อัปเดตล่าสุด
- เดชฤทธิ์ กรุ๊ป แบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor มิชชั่นเราตอนนี้ ...
”Raise The Bar” (เรส เดอะ บาร์)...
”ยกระดับความท้าทายเพื่อประโยชน์สุดคุ้มของลูกค้า”
เราไม่หยุดก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่ดีกว่าเดิม
www.10-xconsulting.com
www.lifealignmentor.comเดชฤทธิ์ กรุ๊ป แบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor มิชชั่นเราตอนนี้ ... ”Raise The Bar” (เรส เดอะ บาร์)... ”ยกระดับความท้าทายเพื่อประโยชน์สุดคุ้มของลูกค้า” เราไม่หยุดก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่ดีกว่าเดิม www.10-xconsulting.com www.lifealignmentor.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ตามล่าหา 'ดาวเหนือ'
ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย
แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ
เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด
เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต
แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา
.
วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้
มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก
เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น
ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป
ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก
เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
.
วันนำเสนอผลงานมาถึง
ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา
หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย
โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ
แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย
ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน
เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย
"นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?"
.
ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป
เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง
เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน
ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา
เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น?
.
ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ
เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน
ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ"
เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น
.
เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย
เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย
อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น
เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้
.
แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป
เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน
พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning)
ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน
ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว
มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม
เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
.
วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น
ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ
แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด
งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง
โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น
มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที
แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้
.
การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก
แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน
และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น
และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ"
ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ"
และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย
แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง
และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด
www.10x-consulting.comตามล่าหา 'ดาวเหนือ' ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา . วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้ มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด . วันนำเสนอผลงานมาถึง ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?" . ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น? . ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ" เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น . เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้ . แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning) ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า . วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้ . การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ" ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ" และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด www.10x-consulting.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
- วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน
ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา
วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน
กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน
อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป
จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...
หลายปีผ่านไป...
ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ
เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้
ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป
www.lifealignmentor.com
วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล... หลายปีผ่านไป... ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้ ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป www.lifealignmentor.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว - Micro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล
รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand)
ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน
Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน)
ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง
ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ?
-ทันโลก ทันเกม:
ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร
-ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง:
รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ
-สร้างความคล่องตัว (Career Agility):
เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต
-แสดงความมุ่งมั่น:
การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา
มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential?
การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ:
-โปรไฟล์โดดเด่น:
นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
-ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น:
95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา
-ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ:
97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing)
ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ:
นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี
ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้!
และ
98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน
-ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน:
นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน
-ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ:
นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว
ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ
-เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน:
ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน
-พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า:
เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
-เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ:
ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง
-สร้างความมั่นใจ:
การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง
-เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่:
อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้
Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก
ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก:
-รักษาความสดใหม่:
ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค
-สร้างความแตกต่าง:
ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร
-ลงทุนในตัวเอง:
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว
สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน
ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน
การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ
www.10-xconsulting.comMicro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน) ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ? -ทันโลก ทันเกม: ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร -ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง: รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ -สร้างความคล่องตัว (Career Agility): เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต -แสดงความมุ่งมั่น: การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential? การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ: -โปรไฟล์โดดเด่น: นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด -ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น: 95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา -ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ: 97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing) ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ: นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้! และ 98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน -ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน: นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน -ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ: นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ -เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน: ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน -พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า: เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย -เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ: ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง -สร้างความมั่นใจ: การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง -เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่: อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้ Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก: -รักษาความสดใหม่: ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค -สร้างความแตกต่าง: ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร -ลงทุนในตัวเอง: เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ www.10-xconsulting.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว - เสริมพลัง OKRs ด้วย NLP: ขับเคลื่อนเป้าหมาย เริ่มที่ 'ตัวเรา' สู่องค์กร
OD with OKRs and NLP
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นสิ่งสำคัญ OKRs (Objectives and Key Results) หรือ "หลักการตั้งเป้าหมายและวัดผลลัพธ์" ได้กลายเป็นเครื่องมือที่หลายองค์กรเลือกใช้ เปรียบเสมือน "เข็มทิศนำทาง" ให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ
.
แต่
การจะทำให้ OKR เกิดผลสำเร็จจริง ๆ จนเป็นการ "ลงมือทำที่เห็นผล" นั้น ไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือที่ดีเท่านั้น หัวใจสำคัญกลับอยู่ที่ "การเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง"
.
ผู้นำและสมาชิกในทีมต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติและสภาวะภายใน ("BEING" หรือ "การตระหนักรู้ในตนเอง") ให้พร้อมเติบโต ซึ่ง NLP (Neuro - Linguistic Programming) หรือ "ศาสตร์การเข้าใจและปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและภาษา" คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมพลังในมิติภายในนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อ OKRs และ NLP ทำงานร่วมกัน จะเกิดพลังทวีคูณ ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
.
(อ่านต่อใน Comment และโพสต์ในลิงค์ https://www.facebook.com/share/p/15WjjCLacJ/ และ https://lnkd.in/gCab5Ys8)
www.10-xconsulting.com
www.lifealignmentor.comเสริมพลัง OKRs ด้วย NLP: ขับเคลื่อนเป้าหมาย เริ่มที่ 'ตัวเรา' สู่องค์กร OD with OKRs and NLP ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นสิ่งสำคัญ OKRs (Objectives and Key Results) หรือ "หลักการตั้งเป้าหมายและวัดผลลัพธ์" ได้กลายเป็นเครื่องมือที่หลายองค์กรเลือกใช้ เปรียบเสมือน "เข็มทิศนำทาง" ให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ . แต่ การจะทำให้ OKR เกิดผลสำเร็จจริง ๆ จนเป็นการ "ลงมือทำที่เห็นผล" นั้น ไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือที่ดีเท่านั้น หัวใจสำคัญกลับอยู่ที่ "การเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง" . ผู้นำและสมาชิกในทีมต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติและสภาวะภายใน ("BEING" หรือ "การตระหนักรู้ในตนเอง") ให้พร้อมเติบโต ซึ่ง NLP (Neuro - Linguistic Programming) หรือ "ศาสตร์การเข้าใจและปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและภาษา" คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมพลังในมิติภายในนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อ OKRs และ NLP ทำงานร่วมกัน จะเกิดพลังทวีคูณ ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง . (อ่านต่อใน Comment และโพสต์ในลิงค์ https://www.facebook.com/share/p/15WjjCLacJ/ และ https://lnkd.in/gCab5Ys8) www.10-xconsulting.com www.lifealignmentor.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว - วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ
How to Use GenAI with OKRs (Without Letting It Think for You)
Christina Wodtke
(ฉบับภาษาอังกฤษ https://lnkd.in/grVpexDy)
บทความ OKR ล่าสุดของอาจารย์คริสตินา วุดท์เคอ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นบทความเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในหลายแง่มุม
ล่าสุด 18 เม.ย. ก็ได้อ่าน How-to ดีๆ เกี่ยวกับ OKRs และ AI แบบสร้างสรรค์ ในหัวข้อ “วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ”
ภาคภาษาไทยของบทความที่ได้รับความช่วยเหลือในการแปลจาก Gemini และปรับแต่งอีกครั้งโดย กลั่นหามาเล่า ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร สำหรับผู้ถนัดอ่านภาษาไทย (อ่านรายละเอียดภาษาไทยfดูรายละเอียดได้ที่โพสต์ https://lnkd.in/g68edHvP และใน Comment ใต้โพสต์)
หากต้องการดูสาระดีๆ เกี่ยวกับ OKR ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COMวิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ How to Use GenAI with OKRs (Without Letting It Think for You) Christina Wodtke (ฉบับภาษาอังกฤษ https://lnkd.in/grVpexDy) บทความ OKR ล่าสุดของอาจารย์คริสตินา วุดท์เคอ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นบทความเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในหลายแง่มุม ล่าสุด 18 เม.ย. ก็ได้อ่าน How-to ดีๆ เกี่ยวกับ OKRs และ AI แบบสร้างสรรค์ ในหัวข้อ “วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ” ภาคภาษาไทยของบทความที่ได้รับความช่วยเหลือในการแปลจาก Gemini และปรับแต่งอีกครั้งโดย กลั่นหามาเล่า ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร สำหรับผู้ถนัดอ่านภาษาไทย (อ่านรายละเอียดภาษาไทยfดูรายละเอียดได้ที่โพสต์ https://lnkd.in/g68edHvP และใน Comment ใต้โพสต์) หากต้องการดูสาระดีๆ เกี่ยวกับ OKR ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว - 5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์
1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ
การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง
2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน
เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน
นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง
3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ
การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ
เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว
การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย
เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ
ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง
เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์ 1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง 2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง 3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง 4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 3 0 รีวิว
- เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด
“เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว
เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ”
ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน
ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้
ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้
หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ
1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง
2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร
ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน
หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885
ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore
#ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
#เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
#เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆเปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ” ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้ หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ 1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง 2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885 ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 656 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 7 0 รีวิว
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 4 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 4 0 รีวิว
- ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร?
ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant
ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ...
เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล"
และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน"
เพราะ ...
-เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง
-มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม
-การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน
-เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่
-มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี
-ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ
-ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว
ซึ่งส่งผลให้ ...
-เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง
-เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง
-มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป
-เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต
-ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น
การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ
หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้
มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน
ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ
WWW.10-XCONSULTING.COM
ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore
#ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
#เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
#เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร? ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ... เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล" และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน" เพราะ ... -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง -มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม -การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่ -มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี -ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ -ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว ซึ่งส่งผลให้ ... -เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง -เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง -มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป -เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต -ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ WWW.10-XCONSULTING.COM ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว - เจาะลึก TAS Forum 3 ถอดรหัสกลยุทธ์ธุรกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และบทเรียนจากองค์กร - ผู้บริหารระดับโลก
เจาะลึก TAS Forum 3 ถอดรหัสกลยุทธ์ธุรกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และบทเรียนจากองค์กร - ผู้บริหารระดับโลก - เมื่อองค์กรของคุณติดปีกแห่งการเปลี่ยนแปลง: เรื่องเล่าจากวงล้อการเรียนรู้
ณ ใจกลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีบริษัทที่ชื่อว่า "แสงตะวัน" กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาตามไม่ทัน คู่แข่งรายใหม่ก็โผล่ขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด กำไรที่เคยงดงามเริ่มหดหาย แสงตะวันจะทำอย่างไร?
วงล้อแห่งการเรียนรู้: กุญแจสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง
ผู้บริหารของแสงตะวันได้ค้นพบโมเดลการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เปรียบเสมือน "วงล้อแห่งการเรียนรู้" ที่จะนำพาองค์กรของพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน วงล้อนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ
1.ผลกระทบ (Impact): พวกเขาเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจได้อย่างไร
2.การถ่ายทอด (Transfer): พวกเขาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ รวมถึงลูกค้าและคู่ค้า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบด้าน
3.การเรียนรู้ (Learning): พวกเขาใช้ข้อมูลที่ได้มาสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะของพนักงาน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4.ปฏิกิริยา (Reaction): พวกเขานำความรู้ที่ได้มาทดลองใช้จริง ปรับปรุงแก้ไข และเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
5.ประสิทธิภาพ (Effectiveness): พวกเขาประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลมาปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง
ทีมและนวัตกรรม: แรงขับเคลื่อนสำคัญ
วงล้อแห่งการเรียนรู้ของแสงตะวันไม่ได้หมุนด้วยตัวมันเอง พวกเขาให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ พวกเขายังลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
10X Consulting: เพื่อนร่วมทางสู่ความสำเร็จ
“แสงตะวัน” ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก “10X Consulting” แบรนด์ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการจัดการองค์กร ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง
“10X Consulting” ให้บริการที่หลากหลายที่สามารถช่วยให้องค์กรของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น
•การวิเคราะห์ข้อมูล:
เราช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหา Insight ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ
•การพัฒนาทีม:
เราช่วยคุณพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ
•การค้นหาสิ่งใหม่:
เราช่วยคุณค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
•การประเมินผลลัพธ์: เราช่วยคุณประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“แสงตะวัน” ในวันใหม่
วันนี้ แสงตะวันกลับมาผงาดอีกครั้ง พวกเขาไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขามีวงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องนำทาง พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
บทเรียนจาก “แสงตะวัน”
เรื่องราวของแสงตะวันสอนให้เรารู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะนำพาองค์กรของคุณไปสู่ความสำเร็จ
หากคุณต้องการที่จะติดปีกให้องค์กรของคุณและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ อย่ารอช้าที่จะติดต่อ “10X Consulting” เราพร้อมที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณ
www.10-xconsulting.com
เมื่อองค์กรของคุณติดปีกแห่งการเปลี่ยนแปลง: เรื่องเล่าจากวงล้อการเรียนรู้ ณ ใจกลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีบริษัทที่ชื่อว่า "แสงตะวัน" กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาตามไม่ทัน คู่แข่งรายใหม่ก็โผล่ขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด กำไรที่เคยงดงามเริ่มหดหาย แสงตะวันจะทำอย่างไร? วงล้อแห่งการเรียนรู้: กุญแจสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารของแสงตะวันได้ค้นพบโมเดลการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เปรียบเสมือน "วงล้อแห่งการเรียนรู้" ที่จะนำพาองค์กรของพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน วงล้อนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ 1.ผลกระทบ (Impact): พวกเขาเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจได้อย่างไร 2.การถ่ายทอด (Transfer): พวกเขาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ รวมถึงลูกค้าและคู่ค้า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบด้าน 3.การเรียนรู้ (Learning): พวกเขาใช้ข้อมูลที่ได้มาสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะของพนักงาน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 4.ปฏิกิริยา (Reaction): พวกเขานำความรู้ที่ได้มาทดลองใช้จริง ปรับปรุงแก้ไข และเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง 5.ประสิทธิภาพ (Effectiveness): พวกเขาประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลมาปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ทีมและนวัตกรรม: แรงขับเคลื่อนสำคัญ วงล้อแห่งการเรียนรู้ของแสงตะวันไม่ได้หมุนด้วยตัวมันเอง พวกเขาให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ พวกเขายังลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 10X Consulting: เพื่อนร่วมทางสู่ความสำเร็จ “แสงตะวัน” ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก “10X Consulting” แบรนด์ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการจัดการองค์กร ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง “10X Consulting” ให้บริการที่หลากหลายที่สามารถช่วยให้องค์กรของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น •การวิเคราะห์ข้อมูล: เราช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหา Insight ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ •การพัฒนาทีม: เราช่วยคุณพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ •การค้นหาสิ่งใหม่: เราช่วยคุณค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า •การประเมินผลลัพธ์: เราช่วยคุณประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง “แสงตะวัน” ในวันใหม่ วันนี้ แสงตะวันกลับมาผงาดอีกครั้ง พวกเขาไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขามีวงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องนำทาง พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บทเรียนจาก “แสงตะวัน” เรื่องราวของแสงตะวันสอนให้เรารู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะนำพาองค์กรของคุณไปสู่ความสำเร็จ หากคุณต้องการที่จะติดปีกให้องค์กรของคุณและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ อย่ารอช้าที่จะติดต่อ “10X Consulting” เราพร้อมที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณ www.10-xconsulting.com0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว - เคล็ดลับของคนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเคล็ดลับของคนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
- The feasibility of restructuring the cooperative supervision system in Thailand.
This research delves into the feasibility of restructuring the cooperative supervision system in Thailand, focusing on the Cooperative Promotion Office and the Cooperative Audit Office under the Ministry of Agriculture and Cooperatives.
The study employed a combination of documentary research and survey research to analyze the current system and explore potential changes in governance models. The findings indicate that transitioning to a more flexible and independent structure could enhance efficiency, knowledge transfer, and regulatory effectiveness.The feasibility of restructuring the cooperative supervision system in Thailand. This research delves into the feasibility of restructuring the cooperative supervision system in Thailand, focusing on the Cooperative Promotion Office and the Cooperative Audit Office under the Ministry of Agriculture and Cooperatives. The study employed a combination of documentary research and survey research to analyze the current system and explore potential changes in governance models. The findings indicate that transitioning to a more flexible and independent structure could enhance efficiency, knowledge transfer, and regulatory effectiveness.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 618 มุมมอง 0 รีวิว - รางวัลแห่งการสะท้อนคิดของ CEOรางวัลแห่งการสะท้อนคิดของ CEO0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
- 8% ของพนักงานเข้าใจกลยุทธ์ขององค์กรอย่างแท้จริง8% ของพนักงานเข้าใจกลยุทธ์ขององค์กรอย่างแท้จริง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
- Best Global Leadership & Team Coach 2024 (Thailand): Wasit Prombutr
Life Alignmentor By Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr
https://www.corporatevision-news.com/winners/life-alignmentor-by-dr-wasit-prombutr-2/
"Thank you, Corporate Vision Magazine, for this wonderful award for the second year running."
"รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล 'Best Global Leadership & Team Coach 2024 (Thailand): Wasit Prombutr Life Alignmentor By Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr' จากนิตยสาร Corporate Vision เป็นปีที่สองติดต่อกัน ขอขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงคุณค่า รางวัลนี้เป็นกำลังใจสำคัญที่ผลักดันให้มุ่งมั่นพัฒนาทักษะการโต้ชผู้นำและโค้ชทีม เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับองค์กรและผู้คนต่อไป"Best Global Leadership & Team Coach 2024 (Thailand): Wasit Prombutr Life Alignmentor By Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr https://www.corporatevision-news.com/winners/life-alignmentor-by-dr-wasit-prombutr-2/ "Thank you, Corporate Vision Magazine, for this wonderful award for the second year running." "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล 'Best Global Leadership & Team Coach 2024 (Thailand): Wasit Prombutr Life Alignmentor By Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr' จากนิตยสาร Corporate Vision เป็นปีที่สองติดต่อกัน ขอขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงคุณค่า รางวัลนี้เป็นกำลังใจสำคัญที่ผลักดันให้มุ่งมั่นพัฒนาทักษะการโต้ชผู้นำและโค้ชทีม เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับองค์กรและผู้คนต่อไป"0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว - ใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)"
หนังสือ "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้นำในองค์กร แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง และก้าวไปสู่ความสำเร็จ
ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ 6 กลุ่ม
•กลุ่มที่ 1 ผู้นำทีม
หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้นำทีม มีแนวทางการพัฒนาตนเอง และสามารถ "สร้าง" และ "พัฒนา" ทีมให้แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
•กลุ่มที่ 2 ผู้จัดการ
เรียนรู้แนวทางการพัฒนาตนเอง และมีวิธีการ "จัดการ" และ "พัฒนา" ทีมอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และบรรลุเป้าหมายขององค์กร
•กลุ่มที่ 3 ผู้บริหาร
เข้าใจความสำคัญ และรู้วิธีการใน "ภาพรวม" ของการบริหารจัดการองค์กร และนำ องค์กร สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และมีกลยุทธ์การพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั้งในระดับทีม หน่วยงาน และองค์กร
•กลุ่มที่ 4 เจ้าของธุรกิจ
ค้นพบ "แนวทาง" การพัฒนาตัวเอง และธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน พร้อม รับมือกับการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคใหม่
•กลุ่มที่ 5 ผู้ก่อตั้ง
สร้าง "รากฐาน" ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น และนำพา องค์กรสู่ความสำเร็จใน ระยะยาว
•กลุ่มที่ 6 บุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาตนเอง
แม้ ไม่ใช่แค่ผู้นำ หรือเจ้าของกิจการ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีประโยชน์สำหรับบุคคลทั่วไปที่ ต้องการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพ และก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว เนื้อหาในส่วนของการพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม และการบริหาร จัดการ สามารถ นำไปปรับใช้ ได้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ ในสายงานใดก็ตาม
"ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับ ทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง ทีมงาน หน่วยงานและองค์กร ให้ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ระดับบุคคล ไปจนถึงระดับองค์กร ช่วยให้คุณสามารถนำ ไป ประยุกต์ใช้ ได้จริงในทุกสถานการณ์
ติดตามสาระดีๆ อีกมากมายได้ที่ https://10-xconsulting.com/feeds/ใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" หนังสือ "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้นำในองค์กร แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง และก้าวไปสู่ความสำเร็จ ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ 6 กลุ่ม •กลุ่มที่ 1 ผู้นำทีม หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้นำทีม มีแนวทางการพัฒนาตนเอง และสามารถ "สร้าง" และ "พัฒนา" ทีมให้แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ •กลุ่มที่ 2 ผู้จัดการ เรียนรู้แนวทางการพัฒนาตนเอง และมีวิธีการ "จัดการ" และ "พัฒนา" ทีมอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และบรรลุเป้าหมายขององค์กร •กลุ่มที่ 3 ผู้บริหาร เข้าใจความสำคัญ และรู้วิธีการใน "ภาพรวม" ของการบริหารจัดการองค์กร และนำ องค์กร สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และมีกลยุทธ์การพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั้งในระดับทีม หน่วยงาน และองค์กร •กลุ่มที่ 4 เจ้าของธุรกิจ ค้นพบ "แนวทาง" การพัฒนาตัวเอง และธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน พร้อม รับมือกับการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคใหม่ •กลุ่มที่ 5 ผู้ก่อตั้ง สร้าง "รากฐาน" ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น และนำพา องค์กรสู่ความสำเร็จใน ระยะยาว •กลุ่มที่ 6 บุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาตนเอง แม้ ไม่ใช่แค่ผู้นำ หรือเจ้าของกิจการ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีประโยชน์สำหรับบุคคลทั่วไปที่ ต้องการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพ และก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว เนื้อหาในส่วนของการพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม และการบริหาร จัดการ สามารถ นำไปปรับใช้ ได้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ ในสายงานใดก็ตาม "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับ ทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง ทีมงาน หน่วยงานและองค์กร ให้ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ระดับบุคคล ไปจนถึงระดับองค์กร ช่วยให้คุณสามารถนำ ไป ประยุกต์ใช้ ได้จริงในทุกสถานการณ์ ติดตามสาระดีๆ อีกมากมายได้ที่ https://10-xconsulting.com/feeds/0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว - 8 เทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการโค้ชชิ่ง8 เทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการโค้ชชิ่ง
เรื่องราวเพิ่มเติม