• ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา Javier Milei เป็นผู้นำโลกคนแรกที่เข้าพบกับ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

    การพบกันดังกล่าวเกิดขึ้นที่คฤหาสน์สุดหรูมาร์อาลาโกของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งทั้งสองผู้นำได้หารือถึงผลประโยชน์ร่วมกันในนโยบายเศรษฐกิจและการปกครอง
    ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา Javier Milei เป็นผู้นำโลกคนแรกที่เข้าพบกับ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง การพบกันดังกล่าวเกิดขึ้นที่คฤหาสน์สุดหรูมาร์อาลาโกของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งทั้งสองผู้นำได้หารือถึงผลประโยชน์ร่วมกันในนโยบายเศรษฐกิจและการปกครอง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเสียงปรบมือที่คฤหาสน์ของเขาใน "มาร์ อะ ลาโก" ในฟลอริดา ซึ่งมีผู้คนรอฉลองชัยชนะของเขา

    ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในจอร์เจียได้อีก
    ใครถึง 270 ก่อน คนนั้นชนะ
    🔴 TRUMP 246
    🔵 HARRIS 210
    โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเสียงปรบมือที่คฤหาสน์ของเขาใน "มาร์ อะ ลาโก" ในฟลอริดา ซึ่งมีผู้คนรอฉลองชัยชนะของเขา ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในจอร์เจียได้อีก ใครถึง 270 ก่อน คนนั้นชนะ 🔴 TRUMP 246 🔵 HARRIS 210
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.11 ตอน "NEW HERO BORN IN EVERYDAY" ไม่ใช่ MARVEL ไม่ใช่ DC แต่เป็นทหารราชองครักษ์ สั่งสอนเด็กอมมือ ไม่รู้กาลเทศะ มือกัน ไม่ให้เดินเทียบเจ้า ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รหัสลับ DNA ตามพ่องแม่งเป๊ะเด๊ะ ครั้งนึง ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์กับแขกอาคันตุกะทั่วโลก อีพ่อเหลี่ยมไม่ได้ถูกเชิญ แต่เสือกเสนอหน้า อยากจะเกิด แต่เสือกดับกลางหน้าประตูงานเลี้ยง เพราะมันงานเลี้ยงของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ บรรดากษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูงจากทั่วโลก แห่กันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี อีเหลี่ยมหัวหมอ อยากยกระดับโดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเอง เป็นแค่นายกฯ ใต้ตรีนฝ่าพระบาท โดนเจ้าหน้าที่วังถีบออก สั่งไสหัวออกไป นั่นคือจุดเดือด ความเครียดแค้นที่มีต่อวังนับแต่นั้นมา หมายังรู้ มรึงแค่ขี้ข้าเหี้ย CIA ขึ้นมาได้เพราะเงินวอชิงตัน ซื้อเสียงมาทั้งนั้น หลอกควายไทยบัดซบ 10 ล้านเสียง ครั้นอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นบ้าง อยากจะเดินตามรอยพ่อเหลี่ยมเหี้ยบ้าง คิดวัดรอยตรีน แต่งวดนี้ หน้าแหก หมอไม่รับเย็บ โดนท่านปีใหม่ เอาแขนกันไว้ ไม่ให้เดินเทียบ ภาษาแถวบ้านเรียก "เสียหมา" ระดับนายก ก็แค่ข้าราชบริพาร อย่าริสะเออะเสนอหน้าเทียบเจ้า มรึงเป็นได้แค่เศษสวะ คิดล้มเจ้าทั้งตระกูล ฝันเปียกไปเหอะ ตระกูลมรึงจะสิ้นชาติพันธุ์ในพศ.นี้แหละ เหมือนทหารแตงโม ถูกแช่ ถูกดองกันเกลื่อนยามนี้ รู้ชะตากรรม วังเล่นบทพระเดชแล้ว อย่าต๊กกะใจ พ่อท่านร.10 ทรงมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง แต่จะไม่ละเว้นไอ้อีที่คิดกบฎขายชาติ ขายแผ่นดิน เชื่อกูเหอะว่า "ใครที่พ่อท่านไม่ปลื้ม" มรึงเตรียมเยี่ยวแตกได้เลย ระดับท่านไม่เสียเวลาดอก แค่ราชองครักษ์มรึงก็เละเทะแล้ว วังไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง ดีออก! จำใส่กระโหลกสมองหมาปัญญาควายมรึงไว้ให้ดีดี! กูว่าแล้ว ทรงมันมาชัวร์ ทำไมไทยต้องสร้าง "ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เริ่ดสุด เร็วสุด แรงสุดในอาเซียน" ไทยถูกจีนวางตัวเป็นศูนย์กลางผลิตชิปแห่งอาเซียนนั่นเอง เทคโนโลยีเราได้จากจีนมาเต็มตรีน บวกมันสมองคนไทยที่ต่อยอดสำเร็จ เรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน แล้วฮับอาเซียนต้องมีอะไรล่ะ? ศูนย์กลางพลังงาน ศูนย์กลางเทคโนโลยี ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์การตลาดอาเซียนเชื่อมโลก ศูนย์กลางเงิน ศูนย์การธนาคารอาเซียน เงินบาทหอมหวล ยังจะแข็งโป๊กได้อีกยาวไป ศูนย์กลางโลจิสติค ขนส่ง ไทยเรามีหมด ที่มาว่าทำไม เมื่อเราโตขึ้น สิ่งที่ตามมาคือภาคแรงงานมหาศาล และเพื่อนบ้านจะแห่กันเข้ามาอยู่เมืองไทยเพี๊ยบ เพราะหาเงินคล้อง เศรษฐกิจพุ่ง การค้าดี มั่นคง ร่มเย็น เป็นสุข แถมของอร่อยมีมากที่สุดในโลก ชีวิตดี๊ดี! ใครมาหลงเสน่ห์หมด ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดหมูเด้ง ฮิปโปแคระยังดังระดับจักรวาลมาเวล ใครมาก็แจ้งเกิดได้ง่ายดาย เมืองไทย มันคือ "ที่สุดของที่สุดความหลากหลายโลก" ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อิเหนาโชว์ป๋า! สั่งห้ามขายไอโฟน 16 เพราะผิดเงื่อนไขสัญญา ไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% นั่นคือข้ออ้าง แท้จริงคือตบหน้าสั่งสอนเหี้ยนั่นเอง เพราะมันคือเครื่องมือดักฟัง สอดแนมของเหี้ย CIA ใครยังจะโง่ใช้อีไอโฟนอยู่อีก หัวเว่ย มาแรง แซงทะลุนรกไปแล้ว ดีกว่า เริ่ดกว่า แจ่มกว่า คุ้มค่าและประสิทธิภาพเทียบกันไม่ติด 6G กลายเป็นเรื่องรองทันที ยิ่งหัวเว่ยออก HARMONY 5.0 ปฎิบัติการอนาคต ทุบ ANDROID ทิ้งไปเลย มันคือระบบมือถือแห่งอนาคต ที่เชื่อมทั้งโลกเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ แถวบ้านกูยังใช้กระป๋องผูกเชือกอยู่เลย เสียงดัง ฟังชัด ยกเว้นตอนฝนตก! ทำไม อิเหนา ถึงได้ช่างกล้าขนาดนี้ คำตอบคือ SU-35/ S-400 กำลังจะเข้ามาเติม พ่วงเรือรบใหม่ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพราะอิเหนามีหมู่เกาะเยอะมาก เรือดำน้ำจำเป็น และมีท่าเรือน้ำลึกมากมาย ใครจะวัดกับอิเหนา ไม่ง่ายอีกต่อไป อิเหนาพึ่งพาจีนด้านการลงทุน พึ่งพารัสเซีย ด้านพลังงาน อาวุธ เวียดนามตามรอยทันที ไม่แปลก รายชื่อสมาชิกใหม่ BRICS ถึงมีอาเซียนไปโผล่เพี๊ยบ เพราะเค้าคุยกันมาก่อนแล้ว แค่รอดูจังหวะเวลาที่ใช่ ค่อยประกาศตัว? ไอ้สัส! กลัวจุงเบย อย่าขู่กูน่ะ กูยิ่งปอดแหกอยู่ หลังล่าสุด อีวอชิงตันขู่อิหร่าน ห้ามโจมตีกลับอียิวเหี้ยเด็ดขาด หลังเพิ่งจะโชว์โง่ เสียหมา ดาหน้าบินไปถล่มเค้า แต่ถูกสกัดได้หมด หมากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ดันเสือกกลัวเค้าเอาคืน? อิหร่านกลัวจัด เลยรีบสั่ง 3 ฮอ ดาหน้าถล่มยับทันที ภายใน 24 ชม. ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์บัญชาการย่อย คลังแสงย่อย โดนอีก ไม่เหลือเป้าหมายแล้วลวกเพ่? อย่าขู่กูบ่อย มือมันสั่น มือมันลั่น เดี๋ยวมรึงจะตายห่าไม่มีเหลือ แค่กดปุ่ม ชีวิตเปลี่ยนเลยมรึง? ด้านพรมแดนเลบานอน กองทัพอียิวลากสังขารถอยหลังไปอีก 20 กม. จากไปรุกรานเค้า กลับเสียดินแดนหน้าด่านจนเกลี้ยง เลบานอนรุกกลับกินพื้นที่เข้าไปในแผ่นดินมรึงแล้ว งวดนี้ ไม่ต้องถามสื่อ ถามกูนี่แหละ ดอกนี้ อียิวตายห่าไปแล้ว 3000 ตัว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาว่าทำไมต้องสั่งเกณฑ์ทหารใหม่เพิ่มรอบที่ 6 เหลือแต่หมาแล้วมั้ง? โลกอาหรับ อิหร่าน คุยกันรู้เรื่อง ค่อยๆ บดขยี้ กินมันไปเรื่อยๆ จนมันอ่อนแรง บีบให้มันย้ายออกไปดีดี จะได้ไม่ต้องสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ ล่าสุด ตัวเลขพลเรือนอิสราเอล ที่เสียชีวิต นับตั้งแต่ฮามาสจุดเค็กวันเกิดฉลอง ตอนนี้ ตายห่าไปแล้วกว่า 30000 ตัว สื่อไม่มาบอกมรึงดอก เพราะมันถูกซากตึกทับตายกันเกลื่อน ส่วนอีไทยเนรคุณ ที่เสือกไปรับจ้างรบให้อิสราเอล ไม่ต้องถาม มันตายห่าตั้งแต่วันแรกแล้ว สูตรอียิว ส่งทหารรับจ้างไปตายห่าก่อน ทหารอียิวเหลือน้อย มีเอาไว้แค่สั่งการ ตายห่าไปเหอะ มรึงไม่ใช่คนไทย แค่อาศัยแผ่นดินพ่อกูมาเกิด แต่ไม่ได้ทำประโยชน์ห่าอะไรให้กับแผ่นดินเกิดมรึงเลย มีแต่จะชักศึกเข้าบ้าน จงตายห่าไปซะน่ะ กูไม่สนชีวิตเหี้ยๆ ของมรึงดอก ไอ้ระยำ?

    ปล.ลุงสนธิ ฝากมาบอก อีชาติชั่ว มรึงเตรียมแดร๊กเยี่ยวแล้วรึยัง? ท้าใครไม่ท้า 71 แก้ว แก้วเดียวมรึงก็อ๊วกแตกแล้ว! กรรมชั่ว ทำระยำ โกหกตอแหล ปลิ้นปล้อน 18 มงกุฎ ตายเพราะปากมรึงเอง! อยู่ดีดี ก็เอาเรตติ้งมาให้สนธิ ทอล์ก NEWS1 พุ่งกระฉูด ทุกสำนักข่าวต้องมาลากไส้อีทนายเหี้ยผ่านลุงสนธิ อาจารย์ปานเทพ เพราะเจ้าทุกข์ขอเอง กูจะคุยกับลุงสนธิเท่านั้น จ่ายค่าจ้างสุดถูก ไวน์ราคา 100 ล้าน ช็อคโกแลตราคาพันล้าน รวยมั้ย ไอ้สัส! บิดเบือนกันจัง ดีออก? เพ่อ้อย สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนจริง ใครเดือดร้อน มีที่ไหนที่เป็นปากกระบอกเสียงได้จริง ดังนั้น ตอนนี้ งานเข้า NEWS1 กับอีโหนกระแส อีหนุ่มบอก กูอาจจะตายวันไหนไม่ยู้? ล่อแต่ละดอก ของหนักทั้งนั้น! จำเอาไว้ว่า "อะไรที่โกงเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป" อะไรที่ไม่ใช่ของตน ยึดครองไว้ก็คือคำสาปแช่ง ชีวิตคนแค่ 100 ปี แต่สิ่งที่รอลงโทษมรึงอยู่ ไร้กาลเวลา คุ้มค่ามั้ยล่ะ? เพราะขาดสติ จึงไร้ปัญญา เพราะโลภ จึงมองไม่เห็นความจริง! ไอ้อี ที่เคยอวดมั่ง อวดมี โชว์ป๋า โชว์บินส่วนตัว บ้านคฤหาสน์ มันใช่ของมรึงจริงๆ มั้ยล่ะ? เสพสุขแค่ชั่วคืน เสพคุกทั้งชีวิต อิสรภาพคือสิ่งที่มนุษย์ขาดมิได้ อยากรู้ ให้ไปถามไอ้อีทะลุเหี้ยทั้งหลาย แดร๊กบาทาอร่อยเช้าเย็น ชีวิตบัดซบ ยิ่งกว่าตาย? ล่าสุด ไอ้อี 3 นิ้วครึ่งที่ล้มเจ้า ที่แห่หนีไปต่างแดน ชีวิตตกระกำลำบาก เงินเดือนไม่ให้ ดิ้นรน เลี้ยงปากท้องเอง อยู่แบบผิดกฎหมาย ทำงานไม่ได้ เหี้ยไม่เลี้ยงคือบีบให้กลับบ้านไปตายเอาดาบหน้าไงล่ะ หมาซะยิ่งกว่าหมา ขนาดอีพรรคส้มเน่ายังไม่เหลือ กระแสดิ่งเหว ควายตื่น ไทยบัดซบตื่น โง่กว่าควายคือกู! ชีวิตพอเพียงไม่เอา จะอยากอยู่คุกตลอดชีวิต ความโง่ที่มรึงคู่ควร แค่เศษเงินซื้อมรึงได้ ชีวิตมรึงก็แค่ "ขี้หมา" ไร้ราคา สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัย แด่วีรชน ผู้กล้าทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทุกท่านทำไป มันคือคุณประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ระลึกถึงเสมอ 7 ตุลาคม มิเคยลืมเลือน เทียนแห่งธรรมถูกจุดขึ้นนับแต่นั้นมา เสียใจกับเพ่โสและครอบครัว ไม่อยากพูด แต่อดไม่ได้ เพ่โส แฉเหี้ยมานมนาน จนคนตื่นรู้ ขออานิสงค์แห่งปัญญาส่งดวงวิญญานผู้กล้าทุกท่าน ไปสู่ดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่ดีกว่านี้ หน้าที่ของท่านจบลงแล้วบนแผ่นดินโลก เป็นหน้าที่รับไม้ต่อสู่ลูกหลานไทย ไม่มีมรึง ก็ไม่มีกู ไม่มีพ่อ ก็ไม่มีแผ่นดิน นี่คือรุ่นสุดท้ายของศตวรรษนี้แล้ว ปลายกลียุค ทุกอย่างของความอัปรีย์จัญไร สิ่งโสมม ทั้งสากลโลก จะต้องจบในพศ.นี้ ต้องจบในรุ่นนี้เท่านั้น จะไม่ปล่อยผ่านไปให้ถึงมือลูกหลานต้องมานั่งแก้ปัญหาต่อเด็ดขาด จบที่กูกับมรึง! ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่ ความจริง ศรัทธา และความถูกต้องชอบธรรม ที่จะดำรงอยู่

    หมี CNN(ฮีโร่ที่แท้จริง อยู่ในใจเราทุกคน ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้วนมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แค่มันยังไม่ถึงเวลาออกมาใช้ในยามจำเป็นแท้จริง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ย่อมจะก่อเกิดฮีโร่เสมอ เพราะสายเลือดหมู่บ้านบางระจัน มันฝังอยู่ใน DNA ลูกหลานไทยทุกคน คิดดี ได้ดี ปกป้องแผ่นดินเกิด เชิดชู สถาบันสูงสุด คือหน้าที่ของคนไทยทุกคน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน กฎอะไรก็ไม่สำคัญเท่า หากมีพ่อปกครองลูก ร่มเย็น เป็นสุข ด้วยพระบารมี ราชวงศ์จักรี ยั้งยืนยง ชั่วกาลปาวสาน)
    30 ตุลาคม 67
    10.59 น.

    https://linevoom.line.me/post/1173026253201001564
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    30-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.11 ตอน "NEW HERO BORN IN EVERYDAY" ไม่ใช่ MARVEL ไม่ใช่ DC แต่เป็นทหารราชองครักษ์ สั่งสอนเด็กอมมือ ไม่รู้กาลเทศะ มือกัน ไม่ให้เดินเทียบเจ้า ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รหัสลับ DNA ตามพ่องแม่งเป๊ะเด๊ะ ครั้งนึง ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์กับแขกอาคันตุกะทั่วโลก อีพ่อเหลี่ยมไม่ได้ถูกเชิญ แต่เสือกเสนอหน้า อยากจะเกิด แต่เสือกดับกลางหน้าประตูงานเลี้ยง เพราะมันงานเลี้ยงของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ บรรดากษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูงจากทั่วโลก แห่กันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี อีเหลี่ยมหัวหมอ อยากยกระดับโดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเอง เป็นแค่นายกฯ ใต้ตรีนฝ่าพระบาท โดนเจ้าหน้าที่วังถีบออก สั่งไสหัวออกไป นั่นคือจุดเดือด ความเครียดแค้นที่มีต่อวังนับแต่นั้นมา หมายังรู้ มรึงแค่ขี้ข้าเหี้ย CIA ขึ้นมาได้เพราะเงินวอชิงตัน ซื้อเสียงมาทั้งนั้น หลอกควายไทยบัดซบ 10 ล้านเสียง ครั้นอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นบ้าง อยากจะเดินตามรอยพ่อเหลี่ยมเหี้ยบ้าง คิดวัดรอยตรีน แต่งวดนี้ หน้าแหก หมอไม่รับเย็บ โดนท่านปีใหม่ เอาแขนกันไว้ ไม่ให้เดินเทียบ ภาษาแถวบ้านเรียก "เสียหมา" ระดับนายก ก็แค่ข้าราชบริพาร อย่าริสะเออะเสนอหน้าเทียบเจ้า มรึงเป็นได้แค่เศษสวะ คิดล้มเจ้าทั้งตระกูล ฝันเปียกไปเหอะ ตระกูลมรึงจะสิ้นชาติพันธุ์ในพศ.นี้แหละ เหมือนทหารแตงโม ถูกแช่ ถูกดองกันเกลื่อนยามนี้ รู้ชะตากรรม วังเล่นบทพระเดชแล้ว อย่าต๊กกะใจ พ่อท่านร.10 ทรงมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง แต่จะไม่ละเว้นไอ้อีที่คิดกบฎขายชาติ ขายแผ่นดิน เชื่อกูเหอะว่า "ใครที่พ่อท่านไม่ปลื้ม" มรึงเตรียมเยี่ยวแตกได้เลย ระดับท่านไม่เสียเวลาดอก แค่ราชองครักษ์มรึงก็เละเทะแล้ว วังไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง ดีออก! จำใส่กระโหลกสมองหมาปัญญาควายมรึงไว้ให้ดีดี! กูว่าแล้ว ทรงมันมาชัวร์ ทำไมไทยต้องสร้าง "ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เริ่ดสุด เร็วสุด แรงสุดในอาเซียน" ไทยถูกจีนวางตัวเป็นศูนย์กลางผลิตชิปแห่งอาเซียนนั่นเอง เทคโนโลยีเราได้จากจีนมาเต็มตรีน บวกมันสมองคนไทยที่ต่อยอดสำเร็จ เรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน แล้วฮับอาเซียนต้องมีอะไรล่ะ? ศูนย์กลางพลังงาน ศูนย์กลางเทคโนโลยี ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์การตลาดอาเซียนเชื่อมโลก ศูนย์กลางเงิน ศูนย์การธนาคารอาเซียน เงินบาทหอมหวล ยังจะแข็งโป๊กได้อีกยาวไป ศูนย์กลางโลจิสติค ขนส่ง ไทยเรามีหมด ที่มาว่าทำไม เมื่อเราโตขึ้น สิ่งที่ตามมาคือภาคแรงงานมหาศาล และเพื่อนบ้านจะแห่กันเข้ามาอยู่เมืองไทยเพี๊ยบ เพราะหาเงินคล้อง เศรษฐกิจพุ่ง การค้าดี มั่นคง ร่มเย็น เป็นสุข แถมของอร่อยมีมากที่สุดในโลก ชีวิตดี๊ดี! ใครมาหลงเสน่ห์หมด ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดหมูเด้ง ฮิปโปแคระยังดังระดับจักรวาลมาเวล ใครมาก็แจ้งเกิดได้ง่ายดาย เมืองไทย มันคือ "ที่สุดของที่สุดความหลากหลายโลก" ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อิเหนาโชว์ป๋า! สั่งห้ามขายไอโฟน 16 เพราะผิดเงื่อนไขสัญญา ไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% นั่นคือข้ออ้าง แท้จริงคือตบหน้าสั่งสอนเหี้ยนั่นเอง เพราะมันคือเครื่องมือดักฟัง สอดแนมของเหี้ย CIA ใครยังจะโง่ใช้อีไอโฟนอยู่อีก หัวเว่ย มาแรง แซงทะลุนรกไปแล้ว ดีกว่า เริ่ดกว่า แจ่มกว่า คุ้มค่าและประสิทธิภาพเทียบกันไม่ติด 6G กลายเป็นเรื่องรองทันที ยิ่งหัวเว่ยออก HARMONY 5.0 ปฎิบัติการอนาคต ทุบ ANDROID ทิ้งไปเลย มันคือระบบมือถือแห่งอนาคต ที่เชื่อมทั้งโลกเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ แถวบ้านกูยังใช้กระป๋องผูกเชือกอยู่เลย เสียงดัง ฟังชัด ยกเว้นตอนฝนตก! ทำไม อิเหนา ถึงได้ช่างกล้าขนาดนี้ คำตอบคือ SU-35/ S-400 กำลังจะเข้ามาเติม พ่วงเรือรบใหม่ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพราะอิเหนามีหมู่เกาะเยอะมาก เรือดำน้ำจำเป็น และมีท่าเรือน้ำลึกมากมาย ใครจะวัดกับอิเหนา ไม่ง่ายอีกต่อไป อิเหนาพึ่งพาจีนด้านการลงทุน พึ่งพารัสเซีย ด้านพลังงาน อาวุธ เวียดนามตามรอยทันที ไม่แปลก รายชื่อสมาชิกใหม่ BRICS ถึงมีอาเซียนไปโผล่เพี๊ยบ เพราะเค้าคุยกันมาก่อนแล้ว แค่รอดูจังหวะเวลาที่ใช่ ค่อยประกาศตัว? ไอ้สัส! กลัวจุงเบย อย่าขู่กูน่ะ กูยิ่งปอดแหกอยู่ หลังล่าสุด อีวอชิงตันขู่อิหร่าน ห้ามโจมตีกลับอียิวเหี้ยเด็ดขาด หลังเพิ่งจะโชว์โง่ เสียหมา ดาหน้าบินไปถล่มเค้า แต่ถูกสกัดได้หมด หมากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ดันเสือกกลัวเค้าเอาคืน? อิหร่านกลัวจัด เลยรีบสั่ง 3 ฮอ ดาหน้าถล่มยับทันที ภายใน 24 ชม. ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์บัญชาการย่อย คลังแสงย่อย โดนอีก ไม่เหลือเป้าหมายแล้วลวกเพ่? อย่าขู่กูบ่อย มือมันสั่น มือมันลั่น เดี๋ยวมรึงจะตายห่าไม่มีเหลือ แค่กดปุ่ม ชีวิตเปลี่ยนเลยมรึง? ด้านพรมแดนเลบานอน กองทัพอียิวลากสังขารถอยหลังไปอีก 20 กม. จากไปรุกรานเค้า กลับเสียดินแดนหน้าด่านจนเกลี้ยง เลบานอนรุกกลับกินพื้นที่เข้าไปในแผ่นดินมรึงแล้ว งวดนี้ ไม่ต้องถามสื่อ ถามกูนี่แหละ ดอกนี้ อียิวตายห่าไปแล้ว 3000 ตัว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาว่าทำไมต้องสั่งเกณฑ์ทหารใหม่เพิ่มรอบที่ 6 เหลือแต่หมาแล้วมั้ง? โลกอาหรับ อิหร่าน คุยกันรู้เรื่อง ค่อยๆ บดขยี้ กินมันไปเรื่อยๆ จนมันอ่อนแรง บีบให้มันย้ายออกไปดีดี จะได้ไม่ต้องสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ ล่าสุด ตัวเลขพลเรือนอิสราเอล ที่เสียชีวิต นับตั้งแต่ฮามาสจุดเค็กวันเกิดฉลอง ตอนนี้ ตายห่าไปแล้วกว่า 30000 ตัว สื่อไม่มาบอกมรึงดอก เพราะมันถูกซากตึกทับตายกันเกลื่อน ส่วนอีไทยเนรคุณ ที่เสือกไปรับจ้างรบให้อิสราเอล ไม่ต้องถาม มันตายห่าตั้งแต่วันแรกแล้ว สูตรอียิว ส่งทหารรับจ้างไปตายห่าก่อน ทหารอียิวเหลือน้อย มีเอาไว้แค่สั่งการ ตายห่าไปเหอะ มรึงไม่ใช่คนไทย แค่อาศัยแผ่นดินพ่อกูมาเกิด แต่ไม่ได้ทำประโยชน์ห่าอะไรให้กับแผ่นดินเกิดมรึงเลย มีแต่จะชักศึกเข้าบ้าน จงตายห่าไปซะน่ะ กูไม่สนชีวิตเหี้ยๆ ของมรึงดอก ไอ้ระยำ? ปล.ลุงสนธิ ฝากมาบอก อีชาติชั่ว มรึงเตรียมแดร๊กเยี่ยวแล้วรึยัง? ท้าใครไม่ท้า 71 แก้ว แก้วเดียวมรึงก็อ๊วกแตกแล้ว! กรรมชั่ว ทำระยำ โกหกตอแหล ปลิ้นปล้อน 18 มงกุฎ ตายเพราะปากมรึงเอง! อยู่ดีดี ก็เอาเรตติ้งมาให้สนธิ ทอล์ก NEWS1 พุ่งกระฉูด ทุกสำนักข่าวต้องมาลากไส้อีทนายเหี้ยผ่านลุงสนธิ อาจารย์ปานเทพ เพราะเจ้าทุกข์ขอเอง กูจะคุยกับลุงสนธิเท่านั้น จ่ายค่าจ้างสุดถูก ไวน์ราคา 100 ล้าน ช็อคโกแลตราคาพันล้าน รวยมั้ย ไอ้สัส! บิดเบือนกันจัง ดีออก? เพ่อ้อย สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนจริง ใครเดือดร้อน มีที่ไหนที่เป็นปากกระบอกเสียงได้จริง ดังนั้น ตอนนี้ งานเข้า NEWS1 กับอีโหนกระแส อีหนุ่มบอก กูอาจจะตายวันไหนไม่ยู้? ล่อแต่ละดอก ของหนักทั้งนั้น! จำเอาไว้ว่า "อะไรที่โกงเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป" อะไรที่ไม่ใช่ของตน ยึดครองไว้ก็คือคำสาปแช่ง ชีวิตคนแค่ 100 ปี แต่สิ่งที่รอลงโทษมรึงอยู่ ไร้กาลเวลา คุ้มค่ามั้ยล่ะ? เพราะขาดสติ จึงไร้ปัญญา เพราะโลภ จึงมองไม่เห็นความจริง! ไอ้อี ที่เคยอวดมั่ง อวดมี โชว์ป๋า โชว์บินส่วนตัว บ้านคฤหาสน์ มันใช่ของมรึงจริงๆ มั้ยล่ะ? เสพสุขแค่ชั่วคืน เสพคุกทั้งชีวิต อิสรภาพคือสิ่งที่มนุษย์ขาดมิได้ อยากรู้ ให้ไปถามไอ้อีทะลุเหี้ยทั้งหลาย แดร๊กบาทาอร่อยเช้าเย็น ชีวิตบัดซบ ยิ่งกว่าตาย? ล่าสุด ไอ้อี 3 นิ้วครึ่งที่ล้มเจ้า ที่แห่หนีไปต่างแดน ชีวิตตกระกำลำบาก เงินเดือนไม่ให้ ดิ้นรน เลี้ยงปากท้องเอง อยู่แบบผิดกฎหมาย ทำงานไม่ได้ เหี้ยไม่เลี้ยงคือบีบให้กลับบ้านไปตายเอาดาบหน้าไงล่ะ หมาซะยิ่งกว่าหมา ขนาดอีพรรคส้มเน่ายังไม่เหลือ กระแสดิ่งเหว ควายตื่น ไทยบัดซบตื่น โง่กว่าควายคือกู! ชีวิตพอเพียงไม่เอา จะอยากอยู่คุกตลอดชีวิต ความโง่ที่มรึงคู่ควร แค่เศษเงินซื้อมรึงได้ ชีวิตมรึงก็แค่ "ขี้หมา" ไร้ราคา สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัย แด่วีรชน ผู้กล้าทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทุกท่านทำไป มันคือคุณประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ระลึกถึงเสมอ 7 ตุลาคม มิเคยลืมเลือน เทียนแห่งธรรมถูกจุดขึ้นนับแต่นั้นมา เสียใจกับเพ่โสและครอบครัว ไม่อยากพูด แต่อดไม่ได้ เพ่โส แฉเหี้ยมานมนาน จนคนตื่นรู้ ขออานิสงค์แห่งปัญญาส่งดวงวิญญานผู้กล้าทุกท่าน ไปสู่ดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่ดีกว่านี้ หน้าที่ของท่านจบลงแล้วบนแผ่นดินโลก เป็นหน้าที่รับไม้ต่อสู่ลูกหลานไทย ไม่มีมรึง ก็ไม่มีกู ไม่มีพ่อ ก็ไม่มีแผ่นดิน นี่คือรุ่นสุดท้ายของศตวรรษนี้แล้ว ปลายกลียุค ทุกอย่างของความอัปรีย์จัญไร สิ่งโสมม ทั้งสากลโลก จะต้องจบในพศ.นี้ ต้องจบในรุ่นนี้เท่านั้น จะไม่ปล่อยผ่านไปให้ถึงมือลูกหลานต้องมานั่งแก้ปัญหาต่อเด็ดขาด จบที่กูกับมรึง! ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่ ความจริง ศรัทธา และความถูกต้องชอบธรรม ที่จะดำรงอยู่ หมี CNN(ฮีโร่ที่แท้จริง อยู่ในใจเราทุกคน ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้วนมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แค่มันยังไม่ถึงเวลาออกมาใช้ในยามจำเป็นแท้จริง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ย่อมจะก่อเกิดฮีโร่เสมอ เพราะสายเลือดหมู่บ้านบางระจัน มันฝังอยู่ใน DNA ลูกหลานไทยทุกคน คิดดี ได้ดี ปกป้องแผ่นดินเกิด เชิดชู สถาบันสูงสุด คือหน้าที่ของคนไทยทุกคน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน กฎอะไรก็ไม่สำคัญเท่า หากมีพ่อปกครองลูก ร่มเย็น เป็นสุข ด้วยพระบารมี ราชวงศ์จักรี ยั้งยืนยง ชั่วกาลปาวสาน) 30 ตุลาคม 67 10.59 น. https://linevoom.line.me/post/1173026253201001564 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1029 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵ดาราดังฮอลลีวู้ดถูกแบล็กเมล์ให้สนับสนุน กมลา แฮร์ริส หรือไม่?

    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา, ดาราดังระดับเอ-ลิสต์ อย่าง บียอนเซ, เอ็มมิเน็ม, และ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ต่างก็ถูกดึงตัวให้มาสนับสนุน กมลา แฮร์ริส ดาราดังหลายคนเหล่านี้ถูกล่วงละเมิดเนื่องจากความเกี่ยวข้องกับแร็ปเปอร์ พี. ดิดดี้, ซึ่งขณะนี้กำลังถูกสอบสวนในข้อหาค้าประเวณี, อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจิตวิทยาของกองทัพบกสหรัฐฯ สก็อตต์ เบนเน็ตต์ กล่าวกับสปุตนิก
    .
    🗨️ "การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ถูกค้นพบและมีการเขียนถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา," เบนเนตต์ กล่าว, และเสริมว่า "เมื่อไม่นานมานี้ การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ยังเชื่อมโยงกับเจฟฟรีย์ เอปสเตน และปฏิบัติการแบล็กเมล์ของหน่วยมอสสาดของอิสราเอลอีกด้วย"
    .
    🔸เอปสเตนอวดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของมอสสาด, อดีตแฟนสาว และเหยื่อของผู้ค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณีรายนี้ โดยอ้างในคดีฟ้องร้อง หญิงชาวอเมริกันที่ไม่เปิดเผยชื่อได้กล่าวหาผู้ค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณีรายนี้ว่าข่มขืนเธอที่คฤหาสน์ของเขาในนิวยอร์ก โดยยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางแมนฮัตตัน, เดอะ เดลีบีสต์ เปิดเผยเมื่อต้นปีนี้
    .
    🔸อดีตเจ้าหน้าที่ Mossad และนักธุรกิจชาวอิสราเอล Ari Ben-Menashe เคยกล่าวอ้างทำนองเดียวกัน เอปสเตนล่อลวงนักการเมืองชายชาวอเมริกันโดยใช้เด็กสาวอายุต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อแบล็กเมล์ให้ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองอิสราเอล, เบ็น-เมนาเช่ เคยกล่าวอ้างในหนังสือของเขาชื่อ “Epstein: Dead Men Tell No Tales” ซึ่งออกจำหน่ายในปี ๒๐๑๙

    เขายังกล่าวอ้างว่า เคยเป็นผู้จัดการของโรเบิร์ต พ่อของ กิเลน แม็กซ์เวลล์ ผู้สมรู้ร่วมคิดกับเอปสเตน, และเป็นคนแนะนำลูกสาวของเขาและเอปสเตนให้รู้จักกับ Mossad
    .
    🧵ARE HOLLYWOOD CELEBRITIES BEING BLACKMAILED INTO ENDORSING KAMALA HARRIS?

    In recent weeks, A-list celebrities such as Beyonce, Eminem, and Taylor Swift have been trotted out to endorse Kamala Harris. Many of these celebrities were compromised by their association with rapper P. Diddy, who is currently under investigation for sex trafficking charges, former US Army psychological operations officer Scott Bennett told Sputnik.
    .
    🗨️"These revelations have been discovered and written about in the past decade,” said Bennett, adding that “they have also recently been connected to Jeffrey Epstein and Israel’s Mossad blackmail operations.”
    .
    🔸Epstein boasted of being a Mossad agent, a former girlfriend and victim of the late sex trafficker has claimed in a lawsuit. The unnamed American woman has accused the late sex trafficker of raping her at his New York mansion in a complaint filed against his estate in Manhattan federal court, the Daily Beast revealed earlier this year.
    .
    🔸Similar claims were voiced by former Mossad agent and Israeli businessperson Ari Ben-Menashe. Epstein honey trapped American male politicians using underage girls to blackmail them into working for Israeli intelligence, Ben-Menashe had asserted in his book “Epstein: Dead Men Tell No Tales” released in 2019.

    He had also claimed he used to be the handler of Epstein accomplice Ghislaine Maxwell’s father Robert, and was the one who introduced his daughter and Epstein to Mossad.
    .
    5:42 PM · Oct 29, 2024 · 1,198 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1851213013556011519
    🧵ดาราดังฮอลลีวู้ดถูกแบล็กเมล์ให้สนับสนุน กมลา แฮร์ริส หรือไม่? ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา, ดาราดังระดับเอ-ลิสต์ อย่าง บียอนเซ, เอ็มมิเน็ม, และ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ต่างก็ถูกดึงตัวให้มาสนับสนุน กมลา แฮร์ริส ดาราดังหลายคนเหล่านี้ถูกล่วงละเมิดเนื่องจากความเกี่ยวข้องกับแร็ปเปอร์ พี. ดิดดี้, ซึ่งขณะนี้กำลังถูกสอบสวนในข้อหาค้าประเวณี, อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจิตวิทยาของกองทัพบกสหรัฐฯ สก็อตต์ เบนเน็ตต์ กล่าวกับสปุตนิก . 🗨️ "การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ถูกค้นพบและมีการเขียนถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา," เบนเนตต์ กล่าว, และเสริมว่า "เมื่อไม่นานมานี้ การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ยังเชื่อมโยงกับเจฟฟรีย์ เอปสเตน และปฏิบัติการแบล็กเมล์ของหน่วยมอสสาดของอิสราเอลอีกด้วย" . 🔸เอปสเตนอวดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของมอสสาด, อดีตแฟนสาว และเหยื่อของผู้ค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณีรายนี้ โดยอ้างในคดีฟ้องร้อง หญิงชาวอเมริกันที่ไม่เปิดเผยชื่อได้กล่าวหาผู้ค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณีรายนี้ว่าข่มขืนเธอที่คฤหาสน์ของเขาในนิวยอร์ก โดยยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางแมนฮัตตัน, เดอะ เดลีบีสต์ เปิดเผยเมื่อต้นปีนี้ . 🔸อดีตเจ้าหน้าที่ Mossad และนักธุรกิจชาวอิสราเอล Ari Ben-Menashe เคยกล่าวอ้างทำนองเดียวกัน เอปสเตนล่อลวงนักการเมืองชายชาวอเมริกันโดยใช้เด็กสาวอายุต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อแบล็กเมล์ให้ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองอิสราเอล, เบ็น-เมนาเช่ เคยกล่าวอ้างในหนังสือของเขาชื่อ “Epstein: Dead Men Tell No Tales” ซึ่งออกจำหน่ายในปี ๒๐๑๙ เขายังกล่าวอ้างว่า เคยเป็นผู้จัดการของโรเบิร์ต พ่อของ กิเลน แม็กซ์เวลล์ ผู้สมรู้ร่วมคิดกับเอปสเตน, และเป็นคนแนะนำลูกสาวของเขาและเอปสเตนให้รู้จักกับ Mossad . 🧵ARE HOLLYWOOD CELEBRITIES BEING BLACKMAILED INTO ENDORSING KAMALA HARRIS? In recent weeks, A-list celebrities such as Beyonce, Eminem, and Taylor Swift have been trotted out to endorse Kamala Harris. Many of these celebrities were compromised by their association with rapper P. Diddy, who is currently under investigation for sex trafficking charges, former US Army psychological operations officer Scott Bennett told Sputnik. . 🗨️"These revelations have been discovered and written about in the past decade,” said Bennett, adding that “they have also recently been connected to Jeffrey Epstein and Israel’s Mossad blackmail operations.” . 🔸Epstein boasted of being a Mossad agent, a former girlfriend and victim of the late sex trafficker has claimed in a lawsuit. The unnamed American woman has accused the late sex trafficker of raping her at his New York mansion in a complaint filed against his estate in Manhattan federal court, the Daily Beast revealed earlier this year. . 🔸Similar claims were voiced by former Mossad agent and Israeli businessperson Ari Ben-Menashe. Epstein honey trapped American male politicians using underage girls to blackmail them into working for Israeli intelligence, Ben-Menashe had asserted in his book “Epstein: Dead Men Tell No Tales” released in 2019. He had also claimed he used to be the handler of Epstein accomplice Ghislaine Maxwell’s father Robert, and was the one who introduced his daughter and Epstein to Mossad. . 5:42 PM · Oct 29, 2024 · 1,198 Views https://x.com/SputnikInt/status/1851213013556011519
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปปง.มีคำสั่งยึดทรัพย์ นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก กลุ่มบัญชีม้าเอี่ยวนายทุนจีนสร้างคฤหาสน์หรู ย่านสนามบินน้ำ รวม 52 รายการ “ที่ดิน-ห้องชุด-บัญชีเงินฝาก” มูลค่า 2,561 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094667

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปปง.มีคำสั่งยึดทรัพย์ นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก กลุ่มบัญชีม้าเอี่ยวนายทุนจีนสร้างคฤหาสน์หรู ย่านสนามบินน้ำ รวม 52 รายการ “ที่ดิน-ห้องชุด-บัญชีเงินฝาก” มูลค่า 2,561 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094667 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    34
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2880 มุมมอง 1 รีวิว
  • 📚รีเบคก้า


    ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที

    ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ

    หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ

    สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก

    🔻

    เนื้อเรื่องโดยย่อ

    หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง

    ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ

    แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่

    นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ

    ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง

    นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น

    🔶️

    เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก

    ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า

    การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้

    เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม

    มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง

    เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่

    ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า

    "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง"

    สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม)

    เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว

    #thaitimes
    #รีเบคกา
    #นิยายแปล
    #นิยาย
    #ลึกลับ
    #ความวิปริตทางเพศ
    #มอนติคาโล
    #ท่องเที่ยว
    #บ้านริมหาด
    #คฤหาสน์
    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    📚รีเบคก้า ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก 🔻 เนื้อเรื่องโดยย่อ หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่ นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น 🔶️ เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้ เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่ ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง" สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย . . . . . . . . . ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม) เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว #thaitimes #รีเบคกา #นิยายแปล #นิยาย #ลึกลับ #ความวิปริตทางเพศ #มอนติคาโล #ท่องเที่ยว #บ้านริมหาด #คฤหาสน์ #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #วรรณกรรมคลาสสิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปปง.ติดป้ายยึดทรัพย์โครงการคฤหาสน์หรูทุนจีนหลังละ 200 ล้านบาทย่านสนามบินน้ำ ล่าสุดผู้จัดการโครงการล่องหนแล้ว  แต่คนงานยังเดินหน้าก่อสร้าง 

    3 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวมติชนระบุว่า หลังจากบริษัทแห่งหนึ่งของกลุ่มทุนจีนที่ร่วมกับคนไทย เข้าไปพัฒนาโครงการคฤหาสน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดินประมาณ 30 ไร่ ติดถนนสนามบินน้ำ และแม่น้ำเจ้าพระยา พัฒนาเป็นคฤหาสน์หรูราคาแพง เดิมเคยระบุว่าราคาเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท ล่าสุดระบุว่าเริ่มต้นหลังละ 200 ล้านบาท และสูงสุดอาจถึง 700 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยวหรู 5 ชั้น ประมาณ 60 หลัง ซึ่งทุกหลังมีห้องใต้ดินและสระว่ายน้ำ ยังมีอาคาร 2 ชั้น เป็นอาคารพาณิชย์และสำนักงาน ท่าเรือ และเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

    แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมนี้ มีรายงานว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) ได้มีการดำเนินการปิดประกาศการยึดทรัพย์คฤหาสน์หรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.193/2567

    ต่อมาบ่ายวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวมติชนลงพื้นที่ พบว่าโครงการยังคงมีการก่อสร้าง จากการสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)ของโครงการ ระบุเพียงว่า โครงการไม่ได้หยุดการก่อสร้าง ส่วนกรณีที่ ปปง.ได้นำป้ายมาติดประกาศยึดทรัพย์นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากวันดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่โครงการ ส่วนผู้จัดการโครงการ ได้กลับไปประเทศจีน คาดว่าจะกลับมาในเร็วๆนี้

    ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4826062#m1teo54z9zv43g2vhh4

    #Thaitimes
    ปปง.ติดป้ายยึดทรัพย์โครงการคฤหาสน์หรูทุนจีนหลังละ 200 ล้านบาทย่านสนามบินน้ำ ล่าสุดผู้จัดการโครงการล่องหนแล้ว  แต่คนงานยังเดินหน้าก่อสร้าง  3 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวมติชนระบุว่า หลังจากบริษัทแห่งหนึ่งของกลุ่มทุนจีนที่ร่วมกับคนไทย เข้าไปพัฒนาโครงการคฤหาสน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดินประมาณ 30 ไร่ ติดถนนสนามบินน้ำ และแม่น้ำเจ้าพระยา พัฒนาเป็นคฤหาสน์หรูราคาแพง เดิมเคยระบุว่าราคาเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท ล่าสุดระบุว่าเริ่มต้นหลังละ 200 ล้านบาท และสูงสุดอาจถึง 700 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยวหรู 5 ชั้น ประมาณ 60 หลัง ซึ่งทุกหลังมีห้องใต้ดินและสระว่ายน้ำ ยังมีอาคาร 2 ชั้น เป็นอาคารพาณิชย์และสำนักงาน ท่าเรือ และเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมนี้ มีรายงานว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) ได้มีการดำเนินการปิดประกาศการยึดทรัพย์คฤหาสน์หรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.193/2567 ต่อมาบ่ายวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวมติชนลงพื้นที่ พบว่าโครงการยังคงมีการก่อสร้าง จากการสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)ของโครงการ ระบุเพียงว่า โครงการไม่ได้หยุดการก่อสร้าง ส่วนกรณีที่ ปปง.ได้นำป้ายมาติดประกาศยึดทรัพย์นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากวันดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่โครงการ ส่วนผู้จัดการโครงการ ได้กลับไปประเทศจีน คาดว่าจะกลับมาในเร็วๆนี้ ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4826062#m1teo54z9zv43g2vhh4 #Thaitimes
    WWW.MATICHON.CO.TH
    สะพัด โครงการคฤหาสน์หรู ทุนจีนหลังละ 200 ล.ย่านสนามบินน้ำ ถูกปปง.ติดป้ายยึดทรัพย์
    สะพัด โครงการคฤหาสน์หรูทุนจีนหลังละ 200 ล.ย่านสนามบินน้ำ ถูกปปง.ติดป้ายยึดทรัพย์ ล่าสุดล่องหนแล้ว คนงานยังเดินหน้าก่อสร้าง
    Like
    Sad
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 805 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งขา….เส้นทางของพี่ปูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ คราวนี้เจอหนามเพียบเลยค่าาาา….

    ตอนสิบเอ็ด.……ผู้นำหน้าใหม่……ที่แทบม้วยเพราะพิษสื่อ…!!!!!

    หลังจากที่พิธีเข้ารับการสาบานตนรับตำแหน่งที่สมเกียรติได้ผ่านไป ปูตินต้องจัดระเบียบครอบครัวใหม่ มาชาและแคทยา
    ธิดาทั้งสอง เข้าเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นอกเหนือไปจากเยอรมันที่ใช้เป็นภาษาที่สอง ลุดมิลาลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ที่ Telekominvest
    อาคันตุกะรายแรกที่มาเยี่ยมประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Tony Blair นายกรัฐมนตรีจากอังกฤษ
    ที่ลุดมิลาได้ทำหน้าที่ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ

    ในส่วนของการแสดงทรัพย์สิน…ปูตินมีอสังหาริมทรัพย์สามแห่ง แห่งหนึ่งคือบ้านพักตามอากาศที่เพิ่งซ่อมเสร็จจากไฟไหม้
    และอีกสองแห่งที่รับมาจากพ่อแม่เขา และ พ่อตา
    เงินในธนาคาร มีอยู่ประมาณ 13,000 ดอลล่าร์ ที่นับว่าพอประมาณ แต่ไม่ใช่ขั้นเศรษฐี

    ด้านบุคลากร ปูตินได้นำเพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้ามาทั้งทีม เช่น Dmitri Medvedev (ต่อมาคือนายกรัฐมนตรี) Aleksei Kudrin (ต่อมาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง)
    รวมไปถึงทีมจาก FSB
    กลุ่มนี้ เป็นที่รู้จักกันว่า คณะปีเตอร์สเบอร์ก ที่เริ่มจะไม่กินเส้นกับกลุ่มมอสโคว์
    ปูติน……ไม่ไว้ใจกลุ่มมอสโคว์ เพราะพวกนี้ต่างมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะมีธุรกิจแอบแฝงในเบื้องหลัง อีกทั้งมีความสนิทสนมกับกลุ่มทุน
    ส่วนกลุ่มข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเยลซิน……เขายังเก็บไว้บางคน เช่น Alexandr Voloshin และ Anatoly Chubais
    ปูตินพูดเสมอว่า “ผมมีเพื่อนเยอะแยะ แต่ที่สนิทจริงๆมีไม่กี่คน
    กลุ่มนี้จะไม่ทิ้งผมไปไหน และผมก็จะไม่ทิ้งเขาเช่นกัน”

    นายกรัฐมนตรีที่เขาเลือก คือ Mikhail Kasyanov

    ทางด้านเศรษฐกิจ……ปูตินปรับระบบภาษี คือ 13% สำหรับประชาชนทั่วไป และ 24% จากธุรกิจห้างร้าน ลดจากเมื่อก่อนที่เคยเก็บ 35% ที่เก็บไม่ค่อยได้เพราะคนเลี่ยงจ่าย
    แต่นโยบายใหม่นี้ ……จะเก็บถึงที่ และเก็บทุกราย
    เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2002
    นอกจากนั้น คือการชำระสะสางการใช้จ่ายของรัฐบาล
    กำจัดพวกที่อิงผลประโยชน์ และ สั่งให้กลุ่มจากตะวันตกจัดระเบียบใหม่ในเรื่องค่าแรง
    ในรัฐบาลชองปูตินเป็นผสมผสานระหว่าง ประชาธิปไตยสมัยใหม่กับระบบโซเวียต ที่ขึ้นอยู่กับปูตินว่าเขาจะเอาส่วนไหนมาใช้

    วันที่ 11 พฤษภาคม สี่วันหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหมาดๆ งานเก็บกวาดได้เริ่มขึ้น นั่นคือ
    กลุ่ม FSB ได้บุกเข้าไปค้นสำนักพิมพ์ Media-Most
    ต้อนพนักงานทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ห้องอาหาร
    เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์
    และ…ปืนพก(แบบสั่งทำขึ้น ประเภทสวยงาม สำหรับสะสม)
    ที่เป็นของ Vladimir Gusinsky เจ้าของและบรรณาธิการ
    นายกัสซินสกี้ เป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ NTV ซึ่งเป็นช่องเอกชนรายแรกของรัสเซีย
    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ หรือ ช่องทีวี ทั้งสองรายการคือ ไม่โปรปูติน แถมยังทำการ์ตูนล้อเลียน เช่นลักษณะหูกาง ตาโรย ที่ใครๆก็รู้ว่า นั่นคือปูติน
    ที่เขาล้อเลียนหนักข้อเข้าทุกที
    นอกจากเข้าค้นสำนักงานแล้ว หน่วยเก็บภาษีได้ทำการตรวจย้อนหลังสมทบอีก
    FSB ได้ทำการยึดปืนพกกระบอกนั้นไป และ กัสซินสกี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหา

    ในช่วงที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้มาเยี่ยมเยียนเป็นอาคันตุกะพอดี คลินตันได้พยายาม
    ถามถึงเรื่องคดีนี้ (กัสซินสกี้เป็นมหาเศรษฐียิว ที่มีธุรกิจอยู่ในอเมริกาด้วยเช่นกัน)
    แต่ปูตินได้อ้างว่า เขาไม่ทราบเรื่องเพราะในช่วงที่เกิดขึ้น เขาอยู่ที่สเปน

    สาเหตุที่บิล คลินตันไปรัสเซีย คือเรื่องการเจรจาถอยคนละก้าวในเรื่องของนิวเคลียร์ที่ต้องจำกัดจำนวนให้น้อยที่สุด
    แต่ไม่ได้ผลอะไรกับปูติน เพราะมันเป็นการใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะความขัดแย้งในพื้นที่รอบรัสเซียที่งัดกันอยู่ ก็เพราะอเมริกาสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ……ใครๆก็รู้
    หลังจากที่คลินตันกลับไป เก้าวันต่อมา……กัสซินสกี้ก็ถูกจับด้วยข้อหามีปืนในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต

    **กัสซินสกี้ได้มีหลายคดีตามมา จนเขาต้องขอแลกอิสรภาพด้วยการขายหุ้นทุกอย่างคืนให้กับรัฐบาล เมื่อเขาออกไปอยู่ที่สเปน ก็ได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลรัสเซียในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน…คดียาวนานมาเป็นยี่สิบปี ในระหว่างนั้น เขาก็ยังทำธุรกิจหนังสือพิมพ์และช่องทีวีในต่างประเทศ แน่นอนว่า……
    ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียและปูติน

    วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงของการพักร้อน พักผ่อนหย่อนใจ
    ปูตินและครอบครัวไปยังรีสอร์ตที่ Sochi ชายฝั่งทะเลดำ
    เมื่อไปถึง เขายังไม่ทันได้วางกระเป๋าเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ด่วนเข้ามา ข่าวร้าย……คือ เรือดำน้ำบรรทุกนิวเคลียร์ “the Kursk”
    ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่มีการซ้อมรบที่ Barents Sea, Murmansk
    เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เคอร์สค์ ได้สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1994 ที่นับว่าทันสมัยที่สุด สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา (ถ้ามีสงคราม)
    ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้น

    แต่เหตุได้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ปูตินเพิ่งออกจากมอสโคว์ มีการระเบิดขึ้นสองครั้ง เรือจมดิ่งลงก้นสมุทร ลูกเรือ 113 คน เสียชีวิตหมด
    เมื่อปูตินได้ทราบข่าว……ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
    อย่างเดียวที่ทำได้ คือ ปิดข่าวไว้ก่อน แล้วส่งทีมไปค้นหา
    เขายังทำตัวปรกติ……เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รอฟังข่าว
    อย่างใจจดใจจ่อ
    Boris Berezovsky โทรมาหาเขาจากปารีส ถามว่า
    “มาทำอะไรอยู่ในโซชิ…ทำไมไม่กลับไปที่มอสโคว์ หรือไปที่เกิดเหตุ……?”
    มาถึงตอนนี้……ปูตินเริ่มฉุน เพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรของนายแบเรซอฟสกี้ ที่เป็นเพียงกลุ่มทุนที่อิงมาตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ แต่ชอบเสนอหน้าไปทุกสิ่ง ประมาณตัวว่าเป็นนักการเมืองใหญ่ จะสั่งใครก็ได้
    ในตอนนั้น……หลายประเทศเสนอตัวมาช่วยค้นหา แต่แม่ทัพเรือปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นสอดแนมดูพิมพ์เขียว

    จนบิล คลินตันโทรมาหาปูตินเป็นการส่วนตัว เขาจึงยอมให้มีการช่วยเหลือร่วมมือจาก ทีมอังกฤษและทีมนอร์เวย์ ที่มาช่วยกัน ในวันที่ 21
    ที่ทีมทั้งสองนี้ สามารถเปิดฝาปิดเรือดำน้ำได้ภายใน 6 ชั่วโมง
    ในขณะที่รัสเซียได้พยายามอยู่ถึงเก้าวันยังเปิดไม่ได้
    ทันทีที่ปูตินกลับถึงมอสโคว์……เสียงตำหนิ ก่นด่ามาจากทุกสารทิศ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิต
    ซ้ำร้าย……สื่อตีซ้ำด้วยในเรื่องที่ประธานาธิบดีไม่ได้สนใจกับ
    เรื่องนี้ เพราะกำลังไปสนุกสนานพักร้อนริมชายหาด……
    โดยเฉพาะช่องทีวีของ Boris Berezovsky ที่เป็นฝ่ายประโคมข่าว…

    ปูตินโกรธจัด เพราะข่าวจากสายในกองทัพบอกมาว่า บอริสได้จ้างหน้าม้าที่เป็นผู้หญิงมาอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของทหารที่ตาย มาร้องห่มร้องไห้ ด่าปูตินออกอากาศ
    บอริสได้เข้าพบกับปูติน เพื่อแก้ข้อหา พร้อมตะโดนใส่ปูตินว่า
    “นั่นเป็นเรื่องจริง…ไม่ใช่หน้าม้า……ไอ้พวกนั้นมันโกหก……!!”
    วันที่ 22 สิงหาคม……ปูตินได้ไปที่ที่เกิดเหตุ พร้อมพบปะกับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสีย ที่อยู่ในสภาพโกรธแค้น
    เขาพยายามเยียวยาด้วยการจ่ายเงินเดือนยาวไปสิบปี
    และจัดหาที่อยู่ให้อย่างสะดวกสะบาย พร้อมสวัสดิการเต็มที่
    แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก
    เมื่อหนึ่งในนั้น……ได้ตะโกนถามเขาว่า
    “ทำไมไม่มาช่วยกู้อย่างทันที ……”
    ปูตินตอบไปอย่างตรงๆว่า……
    “เพราะเราไม่มีเครื่องมืออะไรอย่างนั้นเหลือใช้ในชาติเราไง…”

    ปูตินรู้ดีแก่ใจว่า……ไม่ใช่ความผิดของแม่ทัพเรือ (ที่โบ้ยว่าเป็นความผิดของอเมริกา ) ไม่ใช่ความผิดของหน่วยข่าวกรอง
    แต่ทุกอย่างที่มันเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะ “สื่อ” ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ล้วนๆ ที่มีอำนาจทำลายล้างได้เทียบเท่ากับกองทัพขนาดใหญ่

    วันต่อมา..ปูตินได้ออกแถลงการทางโทรทัศน์ ที่เขาถอดใจพูดออกมาว่า ประเทศชาติได้ผ่านวิกฤติมาทุกรูปแบบ ทั้งในและนอกประเทศ แต่สิ่งที่ซ้ำเติมเรา คือ กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของชาติ โดยการให้ข่าวบิดเบือนสร้างความเจ็บช้ำ แล้วมาทำดีโดยการระดมทุนเพื่อให้ผู้เสียหาย เพื่อเอาการค้ามาอิงร่วม การระดมทุนที่อ้างว่ามีถึงล้านเหรียญ (โดยประมาณ) มันแค่เป็นเศษน้อยนิด จากสิ่งที่เขารีดไปจากเรา ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรูที่เมดิเตอร์เรเนียน ฝั่งฝรั่งเศส และฝั่งสเปน ไปช่วยกันถามหน่อยซิ ว่าเขาเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ……??

    เรื่องนี้……คือการกระทบ Boris Berezovsky โดยตรง เพราะเขาเป็นคนระดมทุนที่ว่า
    จากวันนั้น……ปูตินได้ทำการรุกเอาสมบัติของชาติคืนอย่างเอาจริงเอาจัง
    ยึดหุ้น Aeroflot คืนจากบอริส ที่หนีออกนอกประเทศไป
    ก่อนหนี……เขาได้ลุกลี้ลุกลนขายหุ้นสถานีโทรทัศน์ให้กับ
    Roman Abramovich (ที่คืนให้กับรัฐบาลในต่อมา)
    ส่วนนาย Gusinsky ได้ถูกยึดหุ้นทั้งหมดของ NTV เพราะมีหนี้ติดค้างกับ Gazprom หลังจากที่หนีไปสเปน
    เท่ากับว่า……ช่องทีวีเอกชนทั้งหมดได้ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลอย่างเรียบร้อย

    วันที่ 11 กันยายน…ปูตินได้เรียกประชุมนักข่าวจาก 48 สำนัก
    ให้เข้ามารับนโยบายของรัฐบาล และจะมีการให้ข่าวในเรื่องการปฎิบัติการทางทหารที่เชเชน…
    ทันทีที่จบการบันทึกภาพการประชุม ……เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รีบเข้ามารายงานให้เขาเข้าไปดู”อะไรบางอย่าง” โดยด่วนที่หน้าจอมอนิเตอร์ทีวี
    ภาพที่เขาเห็นคือ ภาพของเหตุการณ์ 9/11 ที่นครนิวยอร์ค
    ที่เป็นฝีมือของ Al-Queda ที่มีประวัติแทรกแซงฟาดฟันกับรัสเซียในเชเชนด้วยเช่นกัน
    สิ่งแรกที่ปูตินทำ คือ เขาหันไปถาม Sergei Ivanov ว่า..
    “เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง…??”
    เขาไม่ได้พูดเฉยๆ ปูตินยกหูไปหาประธานาธิบดีบุชทันที
    และได้พูดกับ นาง Condoleeza Rice (ฝ่ายความมั่นคง)
    เขาได้ยืนยันกับเธอว่า รัสเซียจะยกเลิกเรื่องการซ้อมรบทางฝั่งแปซิฟิค (ที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวาน) และ จะพักเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ไปก่อน ทางอเมริกามีอะไรให้เราช่วยได้ ขอให้บอกมาได้เลย ทางเรายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่…”

    ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ไป.……ความรู้สึกอย่างหนึ่งได้บอกกับ
    เขาว่า………สงครามเย็นได้จบสิ้นลงแล้ว………!!!
    เพราะจากนี้ไป รัสเซียและอเมริกาจะต้องร่วมมือกัน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน
    คือ….กลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ (The Terrorists) ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า……พวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน…?!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา….เส้นทางของพี่ปูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ คราวนี้เจอหนามเพียบเลยค่าาาา…. ตอนสิบเอ็ด.……ผู้นำหน้าใหม่……ที่แทบม้วยเพราะพิษสื่อ…!!!!! หลังจากที่พิธีเข้ารับการสาบานตนรับตำแหน่งที่สมเกียรติได้ผ่านไป ปูตินต้องจัดระเบียบครอบครัวใหม่ มาชาและแคทยา ธิดาทั้งสอง เข้าเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นอกเหนือไปจากเยอรมันที่ใช้เป็นภาษาที่สอง ลุดมิลาลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ที่ Telekominvest อาคันตุกะรายแรกที่มาเยี่ยมประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Tony Blair นายกรัฐมนตรีจากอังกฤษ ที่ลุดมิลาได้ทำหน้าที่ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในส่วนของการแสดงทรัพย์สิน…ปูตินมีอสังหาริมทรัพย์สามแห่ง แห่งหนึ่งคือบ้านพักตามอากาศที่เพิ่งซ่อมเสร็จจากไฟไหม้ และอีกสองแห่งที่รับมาจากพ่อแม่เขา และ พ่อตา เงินในธนาคาร มีอยู่ประมาณ 13,000 ดอลล่าร์ ที่นับว่าพอประมาณ แต่ไม่ใช่ขั้นเศรษฐี ด้านบุคลากร ปูตินได้นำเพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้ามาทั้งทีม เช่น Dmitri Medvedev (ต่อมาคือนายกรัฐมนตรี) Aleksei Kudrin (ต่อมาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) รวมไปถึงทีมจาก FSB กลุ่มนี้ เป็นที่รู้จักกันว่า คณะปีเตอร์สเบอร์ก ที่เริ่มจะไม่กินเส้นกับกลุ่มมอสโคว์ ปูติน……ไม่ไว้ใจกลุ่มมอสโคว์ เพราะพวกนี้ต่างมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะมีธุรกิจแอบแฝงในเบื้องหลัง อีกทั้งมีความสนิทสนมกับกลุ่มทุน ส่วนกลุ่มข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเยลซิน……เขายังเก็บไว้บางคน เช่น Alexandr Voloshin และ Anatoly Chubais ปูตินพูดเสมอว่า “ผมมีเพื่อนเยอะแยะ แต่ที่สนิทจริงๆมีไม่กี่คน กลุ่มนี้จะไม่ทิ้งผมไปไหน และผมก็จะไม่ทิ้งเขาเช่นกัน” นายกรัฐมนตรีที่เขาเลือก คือ Mikhail Kasyanov ทางด้านเศรษฐกิจ……ปูตินปรับระบบภาษี คือ 13% สำหรับประชาชนทั่วไป และ 24% จากธุรกิจห้างร้าน ลดจากเมื่อก่อนที่เคยเก็บ 35% ที่เก็บไม่ค่อยได้เพราะคนเลี่ยงจ่าย แต่นโยบายใหม่นี้ ……จะเก็บถึงที่ และเก็บทุกราย เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2002 นอกจากนั้น คือการชำระสะสางการใช้จ่ายของรัฐบาล กำจัดพวกที่อิงผลประโยชน์ และ สั่งให้กลุ่มจากตะวันตกจัดระเบียบใหม่ในเรื่องค่าแรง ในรัฐบาลชองปูตินเป็นผสมผสานระหว่าง ประชาธิปไตยสมัยใหม่กับระบบโซเวียต ที่ขึ้นอยู่กับปูตินว่าเขาจะเอาส่วนไหนมาใช้ วันที่ 11 พฤษภาคม สี่วันหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหมาดๆ งานเก็บกวาดได้เริ่มขึ้น นั่นคือ กลุ่ม FSB ได้บุกเข้าไปค้นสำนักพิมพ์ Media-Most ต้อนพนักงานทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ห้องอาหาร เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และ…ปืนพก(แบบสั่งทำขึ้น ประเภทสวยงาม สำหรับสะสม) ที่เป็นของ Vladimir Gusinsky เจ้าของและบรรณาธิการ นายกัสซินสกี้ เป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ NTV ซึ่งเป็นช่องเอกชนรายแรกของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ หรือ ช่องทีวี ทั้งสองรายการคือ ไม่โปรปูติน แถมยังทำการ์ตูนล้อเลียน เช่นลักษณะหูกาง ตาโรย ที่ใครๆก็รู้ว่า นั่นคือปูติน ที่เขาล้อเลียนหนักข้อเข้าทุกที นอกจากเข้าค้นสำนักงานแล้ว หน่วยเก็บภาษีได้ทำการตรวจย้อนหลังสมทบอีก FSB ได้ทำการยึดปืนพกกระบอกนั้นไป และ กัสซินสกี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหา ในช่วงที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้มาเยี่ยมเยียนเป็นอาคันตุกะพอดี คลินตันได้พยายาม ถามถึงเรื่องคดีนี้ (กัสซินสกี้เป็นมหาเศรษฐียิว ที่มีธุรกิจอยู่ในอเมริกาด้วยเช่นกัน) แต่ปูตินได้อ้างว่า เขาไม่ทราบเรื่องเพราะในช่วงที่เกิดขึ้น เขาอยู่ที่สเปน สาเหตุที่บิล คลินตันไปรัสเซีย คือเรื่องการเจรจาถอยคนละก้าวในเรื่องของนิวเคลียร์ที่ต้องจำกัดจำนวนให้น้อยที่สุด แต่ไม่ได้ผลอะไรกับปูติน เพราะมันเป็นการใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะความขัดแย้งในพื้นที่รอบรัสเซียที่งัดกันอยู่ ก็เพราะอเมริกาสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ……ใครๆก็รู้ หลังจากที่คลินตันกลับไป เก้าวันต่อมา……กัสซินสกี้ก็ถูกจับด้วยข้อหามีปืนในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต **กัสซินสกี้ได้มีหลายคดีตามมา จนเขาต้องขอแลกอิสรภาพด้วยการขายหุ้นทุกอย่างคืนให้กับรัฐบาล เมื่อเขาออกไปอยู่ที่สเปน ก็ได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลรัสเซียในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน…คดียาวนานมาเป็นยี่สิบปี ในระหว่างนั้น เขาก็ยังทำธุรกิจหนังสือพิมพ์และช่องทีวีในต่างประเทศ แน่นอนว่า…… ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียและปูติน วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงของการพักร้อน พักผ่อนหย่อนใจ ปูตินและครอบครัวไปยังรีสอร์ตที่ Sochi ชายฝั่งทะเลดำ เมื่อไปถึง เขายังไม่ทันได้วางกระเป๋าเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ด่วนเข้ามา ข่าวร้าย……คือ เรือดำน้ำบรรทุกนิวเคลียร์ “the Kursk” ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่มีการซ้อมรบที่ Barents Sea, Murmansk เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เคอร์สค์ ได้สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1994 ที่นับว่าทันสมัยที่สุด สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา (ถ้ามีสงคราม) ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้น แต่เหตุได้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ปูตินเพิ่งออกจากมอสโคว์ มีการระเบิดขึ้นสองครั้ง เรือจมดิ่งลงก้นสมุทร ลูกเรือ 113 คน เสียชีวิตหมด เมื่อปูตินได้ทราบข่าว……ทุกอย่างก็สายไปแล้ว อย่างเดียวที่ทำได้ คือ ปิดข่าวไว้ก่อน แล้วส่งทีมไปค้นหา เขายังทำตัวปรกติ……เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รอฟังข่าว อย่างใจจดใจจ่อ Boris Berezovsky โทรมาหาเขาจากปารีส ถามว่า “มาทำอะไรอยู่ในโซชิ…ทำไมไม่กลับไปที่มอสโคว์ หรือไปที่เกิดเหตุ……?” มาถึงตอนนี้……ปูตินเริ่มฉุน เพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรของนายแบเรซอฟสกี้ ที่เป็นเพียงกลุ่มทุนที่อิงมาตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ แต่ชอบเสนอหน้าไปทุกสิ่ง ประมาณตัวว่าเป็นนักการเมืองใหญ่ จะสั่งใครก็ได้ ในตอนนั้น……หลายประเทศเสนอตัวมาช่วยค้นหา แต่แม่ทัพเรือปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นสอดแนมดูพิมพ์เขียว จนบิล คลินตันโทรมาหาปูตินเป็นการส่วนตัว เขาจึงยอมให้มีการช่วยเหลือร่วมมือจาก ทีมอังกฤษและทีมนอร์เวย์ ที่มาช่วยกัน ในวันที่ 21 ที่ทีมทั้งสองนี้ สามารถเปิดฝาปิดเรือดำน้ำได้ภายใน 6 ชั่วโมง ในขณะที่รัสเซียได้พยายามอยู่ถึงเก้าวันยังเปิดไม่ได้ ทันทีที่ปูตินกลับถึงมอสโคว์……เสียงตำหนิ ก่นด่ามาจากทุกสารทิศ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิต ซ้ำร้าย……สื่อตีซ้ำด้วยในเรื่องที่ประธานาธิบดีไม่ได้สนใจกับ เรื่องนี้ เพราะกำลังไปสนุกสนานพักร้อนริมชายหาด…… โดยเฉพาะช่องทีวีของ Boris Berezovsky ที่เป็นฝ่ายประโคมข่าว… ปูตินโกรธจัด เพราะข่าวจากสายในกองทัพบอกมาว่า บอริสได้จ้างหน้าม้าที่เป็นผู้หญิงมาอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของทหารที่ตาย มาร้องห่มร้องไห้ ด่าปูตินออกอากาศ บอริสได้เข้าพบกับปูติน เพื่อแก้ข้อหา พร้อมตะโดนใส่ปูตินว่า “นั่นเป็นเรื่องจริง…ไม่ใช่หน้าม้า……ไอ้พวกนั้นมันโกหก……!!” วันที่ 22 สิงหาคม……ปูตินได้ไปที่ที่เกิดเหตุ พร้อมพบปะกับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสีย ที่อยู่ในสภาพโกรธแค้น เขาพยายามเยียวยาด้วยการจ่ายเงินเดือนยาวไปสิบปี และจัดหาที่อยู่ให้อย่างสะดวกสะบาย พร้อมสวัสดิการเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เมื่อหนึ่งในนั้น……ได้ตะโกนถามเขาว่า “ทำไมไม่มาช่วยกู้อย่างทันที ……” ปูตินตอบไปอย่างตรงๆว่า…… “เพราะเราไม่มีเครื่องมืออะไรอย่างนั้นเหลือใช้ในชาติเราไง…” ปูตินรู้ดีแก่ใจว่า……ไม่ใช่ความผิดของแม่ทัพเรือ (ที่โบ้ยว่าเป็นความผิดของอเมริกา ) ไม่ใช่ความผิดของหน่วยข่าวกรอง แต่ทุกอย่างที่มันเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะ “สื่อ” ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ล้วนๆ ที่มีอำนาจทำลายล้างได้เทียบเท่ากับกองทัพขนาดใหญ่ วันต่อมา..ปูตินได้ออกแถลงการทางโทรทัศน์ ที่เขาถอดใจพูดออกมาว่า ประเทศชาติได้ผ่านวิกฤติมาทุกรูปแบบ ทั้งในและนอกประเทศ แต่สิ่งที่ซ้ำเติมเรา คือ กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของชาติ โดยการให้ข่าวบิดเบือนสร้างความเจ็บช้ำ แล้วมาทำดีโดยการระดมทุนเพื่อให้ผู้เสียหาย เพื่อเอาการค้ามาอิงร่วม การระดมทุนที่อ้างว่ามีถึงล้านเหรียญ (โดยประมาณ) มันแค่เป็นเศษน้อยนิด จากสิ่งที่เขารีดไปจากเรา ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรูที่เมดิเตอร์เรเนียน ฝั่งฝรั่งเศส และฝั่งสเปน ไปช่วยกันถามหน่อยซิ ว่าเขาเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ……?? เรื่องนี้……คือการกระทบ Boris Berezovsky โดยตรง เพราะเขาเป็นคนระดมทุนที่ว่า จากวันนั้น……ปูตินได้ทำการรุกเอาสมบัติของชาติคืนอย่างเอาจริงเอาจัง ยึดหุ้น Aeroflot คืนจากบอริส ที่หนีออกนอกประเทศไป ก่อนหนี……เขาได้ลุกลี้ลุกลนขายหุ้นสถานีโทรทัศน์ให้กับ Roman Abramovich (ที่คืนให้กับรัฐบาลในต่อมา) ส่วนนาย Gusinsky ได้ถูกยึดหุ้นทั้งหมดของ NTV เพราะมีหนี้ติดค้างกับ Gazprom หลังจากที่หนีไปสเปน เท่ากับว่า……ช่องทีวีเอกชนทั้งหมดได้ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลอย่างเรียบร้อย วันที่ 11 กันยายน…ปูตินได้เรียกประชุมนักข่าวจาก 48 สำนัก ให้เข้ามารับนโยบายของรัฐบาล และจะมีการให้ข่าวในเรื่องการปฎิบัติการทางทหารที่เชเชน… ทันทีที่จบการบันทึกภาพการประชุม ……เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รีบเข้ามารายงานให้เขาเข้าไปดู”อะไรบางอย่าง” โดยด่วนที่หน้าจอมอนิเตอร์ทีวี ภาพที่เขาเห็นคือ ภาพของเหตุการณ์ 9/11 ที่นครนิวยอร์ค ที่เป็นฝีมือของ Al-Queda ที่มีประวัติแทรกแซงฟาดฟันกับรัสเซียในเชเชนด้วยเช่นกัน สิ่งแรกที่ปูตินทำ คือ เขาหันไปถาม Sergei Ivanov ว่า.. “เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง…??” เขาไม่ได้พูดเฉยๆ ปูตินยกหูไปหาประธานาธิบดีบุชทันที และได้พูดกับ นาง Condoleeza Rice (ฝ่ายความมั่นคง) เขาได้ยืนยันกับเธอว่า รัสเซียจะยกเลิกเรื่องการซ้อมรบทางฝั่งแปซิฟิค (ที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวาน) และ จะพักเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ไปก่อน ทางอเมริกามีอะไรให้เราช่วยได้ ขอให้บอกมาได้เลย ทางเรายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่…” ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ไป.……ความรู้สึกอย่างหนึ่งได้บอกกับ เขาว่า………สงครามเย็นได้จบสิ้นลงแล้ว………!!! เพราะจากนี้ไป รัสเซียและอเมริกาจะต้องร่วมมือกัน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน คือ….กลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ (The Terrorists) ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า……พวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน…?!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!!

    ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห
    แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง
    เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้
    ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป
    สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!!

    แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ???

    แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก……
    นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว

    ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ

    ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น
    แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง
    หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน
    การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล
    ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน
    ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง
    โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ
    (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป)

    เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ
    เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน
    Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า
    Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ)

    ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB
    เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด
    นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย
    งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง)
    คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก……

    ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……?
    คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น
    โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ………

    ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
    หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา
    ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ
    เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี
    จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ
    Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร
    เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว

    ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich
    คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ
    เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ
    ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย
    จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน
    เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล
    ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes
    แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ

    Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!!
    นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน
    ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท

    Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ
    ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล
    ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB
    เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์

    BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า
    “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……”

    แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!!
    ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง

    เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!!

    นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย
    คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่
    โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย
    ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
    คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย
    ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ
    จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก

    อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง
    จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้
    นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย
    รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง………

    ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด
    คือ
    1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง
    2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง
    3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ
    4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
    5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค

    ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด………
    ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี
    คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง
    แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส
    ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้
    เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้

    ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก
    รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ
    อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่

    เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ……
    เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว………

    นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด
    แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย
    ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่
    ประกาศให้โลกรู้ว่า……
    เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!!

    แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย
    อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!! ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้ ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!! แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ??? แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก…… นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป) เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ) ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง) คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก…… ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……? คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ……… ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006 หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!! นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์ BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……” แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!! ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!! นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่ โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง……… ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด คือ 1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง 2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง 3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ 4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ 5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด……… ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้ เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้ ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่ เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ…… เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว……… นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่ ประกาศให้โลกรู้ว่า…… เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!! แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่

    พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม

    ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง

    แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้

    รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
    ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000

    1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์

    2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

    3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ”

    4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี

    5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก

    6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล”

    7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001

    8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน

    9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้

    10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.”

    11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี

    12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ

    13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน”

    14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่”

    15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999

    16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ"

    17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล

    18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope"

    19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี

    20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์

    21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง

    22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23.
    Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม

    24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี

    25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์

    26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต

    28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน

    29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย"

    30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่

    31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน"

    32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน

    33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก

    34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน”

    35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ”

    36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น”

    37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง”

    38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ

    39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา”

    40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree

    41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น”

    42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม

    43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น”

    44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980

    45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ

    46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี

    47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน

    48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน

    49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ”

    50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว

    51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016

    52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา”

    53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว

    54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022

    55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี”

    ที่มา : Politico.com

    #Thaitimes
    พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่ พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้ รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์ 2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย” 3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ” 4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี 5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก 6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล” 7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001 8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน 9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้ 10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.” 11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี 12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ 13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน” 14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่” 15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999 16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ" 17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล 18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope" 19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี 20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์ 21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง 22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23. Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม 24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี 25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ 26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต 28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน 29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย" 30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่ 31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน" 32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน 33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก 34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน” 35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ” 36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น” 37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง” 38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ 39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา” 40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree 41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น” 42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม 43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น” 44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980 45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ 46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี 47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน 48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน 49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ” 50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว 51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016 52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา” 53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว 54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022 55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี” ที่มา : Politico.com #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1201 มุมมอง 0 รีวิว