/intel-unveils-usai-narrative-emphasizing-its-patriotic-mission/
    🇺🇸🔧 เล่าให้ฟังใหม่: Intel เปิดตัวแคมเปญ “USAI” — เมื่อชิปกลายเป็นเรื่องของความมั่นคงชาติ Intel กำลังผลักดันแคมเปญใหม่ชื่อว่า “USAI” (United States Artificial Intelligence) เพื่อแสดงจุดยืนว่าเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตชิปขั้นสูงบนแผ่นดินอเมริกา โดยเน้นความรักชาติ ความมั่นคง และความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในภาคพลเรือนและทหาร แคมเปญนี้เกิดขึ้นหลังจากซีอีโอคนใหม่ Lip-Bu Tan ถูกตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับบริษัทจีน ซึ่งสร้างความกังวลด้านความมั่นคง Intel จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ โดยเฉพาะในยุคที่ TSMC และ Samsung ครองตลาดชิปขั้นสูง Intel ยังประกาศความร่วมมือกับ EdgeRunner AI เพื่อพัฒนา “AI agents” สำหรับกองทัพสหรัฐฯ โดยใช้ชิปที่ทำงานแบบ air-gapped (ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด แม้จะมีความพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ แต่ Intel ยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการล้าหลังด้านเทคโนโลยี การสูญเสียบุคลากรสำคัญ และความไม่มั่นใจจากพนักงานภายในองค์กร ✅ Intel เปิดตัวแคมเปญ “USAI” เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ ➡️ เน้นการผลิตชิปขั้นสูงบนแผ่นดินอเมริกา ✅ ซีอีโอ Lip-Bu Tan ถูกตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับบริษัทจีน ➡️ พบกับประธานาธิบดี Trump เพื่อเคลียร์ข้อสงสัย ✅ Intel ร่วมมือกับ EdgeRunner AI พัฒนา AI agents สำหรับกองทัพ ➡️ ใช้ชิปแบบ air-gapped เพื่อความปลอดภัย ✅ Intel ระบุว่าเป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ผลิตชิปขั้นสูงเอง ➡️ ต่างจากบริษัทอื่นที่พึ่งพาโรงงานในต่างประเทศ ✅ แคมเปญ USAI มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่หลังถูก TSMC แซงหน้า ➡️ หวังดึงความเชื่อมั่นจากรัฐบาลและตลาด https://wccftech.com/intel-unveils-usai-narrative-emphasizing-its-patriotic-mission/
    WCCFTECH.COM
    Intel Unveils ‘USAI’ Narrative, Emphasizing Its Patriotic Mission and Positioning Team Blue as America’s Sole Option for Advanced Chip Manufacturing
    Intel is now in the pursuit of showcasing its commitment to US manufacturing, especially after the recent political situation.
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • ทัพรัสเซียบุกได้อย่างรวดเร็วในแนวรบทางภาคตะวันออกยูเครน โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลชี้ว่าพวกเขาสามารถเข้ายึดพื้นที่ภายในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่าที่ทำได้ในช่วงใดๆ ใน 1 ปี ความเคลื่อนไหวเช่นนี้มีขึ้นก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน ที่รัฐอะแลสกา ซึ่งทำให้เซเลนสกี้พ้อว่า ประมุขทำเนียบขาวส่งเทียบเชิญประมุขเครมลินหารือบนแผ่นดินอเมริกาเช่นนี้ เท่ากับเป็นชัยชนะส่วนตัวของประธานาธิบดีแดนหมีขาว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077037

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ทัพรัสเซียบุกได้อย่างรวดเร็วในแนวรบทางภาคตะวันออกยูเครน โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลชี้ว่าพวกเขาสามารถเข้ายึดพื้นที่ภายในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่าที่ทำได้ในช่วงใดๆ ใน 1 ปี ความเคลื่อนไหวเช่นนี้มีขึ้นก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน ที่รัฐอะแลสกา ซึ่งทำให้เซเลนสกี้พ้อว่า ประมุขทำเนียบขาวส่งเทียบเชิญประมุขเครมลินหารือบนแผ่นดินอเมริกาเช่นนี้ เท่ากับเป็นชัยชนะส่วนตัวของประธานาธิบดีแดนหมีขาว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077037 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 691 Views 0 Reviews
  • GENIUS Act: เมื่อ Stablecoin กลายเป็นเรื่องจริงจัง และธนาคารก็อยากออกเหรียญเอง

    หลังจากหลายปีที่สหรัฐฯ ลังเลกับคริปโต ในเดือนกรกฎาคม 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดกรอบการกำกับดูแล Stablecoin อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ

    Stablecoin คือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับเงินดอลลาร์แบบ 1:1 และถูกใช้เพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ โดยเฉพาะในการโอนเงินข้ามประเทศ ซึ่งเดิมทีถูกมองว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์

    แต่ GENIUS Act ได้เปลี่ยนภาพนั้น โดยเปิดทางให้ธนาคารและบริษัทเอกชนสามารถออก Stablecoin ได้อย่างถูกกฎหมาย หากผ่านการตรวจสอบด้าน KYC และ AML อย่างเข้มงวด

    ธนาคารใหญ่ เช่น Bank of America และ Citigroup เริ่มเตรียมออกเหรียญของตัวเอง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยี เช่น Walmart, Amazon และ Stripe ก็กำลังพิจารณาใช้ Stablecoin เพื่อการชำระเงินและการจัดการภายในองค์กร

    แม้จะมีกรอบกฎหมายแล้ว แต่การอนุมัติยังต้องใช้เวลา และบริษัทต้องพิสูจน์ว่าเหรียญของตนมีวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า หรือใช้ภายในระบบการเงินขององค์กร

    GENIUS Act เป็นกฎหมายฉบับแรกของสหรัฐฯ ที่กำกับดูแล Stablecoin
    ลงนามโดยประธานาธิบดี Trump เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025

    ธนาคารและบริษัทเอกชนสามารถออก Stablecoin ได้ หากผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML
    ธนาคารมีข้อได้เปรียบเพราะมีระบบเหล่านี้อยู่แล้ว

    บริษัทเทคโนโลยี เช่น Walmart และ Amazon กำลังพิจารณาออกเหรียญของตัวเอง
    เพื่อใช้ในการชำระเงินหรือจัดการภายในองค์กร

    Stablecoin ต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน
    เช่น ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า หรือเพื่อการชำระเงินแบบรวดเร็ว

    GENIUS Act ระบุว่า Stablecoin ที่ออกบนบล็อกเชนแบบเปิดไม่สามารถถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ
    เป็นการสนับสนุนการใช้ Ethereum และเครือข่าย permissionless

    ธนาคารต้องปรับการคำนวณสภาพคล่อง หากถือ Stablecoin บนงบดุล
    เพราะแม้จะผูกกับดอลลาร์ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการล่มของเหรียญ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/stablecoins-gain-critical-mass-after-genius-act-cements-rules-banks-and-companies-rush-to-register-new-coins
    💵🔗 GENIUS Act: เมื่อ Stablecoin กลายเป็นเรื่องจริงจัง และธนาคารก็อยากออกเหรียญเอง หลังจากหลายปีที่สหรัฐฯ ลังเลกับคริปโต ในเดือนกรกฎาคม 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดกรอบการกำกับดูแล Stablecoin อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ Stablecoin คือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับเงินดอลลาร์แบบ 1:1 และถูกใช้เพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ โดยเฉพาะในการโอนเงินข้ามประเทศ ซึ่งเดิมทีถูกมองว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์ แต่ GENIUS Act ได้เปลี่ยนภาพนั้น โดยเปิดทางให้ธนาคารและบริษัทเอกชนสามารถออก Stablecoin ได้อย่างถูกกฎหมาย หากผ่านการตรวจสอบด้าน KYC และ AML อย่างเข้มงวด ธนาคารใหญ่ เช่น Bank of America และ Citigroup เริ่มเตรียมออกเหรียญของตัวเอง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยี เช่น Walmart, Amazon และ Stripe ก็กำลังพิจารณาใช้ Stablecoin เพื่อการชำระเงินและการจัดการภายในองค์กร แม้จะมีกรอบกฎหมายแล้ว แต่การอนุมัติยังต้องใช้เวลา และบริษัทต้องพิสูจน์ว่าเหรียญของตนมีวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า หรือใช้ภายในระบบการเงินขององค์กร ✅ GENIUS Act เป็นกฎหมายฉบับแรกของสหรัฐฯ ที่กำกับดูแล Stablecoin ➡️ ลงนามโดยประธานาธิบดี Trump เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ✅ ธนาคารและบริษัทเอกชนสามารถออก Stablecoin ได้ หากผ่านการตรวจสอบ KYC และ AML ➡️ ธนาคารมีข้อได้เปรียบเพราะมีระบบเหล่านี้อยู่แล้ว ✅ บริษัทเทคโนโลยี เช่น Walmart และ Amazon กำลังพิจารณาออกเหรียญของตัวเอง ➡️ เพื่อใช้ในการชำระเงินหรือจัดการภายในองค์กร ✅ Stablecoin ต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน ➡️ เช่น ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า หรือเพื่อการชำระเงินแบบรวดเร็ว ✅ GENIUS Act ระบุว่า Stablecoin ที่ออกบนบล็อกเชนแบบเปิดไม่สามารถถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ➡️ เป็นการสนับสนุนการใช้ Ethereum และเครือข่าย permissionless ✅ ธนาคารต้องปรับการคำนวณสภาพคล่อง หากถือ Stablecoin บนงบดุล ➡️ เพราะแม้จะผูกกับดอลลาร์ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการล่มของเหรียญ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/stablecoins-gain-critical-mass-after-genius-act-cements-rules-banks-and-companies-rush-to-register-new-coins
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Stablecoins gain critical mass after GENIUS Act cements rules — banks and companies rush to register new coins
    Though full adoption may take years as more regulation is required to outline how they will be used.
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี ประกาศยืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการหารือระหว่าปูตินและทรัมป์ในวันศุกร์นี้ที่อลาสกา ว่าจะไม่ยอมยกภูมิภาคดอนบาสให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงหยุดยิง โดยเซเลนสกีมีกำหนดการที่จะพูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่ทรัมป์จะเจอกับปูติน

    ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซีย ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในช่วงฤดูร้อน และได้บุกจู่โจมสายฟ้าแลบใกล้เมืองโดโบรปิลลิยา (Dobropillia) ทางตะวันออกของยูเครน และรุกคืบได้ 10 กิโลเมตร ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี ยอมรับว่า การรุกคืบเกิดขึ้นในหลายจุด แต่ย้ำว่าเคียฟจะทำลายหน่วยรบที่เกี่ยวข้องได้ในไม่ช้านี้
    เซเลนสกี ประกาศยืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการหารือระหว่าปูตินและทรัมป์ในวันศุกร์นี้ที่อลาสกา ว่าจะไม่ยอมยกภูมิภาคดอนบาสให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงหยุดยิง โดยเซเลนสกีมีกำหนดการที่จะพูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่ทรัมป์จะเจอกับปูติน ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซีย ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในช่วงฤดูร้อน และได้บุกจู่โจมสายฟ้าแลบใกล้เมืองโดโบรปิลลิยา (Dobropillia) ทางตะวันออกของยูเครน และรุกคืบได้ 10 กิโลเมตร ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี ยอมรับว่า การรุกคืบเกิดขึ้นในหลายจุด แต่ย้ำว่าเคียฟจะทำลายหน่วยรบที่เกี่ยวข้องได้ในไม่ช้านี้
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน บอกกับผู้นำบราซิล ทั้ง 2 ชาติสามารถเป็นต้นแบบของ "การพึ่งพาตนเอง" สำหรับมหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่ ท่ามกลางความท้าทายด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เลื่อนรีดภาษีปักกิ่งออกไป 90 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076630

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน บอกกับผู้นำบราซิล ทั้ง 2 ชาติสามารถเป็นต้นแบบของ "การพึ่งพาตนเอง" สำหรับมหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่ ท่ามกลางความท้าทายด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เลื่อนรีดภาษีปักกิ่งออกไป 90 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076630 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 696 Views 0 Reviews
  • #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย.
    #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย.


    รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ
    รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!!

    เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง
    และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย
    บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้
    เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…”

    ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State"
    จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น
    เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

    ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี
    ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร
    และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่

    พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome
    ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก)
    และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati
    ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด
    ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT,
    ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ
    และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง,
    ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป
    และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร
    คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street,
    Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase
    บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก
    และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock
    ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก
    และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น
    อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น
    พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง!

    ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต
    ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย
    พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor
    ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ

    ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
    การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์
    นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต
    ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง"
    หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง
    แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา
    การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ
    เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ



    พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา
    พวกเขา มีคนดังมากมาย
    พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล
    พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ
    พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง
    พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน
    พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด
    พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง
    พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street
    พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา
    พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ
    พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา
    พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา
    พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ
    พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง
    พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา
    พวกเขา มีเงินมากกว่า
    พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ
    พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย
    พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล
    พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
    พวกเขา ควบคุม Google
    พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ
    พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง
    พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี
    อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา
    พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์

    พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้

    #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย. #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย. รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!! เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้ เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…” ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State" จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่ พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก) และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT, ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง, ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street, Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง! ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์ นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง" หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา พวกเขา มีคนดังมากมาย พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา พวกเขา มีเงินมากกว่า พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ พวกเขา ควบคุม Google พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์ พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้
    0 Comments 0 Shares 301 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(11ส.ค.) ประจำการทหารและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง เข้าควบคุมอาชญากรรมรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ในความพยายามตอกย้ำคำอวดอ้างว่าตนเองในฐานะประธานาธิบดีผู้รักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยปฏิบัติการปราบปรามที่เขาบ่งชี้ว่าอาจมีการขยายขอบเขตสู่เมืองหลักอื่นๆของอเมริกาด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076367

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(11ส.ค.) ประจำการทหารและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง เข้าควบคุมอาชญากรรมรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ในความพยายามตอกย้ำคำอวดอ้างว่าตนเองในฐานะประธานาธิบดีผู้รักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยปฏิบัติการปราบปรามที่เขาบ่งชี้ว่าอาจมีการขยายขอบเขตสู่เมืองหลักอื่นๆของอเมริกาด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076367 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 794 Views 0 Reviews
  • มีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(11ส.ค.) ได้ลงนามในคำสั่งเลื่อนกรอบเวลากลับมากำหนดเพดานภาษีสูงลิ่วเล่นงานสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งมีกำหนดหมดอายุลง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076354

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    มีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(11ส.ค.) ได้ลงนามในคำสั่งเลื่อนกรอบเวลากลับมากำหนดเพดานภาษีสูงลิ่วเล่นงานสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งมีกำหนดหมดอายุลง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076354 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 758 Views 0 Reviews
  • น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
    ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง

    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต
    ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐

    ==============

    ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก

    ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

    แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย

    แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม

    ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น

    แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี

    บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่

    แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย

    เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ

    นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ

    ข้อมูลจาก
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐ ============== ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่ แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ ข้อมูลจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
More Results