• พริกแห้งป่นละเอียด สม่ำเสมอ ไม่ติดขัด! ด้วย "เครื่องบดอาหาร เบอร์ 42" จาก ย. ยงฮะเฮง!
    เคยไหมที่อยากได้พริกป่นคุณภาพดี บดเองสดใหม่ แต่เครื่องบดไม่ตอบโจทย์? วันนี้เรามีวิดีโอสาธิตการทำงานสุดเจ๋งของ เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 สเตนเลส Bonny ที่จะทำให้คุณทึ่งในประสิทธิภาพ!

    ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปดูการบดพริกแห้งคั่วด้วยเครื่องบดเบอร์ 42 ที่ให้ผลลัพธ์ละเอียดถึง 4.5 มม. เนื้อพริกป่นที่ได้ สวยงาม ละเอียดสม่ำเสมอ น่าใช้สุดๆ! บอกเลยว่างานบดพริกของคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ!

    ข้อมูลเครื่องบดอาหาร เบอร์ 42 สแตนเลส
    กำลังมอเตอร์: 5 แรงม้า (HP)
    แรงดันไฟฟ้า: 380 โวลต์ (V) / ระบบไฟ 3 เฟส + สายดิน 1 เส้น
    ขนาดเครื่อง (กว้างxยาวxสูง): 1095 x 535 x 955 มม.
    กำลังการผลิต: 300 - 500 กิโลกรัม/ชั่วโมง (KG/H)
    การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนด้วยสายพาน 3 เส้น และทดด้วยโซ่ 2 เส้น

    คุณสมบัติเด่น:
    มีกล่องกันน้ำป้องกันระบบแม่เหล็กคอนแทคเตอร์ (มอเตอร์ไม่โอเวอร์โหลด)
    ปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน: ปุ่มกดหยุดฉุกเฉิน, ปุ่มเดินหน้า-ถอยหลัง
    ได้มาตรฐาน GMP: ออกแบบมาเพื่อสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดง่าย ตอบโจทย์มาตรฐานโรงงาน
    ดูแลรักษาง่าย: มีอะไหล่ภายในหลากหลายรูปแบบ รองรับการใช้งานและบำรุงรักษา
    ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร หรือต้องการเครื่องบดคุณภาพเยี่ยมไว้ใช้งาน เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 คือคำตอบของคุณ!

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    สนใจสินค้าเครื่องไหน? เข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ!
    เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรสำหรับอาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน ทั้งเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ

    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    วันเสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/1SDJGYWvwkPy7CAJA

    ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้หลายช่องทาง!
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชทเลย! Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดพริกแห้ง #พริกป่น #เครื่องบดสเตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดขนาดใหญ่ #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดผัก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดอาหารเบอร์42 #ยยงฮะเฮง #BONNY #ธุรกิจอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตพริกป่น #วัตถุดิบอาหาร #เครื่องเทศ #เครื่องจักรคุณภาพ #ทำอาหารง่ายๆ #ครัวร้านอาหาร #ผู้ประกอบการอาหาร #การผลิตอาหาร #บดละเอียด #เครื่องบดกำลังสูง
    🌶️✨ พริกแห้งป่นละเอียด สม่ำเสมอ ไม่ติดขัด! ด้วย "เครื่องบดอาหาร เบอร์ 42" จาก ย. ยงฮะเฮง! ✨🌶️ เคยไหมที่อยากได้พริกป่นคุณภาพดี บดเองสดใหม่ แต่เครื่องบดไม่ตอบโจทย์? วันนี้เรามีวิดีโอสาธิตการทำงานสุดเจ๋งของ เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 สเตนเลส Bonny ที่จะทำให้คุณทึ่งในประสิทธิภาพ! ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปดูการบดพริกแห้งคั่วด้วยเครื่องบดเบอร์ 42 ที่ให้ผลลัพธ์ละเอียดถึง 4.5 มม. เนื้อพริกป่นที่ได้ สวยงาม ละเอียดสม่ำเสมอ น่าใช้สุดๆ! บอกเลยว่างานบดพริกของคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ! ข้อมูลเครื่องบดอาหาร เบอร์ 42 สแตนเลส 📍 กำลังมอเตอร์: 5 แรงม้า (HP) 📍 แรงดันไฟฟ้า: 380 โวลต์ (V) / ระบบไฟ 3 เฟส + สายดิน 1 เส้น 📍 ขนาดเครื่อง (กว้างxยาวxสูง): 1095 x 535 x 955 มม. 📍 กำลังการผลิต: 300 - 500 กิโลกรัม/ชั่วโมง (KG/H) 📍 การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนด้วยสายพาน 3 เส้น และทดด้วยโซ่ 2 เส้น คุณสมบัติเด่น: 📍 มีกล่องกันน้ำป้องกันระบบแม่เหล็กคอนแทคเตอร์ (มอเตอร์ไม่โอเวอร์โหลด) 📍 ปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน: ปุ่มกดหยุดฉุกเฉิน, ปุ่มเดินหน้า-ถอยหลัง 📍 ได้มาตรฐาน GMP: ออกแบบมาเพื่อสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดง่าย ตอบโจทย์มาตรฐานโรงงาน 📍 ดูแลรักษาง่าย: มีอะไหล่ภายในหลากหลายรูปแบบ รองรับการใช้งานและบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร หรือต้องการเครื่องบดคุณภาพเยี่ยมไว้ใช้งาน เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 คือคำตอบของคุณ! #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY 📍 สนใจสินค้าเครื่องไหน? เข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ! เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรสำหรับอาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน ทั้งเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. วันเสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/1SDJGYWvwkPy7CAJA 📞 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้หลายช่องทาง! โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชทเลย! Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดพริกแห้ง #พริกป่น #เครื่องบดสเตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดขนาดใหญ่ #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดผัก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดอาหารเบอร์42 #ยยงฮะเฮง #BONNY #ธุรกิจอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตพริกป่น #วัตถุดิบอาหาร #เครื่องเทศ #เครื่องจักรคุณภาพ #ทำอาหารง่ายๆ #ครัวร้านอาหาร #ผู้ประกอบการอาหาร #การผลิตอาหาร #บดละเอียด #เครื่องบดกำลังสูง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด!

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20
    ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ!

    ไม่ว่าจะเป็น:
    #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด
    #รากไม้ หรือ #พริกไทย
    #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ
    #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย
    เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด!

    เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม!

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!
    รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย!

    ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ!

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย:
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่:
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
    วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น.

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    ✨ หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด! ✨ ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20 ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็น: ✅ #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด ✅ #รากไม้ หรือ #พริกไทย ✅ #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ ✅ #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย ✅ เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด! เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม! 📦 พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! 🛠️ รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย! ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ! สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย: 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📧 E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่: 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติที่มาของ "เส้นทางสายไหม" (Silk Road)

    เส้นทางสายไหมคือเครือข่ายเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เชื่อมระหว่าง จีน กับ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง จนถึงยุโรป โดยเริ่มต้นราว ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช ในยุคราชวงศ์ฮั่น

    จุดประสงค์หลักคือการ แลกเปลี่ยนสินค้า เช่น
    * ผ้าไหมจีน (ที่เป็นที่มาของชื่อ “Silk Road”)
    * เครื่องเทศ
    * หยก
    * เครื่องปั้นดินเผา
    * ผลิตภัณฑ์จากตะวันตก เช่น ทองคำ แก้วไวน์ และอัญมณี

    นอกจากการค้า ยังเป็นเส้นทางของ
    * การแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม
    * ศาสนา (เช่น พุทธศาสนาเผยแพร่สู่จีนจากอินเดียผ่านเส้นนี้)
    * เทคโนโลยี และแนวคิดต่างๆ

    เส้นทางนี้ไม่ใช่เพียงสายเดียว แต่เป็นเครือข่ายที่ผ่านเมืองสำคัญอย่าง
    * หลานโจว (จุดเริ่มต้นในจีน)
    * จางเย่ (จุดสำคัญของกองคาราวาน)
    * ตุนหวง (เมืองโอเอซิสริมทะเลทรายที่มีถ้ำโม่เกาคู่กับพระพุทธศาสนา)
    * ถูหลู่ฟาน และ อูรุมฉี (ใจกลางซินเจียงที่เชื่อมต่อเอเชียกลาง)

    ปัจจุบัน “เส้นทางสายไหม” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในโครงการ Belt and Road Initiative ของจีน ที่รื้อฟื้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

    #เส้นทางสายไหม #ประวัติศาสตร์จีน #SilkRoad #วัฒนธรรมเอเชีย #เมืองโบราณจีน #BeltAndRoadInitiative


    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🧭 ประวัติที่มาของ "เส้นทางสายไหม" (Silk Road) เส้นทางสายไหมคือเครือข่ายเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เชื่อมระหว่าง จีน กับ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง จนถึงยุโรป โดยเริ่มต้นราว ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช ในยุคราชวงศ์ฮั่น 🌏 จุดประสงค์หลักคือการ แลกเปลี่ยนสินค้า เช่น * ผ้าไหมจีน (ที่เป็นที่มาของชื่อ “Silk Road”) * เครื่องเทศ * หยก * เครื่องปั้นดินเผา * ผลิตภัณฑ์จากตะวันตก เช่น ทองคำ แก้วไวน์ และอัญมณี 🕌 นอกจากการค้า ยังเป็นเส้นทางของ * การแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม * ศาสนา (เช่น พุทธศาสนาเผยแพร่สู่จีนจากอินเดียผ่านเส้นนี้) * เทคโนโลยี และแนวคิดต่างๆ 🚶‍♂️ เส้นทางนี้ไม่ใช่เพียงสายเดียว แต่เป็นเครือข่ายที่ผ่านเมืองสำคัญอย่าง * หลานโจว (จุดเริ่มต้นในจีน) * จางเย่ (จุดสำคัญของกองคาราวาน) * ตุนหวง (เมืองโอเอซิสริมทะเลทรายที่มีถ้ำโม่เกาคู่กับพระพุทธศาสนา) * ถูหลู่ฟาน และ อูรุมฉี (ใจกลางซินเจียงที่เชื่อมต่อเอเชียกลาง) ✨ ปัจจุบัน “เส้นทางสายไหม” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในโครงการ Belt and Road Initiative ของจีน ที่รื้อฟื้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค #เส้นทางสายไหม #ประวัติศาสตร์จีน #SilkRoad #วัฒนธรรมเอเชีย #เมืองโบราณจีน #BeltAndRoadInitiative LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง
    เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า"
    เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย
    "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"......
    .
    พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า
    ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว
    ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน
    ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก
    พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน
    เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน
    พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ
    แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย
    และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป
    .
    ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ
    นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า
    .
    ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น
    .
    เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
    .
    เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ
    .
    รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น
    .
    เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..."
    .
    กลับไปที่จั่วหัว...
    อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู
    .
    สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง...
    - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์
    - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน
    - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่
    - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ
    จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน
    -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว
    - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด
    - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร
    - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald...
    - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ?
    - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก
    - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่
    - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก
    - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า
    - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน
    - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป
    - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา
    - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน
    - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง
    - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น
    blablablabla......
    .
    ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ
    ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก
    แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม
    เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น
    ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน
    เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง
    ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ
    และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ
    ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว
    ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ
    ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ
    ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง
    มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า" เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"...... . พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป . ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า . ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น . เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น . เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ . รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น . เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..." . กลับไปที่จั่วหัว... อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู . สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง... - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์ - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald... - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ? - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่ - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น blablablabla...... . ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1049 มุมมอง 0 รีวิว
  • สามจังหวัดชายแดนใต้ ของไทย เป็นดินแดนพุทธศาสนา และพราหมณ์มาก่อน ..หลีกฐานทางประวัติศาสตร์มีครบสมบูรณ์
    ลังกาสุกะเป็นนครรัฐตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 รุ่งเรืองยาวนานถึง 1,400 ปี จึงเสื่อมสลายไป[3] ไม่ใช่เพราะถูกอำนาจใดเข้าตี หากแต่ทะเลถอยห่างตัวเมืองออกไปทุกที จนผู้คนพากันทิ้งเมือง ซ้ำโดนน้ำท่วมโคลนถมทับตัวเมืองแทบหมด เพิ่งขุดเจอซากไม่นานมานี้ เชื่อกันว่าคนในหมู่บ้านกาแลจิน อ.เมืองปัตตานีปัจจุบันคือผู้สืบเชื้อสายชาวเมืองลังกาสุกะ ที่เป็นลูกครึ่งชาวจีนกับคนพื้นเมืองที่ต้องทิ้งเมืองเก่ามาอยู่ในปัตตานีเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว

    อาณาจักรโบราณยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่ามีพื้นที่คลุมไปถึงตอนเหนือมาเลเซีย เพราะพบสิ่ง ก่อสร้างโบราณ แบบเดียวกับที่พบในปัตตานีแถวริมฝั่งแม่น้ำบูจังและปาดังลาวาส (ปากแม่น้ำลาวาส) ในรัฐเคดาห์ หนังสือเหล่านั้นเรียกอย่างจืดชืดไม่ดึงดูดใจสักนิดว่า "เมืองโบราณยะรัง" เพราะซากเมืองเก่าพบที่ อ.ยะรัง ทั้งที่มีความเก่าแก่รุ่งเรืองมาก่อน อาณาจักรศรีวิชัยและอาณาจักรทวาราวดีตั้ง 500 ปี ศรีวิชัยและทวาราวดีตั้งในพุทธศตวรรษที่ 12 ลังกาสุกะเป็นนครรัฐที่โลกตะวันตกตะวันออก รู้จักกันแล้ว ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 เมืองโบราณยะรังจึงไม่ใช่เมืองเก่าธรรมดา หากแต่เป็นเมืองท่านครรัฐยิ่งใหญ่ สมัยโบราณเก๋ากึ๊กในภูมิภาคนี้โดยแท้

    เมืองโบราณที่ กรมศิลปากร กำลังขุดแต่งอยู่ที่ อำเภอยะรัง ในขณะนี้คือ ศูนย์การปกครอง อาณาจักรลังกาสุกะ ในเมื่อบันทึก ชาวอินเดียและ ชาวอาหรับ ที่เรียกเมืองนี้ว่า "ลังกาสุกะ" กับบันทึก ของชาวจีนที่เรียก "หลาง หย่า ซุ่ย" ล้วนระบุทิศทางและ ที่ตั้งตรงกันหมด น.ส.พรทิพย์ พันธุโกวิท หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ โบราณคดี ผู้ควบคุมการขุดแต่งและ บูรณะมาตั้งแต่แรกถึง 16 ปี อธิบายว่า ปัตตานีวันนี้คือ ดินแดนเกิดใหม่ เมื่อทะเลถอย ห่างฝั่งออกไปทุกที ลังกาสุกะเลยกลายเป็น เมืองภายในแผ่นดิน อยู่ห่างชายฝั่งทะเล ในวันนี้เกือบ 25 กม. ชายฝั่งบริเวณท่าเรือใหญ่ครั้งโน้น ปัจจุบันนี้คือ คลองปาเละหมู่บ้านกาแลบูซา (ท่าเรือใหญ่) หมู่บ้านเทียระยา (หมู่บ้านเสากระโดงเรือ) ต.ตันหยงลูโละ อ.เมือง ปัตตานี

    ร่องรอยทางโบราณคดี ชี้ให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเมืองเรียงกันถึง 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองที่กำลังขุดอยู่ที่บ้านวัด บ้านจาเละ และบ้านปราแว (พระราชวัง) อำเภอยะรัง บ้านปราแวอยู่ริมทะเล มีลักษณะ ค่ายคูประตูหอรบตามมุมเมือง คาดว่าน่าจะเป็นประชาคม 3 แห่ง ที่อยู่ร่วมกันมากกว่าเมือง โดยรวมแล้วพื้นที่ดังกล่าวนี้ พบร่องรอยทางโบราณคดีถึงกว่า 40 แห่ง ลงมือขุดไปเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ชิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังขุดอยู่เป็นศาสนสถานใน ศาสนาพราหมณ์และ พุทธศาสนา ทั้งพบคำจารึกภาษาปัลลวะอินเดียโบราณและภาษาสันสกฤตด้วย บ่งบอกอย่างเด่นชัด แรกเริ่มนั้นชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาพราหมณ์ เปลี่ยนมาถือพุทธ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอิสลามตามลำดับ

    ลังกาสุกะเฟื่องเนื่องมาจากที่ตั้งเป็นกึ่งกลางเส้นทางค้าขายโลกตะวันตกและตะวันออก เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและศูนย์ค้าเครื่องเทศสินค้าสำคัญของภูมิภาคนี้ ที่ดังที่สุด ได้แก่ไม้หอม และกำยาน ซึ่งอินเดีย อาหรับยันยุโรปต่างต้องการอย่างมาก น่าเชื่อว่ากำยานชั้นดีที่สุดเป็นกำยานลังกาสุกะ เพราะเครื่องหอมทำจากกำยานที่โลกอาหรับ และชาติมุสลิมใช้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเครื่องหอม ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนไม่ผิด หลักทางศาสนาที่ชื่อว่า "ไซมีส เบนโซอีน" ที่ยังใช้กันมาจนทุกวันนี้ ลังกาสุกะเป็นท่าเรือ ส่งออกที่ใหญ่มาก

    ลังกาสุกะอาจเป็นอาณาจักรเดียวในโลกที่ล่มสลายไปไม่ใช่เพราะการสงครามหรือโรคระบาด หากเกิดจากทะเลถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม ผู้คนก็อพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่นกันหมด พร้อม ๆ กับอาณาจักรอื่นใกล้เคียงเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่
    สามจังหวัดชายแดนใต้ ของไทย เป็นดินแดนพุทธศาสนา และพราหมณ์มาก่อน ..หลีกฐานทางประวัติศาสตร์มีครบสมบูรณ์ ลังกาสุกะเป็นนครรัฐตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 รุ่งเรืองยาวนานถึง 1,400 ปี จึงเสื่อมสลายไป[3] ไม่ใช่เพราะถูกอำนาจใดเข้าตี หากแต่ทะเลถอยห่างตัวเมืองออกไปทุกที จนผู้คนพากันทิ้งเมือง ซ้ำโดนน้ำท่วมโคลนถมทับตัวเมืองแทบหมด เพิ่งขุดเจอซากไม่นานมานี้ เชื่อกันว่าคนในหมู่บ้านกาแลจิน อ.เมืองปัตตานีปัจจุบันคือผู้สืบเชื้อสายชาวเมืองลังกาสุกะ ที่เป็นลูกครึ่งชาวจีนกับคนพื้นเมืองที่ต้องทิ้งเมืองเก่ามาอยู่ในปัตตานีเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว อาณาจักรโบราณยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่ามีพื้นที่คลุมไปถึงตอนเหนือมาเลเซีย เพราะพบสิ่ง ก่อสร้างโบราณ แบบเดียวกับที่พบในปัตตานีแถวริมฝั่งแม่น้ำบูจังและปาดังลาวาส (ปากแม่น้ำลาวาส) ในรัฐเคดาห์ หนังสือเหล่านั้นเรียกอย่างจืดชืดไม่ดึงดูดใจสักนิดว่า "เมืองโบราณยะรัง" เพราะซากเมืองเก่าพบที่ อ.ยะรัง ทั้งที่มีความเก่าแก่รุ่งเรืองมาก่อน อาณาจักรศรีวิชัยและอาณาจักรทวาราวดีตั้ง 500 ปี ศรีวิชัยและทวาราวดีตั้งในพุทธศตวรรษที่ 12 ลังกาสุกะเป็นนครรัฐที่โลกตะวันตกตะวันออก รู้จักกันแล้ว ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 เมืองโบราณยะรังจึงไม่ใช่เมืองเก่าธรรมดา หากแต่เป็นเมืองท่านครรัฐยิ่งใหญ่ สมัยโบราณเก๋ากึ๊กในภูมิภาคนี้โดยแท้ เมืองโบราณที่ กรมศิลปากร กำลังขุดแต่งอยู่ที่ อำเภอยะรัง ในขณะนี้คือ ศูนย์การปกครอง อาณาจักรลังกาสุกะ ในเมื่อบันทึก ชาวอินเดียและ ชาวอาหรับ ที่เรียกเมืองนี้ว่า "ลังกาสุกะ" กับบันทึก ของชาวจีนที่เรียก "หลาง หย่า ซุ่ย" ล้วนระบุทิศทางและ ที่ตั้งตรงกันหมด น.ส.พรทิพย์ พันธุโกวิท หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ โบราณคดี ผู้ควบคุมการขุดแต่งและ บูรณะมาตั้งแต่แรกถึง 16 ปี อธิบายว่า ปัตตานีวันนี้คือ ดินแดนเกิดใหม่ เมื่อทะเลถอย ห่างฝั่งออกไปทุกที ลังกาสุกะเลยกลายเป็น เมืองภายในแผ่นดิน อยู่ห่างชายฝั่งทะเล ในวันนี้เกือบ 25 กม. ชายฝั่งบริเวณท่าเรือใหญ่ครั้งโน้น ปัจจุบันนี้คือ คลองปาเละหมู่บ้านกาแลบูซา (ท่าเรือใหญ่) หมู่บ้านเทียระยา (หมู่บ้านเสากระโดงเรือ) ต.ตันหยงลูโละ อ.เมือง ปัตตานี ร่องรอยทางโบราณคดี ชี้ให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเมืองเรียงกันถึง 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองที่กำลังขุดอยู่ที่บ้านวัด บ้านจาเละ และบ้านปราแว (พระราชวัง) อำเภอยะรัง บ้านปราแวอยู่ริมทะเล มีลักษณะ ค่ายคูประตูหอรบตามมุมเมือง คาดว่าน่าจะเป็นประชาคม 3 แห่ง ที่อยู่ร่วมกันมากกว่าเมือง โดยรวมแล้วพื้นที่ดังกล่าวนี้ พบร่องรอยทางโบราณคดีถึงกว่า 40 แห่ง ลงมือขุดไปเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ชิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังขุดอยู่เป็นศาสนสถานใน ศาสนาพราหมณ์และ พุทธศาสนา ทั้งพบคำจารึกภาษาปัลลวะอินเดียโบราณและภาษาสันสกฤตด้วย บ่งบอกอย่างเด่นชัด แรกเริ่มนั้นชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาพราหมณ์ เปลี่ยนมาถือพุทธ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอิสลามตามลำดับ ลังกาสุกะเฟื่องเนื่องมาจากที่ตั้งเป็นกึ่งกลางเส้นทางค้าขายโลกตะวันตกและตะวันออก เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและศูนย์ค้าเครื่องเทศสินค้าสำคัญของภูมิภาคนี้ ที่ดังที่สุด ได้แก่ไม้หอม และกำยาน ซึ่งอินเดีย อาหรับยันยุโรปต่างต้องการอย่างมาก น่าเชื่อว่ากำยานชั้นดีที่สุดเป็นกำยานลังกาสุกะ เพราะเครื่องหอมทำจากกำยานที่โลกอาหรับ และชาติมุสลิมใช้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเครื่องหอม ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนไม่ผิด หลักทางศาสนาที่ชื่อว่า "ไซมีส เบนโซอีน" ที่ยังใช้กันมาจนทุกวันนี้ ลังกาสุกะเป็นท่าเรือ ส่งออกที่ใหญ่มาก ลังกาสุกะอาจเป็นอาณาจักรเดียวในโลกที่ล่มสลายไปไม่ใช่เพราะการสงครามหรือโรคระบาด หากเกิดจากทะเลถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม ผู้คนก็อพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่นกันหมด พร้อม ๆ กับอาณาจักรอื่นใกล้เคียงเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เจาะลึกจิตวิญญาณและอารมณ์ของตัวละครหลัก**
    (ในนิยาย *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*)

    ---

    ### **1. หลง เจี้ยน (จีน - ทิศเหนือ)**
    **จิตวิญญาณ :** *ผู้แบกรักเก่าในร่างนักรบ*
    - **ความเจ็บปวดซ่อนเร้น :** แผลเป็นรูปเกล็ดงูบนแก้มไม่ใช่แค่ร่องรอยคำสาป แต่เป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความอัปยศ" ที่ปล่อยให้หยวนเยี่ยนต้องเป็นอมตะเพียงลำพัง
    - **การแสดงออก :** สื่อสารผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด เวลาโกรธจะจัดระเบียบเข็มปักจักรวาลให้เรียงตัวเป็นรูปวงแหวน
    - **ความปรารถนาลึกๆ :** อยากใช้ชีวิตธรรมดาเป็นช่างซ่อมนาฬิกาในตรอกเล็กๆ ของปักกิ่ง โดยไม่ต้องสวมมงกุฎแห่งความรับผิดชอบ
    - **จุดแตกหักทางอารมณ์ :** การพบว่าหยวนเยี่ยนเลือกถูกสาปเพื่อให้เขาได้มีชีวิตต่อ...แทนที่จะปล่อยให้เขาตายตาม

    ---

    ### **2. ทาเคดะ ซากุระ (ญี่ปุ่น - ทิศตะวันออก)**
    **จิตวิญญาณ :** *ศิลปินผู้วาดภาพด้วยวิญญาณตนเอง*
    - **ความเปราะบาง :** รู้สึกเหมือนเป็น "ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จ" เปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชายที่สมบูรณ์แบบเสมอ
    - **พิธีกรรมส่วนตัว :** แอบเก็บเส้นผมของทุกคนที่วาดภาพไว้ในสมุดสีน้ำ เพื่อรู้สึกว่ายังควบคุมบางสิ่งได้
    - **ความฝันลับ :** อยากวาดภาพที่ไม่มีคำสาปซ่อนอยู่ แค่ภาพทุ่งซากุระกับพี่ชายที่ยิ้มได้อย่างอิสระ
    - **การเผชิญความจริง :** วันที่ต้องใช้พู่กันจุ่มเลือดตัวเองเพื่อวาดทางรอดให้ทุกคน

    ---

    ### **3. วีร ราชปุต (อินเดีย - ทิศตะวันตก)**
    **จิตวิญญาณ :** *มหาเศรษฐีผู้ห่อหุ้มหัวใจด้วยเงินตรา*
    - **ความกลัวที่ซ่อนอยู่ :** กลัวความเงียบ จึงใช้เสียงเพลง/การเจรจาเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา
    - **พฤติกรรมย้ำคิด :** นับเม็ดพลอยในสร้อย 108 เม็ดทุกเช้า เพื่อยืนยันว่ายัง "เป็นปกติ"
    - **ความขัดแย้ง :** เกลียดความอ่อนแอ แต่แอบเก็บยาพิษที่อานยาทำไว้...ในกรณีที่ต้องฆ่าตัวตาย
    - **จุดเปลี่ยน :** การพบว่าแม่แท้ๆ ยังมีชีวิตอยู่ในร่างของศัตรู

    ---

    ### **4. คิม จีอู (เกาหลีใต้ - ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)**
    **จิตวิญญาณ :** *นกในกรงทองแห่งเสียงเพลง*
    - **ความทุกข์ระทม :** ได้ยินเสียงกระซิบจากไมโครโฟนเก่าๆ ที่พี่ชายให้มา เสียงนั้นบอกให้เธอ "ร้องให้ดังกว่านี้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิต"
    - **การต่อรองกับชะตา :** ใช้ลิปสติกสีเลือดเขียนคำสาปบนกระจกห้องน้ำทุกครั้งก่อนขึ้นเวที
    - **ความฝันที่ถูกกดทับ :** อยากร้องเพลงกล่อมเด็กในหมู่บ้านเล็กๆ โดยไม่ต้องมีเอฟเฟกต์พิเศษ
    - **ความสัมพันธ์กับแทฮยอน :** รู้สึกเหมือนเป็น "นกขมิ้นในกรงทอง" ที่พี่ชายสวยงาม แต่กรงนั้นทำจากความผิดพลาดในอดีตของเขา

    ---

    ### **5. ณัฐ ศรีสุวรรณ (ไทย - ทิศใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *นักรบผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม*
    - **ความเจ็บปวดที่ซ่อนใต้รอยสัก :** สักคำว่า "อิสระ" ซ่อนไว้ใต้ลายนาคราช แต่รู้ตัวว่าตนเองถูกพันธนาการโดยความรักที่มีต่อน้องสาว
    - **พิธีกรรม :** ทุบกระจกในห้องฝึกมวยทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ
    - **ความฝันลึกๆ :** อยากพาพิมพ์ลดาไปเที่ยวทะเล โดยไม่ต้องคิดเรื่องคำสาปหรือพิธีกรรม
    - **จุดพลิกผัน :** วันที่พิมพ์ลดาเลือกเต้นระบำหน้ากากครั้งสุดท้าย...โดยไม่บอกเขา

    ---

    ### **6. เดีย วิชายา (อินโดนีเซีย - ทิศตะวันออกเฉียงใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *ราชินีเครื่องเทศผู้หลงกลิ่นอดีต*
    - **ความขัดแย้ง :** เกลียดเครื่องเทศเพราะถูกพ่อฝึกจนจมูกเสื่อม แต่กลับใช้มันเป็นอาวุธ
    - **ความทรงจำสุขสุด :** กลิ่นดินหลังฝนตกในวันที่พี่ชายพาไปตั้งแคมป์โดยไม่บอกแม่
    - **ความกลัว :** กลัวการถูกทิ้ง จึงแสร้งทำตัวแข็งกร้าวตลอดเวลา
    - **สัญลักษณ์ :** แก้วกาแฟร้าวที่พี่ชายให้...เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ"

    ---

    ### **7. เหงียน ลาน (เวียดนาม - ทิศตะวันตกเฉียงใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *เชฟผู้ปรุงรสชาติแห่งความทรงจำ*
    - **ความสามารถพิเศษ :** รู้รสชาติอารมณ์คนผ่านอาหาร แต่ไม่สามารถลิ้มรสอาหารที่ตัวเองปรุงได้
    - **พิธีกรรม :** แอบชิมน้ำตาตัวเองเวลาปรุงอาหารให้คนสำคัญ
    - **ความฝันที่ถูกเก็บไว้ :** อยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟแต่เมนูแห่งความสุข โดยไม่มีสูตรลับของตระกูล
    - **ความสัมพันธ์กับล็อง :** มองว่าพี่ชายคือ "สมุดบันทึกที่มีชีวิต" ที่เธอไม่อยากให้เขียนจบ
    **เจาะลึกจิตวิญญาณและอารมณ์ของตัวละครหลัก** (ในนิยาย *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*) --- ### **1. หลง เจี้ยน (จีน - ทิศเหนือ)** **จิตวิญญาณ :** *ผู้แบกรักเก่าในร่างนักรบ* - **ความเจ็บปวดซ่อนเร้น :** แผลเป็นรูปเกล็ดงูบนแก้มไม่ใช่แค่ร่องรอยคำสาป แต่เป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความอัปยศ" ที่ปล่อยให้หยวนเยี่ยนต้องเป็นอมตะเพียงลำพัง - **การแสดงออก :** สื่อสารผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด เวลาโกรธจะจัดระเบียบเข็มปักจักรวาลให้เรียงตัวเป็นรูปวงแหวน - **ความปรารถนาลึกๆ :** อยากใช้ชีวิตธรรมดาเป็นช่างซ่อมนาฬิกาในตรอกเล็กๆ ของปักกิ่ง โดยไม่ต้องสวมมงกุฎแห่งความรับผิดชอบ - **จุดแตกหักทางอารมณ์ :** การพบว่าหยวนเยี่ยนเลือกถูกสาปเพื่อให้เขาได้มีชีวิตต่อ...แทนที่จะปล่อยให้เขาตายตาม --- ### **2. ทาเคดะ ซากุระ (ญี่ปุ่น - ทิศตะวันออก)** **จิตวิญญาณ :** *ศิลปินผู้วาดภาพด้วยวิญญาณตนเอง* - **ความเปราะบาง :** รู้สึกเหมือนเป็น "ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จ" เปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชายที่สมบูรณ์แบบเสมอ - **พิธีกรรมส่วนตัว :** แอบเก็บเส้นผมของทุกคนที่วาดภาพไว้ในสมุดสีน้ำ เพื่อรู้สึกว่ายังควบคุมบางสิ่งได้ - **ความฝันลับ :** อยากวาดภาพที่ไม่มีคำสาปซ่อนอยู่ แค่ภาพทุ่งซากุระกับพี่ชายที่ยิ้มได้อย่างอิสระ - **การเผชิญความจริง :** วันที่ต้องใช้พู่กันจุ่มเลือดตัวเองเพื่อวาดทางรอดให้ทุกคน --- ### **3. วีร ราชปุต (อินเดีย - ทิศตะวันตก)** **จิตวิญญาณ :** *มหาเศรษฐีผู้ห่อหุ้มหัวใจด้วยเงินตรา* - **ความกลัวที่ซ่อนอยู่ :** กลัวความเงียบ จึงใช้เสียงเพลง/การเจรจาเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา - **พฤติกรรมย้ำคิด :** นับเม็ดพลอยในสร้อย 108 เม็ดทุกเช้า เพื่อยืนยันว่ายัง "เป็นปกติ" - **ความขัดแย้ง :** เกลียดความอ่อนแอ แต่แอบเก็บยาพิษที่อานยาทำไว้...ในกรณีที่ต้องฆ่าตัวตาย - **จุดเปลี่ยน :** การพบว่าแม่แท้ๆ ยังมีชีวิตอยู่ในร่างของศัตรู --- ### **4. คิม จีอู (เกาหลีใต้ - ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)** **จิตวิญญาณ :** *นกในกรงทองแห่งเสียงเพลง* - **ความทุกข์ระทม :** ได้ยินเสียงกระซิบจากไมโครโฟนเก่าๆ ที่พี่ชายให้มา เสียงนั้นบอกให้เธอ "ร้องให้ดังกว่านี้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิต" - **การต่อรองกับชะตา :** ใช้ลิปสติกสีเลือดเขียนคำสาปบนกระจกห้องน้ำทุกครั้งก่อนขึ้นเวที - **ความฝันที่ถูกกดทับ :** อยากร้องเพลงกล่อมเด็กในหมู่บ้านเล็กๆ โดยไม่ต้องมีเอฟเฟกต์พิเศษ - **ความสัมพันธ์กับแทฮยอน :** รู้สึกเหมือนเป็น "นกขมิ้นในกรงทอง" ที่พี่ชายสวยงาม แต่กรงนั้นทำจากความผิดพลาดในอดีตของเขา --- ### **5. ณัฐ ศรีสุวรรณ (ไทย - ทิศใต้)** **จิตวิญญาณ :** *นักรบผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม* - **ความเจ็บปวดที่ซ่อนใต้รอยสัก :** สักคำว่า "อิสระ" ซ่อนไว้ใต้ลายนาคราช แต่รู้ตัวว่าตนเองถูกพันธนาการโดยความรักที่มีต่อน้องสาว - **พิธีกรรม :** ทุบกระจกในห้องฝึกมวยทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ - **ความฝันลึกๆ :** อยากพาพิมพ์ลดาไปเที่ยวทะเล โดยไม่ต้องคิดเรื่องคำสาปหรือพิธีกรรม - **จุดพลิกผัน :** วันที่พิมพ์ลดาเลือกเต้นระบำหน้ากากครั้งสุดท้าย...โดยไม่บอกเขา --- ### **6. เดีย วิชายา (อินโดนีเซีย - ทิศตะวันออกเฉียงใต้)** **จิตวิญญาณ :** *ราชินีเครื่องเทศผู้หลงกลิ่นอดีต* - **ความขัดแย้ง :** เกลียดเครื่องเทศเพราะถูกพ่อฝึกจนจมูกเสื่อม แต่กลับใช้มันเป็นอาวุธ - **ความทรงจำสุขสุด :** กลิ่นดินหลังฝนตกในวันที่พี่ชายพาไปตั้งแคมป์โดยไม่บอกแม่ - **ความกลัว :** กลัวการถูกทิ้ง จึงแสร้งทำตัวแข็งกร้าวตลอดเวลา - **สัญลักษณ์ :** แก้วกาแฟร้าวที่พี่ชายให้...เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" --- ### **7. เหงียน ลาน (เวียดนาม - ทิศตะวันตกเฉียงใต้)** **จิตวิญญาณ :** *เชฟผู้ปรุงรสชาติแห่งความทรงจำ* - **ความสามารถพิเศษ :** รู้รสชาติอารมณ์คนผ่านอาหาร แต่ไม่สามารถลิ้มรสอาหารที่ตัวเองปรุงได้ - **พิธีกรรม :** แอบชิมน้ำตาตัวเองเวลาปรุงอาหารให้คนสำคัญ - **ความฝันที่ถูกเก็บไว้ :** อยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟแต่เมนูแห่งความสุข โดยไม่มีสูตรลับของตระกูล - **ความสัมพันธ์กับล็อง :** มองว่าพี่ชายคือ "สมุดบันทึกที่มีชีวิต" ที่เธอไม่อยากให้เขียนจบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 996 มุมมอง 0 รีวิว
  • **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*

    ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม
    **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว**
    **เวลา : 1632 ปีก่อน**

    หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ

    **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ...

    ---

    ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา**
    **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน**
    **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย**

    **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน**

    **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก
    เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"**

    บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba)
    *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต**
    **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต**
    **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว**

    **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ

    **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"**

    ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา!

    ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ :
    *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน**
    **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย**
    **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด**

    **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า

    **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์

    เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด :
    *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน**
    **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย**
    **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ**

    **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา :
    *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"*

    ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"*
    ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ

    ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ :
    *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร**
    **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้**
    **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง**

    **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม

    **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น
    แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"**

    จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ :
    *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์**
    **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย**
    **เวลา : งานสงกรานต์**

    **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ

    **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ
    เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น!

    พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา :
    *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม**
    **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง**
    **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง

    ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"**

    - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน
    - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน
    - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต
    - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด
    - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน

    เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี :
    *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที*

    ---

    ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย**
    **1 ปีต่อมา**
    - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย
    - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต
    - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง
    - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป
    - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย

    บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า :
    *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"*

    ---

    **Preview ตอนต่อไป :**
    - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล
    - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่
    - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass* ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว** **เวลา : 1632 ปีก่อน** หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ... --- ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา** **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน** **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย** **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน** **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"** บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba) *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"* --- ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต** **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต** **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว** **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"** ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา! ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ : *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"* --- ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน** **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย** **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด** **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์ เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด : *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"* --- ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน** **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย** **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ** **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา : *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"* ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"* ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ : *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"* --- ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร** **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้** **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง** **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"** จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ : *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"* --- ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์** **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย** **เวลา : งานสงกรานต์** **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น! พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา : *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"* --- ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม** **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง** **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"** - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี : *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที* --- ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย** **1 ปีต่อมา** - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า : *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"* --- **Preview ตอนต่อไป :** - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่ - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1142 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม.
    #พริกป่น #บดพริกแห้ง
    เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ
    โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o

    ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก
    จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า
    เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP
    เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน

    Model : YWF-10B-6P-JCXT-S
    Capacity : 5-30 KG./H.
    Power : 3 HP , 380V
    Speed : 4,500 RPM
    Dimensions : 64x45x142 cm.
    Weight : 100 KG

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม. #พริกป่น #บดพริกแห้ง เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย👍 บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน Model : YWF-10B-6P-JCXT-S Capacity : 5-30 KG./H. Power : 3 HP , 380V Speed : 4,500 RPM Dimensions : 64x45x142 cm. Weight : 100 KG สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2082 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • #การอักเสบ

    ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร

    การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง

    น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ

    มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค

    การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด

    ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด.....

    ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน

    ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ

    จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS)

    เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย

    ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

    มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ

    การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ

    การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก

    รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ

    โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ

    อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง

    โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin

    Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ

    หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ

    ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา

    โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial

    Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท

    Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้

    โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้

    หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ

    กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3

    Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง

    โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ

    โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้

    โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน

    โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน

    Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน

    หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ

    ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต

    โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin

    โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท

    ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน

    โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ

    ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ

    โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน

    ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา

    ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป

    วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน

    ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ

    การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ

    คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ

    จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้

    แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น

    ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป

    วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ

    เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ

    มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ :

    อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน

    ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ )

    การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต

    ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines
    ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน

    ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม

    เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน

    ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น

    Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน

    มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป

    ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ

    อาหารต้านการอักเสบที่ดี

    อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่:

    • เบอร์รี่

    • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    • บรอกโคลี

    • อะโวคาโด

    • ชาเขียว

    • พริก

    • ขมิ้น

    • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    • ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    • มะเขือเทศ

    • เชอร์รี่

    เบอร์รี่

    เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ

    มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่:

    • สตรอว์เบอร์รี่

    • บลูเบอร์รี่

    • ราสเบอร์รี

    • แบล็กเบอร์รี่

    เบอร์รี่

    มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้

    บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด

    ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง

    ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน
    สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน

    ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA)
    แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด:

    • ปลาแซลมอน

    • ปลาซาร์ดีน

    • ปลาแมกเคอเรล

    • ปลาสวาย

    EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น :

    • กลุ่มอาการเมตาบอลิก

    • โรคหัวใจ

    • โรคเบาหวาน

    • โรคไต

    ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

    จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก

    บร็อคโคลี

    บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง
    ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น

    บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ

    อะโวคาโด

    มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง
    นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้

    ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง

    ชาเขียว

    งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ

    ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG)

    EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ

    พริก

    พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง

    พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน

    พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น

    ขมิ้น

    ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ

    ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ

    จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก

    อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000%

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

    การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้

    การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก

    ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน

    โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

    ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ

    นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น

    ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง

    มะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ

    ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด

    การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น

    นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร

    เชอร์รี่

    เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ

    แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน

    การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal
    ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc
    ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h
    ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c
    ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น
    ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap
    ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การอักเสบ ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด..... ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS) เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้ โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3 Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้ โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้ แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ : อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ ) การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ อาหารต้านการอักเสบที่ดี อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่: • เบอร์รี่ • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 • บรอกโคลี • อะโวคาโด • ชาเขียว • พริก • ขมิ้น • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ • ช็อกโกแลตดำและโกโก้ • มะเขือเทศ • เชอร์รี่ เบอร์รี่ เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่: • สตรอว์เบอร์รี่ • บลูเบอร์รี่ • ราสเบอร์รี • แบล็กเบอร์รี่ เบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด: • ปลาแซลมอน • ปลาซาร์ดีน • ปลาแมกเคอเรล • ปลาสวาย EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น : • กลุ่มอาการเมตาบอลิก • โรคหัวใจ • โรคเบาหวาน • โรคไต ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก บร็อคโคลี บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ อะโวคาโด มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้ ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง ชาเขียว งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG) EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ พริก พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น ขมิ้น ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000% น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้ การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ช็อกโกแลตดำและโกโก้ ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง มะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร เชอร์รี่ เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2477 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว

    ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189
    *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม*
    ----------------------------
    เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g
    -----------------------------
    สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189 *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม* ---------------------------- เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g -----------------------------
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ

    คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว
    เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus

    เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ

    วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย
    1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล
    2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา
    3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้

    นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน

    อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย 1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล 2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา 3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้ นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติ และ ที่มาของ..ไส้อั่ว
    คำแปล(ภาษาไทย)อยู่ล่างสุด

    "Sai Oua" (Thai: ไส้อั่ว) or "Northern Thai Sausage" is a traditional food of the northern part of Thailand.
    .
    The culture of stuffing meat into the intestines is a way to preserve food since ancient times. It was found that this method of food preservation began in the Babylonian Empire tens of thousands of years ago. It is said that the Babylonians used finely ground meat to stuff into the intestines of goats and dried them in the sun until they were dry and stored as supplies when traveling to transport goods across the desert to sell in various lands before spreading to Europe and Asia, especially in southern China where there were many tribes such as the Tai Yai, Zhuang and Bai Yue, etc., which became the origin of the Silk Road in the later era.
    .
    "Sai Oua" in the northern part of Thailand, some people assume that this type of food was influenced by the Shan people or Tai Yai people who added spices to season the meat and grilled it until it had a fragrant smell. Later, the Shan people or Tai Yai had to flee from the war to settle in a new place in the northern part of Thailand. The Shan people brought this type of cooking culture with them, making "Sai Oua" a local food of the northern part of Thailand by default.
    .
    But some people assume that in ancient times, when it was a merit-making festival, villagers often brought a lot of pork to cook. But sometimes there was too much pork. Therefore, there is leftover pork, so there is a method of food preservation to prevent spoilage. Originally, it was cut into pieces and grilled or dried in the sun to store for later consumption. However, it was later developed and modified to be stored for a longer period of time by making fermented pork sausage and "Sai Oua", etc.
    .
    How to make "Sai Oua" It can be made by mixing finely ground pork with herbs and spices such as galangal, lemongrass, coriander root, garlic, shallots, kaffir lime peel, shrimp paste, turmeric and coriander. Then stuff it into the pork intestines and grill until cooked, which is popularly eaten with sticky rice and "Nam Prik Num" (Northern Thai Green Chilli Dip), which is a Thai sauce from the northern part of Thailand. Herbs and spices are what give "Sai Oua" its distinctive flavor and aroma. However, there is no fixed recipe for making "Sai Oua" because each region has its own unique flavoring, but the basics are still similar.
    .
    Note: The meaning of the word "Sai Oua" in the northern language, by starting with the word "Sai" which means "Intestines". The word "Oua" means to insert or stuff or stuff ingredients into the intestines.
    .

    “ไส้อั่ว” อาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย
    .
    วัฒนธรรมการยัดเนื้อและไขมันสัตว์ เข้าไปในลำไส้เป็นวิธีถนอมอาหาร มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรบาบิลอนเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กล่าวกันว่าชาวบาบิลอนใช้เนื้อบดละเอียดยัดเข้าไปในลำไส้แพะแล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงเก็บเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางเพื่อขนส่งสินค้าข้ามทะเลทรายไปขายในดินแดนต่างๆ ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ทวีปยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนซึ่งมีชนเผ่าหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ จ้วง และไป๋เยว่ บนเส้นทางสายไหม
    .
    “ไส้อั่ว” ในภาคเหนือของไทย สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากรัฐฉาน หรือ ชาวไทใหญ่ที่ปรุงรสเนื้อด้วยเครื่องเทศและย่างจนมีกลิ่นหอม ต่อมาชาวไทใหญ่หรือชาวไทใหญ่ต้องอพยพหนีสงครามไปตั้งถิ่นฐานใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชาวไทใหญ่ได้นำวัฒนธรรมการทำอาหารแบบนี้ติดตัวมาด้วย ทำให้ "ไส้อั่ว" เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทยโดยปริยาย
    .
    แต่บางคนก็เข้าใจว่าในสมัยโบราณเมื่อเป็นงานบุญชาวบ้านมักจะนำเนื้อหมูมาทำอาหารเป็นจำนวนมาก แต่บางครั้งก็มีเนื้อหมูมากเกินไป จึงมีเนื้อหมูเหลือ จึงมีวิธีถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย เดิมทีจะหั่นเป็นชิ้นแล้วย่างหรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลัง แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาและดัดแปลงให้เก็บไว้ได้นานขึ้นโดยทำเป็นไส้กรอกหมูหมักและ "ไส้อั่ว" เป็นต้น

    วิธีทำ “ไส้อั่ว” ทำได้โดยนำเนื้อหมูบดละเอียดมาผสมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ รากผักชี กระเทียม หอมแดง เปลือกมะกรูด กะปิ ขมิ้น ผักชี แล้วนำไปยัดใส่เครื่องในหมูแล้วปิ้งให้สุก นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวและ “น้ำพริกหนุ่ม” ซึ่งเป็นน้ำจิ้มไทยภาคเหนือของประเทศไทย สมุนไพรและเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ “ไส้อั่ว” มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ไม่มีสูตรการทำ “ไส้อั่ว” ตายตัว เพราะแต่ละภาคจะมีรสชาติเฉพาะตัว แต่หลักการทำยังคงคล้ายๆ กัน
    .
    หมายเหตุ: ความหมายของคำว่า “ไส้อั่ว” ในภาษาเหนือ โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไส้” คำว่า “ไส้อั่ว” แปลว่า การสอดหรือยัดวัตถุดิบเข้าไปในไส้

    ไส้อั่ว รสลิ้นคนไทย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี รสเข้มข้น หอมมาก
    แนะนำ "ไส้อั่วเม็งราย" ของ ร้านอัมพร
    เปิดมานานหลายสิบปี (เดิม)ร้านตั้งอยู่ที่ เชิงสะพานเม็งราย ฝั่งหนองหอย
    ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา
    ปัจจุบัน ย้ายยาอยู่ริมถนนมหิดล ตรงข้ามปากทางเข้าเชียงใหม่แลนด์
    มี ไส้อั่ว แหนม แหนมหม้อ น้ำพริกหนุ่ม แค๊บหมู หมูกระจก แกงฮังเล..

    https://maps.app.goo.gl/jfhXDnJbQL1w8Kk9A
    .
    ประวัติ และ ที่มาของ..ไส้อั่ว คำแปล(ภาษาไทย)อยู่ล่างสุด "Sai Oua" (Thai: ไส้อั่ว) or "Northern Thai Sausage" is a traditional food of the northern part of Thailand. . The culture of stuffing meat into the intestines is a way to preserve food since ancient times. It was found that this method of food preservation began in the Babylonian Empire tens of thousands of years ago. It is said that the Babylonians used finely ground meat to stuff into the intestines of goats and dried them in the sun until they were dry and stored as supplies when traveling to transport goods across the desert to sell in various lands before spreading to Europe and Asia, especially in southern China where there were many tribes such as the Tai Yai, Zhuang and Bai Yue, etc., which became the origin of the Silk Road in the later era. . "Sai Oua" in the northern part of Thailand, some people assume that this type of food was influenced by the Shan people or Tai Yai people who added spices to season the meat and grilled it until it had a fragrant smell. Later, the Shan people or Tai Yai had to flee from the war to settle in a new place in the northern part of Thailand. The Shan people brought this type of cooking culture with them, making "Sai Oua" a local food of the northern part of Thailand by default. . But some people assume that in ancient times, when it was a merit-making festival, villagers often brought a lot of pork to cook. But sometimes there was too much pork. Therefore, there is leftover pork, so there is a method of food preservation to prevent spoilage. Originally, it was cut into pieces and grilled or dried in the sun to store for later consumption. However, it was later developed and modified to be stored for a longer period of time by making fermented pork sausage and "Sai Oua", etc. . How to make "Sai Oua" It can be made by mixing finely ground pork with herbs and spices such as galangal, lemongrass, coriander root, garlic, shallots, kaffir lime peel, shrimp paste, turmeric and coriander. Then stuff it into the pork intestines and grill until cooked, which is popularly eaten with sticky rice and "Nam Prik Num" (Northern Thai Green Chilli Dip), which is a Thai sauce from the northern part of Thailand. Herbs and spices are what give "Sai Oua" its distinctive flavor and aroma. However, there is no fixed recipe for making "Sai Oua" because each region has its own unique flavoring, but the basics are still similar. . Note: The meaning of the word "Sai Oua" in the northern language, by starting with the word "Sai" which means "Intestines". The word "Oua" means to insert or stuff or stuff ingredients into the intestines. . “ไส้อั่ว” อาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย . วัฒนธรรมการยัดเนื้อและไขมันสัตว์ เข้าไปในลำไส้เป็นวิธีถนอมอาหาร มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรบาบิลอนเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กล่าวกันว่าชาวบาบิลอนใช้เนื้อบดละเอียดยัดเข้าไปในลำไส้แพะแล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงเก็บเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางเพื่อขนส่งสินค้าข้ามทะเลทรายไปขายในดินแดนต่างๆ ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ทวีปยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนซึ่งมีชนเผ่าหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ จ้วง และไป๋เยว่ บนเส้นทางสายไหม . “ไส้อั่ว” ในภาคเหนือของไทย สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากรัฐฉาน หรือ ชาวไทใหญ่ที่ปรุงรสเนื้อด้วยเครื่องเทศและย่างจนมีกลิ่นหอม ต่อมาชาวไทใหญ่หรือชาวไทใหญ่ต้องอพยพหนีสงครามไปตั้งถิ่นฐานใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชาวไทใหญ่ได้นำวัฒนธรรมการทำอาหารแบบนี้ติดตัวมาด้วย ทำให้ "ไส้อั่ว" เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทยโดยปริยาย . แต่บางคนก็เข้าใจว่าในสมัยโบราณเมื่อเป็นงานบุญชาวบ้านมักจะนำเนื้อหมูมาทำอาหารเป็นจำนวนมาก แต่บางครั้งก็มีเนื้อหมูมากเกินไป จึงมีเนื้อหมูเหลือ จึงมีวิธีถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย เดิมทีจะหั่นเป็นชิ้นแล้วย่างหรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลัง แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาและดัดแปลงให้เก็บไว้ได้นานขึ้นโดยทำเป็นไส้กรอกหมูหมักและ "ไส้อั่ว" เป็นต้น วิธีทำ “ไส้อั่ว” ทำได้โดยนำเนื้อหมูบดละเอียดมาผสมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ รากผักชี กระเทียม หอมแดง เปลือกมะกรูด กะปิ ขมิ้น ผักชี แล้วนำไปยัดใส่เครื่องในหมูแล้วปิ้งให้สุก นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวและ “น้ำพริกหนุ่ม” ซึ่งเป็นน้ำจิ้มไทยภาคเหนือของประเทศไทย สมุนไพรและเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ “ไส้อั่ว” มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ไม่มีสูตรการทำ “ไส้อั่ว” ตายตัว เพราะแต่ละภาคจะมีรสชาติเฉพาะตัว แต่หลักการทำยังคงคล้ายๆ กัน . หมายเหตุ: ความหมายของคำว่า “ไส้อั่ว” ในภาษาเหนือ โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไส้” คำว่า “ไส้อั่ว” แปลว่า การสอดหรือยัดวัตถุดิบเข้าไปในไส้ ไส้อั่ว รสลิ้นคนไทย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี รสเข้มข้น หอมมาก แนะนำ "ไส้อั่วเม็งราย" ของ ร้านอัมพร เปิดมานานหลายสิบปี (เดิม)ร้านตั้งอยู่ที่ เชิงสะพานเม็งราย ฝั่งหนองหอย ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ปัจจุบัน ย้ายยาอยู่ริมถนนมหิดล ตรงข้ามปากทางเข้าเชียงใหม่แลนด์ มี ไส้อั่ว แหนม แหนมหม้อ น้ำพริกหนุ่ม แค๊บหมู หมูกระจก แกงฮังเล.. https://maps.app.goo.gl/jfhXDnJbQL1w8Kk9A .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1436 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวม ร้านอาหาร(เด็ด)ในเชียงใหม่ -UPDATED

    สวนอาหารเหนือ---------------------
    -กิตติพานิช (LANNA CUISINE)ถ.ท่าแพ
    https://maps.app.goo.gl/EejkcZVTDvquy3T67
    ร้านอาหารคุณภาพสูง ระดับโลก MICHELIN GUIDE
    น้ำพริกอ่อง(ชุด) 170.-น้ำพริกหนุ่ม 170.-ตำบ่าหนุน 190.-แอ๊บปลาทับทิม 450.-ฮังเลหมู290.-ผักกาดจอ 280.-
    ยำผักชีไก่ย่าง 210.-ข้าวซอย 260.-ยำใบชาหมัก 190.-
    ต้มจิ๊นลุง 190.- ไก่อุ๊ก 290.-ส้มตำกิติพานิช 190.-

    -เฮือนม่วนใจ๋ เลยข้าวซอยแม่สายไปน่อยเดียว
    https://maps.app.goo.gl/r2f9S55zxBXTb1r16
    เชฟจรัล MICHELIN 2020 2021 2022 2023 2024
    และ ได้ MICHELIN BIB GOURMAND ข้าวซอยไก่ 65.- ข้าวซอยเนื้อ 85.-
    ขนมจีนน้ำเงี้ยว50.- ไส้อั่ว 80.- ออเดิฟเมือง 250.- น้ำพริกอ่อง 80.-.....

    -เฮือนใจ๋ยอง ใกล้วัดป่าตาล อ.สันกำแพง
    https://maps.app.goo.gl/vKTwR7P7JJsfZHwE7
    อาหารเหนือ ที่ ได้ MICHELIN แหมฮ้านนึ่งแต๊ๆ..กิ๋นบนเฮือน
    ปูอ่อง70.- ข้าวเหนียวดำ+ส้าผักกาดน้อย60.-จิ้นส้มหมกธรรมดา60.- แกงตูนปลาช่อน120.- น้ำพริกหนุ่ม+หมูทอด120.-ตำบ่าหนุน60.-ไส้อั่ว70.- กินกับข้าวเหนียวนิล(ออร์แกนิค)ที่นึ่งด้วยไอน้ำ ทำให้เมล็ดเต่งตึง อร่อย(ลำ)แต๊ๆ..เจ้า

    -ครัวหลองข้าว By.Eve's Cuisine(แม่ริม) MICHELIN 2022
    https://maps.app.goo.gl/wQBNGnnW3tiAzoiD7
    ลาบหมูคั่ว*90.- แกงฮังเล*100.-ยำเชียงดากรอบ*90.-
    แกงผักปลังใส่จิ้นส้ม90.- จิ้นส้มหมก50.-จิ้นแดงทอด90.-
    ตำส้มโอน้ำปู๋70.-แกงผักบุ้งใส่ปลา90.- ราคาไม่แพง


    -ครัวเพชรดอยงาม รางวัล MICHELIN PLATE ถ.มหิดล
    https://maps.app.goo.gl/K5EGYU85rNFERBcEA
    แกงน้ำไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ผัดไข่ผักเชียงดา
    ลาบหมูคั่ว 120.- แกงฮังเล 150.- ยำสมุนไพร 150.- ออเดิฟ 220.-
    -ลำดี ตี้ ขัวแดง MICHELIN PLATE อ.สันทราย
    ร้านนี้เมนูมากมาย อร่อยทุกเมนู
    -ฮ้านถึงเจียงใหม่ @CHIANGMAI2009 (09.00-21.00น.)
    มี 2 สาขา ซอยวัดอุโมงค์ และ แม่ริม อาหารเหนือทุกแบบ(รสกลางๆ..ไม่เผ็ด)
    บริการนักศึกษาราคาไม่แพง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล ไส้อั่ว ผัดเห็ดถอบ

    -เฮือนสุนทรี เวชานนท์ ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์=ราคาไม่แพง
    https://maps.app.goo.gl/nT1kWptSULxuAfXY9
    แกงอ่อมไก่ ลาบคั่ว แหนมผัดวุ้นเส้น แกงอ่อมไก่

    -คุ้มขันโตก +การแสดง หัวละ 699.-
    https://maps.app.goo.gl/VvcvAgufqRprojvx9

    -ครัวป้าอ้อย(เจ๊ไฝ แห่ง เชียงใหม่)MICHELIN
    https://maps.app.goo.gl/FGbyKJ3uazWowrjV9
    ปูนิ่มทอดกระเทียม ข้าวหมูกรอบทอดกระเทียม ขนมปังหน้าหมู ข้าวทะเลผัดผงกะหรี่

    -ร้านก่องข้าวเมือง
    https://maps.app.goo.gl/8AmXYKPgZCUasVKb9
    ไก่นึ่งสมุนไพร และ ไส้อั่ว(ต้องจองล่วงหน้า 2วัน)
    แกงเห็ดถอบ 250 ปูอ่อง 100 จิ้นส้มหมก 50
    ตำกะท้อนน้ำปู๋ (แซ่บ)80 น้ำพริกก่องข้าวเมือง150

    -นายข้าวนึ่ง รสแบบบ้านๆแท้ อ.สันกำแพง
    https://maps.app.goo.gl/7XSGfawBTaFvEmEU6
    เชียงดาไข่มดแดง80.-คั่วไก่สูตรพะเยา70.-จิ้นส้มหมก40.-
    คั่วเห็ดถอบใส่ใบมะขาม90.-จอผักกาด70.-

    -ป้าแดงจิ้นตุ๊บ (เปิดบ่ายสาม) อ.สันทราย
    https://maps.app.goo.gl/f6VR8jqR5G3ZoTnw7
    จิ้นตุ๊บ หมูตุ๊บ ต้มแซ่บ ต้มขม จี้นส้ม แอ๊บอ่องออ


    อาหารไทย-ตามสั่ง----------------------

    -ร้านเชฟนนท์ ข้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
    https://maps.app.goo.gl/bdhyoch6naVxWZae6
    สวนอาหารตามสั่ง จัดเต็มทุกเมนู( 10.00-17.00น.)
    ข้าวผัดแหนม 65 ปู กุ้ง 75 บาท ไข่เจียวปู 150
    ต้มยำกุ้ง 180 ข้าวหมูผัดน้ำมันหอย 65
    ทะเลคั่วพริกเกลือ 150

    -ครัวอาจารย์สายหยุด & หมอทราย
    https://maps.app.goo.gl/B3dx6ptiLeVM26GbA
    อาหารไทยชาววัง หรูหรา อาหารอร่อย กินง่าย

    -ส้มตำอุดร ซ.ทานตะวัน ตรงข้ามรพ.มหาราช
    https://maps.app.goo.gl/qXTGjmD2D4BrRwFr5
    ตำข้าวโพด คอหมูย่าง หมูแดดเดียว ข้าวมันไก่...

    -ครัว พ.เพียง ซอยข้างร้านสุกี้ช้างเผือก มช.
    https://maps.app.goo.gl/KRC4H32sv5XgasPG9
    แกงส้มกุ้งชะอม แกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำถัวพู ผัดไทยกุ้ง

    -เฮ้ดแซ่บตามสั่ง
    https://maps.app.goo.gl/JtnhQT2GzG6ycnun7
    ข้าวผัดต้มยำ กะเพราปลาดุก
    หมูกรอบคั่วพริกเกลือ กุ้งซ๊อสมะขาม

    -ร้านอาหารอิสาน ครัวคำแพง (แม่โจ้)
    https://maps.app.goo.gl/1WH9f2AouFAjUqR88


    -บี่เฮียงโภชนา-หนองป่าครั่ง
    https://maps.app.goo.gl/ChcLrPPMNMYAJUfy9
    หมูกรอบ มาม่าผัดนรกหมูกรอบ มาม่ากระเพราหมูสับ
    กุ้งอบวุ้นเส้น หมูกรอบผัดพริกเกลือ ปลากระพงทอดน้ำปลา

    อาหารจีน-----------------------------

    -เหม่ยเจียง***(เชียงใหม่แลนด์) ร้านเล็กๆ หรู สไตล์ฮ่องกง
    https://maps.app.goo.gl/A3PvK3swNQHa52Ji8
    อาหารคุณภาพดี +อร่อยทุกอย่าง ไม่เคยผิดหวัง

    -เลิศรส**(ใต้ร่มเฟือง)
    https://maps.app.goo.gl/wJpD664CW7PMNNry6
    กุ้งผัดเกลือ กรรเชียงปู กุ้งอบวุ้นเส้นแห้ง หมึกไข่นึ่งมะนาว

    -เอกทิพย์โชคดี
    https://maps.app.goo.gl/ztTEDLFcsyhDTRCB8
    กระเพาะปลาน้ำแดง ออส่วนกระทะร้อน ผัดเต้าหู้ คั่วไก่

    -เล้งติ่มซำ
    https://maps.app.goo.gl/67HNMzhzifihFayLA
    ขนมจีบกุ้ง,ฮะเก๋า,ขาไก่อบเต้าซี่,ซี่โครงอบซอส,
    ถุงทอง กุ้งห่อฟองเต้าหู้ทอด,ปลาสามรส,*กุ้งสามรส,ปอเปี๊ยะสดปู

    -Hua lin เป็นร้านอาหารจีนไต้หวัน บริการดี
    https://maps.app.goo.gl/GzmpSRrhRMQPwPD58
    บะหมี่เส้นนุ่มหนึบอร่อย น้ำซุปเข้มข้น เนื้อเปื่อยนุ่มอร่อย เกี๊ยวซ่าทอดชิ้นใหญ่
    ไส้หมูกับกุ้งกรอบนอกนุ่มใน เสี่ยวหลงเปาอร่อยมาก ราคาไม่แพงด้วย

    -YANGZI JIANG ก๋วยเตี๋ยวหลอดหอยเชลล์
    https://maps.app.goo.gl/zgQZtf39Brp7FvAR7

    -บ้านสวนเจ็ดยอด โฮม แอนด์ การ์เด้น (ภัตตาคารซั่งไห่หลง)
    https://maps.app.goo.gl/dfN8mH5AxHkVQGdt9
    แนะนำ สเต๊กฮ่องกงยอดผัก

    -ภัตตาคารเจี่ยท่งเฮง ศรีดอนไชย
    https://maps.app.goo.gl/uUbWHpi8BGkxvCd19
    ปลาชิกคักนึงบ๊วย และ ปลาญวนปั้วเจียงจื้อ

    -ภัตตาคารตูลู่ อาหารที่ดีต่อสุขภาพ เชฟจากจีน
    https://maps.app.goo.gl/Pgu9PG7KxkCQzgsN8
    แนะนำ ไก่เศรษฐี ต้องสั่งจองล่วงหน้า 2 วัน

    -วิกุลพานิช ซาลาเปาอร่อย(สันป่าย่อย)
    https://maps.app.goo.gl/4yJvuyU3Me9W32dDA

    ลาบเมือง------------------------------

    -ร้านลาบพันแหวน
    https://maps.app.goo.gl/8wdbefvM47MhLQsL6
    ลาบหมู-ไก่ ไส้อั่ว แคปหมู ไข่เจียว
    น้ำพริกหนุ่ม หมูแดดเดียว อ่องปู โคตรอร่อย

    -ลาบดีขม ข่วงสิงห์(คนยอง) ต้องไปเช้าๆ สาย(หมด)
    https://maps.app.goo.gl/rqeG4jxj6kzhTwMa6
    ที่แย่งกันซื้อ คือ จิ้นส้มหมก(ต้องสั่งจองล่วงหน้า)
    มาเมืองเหนือต้องไม่พลาด มากินลาบที่ร้านนี้ ไม่ผิดหวัง

    -ลาบบังเก้อร์ จานละ 10บาท(รวด) อาหารเหนือ
    https://maps.app.goo.gl/Ldcc5hVkdDEyzEv59

    -จ่าเหลาหมูทอด(ลำพูน)อนุสาวรีย์จามเทวี
    https://maps.app.goo.gl/Ariy67JRgpFTfF42A

    ข้าวซอย & น้ำเงี้ยว------------------

    -ข้าวซอยแม่มณี(สาขาแรก)แม่ริมปิดวันพระ
    https://maps.app.goo.gl/tbNCGo7tkzzxaxPAA
    MICHELIN BIB GOURMAND=ร้านอร่อยคุ้มค่า
    เส้นหนา หนึบ กะทิข้น+หอมเครื่องแกง เค็ม เผ็ด

    -ข้าวซอยแม่มณี2 ริมซุปเปอร์เลยข่วงสิงห์
    https://maps.app.goo.gl/qWqiTUjF9iGkwNTbA

    -ข้าวซอยเสมอใจ ฟ้าฮ่ามจอดรถในวัดฟ้าฮ่าม
    https://maps.app.goo.gl/3WjaAvCPbFM8zQ9K7

    -ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม-ร้านแรกต้นตำรับ ๒๔๘๖
    https://maps.app.goo.gl/ZoRNsSb2XLVQEUWo6
    MICHELIN PLATE 2020 2021 2022 2023
    หมู ไก่ เนื้อ 55.-

    -ข้าวซอยแม่สาย(ป้านะ) ซ.ราชพฤกษ์ ถ.ห้วยแก้ว
    https://maps.app.goo.gl/rv7saTDm9NT1TcaeA
    MICHELIN PLATE 2021 2022 2023 2024
    ข้าวซอยหมู เนื้อ และน่องไก่รสชาติน้ำแกงเครื่องเทศเข้มข้น
    เผ็ดอร่อย กะทิไม่มัน

    -ข้าวซอยพรรณี ร้านข้าวซอยบ้านๆ อยู่ข้างกาดขะจาว
    https://maps.app.goo.gl/Vf5KJsWRjRqDaTk87
    ใช้เส้นเส้นสด แกงกะทิแตกมัน รสกะทิเจ้มจ้น หอมกลิ่นเครื่องแกง

    -ข้าวซอยลุงประกิจกาดก้อมNetFlix+MICHELIN2023-24
    https://maps.app.goo.gl/Dcw41hFBQqWsfbuB9
    น้ำรสเข้มข้น(มาก)เผ็ดกว่าทุกร้าน เส้นแข็งกรุบกรอบ
    มีข้าวมันไก่ด้วย
    -สาขา CMED FOOD COURT รพ.สวนดอก
    https://maps.app.goo.gl/gkdcJiWVcfiEMSqf9

    -Khao SO-i ถนนฟ้าฮ่าม
    https://maps.app.goo.gl/8iGxH25Tb6N1ixjv7
    ช้าวซอยฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น เส้นสด ปรุงสด จานต่อจาน
    เน้นคุณภาพวัตถุดิบ เนื้อวากิว ไก่ ไข่กุ้งล๊อบสเตอร์
    (599 บาท)อร่อยมาก-ไม่เผ็ด

    -ข้าวซอยน้องฟลุ๊ค+ไส้อั่วดำรงค์ นิมมาน-17
    https://maps.app.goo.gl/EkZBw31MQAYyxMMSA
    แปลก เพราะ เป็นข้าวซอย(ผัดแห้ง)ไส้อั่ว เส้นจะมีรสเข้มข้น

    -ขนมจีนสันป่าข่อย ตลาดทองคำ ขายเย็น-ดึก
    https://maps.app.goo.gl/wogQfzLsVtv3YZ9p6
    MICHELIN BIB GOURMAND 5 ปีซ้อน
    2020 2021 2022 2023 2024
    มิชลิน 5 ปีซ้อน ในราคาถูก 10-20-30บาท
    จุดเด่นที่น้ำพริกแกงรสกลมกล่อม เน้นเผ็ด-เผ็ดมาก
    น้ำเงี้ยว น้ำยากะทิ(ใส่ไข่) แกงเขียวหวานไก่
    แกงเผ็ดหมู-เนื้อ และ ข้าวซอยไก่ (หยุดวันอาทิตย์)

    -ร้านขนมจีนพี่เล็ก ในศูนย์อาหาร CENTRAL AIRPORT
    https://maps.app.goo.gl/zesZbqQdxTSjm6gp6
    ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำยาป่า รสเข้มข้น
    ราคาไม่แพง 30-50 บาท

    -กิ๋นลำ น้ำเงี้ยว ร้านอยู่ใต้หอพักภูสักทอง ถ.สุเทพ
    https://maps.app.goo.gl/tQkpx8uVCiLFgKNo6
    เปิด 10.30น. น้ำเงี้ยวร้านนี้เป็นสูตรเชียงราย(เส้นใหญ่)
    เชียงใหม่(ขนมเส้น) เครื่องแน่น มีดอกงิ้ว รสจัด (30-40)

    -ก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวเชียงแสน(บ้านน้ำเงี้ยวเวียงเก่า)
    https://maps.app.goo.gl/gHS7fEDKCsYcnKmt6
    น้ำเงี้ยวสไตล์เชียงราย เข้มข้น เผ็ดเค็ม นัว เหน่อ บีบมะนาว+
    โรยพริกแห้งคั่วอร่อย ทานคู่แค้บหมูผักดอง อร่อยมาก เส้นนุ่มลื่น

    สุกี้---------------------------------

    -สุกี้ช้างเผือก คิวยาวเป็นพิเศษ (17.00-00.00น.)
    https://maps.app.goo.gl/M7Y2SqC9Rs3W4RXw7
    สาขา 1 ถนนสุเทพ หลัง ม.เชียงใหม่
    https://maps.app.goo.gl/MwEsr6UGJAHJSKPDA
    สาขา2 สี่แยกสนามบิน
    https://maps.app.goo.gl/NKVpW2rjuM1xVzKD7
    สาขา3 กรีนพาร์ค -Central Festival
    https://maps.app.goo.gl/HEp8RUbVuRPUefk37

    ***จองคิวล่วงหน้า ผ่านแอ๊ปฯ QueQ ได้นะ***

    เด็ดสุด ตือ สุกี้แห้งเนื้อ59.-ผัดจนมีกลิ่นกระทะติดมาด้วย แต่
    ผักยังคงความกรอบอร่อยอยู่ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของสุกี้ช้างเผือก
    หมู 59.-ทะเล69.- และมังสวิรัติก็มี เด็ดที่น้ำจิ้มที่เข้ากันดี

    -บัวลอยไข่หวาน เจ๊ซ้วง
    https://maps.app.goo.gl/gRWJnzCXHpa3rgTPA

    -ติ๋มสุกี้-จานร้อน(วัดเกตุ)
    https://maps.app.goo.gl/9ipYQhwkHZDJ6GZn8
    กระเพรา ผัดน้ำมันหอย ผัดฉ่า เตี๋ยวคั่วไก่

    -คั่วไก่นิมมาน กะทะร้อน 80.-
    https://maps.app.goo.gl/6Rca327koUYXdjer8
    ข้าวผัดเดอเมือง 160.- ข้าวเงี๊ยว 60.-

    -มาม่าฟ้าธานี แซ่บ..สุดๆ (บ่าย3-ตีหนึ่ง)
    https://maps.app.goo.gl/9txTe5mxym6JVtCs5


    ก๋วยเตี๋ยว--------------------------

    -ก๋วยเตี๋ยวเครื่องล้นธนาโอชา ถนนราชวงศ์ ช้างม่อย
    https://maps.app.goo.gl/ysqKA4JnrU5cPoWy8
    MICHELIN 2020 2021 2022 2023 (07.00-17.00น.)
    ก๋วยเตี๋ยวแคะ เย็นตาโฟ เกี้ยมอี๋ ก๋วยเตี๋ยวหลอด
    ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลา ลวกจิ้ม บ๊ะจ่าง ลูกชิ้นเกี๊ยวปลา
    ปลาเส้นฮื่อก๊วย เต้่าหู้ยัดไส้ลูกชิ้นหมูสับ ลูกชิ้นแคะ
    เลือดหมู ปลาหมึกกรอบ เกี๊ยวทอด ป่อเปียะปู
    ป่อเปี๊ยะสด เกี๊ยวหมูน้ำ เกี๊ยวปลาน้ำ เกี๊ยวกุ้งน้ำ
    ข้าวหมูกรอบ

    -ก๋วยเตี๋ยวเรือธารา(สวนดอก)ซ.สิโรรส ใกล้ Papa Curry
    https://maps.app.goo.gl/sSctHbtSKg3Yj9m69

    -ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึง สาขาGlobal House เวียงกุมกาม
    หน้าตาดี ใส่ปลาหมึกแห้ง..อร่อย ไม่แพง
    https://maps.app.goo.gl/yEG9UGTsrJKrFx6p6

    -ครัวป้าหมอน ลุงชัย ย่านสันติธรรม ถ.กระดังงา
    ร้านเล็กๆ..แต่ พาใครไป ต้องยกนิ้วให้เรื่องความอร่อย
    เล็กรวมหมูต้มยำอร่อยสุด
    โทร 053 998555. 085-717 4139
    https://maps.app.goo.gl/FYyTwxjeEPMQnjKN8

    -โกยซีหมี่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า(หม้อดิน)นครปฐมโอชา
    ข้างโรงแรมดิเอ็มเพรส หรือ ถนนเจริญประเทศ ซอย 12
    https://maps.app.goo.gl/gyWYzsn3kdmVDBzN8

    -ก๋วยเตี๋ยวเรือเข้าท่าอยุธยา เจ็ดยอด 20บาท
    https://maps.app.goo.gl/UKyrPE74iBeJevWw8
    ทั้งหมูและเนื้ออร่อยทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ รสจัดจ้าน

    -ก๋วยเตี๋ยว 10 บาท นายพล ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ 6.30-15.00
    https://maps.app.goo.gl/iqcmzVDUCS7EgNN27

    -ก๋วยเตี๋ยวทองหล่อ (09.00-16.00น.) ตัมยำสูตรโบราณ
    https://maps.app.goo.gl/DAzgue3THgjnUXPC6
    ซุปหมูปุยเมฆต้มยำ ต้นตำรับ พศ.๒๔๙๙ แซ่บ..เว่อร์

    -จ๊ะเอ๋(เช้า) เลือดหมูจิงจูฉ่าย ตรงข้ามเชียงอินน์
    https://maps.app.goo.gl/Nqph9VxcvUuxhUvP7

    -อ๋องทิพย์รส เตี๋ยวลูกชิ้นปลาหัวนม 45.-
    https://maps.app.goo.gl/hxXe1w2Y2N3JupdXA

    -หมี่เกี๊ยว เตี๊ยว ป๊อก ป๊อก (STAR AVENUE-5 หางดง)
    https://maps.app.goo.gl/TNWh2RHYtpBurEvA7
    โทร 097 956 9542

    -ป้าหลง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อไส้ รถเข็นตรงข้ามรพ.เชียงใหม่-ราม
    https://maps.app.goo.gl/dv85iCpRVidx5JJ2A
    หยุดอาทิตย์ 8.30-14.30น. เด็ดที่เอ็นตุ๋นชิ้นใหญ่ๆ ไส้เปื่อย

    -บะหมี่ซุปกระดูกรสเด็ด(เฮียดาว)9.00-18.00น.
    https://maps.app.goo.gl/M6NLDGZ4BbeTFWvs9
    ติดตลาดแม่เหียะ มีต้มเลือดหมูจิงจูฉ่าย หมูบะช่อ
    ข้าวต้มปลา บะหมี่เกี๊ยว+ก๋วยเตี๋ยว
    ข้าวหมูแดง หมูกรอบ *ข้าวผัดพริกเกลือ*

    -ร้านผัดไทยไออุ่น ต.หนองควาย อ.หางดง
    https://maps.app.goo.gl/HoMzH9sMgY2QFBTg7
    ผัดไทย-ผัดซีอิ๊ว-ข้าวผัด(กุ้ง,หมู,ไก่)
    เด็ดที่น้ำซอสปรุงรสผัดไทย น้ำพริกเผา-พริกแห้ง
    สีเข้ม เทคนิคการตอกไข่ใส่เป็นแผ่นคล้ายผัดไทยห่อไข่
    ผัดไทย 50 บาท ผัดซีอิ๊ว 40 บาท ข้าวผัด 55 บาท

    -ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท ในตำนานหลังโรงเรียนปริ้นส์
    https://maps.app.goo.gl/xJhdW7uCmhpj2vXY9
    ปัจจุบัน กินชามใหญ่ 10 บาท x 5 ชามน่าจะอิ่ม

    -เตี๋ยวไก่ล้านปากหวาน
    กาดธานินทร์ (เปิด06.00-22.00น.)
    https://maps.app.goo.gl/CLLSnsoaz2frMmrK7
    กาดหน้ามอชอ foodzone1 เปิด18.00-23.00 น

    -ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นสารภี MICHELIN PLATE
    เป็ดตุ๋น ข้าวหน้าเป็ดย่าง อร่อยเด็ด เนื้อเป็ดนุ่มแน่นและรสดี
    หนังกรอบนิดๆ ราดน้ำเป็ดหอมกรุ่น ให้ปริมาณค่อนข้างเยอะ
    https://maps.app.goo.gl/fnvruWP8UqHzyPR78

    ข้าวแกง--------------------------

    -โอ รสเด็ด(ฟ้าฮ่าม)เปิด 7โมงเช้า ขายข้าวแกง
    https://maps.app.goo.gl/zzdVgY3TKM9rtEzf9
    พะแนงเนื้อ30.- หมูอบ30.- แกงเนื้อ30.- เขียวหวานไก่20.- แกงไก่หน่อไม้20.- ผัดพริกแกงปลาดุก30.- ต้มข่าไก่20.- ไข่พะโล้30.-

    -จิวเยาวราช
    https://maps.app.goo.gl/wBQHJi6yvVJNyyL47
    ซี่โครงทอดกระเทียม 120.-ทอดมันปลากราย100.- *กุยช่ายขาวผัดเต้าหู้*

    -PAPA CURRY ข้าวกะหรี่ญี่ปุ่น หอมจัด เครื่องเทศชัดเจน
    https://maps.app.goo.gl/Y3YydT7nbPjqes5v6
    ข้าวแกงกะหรี่ไก่ เนื้อ หมู ชีส มะเขือม่วง..สุดยอด

    กลางคืน-------------------------
    -ร้านข้าวต้มย้ง ถนนสุเทพ ใกล้วัดสวนดอก
    https://maps.app.goo.gl/yDc5oMGMciDp8SUC8

    -ศ.ศรีราชาข้าวต้มปลา(16.30-)
    https://maps.app.goo.gl/UriZyGWNYYyPAmQ99
    กะหล่ำผัดน้ำปลา70.- ปีกไก่ทอดน้ำปลา80.-
    ไข่เจียวหอยนางรม80.- ข้าวต้มหอยนางรม100.-

    - อันดา SEAFOODทะเลเผา329+หมูกระทะ199 บุปเฟ่ต์
    https://maps.app.goo.gl/h7HkcUn8EgksVuK56
    (17.00-23.00น.)มีของหวาน ไอติม ด้วย

    -เนื้อกระทะมุสลิมถ.เจริญเมืองติดปั๊มเชลล์
    https://maps.app.goo.gl/t6xkZ7KmRSdyPYbF8

    -เล็ก เกี๊ยวกุ้งสด ถ.ทิพยเนตร ใกล้คู ประตูสวนปรุง
    https://maps.app.goo.gl/FcAobVzwoTYUdosH8
    เกี๊ยวกุ้งน้ำหมูสับ 70.-บะหมี่เกี๊ยวกุ้งแห้งหมูแดง 80.-

    -ข้าวนึ่งไก่ทอดเที่ยงคืน เปิดเย็นๆ-รุ่งสาง
    https://maps.app.goo.gl/sNW9uekXNvGTMoCc8
    ไก่ทอด หมูสามชั้น ข้าวเหนียว ไข่ต้ม ++น้ำพริกหนุ่ม
    ของสดใหม่ ทอดใหม่..ตลอด

    -บะหมี่สามเหลือง ข้างกาดต้นพยอมบะหมีนักกล้าม
    https://maps.app.goo.gl/1DSJkMuiDFqCkGb7A

    -รังนก(17.00-22.30)ตรงข้ามเภสัช ธ.กรุงเทพ(สวนดอก)
    https://maps.app.goo.gl/KhPXfE2AV6xZ43in6

    -โรตีMICHELIN-ป้าเด ท่าแพซอย4
    https://maps.app.goo.gl/EUWCbgGUQwXWDKew8
    โรตีกรอบนอก-นุ่มในใช้น้ำมันมะพร้าว มีทั้ง โรตีใส่ไข่ ใส่นม มะดะบะ
    วิธีสั่ง เขียนออเด้อร์ในกระดาษ แล้วแปะไว้ ป้าเด..จะทำเรียงตามออเด้อร์

    -โรตีบรอดเวย์ แบบธรรมดา10.- แบบหมักเนยเล็ก30.-
    https://maps.app.goo.gl/GLPAAsYxFe2USMwH7

    -ข้าวเหนียวมะม่วงป้าหลอด กาดหลวง
    https://maps.app.goo.gl/X1jPWNTUWFnrw5Kh8

    -ขนมจีนสี่แยกกำแพงดิน 20.-
    https://maps.app.goo.gl/HncWFuTcSaFL3KvN9

    -หมี่กระดาษ ตลาดช้างเผือก
    https://maps.app.goo.gl/iqvNkQty1hva9E6U9

    -อาหารทอด ป้าฟรุตตี้ หอแพทย์สวนดอก 00.00-03.00
    https://maps.app.goo.gl/7ASTvGReJUfHUJw39

    ก๋วยจั๊บ---------------------------

    -ก๊วยจั๊บช้างม่อยตัดใหม่ MICHELIN 3 ปีซ้อน 9.30-15.00น.
    https://maps.app.goo.gl/CJhdM8PLGYQcvpk98
    ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่อง "ก๋วยจั๊บไส้อั่ว" เสิร์ฟในน้ำซุปถึงรสพริกไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ใส่หมูกรอบเครื่องใน และตับหมู และยังมีอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ "ข้าวหมูกรอบ" ปอเปี๊ยะสด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบาง ๆ ราดซอสหอมกรุ่น

    -อื้อ ชั่ง เซ้ง ขนมไข่..สด อร่อยมาก
    https://maps.app.goo.gl/wJAVsJjFuVEpfH6p9

    -ก๊วยจั๊บรินลองกอย(หลัง ม.ช.)เปิด 6โมงเช้า-สายๆ
    https://maps.app.goo.gl/pu7YCWCzeVzvnJi37
    ชามใหญ่ หน้าตาดี กรอบหอม+อร่อยสุด 40 บาท

    -ก๊วยจั๊บน้ำข้น สามกษัตริย์. เจ้าเก่า
    https://maps.app.goo.gl/kNA8JqV8BChcipiC8

    -น.ก๋วยจั๊บ ประตูท่าแพ เปิด8โมงเช้า(ช้า..หมด)
    https://maps.app.goo.gl/uiSqG7BD5r6h1isP6
    มี2อย่าง หมูกรอบล้วน, หมูกรอบเครื่องใน

    SNACKs----------------------------
    - ร้านโกเหน่ง ปาท่องโก๋+สังขยา ตลาดต้นลำไย
    https://maps.app.goo.gl/uZoBbxZWjAun9YMK8
    (เป็น ปาท่องโก๋ รูปมังกร40 ช้าง20ก๊อตซิลล่า20
    -ถั่วลายเสือซ่อนลาย
    -ข้าวเกรียบปากหม้อสาคูไส้หมู ลุงขจรวัดเกต
    https://maps.app.goo.gl/3uidZf8UqHQ4YY4N8

    -เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อย ไม้6.- ถ.ระแกง-ช้างคลาน
    https://maps.app.goo.gl/a9XnA3KJH3NNSxpC9
    ขายตอนเช้าๆ..ไม่เกิน 10โมงเช้า(หมด)อดกิน

    -กล้วยทอดบัตรคิว สันป่าข่อย
    https://maps.app.goo.gl/s7fpogip7hVqYq4A9
    กล้วยแขก ข้าวเม่าทอด ข้าวเหนียวปิ้ง

    ไส้กรอก---------------------------

    -ป้าใจ๋ ไส้กรอกข้าว(3ลูก10)วันจันทร์แบบเปรี้ยว
    https://maps.app.goo.gl/w35qeaJsWgCw5Esc8

    -ไส้กรอกแม่อุดม (ริมปิง)อร่อยมาก เปรี้ยวกำลังดี
    https://maps.app.goo.gl/EMdgk1V5QXAJkmj3A
    ไส้กรอกหมู 18.-วุ้นเส้น18.-

    -ไส้กรอกคุณยายนิมมาน (กลางคืน)
    https://maps.app.goo.gl/jV2nrn6RDqWknz86A
    หมูธรรมดา15.-หมูเปรี้ยว15.-หมูเผ็ด15.- ข้าว+เอ็นไก่15.-
    ลาบไก่15.- ไส้อั่ว20.- ตับกระเทียม20.- ไส้อั่ว+ข้าวเหนียว20.-

    -ไส้อั่ว(ตับ)แม่อุไร สันกำแพง ลำแต๊ๆ..เจ้า.
    https://maps.app.goo.gl/9A3xWvrSQqhiUtww8
    โทรจอง(ล่วงหน้า) ไม่เกิน 10 โมงเช้า หมด..อดกินแน่นอน

    FARANG--------------------------

    -BOAT BAKERYหน้าปากซอยบ้าน มีทุกอย่าง(อร่อย)
    https://maps.app.goo.gl/TdEwPvMCysJYAvem9

    -The LADER Cafe & Bar อาหาร-เช้า แนว..ออสซี่
    https://maps.app.goo.gl/ZtQamTohyWn5ab9L7
    แนะนำ เมนู Parmesan Scramble Eggs+Sourdough+ร๊อคเก็ต+Chorizo
    กินกับสลัดผัก The Larder Chef Salad และ แซนด์วิช Open Dandwich
    สะสมไขมันพอกตับด้วย Chocolate Chip Banana Bread

    หรือ จะสั่ง Lader Classic เลือก Sourdough/ White bread ได้
    ที่นี่มีเนย Echire Salted Butter ไซส์เล็ก 30 กรัม เพิ่ม 75.-
    เลือก ผักร๊อคเก็ต/ มะเขือเทศ/ Mixed และ Scrambled Eggs +Cheese ตัดเลี่ยนด้วย Strawberry +มะเดื่อ /มะม่วง เนื้อสัตว์นิยมสั่งเบคอนหนาๆ กินคู่กับ เม็ด Caperหอมๆ (ชุดใหญ่)นี้ราคารวม 450 บาท
    ร้านนี้ สั่ง(ชุดเล็ก) Prosciutto Salad 265 บาท

    -THE JOURSEY นมไขมันสูง ไอติม โยเกิร์ต คุณภาพสูง
    สุเทพ หลัง ม.เชียงใหม่
    https://maps.app.goo.gl/Gq9qc3NNDFWiF8gq6
    ก๋างเวียง
    https://maps.app.goo.gl/62vqZ9gTw21VoV4J7
    ไอติม 60-100 บาท. โยเกิร์ตบิสคอฟ 70 บาท

    -ADIRAK PIZZA วัดร่ำเปิงพิซซ่าแป้งหมัก Sourdough
    https://maps.app.goo.gl/KsGsTtw3XjvEW8ps8
    วัตถุดิบต่างๆ Home Made ทำเอง เช่น Sauce,
    Mossarella Cheese, Burrata Cheese
    *แนะนำ Pasta-Pesto Pizza 365บาท แป้งเหนียวหนึบ
    แบบขนมปัง ชีสรสเข้มข้น ครบทุกรส หวานจากBalsemic เปรี้ยว..นิดๆจาก Rocotta Cheese เข้ากับความหวานจากมะเขือเทศตากแห้ง เป็นรสนัวๆเข้าถึงกลิ่นหอมจากเพสโต้

    -ร้านเค็กบ้านเปี่ยมสุข
    https://maps.app.goo.gl/gLekr2sgm7wivBtG9
    แนะนำ *พายมะพร้าว 125 บาท/ชิ้นอร่อยที่สุดในโลก

    -ต้องตา & ตะวัน เบเกอรี่ ถนนมหิดลก่อนถึงเชียงใหม่แลนด์
    https://maps.app.goo.gl/DC2Bf5xaXTkZoG8C7

    -MERRY BON BON บิงซู(เกาหลี)ปุยเมฆ*แสนอร่อย
    https://maps.app.goo.gl/BJaK2w9Mz6MCCTCU7

    -Nymph(11.00-14.00และ 17.00-20.00)ปิดอังคาร
    https://maps.app.goo.gl/2biamCLuGt49MxoP7
    Smoked Duck & Orange Salad 260.-
    Mushroom Truffle Sauce Pasta 230.-
    Spicy Mentaiko with Scallop 445.-

    -KALM Tea House (ลำพูน) เลย อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นิดเดียว
    https://maps.app.goo.gl/xP9KjNLUjUDCqXcy8

    -ร้านน้ำปั่น Joost สดชื่นราคาดี
    https://maps.app.goo.gl/e3h3EoRfrjJzhvb87

    -Helo COLA
    https://maps.app.goo.gl/41kBnHd9zL6hLVCFA
    หอมกลิ่นเครื่องเทศ อบเชย กระวาน กานพลู เม็ดผักชี ลูกจัน
    ขิง ผสมกับ ผิวส้ม เลม่อน +น้ำตาลธรรมชาติ
    Coffee Indian-Gooseberry COLA 90.--Craft COLA 65.-

    -Khao Fang นิ่มซิตี้ ใกล้ Robinson Airport Plaza
    https://maps.app.goo.gl/g3rbfSYvnUFshjv18
    Hong Kong Toast with Grilled Corn & Caramel 109.-
    Black Sesami Bualoy & Ginger Ale 80.-

    -ASAMA COFFEE โดย คุณมุก-อสมา วิชัยดิษฐ์
    https://maps.app.goo.gl/uiBieKNYuZq2mdXP6
    แนะนำ 1) Espresso Panna Cotta 2) Gravity(Dirty)

    -กาดหน้ามอ
    https://maps.app.goo.gl/DYNRnGTpjhakwoKK8
    เดินชมตลาดอาหาร และ ในกาดมีของกินอีกเยอะ
    แต่...เด็ดที่สุด คือ ไอติม SOFT SERVE รสช๊อคโกแล๊ต
    ............................................................

    รวบรวม โดย พัชรี ว่องไววิทย์
    December20, 2024
    San Francisco, CA94108.
    รวม ร้านอาหาร(เด็ด)ในเชียงใหม่ -UPDATED สวนอาหารเหนือ--------------------- -กิตติพานิช (LANNA CUISINE)ถ.ท่าแพ https://maps.app.goo.gl/EejkcZVTDvquy3T67 ร้านอาหารคุณภาพสูง ระดับโลก MICHELIN GUIDE น้ำพริกอ่อง(ชุด) 170.-น้ำพริกหนุ่ม 170.-ตำบ่าหนุน 190.-แอ๊บปลาทับทิม 450.-ฮังเลหมู290.-ผักกาดจอ 280.- ยำผักชีไก่ย่าง 210.-ข้าวซอย 260.-ยำใบชาหมัก 190.- ต้มจิ๊นลุง 190.- ไก่อุ๊ก 290.-ส้มตำกิติพานิช 190.- -เฮือนม่วนใจ๋ เลยข้าวซอยแม่สายไปน่อยเดียว https://maps.app.goo.gl/r2f9S55zxBXTb1r16 ☝️ เชฟจรัล MICHELIN 2020 2021 2022 2023 2024 และ ได้ MICHELIN BIB GOURMAND ข้าวซอยไก่ 65.- ข้าวซอยเนื้อ 85.- ขนมจีนน้ำเงี้ยว50.- ไส้อั่ว 80.- ออเดิฟเมือง 250.- น้ำพริกอ่อง 80.-..... -เฮือนใจ๋ยอง ใกล้วัดป่าตาล อ.สันกำแพง https://maps.app.goo.gl/vKTwR7P7JJsfZHwE7 อาหารเหนือ ที่ ได้ MICHELIN แหมฮ้านนึ่งแต๊ๆ..กิ๋นบนเฮือน ปูอ่อง70.- ข้าวเหนียวดำ+ส้าผักกาดน้อย60.-จิ้นส้มหมกธรรมดา60.- แกงตูนปลาช่อน120.- น้ำพริกหนุ่ม+หมูทอด120.-ตำบ่าหนุน60.-ไส้อั่ว70.- กินกับข้าวเหนียวนิล(ออร์แกนิค)ที่นึ่งด้วยไอน้ำ ทำให้เมล็ดเต่งตึง อร่อย(ลำ)แต๊ๆ..เจ้า -ครัวหลองข้าว By.Eve's Cuisine(แม่ริม) MICHELIN 2022 https://maps.app.goo.gl/wQBNGnnW3tiAzoiD7 ลาบหมูคั่ว*90.- แกงฮังเล*100.-ยำเชียงดากรอบ*90.- แกงผักปลังใส่จิ้นส้ม90.- จิ้นส้มหมก50.-จิ้นแดงทอด90.- ตำส้มโอน้ำปู๋70.-แกงผักบุ้งใส่ปลา90.- ราคาไม่แพง -ครัวเพชรดอยงาม รางวัล MICHELIN PLATE ถ.มหิดล https://maps.app.goo.gl/K5EGYU85rNFERBcEA แกงน้ำไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ผัดไข่ผักเชียงดา ลาบหมูคั่ว 120.- แกงฮังเล 150.- ยำสมุนไพร 150.- ออเดิฟ 220.- -ลำดี ตี้ ขัวแดง MICHELIN PLATE อ.สันทราย ร้านนี้เมนูมากมาย อร่อยทุกเมนู -ฮ้านถึงเจียงใหม่ @CHIANGMAI2009 (09.00-21.00น.) มี 2 สาขา ซอยวัดอุโมงค์ และ แม่ริม อาหารเหนือทุกแบบ(รสกลางๆ..ไม่เผ็ด) บริการนักศึกษาราคาไม่แพง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล ไส้อั่ว ผัดเห็ดถอบ -เฮือนสุนทรี เวชานนท์ ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์=ราคาไม่แพง https://maps.app.goo.gl/nT1kWptSULxuAfXY9 แกงอ่อมไก่ ลาบคั่ว แหนมผัดวุ้นเส้น แกงอ่อมไก่ -คุ้มขันโตก +การแสดง หัวละ 699.- https://maps.app.goo.gl/VvcvAgufqRprojvx9 -ครัวป้าอ้อย☝️(เจ๊ไฝ แห่ง เชียงใหม่)MICHELIN https://maps.app.goo.gl/FGbyKJ3uazWowrjV9 ปูนิ่มทอดกระเทียม ข้าวหมูกรอบทอดกระเทียม ขนมปังหน้าหมู ข้าวทะเลผัดผงกะหรี่ -ร้านก่องข้าวเมือง https://maps.app.goo.gl/8AmXYKPgZCUasVKb9 ไก่นึ่งสมุนไพร และ ☝️ไส้อั่ว✅(ต้องจองล่วงหน้า 2วัน) แกงเห็ดถอบ 250 ปูอ่อง 100 จิ้นส้มหมก 50 ตำกะท้อนน้ำปู๋ (แซ่บ)80 น้ำพริกก่องข้าวเมือง150 -นายข้าวนึ่ง รสแบบบ้านๆแท้ อ.สันกำแพง https://maps.app.goo.gl/7XSGfawBTaFvEmEU6 เชียงดาไข่มดแดง80.-คั่วไก่สูตรพะเยา70.-จิ้นส้มหมก40.- คั่วเห็ดถอบใส่ใบมะขาม☝️90.-จอผักกาด70.- -ป้าแดงจิ้นตุ๊บ (เปิดบ่ายสาม) อ.สันทราย https://maps.app.goo.gl/f6VR8jqR5G3ZoTnw7 จิ้นตุ๊บ หมูตุ๊บ ต้มแซ่บ ต้มขม จี้นส้ม แอ๊บอ่องออ อาหารไทย-ตามสั่ง---------------------- -ร้านเชฟนนท์ ข้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ https://maps.app.goo.gl/bdhyoch6naVxWZae6 สวนอาหารตามสั่ง จัดเต็มทุกเมนู( 10.00-17.00น.) ข้าวผัดแหนม 65 ปู กุ้ง 75 บาท ไข่เจียวปู 150 ต้มยำกุ้ง 180 ข้าวหมูผัดน้ำมันหอย 65 ทะเลคั่วพริกเกลือ 150 -ครัวอาจารย์สายหยุด & หมอทราย https://maps.app.goo.gl/B3dx6ptiLeVM26GbA อาหารไทยชาววัง หรูหรา อาหารอร่อย กินง่าย -ส้มตำอุดร ซ.ทานตะวัน ตรงข้ามรพ.มหาราช https://maps.app.goo.gl/qXTGjmD2D4BrRwFr5 ตำข้าวโพด คอหมูย่าง หมูแดดเดียว ข้าวมันไก่... -ครัว พ.เพียง ซอยข้างร้านสุกี้ช้างเผือก มช. https://maps.app.goo.gl/KRC4H32sv5XgasPG9 แกงส้มกุ้งชะอม แกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำถัวพู ผัดไทยกุ้ง -เฮ้ดแซ่บตามสั่ง https://maps.app.goo.gl/JtnhQT2GzG6ycnun7 ข้าวผัดต้มยำ กะเพราปลาดุก หมูกรอบคั่วพริกเกลือ กุ้งซ๊อสมะขาม -ร้านอาหารอิสาน ครัวคำแพง (แม่โจ้) https://maps.app.goo.gl/1WH9f2AouFAjUqR88 -บี่เฮียงโภชนา-หนองป่าครั่ง https://maps.app.goo.gl/ChcLrPPMNMYAJUfy9 หมูกรอบ มาม่าผัดนรกหมูกรอบ มาม่ากระเพราหมูสับ กุ้งอบวุ้นเส้น หมูกรอบผัดพริกเกลือ ปลากระพงทอดน้ำปลา อาหารจีน----------------------------- -เหม่ยเจียง***(เชียงใหม่แลนด์) ร้านเล็กๆ หรู สไตล์ฮ่องกง https://maps.app.goo.gl/A3PvK3swNQHa52Ji8 อาหารคุณภาพดี +อร่อยทุกอย่าง ไม่เคยผิดหวัง -เลิศรส**(ใต้ร่มเฟือง) https://maps.app.goo.gl/wJpD664CW7PMNNry6 กุ้งผัดเกลือ กรรเชียงปู กุ้งอบวุ้นเส้นแห้ง หมึกไข่นึ่งมะนาว -เอกทิพย์โชคดี https://maps.app.goo.gl/ztTEDLFcsyhDTRCB8 กระเพาะปลาน้ำแดง ออส่วนกระทะร้อน ผัดเต้าหู้ คั่วไก่ -เล้งติ่มซำ https://maps.app.goo.gl/67HNMzhzifihFayLA ขนมจีบกุ้ง,ฮะเก๋า,ขาไก่อบเต้าซี่,ซี่โครงอบซอส, ถุงทอง กุ้งห่อฟองเต้าหู้ทอด,ปลาสามรส,*กุ้งสามรส,ปอเปี๊ยะสดปู -Hua lin เป็นร้านอาหารจีนไต้หวัน บริการดี https://maps.app.goo.gl/GzmpSRrhRMQPwPD58 บะหมี่เส้นนุ่มหนึบอร่อย น้ำซุปเข้มข้น เนื้อเปื่อยนุ่มอร่อย เกี๊ยวซ่าทอดชิ้นใหญ่ ไส้หมูกับกุ้งกรอบนอกนุ่มใน เสี่ยวหลงเปาอร่อยมาก ราคาไม่แพงด้วย -YANGZI JIANG ก๋วยเตี๋ยวหลอดหอยเชลล์ https://maps.app.goo.gl/zgQZtf39Brp7FvAR7 -บ้านสวนเจ็ดยอด โฮม แอนด์ การ์เด้น (ภัตตาคารซั่งไห่หลง) https://maps.app.goo.gl/dfN8mH5AxHkVQGdt9 แนะนำ สเต๊กฮ่องกงยอดผัก -ภัตตาคารเจี่ยท่งเฮง ศรีดอนไชย https://maps.app.goo.gl/uUbWHpi8BGkxvCd19 ปลาชิกคักนึงบ๊วย และ ปลาญวนปั้วเจียงจื้อ -ภัตตาคารตูลู่ อาหารที่ดีต่อสุขภาพ เชฟจากจีน https://maps.app.goo.gl/Pgu9PG7KxkCQzgsN8 แนะนำ ไก่เศรษฐี ต้องสั่งจองล่วงหน้า 2 วัน -วิกุลพานิช ซาลาเปาอร่อย(สันป่าย่อย) https://maps.app.goo.gl/4yJvuyU3Me9W32dDA ลาบเมือง------------------------------ -ร้านลาบพันแหวน https://maps.app.goo.gl/8wdbefvM47MhLQsL6 ลาบหมู-ไก่ ไส้อั่ว แคปหมู ไข่เจียว น้ำพริกหนุ่ม หมูแดดเดียว อ่องปู โคตรอร่อย -ลาบดีขม ข่วงสิงห์(คนยอง) ต้องไปเช้าๆ สาย(หมด) https://maps.app.goo.gl/rqeG4jxj6kzhTwMa6 ที่แย่งกันซื้อ คือ จิ้นส้มหมก✅(ต้องสั่งจองล่วงหน้า)☝️ มาเมืองเหนือต้องไม่พลาด มากินลาบที่ร้านนี้ ไม่ผิดหวัง -ลาบบังเก้อร์ จานละ 10บาท(รวด) อาหารเหนือ https://maps.app.goo.gl/Ldcc5hVkdDEyzEv59 -จ่าเหลาหมูทอด(ลำพูน)อนุสาวรีย์จามเทวี https://maps.app.goo.gl/Ariy67JRgpFTfF42A ข้าวซอย & น้ำเงี้ยว------------------ -ข้าวซอยแม่มณี☝️(สาขาแรก)แม่ริม❌ปิดวันพระ❌ https://maps.app.goo.gl/tbNCGo7tkzzxaxPAA MICHELIN BIB GOURMAND=ร้านอร่อยคุ้มค่า เส้นหนา หนึบ กะทิข้น+หอมเครื่องแกง เค็ม เผ็ด -ข้าวซอยแม่มณี2 ริมซุปเปอร์เลยข่วงสิงห์ https://maps.app.goo.gl/qWqiTUjF9iGkwNTbA -ข้าวซอยเสมอใจ ฟ้าฮ่าม☝️จอดรถในวัดฟ้าฮ่าม https://maps.app.goo.gl/3WjaAvCPbFM8zQ9K7 -ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม-ร้านแรกต้นตำรับ ๒๔๘๖ https://maps.app.goo.gl/ZoRNsSb2XLVQEUWo6 MICHELIN PLATE 2020 2021 2022 2023 หมู ไก่ เนื้อ 55.- -ข้าวซอยแม่สาย(ป้านะ) ซ.ราชพฤกษ์ ถ.ห้วยแก้ว https://maps.app.goo.gl/rv7saTDm9NT1TcaeA MICHELIN PLATE 2021 2022 2023 2024 ข้าวซอยหมู เนื้อ และน่องไก่รสชาติน้ำแกงเครื่องเทศเข้มข้น เผ็ดอร่อย กะทิไม่มัน -ข้าวซอยพรรณี ร้านข้าวซอยบ้านๆ อยู่ข้างกาดขะจาว https://maps.app.goo.gl/Vf5KJsWRjRqDaTk87 ใช้เส้นเส้นสด แกงกะทิแตกมัน รสกะทิเจ้มจ้น หอมกลิ่นเครื่องแกง -ข้าวซอยลุงประกิจกาดก้อม☝️NetFlix+MICHELIN2023-24 https://maps.app.goo.gl/Dcw41hFBQqWsfbuB9 น้ำรสเข้มข้น(มาก)เผ็ดกว่าทุกร้าน เส้นแข็งกรุบกรอบ มีข้าวมันไก่ด้วย -สาขา CMED FOOD COURT รพ.สวนดอก https://maps.app.goo.gl/gkdcJiWVcfiEMSqf9 -Khao SO-i ถนนฟ้าฮ่าม https://maps.app.goo.gl/8iGxH25Tb6N1ixjv7 ช้าวซอยฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น เส้นสด ปรุงสด จานต่อจาน เน้นคุณภาพวัตถุดิบ เนื้อวากิว ไก่ ไข่กุ้งล๊อบสเตอร์ (599 บาท)อร่อยมาก-ไม่เผ็ด -ข้าวซอยน้องฟลุ๊ค+ไส้อั่วดำรงค์ นิมมาน-17 https://maps.app.goo.gl/EkZBw31MQAYyxMMSA แปลก เพราะ เป็นข้าวซอย(ผัดแห้ง)ไส้อั่ว เส้นจะมีรสเข้มข้น -ขนมจีนสันป่าข่อย☝️ ตลาดทองคำ ขายเย็น-ดึก https://maps.app.goo.gl/wogQfzLsVtv3YZ9p6 MICHELIN BIB GOURMAND 5 ปีซ้อน 2020 2021 2022 2023 2024 มิชลิน 5 ปีซ้อน ในราคาถูก 10-20-30บาท จุดเด่นที่น้ำพริกแกงรสกลมกล่อม เน้นเผ็ด-เผ็ดมาก น้ำเงี้ยว น้ำยากะทิ(ใส่ไข่) แกงเขียวหวานไก่ แกงเผ็ดหมู-เนื้อ และ ข้าวซอยไก่ (หยุดวันอาทิตย์) -ร้านขนมจีนพี่เล็ก ในศูนย์อาหาร CENTRAL AIRPORT https://maps.app.goo.gl/zesZbqQdxTSjm6gp6 ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำยาป่า รสเข้มข้น ราคาไม่แพง 30-50 บาท -กิ๋นลำ น้ำเงี้ยว ร้านอยู่ใต้หอพักภูสักทอง ถ.สุเทพ https://maps.app.goo.gl/tQkpx8uVCiLFgKNo6 เปิด 10.30น. น้ำเงี้ยวร้านนี้เป็นสูตรเชียงราย(เส้นใหญ่) เชียงใหม่(ขนมเส้น) เครื่องแน่น มีดอกงิ้ว รสจัด (30-40) -ก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวเชียงแสน(บ้านน้ำเงี้ยวเวียงเก่า) https://maps.app.goo.gl/gHS7fEDKCsYcnKmt6 น้ำเงี้ยวสไตล์เชียงราย เข้มข้น เผ็ดเค็ม นัว เหน่อ บีบมะนาว+ โรยพริกแห้งคั่วอร่อย ทานคู่แค้บหมูผักดอง อร่อยมาก เส้นนุ่มลื่น สุกี้--------------------------------- -สุกี้ช้างเผือก☝️ คิวยาวเป็นพิเศษ (17.00-00.00น.) https://maps.app.goo.gl/M7Y2SqC9Rs3W4RXw7 สาขา 1 ถนนสุเทพ หลัง ม.เชียงใหม่ https://maps.app.goo.gl/MwEsr6UGJAHJSKPDA สาขา2 สี่แยกสนามบิน https://maps.app.goo.gl/NKVpW2rjuM1xVzKD7 สาขา3 กรีนพาร์ค -Central Festival https://maps.app.goo.gl/HEp8RUbVuRPUefk37 ***จองคิวล่วงหน้า ผ่านแอ๊ปฯ QueQ ได้นะ*** เด็ดสุด ตือ สุกี้แห้งเนื้อ59.-ผัดจนมีกลิ่นกระทะติดมาด้วย แต่ ผักยังคงความกรอบอร่อยอยู่ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของสุกี้ช้างเผือก หมู 59.-ทะเล69.- และมังสวิรัติก็มี เด็ดที่น้ำจิ้มที่เข้ากันดี -บัวลอยไข่หวาน เจ๊ซ้วง☝️ https://maps.app.goo.gl/gRWJnzCXHpa3rgTPA -ติ๋มสุกี้-จานร้อน(วัดเกตุ) https://maps.app.goo.gl/9ipYQhwkHZDJ6GZn8 ☝️กระเพรา ผัดน้ำมันหอย ผัดฉ่า เตี๋ยวคั่วไก่ -คั่วไก่นิมมาน กะทะร้อน 80.- https://maps.app.goo.gl/6Rca327koUYXdjer8 ข้าวผัดเดอเมือง 160.- ข้าวเงี๊ยว 60.- -มาม่าฟ้าธานี แซ่บ..สุดๆ (บ่าย3-ตีหนึ่ง) https://maps.app.goo.gl/9txTe5mxym6JVtCs5 ก๋วยเตี๋ยว-------------------------- -ก๋วยเตี๋ยวเครื่องล้น☝️ธนาโอชา ถนนราชวงศ์ ช้างม่อย https://maps.app.goo.gl/ysqKA4JnrU5cPoWy8 MICHELIN 2020 2021 2022 2023 (07.00-17.00น.) ก๋วยเตี๋ยวแคะ เย็นตาโฟ เกี้ยมอี๋ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลา ลวกจิ้ม บ๊ะจ่าง ลูกชิ้นเกี๊ยวปลา ปลาเส้นฮื่อก๊วย เต้่าหู้ยัดไส้ลูกชิ้นหมูสับ ลูกชิ้นแคะ เลือดหมู ปลาหมึกกรอบ เกี๊ยวทอด ป่อเปียะปู ป่อเปี๊ยะสด เกี๊ยวหมูน้ำ เกี๊ยวปลาน้ำ เกี๊ยวกุ้งน้ำ ข้าวหมูกรอบ -ก๋วยเตี๋ยวเรือธารา(สวนดอก)ซ.สิโรรส ใกล้ Papa Curry https://maps.app.goo.gl/sSctHbtSKg3Yj9m69 -ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึง สาขาGlobal House เวียงกุมกาม หน้าตาดี ใส่ปลาหมึกแห้ง..อร่อย ไม่แพง https://maps.app.goo.gl/yEG9UGTsrJKrFx6p6 -ครัวป้าหมอน ลุงชัย ย่านสันติธรรม ถ.กระดังงา ร้านเล็กๆ..แต่ พาใครไป ต้องยกนิ้วให้เรื่องความอร่อย 👍เล็กรวมหมูต้มยำ👍อร่อยสุด โทร 053 998555. 085-717 4139 https://maps.app.goo.gl/FYyTwxjeEPMQnjKN8 -โกยซีหมี่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า(หม้อดิน)นครปฐมโอชา ข้างโรงแรมดิเอ็มเพรส หรือ ถนนเจริญประเทศ ซอย 12 https://maps.app.goo.gl/gyWYzsn3kdmVDBzN8 -ก๋วยเตี๋ยวเรือเข้าท่าอยุธยา เจ็ดยอด 20บาท https://maps.app.goo.gl/UKyrPE74iBeJevWw8 ทั้งหมูและเนื้ออร่อยทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ รสจัดจ้าน -ก๋วยเตี๋ยว 10 บาท นายพล ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ 6.30-15.00 https://maps.app.goo.gl/iqcmzVDUCS7EgNN27 -ก๋วยเตี๋ยวทองหล่อ (09.00-16.00น.) ตัมยำสูตรโบราณ https://maps.app.goo.gl/DAzgue3THgjnUXPC6 ซุปหมูปุยเมฆต้มยำ ต้นตำรับ พศ.๒๔๙๙ แซ่บ..เว่อร์ -จ๊ะเอ๋(เช้า) เลือดหมูจิงจูฉ่าย ตรงข้ามเชียงอินน์ https://maps.app.goo.gl/Nqph9VxcvUuxhUvP7 -อ๋องทิพย์รส เตี๋ยวลูกชิ้นปลาหัวนม 45.- https://maps.app.goo.gl/hxXe1w2Y2N3JupdXA -หมี่เกี๊ยว เตี๊ยว ป๊อก ป๊อก (STAR AVENUE-5 หางดง) https://maps.app.goo.gl/TNWh2RHYtpBurEvA7 โทร 097 956 9542 -ป้าหลง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อไส้ รถเข็นตรงข้ามรพ.เชียงใหม่-ราม https://maps.app.goo.gl/dv85iCpRVidx5JJ2A หยุดอาทิตย์ 8.30-14.30น. เด็ดที่เอ็นตุ๋นชิ้นใหญ่ๆ ไส้เปื่อย -บะหมี่ซุปกระดูกรสเด็ด(เฮียดาว)9.00-18.00น. https://maps.app.goo.gl/M6NLDGZ4BbeTFWvs9 ติดตลาดแม่เหียะ มีต้มเลือดหมูจิงจูฉ่าย หมูบะช่อ ข้าวต้มปลา บะหมี่เกี๊ยว+ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง หมูกรอบ *ข้าวผัดพริกเกลือ* -ร้านผัดไทยไออุ่น ต.หนองควาย อ.หางดง https://maps.app.goo.gl/HoMzH9sMgY2QFBTg7 ผัดไทย-ผัดซีอิ๊ว-ข้าวผัด(กุ้ง,หมู,ไก่) เด็ดที่น้ำซอสปรุงรสผัดไทย น้ำพริกเผา-พริกแห้ง สีเข้ม เทคนิคการตอกไข่ใส่เป็นแผ่นคล้ายผัดไทยห่อไข่ ผัดไทย 50 บาท ผัดซีอิ๊ว 40 บาท ข้าวผัด 55 บาท -ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท ในตำนานหลังโรงเรียนปริ้นส์ https://maps.app.goo.gl/xJhdW7uCmhpj2vXY9 ปัจจุบัน กินชามใหญ่ 10 บาท x 5 ชามน่าจะอิ่ม -เตี๋ยวไก่ล้านปากหวาน กาดธานินทร์ (เปิด06.00-22.00น.) https://maps.app.goo.gl/CLLSnsoaz2frMmrK7 กาดหน้ามอชอ foodzone1 เปิด18.00-23.00 น -ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นสารภี MICHELIN PLATE เป็ดตุ๋น ข้าวหน้าเป็ดย่าง อร่อยเด็ด เนื้อเป็ดนุ่มแน่นและรสดี หนังกรอบนิดๆ ราดน้ำเป็ดหอมกรุ่น ให้ปริมาณค่อนข้างเยอะ https://maps.app.goo.gl/fnvruWP8UqHzyPR78 ข้าวแกง-------------------------- -โอ รสเด็ด(ฟ้าฮ่าม)เปิด 7โมงเช้า ขายข้าวแกง https://maps.app.goo.gl/zzdVgY3TKM9rtEzf9 พะแนงเนื้อ30.- หมูอบ30.- แกงเนื้อ30.- เขียวหวานไก่20.- แกงไก่หน่อไม้20.- ผัดพริกแกงปลาดุก30.- ต้มข่าไก่20.- ไข่พะโล้30.- -จิวเยาวราช https://maps.app.goo.gl/wBQHJi6yvVJNyyL47 ซี่โครงทอดกระเทียม 120.-ทอดมันปลากราย100.- *กุยช่ายขาวผัดเต้าหู้* -PAPA CURRY ข้าวกะหรี่ญี่ปุ่น หอมจัด เครื่องเทศชัดเจน https://maps.app.goo.gl/Y3YydT7nbPjqes5v6 ข้าวแกงกะหรี่ไก่ เนื้อ หมู ชีส มะเขือม่วง..สุดยอด กลางคืน------------------------- -ร้านข้าวต้มย้ง ถนนสุเทพ ใกล้วัดสวนดอก https://maps.app.goo.gl/yDc5oMGMciDp8SUC8 -ศ.ศรีราชาข้าวต้มปลา(16.30-) https://maps.app.goo.gl/UriZyGWNYYyPAmQ99 กะหล่ำผัดน้ำปลา70.- ปีกไก่ทอดน้ำปลา80.- ไข่เจียวหอยนางรม80.- ข้าวต้มหอยนางรม100.- - อันดา SEAFOODทะเลเผา329+หมูกระทะ199 บุปเฟ่ต์ https://maps.app.goo.gl/h7HkcUn8EgksVuK56 (17.00-23.00น.)มีของหวาน ไอติม ด้วย -เนื้อกระทะมุสลิม☝️ถ.เจริญเมืองติดปั๊มเชลล์ https://maps.app.goo.gl/t6xkZ7KmRSdyPYbF8 -เล็ก เกี๊ยวกุ้งสด ถ.ทิพยเนตร ใกล้คู ประตูสวนปรุง https://maps.app.goo.gl/FcAobVzwoTYUdosH8 เกี๊ยวกุ้งน้ำหมูสับ 70.-บะหมี่เกี๊ยวกุ้งแห้งหมูแดง 80.- -ข้าวนึ่งไก่ทอดเที่ยงคืน เปิดเย็นๆ-รุ่งสาง https://maps.app.goo.gl/sNW9uekXNvGTMoCc8 ไก่ทอด หมูสามชั้น ข้าวเหนียว ไข่ต้ม ++น้ำพริกหนุ่ม ของสดใหม่ ทอดใหม่..ตลอด -บะหมี่สามเหลือง ข้างกาดต้นพยอม👉บะหมีนักกล้าม https://maps.app.goo.gl/1DSJkMuiDFqCkGb7A -รังนก(17.00-22.30)ตรงข้ามเภสัช ธ.กรุงเทพ(สวนดอก) https://maps.app.goo.gl/KhPXfE2AV6xZ43in6 -โรตีMICHELIN-ป้าเด ท่าแพซอย4 https://maps.app.goo.gl/EUWCbgGUQwXWDKew8 โรตีกรอบนอก-นุ่มในใช้น้ำมันมะพร้าว มีทั้ง โรตีใส่ไข่ ใส่นม มะดะบะ วิธีสั่ง เขียนออเด้อร์ในกระดาษ แล้วแปะไว้ ป้าเด..จะทำเรียงตามออเด้อร์ -โรตีบรอดเวย์ แบบธรรมดา10.- แบบหมักเนยเล็ก30.- https://maps.app.goo.gl/GLPAAsYxFe2USMwH7 -ข้าวเหนียวมะม่วงป้าหลอด กาดหลวง https://maps.app.goo.gl/X1jPWNTUWFnrw5Kh8 -ขนมจีนสี่แยกกำแพงดิน 20.- https://maps.app.goo.gl/HncWFuTcSaFL3KvN9 -หมี่กระดาษ ตลาดช้างเผือก https://maps.app.goo.gl/iqvNkQty1hva9E6U9 -อาหารทอด ป้าฟรุตตี้ หอแพทย์สวนดอก 00.00-03.00 https://maps.app.goo.gl/7ASTvGReJUfHUJw39 ก๋วยจั๊บ--------------------------- -ก๊วยจั๊บช้างม่อยตัดใหม่ MICHELIN 3 ปีซ้อน 9.30-15.00น. https://maps.app.goo.gl/CJhdM8PLGYQcvpk98 ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่อง "ก๋วยจั๊บไส้อั่ว☝️" เสิร์ฟในน้ำซุปถึงรสพริกไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ใส่หมูกรอบเครื่องใน และตับหมู และยังมีอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ "ข้าวหมูกรอบ" ปอเปี๊ยะสด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบาง ๆ ราดซอสหอมกรุ่น -อื้อ ชั่ง เซ้ง ขนมไข่..สด อร่อยมาก https://maps.app.goo.gl/wJAVsJjFuVEpfH6p9 -ก๊วยจั๊บรินลองกอย☝️(หลัง ม.ช.)เปิด 6โมงเช้า-สายๆ https://maps.app.goo.gl/pu7YCWCzeVzvnJi37 ชามใหญ่ หน้าตาดี กรอบหอม+อร่อยสุด 40 บาท -ก๊วยจั๊บน้ำข้น สามกษัตริย์. เจ้าเก่า https://maps.app.goo.gl/kNA8JqV8BChcipiC8 -น.ก๋วยจั๊บ ประตูท่าแพ เปิด8โมงเช้า(ช้า..หมด) https://maps.app.goo.gl/uiSqG7BD5r6h1isP6 มี2อย่าง หมูกรอบล้วน, หมูกรอบเครื่องใน SNACKs---------------------------- - ร้านโกเหน่ง ปาท่องโก๋+สังขยา ตลาดต้นลำไย https://maps.app.goo.gl/uZoBbxZWjAun9YMK8 (เป็น ปาท่องโก๋ รูปมังกร40 ช้าง20ก๊อตซิลล่า20 -ถั่วลายเสือซ่อนลาย -ข้าวเกรียบปากหม้อสาคูไส้หมู ลุงขจรวัดเกต https://maps.app.goo.gl/3uidZf8UqHQ4YY4N8 -เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อย ไม้6.- ถ.ระแกง-ช้างคลาน https://maps.app.goo.gl/a9XnA3KJH3NNSxpC9 ขายตอนเช้าๆ..ไม่เกิน 10โมงเช้า(หมด)อดกิน -กล้วยทอดบัตรคิว สันป่าข่อย https://maps.app.goo.gl/s7fpogip7hVqYq4A9 กล้วยแขก ข้าวเม่าทอด ข้าวเหนียวปิ้ง ไส้กรอก--------------------------- -ป้าใจ๋ ไส้กรอกข้าว☝️(3ลูก10)วันจันทร์แบบเปรี้ยว https://maps.app.goo.gl/w35qeaJsWgCw5Esc8 -ไส้กรอกแม่อุดม (ริมปิง)อร่อยมาก เปรี้ยวกำลังดี https://maps.app.goo.gl/EMdgk1V5QXAJkmj3A ไส้กรอกหมู 18.-วุ้นเส้น18.- -ไส้กรอกคุณยายนิมมาน (กลางคืน) https://maps.app.goo.gl/jV2nrn6RDqWknz86A หมูธรรมดา15.-หมูเปรี้ยว15.-หมูเผ็ด15.- ข้าว+เอ็นไก่15.- ลาบไก่15.- ไส้อั่ว20.- ตับกระเทียม20.- ไส้อั่ว+ข้าวเหนียว20.- -ไส้อั่ว(ตับ)แม่อุไร สันกำแพง ลำแต๊ๆ..เจ้า. https://maps.app.goo.gl/9A3xWvrSQqhiUtww8 โทรจอง(ล่วงหน้า) ไม่เกิน 10 โมงเช้า หมด..อดกินแน่นอน FARANG-------------------------- -BOAT BAKERY☝️หน้าปากซอยบ้าน มีทุกอย่าง(อร่อย) https://maps.app.goo.gl/TdEwPvMCysJYAvem9 -The LADER Cafe & Bar อาหาร-เช้า แนว..ออสซี่ https://maps.app.goo.gl/ZtQamTohyWn5ab9L7 แนะนำ เมนู Parmesan Scramble Eggs+Sourdough+ร๊อคเก็ต+Chorizo กินกับสลัดผัก The Larder Chef Salad และ แซนด์วิช Open Dandwich สะสมไขมันพอกตับด้วย Chocolate Chip Banana Bread หรือ จะสั่ง Lader Classic เลือก Sourdough/ White bread ได้ ที่นี่มีเนย Echire Salted Butter ไซส์เล็ก 30 กรัม เพิ่ม 75.- เลือก ผักร๊อคเก็ต/ มะเขือเทศ/ Mixed และ Scrambled Eggs +Cheese ตัดเลี่ยนด้วย Strawberry +มะเดื่อ /มะม่วง เนื้อสัตว์นิยมสั่งเบคอนหนาๆ กินคู่กับ เม็ด Caperหอมๆ (ชุดใหญ่)นี้ราคารวม 450 บาท ร้านนี้ สั่ง(ชุดเล็ก) Prosciutto Salad 265 บาท -THE JOURSEY นมไขมันสูง ไอติม โยเกิร์ต คุณภาพสูง สุเทพ หลัง ม.เชียงใหม่ https://maps.app.goo.gl/Gq9qc3NNDFWiF8gq6 ก๋างเวียง https://maps.app.goo.gl/62vqZ9gTw21VoV4J7 ไอติม 60-100 บาท. โยเกิร์ตบิสคอฟ 70 บาท -ADIRAK PIZZA วัดร่ำเปิง☝️พิซซ่าแป้งหมัก Sourdough https://maps.app.goo.gl/KsGsTtw3XjvEW8ps8 วัตถุดิบต่างๆ Home Made ทำเอง เช่น Sauce, Mossarella Cheese, Burrata Cheese *แนะนำ Pasta-Pesto Pizza 365บาท แป้งเหนียวหนึบ แบบขนมปัง ชีสรสเข้มข้น ครบทุกรส หวานจากBalsemic เปรี้ยว..นิดๆจาก Rocotta Cheese เข้ากับความหวานจากมะเขือเทศตากแห้ง เป็นรสนัวๆเข้าถึงกลิ่นหอมจากเพสโต้ -ร้านเค็กบ้านเปี่ยมสุข https://maps.app.goo.gl/gLekr2sgm7wivBtG9 แนะนำ *พายมะพร้าว 125 บาท/ชิ้นอร่อยที่สุดในโลก -ต้องตา & ตะวัน เบเกอรี่ ถนนมหิดลก่อนถึงเชียงใหม่แลนด์ https://maps.app.goo.gl/DC2Bf5xaXTkZoG8C7 -MERRY BON BON บิงซู(เกาหลี)ปุยเมฆ*แสนอร่อย https://maps.app.goo.gl/BJaK2w9Mz6MCCTCU7 -Nymph(11.00-14.00และ 17.00-20.00)ปิดอังคาร https://maps.app.goo.gl/2biamCLuGt49MxoP7 Smoked Duck & Orange Salad 260.- Mushroom Truffle Sauce Pasta 230.- Spicy Mentaiko with Scallop 445.- -KALM Tea House (ลำพูน) เลย อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นิดเดียว https://maps.app.goo.gl/xP9KjNLUjUDCqXcy8 -ร้านน้ำปั่น Joost สดชื่นราคาดี https://maps.app.goo.gl/e3h3EoRfrjJzhvb87 -Helo COLA https://maps.app.goo.gl/41kBnHd9zL6hLVCFA หอมกลิ่นเครื่องเทศ อบเชย กระวาน กานพลู เม็ดผักชี ลูกจัน ขิง ผสมกับ ผิวส้ม เลม่อน +น้ำตาลธรรมชาติ Coffee Indian-Gooseberry COLA 90.--Craft COLA 65.- -Khao Fang นิ่มซิตี้ ใกล้ Robinson Airport Plaza https://maps.app.goo.gl/g3rbfSYvnUFshjv18 Hong Kong Toast with Grilled Corn & Caramel 109.- Black Sesami Bualoy & Ginger Ale 80.- -ASAMA COFFEE โดย คุณมุก-อสมา วิชัยดิษฐ์ https://maps.app.goo.gl/uiBieKNYuZq2mdXP6 แนะนำ 1) Espresso Panna Cotta 2) Gravity(Dirty) -กาดหน้ามอ https://maps.app.goo.gl/DYNRnGTpjhakwoKK8 เดินชมตลาดอาหาร และ ในกาดมีของกินอีกเยอะ แต่...เด็ดที่สุด คือ ไอติม SOFT SERVE รสช๊อคโกแล๊ต ............................................................ รวบรวม โดย พัชรี ว่องไววิทย์ December20, 2024 San Francisco, CA94108.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3689 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาดเจียงใหม่

    กาดต้นพยอม(ตลาดสุเทพ)
    https://maps.app.goo.gl/BkxDC2mb8VEdA27Y6
    -ร้านแค๊บหมูเอื้องไพร
    ไส้อั่วย่าง แค๊บหมู หมูกระจก น้ำพริกอ่อง
    -อาหารพื้นเมืองอัมพร
    แกงหอย ลาบปลา เห็ดนึ่ง น้ำพริกหนุ่ม ตาแดง แกงโฮ๊ะ ตำบ่าหนุน ตำมะเขือ คั่วหน่อ จอผักกาด แกงบอน แกงฮังเล จี้นนึ่ง ปูอ่อง ห่อนึ่งไก่เมือง ปลานิลทอด หมูทอด
    -อาหารพื้นเมือง น้องพู & น้องแพน
    ไส้อั่ว เด็ดมาก และ จิ้นส้ม(ชื่อด้ง)จากกลุ่มสตรีบ้านฟ่อน อ.หางดง

    กาดนัดสายลมจอย ใต้ต้นก้ามปูเป็นกาดแลง=ตลาดเย็น
    https://maps.app.goo.gl/W2b4nLSXr273qhfL6
    (วันอังคาร และ พฤหัสฯ)เหมือนตลาดนัดทั่วไปในไทย
    เป็นตลาดที่ชาวบ้านแท้ๆ นำผักสด ผลไม้สด ขนม สมุนไพร
    เมี่ยง Kebub(ตุรกี) อาหารสำเร็จรูปพื้นเมือง มาขายกาดเจียงใหม่-----------------------

    ตลาดประตูเชียงใหม่ (03.00-11.00 และ 15.00-24.00)
    https://maps.app.goo.gl/cwUQjwfJ8MgJ48zm6
    -โจ๊กนายโอ๋(03.00-09.00น.)-สภากาแฟ ป้าเล็ก ขนมปัง ไข่ลวก ชา-กาแฟ
    -อาหารเหนือ ร้านป้าน้อย ยำหนัง น้ำพริกขนุน น้ำพริกคั่วโฮะ น้ำพริกมะเขือยาว
    -ร้านหมูปิ้งใบเฟิร์น หมูทอดขั้นเทพ ไม้ละ12.-*
    -ร้านใบตองอาหารเหนือ น้ำพริกหนุ่ม*
    -ร้านหน่อยข้าวเหนียว
    -ร้านน้ำผลไม้ปั่นSMOOTHiES
    -ร้านไส้อั่วช่อเอื้อง+น้ำพริกตาแดง
    -ร้านป้าคำ แค๊บหมู หมูกระจก สามชั้นกรอบ น้ำพริกหนุ่ม
    -ขนมไทยนิตยา *ขนมถ้วยใบเตย* เปียกปูนใบเตย

    กาดนัดจีนยูนนาน / กาดบ้านฮ่อ (ศุกร์ 05.00-12.00น.)
    https://maps.app.goo.gl/9Y7DEaaKyg8T743AA
    เดินซื้อ เดินกิน อาหารยูนนาน เช่น *ข้าวปุกงา(ขี้ม่อน)15.-,
    *เต้าหู้ยี๊ยูนนาน อร่อยมาก เนื้อครีม หอมพริก+เครื่องเทศ
    *รากชูดอง หวาน-เปรี้ยว-เค็ม *ผักกาดดอง *ถั่วเน่าคั่ว
    *ข้าวโพดทอด*ถั่วเน่า*เต้าหู้ทอดนิ่ม เด้ง *เต้าหู้ถั่วชิกพี*
    กาดเจียงใหม่ 👉กาดต้นพยอม(ตลาดสุเทพ) https://maps.app.goo.gl/BkxDC2mb8VEdA27Y6 -ร้านแค๊บหมูเอื้องไพร ไส้อั่วย่าง แค๊บหมู หมูกระจก น้ำพริกอ่อง -อาหารพื้นเมืองอัมพร แกงหอย ลาบปลา เห็ดนึ่ง น้ำพริกหนุ่ม ตาแดง แกงโฮ๊ะ ตำบ่าหนุน ตำมะเขือ คั่วหน่อ จอผักกาด แกงบอน แกงฮังเล จี้นนึ่ง ปูอ่อง ห่อนึ่งไก่เมือง ปลานิลทอด หมูทอด -อาหารพื้นเมือง น้องพู & น้องแพน ไส้อั่ว เด็ดมาก และ จิ้นส้ม(ชื่อด้ง)จากกลุ่มสตรีบ้านฟ่อน อ.หางดง 👉กาดนัดสายลมจอย ใต้ต้นก้ามปูเป็นกาดแลง=ตลาดเย็น https://maps.app.goo.gl/W2b4nLSXr273qhfL6 (วันอังคาร และ พฤหัสฯ)เหมือนตลาดนัดทั่วไปในไทย เป็นตลาดที่ชาวบ้านแท้ๆ นำผักสด ผลไม้สด ขนม สมุนไพร เมี่ยง Kebub(ตุรกี) อาหารสำเร็จรูปพื้นเมือง มาขายกาดเจียงใหม่----------------------- 👉ตลาดประตูเชียงใหม่ (03.00-11.00 และ 15.00-24.00) https://maps.app.goo.gl/cwUQjwfJ8MgJ48zm6 -โจ๊กนายโอ๋(03.00-09.00น.)-สภากาแฟ ป้าเล็ก ขนมปัง ไข่ลวก ชา-กาแฟ -อาหารเหนือ ร้านป้าน้อย ยำหนัง น้ำพริกขนุน น้ำพริกคั่วโฮะ☝️ น้ำพริกมะเขือยาว -ร้านหมูปิ้งใบเฟิร์น หมูทอดขั้นเทพ ไม้ละ12.-* -ร้านใบตองอาหารเหนือ น้ำพริกหนุ่ม* -ร้านหน่อยข้าวเหนียว -ร้านน้ำผลไม้ปั่นSMOOTHiES -ร้านไส้อั่วช่อเอื้อง+น้ำพริกตาแดง -ร้านป้าคำ แค๊บหมู หมูกระจก สามชั้นกรอบ น้ำพริกหนุ่ม -ขนมไทยนิตยา *ขนมถ้วยใบเตย* เปียกปูนใบเตย 👉กาดนัดจีนยูนนาน / กาดบ้านฮ่อ (ศุกร์ 05.00-12.00น.) https://maps.app.goo.gl/9Y7DEaaKyg8T743AA เดินซื้อ เดินกิน อาหารยูนนาน เช่น *ข้าวปุกงา(ขี้ม่อน)15.-, *เต้าหู้ยี๊ยูนนาน อร่อยมาก เนื้อครีม หอมพริก+เครื่องเทศ *รากชูดอง หวาน-เปรี้ยว-เค็ม *ผักกาดดอง *ถั่วเน่าคั่ว *ข้าวโพดทอด*ถั่วเน่า*เต้าหู้ทอด☝️นิ่ม เด้ง *เต้าหู้ถั่วชิกพี*
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ

    การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้

    ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award

    รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน

    สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023

    #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023 #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1758 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟินต่อเนื่องแบบจุกๆ ด้วยกองทัพ บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด บุกประตูน้ำ! มากันทั้งทะเล กุ้ง กั้ง หอยนานาชนิด ปูม้า ปูทะเล ปูนิ่ม ปลาหมึก แซลมอน หอยนางรมนำเข้าหลากสายพันธุ์ มีให้เลือกลิ้มรสทั้งแบบ on ice และแบบทะเลเผาร้อนๆ รวมไปถึง อาหารอินเดียนเครื่องเทศเข้มข้นรสเลิศ จาก เชฟ Alam สุดยอดเชฟอาหารอินเดีย ทานกันแบบไม่อั้น 4 ชั่วโมง

    ราคา : ราคา 1,599 บาทสุทธิต่อท่าน รวมซอฟต์ดริ้งและน้ำดื่ม (ทานได้ 4 ชม.)
    ระยะเวลาโปรโมชั่น : ทุกวันเสาร์ 18.00 - 22.00 น.
    ที่อยู่ : Amari Watergate Bangkok
    ถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/69fsWgyZSdNzjohW8

    #บุฟเฟ่ต์โรงแรม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ฟินต่อเนื่องแบบจุกๆ ด้วยกองทัพ บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด บุกประตูน้ำ! มากันทั้งทะเล กุ้ง กั้ง หอยนานาชนิด ปูม้า ปูทะเล ปูนิ่ม ปลาหมึก แซลมอน หอยนางรมนำเข้าหลากสายพันธุ์ มีให้เลือกลิ้มรสทั้งแบบ on ice และแบบทะเลเผาร้อนๆ รวมไปถึง อาหารอินเดียนเครื่องเทศเข้มข้นรสเลิศ จาก เชฟ Alam สุดยอดเชฟอาหารอินเดีย ทานกันแบบไม่อั้น 4 ชั่วโมง ราคา : ราคา 1,599 บาทสุทธิต่อท่าน รวมซอฟต์ดริ้งและน้ำดื่ม (ทานได้ 4 ชม.) ระยะเวลาโปรโมชั่น : ทุกวันเสาร์ 18.00 - 22.00 น. ที่อยู่ : Amari Watergate Bangkok ถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/69fsWgyZSdNzjohW8 #บุฟเฟ่ต์โรงแรม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอี่ยวไถ่ ร้านสุกี้โบราณและอาหารจีนอันดับหนึ่งในใจของใครหลายคน การันตีสุดยอดความอร่อยระดับตำนาน ที่เปิดให้บริการมากว่า 60 ปี เมนูขึ้นหิ้งที่ใครๆ ก็ต้องสั่งก็คือ สุกี้โบราณสูตรแต้จิ๋ว ที่โดดเด่นด้วยหมูและเนื้อที่หมักจากเครื่องเทศสูตรลับเฉพาะ น้ำซุปที่หอมเข้มข้น จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้สูตรเอี่ยวไถ่ ..หอเจี๊ยะสุดๆ นอกจากนั้นยังมี เมนูอาหารจีนโบราณสูตรดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเมนูหมูหัน เป็ดปักกิ่ง จัดใหญ่ไซส์ XXL ที่อบจนหนังกรอบ ห่อด้วยแป้งนึ่งร้อนๆ พร้อมเครื่องเคียง เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ด และ Recommend menu ที่พลาดไม่ได้กับสุดยอดเมนูปูที่ส่งตรงมาจากสุราษฏร์ธานี ทั้งก๋วยเตี๋ยวหลอดปู ที่เน้นเนื้อปูแน่นๆ ขนาดจัมโบ้เกรดส่งออก และหอยจ้อปู ที่คัดเฉพาะเนื้อปูก้อนขนาดจัมโบ้ อร่อยด้วยเนื้อปูล้นเต็มคำ รวมไปถึงอาหารทะเลที่คัดวัตถุดิบสดๆ ปรุงเป็นเมนูสุดพิเศษตามแบบฉบับของเอี่ยวไถ่ ฟินอร่อยกันได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

    พิกัด : มี 13 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
    เปิดบริการ : 10.30 - 21.00 น.


    #อาหารอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    เอี่ยวไถ่ ร้านสุกี้โบราณและอาหารจีนอันดับหนึ่งในใจของใครหลายคน การันตีสุดยอดความอร่อยระดับตำนาน ที่เปิดให้บริการมากว่า 60 ปี เมนูขึ้นหิ้งที่ใครๆ ก็ต้องสั่งก็คือ สุกี้โบราณสูตรแต้จิ๋ว ที่โดดเด่นด้วยหมูและเนื้อที่หมักจากเครื่องเทศสูตรลับเฉพาะ น้ำซุปที่หอมเข้มข้น จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้สูตรเอี่ยวไถ่ ..หอเจี๊ยะสุดๆ นอกจากนั้นยังมี เมนูอาหารจีนโบราณสูตรดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเมนูหมูหัน เป็ดปักกิ่ง จัดใหญ่ไซส์ XXL ที่อบจนหนังกรอบ ห่อด้วยแป้งนึ่งร้อนๆ พร้อมเครื่องเคียง เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ด และ Recommend menu ที่พลาดไม่ได้กับสุดยอดเมนูปูที่ส่งตรงมาจากสุราษฏร์ธานี ทั้งก๋วยเตี๋ยวหลอดปู ที่เน้นเนื้อปูแน่นๆ ขนาดจัมโบ้เกรดส่งออก และหอยจ้อปู ที่คัดเฉพาะเนื้อปูก้อนขนาดจัมโบ้ อร่อยด้วยเนื้อปูล้นเต็มคำ รวมไปถึงอาหารทะเลที่คัดวัตถุดิบสดๆ ปรุงเป็นเมนูสุดพิเศษตามแบบฉบับของเอี่ยวไถ่ ฟินอร่อยกันได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว พิกัด : มี 13 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เปิดบริการ : 10.30 - 21.00 น. #อาหารอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1017 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้

    แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน

    ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย

    การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ)

    นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย

    ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว

    ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย

    สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน

    สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย

    Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ

    จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY
    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html
    https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html
    https://baike.sogou.com/v8330278.htm
    https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607
    https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918
    https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html
    https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html
    https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378

    #องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน

    เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ) นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html https://baike.sogou.com/v8330278.htm https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607 https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918 https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378 #องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1725 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพานเฉลิมภาคย์ 54 ข้ามคลองสีลม ด้านขวาเป็นคลองบางรักต่อจากคลองสีลม ผ่านวัดสวนพลูไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาข้างๆ รร.แชงกรีล่าในปัจจุบัน
    คลองบางรักถมแล้วกลายเป็นซอยเจริญกรุง 42

    ภาพแรกประมาณปี ค.ศ. 1956 (พ.ศ. ๒๔๙๙) เด็กนักเรียนกระโปรงแดง 2 คน รร.อัสสัมขัญศึกษา เดินอยู่หน้าร้านสุวรรณเครื่องเทศ ซึ่งยังตั้งอยู่ที่เดิม-ปัจจุบัน
    สะพานเฉลิมภาคย์ 54 ข้ามคลองสีลม ด้านขวาเป็นคลองบางรักต่อจากคลองสีลม ผ่านวัดสวนพลูไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาข้างๆ รร.แชงกรีล่าในปัจจุบัน คลองบางรักถมแล้วกลายเป็นซอยเจริญกรุง 42 ภาพแรกประมาณปี ค.ศ. 1956 (พ.ศ. ๒๔๙๙) เด็กนักเรียนกระโปรงแดง 2 คน รร.อัสสัมขัญศึกษา เดินอยู่หน้าร้านสุวรรณเครื่องเทศ ซึ่งยังตั้งอยู่ที่เดิม-ปัจจุบัน
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุ่งดอกมัสตาร์ด (เครื่องเทศ)เหลืองอร่ามงามตา ณ ที่ดินผืนกว้างไกลสุดตาในเมืองหนึ่งของอินเดีย ถ่ายไว้เมื่อคราวติดตามสมณะไปอินเดียเพื่อกราบสังเวชยียสถาน ก.พ.ปี 2555

    #ทุ่งมัสตาร์ด
    #thaitimes
    #ดอกไม้
    #ท่องแดนพุทธภูมิ
    ทุ่งดอกมัสตาร์ด (เครื่องเทศ)เหลืองอร่ามงามตา ณ ที่ดินผืนกว้างไกลสุดตาในเมืองหนึ่งของอินเดีย ถ่ายไว้เมื่อคราวติดตามสมณะไปอินเดียเพื่อกราบสังเวชยียสถาน ก.พ.ปี 2555 #ทุ่งมัสตาร์ด #thaitimes #ดอกไม้ #ท่องแดนพุทธภูมิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.

    3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ

    ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว

    บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ

    โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก

    การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก

    แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย

    หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี

    ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย

    ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ

    เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย

    จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี

    การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง

    เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย

    รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย

    คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน

    อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก

    4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ

    อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม

    ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา

    เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น

    คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย

    นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน

    นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน

    แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง

    ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น

    อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา

    เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต

    บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น

    แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น

    เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง

    โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย

    ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา

    เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป

    แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป

    ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม

    ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠 🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯 ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก 🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯 ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 993 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)Choawalit Chotwattanaphong

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    Choawalit Chotwattanaphong Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    Yay
    154
    3 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 6982 มุมมอง 3 รีวิว
  • วันนี้ผมใช้งาน Thaitimes เป็นวันที่ 3 แล้วครับ
    และขอพูดถึงเกมส์นี้กัน แต่เกมส์นี้คนเล่นเยอะพอๆกับเกมส์คนเลี้ยงหมูช่วงที่ Facebook บูมๆ ในปี 2554 แต่เกมส์นี้ทำให้รู้จักพืช ผัก ผลไม้ เครื่องเทศ มากขึ้น และรู้จักอาหารมากขึ้น จนต้องค้นคว้าสูตรอาหารมาลงฐานข้อมูลในโปรแกรมที่ผมพัฒนาแต่ยังไม่ได้ใช้งานจริง ใครชอบปลูกผักแปลกๆและชอบทำเมนูแปลกๆเพราะเกมส์นี้แสดงตนหน่อยนะครับ
    วันนี้ผมใช้งาน Thaitimes เป็นวันที่ 3 แล้วครับ และขอพูดถึงเกมส์นี้กัน แต่เกมส์นี้คนเล่นเยอะพอๆกับเกมส์คนเลี้ยงหมูช่วงที่ Facebook บูมๆ ในปี 2554 แต่เกมส์นี้ทำให้รู้จักพืช ผัก ผลไม้ เครื่องเทศ มากขึ้น และรู้จักอาหารมากขึ้น จนต้องค้นคว้าสูตรอาหารมาลงฐานข้อมูลในโปรแกรมที่ผมพัฒนาแต่ยังไม่ได้ใช้งานจริง ใครชอบปลูกผักแปลกๆและชอบทำเมนูแปลกๆเพราะเกมส์นี้แสดงตนหน่อยนะครับ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts