• #รอบสนามยามว่าง#
    ..วันนึงเดินผ่านร้าน บ. ท่าพระจันทร์ เห็นลุงคนนึง ถอดพระสร้อยแสตนเลส พร้อมกล่องพระอีก 3_4 กล่อง...มาจะเสนอขาย...เราก็หยุดดู...เผือมีอะไรเข้าตา แล้วจบกันไม่ได้..จะได้สวมต่อเลย....
    ...ท้งหมดคือ พระไพรีพินาศ วัดบวร สมเด็จพระสังฆราช...ลุงแกบอกเก็บมา 30 ปีแล้ว...พระดี พิธีใหญ่ โน่นนี่สารพัด..เปิด องค์ละ 15000 ขายยกหมดเลย...น่าจะมีหลายสิบองค์
    พนักงานร้านก็เปิดกล่องแรก...แล้วก็ผลักออก...แล้วก็ถามลุงว่า แบบนี้ทุกกล่องเลยไหม? ...ลุงตอบว่า ใช่ และโอ้อวดคุณวิเศษต่อ....พนักงานก็ตอบว่า แบบนี้ไม่รับครับ....
    ...ตาลุง ขึ้นเสียง เฮ้ย...พระผมแท้นะ รับจากวัดตรงๆ เก็บมา 30 ปี.......
    ...พนักงานร้าน..ใช่ครับ ..พระดี พิธีดี...แต่เขาเล่นกันหลักร้อย....ลุงขายไหมละ....ถ้าขายจะข่วยซื้อไว้แบ่งเด็กๆ พวกๆ กัน เอาไป live ....ลุงหงุดหงิด...อะไรวะ พระ 30 ปี พิธีดี สมเด็จพระสังฆราช ราคาแบบนี้...ไม่ขายหรอก .....
    .....จบ...
    #ภาพประกอบพระของผู้เขียนเอง# รับจากวัดแท้ๆ เหมือนกัน...
    #รอบสนามยามว่าง# ..วันนึงเดินผ่านร้าน บ. ท่าพระจันทร์ เห็นลุงคนนึง ถอดพระสร้อยแสตนเลส พร้อมกล่องพระอีก 3_4 กล่อง...มาจะเสนอขาย...เราก็หยุดดู...เผือมีอะไรเข้าตา แล้วจบกันไม่ได้..จะได้สวมต่อเลย.... ...ท้งหมดคือ พระไพรีพินาศ วัดบวร สมเด็จพระสังฆราช...ลุงแกบอกเก็บมา 30 ปีแล้ว...พระดี พิธีใหญ่ โน่นนี่สารพัด..เปิด องค์ละ 15000 ขายยกหมดเลย...น่าจะมีหลายสิบองค์ พนักงานร้านก็เปิดกล่องแรก...แล้วก็ผลักออก...แล้วก็ถามลุงว่า แบบนี้ทุกกล่องเลยไหม? ...ลุงตอบว่า ใช่ และโอ้อวดคุณวิเศษต่อ....พนักงานก็ตอบว่า แบบนี้ไม่รับครับ.... ...ตาลุง ขึ้นเสียง เฮ้ย...พระผมแท้นะ รับจากวัดตรงๆ เก็บมา 30 ปี....... ...พนักงานร้าน..ใช่ครับ ..พระดี พิธีดี...แต่เขาเล่นกันหลักร้อย....ลุงขายไหมละ....ถ้าขายจะข่วยซื้อไว้แบ่งเด็กๆ พวกๆ กัน เอาไป live ....ลุงหงุดหงิด...อะไรวะ พระ 30 ปี พิธีดี สมเด็จพระสังฆราช ราคาแบบนี้...ไม่ขายหรอก ..... .....จบ... #ภาพประกอบพระของผู้เขียนเอง# รับจากวัดแท้ๆ เหมือนกัน...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์-แฮร์ริส ตระเวนปราศรัยตามรัฐสมรภูมิ ในวันสุดท้ายของการหาเสียงศึกชิงทำเนียบขาวที่เต็มไปด้วยดรามา ตั้งแต่การที่ทรัมป์ถูกตัดสินทำผิดอุกฉกรรจ์และถูกลอบสังหารสองครั้งสองหน จนถึงการที่ประธานาธิบดีในตำแหน่งอย่างไบเดนถูกกดดันจนต้องถอนตัวจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ แฮร์ริส เน้นชูประเด็นสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง ขณะที่ทรัมป์ยังปลุกกระแสว่าถูกโกงเลือกตั้งครั้งที่แล้วและอาจถูกโกงอีกในคราวนี้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความมั่นใจว่า ตนเองจะเป็นผู้ชนะ
    .
    รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต วางแผนใช้เวลาทั้งวันจันทร์ (4 พ.ย.) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) 19 เสียง มากที่สุดในบรรดา 7 รัฐซึ่งเรียกกันว่าเป็นรัฐสมรภูมิ ที่หมายถึงรัฐที่ยังไม่มีความแน่นอนชัดเจนว่าจะโหวตให้ผู้สมัครคนไหน และดังนั้นจึงกลายเป็นตัวตัดสินทำให้ผู้ชนะมีโอกาสได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งจนเกินครึ่งหนึ่ง หรือ 270 คะแนนจากทั้งประเทศ 538 คะแนน ที่จะเป็นตัวชี้ขาดว่าผู้สมัครคนไหนจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
    .
    สำหรับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกันนั้น มีกำหนดตระเวนหาเสียงใน 3 รัฐสมรภูมิ ได้แก่ นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า มีคนอเมริกันราว 77 ล้านคนแล้วที่ไปลงคะแนนล่วงหน้า แต่แฮร์ริสและทรัมป์ยังคงพยายามผลักดันผู้สนับสนุนอีกหลายล้านคนไปใช้สิทธิในวันอังคาร (5 ) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งสิ้น
    .
    กล่าวคือหากทรัมป์ชนะจะทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกฟ้องร้องและถูกศาลตัดสินว่าทำผิดอุกฉกรรจ์ในคดีอาญาจากกรณีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่าในนิวยอร์ก โดยที่การได้กลับสู่ทำเนียบขาวจะทำให้เขามีอำนาจในการยุติการสอบสวนตนเองอีกหลายคดี นอกจากนั้นทรัมป์ยังจะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งสองสมัยติดกัน โดยคนก่อนหน้านี้คือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
    .
    ส่วนแฮร์ริสจะได้เป็นประธานาธิบดีหญิงผิวดำที่มีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกของอเมริกา
    .
    แฮร์ริสจับพลัดจับผลูได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงศึกชิงทำเนียบขาวครั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน โชว์ผลงานการดีเบตสุดเลวร้ายเมื่อเดือนมิถุนายนจนถูกกดดันหนักและตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง
    .
    ทางฝั่งทรัมป์รอดหวุดหวิดจากการถูกลอบยิงระหว่างหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ต่อมาในเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่กรมกิจการลับก็สกัดความพยายามลอบสังหารครั้งที่ 2 โดยมือปืนคนหนึ่งที่แอบซุ่มเตรียมปืนไรเฟิลในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งของทรัมป์ในฟลอริดาขณะที่เจ้าตัวกำลังตีกอล์ฟ
    .
    ในส่วนการหาเสียงนั้น แฮร์ริสประกาศตัวเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย โดยเน้นย้ำการสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง หลังจากศาลสูงสุดได้ตัดสินยกเลิกสิทธิในการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2022 เธอยังตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดเกี่ยวกับบทบาทของทรัมป์ในเหตุการณ์ม็อบบุกโจมตีอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. 2021
    .
    รองประธานาธิบดีผู้นี้ยังโจมตีทรัมป์ว่า เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย และไม่นานมานี้ถึงขั้นเรียกทรัมป์ว่า เป็นพวกเผด็จการฟาสซิสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองวันสุดท้ายของการหาเสียง แฮร์ริสแทบจะหยุดโจมตีทรัมป์โดยสิ้นเชิง และหันมาให้สัญญาว่า จะแก้ไขปัญหาต่างๆ และหาทางประนีประนอม
    .
    ด้านทรัมป์ปัดฝุ่นสโลแกนยอดฮิตของตัวเอง “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” และ “อเมริกาต้องมาก่อน” รวมทั้งยังประกาศจุดยืนแข็งกร้าวในประเด็นคนเข้าเมือง พร้อมโจมตีเดโมแครตเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และให้คำมั่นฟื้นยุคทองทางเศรษฐกิจ ยุติวิกฤตการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และปิดพรมแดนทางใต้ของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งที่ทรัมป์ออกนอกสคริปต์ไปคร่ำครวญเรื่องที่ตัวเองถูกฟ้องหลังจากพยายามล้มล้างชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดนเมื่อปี 2020 และด้อยค่าอเมริกาว่าเป็น “ประเทศที่ล้มเหลว”
    .
    ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ทรัมป์กล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานอีกครั้งว่า ระบบการเลือกตั้งของอเมริกากำลังคดโกงตัวเขา และบอกว่า ไม่น่ายอมขนของออกจากทำเนียบขาวหลังการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก่อนโอ้อวดว่า ครั้งนี้จะชนะถล่มทลายจนโกงไม่ได้
    .
    เรื่องที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีมีแนวโน้มชี้ขาดกันในการโหวตที่ 7 รัฐสมรภูมินั้น สามารถสาวย้อนกลับไปในปี 2016 ซึ่งทรัมป์ชนะได้เป็นประธานาธิบดี ภายหลังมีชัยในรัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน แต่ในปี 2020 เมื่อเขาเสียทั้ง 3 รัฐนี้ให้ไบเดน เขาก็ตกเป็นฝ่ายแพ้ ทั้งนี้อีก 4 รัฐสมรภูมิที่เหลือ ได้แก่ นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย แอริโซนา และเนวาดา
    .
    ทรัมป์นั้นเคยชนะในนอร์ทแคโรไลนา 2 ครั้ง และแพ้ในเนวาดา 2 ครั้ง เขาชนะในแอริโซนาและจอร์เจียในปี 2016 แต่แพ้ไบเดนในอีก 4 ปีต่อมา
    .
    ทางด้านทีมหาเสียงของแฮร์ริสแสดงความมั่นใจในระยะไม่กี่วันหลังๆ นี้ โดยชี้ไปที่ข้อมูลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งผู้ออกเสียงหญิงมาใช้สิทธิในจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงกว่าผู้ออกเสียงชายค่อนข้างมาก ตลอดจนผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจมีความโน้มเอียงเลือกแฮร์ริส กระนั้น บรรดาผู้ช่วยของเธออยากให้มองว่า แฮร์ริสยังคงเป็นมวยรอง
    .
    ส่วนทีมหาเสียงของทรัมป์แสดงความมั่นใจไม่แพ้กัน โดยอ้างว่า แนวทางประชานิยมของทรัมป์สามารถดึงดูดหนุ่มสาวและชนชั้นแรงงานจากทุกชาติพันธุ์และสีผิว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106360
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์-แฮร์ริส ตระเวนปราศรัยตามรัฐสมรภูมิ ในวันสุดท้ายของการหาเสียงศึกชิงทำเนียบขาวที่เต็มไปด้วยดรามา ตั้งแต่การที่ทรัมป์ถูกตัดสินทำผิดอุกฉกรรจ์และถูกลอบสังหารสองครั้งสองหน จนถึงการที่ประธานาธิบดีในตำแหน่งอย่างไบเดนถูกกดดันจนต้องถอนตัวจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ แฮร์ริส เน้นชูประเด็นสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง ขณะที่ทรัมป์ยังปลุกกระแสว่าถูกโกงเลือกตั้งครั้งที่แล้วและอาจถูกโกงอีกในคราวนี้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความมั่นใจว่า ตนเองจะเป็นผู้ชนะ . รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต วางแผนใช้เวลาทั้งวันจันทร์ (4 พ.ย.) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) 19 เสียง มากที่สุดในบรรดา 7 รัฐซึ่งเรียกกันว่าเป็นรัฐสมรภูมิ ที่หมายถึงรัฐที่ยังไม่มีความแน่นอนชัดเจนว่าจะโหวตให้ผู้สมัครคนไหน และดังนั้นจึงกลายเป็นตัวตัดสินทำให้ผู้ชนะมีโอกาสได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งจนเกินครึ่งหนึ่ง หรือ 270 คะแนนจากทั้งประเทศ 538 คะแนน ที่จะเป็นตัวชี้ขาดว่าผู้สมัครคนไหนจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป . สำหรับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกันนั้น มีกำหนดตระเวนหาเสียงใน 3 รัฐสมรภูมิ ได้แก่ นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน . รายงานข่าวระบุว่า มีคนอเมริกันราว 77 ล้านคนแล้วที่ไปลงคะแนนล่วงหน้า แต่แฮร์ริสและทรัมป์ยังคงพยายามผลักดันผู้สนับสนุนอีกหลายล้านคนไปใช้สิทธิในวันอังคาร (5 ) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งสิ้น . กล่าวคือหากทรัมป์ชนะจะทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกฟ้องร้องและถูกศาลตัดสินว่าทำผิดอุกฉกรรจ์ในคดีอาญาจากกรณีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่าในนิวยอร์ก โดยที่การได้กลับสู่ทำเนียบขาวจะทำให้เขามีอำนาจในการยุติการสอบสวนตนเองอีกหลายคดี นอกจากนั้นทรัมป์ยังจะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งสองสมัยติดกัน โดยคนก่อนหน้านี้คือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 . ส่วนแฮร์ริสจะได้เป็นประธานาธิบดีหญิงผิวดำที่มีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกของอเมริกา . แฮร์ริสจับพลัดจับผลูได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงศึกชิงทำเนียบขาวครั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน โชว์ผลงานการดีเบตสุดเลวร้ายเมื่อเดือนมิถุนายนจนถูกกดดันหนักและตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง . ทางฝั่งทรัมป์รอดหวุดหวิดจากการถูกลอบยิงระหว่างหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ต่อมาในเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่กรมกิจการลับก็สกัดความพยายามลอบสังหารครั้งที่ 2 โดยมือปืนคนหนึ่งที่แอบซุ่มเตรียมปืนไรเฟิลในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งของทรัมป์ในฟลอริดาขณะที่เจ้าตัวกำลังตีกอล์ฟ . ในส่วนการหาเสียงนั้น แฮร์ริสประกาศตัวเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย โดยเน้นย้ำการสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง หลังจากศาลสูงสุดได้ตัดสินยกเลิกสิทธิในการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2022 เธอยังตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดเกี่ยวกับบทบาทของทรัมป์ในเหตุการณ์ม็อบบุกโจมตีอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. 2021 . รองประธานาธิบดีผู้นี้ยังโจมตีทรัมป์ว่า เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย และไม่นานมานี้ถึงขั้นเรียกทรัมป์ว่า เป็นพวกเผด็จการฟาสซิสต์ . อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองวันสุดท้ายของการหาเสียง แฮร์ริสแทบจะหยุดโจมตีทรัมป์โดยสิ้นเชิง และหันมาให้สัญญาว่า จะแก้ไขปัญหาต่างๆ และหาทางประนีประนอม . ด้านทรัมป์ปัดฝุ่นสโลแกนยอดฮิตของตัวเอง “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” และ “อเมริกาต้องมาก่อน” รวมทั้งยังประกาศจุดยืนแข็งกร้าวในประเด็นคนเข้าเมือง พร้อมโจมตีเดโมแครตเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และให้คำมั่นฟื้นยุคทองทางเศรษฐกิจ ยุติวิกฤตการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และปิดพรมแดนทางใต้ของอเมริกา . อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งที่ทรัมป์ออกนอกสคริปต์ไปคร่ำครวญเรื่องที่ตัวเองถูกฟ้องหลังจากพยายามล้มล้างชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดนเมื่อปี 2020 และด้อยค่าอเมริกาว่าเป็น “ประเทศที่ล้มเหลว” . ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ทรัมป์กล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานอีกครั้งว่า ระบบการเลือกตั้งของอเมริกากำลังคดโกงตัวเขา และบอกว่า ไม่น่ายอมขนของออกจากทำเนียบขาวหลังการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก่อนโอ้อวดว่า ครั้งนี้จะชนะถล่มทลายจนโกงไม่ได้ . เรื่องที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีมีแนวโน้มชี้ขาดกันในการโหวตที่ 7 รัฐสมรภูมินั้น สามารถสาวย้อนกลับไปในปี 2016 ซึ่งทรัมป์ชนะได้เป็นประธานาธิบดี ภายหลังมีชัยในรัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน แต่ในปี 2020 เมื่อเขาเสียทั้ง 3 รัฐนี้ให้ไบเดน เขาก็ตกเป็นฝ่ายแพ้ ทั้งนี้อีก 4 รัฐสมรภูมิที่เหลือ ได้แก่ นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย แอริโซนา และเนวาดา . ทรัมป์นั้นเคยชนะในนอร์ทแคโรไลนา 2 ครั้ง และแพ้ในเนวาดา 2 ครั้ง เขาชนะในแอริโซนาและจอร์เจียในปี 2016 แต่แพ้ไบเดนในอีก 4 ปีต่อมา . ทางด้านทีมหาเสียงของแฮร์ริสแสดงความมั่นใจในระยะไม่กี่วันหลังๆ นี้ โดยชี้ไปที่ข้อมูลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งผู้ออกเสียงหญิงมาใช้สิทธิในจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงกว่าผู้ออกเสียงชายค่อนข้างมาก ตลอดจนผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจมีความโน้มเอียงเลือกแฮร์ริส กระนั้น บรรดาผู้ช่วยของเธออยากให้มองว่า แฮร์ริสยังคงเป็นมวยรอง . ส่วนทีมหาเสียงของทรัมป์แสดงความมั่นใจไม่แพ้กัน โดยอ้างว่า แนวทางประชานิยมของทรัมป์สามารถดึงดูดหนุ่มสาวและชนชั้นแรงงานจากทุกชาติพันธุ์และสีผิว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106360 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1021 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์ บอสพอล ป่วยด้วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ(หลงตัวเอง)
    เรียกว่า โรคNPD=Narcissiest Personality Disorder

    บอสพอล เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ยอมรับในผู้อื่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมต่อต้านสังคม เช่น การโอ้อวด การเรียกร้องความสนใจ การไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการบังคับผู้อื่นให้ทำตามสิ่งที่ตนต้องการ

    บอสพอล ไม่มีความรู้สึกผิด และไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้กระทำ ซึ่งเรียกกันว่า ไซโคพาธ (Psycohopath) เป็น คนหลงตัวเองอย่างสุดโต่งมักอาศัยพฤติกรรม เช่น การโกหก การข่มขู่ การด้อยค่า การให้ร้าย การควบคุมทางจิตใจ หรือแม้กระทั่งการทำร้ายร่างกายผู้อื่น เพื่อให้ตนได้เป็นจุดศูนย์กลาง และอยู่เหนือผู้อื่น

    โดยสังเกตได้จากวิธีการ ของ บอสพอล ที่ กระทำต่อเหยื่อ
    1. Controlling / Manipulate มีวิธีพูดควบคุม ครอบงำ ทำให้เหยื่อคล้อยตามความคิด
    2. Devalue คือ ด้อยค่าเหยื่อ ทำให้เหยื่อไม่มั่นใจในตัวเอง จึงต้องพึ่งพา
    3. Blaimming เมื่อเกิดปัญหา จะเข้าใจว่าตนเองไม่ผิด และโยนความผิดให้เหยื่อโทษตัวเอง
    วิเคราะห์ บอสพอล ป่วยด้วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ(หลงตัวเอง) เรียกว่า โรคNPD=Narcissiest Personality Disorder บอสพอล เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ยอมรับในผู้อื่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมต่อต้านสังคม เช่น การโอ้อวด การเรียกร้องความสนใจ การไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการบังคับผู้อื่นให้ทำตามสิ่งที่ตนต้องการ บอสพอล ไม่มีความรู้สึกผิด และไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้กระทำ ซึ่งเรียกกันว่า ไซโคพาธ (Psycohopath) เป็น คนหลงตัวเองอย่างสุดโต่งมักอาศัยพฤติกรรม เช่น การโกหก การข่มขู่ การด้อยค่า การให้ร้าย การควบคุมทางจิตใจ หรือแม้กระทั่งการทำร้ายร่างกายผู้อื่น เพื่อให้ตนได้เป็นจุดศูนย์กลาง และอยู่เหนือผู้อื่น โดยสังเกตได้จากวิธีการ ของ บอสพอล ที่ กระทำต่อเหยื่อ 1. Controlling / Manipulate มีวิธีพูดควบคุม ครอบงำ ทำให้เหยื่อคล้อยตามความคิด 2. Devalue คือ ด้อยค่าเหยื่อ ทำให้เหยื่อไม่มั่นใจในตัวเอง จึงต้องพึ่งพา 3. Blaimming เมื่อเกิดปัญหา จะเข้าใจว่าตนเองไม่ผิด และโยนความผิดให้เหยื่อโทษตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆

    อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜
    .
    #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ

    ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪

    • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม
    • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน
    • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต

    ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม .......

    ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ

    “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive"
    .
    #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X

    " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........
    ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว"
    หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆
    .
    🚀🚀🚀🚀

    🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂

    • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน

    • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้
    .
    🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล

    • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ
    • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก”
    • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim

    🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก.
    .
    🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน

    #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก

    ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆
    .
    #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน

    ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส
    • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์

    #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์

    ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁
    .
    📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆
    .
    ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆•••
    • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม.

    • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้

    • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

    • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก

    ...............................................................................
    🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล

    🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน
    .
    คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY
    https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences

    https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon#

    https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War


    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆 อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜 . #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪ • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม ....... ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive" . #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........ ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว" หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆 . 🚀🚀🚀🚀 🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂 • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ . 🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก” • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim 🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก. . 🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆 . #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์ ◉ #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์ ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁 . 📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆 . ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆••• • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม. • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้ • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ............................................................................... 🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล 🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน . คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106 https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon# https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War Noraseth Tuntasiri
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆

    อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜
    .
    #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ

    ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪

    • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม
    • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน
    • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต

    ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม .......

    ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ

    “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive"
    .
    #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X

    " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........
    ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว"
    หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆
    .
    🚀🚀🚀🚀

    🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂

    • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน

    • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้
    .
    🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล

    • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ
    • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก”
    • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim

    🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก.
    .
    🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน

    #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก

    ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆
    .
    #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน

    ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส
    • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์

    #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์

    ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁
    .
    📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆
    .
    ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆•••
    • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม.

    • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้

    • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

    • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก

    ...............................................................................
    🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล

    🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน
    .
    คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY
    https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences

    https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon#

    https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War


    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆 อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜 . #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪ • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม ....... ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive" . #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........ ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว" หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆 . 🚀🚀🚀🚀 🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂 • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ . 🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก” • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim 🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก. . 🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆 . #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์ ◉ #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์ ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁 . 📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆 . ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆••• • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม. • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้ • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ............................................................................... 🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล 🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน . คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106 https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon# https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War Noraseth Tuntasiri
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠

    🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯

    ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว

    บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ

    โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก

    การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก

    แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย

    หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี

    ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย

    ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ

    เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย

    จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี

    การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง

    เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย

    รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย

    คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน

    อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก

    🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯

    ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ

    อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม

    ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา

    เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น

    คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย

    นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน

    นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน

    แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง

    ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น

    อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา

    เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต

    บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น

    แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น

    เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง

    โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย

    ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา

    เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป

    แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป

    ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม

    ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠 🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯 ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก 🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯 ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอไว้อาลัยแด่ไอ่พวกโอ้อวดประกาศชัยชนะ ตั้งแต่ยังไม่ถึงวันลงคะแนน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ขอไว้อาลัยแด่ไอ่พวกโอ้อวดประกาศชัยชนะ ตั้งแต่ยังไม่ถึงวันลงคะแนน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 144 0 รีวิว
  • ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว

    นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น

    บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้

    1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์

    2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น

    3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad)

    4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm

    5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง

    6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา

    7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย

    ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

    #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้ 1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์ 2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น 3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) 4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm 5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง 6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา 7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1015 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ่ายค้านห่านอะไรเปลี่ยน "การอภิปราย" ให้เป็น"วาทกรรม Expo" โม้โอ้อวดถ้อยคำ หลักฐานปากเปล่า
    ประชาชนเหม็นขี้ฟันมรึงชิไห #คิงส์โพธิ์แดง
    ฝ่ายค้านห่านอะไรเปลี่ยน "การอภิปราย" ให้เป็น"วาทกรรม Expo" โม้โอ้อวดถ้อยคำ หลักฐานปากเปล่า ประชาชนเหม็นขี้ฟันมรึงชิไห #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายได้ตลอด 1 สัปดาห์ คือ 2.3 ล้านบาท โรงฉาย 150 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรงต่อ1สัปดาห์ คือ 15,333 บาท แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันคือ 2,142 บาท และหนึ่งวันมีฉาย 2 รอบ ดังนั้น รายได้เฉลี่ยต่อรอบคือ 1,071 บาท นะคับนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #โอ้อวด
    #ย้อนแย้ง
    #ว่าว
    รายได้ตลอด 1 สัปดาห์ คือ 2.3 ล้านบาท โรงฉาย 150 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรงต่อ1สัปดาห์ คือ 15,333 บาท แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันคือ 2,142 บาท และหนึ่งวันมีฉาย 2 รอบ ดังนั้น รายได้เฉลี่ยต่อรอบคือ 1,071 บาท นะคับนะ #คิงส์โพธิ์แดง #โอ้อวด #ย้อนแย้ง #ว่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังกล้าโอ้อวด ว่าไปพบกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น แถมบรรยายให้ร้าย มาตรา 112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ลูกเกด
    #ญี่ปุ่น
    ยังกล้าโอ้อวด ว่าไปพบกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น แถมบรรยายให้ร้าย มาตรา 112 #คิงส์โพธิ์แดง #ลูกเกด #ญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว