สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน

ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว

"เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย"

แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย

วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย"

"อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ"

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ

แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา

#Newskit
สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย" แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย" "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ" ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา #Newskit
Like
Angry
3
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว