• 'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย
    .
    การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ
    .
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่
    .
    "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ
    .
    ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ
    .
    ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร
    .
    "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย . การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ . นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่ . "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ . ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ . ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร . "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน
    .
    (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม)
    .
    ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา...
    .
    เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน...
    .
    ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว...
    .
    เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...???
    .
    รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ...
    .
    ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ...
    .
    เว้นแต่...
    .
    คนจะไร้น้ำยา...!!!
    กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน . (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม) . ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา... . เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน... . ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว... . เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...??? . รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ... . ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ... . เว้นแต่... . คนจะไร้น้ำยา...!!!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้

    เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน

    สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท

    สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน

    องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้ เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นางสาวแพทองธาร นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ผู้อยู่กินฉันสามีภริยาตามที่ ป.ป.ช. กำหนด และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท 
    มีการระบุสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง ได้แก่ 1. สิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London 2. สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London
    โดยรายการสิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London มีการระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2550 สิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. 3537 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 987 ปี มูลค่าอยู่ที่ 111,612,250 บาท
    ส่วนสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2560 สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. 3552 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 992 ปี มูลค่าอยู่ที่ 208,342,867 บาท  

    ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ย้อนกลับไปตรวจสอบรายละเอียดสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง เพิ่มเติม พบว่า สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London มีการแนบเอกสารเกี่ยวกับสิทธิในการเช่า จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2560 ระบุรายละเอียดคร่าวๆว่ามีเงื่อนไขการเช่า 999 ปี ถึงวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 3009
    มีคู่สัญญา (Parties) สองฝ่าย ได้แก่ 1.Tropic Offshore Holdings Inc และ 2. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร
    ในส่วนทะเบียนกรรมสิทธิ์ระบุว่า มีผู้เป็นเจ้าของหรือProprietor ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร 
    โดยราคานอกเหนือจากค่าเช่าที่ระบุไว้ว่าได้จ่ายจากการให้สัญญาเช่าคือ 1 ปอนด์ (The Price, other than rents,  stated to have been paid on the grant of the lease was 1 Pound)
    สำหรับรายละเอียด บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ปรากฏข้อมูลจากเอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ซึ่งเป็นการตีแผ่ข้อมูลการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักกฎหมายชื่อ มอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonceka) ที่เป็นบริษัทรับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปานามา และมีสาขาอยู่ใน 42 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเรื่องการถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตกถึงมือของสื่อมวลชน โดยมีขนาดความจุ 2.6 เทราไบต์ มีเอกสารทั้งหมด 11.5 ล้านชิ้น ประกอบไปด้วยข้อมูลของบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมด 214,000 บริษัท โดยการขุดคุ้ยและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของเอกสารที่ให้ชื่อว่า “ปานามาลีก” (Panama Leak) นี้เป็นความร่วมมือกันของผู้สื่อข่าวจำนวน 370 คนจาก 78 ประเทศ) 
    เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรม ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550

    ข้อมูลบริคณห์สนธิบริษัทฯ ระบุว่า บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ถูกจัดตั้งโดยบริษัทในสิงคโปร์ชื่อว่าบริษัท UBS AG สิงคโปร์ โดยการจัดตั้งบริษัทนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2549 และมีการขายบริษัทไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2549 และบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็น 1,681,675 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน)

    โดยผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการบริษัทในปัจจุบัน คือ บริษัท NWT Directors Limited ซึ่งเข้ามาเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2550
    สำหรับที่อยู่ปัจจุบันของบริษัทฯ อยู่ที่ One Raffles Quay#50-01 North TowerSINGAPORE 048583

    ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีการแจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews/135213-isranews-Panamaaart.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2nLggEACbFIpzdcfGrZHzXUZThT8iizlgvTwRRYpTn4EOauqjWa9YuLWk_aem_NcAfeRGv0VtwZQuV8JHOxA#a76xjgtso0awrd0kdad0xn25e74459qj
    เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นางสาวแพทองธาร นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ผู้อยู่กินฉันสามีภริยาตามที่ ป.ป.ช. กำหนด และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท  มีการระบุสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง ได้แก่ 1. สิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London 2. สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London โดยรายการสิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London มีการระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2550 สิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. 3537 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 987 ปี มูลค่าอยู่ที่ 111,612,250 บาท ส่วนสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2560 สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. 3552 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 992 ปี มูลค่าอยู่ที่ 208,342,867 บาท   ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ย้อนกลับไปตรวจสอบรายละเอียดสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง เพิ่มเติม พบว่า สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London มีการแนบเอกสารเกี่ยวกับสิทธิในการเช่า จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2560 ระบุรายละเอียดคร่าวๆว่ามีเงื่อนไขการเช่า 999 ปี ถึงวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 3009 มีคู่สัญญา (Parties) สองฝ่าย ได้แก่ 1.Tropic Offshore Holdings Inc และ 2. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ในส่วนทะเบียนกรรมสิทธิ์ระบุว่า มีผู้เป็นเจ้าของหรือProprietor ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร  โดยราคานอกเหนือจากค่าเช่าที่ระบุไว้ว่าได้จ่ายจากการให้สัญญาเช่าคือ 1 ปอนด์ (The Price, other than rents,  stated to have been paid on the grant of the lease was 1 Pound) สำหรับรายละเอียด บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ปรากฏข้อมูลจากเอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ซึ่งเป็นการตีแผ่ข้อมูลการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักกฎหมายชื่อ มอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonceka) ที่เป็นบริษัทรับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปานามา และมีสาขาอยู่ใน 42 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเรื่องการถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตกถึงมือของสื่อมวลชน โดยมีขนาดความจุ 2.6 เทราไบต์ มีเอกสารทั้งหมด 11.5 ล้านชิ้น ประกอบไปด้วยข้อมูลของบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมด 214,000 บริษัท โดยการขุดคุ้ยและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของเอกสารที่ให้ชื่อว่า “ปานามาลีก” (Panama Leak) นี้เป็นความร่วมมือกันของผู้สื่อข่าวจำนวน 370 คนจาก 78 ประเทศ)  เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรม ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550 ข้อมูลบริคณห์สนธิบริษัทฯ ระบุว่า บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ถูกจัดตั้งโดยบริษัทในสิงคโปร์ชื่อว่าบริษัท UBS AG สิงคโปร์ โดยการจัดตั้งบริษัทนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2549 และมีการขายบริษัทไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2549 และบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็น 1,681,675 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน) โดยผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการบริษัทในปัจจุบัน คือ บริษัท NWT Directors Limited ซึ่งเข้ามาเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2550 สำหรับที่อยู่ปัจจุบันของบริษัทฯ อยู่ที่ One Raffles Quay#50-01 North TowerSINGAPORE 048583 ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีการแจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567  ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews/135213-isranews-Panamaaart.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2nLggEACbFIpzdcfGrZHzXUZThT8iizlgvTwRRYpTn4EOauqjWa9YuLWk_aem_NcAfeRGv0VtwZQuV8JHOxA#a76xjgtso0awrd0kdad0xn25e74459qj
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เปิดตัวบริษัทในเอกสารปานามา คู่สัญญานายกฯได้กรรมสิทธิ์เช่าอะพาร์ตเมนต์ลอนดอน เฉียดพันปี
    เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายคนโตของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ

    ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ
    ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ

    จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล
    ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้

    การตอบสนองของฮุนเซ็น
    นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง

    จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย
    เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต

    อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต
    เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย

    ทำลายสถานทูตไทย
    ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก

    ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า
    หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ

    รายละเอียดของปฏิบัติการ
    วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
    เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ

    22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568

    #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต







    22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้ การตอบสนองของฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย ทำลายสถานทูตไทย ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ รายละเอียดของปฏิบัติการ วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ 22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568 #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment

    นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ

    บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น

    ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ

    ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น
    .
    ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง
    .
    สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    .........
    Sondhi X
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป . วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น . ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง . สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว . เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม.. ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    15
    5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 689 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์ลั่นไว้เมื่อครึ่งปีที่แล้ว
    หมู๋สองตัวนี้ ปลายทางคือหนี๋
    ตัวผู้มีเงินในบชหกสิบกว่าล้าน
    ตัวเมียมีอยู่ในบชสามสิบกว่าล้าน
    ถูกจ๊างมาเพื่อทำร้ายประเทศไทย
    ล่วงเกินต่อสถาบันหลักของชาติ
    ผ่านการเข้าออกสถานฑูตหนึ่งตลอดเวลา
    มือต้นๆ คนใกล้สถานพูตก็จะรอด
    พร้อมดูแลเต็มที่ ส่วนพวกเพ้ออุดมการณ์
    ที่โดนต้มจนเปื่อย ก็ไปอยู่ในกรง ขังหม๋านั่นแหละ
    ชีวิตที่วนไป กับการทำมาหาแดรกด้วยการทำร้ายประเทศ
    มิชชั่นนี้ถือว่าคอมพลีท "คิงส์ผู้มาก่อนกาล"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #พี่คิงส์ลั่นไว้เมื่อครึ่งปีที่แล้ว หมู๋สองตัวนี้ ปลายทางคือหนี๋ ตัวผู้มีเงินในบชหกสิบกว่าล้าน ตัวเมียมีอยู่ในบชสามสิบกว่าล้าน ถูกจ๊างมาเพื่อทำร้ายประเทศไทย ล่วงเกินต่อสถาบันหลักของชาติ ผ่านการเข้าออกสถานฑูตหนึ่งตลอดเวลา มือต้นๆ คนใกล้สถานพูตก็จะรอด พร้อมดูแลเต็มที่ ส่วนพวกเพ้ออุดมการณ์ ที่โดนต้มจนเปื่อย ก็ไปอยู่ในกรง ขังหม๋านั่นแหละ ชีวิตที่วนไป กับการทำมาหาแดรกด้วยการทำร้ายประเทศ มิชชั่นนี้ถือว่าคอมพลีท "คิงส์ผู้มาก่อนกาล" #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Sad
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีของนายหวัง ซิง นักแสดงชาวจีน ที่ถูกหลอกให้มาทำงานในประเทศไทยแต่ได้ข้ามไปยังชายแดนเมียนมา สุดท้ายได้รับการช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัย ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญ คือ มีการขยายผลจับกลุ่มมิจฉาชีพที่ร่วมขบวนการหลอกดาราดังรายนี้แล้ว

    #ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หวังซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กรณีของนายหวัง ซิง นักแสดงชาวจีน ที่ถูกหลอกให้มาทำงานในประเทศไทยแต่ได้ข้ามไปยังชายแดนเมียนมา สุดท้ายได้รับการช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัย ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญ คือ มีการขยายผลจับกลุ่มมิจฉาชีพที่ร่วมขบวนการหลอกดาราดังรายนี้แล้ว #ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หวังซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา
    .
    ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน
    .
    สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น
    .
    เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน
    .
    เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท
    .
    เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789
    .........
    Sondhi X
    รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี . วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา . ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน . สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น . เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน . เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท . เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789 ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • กงสุลใหญ่ชิคาโก ยืนยัน ชายอพยพที่ถูกจับในชิคาโก "ไม่ใช่คนไทย"

    นางฆฏนาวดี กัลยาณมิตร กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ได้สืบค้นในระบบทะเบียนราษฎร์ และไม่พบชื่อ จึงหมายความว่า นายเซดาไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย แต่ตามข้อมูลที่เจ้าตัวสัมภาษณ์ว่าเกิดที่ไทย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้เกิดในค่ายผู้ลี้ภัย และเดินทางมาสหรัฐฯ ตามแม่ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน

    กงสุลใหญ่ นครชิคาโกกล่าวว่า นอกจากกรณีนี้ สถานกงสุล นครชิคาโกยังไม่ได้รับแจ้งเหตุคนไทยถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมแต่อย่างใด


    การออกมาชี้แจงของกงสุลใหญ่แห่งนาครชิคาโก เกิดขึ้นหลังจากที่ "ฟิล แม็กกรอว์" หรือ Dr.Phil พิธีกรรายการทอล์คโชว์ในสหรัฐ โพสต์วิดีโอใน X พร้อมข้อความระบุใต้คลิปอ้างว่า ผู้ถูกจับกุมชุดแรกในชิคาโก ซึ่งรวมถึงชายรายนี้กระทำผิดทางเพศ และเป็นผู้หลอกลวงเหยื่ออินเตอร์เน็ตจากประเทศไทย

    โดยที่ในคลิปดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่แซม เซดา ชายที่ระบุว่าตนเองเป็นคนที่เกิดในประเทศไทย กล่าวว่าตนไม่ได้มีสัญชาติอเมริกัน แต่มีแม่เป็นพลเมืองสหรัฐ

    เมื่อดร.ฟิล ถามชายคนนี้ว่าเคยถูกขับออกจากสหรัฐ หรือไม่ เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และขอคุยกับทนายทันที
    กงสุลใหญ่ชิคาโก ยืนยัน ชายอพยพที่ถูกจับในชิคาโก "ไม่ใช่คนไทย" นางฆฏนาวดี กัลยาณมิตร กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ได้สืบค้นในระบบทะเบียนราษฎร์ และไม่พบชื่อ จึงหมายความว่า นายเซดาไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย แต่ตามข้อมูลที่เจ้าตัวสัมภาษณ์ว่าเกิดที่ไทย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้เกิดในค่ายผู้ลี้ภัย และเดินทางมาสหรัฐฯ ตามแม่ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน กงสุลใหญ่ นครชิคาโกกล่าวว่า นอกจากกรณีนี้ สถานกงสุล นครชิคาโกยังไม่ได้รับแจ้งเหตุคนไทยถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมแต่อย่างใด การออกมาชี้แจงของกงสุลใหญ่แห่งนาครชิคาโก เกิดขึ้นหลังจากที่ "ฟิล แม็กกรอว์" หรือ Dr.Phil พิธีกรรายการทอล์คโชว์ในสหรัฐ โพสต์วิดีโอใน X พร้อมข้อความระบุใต้คลิปอ้างว่า ผู้ถูกจับกุมชุดแรกในชิคาโก ซึ่งรวมถึงชายรายนี้กระทำผิดทางเพศ และเป็นผู้หลอกลวงเหยื่ออินเตอร์เน็ตจากประเทศไทย โดยที่ในคลิปดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่แซม เซดา ชายที่ระบุว่าตนเองเป็นคนที่เกิดในประเทศไทย กล่าวว่าตนไม่ได้มีสัญชาติอเมริกัน แต่มีแม่เป็นพลเมืองสหรัฐ เมื่อดร.ฟิล ถามชายคนนี้ว่าเคยถูกขับออกจากสหรัฐ หรือไม่ เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และขอคุยกับทนายทันที
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก

    ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้

    แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว

    กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน

    น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย

    อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้ แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Beat Generation
    .
    Epilogue
    .
    .
    ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย

    เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้

    แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    Beat Generation . Epilogue . . ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้ แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน
    สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300
    จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่
    ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล
    โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
    ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก
    แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300 จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน
    .
    วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น
    .
    เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง
    .
    “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .
    ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่
    .
    ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543
    .........
    Sondhi X
    สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน . วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น . เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง . “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว . ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่ . ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    Love
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 916 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP12 มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ศูนย์รวมหัวใจชาวมุสลิม
    สลามเมืองไทย EP12 มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ศูนย์รวมหัวใจชาวมุสลิม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • สงครามเย็น 'กริพเพน-เอฟ16' กองทัพอากาศ ย้ำจุดยืน เสนอครม.อนุมัติเม.ย.-พ.ค.
    .
    ประเด็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องขับไล่ฝูงใหม่ของกองทัพอากาศยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ภายหลังมีความเคลื่อนไหวที่ออกมาจากพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ซึ่งระบุว่าเงื่อนไขการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนของประเทศสวีเดน ยังคงดีที่สุด ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี
    .
    พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ระบุว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการพิจารณาดูในรายละเอียดที่เพิ่มเติมมา ซึ่งโครงการจะแบ่งเป็นแพคเกจหลัก เรื่องขีดความสามารถสมรรถนะส่วนนี้ไม่ได้กังวลอะไร และการชดเชยที่สัมพันธ์กับมูลค่าโครงการโดยตรง (direct offset) การนำเข้าอุปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ลิขสิทธิ์ทางปัญญาเกี่ยวกับระบบTactical data link ที่จะสามารถต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่นได้ โดยนับตั้งแต่คัดเลือกจาก 22 แบบ เหลือ 6 แบบ จาก 6 แบบเหลือ 2 แบบคือ F-16 กับ กริพเพน ซึ่งมีใช้งานอยู่ในกองทัพอากาศ และมีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง กำลังพลมีความคุ้นเคย ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก จนมาเหลือ 1 แบบคือกริพเพนซึ่งเรามองว่าเหมาะสมที่สุด เราให้น้ำหนักเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องชดเชยการนำเข้า โดยตามที่สวีเดนเสนอมานั้นมีมูลค่ากว่าเครื่องบินที่ไทยจะจัดซื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ก็จำเป็นต้องรอบคอบและละเอียดรวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องการประกอบสัญญาก่อนที่จะลงนาม
    .
    ผบ.ทอ. กล่าวว่า คาดว่าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 จะเสนอเข้า ครม.ให้อนุมัติแบบ เพราะขณะนี้ต้องจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งมีคณะกรรมการที่พูดคุยกับทางสวีเดนอย่างต่อเนื่องทุกวัน และเสนอความต้องการเพิ่มเติม เพราะยังมีเรื่องเงื่อนไขตอบแทนที่เป็นนามธรรมอยู่จะต้องทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งไทย-สวีเดนถือว่ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทุกระดับอยู่แล้ว
    .
    ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม นำคณะผู้แทนกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ผู้แทนเหล่าทัพ และ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี
    .
    นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการเดินทางขึ้นเรือ USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เห็นถึงศักยภาพ และการใช้อาวุธทางยุทธวิธี และแสนยานุภาพ ที่แข็งแกร่ง ของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยได้ พาตนชมทุกชั้นของเรือ ดูสะพานเดินเรือ ดูห้องบัญชาการของเรือ และได้มีโอกาสดูเครื่องบิน F-16 และ F-35 ที่ประจำอยู่บนเรือ รวมทั้งได้แสดงโชว์ การบินขึ้น-ลงของเครื่องบินรบที่อยู่ประจำบนเรือ
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่อง F-16 หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ คุยกันในเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่มาเยือนประเทศไทย และการได้มาทำภารกิจต่างๆ
    ..............
    Sondhi X
    สงครามเย็น 'กริพเพน-เอฟ16' กองทัพอากาศ ย้ำจุดยืน เสนอครม.อนุมัติเม.ย.-พ.ค. . ประเด็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องขับไล่ฝูงใหม่ของกองทัพอากาศยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ภายหลังมีความเคลื่อนไหวที่ออกมาจากพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ซึ่งระบุว่าเงื่อนไขการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนของประเทศสวีเดน ยังคงดีที่สุด ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี . พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ระบุว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการพิจารณาดูในรายละเอียดที่เพิ่มเติมมา ซึ่งโครงการจะแบ่งเป็นแพคเกจหลัก เรื่องขีดความสามารถสมรรถนะส่วนนี้ไม่ได้กังวลอะไร และการชดเชยที่สัมพันธ์กับมูลค่าโครงการโดยตรง (direct offset) การนำเข้าอุปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ลิขสิทธิ์ทางปัญญาเกี่ยวกับระบบTactical data link ที่จะสามารถต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่นได้ โดยนับตั้งแต่คัดเลือกจาก 22 แบบ เหลือ 6 แบบ จาก 6 แบบเหลือ 2 แบบคือ F-16 กับ กริพเพน ซึ่งมีใช้งานอยู่ในกองทัพอากาศ และมีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง กำลังพลมีความคุ้นเคย ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก จนมาเหลือ 1 แบบคือกริพเพนซึ่งเรามองว่าเหมาะสมที่สุด เราให้น้ำหนักเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องชดเชยการนำเข้า โดยตามที่สวีเดนเสนอมานั้นมีมูลค่ากว่าเครื่องบินที่ไทยจะจัดซื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ก็จำเป็นต้องรอบคอบและละเอียดรวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องการประกอบสัญญาก่อนที่จะลงนาม . ผบ.ทอ. กล่าวว่า คาดว่าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 จะเสนอเข้า ครม.ให้อนุมัติแบบ เพราะขณะนี้ต้องจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งมีคณะกรรมการที่พูดคุยกับทางสวีเดนอย่างต่อเนื่องทุกวัน และเสนอความต้องการเพิ่มเติม เพราะยังมีเรื่องเงื่อนไขตอบแทนที่เป็นนามธรรมอยู่จะต้องทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งไทย-สวีเดนถือว่ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทุกระดับอยู่แล้ว . ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม นำคณะผู้แทนกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ผู้แทนเหล่าทัพ และ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี . นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการเดินทางขึ้นเรือ USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เห็นถึงศักยภาพ และการใช้อาวุธทางยุทธวิธี และแสนยานุภาพ ที่แข็งแกร่ง ของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยได้ พาตนชมทุกชั้นของเรือ ดูสะพานเดินเรือ ดูห้องบัญชาการของเรือ และได้มีโอกาสดูเครื่องบิน F-16 และ F-35 ที่ประจำอยู่บนเรือ รวมทั้งได้แสดงโชว์ การบินขึ้น-ลงของเครื่องบินรบที่อยู่ประจำบนเรือ . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่อง F-16 หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ คุยกันในเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่มาเยือนประเทศไทย และการได้มาทำภารกิจต่างๆ .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น

    สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏

    จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
    สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ

    นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์
    สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน"

    ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
    ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว

    รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม

    ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ
    สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่
    - ดอนเมือง
    - นครราชสีมา
    - ตาคลี
    - อุบลราชธานี
    - อุดรธานี
    - นครพนม
    - อู่ตะเภา

    ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย

    ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม
    ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง

    - รัฐบาลสหรัฐ
    - รัฐบาลเวียดนามเหนือ
    - รัฐบาลเวียดนามใต้
    - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้

    เนื้อหาสำคัญ ได้แก่
    - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม
    - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม
    - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม
    - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้

    ผลกระทบจากข้อตกลง
    การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน

    ผลกระทบนามต่อประเทศไทย
    1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ
    - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร
    - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ

    2. การสูญเสียเอกราช
    มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา

    3. ผลกระทบทางสังคม
    การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว

    สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค

    การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568

    #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม

    🎯
    52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์ สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน" ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ - ดอนเมือง - นครราชสีมา - ตาคลี - อุบลราชธานี - อุดรธานี - นครพนม - อู่ตะเภา ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง - รัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลเวียดนามเหนือ - รัฐบาลเวียดนามใต้ - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้ เนื้อหาสำคัญ ได้แก่ - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้ ผลกระทบจากข้อตกลง การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน ผลกระทบนามต่อประเทศไทย 1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ 2. การสูญเสียเอกราช มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา 3. ผลกระทบทางสังคม การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568 #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม 🎯
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Open Society Foundations ของ จอร์จ โซรอส "พ่อมดมืด" ผู้บันดาล "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ให้ประเทศไทย...!!!
    .
    เขาไปฝังตัวอยู่ทั่วโลกนั่นแหล่ะ...
    .
    และ ไอ้ปฏิวัติสี ที่ว่า...
    .
    ประเทศไทยบ้านเราก็มีนะ...!!!
    .
    ให้ลองไปดู สีสัญลักษณ์ ที่เกิดขึ้นใน ยูเครน และ สีของพรรคการเมืองหนึ่งในพม่าดู ชื่อก็คล้ายๆกัน...
    .
    😂😂😂😂😂😂
    Open Society Foundations ของ จอร์จ โซรอส "พ่อมดมืด" ผู้บันดาล "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ให้ประเทศไทย...!!! . เขาไปฝังตัวอยู่ทั่วโลกนั่นแหล่ะ... . และ ไอ้ปฏิวัติสี ที่ว่า... . ประเทศไทยบ้านเราก็มีนะ...!!! . ให้ลองไปดู สีสัญลักษณ์ ที่เกิดขึ้นใน ยูเครน และ สีของพรรคการเมืองหนึ่งในพม่าดู ชื่อก็คล้ายๆกัน... . 😂😂😂😂😂😂
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน

    โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร

    ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง

    ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา

    ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
    เรื่องอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย
    มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26-28 มกราคม 2568
    ฉบับที่ 6 (27/2568)

    ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26-28 มกราคม 2568 ฉบับที่ 6 (27/2568) ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป
    .
    ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี
    .
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
    .
    เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA
    .
    นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
    .
    16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
    .
    ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
    .
    ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
    .
    จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง
    .
    ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า
    .
    ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
    .
    แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป . ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี . ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้ . เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA . นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา . 16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด . ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง . ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้ . จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง . ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า . ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น . แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกใน ศึกนอก ประเทศไทยต้องรอด!
    https://youtu.be/M6VrKNUEvfY
    ศึกใน ศึกนอก ประเทศไทยต้องรอด! https://youtu.be/M6VrKNUEvfY
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts