• “นพดล ปัทมะ” คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ/ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ประเด็นที่  นายนพดล ปัทมะ อ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้เป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปี พ.ศ.2505 แล้ว แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นความจริงที่พูดไม่ครบเพราะ

    ประการแรก นายนพดลอาจจะไม่ได้ตระหนักว่า นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวนที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในวันข้างหน้า” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 เอาไว้ด้วย โดยผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติก็ไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ

    ข้อสงวนดังกล่าวเป็นการแสดงออกของรัฐบาลไทย ถึงความอยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 

    ข้อสงวนดังกล่าวไม่ได้อ้างข้อบทบัญญัติในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แต่เมื่อฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีนี้ ฝ่ายไทยก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกจนถึงปัจจุบัน และข้อสงวนของฝ่ายไทยนั้นก็ไม่ได้อ้างอิงข้อบทในกฎหมายของศาลยุติธรรมต่างประเทศในเวลานั้น หากแต่วันหนึ่งในวันข้างหน้าที่กฎหมายพัฒนา หรือเกิดสิทธิที่ถูกต้องเป็นธรรมขึ้น ก็พร้อมที่จะทวงคืนประสาทพระวิหารกลับคืนมาด้วย จึงเป็นการสงวนสิทธิ์ในอนาคตแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลา

    ดังนั้น การอ้างว่าไทยได้แพ้ในคดีปราสาทพระวิหารไปแล้ว การลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้เป็นการยกปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวนั้น จึงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยได้ละทิ้งข้อสงวนของไทยที่นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวน” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 จริงหรือไม่?

     ประการที่สอง ประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของตัวปราสาทวิหารนั้นจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีพื้นที่พัฒนา พื้นที่กันชน ซึ่งเป็นเรื่อง “แผ่นดิน” นอกเหนือจาก “ตัวปราสาทพระวิหาร” ตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2505 จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนว่า มีการยินยอมจากฝ่ายไทยในแผนผัง(N1, N2, N3) ให้ตัวปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาได้อย่างไร โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

    ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรจะถกเถียงใดๆ อีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2511 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดสิ้นสุดไปแล้ว ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2551 เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ โดยปรากฏคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในหน้าที่ 23-24 ความตอนหนึ่งว่า

    “ส่วนเรื่องอาณาเขตของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ การดำเนินการและการพิจารณาวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ หากเป็นกรณีที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศแล้ว ย่อมจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสองด้วย

    สำหรับคำแถลงการณ์ร่วม-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 นั้น แม้จะไม่ได้ปรากฏสาระสำคัญอย่างชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่อันเป็นอาณาเขตของประเทศไทยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อบททั้งหมดในคำแถลงการณ์ร่วมประกอบกับแผนที่หรือแผนผังแนบท้ายซึ่งจัดทำขึ้นโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว อันประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำแถลงการณ์ร่วมแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผนที่ดังกล่าวได้กล่าวอ้างถึงพื้นที่ N.1 N.2 และ N.3 ได้ชัดเจนว่ามีบริเวณครอบคลุมส่วนใดของประเทศใดเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศตอบไปภายหน้าได้ 

    ประกอบกับการที่ประเทศกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันในเรื่องของเส้นเขตแดนและขอบเขตที่ปราสาทตั้งอยู่ ทั้งเป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันทั้งทางด้านสังคมและการเมืองมาโดยตลอด

    การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเจรจากับประเทศกัมพูชาก่อนที่จะได้มีการลงนามคำแถลงการร่วมดังกล่าว พึงเล็งเห็นได้ว่า การลงนามคำแถลงการณ์ร่วมไป ก็อาจก่อให้เกิดการแตกแยกกันทางด้านความคิดเห็นของคนในสังคมทั้งสองประเทศ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤติแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจึงเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา

    อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา หรือ Joint Communiqe’ ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางอีกด้วย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามประมวลมาตรา 190 วรรคสอง”

    ดังนั้น การโพสต์ว่านายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในกรณีให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใส่ร้ายตรงไหน และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญนั้นผิดตรงไหน?

    ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาสำนวนคดีหมายเลขดำ ที่ อม.3/2556 เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ในประเด็นแห่งคดีที่ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่ได้นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานั้น ศาลฟังไม่ได้ว่า “จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”

      แปลว่าเราต้องเคารพคำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งสรุปสั้นๆ ได้คือ นายนพดล ปัทมะ ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมแผนผังนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทยที่กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ในอีกคดีหนึ่งที่ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะไม่ได้มี “เจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”

    จึงต้องตั้งคำถามต่อจากนายนพดล ปัทมะ ที่ตั้งประเด็นในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะให้เชื่อใครระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะ กับกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ของประเทศไทยนั้น ประเทศไทยได้รับบทเรียนจากกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีการกระทำแบบที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แพ้คำตัดสินตัวปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2505 แพ้การตีความพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้นการที่มาตั้งคำถามเพื่อด้อยค่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในทำนองว่าอาจจะมีความรู้น้อยกว่า กรมสนธิสัญญากระทรวงการต่างประเทศจึงไม่น่าเชื่อถือ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน ถูกต้องแล้วหรือ?

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงต้องตั้งคำถามว่าข้อความต่อไปนี้ ไม่ใช่ความเท็จ และไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายดีใดๆ จริงหรือไม่ ดังจะได้บันทึกให้อ่านกันเป็นข้อความซ้ำกัน 3 ครั้ง ความว่า

     “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

     “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

      “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต



    “นพดล ปัทมะ” คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ/ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประเด็นที่  นายนพดล ปัทมะ อ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้เป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปี พ.ศ.2505 แล้ว แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นความจริงที่พูดไม่ครบเพราะ ประการแรก นายนพดลอาจจะไม่ได้ตระหนักว่า นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวนที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในวันข้างหน้า” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 เอาไว้ด้วย โดยผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติก็ไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ ข้อสงวนดังกล่าวเป็นการแสดงออกของรัฐบาลไทย ถึงความอยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  ข้อสงวนดังกล่าวไม่ได้อ้างข้อบทบัญญัติในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แต่เมื่อฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีนี้ ฝ่ายไทยก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกจนถึงปัจจุบัน และข้อสงวนของฝ่ายไทยนั้นก็ไม่ได้อ้างอิงข้อบทในกฎหมายของศาลยุติธรรมต่างประเทศในเวลานั้น หากแต่วันหนึ่งในวันข้างหน้าที่กฎหมายพัฒนา หรือเกิดสิทธิที่ถูกต้องเป็นธรรมขึ้น ก็พร้อมที่จะทวงคืนประสาทพระวิหารกลับคืนมาด้วย จึงเป็นการสงวนสิทธิ์ในอนาคตแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลา ดังนั้น การอ้างว่าไทยได้แพ้ในคดีปราสาทพระวิหารไปแล้ว การลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้เป็นการยกปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวนั้น จึงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยได้ละทิ้งข้อสงวนของไทยที่นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวน” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 จริงหรือไม่?  ประการที่สอง ประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของตัวปราสาทวิหารนั้นจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีพื้นที่พัฒนา พื้นที่กันชน ซึ่งเป็นเรื่อง “แผ่นดิน” นอกเหนือจาก “ตัวปราสาทพระวิหาร” ตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2505 จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนว่า มีการยินยอมจากฝ่ายไทยในแผนผัง(N1, N2, N3) ให้ตัวปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาได้อย่างไร โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรจะถกเถียงใดๆ อีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2511 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดสิ้นสุดไปแล้ว ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2551 เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ โดยปรากฏคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในหน้าที่ 23-24 ความตอนหนึ่งว่า “ส่วนเรื่องอาณาเขตของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ การดำเนินการและการพิจารณาวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ หากเป็นกรณีที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศแล้ว ย่อมจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสองด้วย สำหรับคำแถลงการณ์ร่วม-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 นั้น แม้จะไม่ได้ปรากฏสาระสำคัญอย่างชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่อันเป็นอาณาเขตของประเทศไทยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อบททั้งหมดในคำแถลงการณ์ร่วมประกอบกับแผนที่หรือแผนผังแนบท้ายซึ่งจัดทำขึ้นโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว อันประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำแถลงการณ์ร่วมแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผนที่ดังกล่าวได้กล่าวอ้างถึงพื้นที่ N.1 N.2 และ N.3 ได้ชัดเจนว่ามีบริเวณครอบคลุมส่วนใดของประเทศใดเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศตอบไปภายหน้าได้  ประกอบกับการที่ประเทศกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันในเรื่องของเส้นเขตแดนและขอบเขตที่ปราสาทตั้งอยู่ ทั้งเป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันทั้งทางด้านสังคมและการเมืองมาโดยตลอด การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเจรจากับประเทศกัมพูชาก่อนที่จะได้มีการลงนามคำแถลงการร่วมดังกล่าว พึงเล็งเห็นได้ว่า การลงนามคำแถลงการณ์ร่วมไป ก็อาจก่อให้เกิดการแตกแยกกันทางด้านความคิดเห็นของคนในสังคมทั้งสองประเทศ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤติแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจึงเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา หรือ Joint Communiqe’ ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางอีกด้วย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามประมวลมาตรา 190 วรรคสอง” ดังนั้น การโพสต์ว่านายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในกรณีให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใส่ร้ายตรงไหน และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญนั้นผิดตรงไหน? ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาสำนวนคดีหมายเลขดำ ที่ อม.3/2556 เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ในประเด็นแห่งคดีที่ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่ได้นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานั้น ศาลฟังไม่ได้ว่า “จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”   แปลว่าเราต้องเคารพคำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งสรุปสั้นๆ ได้คือ นายนพดล ปัทมะ ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมแผนผังนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทยที่กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ในอีกคดีหนึ่งที่ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะไม่ได้มี “เจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ” จึงต้องตั้งคำถามต่อจากนายนพดล ปัทมะ ที่ตั้งประเด็นในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะให้เชื่อใครระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะ กับกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ของประเทศไทยนั้น ประเทศไทยได้รับบทเรียนจากกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีการกระทำแบบที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แพ้คำตัดสินตัวปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2505 แพ้การตีความพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้นการที่มาตั้งคำถามเพื่อด้อยค่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในทำนองว่าอาจจะมีความรู้น้อยกว่า กรมสนธิสัญญากระทรวงการต่างประเทศจึงไม่น่าเชื่อถือ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน ถูกต้องแล้วหรือ? จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงต้องตั้งคำถามว่าข้อความต่อไปนี้ ไม่ใช่ความเท็จ และไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายดีใดๆ จริงหรือไม่ ดังจะได้บันทึกให้อ่านกันเป็นข้อความซ้ำกัน 3 ครั้ง ความว่า  “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”  “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”   “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ” ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นพดล"เชื่อค้าน MOU 44 ไม่บานปลาย แต่ไม่สบายใจ"ปานเทพ"ด้อยค่า ก.ต่างประเทศเสียท่าเขมร 03/01/68 #นพดล #MOU 44 #ปานเทพ
    "นพดล"เชื่อค้าน MOU 44 ไม่บานปลาย แต่ไม่สบายใจ"ปานเทพ"ด้อยค่า ก.ต่างประเทศเสียท่าเขมร 03/01/68 #นพดล #MOU 44 #ปานเทพ
    Like
    Angry
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1646 มุมมอง 95 1 รีวิว
  • MOU 2544 "นพดล" อย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด
    .
    หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผม อาจารย์ปานเทพ และคณะ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามนายกฯ หลังครบ 15 วัน ที่ได้ยื่นหนังสือขอให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544
    .
    เรื่องนี้รัฐบาลเดือดร้อนมาก วันเดียวกันนั้นเลย นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ พอถูกถามเรื่อง MOU 2544 ก็ออกมาอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ แต่ยังยืนกรานไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะ หรือเวทีดีเบตตามสื่อ เพราะรู้ว่าเปิดเมื่อไรก็ตายคาเวทีเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งคนอย่างเช่นนายนพดล ปัทมะ ที่ทำตัวเป็นคนปากเก่ง
    .
    ปัจจุบันนี้ นายนพดล มีตำแหน่งเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวตอบโต้พวกผม เมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ไม่ใช่ตอบโต้อย่างเดียวด้อยค่าพวกผมว่า ระหว่างพวกผม กับกรมสนธิสัญญาฯ กระทรวงการต่างประเทศ จะเชื่อใคร
    .
    คุณนพดลครับ ถ้าคุณมีตา มีสมอง คุณคงรู้ว่าประชาชนทั่วไป 90กว่าเปอร์เซ็นต์ เขาคิดอย่างไรกับคุณ ผมตอบคุณอย่างนี้ดีกว่า สั้นๆ 4 ข้อ แล้วผมจะส่งคำท้าไปที่คุณด้วย อย่าเก่งแต่ปากสิ มาเจอกัน คุณโกหกหน้าด้านๆ โกหกประชาชน เพราะคุณพูดความจริงไม่ครบ
    .
    ประการแรก คุณดำเนินการเรื่องปราสาทพระวิหารแล้วศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ผิด แต่นั่นเป็นคดีกล่าวหาเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ได้แปลว่าคุณนพดลไม่ได้ทำผิด คุณน่ะทำผิด เพราะอีก 2 คดี คือคดีศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นไปแล้วกรณีที่คุณนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่ไทยบางส่วนให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 2551
    .
    ประการที่สอง คุณพยายามด้อยค่าพวกผม สงสัยคุณไม่ได้ดูที่อาจารย์ปานเทพตอบโต้กับข้าราชการกรมสนธิสัญญาฯจนกระทั่งหน้าแตก ไปที่ศูนย์รับเรื่องฯ ประชุมกัน ไปถูก แต่กลับไม่ถูก
    .
    ประการที่สาม คุณนพดล จริงๆ คุณนี่ลืมตัวเพราะโดยสถานะจริงๆ คุณมีตำแหน่งเป็นแค่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีตำแหน่งบริหาร แต่กลับอ้างโน่นอ้างนี่ บอกยึดตามพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่คุณนพดลตั้งใจฟังนายกฯอุ๊งอิ๊งค์กับทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ตัวจริง และนายกฯ ตัวปลอม ดันพูดมาหลายครั้งพูดว่า ถ้าตกลงเรื่องเขตแดนกัมพูชาไม่ได้ ก็ให้แบ่งกัน ซึ่งแปลว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ยึดตามพระบรมราชโองการ
    .
    ประการที่สี่ ถ้าคุณแน่จริง ผ่านช่องไหนก็ได้ ของรัฐบาลก็ได้ NBT ก็ได้ ช่อง 5 ก็ได้ ช่อง 3 ช่อง 7 ก็ได้ คุณนพดล คุณอย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด ปากกล้าขาสั่น อย่าๆๆๆ อย่าช้า รีบรับคำท้ามาเลย ถ้าไม่รับคำท้ามาเจอต่อหน้าพูดคุยกันแบบลูกผู้ชาย กล้าพูดแต่ฝ่ายเดียว วันหลังอย่าสะเออะออกมาตอบโต้พวกผมอีก เพราะประชาชนทั่วไปเขารู้อยู่แล้วว่าคุณนพดลเอ๊ย ว่าคุณน่ะไม่มีราคาเลยแม้แต่นิดเดียว
    MOU 2544 "นพดล" อย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด . หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผม อาจารย์ปานเทพ และคณะ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามนายกฯ หลังครบ 15 วัน ที่ได้ยื่นหนังสือขอให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 . เรื่องนี้รัฐบาลเดือดร้อนมาก วันเดียวกันนั้นเลย นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ พอถูกถามเรื่อง MOU 2544 ก็ออกมาอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ แต่ยังยืนกรานไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะ หรือเวทีดีเบตตามสื่อ เพราะรู้ว่าเปิดเมื่อไรก็ตายคาเวทีเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งคนอย่างเช่นนายนพดล ปัทมะ ที่ทำตัวเป็นคนปากเก่ง . ปัจจุบันนี้ นายนพดล มีตำแหน่งเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวตอบโต้พวกผม เมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ไม่ใช่ตอบโต้อย่างเดียวด้อยค่าพวกผมว่า ระหว่างพวกผม กับกรมสนธิสัญญาฯ กระทรวงการต่างประเทศ จะเชื่อใคร . คุณนพดลครับ ถ้าคุณมีตา มีสมอง คุณคงรู้ว่าประชาชนทั่วไป 90กว่าเปอร์เซ็นต์ เขาคิดอย่างไรกับคุณ ผมตอบคุณอย่างนี้ดีกว่า สั้นๆ 4 ข้อ แล้วผมจะส่งคำท้าไปที่คุณด้วย อย่าเก่งแต่ปากสิ มาเจอกัน คุณโกหกหน้าด้านๆ โกหกประชาชน เพราะคุณพูดความจริงไม่ครบ . ประการแรก คุณดำเนินการเรื่องปราสาทพระวิหารแล้วศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ผิด แต่นั่นเป็นคดีกล่าวหาเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ได้แปลว่าคุณนพดลไม่ได้ทำผิด คุณน่ะทำผิด เพราะอีก 2 คดี คือคดีศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นไปแล้วกรณีที่คุณนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่ไทยบางส่วนให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 2551 . ประการที่สอง คุณพยายามด้อยค่าพวกผม สงสัยคุณไม่ได้ดูที่อาจารย์ปานเทพตอบโต้กับข้าราชการกรมสนธิสัญญาฯจนกระทั่งหน้าแตก ไปที่ศูนย์รับเรื่องฯ ประชุมกัน ไปถูก แต่กลับไม่ถูก . ประการที่สาม คุณนพดล จริงๆ คุณนี่ลืมตัวเพราะโดยสถานะจริงๆ คุณมีตำแหน่งเป็นแค่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีตำแหน่งบริหาร แต่กลับอ้างโน่นอ้างนี่ บอกยึดตามพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่คุณนพดลตั้งใจฟังนายกฯอุ๊งอิ๊งค์กับทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ตัวจริง และนายกฯ ตัวปลอม ดันพูดมาหลายครั้งพูดว่า ถ้าตกลงเรื่องเขตแดนกัมพูชาไม่ได้ ก็ให้แบ่งกัน ซึ่งแปลว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ยึดตามพระบรมราชโองการ . ประการที่สี่ ถ้าคุณแน่จริง ผ่านช่องไหนก็ได้ ของรัฐบาลก็ได้ NBT ก็ได้ ช่อง 5 ก็ได้ ช่อง 3 ช่อง 7 ก็ได้ คุณนพดล คุณอย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด ปากกล้าขาสั่น อย่าๆๆๆ อย่าช้า รีบรับคำท้ามาเลย ถ้าไม่รับคำท้ามาเจอต่อหน้าพูดคุยกันแบบลูกผู้ชาย กล้าพูดแต่ฝ่ายเดียว วันหลังอย่าสะเออะออกมาตอบโต้พวกผมอีก เพราะประชาชนทั่วไปเขารู้อยู่แล้วว่าคุณนพดลเอ๊ย ว่าคุณน่ะไม่มีราคาเลยแม้แต่นิดเดียว
    Like
    Haha
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    Love
    39
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1391 มุมมอง 2 รีวิว
  • “มองไทย มองโลก” ไม่มีอะไรดี เลวร้ายลง รัฐบาลทำพังแต่คนไทยเอาแต่บ่นในปี 2568
    .
    ประเทศไทยแทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก มีแต่เลวลง สังคมกฎหมายเลวลงกรณีแตงโม กรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร กรณีเขากระโดง นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในปีหน้า ที่มันจะเสื่อมลงกว่าเก่า เศรษฐกิจก็ยังติดขัดอยู่ ทุกวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยออกมาคุยโวโอ้อวด ผมยังไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยทำอะไรเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืนเลย มีแต่เอาเงินงบประมาณมาแจกประชาชนเพื่อหวังเสียง แค่นั้นเอง
    .
    สรุปง่ายๆ พรรคเพื่อไทย กับพรรคไทยรักไทยตอนแรก ที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตอนนี้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง โดยชูลูกสาวเป็นตัวปลอม เป็นหุ่นเชิดให้ นิสัยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลด แลก แจก แถม
    .
    ปีหน้าเมื่อมีการปรับ ครม.แล้ว ทักษิณ คงต้องเปลี่ยนตัวเอารัฐมนตรีฯ ต่างประเทศคนใหม่เข้ามาแทนที่ อาจจะเป็นนพดล ปัทมะ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันไม่กล้าตั้งคณะกรรมการ JCT ต้องเอาคนที่หน้าด้าน แล้วผมจะเตือนอย่างนะครับ ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กรมสนธิสัญญาฯ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ให้คุณระวังตัวไว้นะ คุณอย่าทำตามใบสั่งทางการเมืองนะว่าเขาต้องมีธงแบบนี้ คุณยอมให้เขาย้ายดีกว่า เพราะว่าในที่สุด เมื่อประเทศไทยสูญเสียดินแดน คุณจะเห็นว่านรกมันมีจริงสำหรับชีวิตอนาคตข้างหน้าของพวกคุณ
    .
    มีคนเคยถามผมว่า คุณสนธิ VAT มันจะขึ้นไหม ? แนวโน้มสูงมากจะต้องขึ้น เพราะว่ารัฐบาลมันถังแตก ตระกูลชินวัตรทำให้ประเทศไทยล่มสลายจากการจำนำข้าวไป 7 แสนล้านบาท
    .
    ภูมิรัฐศาสตร์โลกมันจะเกิดสงครามเป็นหย่อมๆอย่างที่พูดไปแล้วเมื่อปี2567 แล้วความห้าวเป้งของนายทรัมป์ ที่ต้องการจะฟาดอิหร่านร่วมกับเนทันยาฮู อิสราเอล นั้น มันจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด
    .
    สำหรับสงครามในยูเครนจะต้องจบไม่น่าจะเกินกุมภาพันธ์-มีนาคม ผมเชื่อว่ารัสเซียคงยังจะต้องใช้ออร์เซนิกสั่งสอนยูเครนและทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาโต และที่สำคัญ ทรัมป์ไม่ต้องการสงคราม ทรัมป์ต้องการจะค้าขาย เพราะฉะนั้นสงครามยูเครนน่าจะลดความร้อนแรงลง
    .
    ส่วนทะเลจีนตอนใต้ก็จะยังคงรุนแรงต่อ เพราะว่าล่าสุดติดขีปนาวุธพิสัยกลางไว้ที่เกาะฟิลิปปินส์ นายเฟอร์ดินานด์ มากอส จูเนียร์ กำลังจะเป็นเซเลนสกีทางภาคตะวันออกอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงทะเลจีนตอนใต้ นั่นก็คือการที่บ้านสองบ้านตรงข้ามกัน ในซอยเดียวกัน เปิดประตูแล้วด่าโคตรพ่อโคตรแม่กัน แต่ถ้าเป็นตะวันออกกลางแล้ว มันเริ่มเอาข้าวของ เอาปืนยิงใส่บ้านซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นยูเครน ก็คือเอาของขว้างต่อกัน ซึ่งกันและกัน นี่คือภาพของโลก
    .
    ถ้าดูตามตำราโหราศาสตร์ปี 2568ตามที่อาจารย์ยิปมันบอกว่า เป็นปีที่ 3 ที่ดาวมฤตยูเข้าสู่ราศีพฤษภของโลกและดวงเมืองประเทศไทย แปลว่าดาวบาปพระเคราะห์ดวงนี้จะทำให้เกิดการพลิกผันในวงการเศรษฐกิจ การเมือง การคลัง และจะทำให้การผันผวนด้านการเงินการคลัง และเศรษฐกิจของโลก ราคาทองคำ บิทคอยน์ จะผันผวนต่อเนื่อง สิ่งที่เคยมีค่าจะกลับกลายเป็นด้อยค่า หุ้นไทยและทองไทยยังมีโอกาสขึ้นต่อไปจนกว่าดาวพฤหัสจะย้าย แต่วงการสงฆ์ วงการศึกษา นักวิชาการ องค์กรอิสระ และตุลาการ จะเกิดการพลิกผันเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด สรุปแล้ว ผมก็ให้คำทำนายเอาไว้แบบนี้ เรายังมีเวลาปีหน้าอีกปีหนึ่ง ก็ดูว่าคำทำนายของผมนั้นถูกหรือผิด
    “มองไทย มองโลก” ไม่มีอะไรดี เลวร้ายลง รัฐบาลทำพังแต่คนไทยเอาแต่บ่นในปี 2568 . ประเทศไทยแทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก มีแต่เลวลง สังคมกฎหมายเลวลงกรณีแตงโม กรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร กรณีเขากระโดง นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในปีหน้า ที่มันจะเสื่อมลงกว่าเก่า เศรษฐกิจก็ยังติดขัดอยู่ ทุกวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยออกมาคุยโวโอ้อวด ผมยังไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยทำอะไรเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืนเลย มีแต่เอาเงินงบประมาณมาแจกประชาชนเพื่อหวังเสียง แค่นั้นเอง . สรุปง่ายๆ พรรคเพื่อไทย กับพรรคไทยรักไทยตอนแรก ที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตอนนี้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง โดยชูลูกสาวเป็นตัวปลอม เป็นหุ่นเชิดให้ นิสัยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลด แลก แจก แถม . ปีหน้าเมื่อมีการปรับ ครม.แล้ว ทักษิณ คงต้องเปลี่ยนตัวเอารัฐมนตรีฯ ต่างประเทศคนใหม่เข้ามาแทนที่ อาจจะเป็นนพดล ปัทมะ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันไม่กล้าตั้งคณะกรรมการ JCT ต้องเอาคนที่หน้าด้าน แล้วผมจะเตือนอย่างนะครับ ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กรมสนธิสัญญาฯ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ให้คุณระวังตัวไว้นะ คุณอย่าทำตามใบสั่งทางการเมืองนะว่าเขาต้องมีธงแบบนี้ คุณยอมให้เขาย้ายดีกว่า เพราะว่าในที่สุด เมื่อประเทศไทยสูญเสียดินแดน คุณจะเห็นว่านรกมันมีจริงสำหรับชีวิตอนาคตข้างหน้าของพวกคุณ . มีคนเคยถามผมว่า คุณสนธิ VAT มันจะขึ้นไหม ? แนวโน้มสูงมากจะต้องขึ้น เพราะว่ารัฐบาลมันถังแตก ตระกูลชินวัตรทำให้ประเทศไทยล่มสลายจากการจำนำข้าวไป 7 แสนล้านบาท . ภูมิรัฐศาสตร์โลกมันจะเกิดสงครามเป็นหย่อมๆอย่างที่พูดไปแล้วเมื่อปี2567 แล้วความห้าวเป้งของนายทรัมป์ ที่ต้องการจะฟาดอิหร่านร่วมกับเนทันยาฮู อิสราเอล นั้น มันจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด . สำหรับสงครามในยูเครนจะต้องจบไม่น่าจะเกินกุมภาพันธ์-มีนาคม ผมเชื่อว่ารัสเซียคงยังจะต้องใช้ออร์เซนิกสั่งสอนยูเครนและทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาโต และที่สำคัญ ทรัมป์ไม่ต้องการสงคราม ทรัมป์ต้องการจะค้าขาย เพราะฉะนั้นสงครามยูเครนน่าจะลดความร้อนแรงลง . ส่วนทะเลจีนตอนใต้ก็จะยังคงรุนแรงต่อ เพราะว่าล่าสุดติดขีปนาวุธพิสัยกลางไว้ที่เกาะฟิลิปปินส์ นายเฟอร์ดินานด์ มากอส จูเนียร์ กำลังจะเป็นเซเลนสกีทางภาคตะวันออกอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงทะเลจีนตอนใต้ นั่นก็คือการที่บ้านสองบ้านตรงข้ามกัน ในซอยเดียวกัน เปิดประตูแล้วด่าโคตรพ่อโคตรแม่กัน แต่ถ้าเป็นตะวันออกกลางแล้ว มันเริ่มเอาข้าวของ เอาปืนยิงใส่บ้านซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นยูเครน ก็คือเอาของขว้างต่อกัน ซึ่งกันและกัน นี่คือภาพของโลก . ถ้าดูตามตำราโหราศาสตร์ปี 2568ตามที่อาจารย์ยิปมันบอกว่า เป็นปีที่ 3 ที่ดาวมฤตยูเข้าสู่ราศีพฤษภของโลกและดวงเมืองประเทศไทย แปลว่าดาวบาปพระเคราะห์ดวงนี้จะทำให้เกิดการพลิกผันในวงการเศรษฐกิจ การเมือง การคลัง และจะทำให้การผันผวนด้านการเงินการคลัง และเศรษฐกิจของโลก ราคาทองคำ บิทคอยน์ จะผันผวนต่อเนื่อง สิ่งที่เคยมีค่าจะกลับกลายเป็นด้อยค่า หุ้นไทยและทองไทยยังมีโอกาสขึ้นต่อไปจนกว่าดาวพฤหัสจะย้าย แต่วงการสงฆ์ วงการศึกษา นักวิชาการ องค์กรอิสระ และตุลาการ จะเกิดการพลิกผันเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด สรุปแล้ว ผมก็ให้คำทำนายเอาไว้แบบนี้ เรายังมีเวลาปีหน้าอีกปีหนึ่ง ก็ดูว่าคำทำนายของผมนั้นถูกหรือผิด
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาล “อุ๊งอิ๊งค์” ยังไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะถกปม MOU2544 หลัง “สนธิ” และคณะยื่นทวงถาม ได้แค่ส่ง “นพดล ปัทมะ” ออกมาแถลงข่าวพูดด้านเดียวด้อยค่าฝ่ายต่อต้าน แต่กลับปฏิเสธไปดีเบตออกสื่อ ทั้งที่เชิญไปหลายครั้ง แถมโกหกอ้างตัวเองไม่ผิดที่เซ็นแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาปี 51 ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้วว่าผิดรัฐธรรมนูญเพราะไม่ผ่านสภา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124728

    #MGROnline #MOU2544
    รัฐบาล “อุ๊งอิ๊งค์” ยังไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะถกปม MOU2544 หลัง “สนธิ” และคณะยื่นทวงถาม ได้แค่ส่ง “นพดล ปัทมะ” ออกมาแถลงข่าวพูดด้านเดียวด้อยค่าฝ่ายต่อต้าน แต่กลับปฏิเสธไปดีเบตออกสื่อ ทั้งที่เชิญไปหลายครั้ง แถมโกหกอ้างตัวเองไม่ผิดที่เซ็นแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาปี 51 ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้วว่าผิดรัฐธรรมนูญเพราะไม่ผ่านสภา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124728 • #MGROnline #MOU2544
    MGRONLINE.COM
    “นพดล” เต่าหัวหด ถนัดจ้อฝ่ายเดียว โกหกด้อยค่าคนต้าน MOU44
    รัฐบาล “อุ๊งอิ๊งค์” ยังไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะถกปม MOU2544 หลัง “สนธิ” และคณะยื่นทวงถาม ได้แค่ส่ง “นพดล ปัทมะ” ออกมาแถลงข่าวพูดด้านเดียวด้อยค่าฝ่ายต่อต้าน แต่กลับปฏิเสธไปดีเบตออกสื่อ ทั้งที่เชิญไปหลายครั้ง แถมโกหกอ้างตัวเองไม่ผิดที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพดล เต่าหัวหด: SondhitalkEP273 VDO
    เตือน นพดล หยุดทำตัวเป็นเต่าหัวหด หยุดด้อยค่าพลังคนรักชาติ
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #นพดลปัทมะ #พรรคเพื่อไทย
    นพดล เต่าหัวหด: SondhitalkEP273 VDO เตือน นพดล หยุดทำตัวเป็นเต่าหัวหด หยุดด้อยค่าพลังคนรักชาติ #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #นพดลปัทมะ #พรรคเพื่อไทย
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    34
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4417 มุมมอง 439 1 รีวิว
  • หมอวรงค์ฟาด! นพดล ต้องไม่รับรู้เส้นเขมร ไม่ใช่ไม่ยอมรับ​ (27/12/67) #news1 #mou44 #เกาะกูด #หมอวรงค์ฟาดนพดล
    หมอวรงค์ฟาด! นพดล ต้องไม่รับรู้เส้นเขมร ไม่ใช่ไม่ยอมรับ​ (27/12/67) #news1 #mou44 #เกาะกูด #หมอวรงค์ฟาดนพดล
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    22
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • Newsstory : "สนธิ" ท้า "นพดล" ออกรายการพร้อม "ปานเทพ" หากไม่แน่จริงก็หยุดตอบโต้ไป
    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่
    #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #นพดล #อาจารย์ปานเทพ
    Newsstory : "สนธิ" ท้า "นพดล" ออกรายการพร้อม "ปานเทพ" หากไม่แน่จริงก็หยุดตอบโต้ไป #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #นพดล #อาจารย์ปานเทพ
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 618 มุมมอง 39 2 รีวิว
  • Newsstory : "นพดล" คนลืมตัว เมินความเห็นประชาชน ไม่กังวลม็อ-บสนธิ "แค่รถติด"
    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่
    #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #แค่รถติด
    Newsstory : "นพดล" คนลืมตัว เมินความเห็นประชาชน ไม่กังวลม็อ-บสนธิ "แค่รถติด" #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #แค่รถติด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 274 : สนธิ มองไทย มองโลก ปี68 (Full)

    - มองไทย มองโลก คนไทยจะไปต่ออย่างไรในปี 68
    - MOU2544 “นพดล”เต่าหัวหด
    - ความจริงเรื่อง “ว้าแดง”
    - ปัญหา“ยุคทรัมป์ 2.0”
    - ยุทธศาสตร์ Made in China 2025
    - เพชรแท้ แพ้ เพชรเทียม


    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #MOU44 #นพดลปัทมะ #ว้าแดง #ทรัมป์2 #china2025 #เพชรแท้แพ้เพชรเทียม
    Sondhitalk EP 274 : สนธิ มองไทย มองโลก ปี68 (Full) - มองไทย มองโลก คนไทยจะไปต่ออย่างไรในปี 68 - MOU2544 “นพดล”เต่าหัวหด - ความจริงเรื่อง “ว้าแดง” - ปัญหา“ยุคทรัมป์ 2.0” - ยุทธศาสตร์ Made in China 2025 - เพชรแท้ แพ้ เพชรเทียม #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #MOU44 #นพดลปัทมะ #ว้าแดง #ทรัมป์2 #china2025 #เพชรแท้แพ้เพชรเทียม
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    38
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4536 มุมมอง 453 3 รีวิว
  • “ปานเทพ” สวนกลับ “นพดล” ประชาชนควรเชื่อรัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศหรือ ทั้งที่เคยเสียท่าเขมรทำให้ไทยสูญเสียปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบมาแล้ว ถาม MOU44 ยึดมั่น “เส้นมัธยะ” ตามพระบรมราชโองการ ร.9 จริงหรือ แล้วทำไม “ทักษิณ” บอกจะแบ่งผลประโยชน์ 50 ต่อ 50 ซึ่งเท่ากับรับรู้เส้นของกัมพูชา อนาคตหากเขมรอ้างเป็นการ “ตกลงกันเป็นอย่างอื่น” ไม่ต้องยึดตามเส้นมัธยะ ฟ้องศาลโลกเอาพื้นที่เป็นของตัวเอง ไทยแพ้อีกแน่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124192

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” สวนกลับ “นพดล” ประชาชนควรเชื่อรัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศหรือ ทั้งที่เคยเสียท่าเขมรทำให้ไทยสูญเสียปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบมาแล้ว ถาม MOU44 ยึดมั่น “เส้นมัธยะ” ตามพระบรมราชโองการ ร.9 จริงหรือ แล้วทำไม “ทักษิณ” บอกจะแบ่งผลประโยชน์ 50 ต่อ 50 ซึ่งเท่ากับรับรู้เส้นของกัมพูชา อนาคตหากเขมรอ้างเป็นการ “ตกลงกันเป็นอย่างอื่น” ไม่ต้องยึดตามเส้นมัธยะ ฟ้องศาลโลกเอาพื้นที่เป็นของตัวเอง ไทยแพ้อีกแน่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124192 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    22
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1070 มุมมอง 1 รีวิว
  • จะเชื่อใคร? นพดลยันเกาะกูดไม่ซ้ำรอยประสาทพระวิหาร (25/12/67) #news1 #mou44 #เกาะกูด
    จะเชื่อใคร? นพดลยันเกาะกูดไม่ซ้ำรอยประสาทพระวิหาร (25/12/67) #news1 #mou44 #เกาะกูด
    Like
    Sad
    Haha
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด.ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง.ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด.ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล.คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้.ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ.รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม.มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด.ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง.ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด.ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล.คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้.ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ.รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม.มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด
    .
    ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง
    .
    ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด
    .
    ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล
    .
    คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้
    .
    ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ
    .
    รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม
    .
    มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด . ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง . ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด . ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล . คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้ . ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ . รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม . มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 837 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดร.อาทิตย์” ชื่นชม “ปานเทพ” ตอบโต้ “นพดล ปัทมะ” ปม MOU44 ชัดเจนถูกต้องตามหลักการ ความเป็นธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ รักษาผลประโยชน์ศชาติ ผิดกับนักการเมืองที่มีเจตนาทุจริต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119056

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ดร.อาทิตย์” ชื่นชม “ปานเทพ” ตอบโต้ “นพดล ปัทมะ” ปม MOU44 ชัดเจนถูกต้องตามหลักการ ความเป็นธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ รักษาผลประโยชน์ศชาติ ผิดกับนักการเมืองที่มีเจตนาทุจริต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119056 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    32
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1161 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/jD8A7aGgse0?si=OVZEqCxTGFe7FCKSฟังการวิเคราะห์ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ดำเนินรายการโดย เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ ในรายการ นิวส์ อาว ทางสถานีโทรทัศน์ News 1 อังคารที่ 10 ธันวาคม 2567 เวลา 18.45 น.- 20.00 น.ตอบคุณนพดล ปัทมะและพวก กรณี MOU 2544 และเปิดโหมโรงด้วยหลักฐานใหม่คดีแตงโม
    https://www.youtube.com/live/jD8A7aGgse0?si=OVZEqCxTGFe7FCKSฟังการวิเคราะห์ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ดำเนินรายการโดย เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ ในรายการ นิวส์ อาว ทางสถานีโทรทัศน์ News 1 อังคารที่ 10 ธันวาคม 2567 เวลา 18.45 น.- 20.00 น.ตอบคุณนพดล ปัทมะและพวก กรณี MOU 2544 และเปิดโหมโรงด้วยหลักฐานใหม่คดีแตงโม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นพดล" ชงรัฐใช้ ม.152 ถกทางออก MOU44 (29/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ม.152 #MOU44 #ปกป้องผลประโยช์ของชาติ
    "นพดล" ชงรัฐใช้ ม.152 ถกทางออก MOU44 (29/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ม.152 #MOU44 #ปกป้องผลประโยช์ของชาติ
    Angry
    Haha
    Like
    Sad
    15
    6 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1494 มุมมอง 106 0 รีวิว
  • "นพดล" สวน "หมอวรงค์" ย้ำไทยไม่เคยยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ขอเลิกคิดเองเออเอง และเลิกบิดเบือนประเด็นนี้ บอกคนไทยรักชาติทุกคนแต่ต้องยึดข้อเท็จจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112529

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "นพดล" สวน "หมอวรงค์" ย้ำไทยไม่เคยยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ขอเลิกคิดเองเออเอง และเลิกบิดเบือนประเด็นนี้ บอกคนไทยรักชาติทุกคนแต่ต้องยึดข้อเท็จจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112529 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Haha
    Like
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2622 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ นพดลยังด้าน โต้อย่าโจมตีเพื่อไทยด้วยความเท็จ ทั้งที่เพื่อไทยยอมใช้ Mou 44 ที่กัมพูชาลากเส้นเท็จ อ้างอิงเขตแดนเท็จ เพื่อไทยกลับยอมเจรจาบนข้อเรียกร้องเท็จๆ
    #7ดอกจิก
    #นพดล
    #เกาะกูด
    ♣️ นพดลยังด้าน โต้อย่าโจมตีเพื่อไทยด้วยความเท็จ ทั้งที่เพื่อไทยยอมใช้ Mou 44 ที่กัมพูชาลากเส้นเท็จ อ้างอิงเขตแดนเท็จ เพื่อไทยกลับยอมเจรจาบนข้อเรียกร้องเท็จๆ #7ดอกจิก #นพดล #เกาะกูด
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ธีระชัย” โต้ “นพดล” ยัน MOU44 กระทบการอ้างสิทธิทางทะเลแน่นอน เหตุกัมพูชาลากเส้นไม่ถูกต้อง ส่งผลให้พื้นที่พัฒนาร่วมกว้างใหญ่เกินไป ไทยเสียสิทธิทางทะเล และอาจลามถึงขั้นเสียสิทธิ์บางส่วนของเกาะกูด ซ้ำมีหลักฐานกัมพูชาทำผิดสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ต้องยกเลิก MOU44

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105667

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ธีระชัย” โต้ “นพดล” ยัน MOU44 กระทบการอ้างสิทธิทางทะเลแน่นอน เหตุกัมพูชาลากเส้นไม่ถูกต้อง ส่งผลให้พื้นที่พัฒนาร่วมกว้างใหญ่เกินไป ไทยเสียสิทธิทางทะเล และอาจลามถึงขั้นเสียสิทธิ์บางส่วนของเกาะกูด ซ้ำมีหลักฐานกัมพูชาทำผิดสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ต้องยกเลิก MOU44 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105667 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    23
    2 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2188 มุมมอง 1 รีวิว
  • นพดล ปัสสา.วะ อดีตนักเรียนทุนอานันทมหิดล แต่ทรย..ศชาติและสถาบันฯ หันไปรับใช้ทักษิณ ออกมาขู่ฟ้องคนที่หวงแหนเกาะกูด
    เพราะพวกมรึงมันไว้ใจไม่ได้ไง ไอ้เยี่ย..ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นพดล
    นพดล ปัสสา.วะ อดีตนักเรียนทุนอานันทมหิดล แต่ทรย..ศชาติและสถาบันฯ หันไปรับใช้ทักษิณ ออกมาขู่ฟ้องคนที่หวงแหนเกาะกูด เพราะพวกมรึงมันไว้ใจไม่ได้ไง ไอ้เยี่ย..ว #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #นพดล
    Like
    Love
    Angry
    11
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใบเหลืองชาญ เลือกตั้งใหม่ อบจ.ปทุมฯ

    สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานีใหม่ ตามมาตรา 106 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ปี 2562 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. หลังพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผล และพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่านายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ได้รับการเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

    อย่างไรก็ตาม มติสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ดังกล่าวเป็นการให้ใบเหลือง ดังนั้นการแข่งขันก็จะเป็นการใช้ผู้สมัครชุดเดิมโดยนายชาญ ซึ่งได้รับเลือกมาด้วยคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งคราวก่อน ยังคงสามารถลงแข่งขันได้ ส่วนวันเลือกตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะเป็นผู้ประกาศ

    ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวขอขอบคุณ กกต.ที่ให้ความเป็นธรรม และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ กกต.เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ต้องรอ 45 วัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็พอ เพราะเป็นคนเดิมเพิ่งหาเสียงกันมา ถ้าปล่อยให้นานออกไปสถานการณ์จะล่อแหลมเพราะน้ำจะท่วม มั่นใจว่าคนปทุมธานีรู้แล้วว่าใครผู้สมัครรายใดที่มีปัญหา พร้อมเชิญชวนชาวจังหวัดปทุมธานีออกมาใช้สิทธิกันให้มากขึ้น เพื่อศักดิ์ศรีของจังหวัด อย่าให้คนไม่ดีมาซื้อเสียง

    แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดการเมืองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับ Newskit ว่า เรื่องดังกล่าวทราบว่าเป็นที่ตกใจแก่ข้าราชการ อบจ.ปทุมธานีอยู่บ้าง เพราะรอผลการเลือกตั้งกว่า 2 เดือนก็ไม่มีความชัดเจน เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ที่ประกาศรับรองผลไปแล้วอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา อบจ.ปทุมธานีใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งกว่า 70 ล้านบาท โดยใช้งบกลาง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ กกต.ปทุมธานีจะเป็นผู้กำหนด คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ แต่เห็นว่าต้องจัดเลือกตั้ง 3 รอบ ยังเหลือการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี ที่จะหมดวาระในวันที่ 19 ธ.ค. และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2568

    สำหรับผลใบเหลืองที่ออกมา ต้องดูว่านายชาญจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือในนามอิสระ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีเรื่องการส่งผู้สมัครที่มีปัญหาคุณสมบัติ ซ้ำด้วยนายชาญถูก กกต.ให้ใบเหลือง ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปงานบวชลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นคนของนายชาญ จากเหตุดังกล่าวทำให้ กกต.ให้ใบเหลือง ด้วยข้อหาจัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน ไม่นับรวมคดีค้างเก่าใน ป.ป.ช. อาจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะเลือกใคร

    ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คาดว่าทีมงานอาจมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมาจากทั้งหมด 7 อำเภอ ชนะเลือกตั้งในเขตอำเภอเมือง อำเภอที่มีความเจริญเนื่องมาจากเป็นพื้นที่บ้านจัดสรร หรืออำเภอที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เช่น อ.หนองเสือ ที่คราวนี้ชนะคู่แข่งมาได้ แต่จะเสียเปรียบ 2 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม คือ อ.สามโคก ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของนายชาญ มีความผูกพันมานาน และ อ.ลาดหลุมแก้ว ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แพ้ให้กับคู่แข่ง ประเมินว่าทีมงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจกำลังถอดบทเรียนตรงนี้สำหรับการเลือกตั้งรอบสองที่กำลังจะมาถึง

    ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผู้มาใช้สิทธิมากน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับคราวที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 50% แหล่งข่าวมองว่าอาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาบ้าง เพราะจากการที่ผลเลือกตั้งออกมา ผู้ชนะคราวที่แล้วกลับแพ้ คราวนี้จึงแพ้ไม่ได้ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ที่เกรงกันว่ามวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงมายังจังหวัดปทุมธานี จำเป็นต้องมีเจ้าภาพบริหารจัดการและดูแลประชาชน หากเกิดสูญญากาศทางการเมือง ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น

    สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 949,421 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น 49.77% โดยนายชาญ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยนายชาญได้ 203,032 คะแนน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ 201,212 คะแนน ห่างกัน 1,820 คะแนน ส่วนอันดับสาม นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน และอันดับสี่ นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน ส่วนบัตรเสียมี 11,302 ใบ คิดเป็น 2.39% และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 32,885 ใบ คิดเป็น 6.96%

    #Newskit #อบจปทุมธานี #เลือกตั้งซ่อม
    ใบเหลืองชาญ เลือกตั้งใหม่ อบจ.ปทุมฯ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานีใหม่ ตามมาตรา 106 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ปี 2562 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. หลังพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผล และพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่านายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ได้รับการเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตาม มติสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ดังกล่าวเป็นการให้ใบเหลือง ดังนั้นการแข่งขันก็จะเป็นการใช้ผู้สมัครชุดเดิมโดยนายชาญ ซึ่งได้รับเลือกมาด้วยคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งคราวก่อน ยังคงสามารถลงแข่งขันได้ ส่วนวันเลือกตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะเป็นผู้ประกาศ ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวขอขอบคุณ กกต.ที่ให้ความเป็นธรรม และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ กกต.เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ต้องรอ 45 วัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็พอ เพราะเป็นคนเดิมเพิ่งหาเสียงกันมา ถ้าปล่อยให้นานออกไปสถานการณ์จะล่อแหลมเพราะน้ำจะท่วม มั่นใจว่าคนปทุมธานีรู้แล้วว่าใครผู้สมัครรายใดที่มีปัญหา พร้อมเชิญชวนชาวจังหวัดปทุมธานีออกมาใช้สิทธิกันให้มากขึ้น เพื่อศักดิ์ศรีของจังหวัด อย่าให้คนไม่ดีมาซื้อเสียง แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดการเมืองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับ Newskit ว่า เรื่องดังกล่าวทราบว่าเป็นที่ตกใจแก่ข้าราชการ อบจ.ปทุมธานีอยู่บ้าง เพราะรอผลการเลือกตั้งกว่า 2 เดือนก็ไม่มีความชัดเจน เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ที่ประกาศรับรองผลไปแล้วอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา อบจ.ปทุมธานีใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งกว่า 70 ล้านบาท โดยใช้งบกลาง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ กกต.ปทุมธานีจะเป็นผู้กำหนด คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ แต่เห็นว่าต้องจัดเลือกตั้ง 3 รอบ ยังเหลือการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี ที่จะหมดวาระในวันที่ 19 ธ.ค. และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2568 สำหรับผลใบเหลืองที่ออกมา ต้องดูว่านายชาญจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือในนามอิสระ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีเรื่องการส่งผู้สมัครที่มีปัญหาคุณสมบัติ ซ้ำด้วยนายชาญถูก กกต.ให้ใบเหลือง ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปงานบวชลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นคนของนายชาญ จากเหตุดังกล่าวทำให้ กกต.ให้ใบเหลือง ด้วยข้อหาจัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน ไม่นับรวมคดีค้างเก่าใน ป.ป.ช. อาจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะเลือกใคร ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คาดว่าทีมงานอาจมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมาจากทั้งหมด 7 อำเภอ ชนะเลือกตั้งในเขตอำเภอเมือง อำเภอที่มีความเจริญเนื่องมาจากเป็นพื้นที่บ้านจัดสรร หรืออำเภอที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เช่น อ.หนองเสือ ที่คราวนี้ชนะคู่แข่งมาได้ แต่จะเสียเปรียบ 2 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม คือ อ.สามโคก ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของนายชาญ มีความผูกพันมานาน และ อ.ลาดหลุมแก้ว ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แพ้ให้กับคู่แข่ง ประเมินว่าทีมงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจกำลังถอดบทเรียนตรงนี้สำหรับการเลือกตั้งรอบสองที่กำลังจะมาถึง ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผู้มาใช้สิทธิมากน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับคราวที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 50% แหล่งข่าวมองว่าอาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาบ้าง เพราะจากการที่ผลเลือกตั้งออกมา ผู้ชนะคราวที่แล้วกลับแพ้ คราวนี้จึงแพ้ไม่ได้ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ที่เกรงกันว่ามวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงมายังจังหวัดปทุมธานี จำเป็นต้องมีเจ้าภาพบริหารจัดการและดูแลประชาชน หากเกิดสูญญากาศทางการเมือง ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 949,421 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น 49.77% โดยนายชาญ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยนายชาญได้ 203,032 คะแนน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ 201,212 คะแนน ห่างกัน 1,820 คะแนน ส่วนอันดับสาม นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน และอันดับสี่ นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน ส่วนบัตรเสียมี 11,302 ใบ คิดเป็น 2.39% และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 32,885 ใบ คิดเป็น 6.96% #Newskit #อบจปทุมธานี #เลือกตั้งซ่อม
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1257 มุมมอง 0 รีวิว