• 💥💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยข้อมูล
    น้ำท่วมไทยปี 2567 นี้ คาดราคาผัก ข้าว และ ผลไม้
    ในไตรมาส 4/2567

    🚩แนวโน้ม ราคาผัก ยังปรับตัวสูงขึ้น ประมาณ 8%
    (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน) จากสถานการณ์
    น้ำท่วมเกือบทุกภาค ทำให้ผลผลิตเสียหาย
    รวมทั้ง เดือน ตุลาคม เป็นเทศกาลกินเจ ส่งผลให้
    ราคาผักปรับตัวสูงขึ้น

    🚩ส่วนราคาข้าว ปรับตัวลดลง -10% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน)
    จากปัจจัยอินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง

    🚩ในขณะที่ราคาผลไม้ ปรับตัวลดลง -5% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน)
    จากปัจจัยฤดูกาล

    ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ราคาผักข้าวผลไม้ #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยข้อมูล น้ำท่วมไทยปี 2567 นี้ คาดราคาผัก ข้าว และ ผลไม้ ในไตรมาส 4/2567 🚩แนวโน้ม ราคาผัก ยังปรับตัวสูงขึ้น ประมาณ 8% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน) จากสถานการณ์ น้ำท่วมเกือบทุกภาค ทำให้ผลผลิตเสียหาย รวมทั้ง เดือน ตุลาคม เป็นเทศกาลกินเจ ส่งผลให้ ราคาผักปรับตัวสูงขึ้น 🚩ส่วนราคาข้าว ปรับตัวลดลง -10% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน) จากปัจจัยอินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง 🚩ในขณะที่ราคาผลไม้ ปรับตัวลดลง -5% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน) จากปัจจัยฤดูกาล ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ราคาผักข้าวผลไม้ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขาช่องลม ท้ายเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แต่ละฤดูกาลจะมีโมเมนท์ที่แตกต่างกันไป ช่วงฝนตกก็จะมีโมเมนท์ลุยๆเปื้อนบ้างเปียกบ้างสนุกไปอีกแบบ ช่วงหนาวก็จะมีโมเมนท์แบบทุ่งหญ้าในป่าใหญ่ มุมถ่ายรูปเยอะมาก ช่วงหน้าร้อนก็เป็นโมเมนท์เดินป่า ตกปลา ตั้งแคมป์ก็ได้ฟีลอีกแบบ ส่วนพี่ๆชอบฟีลแบบไหนก็เลือกท่องเที่ยวตามฤดูกาลได้เลยครับ😃😃😃
    เขาช่องลม ท้ายเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แต่ละฤดูกาลจะมีโมเมนท์ที่แตกต่างกันไป ช่วงฝนตกก็จะมีโมเมนท์ลุยๆเปื้อนบ้างเปียกบ้างสนุกไปอีกแบบ ช่วงหนาวก็จะมีโมเมนท์แบบทุ่งหญ้าในป่าใหญ่ มุมถ่ายรูปเยอะมาก ช่วงหน้าร้อนก็เป็นโมเมนท์เดินป่า ตกปลา ตั้งแคมป์ก็ได้ฟีลอีกแบบ ส่วนพี่ๆชอบฟีลแบบไหนก็เลือกท่องเที่ยวตามฤดูกาลได้เลยครับ😃😃😃
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 465 0 รีวิว
  • ขนมฤดูใบไม้ร่วง #Vermicelles เดี๋ยวนี้มีกินทั้งปี
    ขนมฤดูใบไม้ร่วง #Vermicelles เดี๋ยวนี้มีกินทั้งปี
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฤดูฝนเขียวไปหมด แต่ต้องขยันตัดหญ้ามากหน่อย # บ้านไร่บุญระเบียบ เกษตรอินทรีย์
    ฤดูฝนเขียวไปหมด แต่ต้องขยันตัดหญ้ามากหน่อย # บ้านไร่บุญระเบียบ เกษตรอินทรีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฤดูใบไม้ร่วง #ซูริค🇨🇭
    #ฤดูใบไม้ร่วง #ซูริค🇨🇭
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 86 0 รีวิว
  • #ฤดูใบไม้ร่วง มาแล้ว #เมืองซูริค เมื่อวันจันทร์ 30/9/24
    #ฤดูใบไม้ร่วง มาแล้ว #เมืองซูริค เมื่อวันจันทร์ 30/9/24
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 184 0 รีวิว
  • ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!!

    ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!!

    2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น
    ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา……
    โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013
    ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย
    เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
    สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
    เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post
    และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น……
    จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว

    แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ……

    ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง
    รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น……
    ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน
    ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน

    การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ
    SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว

    เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ
    โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20
    แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ,
    การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง
    แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น…
    ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!!

    ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ
    ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน
    สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ
    แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก
    บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015
    เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน

    สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้
    เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้……
    และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร……
    ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง)
    ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด
    มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก……
    ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น
    ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS)
    แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น……
    แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา
    โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012)
    “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……”

    ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป
    ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988

    ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่)
    ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า
    เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด……
    เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า
    ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย
    สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย

    แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู
    แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน
    ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว
    ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู
    อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม…
    ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง
    แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม

    ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
    และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268
    ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ………

    เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้

    ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี
    โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม ***** Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ
    สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว……
    ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..”
    นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร?
    คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!!
    แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน

    สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี
    ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง
    สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!! ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!! 2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา…… โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013 ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น…… จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ…… ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น…… ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20 แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ, การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น… ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!! ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015 เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้…… และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร…… ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง) ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก…… ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS) แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น…… แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012) “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……” ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988 ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่) ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด…… เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม… ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268 ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ……… เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม Pussy Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว…… ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..” นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร? คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!! แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈

    วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱

    👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย:
    1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง
    2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา
    3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล

    💪 #ผลลัพธ์ที่ได้:
    • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่
    • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน
    • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม

    🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ:
    พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก

    🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์:
    • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้
    ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย!

    🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ:
    • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง
    • ธาตุอาหารบำรุงต้น
    • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง
    • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก!

    📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691
    💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ

    #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈 วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱 👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย: 1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง 2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา 3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล 💪 #ผลลัพธ์ที่ได้: • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่ • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม 🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ: พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก 🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์: • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้ ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย! 🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ: • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง • ธาตุอาหารบำรุงต้น • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก! 📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691 💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หลานม่า”ส่งถึงเวทีออสการ์ เมื่อสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เลือก ‘หลานม่า’ เป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทย โดยเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 สาขา "ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม" (97th Academy Awards - International Feature Film)

    ขอแสดงความยินดีกับทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ : พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับ, เป็ด ทศพล เขียนบท,
    พี่เก้ง จิระ, พี่วัน วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ บิวกิ้น, ยายแต๋ว อุษา, ดู๋ สัญญา, เจีย สฤญรัตน์, เผือก พงศธร, ตู ต้นตะวัน ทีมนักแสดงนำ รวมไปถึงทีมงานทุกฝ่าย สำหรับการได้รับเลือกเป็นตัวแทนหนังไทยในครั้งนี้ด้วย

    ที่มา : ภาพและข้อมูลจาก GDH

    #Thaitimes
    “หลานม่า”ส่งถึงเวทีออสการ์ เมื่อสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เลือก ‘หลานม่า’ เป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทย โดยเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 สาขา "ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม" (97th Academy Awards - International Feature Film) ขอแสดงความยินดีกับทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ : พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับ, เป็ด ทศพล เขียนบท, พี่เก้ง จิระ, พี่วัน วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ บิวกิ้น, ยายแต๋ว อุษา, ดู๋ สัญญา, เจีย สฤญรัตน์, เผือก พงศธร, ตู ต้นตะวัน ทีมนักแสดงนำ รวมไปถึงทีมงานทุกฝ่าย สำหรับการได้รับเลือกเป็นตัวแทนหนังไทยในครั้งนี้ด้วย ที่มา : ภาพและข้อมูลจาก GDH #Thaitimes
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!!

    ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!!

    ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก
    คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน
    และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย……
    เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ
    พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า

    กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน
    เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล
    ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี……

    กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา
    แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี
    เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ)
    แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร

    สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว

    ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์
    ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย

    ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน
    นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินตอบว่า……
    “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..??
    แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน)
    จากนั้นกลุ่ม ***** Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ

    ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO
    ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย…
    ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!!

    การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร
    เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…??
    เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!!

    ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……)
    ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……)
    และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้)

    มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง
    เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill
    จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว…
    ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่
    แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น

    ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin
    เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม…

    เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี……
    ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง
    ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว
    ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์

    ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม

    และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน
    จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda”
    ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า
    “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?”
    ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า
    “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..”
    ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า…
    “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
    นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง

    ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010)
    ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน
    ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง)
    เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ)
    คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก
    บานมาเป็น 260 ล้าน…
    ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ)
    แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…???
    คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!!
    ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……”
    แล้วเขาก็เดินออกไป….

    วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี
    ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน……
    ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff
    (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน)

    ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ
    หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี
    ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด
    เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ
    เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
    ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย
    แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป………
    รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
    เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว..


    Wiwanda W. Vichit
    ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!! ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!! ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย…… เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี…… กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ) แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์ ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้ ปูตินตอบว่า…… “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..?? แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน) จากนั้นกลุ่ม Pussy Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย… ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!! การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…?? เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!! ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……) ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……) และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้) มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว… ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่ แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม… เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี…… ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda” ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?” ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..” ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า… “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010) ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง) เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ) คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก บานมาเป็น 260 ล้าน… ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ) แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…??? คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!! ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……” แล้วเขาก็เดินออกไป…. วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน…… ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน) ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป……… รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว.. Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ เลขาธิการคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งสดๆร้อนๆขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) สนับสนุนแนวคิดอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    รุตต์ แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร(1ต.ค.) ระหว่างการแถลงข่าว ตามหลังพิธีถ่ายโอนอำนาจจาก เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตคนก่อน โดยเลขาธิการนาโตคนใหม่ สนับสนุนแนวคิดไฟเขียวให้ยูเครนทำอะไรก็ได้ตามแต่เห็นสมควร อ้างว่ามันอยู่ในขอบเขตสิทธิของเคียฟที่จะทำเช่นนั้น
    .
    "เรารู้กฎหมายระหว่างประเทศ และตามกฎหมายระหว่างประเทศ สิทธินี้ไม่ได้จบลงที่แนวชายแดน ดังนั้นมันจึงหมายความว่ายูเครนมีสิทธิป้องกันตนเองด้วยวิถีทางต่างๆ ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะโจมตีเป้าหมายโดยชอบธรรม ในดินแดนของผู้รุกราน" รุตต์กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามเลขาธิการคนใหม่ของนาโต โยนความรับชอบออกจากกลุ่มพันธมิตรทหารแห่งนี้ ไปยังรัฐสมาชิกแต่ละชาติ โดยเน้นย้ำว่าท้ายที่สุดแล้ว มันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ในการวางกรอบกฎเกณฑ์ต่างๆสำหรับเคียฟ ในเรื่องการใช้ระบบอาวุธที่พวกเขาจัดหาให้"
    .
    ความเห็นของรุตต์ มีขึ้นท่ามกลางประเด็นถกเถียงในตะวันตก ที่ว่าควรอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธที่ได้รับจากบรรดาผู้สนับสนุน โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติหรือไม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในประเด็นดังกล่าว
    .
    ถ้อยแถลงของ รุตต์ เจอกับปฏิกิริยาตอบสนองในแง่ลบมาจากรัสเซีย ในนั้นรวมถึง ลีโอนิด สลุตสกี หัวหน้าพรรค LDPR พรรคชาตินิยมฝ่ายขวา ที่บอกว่าความเห็นนี้เป็นการส่งสารอย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนตัวผู้นำของนาโต จะไม่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆในท่าทีก้าวร้าวของพวกเขา
    .
    ปัจจุบัน รัสเซีย อยู่ในกระบวนการปรับแก้หลักการการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยการแก้ไขครั้งนี้มีเจตนารับมือกับภัยท้าทายต่างๆที่ประเทศต้องเผชิญ โดยภายใต้ข้อเสนอแก้ไขหลักการ รัสเซียจะอนุญาตให้ใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ในการป้องปราม ในกรณีที่ถูกโจมตีโดยอาวุธทั่วไปจากประเทศหนึ่งๆที่แม้ไม่ใช่มหาอำนาจนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
    .
    ท่าทีของเลขาธิการคนใหม่ของนาโต มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับยูเครน พวกเขากำลังถูกรัสเซียไล่ต้อนหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันพุธ(2ต.ค.) กองทัพเคียฟเปิดเผยว่าจำเป็นต้องถอนกำลังออกจากเมืองวูเกิลดาร์ ทางภาคตะวันออก ความเคลื่อนไหวที่กลายเป็นหนึ่งในการรุกคืบทางดินแดนครั้งสำคัญที่สุดของรัสเซียในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    การสูญเสียเมืองเหมืองถ่านหินแห่งนี้ ก่อคำถามครอบใหม่แก่ฐานที่มั่นในการป้องกันตนเองของยูเครน ตามแนวชายแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
    .
    เมืองวูเกิลดาร์ ซึ่งมีประชากรราว 14,000 คนก่อนถูกรัสเซียรุกราน ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโดเนตสก์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 50 กิโลเมตร ขณะที่เมืองแห่งนี้ เป็นเมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093363
    ..................
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ เลขาธิการคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งสดๆร้อนๆขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) สนับสนุนแนวคิดอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . รุตต์ แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร(1ต.ค.) ระหว่างการแถลงข่าว ตามหลังพิธีถ่ายโอนอำนาจจาก เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตคนก่อน โดยเลขาธิการนาโตคนใหม่ สนับสนุนแนวคิดไฟเขียวให้ยูเครนทำอะไรก็ได้ตามแต่เห็นสมควร อ้างว่ามันอยู่ในขอบเขตสิทธิของเคียฟที่จะทำเช่นนั้น . "เรารู้กฎหมายระหว่างประเทศ และตามกฎหมายระหว่างประเทศ สิทธินี้ไม่ได้จบลงที่แนวชายแดน ดังนั้นมันจึงหมายความว่ายูเครนมีสิทธิป้องกันตนเองด้วยวิถีทางต่างๆ ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะโจมตีเป้าหมายโดยชอบธรรม ในดินแดนของผู้รุกราน" รุตต์กล่าว . อย่างไรก็ตามเลขาธิการคนใหม่ของนาโต โยนความรับชอบออกจากกลุ่มพันธมิตรทหารแห่งนี้ ไปยังรัฐสมาชิกแต่ละชาติ โดยเน้นย้ำว่าท้ายที่สุดแล้ว มันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ในการวางกรอบกฎเกณฑ์ต่างๆสำหรับเคียฟ ในเรื่องการใช้ระบบอาวุธที่พวกเขาจัดหาให้" . ความเห็นของรุตต์ มีขึ้นท่ามกลางประเด็นถกเถียงในตะวันตก ที่ว่าควรอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธที่ได้รับจากบรรดาผู้สนับสนุน โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติหรือไม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในประเด็นดังกล่าว . ถ้อยแถลงของ รุตต์ เจอกับปฏิกิริยาตอบสนองในแง่ลบมาจากรัสเซีย ในนั้นรวมถึง ลีโอนิด สลุตสกี หัวหน้าพรรค LDPR พรรคชาตินิยมฝ่ายขวา ที่บอกว่าความเห็นนี้เป็นการส่งสารอย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนตัวผู้นำของนาโต จะไม่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆในท่าทีก้าวร้าวของพวกเขา . ปัจจุบัน รัสเซีย อยู่ในกระบวนการปรับแก้หลักการการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยการแก้ไขครั้งนี้มีเจตนารับมือกับภัยท้าทายต่างๆที่ประเทศต้องเผชิญ โดยภายใต้ข้อเสนอแก้ไขหลักการ รัสเซียจะอนุญาตให้ใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ในการป้องปราม ในกรณีที่ถูกโจมตีโดยอาวุธทั่วไปจากประเทศหนึ่งๆที่แม้ไม่ใช่มหาอำนาจนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . ท่าทีของเลขาธิการคนใหม่ของนาโต มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับยูเครน พวกเขากำลังถูกรัสเซียไล่ต้อนหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันพุธ(2ต.ค.) กองทัพเคียฟเปิดเผยว่าจำเป็นต้องถอนกำลังออกจากเมืองวูเกิลดาร์ ทางภาคตะวันออก ความเคลื่อนไหวที่กลายเป็นหนึ่งในการรุกคืบทางดินแดนครั้งสำคัญที่สุดของรัสเซียในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา . การสูญเสียเมืองเหมืองถ่านหินแห่งนี้ ก่อคำถามครอบใหม่แก่ฐานที่มั่นในการป้องกันตนเองของยูเครน ตามแนวชายแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว . เมืองวูเกิลดาร์ ซึ่งมีประชากรราว 14,000 คนก่อนถูกรัสเซียรุกราน ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโดเนตสก์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 50 กิโลเมตร ขณะที่เมืองแห่งนี้ เป็นเมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093363 .................. Sondhi X
    Like
    Sad
    Wow
    Angry
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿มนุษย์ใกล้ชิด "ป่า" ทำให้ "อายุยืน"..เกินร้อยปี

    นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบว่า ในป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์จะมี สารไฟทอนไซด์(Phytoncide)ที่ประกอบไปด้วย โอโซนทางธรรมชาติ เกสรดอกไม้ ยางไม้ ทำให้ร่างกายสดชื่น ผ่อนคลาย กระตุ้นเซลภูมิคุ้มกัน(Natural Killer Cell) รวมถึง คุณภาพการนอนหลับ และ สมาธิดีขึ้น

    นี่แหละทำให้ ฤดูร้อนของทุกปี เป็น ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของครอบครัวเรา เข้าใช้ชีวิตอยู่ในป่าในรัฐมินนิโซต้า ทางเหนือของสหรัฐฯ เก็บ และ กินเบอร์รี่ส์สดๆ..ตามป่าด้วยมือของเราเอง.

    หลังจาก เก็บเกี่ยวข้าวป่าในหนองน้ำ Lake Superior ของเราเสร็จสิ้น
    ได้เวลาบินกลับซานฟรานซิสโก ใช้ชีวิต"คนเมือง"..เหมือนเดิม.
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    Sep1st, 2024
    Duluth, Minnesota.
    🌿มนุษย์ใกล้ชิด "ป่า" ทำให้ "อายุยืน"..เกินร้อยปี นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบว่า ในป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์จะมี สารไฟทอนไซด์(Phytoncide)ที่ประกอบไปด้วย โอโซนทางธรรมชาติ เกสรดอกไม้ ยางไม้ ทำให้ร่างกายสดชื่น ผ่อนคลาย กระตุ้นเซลภูมิคุ้มกัน(Natural Killer Cell) รวมถึง คุณภาพการนอนหลับ และ สมาธิดีขึ้น นี่แหละทำให้ ฤดูร้อนของทุกปี เป็น ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของครอบครัวเรา เข้าใช้ชีวิตอยู่ในป่าในรัฐมินนิโซต้า ทางเหนือของสหรัฐฯ เก็บ และ กินเบอร์รี่ส์สดๆ..ตามป่าด้วยมือของเราเอง. หลังจาก เก็บเกี่ยวข้าวป่าในหนองน้ำ Lake Superior ของเราเสร็จสิ้น ได้เวลาบินกลับซานฟรานซิสโก ใช้ชีวิต"คนเมือง"..เหมือนเดิม. . . พัชรี ว่องไววิทย์ Sep1st, 2024 Duluth, Minnesota.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาเกณฑ์ทหารใหม่ประจำปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
    .
    🏰 🇷🇺 ตามกฤษฎีกาของเครมลิน เผยแพร่เมื่อ 1 ต.ค. ที่ลงนามโดยปธน.วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อช่วงเช้า

    🔘 กฤษฎีกาที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ Rossiyskaya Gazeta การเกณฑ์ทหารรอบใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำ
    • สั่งเกณฑ์ทหารใหม่ 133,000 นาย
    • ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. ถึง 31 ธันวาคม
    • การเกณฑ์ทหารพลเมือง "ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 30 ปี มีผลบังคับใช้กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกองกำลังสำรอง และผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับราชการทหารตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง
    • เงื่อนไขการเกณฑ์ทหารยังคงเหมือนเดิม คือ อายุการรับราชการเป็นเวลา 12 เดือน
    .
    🔘 พลโทวลาดิมีร์ ซิมลีอันสกี Vladimir Tsimlyansky หัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรและการระดมพลหลัก กล่าว :

    📌 “ผมขอแจ้งให้ทราบว่า : จะไม่มีการเรียกทหารเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษทางทหารในแคว้นใหม่”😁
    .
    .... โพสต์นี้เดี๋ยวมี 🐾 🐃 🇺🇦 🇺🇸 ... 🪱 🪱 🪱 อีก ... หาว่าเพราะรัสเซียสูญเสียเยอะ 😆😂🤣 ...


    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาเกณฑ์ทหารใหม่ประจำปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง . 🏰 🇷🇺 ตามกฤษฎีกาของเครมลิน เผยแพร่เมื่อ 1 ต.ค. ที่ลงนามโดยปธน.วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อช่วงเช้า 🔘 กฤษฎีกาที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ Rossiyskaya Gazeta การเกณฑ์ทหารรอบใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำ • สั่งเกณฑ์ทหารใหม่ 133,000 นาย • ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. ถึง 31 ธันวาคม • การเกณฑ์ทหารพลเมือง "ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 30 ปี มีผลบังคับใช้กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกองกำลังสำรอง และผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับราชการทหารตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง • เงื่อนไขการเกณฑ์ทหารยังคงเหมือนเดิม คือ อายุการรับราชการเป็นเวลา 12 เดือน . 🔘 พลโทวลาดิมีร์ ซิมลีอันสกี Vladimir Tsimlyansky หัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรและการระดมพลหลัก กล่าว : 📌 “ผมขอแจ้งให้ทราบว่า : จะไม่มีการเรียกทหารเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษทางทหารในแคว้นใหม่”😁 . .... โพสต์นี้เดี๋ยวมี 🐾 🐃 🇺🇦 🇺🇸 ... 🪱 🪱 🪱 อีก ... หาว่าเพราะรัสเซียสูญเสียเยอะ 😆😂🤣 ... Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้รับสถานการณ์ในแนวรบทุกๆ ส่วนที่เผชิญหน้ากับรัสเซีย เวลานี้ อยู่ในภาวะ“ยากลำบากมากๆ ” พร้อมกับกระตุ้นกองกำลังของฝ่ายยูเครนให้สู้เต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างยึดหมู่บ้านทางตะวันออกของยูเครนได้อีกแห่ง นอกจากนั้นมอสโกยังเผยร่างงบประมาณสำหรับปีหน้าที่จะมีการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารเกือบ 30%
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวในระหว่างการปราศรัยผ่านวิดีโอที่ทำเป็นประจำทุกคืน เมื่อคืนวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่า ระหว่างประชุมกับพวกผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูง เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เขาได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในแต่ละส่วนของแนวหน้าที่ยูเครนเผชิญหน้ากับรัสเซีย รวมทั้งสมรรถนะของยูเครนเวลานี้ ตลอดจนสมรรถนะในอนาคต และภารกิจพิเศษตางๆ ของยูเครน ซึ่งเขาพบว่าสถานการณ์อยู่ในความยากลำบากมากๆ
    .
    “ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ จะต้องทำให้บรรลุเป้าหมาย” เขากล่าว
    .
    ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้วในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ที่เซเลนสกี้อ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องกระทำการอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ในแง่ของการปฏิบัติการทางทหาร
    .
    ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนแสดงความเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับปฏิบัติการทางทหารอย่างรวดเร็วภายหลังพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่นิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (27) และในเวลาต่อมาเขาให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ทรัมป์ยืนยันว่าถ้าชนะการเลือกตั้ง จะให้การสนับสนุนเคียฟ
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี้ ซึ่งได้พบกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในการเดินทางมาสหรัฐฯเที่ยวนี้ด้วย ได้รับคำยืนยันอย่างชัดเจนจากแฮร์ริสว่า จะยังคงสนับสนุนการทำสงครามสู้รัสเซียของยูเครนอย่างแน่วแน่ แต่ในกรณีของทรัมป์นั้น กลับเป็นที่สงสัยข้องใจกัน เนื่องจากทรัมป์เองไม่เคยแถลงเช่นนี้ นอกจากนั้นหลังพบหารือกับประธานาธิบดียูเครนแล้ว ในการไปปราศรัยหาเสียงของเขาตอนค่ำวันศุกร์ (27) นั้นเอง ทรัมป์ยังคงประกาศนโยบายเดิมของเขา นั่นคือ หากได้รับเลือกตั้ง ก็จะเร่งให้ เซเลนสกี้ กับ ปูติน เจรจาเพื่อสงบศึกในยูเครน
    .
    ระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา พงกบล็อกเกอร์สายทหารของยูเครนรายงานว่า กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบหน้าในเมืองวูห์เลดาร์ ที่ตั้งอยู่บนเขาทางตอนใต้ของแคว้นโดเนตสก์ เมืองนี้ยังคงอยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังฝ่ายยูเครนตลอดช่วงเวลากว่า 2 ปีนับจากเกิดสงคราม
    .
    “ดีปสเตท”ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ยอดนิยมระบุโดยอ้างอิงรายงานของรัสเซียว่า กองกำลังรัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองดังกล่าว และทหารราบรัสเซียเคลื่อนเข้าไปในเมือง พร้อมกับชักธงรัสเซียบนตึกสูงบางแห่งทางด้านตะวันตกของเมืองนี้
    .
    นอกจากเมืองวูห์เลดาร์ กองทัพรัสเซียยังรุกคืบไปทางด้านเหนืออย่างช้าๆ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายยึดภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ เอาไว้ทั้งหมด
    .
    ในวันจันทร์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า สามารถเข้ายึดหมู่บ้านเนลิพิฟกาทางใต้ของเมืองโทเรตสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกเขาในบริเวณดังกล่าว
    .
    ทว่า กองเสนาธิการทหารยูเครนไม่ยอมรับว่าเสียหมู่บ้านแห่งนี้ แม้ระบุว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีบริเวณดังกล่าว 10 ระลอก
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียได้เปิดเผยร่างงบประมาณที่ระบุว่า งบประมาณการทหารสำหรับปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเกือบ 30% เป็น 13.5 ล้านล้านรูเบิล (145,000 ล้านดอลลาร์)
    .
    อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้ไม่รวมทรัพยากรอื่นๆ บางส่วนที่จัดสรรให้ปฏิบัติการทางทหารโดยตรง เช่น การใช้จ่ายที่รัสเซียระบุว่าเป็น “ความมั่นคงภายใน” และการใช้จ่ายบางรายการที่ระบุเป็นความลับสุดยอด
    .
    นอกจากนั้น หากรวมการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงจะคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของการใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลที่คาดการณ์ไว้ที่ 41.5 ล้านล้านรูเบิลในปี 2025
    .
    ระยะหลังมานี้รัสเซียเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับจากยุคสหภาพโซเวียต โดยอัดฉีดให้กับขีปนาวุธและโดรนที่ใช้ทำสงครามในยูเครน และการจ่ายเงินเดือนอย่างงามให้ทหารนับแสนนายที่สู้รบในแนวหน้า
    .
    ทางด้านยูเครนถูกบีบให้ต้องเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารโดยปริยายเพื่อรับมือการรุกรานของรัสเซีย โดยในปีหน้าเคียฟเล็งจัดสรรงบประมาณกว่า 60% สำหรับการใช้จ่ายในการป้องกันประเทศและความมั่นคง คิดเป็นมูลค่า 54,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังห่างไกลมากจากงบประมาณการทหารของรัสเซียที่ 145,000 ล้านดอลลาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092777
    ..................
    Sondhi X
    เซเลนสกี้รับสถานการณ์ในแนวรบทุกๆ ส่วนที่เผชิญหน้ากับรัสเซีย เวลานี้ อยู่ในภาวะ“ยากลำบากมากๆ ” พร้อมกับกระตุ้นกองกำลังของฝ่ายยูเครนให้สู้เต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างยึดหมู่บ้านทางตะวันออกของยูเครนได้อีกแห่ง นอกจากนั้นมอสโกยังเผยร่างงบประมาณสำหรับปีหน้าที่จะมีการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารเกือบ 30% . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวในระหว่างการปราศรัยผ่านวิดีโอที่ทำเป็นประจำทุกคืน เมื่อคืนวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่า ระหว่างประชุมกับพวกผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูง เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เขาได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในแต่ละส่วนของแนวหน้าที่ยูเครนเผชิญหน้ากับรัสเซีย รวมทั้งสมรรถนะของยูเครนเวลานี้ ตลอดจนสมรรถนะในอนาคต และภารกิจพิเศษตางๆ ของยูเครน ซึ่งเขาพบว่าสถานการณ์อยู่ในความยากลำบากมากๆ . “ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ จะต้องทำให้บรรลุเป้าหมาย” เขากล่าว . ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้วในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ที่เซเลนสกี้อ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องกระทำการอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ในแง่ของการปฏิบัติการทางทหาร . ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนแสดงความเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับปฏิบัติการทางทหารอย่างรวดเร็วภายหลังพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่นิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (27) และในเวลาต่อมาเขาให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ทรัมป์ยืนยันว่าถ้าชนะการเลือกตั้ง จะให้การสนับสนุนเคียฟ . ทั้งนี้ เซเลนสกี้ ซึ่งได้พบกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในการเดินทางมาสหรัฐฯเที่ยวนี้ด้วย ได้รับคำยืนยันอย่างชัดเจนจากแฮร์ริสว่า จะยังคงสนับสนุนการทำสงครามสู้รัสเซียของยูเครนอย่างแน่วแน่ แต่ในกรณีของทรัมป์นั้น กลับเป็นที่สงสัยข้องใจกัน เนื่องจากทรัมป์เองไม่เคยแถลงเช่นนี้ นอกจากนั้นหลังพบหารือกับประธานาธิบดียูเครนแล้ว ในการไปปราศรัยหาเสียงของเขาตอนค่ำวันศุกร์ (27) นั้นเอง ทรัมป์ยังคงประกาศนโยบายเดิมของเขา นั่นคือ หากได้รับเลือกตั้ง ก็จะเร่งให้ เซเลนสกี้ กับ ปูติน เจรจาเพื่อสงบศึกในยูเครน . ระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา พงกบล็อกเกอร์สายทหารของยูเครนรายงานว่า กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบหน้าในเมืองวูห์เลดาร์ ที่ตั้งอยู่บนเขาทางตอนใต้ของแคว้นโดเนตสก์ เมืองนี้ยังคงอยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังฝ่ายยูเครนตลอดช่วงเวลากว่า 2 ปีนับจากเกิดสงคราม . “ดีปสเตท”ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ยอดนิยมระบุโดยอ้างอิงรายงานของรัสเซียว่า กองกำลังรัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองดังกล่าว และทหารราบรัสเซียเคลื่อนเข้าไปในเมือง พร้อมกับชักธงรัสเซียบนตึกสูงบางแห่งทางด้านตะวันตกของเมืองนี้ . นอกจากเมืองวูห์เลดาร์ กองทัพรัสเซียยังรุกคืบไปทางด้านเหนืออย่างช้าๆ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายยึดภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ เอาไว้ทั้งหมด . ในวันจันทร์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า สามารถเข้ายึดหมู่บ้านเนลิพิฟกาทางใต้ของเมืองโทเรตสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกเขาในบริเวณดังกล่าว . ทว่า กองเสนาธิการทหารยูเครนไม่ยอมรับว่าเสียหมู่บ้านแห่งนี้ แม้ระบุว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีบริเวณดังกล่าว 10 ระลอก . ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียได้เปิดเผยร่างงบประมาณที่ระบุว่า งบประมาณการทหารสำหรับปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเกือบ 30% เป็น 13.5 ล้านล้านรูเบิล (145,000 ล้านดอลลาร์) . อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้ไม่รวมทรัพยากรอื่นๆ บางส่วนที่จัดสรรให้ปฏิบัติการทางทหารโดยตรง เช่น การใช้จ่ายที่รัสเซียระบุว่าเป็น “ความมั่นคงภายใน” และการใช้จ่ายบางรายการที่ระบุเป็นความลับสุดยอด . นอกจากนั้น หากรวมการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงจะคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของการใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลที่คาดการณ์ไว้ที่ 41.5 ล้านล้านรูเบิลในปี 2025 . ระยะหลังมานี้รัสเซียเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับจากยุคสหภาพโซเวียต โดยอัดฉีดให้กับขีปนาวุธและโดรนที่ใช้ทำสงครามในยูเครน และการจ่ายเงินเดือนอย่างงามให้ทหารนับแสนนายที่สู้รบในแนวหน้า . ทางด้านยูเครนถูกบีบให้ต้องเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารโดยปริยายเพื่อรับมือการรุกรานของรัสเซีย โดยในปีหน้าเคียฟเล็งจัดสรรงบประมาณกว่า 60% สำหรับการใช้จ่ายในการป้องกันประเทศและความมั่นคง คิดเป็นมูลค่า 54,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังห่างไกลมากจากงบประมาณการทหารของรัสเซียที่ 145,000 ล้านดอลลาร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092777 .................. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 632 มุมมอง 0 รีวิว
  • #thaitimesข่าวท่องเที่ยว

    ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/hg5KEHL5MUfdqSAb/?mibextid=qi2Omg
    《《

    🎉1 ตุลาคม เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวและพักแรมบนภูกระดึง

    วันนี้ (วันที่ 1 ตุลาคม 2567) อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว พ.ศ. 2568 โดย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้มอบหมายให้ นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนมากกว่า 300 คน

    ซึ่งรูปแบบของพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีกำหนดการ ดังนี้
    เวลา 05.30 น.
    - ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และมอบของที่ระลึกสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568
    เวลา 06.00 น.
    - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน พร้อมกัน ณ บริเวณด่านตรวจ 3 ทางเดินขึ้นเขา
    - ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธี
    - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเชิญประธานในพิธีจุดธูป-เทียน บูชาพระรัตนตรัย และไหว้ศาลเจ้าปู่ภูกระดึง
    - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวรายงาน
    - ประธานกล่าวเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568
    - ประธานลั่นระฆังชัยเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง
    เวลา 06.30 น. ปล่อยตัวนักท่องเที่ยว และผู้ร่วมงานเดินทางขึ้นเขา
    และในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้มอบรางวัลพิเศษ ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 รางวัล โดยแบ่งเป็น

    1. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักวิ่งไป-กลับ)
    2. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักท่องเที่ยวทั่วไป)
    3. ผู้นำขยะลงมาจากยอดภูกระดึง 10 คนแรก ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 โดยต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม

    อีกทั้งในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และความสะอาด โดยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านงดใช้ขยะพลาสติก โฟม ในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อคงไว้ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงสืบไป
    ■■■■■■■■■
    #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #ภูกระดึง #Phukraduengnationalpark #Phukradueng
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    #thaitimesข่าวท่องเที่ยว ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/hg5KEHL5MUfdqSAb/?mibextid=qi2Omg 《《 🎉1 ตุลาคม เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวและพักแรมบนภูกระดึง วันนี้ (วันที่ 1 ตุลาคม 2567) อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว พ.ศ. 2568 โดย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้มอบหมายให้ นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนมากกว่า 300 คน ซึ่งรูปแบบของพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีกำหนดการ ดังนี้ เวลา 05.30 น. - ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และมอบของที่ระลึกสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568 เวลา 06.00 น. - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน พร้อมกัน ณ บริเวณด่านตรวจ 3 ทางเดินขึ้นเขา - ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธี - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเชิญประธานในพิธีจุดธูป-เทียน บูชาพระรัตนตรัย และไหว้ศาลเจ้าปู่ภูกระดึง - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวรายงาน - ประธานกล่าวเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568 - ประธานลั่นระฆังชัยเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง เวลา 06.30 น. ปล่อยตัวนักท่องเที่ยว และผู้ร่วมงานเดินทางขึ้นเขา และในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้มอบรางวัลพิเศษ ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 รางวัล โดยแบ่งเป็น 1. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักวิ่งไป-กลับ) 2. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักท่องเที่ยวทั่วไป) 3. ผู้นำขยะลงมาจากยอดภูกระดึง 10 คนแรก ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 โดยต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม อีกทั้งในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และความสะอาด โดยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านงดใช้ขยะพลาสติก โฟม ในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อคงไว้ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงสืบไป ■■■■■■■■■ #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #ภูกระดึง #Phukraduengnationalpark #Phukradueng #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆ครั้งหนึ่งในชีวิต เรา แม่ ลูก คือผู้พิชิตภูกระดึง
    》》
    https://youtu.be/_LjNEGGMrRQ?si=IICAJZNWg22vqaS6
    《《
    ■■■■■■■■
    ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
    》》เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว วันที่ 1 ตุลาคม
    ☆สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : เพจอุทยานแห่งชาติภูกระดึง - Phu Kradueng National Park
    》》
    https://www.facebook.com/share/uQ7kFgCknAPw5cgu/?mibextid=qi2Omg
    《《
    โทร. 042-810833 , 042-810834
    ■■■■■■■■■■■
    #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
    #ภูกระดึง
    #PhukarduengNationalPark #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆ครั้งหนึ่งในชีวิต เรา แม่ ลูก คือผู้พิชิตภูกระดึง 》》 https://youtu.be/_LjNEGGMrRQ?si=IICAJZNWg22vqaS6 《《 ■■■■■■■■ ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 》》เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว วันที่ 1 ตุลาคม ☆สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : เพจอุทยานแห่งชาติภูกระดึง - Phu Kradueng National Park 》》 https://www.facebook.com/share/uQ7kFgCknAPw5cgu/?mibextid=qi2Omg 《《 โทร. 042-810833 , 042-810834 ■■■■■■■■■■■ #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #ภูกระดึง #PhukarduengNationalPark #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 988 มุมมอง 0 รีวิว
  • 》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    Yay
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1716 มุมมอง 859 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • หกทักษะของสุภาพบุรุษจีนโบราณ ตอน 1 ‘หลี่’

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> จะจำได้ว่าองค์หญิงหลี่หรงจัดงานเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักกับแคนดิเดทราชบุตรเขย โดยในระหว่างงานเลี้ยงได้กำหนดให้เหล่าคุณชายแสดงความสามารถตาม ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) และหกทักษะนี้ได้รับการกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณด้วยเช่นกัน

    หกทักษะนี้คือพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ อันแฝงไว้ซึ่งปรัชญาและคำสอนของขงจื๊อ เชื่อว่าเพื่อนเพจเคยผ่านตาผ่านหูว่า หกทักษะนี้คือ พิธีการ (หลี่/礼) ดนตรี (เยวี่ย/乐) ยิงธนู (เซ่อ/射) ขับขี่ (อวี้/御) อักษรศาสตร์ (ซู/书) และคำนวณ (ซู่/数) แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจคงไม่รู้ถึงรายละเอียดของมัน

    หกทักษะปรากฏอยู่ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ (เป็นบันทึกที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพื่อรวมรวมข้อมูลพิธีการและความรู้ด้านต่างๆ จากสมัยราชวงศ์โจว) ในรายละเอียดประกอบด้วย ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าธนู ห้าขับขี่ หกอักษร และเก้าคำนวณ และมีการอธิบายไว้ชัดเจนว่าองค์ประกอบของมันมีอะไรบ้าง Storyฯ อ่านแล้วก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เหนือความคาดหมาย เลยมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอแบ่งเล่าเป็นหลายตอนเพื่อไม่ให้บทความยาวเกินไป

    ทักษะแรกคือ ‘หลี่’ (礼) ซึ่งแปลได้ว่าพิธีการหรือมารยาท โดยบัณฑิตต้องรู้ถึงรายละเอียดของการเตรียมงาน ขั้นตอนในงาน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวางตัว เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ และคำพูดที่ถูกต้องเหมาะสม และห้า ‘หลี่’ ที่บัณฑิตต้องรู้คือ
    (1) จี๋หลี่ (吉礼) หมายถึงพิธีการเสริมดวงเสริมบารมี คืองานเซ่นไหว้สักการะและงานบวงสรวงทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามเทศกาลสำคัญหรือกราบไหว้บรรพบุรุษ
    (2) ซยงหลี่ (凶礼) หมายถึงพิธีการเกี่ยวกับภยันตราย โดยหลักคืองานศพ และหมายรวมถึงพิธีการขับไล่สิ่งอัปมงคลในยามที่เกิดอุทกภัยหรือโรคระบาด หรือพิธีการเซ่นไหว้ไว้อาลัยหลังสงคราม
    (3) จวินหลี่ (军礼) หมายถึงพิธีการด้านการทหาร (การจัดขบวน การเคลื่อนทัพ การบวงสรวงต่างๆ เมื่อองค์กษัตริย์ทรงยาตราทัพเอง การเยี่ยมชมและตรวจการกองทัพ และการต้อนรับกองทัพที่กลับจากสงคราม โดยพิธีการมีจำแนกว่าชนะศึกหรือพ่ายศึกกลับมา ฯลฯ) และยังรวมถึงพิธีการเกี่ยวกับงานล่าสัตว์ประจำฤดูของกษัตริย์ และหมายรวมงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมทำเช่นอารามหลวง พระราชวัง ฯลฯ
    (4) ปินหลี่ (宾礼) หมายถึงมารยาทและพิธีการในการต้อนรับแขก โดยจำแนกตามยศศักดิ์ของแขกและผู้ที่ให้การต้อนรับ เช่น กษัตริย์ต้อนรับกษัตริย์แขกเมืองหรือขุนนาง ข้าราชการต้อนรับประชาชนธรรมดา ต้อนรับแขกเมืองระดับต่างๆ ฯลฯ
    (5) เจียหลี่ (嘉礼) หมายถึงพิธีการมงคล ซึ่งจำแนกรายละเอียดตามยศศักดิ์ของเจ้าของงาน เช่นงานราชพิธีต่างๆ (พิธีราชาภิเษก งานแต่งตั้งองค์รัชทายาท งานเลือกชายาและสนม ฯลฯ) งานมงคลสมรส พิธีปักปิ่น พิธีสวมหมวกกวาน พิธีการขอบคุณ พิธีการอำลา งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไป เป็นต้น

    แน่นอนว่าแต่ละพิธีการเหล่านี้มีรายละเอียดอีกมากมายที่เราไม่ได้ลงรายละเอียดในที่นี้ (หมายเหตุ Storyฯ เคยกล่าวถึงบางพิธีการ เช่นพิธีการปักปิ่น ฯลฯ ลองค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญนะคะ) แต่โดยภาพรวมเราจะเห็นได้ว่า ทักษะว่าด้วย ‘หลี่’ นี้ หมายรวมถึงความเข้าใจอย่างละเอียดถึงพิธีการต่างๆ หลักการปฏิบัติและวางตนต่อผู้อื่นและมารยาททางสังคม โดยมาจากแนวคำสอนของขงจื๊อที่ว่า ผู้ที่บกพร่องในทักษะนี้ จะขาดการวางตนที่ดี ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อผู้อื่นหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง หรือทำให้เกิดความวุ่นวายสร้างความขุ่นเคืองหรือสับสนต่อผู้อื่นได้ และทำให้สังคมไม่สมานฉันท์

    สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันต่อค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=204949
    https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083
    https://baike.baidu.com/item/六艺/238715
    http://www.dfg.cn/gb/ssht/ly/07-junli.htm
    https://baike.baidu.com/item/五礼/491424

    #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน

    หกทักษะของสุภาพบุรุษจีนโบราณ ตอน 1 ‘หลี่’ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> จะจำได้ว่าองค์หญิงหลี่หรงจัดงานเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักกับแคนดิเดทราชบุตรเขย โดยในระหว่างงานเลี้ยงได้กำหนดให้เหล่าคุณชายแสดงความสามารถตาม ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) และหกทักษะนี้ได้รับการกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณด้วยเช่นกัน หกทักษะนี้คือพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ อันแฝงไว้ซึ่งปรัชญาและคำสอนของขงจื๊อ เชื่อว่าเพื่อนเพจเคยผ่านตาผ่านหูว่า หกทักษะนี้คือ พิธีการ (หลี่/礼) ดนตรี (เยวี่ย/乐) ยิงธนู (เซ่อ/射) ขับขี่ (อวี้/御) อักษรศาสตร์ (ซู/书) และคำนวณ (ซู่/数) แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจคงไม่รู้ถึงรายละเอียดของมัน หกทักษะปรากฏอยู่ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ (เป็นบันทึกที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพื่อรวมรวมข้อมูลพิธีการและความรู้ด้านต่างๆ จากสมัยราชวงศ์โจว) ในรายละเอียดประกอบด้วย ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าธนู ห้าขับขี่ หกอักษร และเก้าคำนวณ และมีการอธิบายไว้ชัดเจนว่าองค์ประกอบของมันมีอะไรบ้าง Storyฯ อ่านแล้วก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เหนือความคาดหมาย เลยมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอแบ่งเล่าเป็นหลายตอนเพื่อไม่ให้บทความยาวเกินไป ทักษะแรกคือ ‘หลี่’ (礼) ซึ่งแปลได้ว่าพิธีการหรือมารยาท โดยบัณฑิตต้องรู้ถึงรายละเอียดของการเตรียมงาน ขั้นตอนในงาน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวางตัว เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ และคำพูดที่ถูกต้องเหมาะสม และห้า ‘หลี่’ ที่บัณฑิตต้องรู้คือ (1) จี๋หลี่ (吉礼) หมายถึงพิธีการเสริมดวงเสริมบารมี คืองานเซ่นไหว้สักการะและงานบวงสรวงทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามเทศกาลสำคัญหรือกราบไหว้บรรพบุรุษ (2) ซยงหลี่ (凶礼) หมายถึงพิธีการเกี่ยวกับภยันตราย โดยหลักคืองานศพ และหมายรวมถึงพิธีการขับไล่สิ่งอัปมงคลในยามที่เกิดอุทกภัยหรือโรคระบาด หรือพิธีการเซ่นไหว้ไว้อาลัยหลังสงคราม (3) จวินหลี่ (军礼) หมายถึงพิธีการด้านการทหาร (การจัดขบวน การเคลื่อนทัพ การบวงสรวงต่างๆ เมื่อองค์กษัตริย์ทรงยาตราทัพเอง การเยี่ยมชมและตรวจการกองทัพ และการต้อนรับกองทัพที่กลับจากสงคราม โดยพิธีการมีจำแนกว่าชนะศึกหรือพ่ายศึกกลับมา ฯลฯ) และยังรวมถึงพิธีการเกี่ยวกับงานล่าสัตว์ประจำฤดูของกษัตริย์ และหมายรวมงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมทำเช่นอารามหลวง พระราชวัง ฯลฯ (4) ปินหลี่ (宾礼) หมายถึงมารยาทและพิธีการในการต้อนรับแขก โดยจำแนกตามยศศักดิ์ของแขกและผู้ที่ให้การต้อนรับ เช่น กษัตริย์ต้อนรับกษัตริย์แขกเมืองหรือขุนนาง ข้าราชการต้อนรับประชาชนธรรมดา ต้อนรับแขกเมืองระดับต่างๆ ฯลฯ (5) เจียหลี่ (嘉礼) หมายถึงพิธีการมงคล ซึ่งจำแนกรายละเอียดตามยศศักดิ์ของเจ้าของงาน เช่นงานราชพิธีต่างๆ (พิธีราชาภิเษก งานแต่งตั้งองค์รัชทายาท งานเลือกชายาและสนม ฯลฯ) งานมงคลสมรส พิธีปักปิ่น พิธีสวมหมวกกวาน พิธีการขอบคุณ พิธีการอำลา งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไป เป็นต้น แน่นอนว่าแต่ละพิธีการเหล่านี้มีรายละเอียดอีกมากมายที่เราไม่ได้ลงรายละเอียดในที่นี้ (หมายเหตุ Storyฯ เคยกล่าวถึงบางพิธีการ เช่นพิธีการปักปิ่น ฯลฯ ลองค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญนะคะ) แต่โดยภาพรวมเราจะเห็นได้ว่า ทักษะว่าด้วย ‘หลี่’ นี้ หมายรวมถึงความเข้าใจอย่างละเอียดถึงพิธีการต่างๆ หลักการปฏิบัติและวางตนต่อผู้อื่นและมารยาททางสังคม โดยมาจากแนวคำสอนของขงจื๊อที่ว่า ผู้ที่บกพร่องในทักษะนี้ จะขาดการวางตนที่ดี ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อผู้อื่นหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง หรือทำให้เกิดความวุ่นวายสร้างความขุ่นเคืองหรือสับสนต่อผู้อื่นได้ และทำให้สังคมไม่สมานฉันท์ สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันต่อค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=204949 https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083 https://baike.baidu.com/item/六艺/238715 http://www.dfg.cn/gb/ssht/ly/07-junli.htm https://baike.baidu.com/item/五礼/491424 #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
    WWW.UPMEDIA.MG
    張凌赫新劇《度華年》對打王星越《墨雨雲間》 他與趙今麥演歡喜冤家3關鍵獲好評--上報
    張凌赫近年事業蒸蒸日上,他2022年擔任王鶴棣、虞書欣的爆款劇《蒼蘭訣》男配嶄露頭角,接著又在2023年與虞......
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ……
    แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา
    นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ…

    ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!!

    ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน
    ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้
    แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว
    นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย)
    ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ
    งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน
    โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว
    วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน…

    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
    แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว
    และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง
    จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน
    ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder
    ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า
    “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……”
    เขาพูดต่อว่า…
    “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา”
    นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน

    ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง
    เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์
    ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้
    และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB
    ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน………
    เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา

    แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์

    ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต
    คนต่อไป.…เขายังไม่คิด
    สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว
    จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน
    ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007
    สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน
    อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้
    เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก
    เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!!
    ทุกคนขานรับ….

    การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้
    ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด
    ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ
    ครั้งที่สอง คือการตัดสิน

    รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย
    ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน……

    ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย
    เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน……
    ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส
    และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที
    เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ…
    และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก……

    เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว
    ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที

    ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง
    กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด………

    นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ…… แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ… ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!! ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้ แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย) ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน… เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……” เขาพูดต่อว่า… “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา” นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์ ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้ และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน……… เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์ ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต คนต่อไป.…เขายังไม่คิด สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007 สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้ เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!! ทุกคนขานรับ…. การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ ครั้งที่สอง คือการตัดสิน รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…… ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน…… ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ… และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก…… เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด……… นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!!

    ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!!

    ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว)
    ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ……
    ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี

    เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล
    กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch
    ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า
    “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?”
    ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า…
    “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว
    ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย
    แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……”
    คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!!

    หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ
    Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม…
    ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า
    “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..”
    ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ
    จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย

    Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน……
    แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่
    แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล…

    ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..”
    ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง
    ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก
    ในหอสมุดที่เครมลิน…

    ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น
    ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก…
    (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……)

    งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ
    Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin
    United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov
    Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin
    Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov
    Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev
    ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว
    จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน

    มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า
    “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?”
    คำตอบคือ
    “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…”

    เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
    สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง
    เรียกว่า “judocracy “
    เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป
    ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ……

    ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy)
    ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์
    ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน
    ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า
    “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
    เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…”

    และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin
    (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา

    เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง)

    กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน
    ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก
    ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร
    (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่)
    แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!!
    เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน

    ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก
    ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่
    แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก…
    ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม
    ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว…
    และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน
    ให้เอามาจ่าย

    เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน
    เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด
    นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่”
    และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา….

    แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี
    เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!!

    ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo
    ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..”

    ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY)

    เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน
    ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!! ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!! ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว) ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ…… ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?” ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า… “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……” คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!! หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม… ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..” ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน…… แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่ แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล… ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..” ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก ในหอสมุดที่เครมลิน… ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก… (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……) งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?” คำตอบคือ “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…” เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง เรียกว่า “judocracy “ เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ…… ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy) ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์ ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…” และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง) กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่) แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!! เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก… ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว… และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน ให้เอามาจ่าย เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่” และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา…. แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!! ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..” ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY) เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❄️ ❄️ เรื่องนี้เป็นการประเมินถึงระบบพลังงานของยูเครนล่วงหน้า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริง หรือไม่จริงก็ได้

    🇺🇦 ☃️ ‘นายพล Winter’ เตรียมปล่อยความโกรธแค้นต่อยูเครน
    .
    จากการประมาณการต่างๆ พบว่า #ยูเครน สูญเสียกำลังการผลิตไฟฟ้าไปแล้ว 50-80% ซึ่งหมายความว่ายูเครนจะเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเตรียมตัวรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง
    • German Galushchenko รมว.พลังงาน เมื่อ ส.ค. ได้ออกมาเตือนว่าฤดูหนาวปีนี้จะเป็นฤดูหนาวที่ยากลำบากที่สุด เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าดับ

    ◉ สถานการณ์ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ร้ายแรงที่สุดเมื่อปลายเดือน ส.ค.
    • ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลให้เซเลนสกี สั่งปลดจนท.ระดับสูงในภาคส่วนพลังงาน ได้แก่ สำนักงานประธานาธิบดียูเครน Rostislav Shurma ที่ปรึกษาสนง.ปธน. และ Vladimir Kudritskiy CEO ของ Ukrenergo ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายพลังงาน
    .
    ⚡⚡ วิกฤตการณ์ในภาคพลังงาน ⚡⚡

    ⚡ ในปี 2565 ปริมาณการผลิตพลังงานภายในประเทศอยู่ที่ 55 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นปริมาณการผลิตพลังงานที่สูงที่สุดในยุโรป ❗
    • เมื่อต้นปี 67 ปริมาณการผลิตพลังงานลดลงต่ำกว่า 20 กิกะวัตต์
    • ในเดือน ก.ค. 67 ปริมาณการผลิตพลังงานลดลงเหลือเพียง 9 กิกะวัตต์เท่านั้น😮 ตามรายงานของ Financial Times

    #กาลุชเชนโก รมว.พลังงาน ยังยอมรับว่า : ระดับการผลิตในปัจจุบันไม่เอื้อให้ประเทศสามารถอยู่รอดในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็นได้อย่างสบายๆ
    .
    ◉ ปัจจุบันยูเครนกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้แม้เพียงบางส่วน

    ประการแรก : ชดเชยการขาดดุลปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าที่นำเข้ามา แต่ความสามารถในการส่งออกไฟฟ้าจาก EU ไปยังยูเครนได้ถึงขีดจำกัดแล้ว
    • ขณะนี้กำลังมีการหารืออย่างต่อเนื่องกับมอลโดวา ส่งออกไฟฟ้าโดยแลกกับก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม แผนนี้ดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน

    ประการ 2 : เคียฟหวังพึ่งการสนับสนุนทางการเงินจากพันธมิตรตะวันตก
    • แอนนาเลนา แบร์บ็อค รมว.กต.เยอรมัน เพิ่งให้คำมั่นว่าจะให้ เงินเพิ่มเติมอีก 100 ล้านยูโร เพื่อช่วยฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
    • อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้

    ประการ 3 : Zelensky ประกาศแผนการสร้างโรงงานพลังงานใหม่ที่มีกำลังการผลิตรวม 1 กิกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้
    • คูดริตสกี้ อดีต CEO ของ Ukrenergo ที่ถูกสกี้สั่งปลด😁 กล่าวว่า จนถึงตอนนี้มีการดำเนินการตามแผนเพียง 6% เท่านั้น ... ผมมีข้อมูลที่แตกต่างกัน อาจมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกหลายร้อยแห่งในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา แต่ตัวเลขจริง ๆ แล้วอยู่ที่ประมาณ 60 เมกะวัตต์
    .
    ⚡⚡ ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในยูเครน : ไม่ได้เกิดจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่การบำรุงรักษาตามกำหนด และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทำงานผิดปกติ ก็มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตเช่นกัน

    ▪ อินนา ซอฟซุน สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯรัฐสภายูเครน เตือนว่า : การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยูซนูกรินสกายา Yuzhnoukrainskaya และ คเมลนิตสกายา Khmelnitskaya เมื่อไม่นานนี้ทำให้ยูเครนสูญเสียพลังงานไฟฟ้าไป 800 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 6% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

    ◙ Vladimir Omelchenko : ผอ.โครงการพลังงานของศูนย์ Razumkov กล่าว : หากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ล้มเหลวเพียงเครื่องเดียว ก็อาจทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง

    ◙ Alexander Kharchenko : ผอ.ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมพลังงาน เตือนว่า : ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสถานีไฟฟ้าแรงสูงเพียงแห่งเดียวในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วประเทศ
    • “หากสถานีไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวหยุดทำงานในช่วงที่อุณหภูมิติดลบ .... หรือ 2 สถานีในช่วงที่มีอากาศอบอุ่นในปัจจุบัน ก็จะประสบกับไฟฟ้าดับอย่างแน่นอน ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอาจไม่มีไฟฟ้าใช้”
    • ชาวอูเครนอาจต้องประสบกับปัญหาไฟฟ้าดับนานถึง 8-10 ชั่วโมงต่อวัน แม้จะไม่มีการจู่โจมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานครั้งใหญ่เกิดขึ้นก็ตาม เมืองใหญ่ๆ เช่น เคียฟ โอเดสซา และคาร์คิฟ มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
    .
    ⚡⚡ ผลที่ตามมาจากการถูกโจมตี ⚡⚡

    ⚡ สถานการณ์ในยูเครนแย่ลงอย่างมาก หลังจากรัสเซียโจมตีเมื่อวันที่ 26 ส.ค. โดยขีปนาวุธ 127 ลูก และโดรน 99 ลำถูกยิงไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

    #เซเลนสกี ในบทสัมภาษณ์กับ #CNN กล่าวว่า : กองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนถึง 80% โดยใช้อาวุธนำวิถีแม่นยำสูง
    • ตามการประมาณการล่าสุดของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์เคียฟ ระบุว่า : ค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนจากเหตุระเบิดครั้งนี้สูงเกิน 56,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ◙ คุดริตสกี้ อดีต CEO ของ Ukrenergo กล่าวว่า : การเสริมกำลังสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานหลักของประเทศจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 ล้านฮรีฟเนีย (2,400 ล้านดอลลาร์) แต่จนถึงขณะนี้ได้จัดสรรไปเพียง 10% ของจำนวนเงินดังกล่าวเท่านั้น

    ◙ แม็กซิม ชคิล CEO ของ Avtostrada กล่าวเพิ่มเติมว่า : รัฐบาลเป็นหนี้บริษัทก่อสร้างกว่า 8,700 ล้านฮรีฟเนีย สำหรับการสร้างโครงสร้างป้องกันประเทศ😁 ... “ผมพยายามติดต่อสื่อสารโดยตรงกับทางการ แต่เดนิส ชมิกัล นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะติดต่อ” ... เขากล่าว😆
    •••••••••••••••••••••••••••••••••

    #ระบบพลังงาน ของยูเครนกำลังเผชิญกับการล่มสลายในช่วงฤดูหนาวนี้ ตามการคาดการณ์ในแง่ดีที่สุด
    • ภายในเดือนพฤศจิกายน ไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ
    • ภายในเดือนธันวาคม และมกราคม ไฟฟ้าดับยาวนาน
    • ไฟฟ้าดับเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การหยุดชะงักของแหล่งจ่ายน้ำ ไปจนถึงการผลิตที่ลดลงในภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจ
    .
    #ซอฟซุน สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯ กล่าว : คาดว่าพื้นที่อยู่อาศัย จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากไฟฟ้าดับเหล่านี้

    ◉ ดังนั้น ทางการจึงแนะนำให้ชาวอูเครนทั่วไป
    • จัดหาเครื่องปั่นไฟและเครื่องทำความร้อนด้วยแก๊ส “ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน หากสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่เราคาดการณ์”
    .
    #Galushchenko รมว.พลังงาน กล่าว : สถานการณ์เชิงบวกคืออุณหภูมิในฤดูหนาวจะอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส และไม่มีการโจมตีครั้งใหม่
    .
    .... เพื่อน ๆ คิดว่า จะมีติ่ง 🇺🇦 🇺🇸 🐾 โง่ ๆ ออกมาดิ้น คัดค้าน แซะ **การคาดการณ์** ทั้งของ รมว.พลังงาน และ สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯรัฐสภายูเครน หรือเปล่า ครับ 😁😆🤣

    Noraseth Tuntasiri
    ❄️ ❄️ เรื่องนี้เป็นการประเมินถึงระบบพลังงานของยูเครนล่วงหน้า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริง หรือไม่จริงก็ได้ 🇺🇦 ☃️ ‘นายพล Winter’ เตรียมปล่อยความโกรธแค้นต่อยูเครน . จากการประมาณการต่างๆ พบว่า #ยูเครน สูญเสียกำลังการผลิตไฟฟ้าไปแล้ว 50-80% ซึ่งหมายความว่ายูเครนจะเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเตรียมตัวรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง • German Galushchenko รมว.พลังงาน เมื่อ ส.ค. ได้ออกมาเตือนว่าฤดูหนาวปีนี้จะเป็นฤดูหนาวที่ยากลำบากที่สุด เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าดับ ◉ สถานการณ์ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ร้ายแรงที่สุดเมื่อปลายเดือน ส.ค. • ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลให้เซเลนสกี สั่งปลดจนท.ระดับสูงในภาคส่วนพลังงาน ได้แก่ สำนักงานประธานาธิบดียูเครน Rostislav Shurma ที่ปรึกษาสนง.ปธน. และ Vladimir Kudritskiy CEO ของ Ukrenergo ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายพลังงาน . ⚡⚡ วิกฤตการณ์ในภาคพลังงาน ⚡⚡ ⚡ ในปี 2565 ปริมาณการผลิตพลังงานภายในประเทศอยู่ที่ 55 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นปริมาณการผลิตพลังงานที่สูงที่สุดในยุโรป ❗ • เมื่อต้นปี 67 ปริมาณการผลิตพลังงานลดลงต่ำกว่า 20 กิกะวัตต์ • ในเดือน ก.ค. 67 ปริมาณการผลิตพลังงานลดลงเหลือเพียง 9 กิกะวัตต์เท่านั้น😮 ตามรายงานของ Financial Times #กาลุชเชนโก รมว.พลังงาน ยังยอมรับว่า : ระดับการผลิตในปัจจุบันไม่เอื้อให้ประเทศสามารถอยู่รอดในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็นได้อย่างสบายๆ . ◉ ปัจจุบันยูเครนกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้แม้เพียงบางส่วน ประการแรก : ชดเชยการขาดดุลปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าที่นำเข้ามา แต่ความสามารถในการส่งออกไฟฟ้าจาก EU ไปยังยูเครนได้ถึงขีดจำกัดแล้ว • ขณะนี้กำลังมีการหารืออย่างต่อเนื่องกับมอลโดวา ส่งออกไฟฟ้าโดยแลกกับก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม แผนนี้ดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน ประการ 2 : เคียฟหวังพึ่งการสนับสนุนทางการเงินจากพันธมิตรตะวันตก • แอนนาเลนา แบร์บ็อค รมว.กต.เยอรมัน เพิ่งให้คำมั่นว่าจะให้ เงินเพิ่มเติมอีก 100 ล้านยูโร เพื่อช่วยฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน • อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ ประการ 3 : Zelensky ประกาศแผนการสร้างโรงงานพลังงานใหม่ที่มีกำลังการผลิตรวม 1 กิกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ • คูดริตสกี้ อดีต CEO ของ Ukrenergo ที่ถูกสกี้สั่งปลด😁 กล่าวว่า จนถึงตอนนี้มีการดำเนินการตามแผนเพียง 6% เท่านั้น ... ผมมีข้อมูลที่แตกต่างกัน อาจมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกหลายร้อยแห่งในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา แต่ตัวเลขจริง ๆ แล้วอยู่ที่ประมาณ 60 เมกะวัตต์ . ⚡⚡ ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในยูเครน : ไม่ได้เกิดจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่การบำรุงรักษาตามกำหนด และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทำงานผิดปกติ ก็มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตเช่นกัน ▪ อินนา ซอฟซุน สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯรัฐสภายูเครน เตือนว่า : การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยูซนูกรินสกายา Yuzhnoukrainskaya และ คเมลนิตสกายา Khmelnitskaya เมื่อไม่นานนี้ทำให้ยูเครนสูญเสียพลังงานไฟฟ้าไป 800 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 6% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ◙ Vladimir Omelchenko : ผอ.โครงการพลังงานของศูนย์ Razumkov กล่าว : หากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ล้มเหลวเพียงเครื่องเดียว ก็อาจทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ◙ Alexander Kharchenko : ผอ.ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมพลังงาน เตือนว่า : ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสถานีไฟฟ้าแรงสูงเพียงแห่งเดียวในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วประเทศ • “หากสถานีไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวหยุดทำงานในช่วงที่อุณหภูมิติดลบ .... หรือ 2 สถานีในช่วงที่มีอากาศอบอุ่นในปัจจุบัน ก็จะประสบกับไฟฟ้าดับอย่างแน่นอน ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอาจไม่มีไฟฟ้าใช้” • ชาวอูเครนอาจต้องประสบกับปัญหาไฟฟ้าดับนานถึง 8-10 ชั่วโมงต่อวัน แม้จะไม่มีการจู่โจมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานครั้งใหญ่เกิดขึ้นก็ตาม เมืองใหญ่ๆ เช่น เคียฟ โอเดสซา และคาร์คิฟ มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด . ⚡⚡ ผลที่ตามมาจากการถูกโจมตี ⚡⚡ ⚡ สถานการณ์ในยูเครนแย่ลงอย่างมาก หลังจากรัสเซียโจมตีเมื่อวันที่ 26 ส.ค. โดยขีปนาวุธ 127 ลูก และโดรน 99 ลำถูกยิงไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ◉ #เซเลนสกี ในบทสัมภาษณ์กับ #CNN กล่าวว่า : กองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนถึง 80% โดยใช้อาวุธนำวิถีแม่นยำสูง • ตามการประมาณการล่าสุดของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์เคียฟ ระบุว่า : ค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนจากเหตุระเบิดครั้งนี้สูงเกิน 56,000 ล้านดอลลาร์ . ◙ คุดริตสกี้ อดีต CEO ของ Ukrenergo กล่าวว่า : การเสริมกำลังสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานหลักของประเทศจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 ล้านฮรีฟเนีย (2,400 ล้านดอลลาร์) แต่จนถึงขณะนี้ได้จัดสรรไปเพียง 10% ของจำนวนเงินดังกล่าวเท่านั้น ◙ แม็กซิม ชคิล CEO ของ Avtostrada กล่าวเพิ่มเติมว่า : รัฐบาลเป็นหนี้บริษัทก่อสร้างกว่า 8,700 ล้านฮรีฟเนีย สำหรับการสร้างโครงสร้างป้องกันประเทศ😁 ... “ผมพยายามติดต่อสื่อสารโดยตรงกับทางการ แต่เดนิส ชมิกัล นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะติดต่อ” ... เขากล่าว😆 ••••••••••••••••••••••••••••••••• ⚡ #ระบบพลังงาน ของยูเครนกำลังเผชิญกับการล่มสลายในช่วงฤดูหนาวนี้ ตามการคาดการณ์ในแง่ดีที่สุด • ภายในเดือนพฤศจิกายน ไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ • ภายในเดือนธันวาคม และมกราคม ไฟฟ้าดับยาวนาน • ไฟฟ้าดับเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การหยุดชะงักของแหล่งจ่ายน้ำ ไปจนถึงการผลิตที่ลดลงในภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจ . #ซอฟซุน สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯ กล่าว : คาดว่าพื้นที่อยู่อาศัย จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากไฟฟ้าดับเหล่านี้ ◉ ดังนั้น ทางการจึงแนะนำให้ชาวอูเครนทั่วไป • จัดหาเครื่องปั่นไฟและเครื่องทำความร้อนด้วยแก๊ส “ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน หากสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่เราคาดการณ์” . #Galushchenko รมว.พลังงาน กล่าว : สถานการณ์เชิงบวกคืออุณหภูมิในฤดูหนาวจะอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส และไม่มีการโจมตีครั้งใหม่ . .... เพื่อน ๆ คิดว่า จะมีติ่ง 🇺🇦 🇺🇸 🐾 โง่ ๆ ออกมาดิ้น คัดค้าน แซะ **การคาดการณ์** ทั้งของ รมว.พลังงาน และ สมาชิกคณะกรรมการด้านพลังงานฯรัฐสภายูเครน หรือเปล่า ครับ 😁😆🤣 Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • Biggest Halibut of the year 2024 ปีนี้ออกไปจับหลายครั้ง ตัวนี้ใหญ่สุดของปีนี้ค่ะ ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มแล้ว นักตกปลาเอาเรือจอด จนกว่าจะถึงหน้าร้อนปีหน้า จบซะทีนะเธอ Freezer ฉันจะได้เหลือที่ใส่อย่างอื่นมั่ง 😀
    Biggest Halibut of the year 2024 ปีนี้ออกไปจับหลายครั้ง ตัวนี้ใหญ่สุดของปีนี้ค่ะ ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มแล้ว นักตกปลาเอาเรือจอด จนกว่าจะถึงหน้าร้อนปีหน้า จบซะทีนะเธอ Freezer ฉันจะได้เหลือที่ใส่อย่างอื่นมั่ง 😀
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใกล้ถึงฤดูแคมป์ปิ้งแล้วนะครับทุกคน
    ใกล้ถึงฤดูแคมป์ปิ้งแล้วนะครับทุกคน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงการปรับปรุงถนนเส้นทางภูทับเบิก – บ้านนาสะอุ้ง – บ้านหมากแข้ง
    กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาของเส้นทางสัญจรช่วง ภูทับเบิก - บ้านนาสะอุ้ง - บ้านหมากแข้ง ที่มีความชำรุดเสียหายมาเป็นเวลานานทำให้ยากลำบากในการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้เส้นทางดังกล่าวไม่สามารถสัญจรได้ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว จากบ้านภูทับเบิก �อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ไปยังอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยปัจจุบันต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมง

    ในการนี้ ผบ.ทบ. จึงมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเส้นทางภูทับเบิก - บ.นาสะอุ้ง - บ.หมากแข้ง ร่วมกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และขอรับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสา กองทัพบกมอบให้กองทัพภาคที่ 3 โดยกองพลพัฒนาที่ 3 ดำเนินการส่งทหารช่างพร้อมยุทโธปกรณ์ ปรับปรุงเส้นทางตั้งแต่วัดป่าภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถึง บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน �อ.ด่านซ้าย ระยะทาง 14.2 กม. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ก.พ.-พ.ค.67

    การดำเนินการโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรและใช้เส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอื่น ๆ อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐใช้เป็นเส้นทางในการดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้มีความสะดวกมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลของกองทัพบก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพบกและปวงชนซาวไทย

    #สยามโสภา #สื่อมวลชน #ปรับปรุงถนน #บ้านหมากแข้ง #ภูทับเบิก #เลย #กองทัพบก #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    โครงการปรับปรุงถนนเส้นทางภูทับเบิก – บ้านนาสะอุ้ง – บ้านหมากแข้ง กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาของเส้นทางสัญจรช่วง ภูทับเบิก - บ้านนาสะอุ้ง - บ้านหมากแข้ง ที่มีความชำรุดเสียหายมาเป็นเวลานานทำให้ยากลำบากในการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้เส้นทางดังกล่าวไม่สามารถสัญจรได้ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว จากบ้านภูทับเบิก �อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ไปยังอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยปัจจุบันต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมง ในการนี้ ผบ.ทบ. จึงมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเส้นทางภูทับเบิก - บ.นาสะอุ้ง - บ.หมากแข้ง ร่วมกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และขอรับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสา กองทัพบกมอบให้กองทัพภาคที่ 3 โดยกองพลพัฒนาที่ 3 ดำเนินการส่งทหารช่างพร้อมยุทโธปกรณ์ ปรับปรุงเส้นทางตั้งแต่วัดป่าภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถึง บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน �อ.ด่านซ้าย ระยะทาง 14.2 กม. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ก.พ.-พ.ค.67 การดำเนินการโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรและใช้เส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอื่น ๆ อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐใช้เป็นเส้นทางในการดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้มีความสะดวกมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลของกองทัพบก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพบกและปวงชนซาวไทย #สยามโสภา #สื่อมวลชน #ปรับปรุงถนน #บ้านหมากแข้ง #ภูทับเบิก #เลย #กองทัพบก #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 887 มุมมอง 213 0 รีวิว
  • ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน
    📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”

    .
    เริ่ม!!!

    -------------

    .
    📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง

    ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
    รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
    ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
    นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
    ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
    เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
    เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
    ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
    เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
    ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
    “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
    นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
    นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
    หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
    ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
    หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
    เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
    หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
    สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
    สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
    แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
    ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
    เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
    ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
    ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
    เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
    การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
    เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
    หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
    แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
    หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
    แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
    “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
    แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
    เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
    หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
    แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
    นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
    ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
    ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
    ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
    ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
    เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
    คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
    ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
    หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
    ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
    เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
    ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
    นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
    กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
    หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
    สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
    สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
    หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
    สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
    พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
    หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
    เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
    พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
    เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
    เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
    ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
    นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
    ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
    หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
    คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
    ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
    ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
    แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
    แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
    หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
    หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
    แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
    ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
    เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
    หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
    ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
    หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
    “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
    น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
    หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
    แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
    หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
    ร้อน!
    ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
    แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
    ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
    หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
    แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
    นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
    หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
    “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
    ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
    เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
    เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
    หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
    จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
    ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
    หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
    ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
    นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
    หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
    หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
    หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
    สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
    เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
    นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
    หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
    อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
    เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
    ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
    คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
    หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
    ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
    ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
    หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
    ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
    เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
    หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
    ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
    สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
    ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
    เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
    ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
    หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
    สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
    เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
    พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
    ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
    คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
    คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
    ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร

    ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
    ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555

    .
    ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน 📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!” . เริ่ม!!! ------------- . 📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง” หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่ หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่ แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่ หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน” เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้ นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้ ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ” ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า” ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย” สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ” หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่ พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่ เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่ นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า” คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา” หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง … เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ” หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม ร้อน! ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้ นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่ “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย” ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้ สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว” หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ! คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555 .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่?
    • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁
    • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆
    .
    #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้
    .
    🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์
    เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า

    ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน
    #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ

    ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้
    • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม.

    ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้
    • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ
    • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้
    • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo

    📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง

    ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
    .
    🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์
    การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา

    ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
    .
    📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์)

    ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65
    • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน

    ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ
    • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม

    ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน
    • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU
    • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง

    ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที
    • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย
    .
    📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ
    .
    🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา
    ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา

    ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม
    • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง
    • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

    #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง
    • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี

    ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง
    • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม

    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่? • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁 • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆 . #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้ . 🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์ เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน • #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้ • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม. ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้ • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้ • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo 📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ . 🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์ การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง . 📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์) ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65 • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย . 📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ . 🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง

    มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ

    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย"

    รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้:

    ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น

    รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้

    ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์

    รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

    ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย

    ที่มา RT
    รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย" รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้: ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย ที่มา RT
    Like
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1007 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ●●●●●●●●●●●●●●
    ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป
    EP.1
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ
    EP.2
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk
    EP.3
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa
    ●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ●●●●●●●●●●●●●● ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป EP.1 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ EP.2 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk EP.3 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa ●●●●●●●●●●●●●●●● ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1768 มุมมอง 502 0 รีวิว
  • #มีนิทานสั้นจะเล่าให้ฟัง
    "ชาวนากับงูเห่าเหม็น"
    ชาวนาคนหนึ่งออกไปทำงานในตอนฤดูหนาว เขาพบอินังงูพิษนอนแข็งใกล้ตุยอยู่ระหว่างทาง
    ถึงจะได้กลิ่นเหม็นที่ไม่ชอบอาบน้ำ
    ด้วยความสงสารเขาจึงอุ้มมันกลับบ้าน
    เมื่อถึงบ้าน
    เจ้างูอุ่นขึ้นมันจึงลุกขึ้นและจะกัดลูกของชาวนา
    ชาวนาเห็นจึงหยิบขวานขึ้นและสับเจ้างูเหม็นเป็นสองท่อน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #มีนิทานสั้นจะเล่าให้ฟัง "ชาวนากับงูเห่าเหม็น" ชาวนาคนหนึ่งออกไปทำงานในตอนฤดูหนาว เขาพบอินังงูพิษนอนแข็งใกล้ตุยอยู่ระหว่างทาง ถึงจะได้กลิ่นเหม็นที่ไม่ชอบอาบน้ำ ด้วยความสงสารเขาจึงอุ้มมันกลับบ้าน เมื่อถึงบ้าน เจ้างูอุ่นขึ้นมันจึงลุกขึ้นและจะกัดลูกของชาวนา ชาวนาเห็นจึงหยิบขวานขึ้นและสับเจ้างูเหม็นเป็นสองท่อน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1552 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ

    อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด

    ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ

    "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้"

    เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว

    📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า
    หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง)

    แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า

    หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้

    โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น

    สรุปเนื้อเรื่องคือ

    ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน

    หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ

    สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง

    ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป

    ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน

    ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย

    สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่

    #หนังสือ
    #นิยายแปล
    #ร้านหนังสือ
    #คนรักการอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้" เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว 📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง) แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้ โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น สรุปเนื้อเรื่องคือ ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่ #หนังสือ #นิยายแปล #ร้านหนังสือ #คนรักการอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1801 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงแรมสะเหน่ นิมมาน
    ราคาโปรโมชั่นสำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - ตุลาคม 2567 (ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล)
    ⭐ ห้อง Suite room King bed & Twin beds
    โปรโมชั่นคืนละ 2,700 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 6,999 บาท (คืนละ 2,333 บาท)
    ⭐ ห้อง Executive Suite room King bed
    โปรโมชั่นคืนละ 3,900 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 9,999 บาท (คืนละ 3,333 บาท)
    ⭐ ห้อง Sanae' Signature Suite King bed
    โปรโมชั่นคืนละ 5,100 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืนละ 13,350 บาท (คืนละ 4,450 บาท)
    ⭐ ห้อง Ground floor Suite room King bed & Twin beds
    โปรโมชั่นคืนละ 2,400 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 6,000 บาท (คืนละ 2,000 บาท)
    ⭐ ห้อง Townhouse
    **หมายเหตุ : ห้องพักประเภทนี้จะอยู่แยกจากอาคารหลักของโรงแรม แต่อยู่ในบริเวณเดียวกัน**
    โปรโมชั่นคืนละ 2,200 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 5,550 บาท (คืนละ 1,850 บาท)
    #พิเศษทุกการจองแถมเซ็ทอาหารเช้าหลากหลายเมนู
    💛💛โรงแรมสะเหน่ ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย SHA💛💛
    👉 สิ่งอำนวยความสะดวก
    ✅ฟรี Internet Wifi
    ✅เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ✅ทีวี 2 เครื่องขนาด 40-50 นิ้ว
    ✅ตู้เย็น ✅น้ำดื่ม 4 ขวดในห้องพัก
    ✅ตู้เซฟ ✅ไดร์เป่าผม
    ✅สระว่ายน้ำส่วนกลาง ✅ที่จอดรถใต้อาคาร
    ☎️สอบถามข้อมูลห้องพัก : 053-222-299
    🌍 Line : sanaehotel
    🏡 Website : www.sanaehotel.com❤❤
    #สะเหน่เชียงใหม่ #hotel #โรงเเรมสะเหน่ #ที่พักในเชียงใหม่ #โรงแรมเชียงใหม่ #โรงแรมดังเชียงใหม่ #โปรโมชั่นโรงแรม #ที่พักนิมมาน #นักธุรกิจ #ท่องเที่ยว #คู่รัก #ครอบครัว #โปรโมชั่นห้องพัก #รีวิวเชียงใหม่ #reviewchiangmai #sanaehotel #sanae #nimman #tripchiangmai #เที่ยวเชียงใหม่ #สะเหน่โฮเท็ล #ฤดูหนาว #เดินทางท่องเที่ยว
    Sanae' Hotel Nimman
    โรงแรมสะเหน่ นิมมาน ราคาโปรโมชั่นสำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - ตุลาคม 2567 (ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล) ⭐ ห้อง Suite room King bed & Twin beds โปรโมชั่นคืนละ 2,700 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 6,999 บาท (คืนละ 2,333 บาท) ⭐ ห้อง Executive Suite room King bed โปรโมชั่นคืนละ 3,900 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 9,999 บาท (คืนละ 3,333 บาท) ⭐ ห้อง Sanae' Signature Suite King bed โปรโมชั่นคืนละ 5,100 บาท แพ็คเกจ 3 คืนละ 13,350 บาท (คืนละ 4,450 บาท) ⭐ ห้อง Ground floor Suite room King bed & Twin beds โปรโมชั่นคืนละ 2,400 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 6,000 บาท (คืนละ 2,000 บาท) ⭐ ห้อง Townhouse **หมายเหตุ : ห้องพักประเภทนี้จะอยู่แยกจากอาคารหลักของโรงแรม แต่อยู่ในบริเวณเดียวกัน** โปรโมชั่นคืนละ 2,200 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 5,550 บาท (คืนละ 1,850 บาท) #พิเศษทุกการจองแถมเซ็ทอาหารเช้าหลากหลายเมนู 💛💛โรงแรมสะเหน่ ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย SHA💛💛 👉 สิ่งอำนวยความสะดวก ✅ฟรี Internet Wifi ✅เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ✅ทีวี 2 เครื่องขนาด 40-50 นิ้ว ✅ตู้เย็น ✅น้ำดื่ม 4 ขวดในห้องพัก ✅ตู้เซฟ ✅ไดร์เป่าผม ✅สระว่ายน้ำส่วนกลาง ✅ที่จอดรถใต้อาคาร ☎️สอบถามข้อมูลห้องพัก : 053-222-299 🌍 Line : sanaehotel 🏡 Website : www.sanaehotel.com❤❤ #สะเหน่เชียงใหม่ #hotel #โรงเเรมสะเหน่ #ที่พักในเชียงใหม่ #โรงแรมเชียงใหม่ #โรงแรมดังเชียงใหม่ #โปรโมชั่นโรงแรม #ที่พักนิมมาน #นักธุรกิจ #ท่องเที่ยว #คู่รัก #ครอบครัว #โปรโมชั่นห้องพัก #รีวิวเชียงใหม่ #reviewchiangmai #sanaehotel #sanae #nimman #tripchiangmai #เที่ยวเชียงใหม่ #สะเหน่โฮเท็ล #ฤดูหนาว #เดินทางท่องเที่ยว Sanae' Hotel Nimman
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฤดูที่แตกต่าง
    #ฤดูที่แตกต่าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 226 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■
    ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN

    ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC

    ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v
    ■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■ ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v ■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1615 มุมมอง 361 0 รีวิว
  • 》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1251 มุมมอง 326 0 รีวิว
  • งาน อปพร. ร่วมใจ เปิดฤดูการท่องเที่ยว ณ บริเวณสนามริมสวนสาธารณะปลาโลมา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งาน อปพร. ร่วมใจ เปิดฤดูการท่องเที่ยว ณ บริเวณสนามริมสวนสาธารณะปลาโลมา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานท่องเที่ยวฤดูหนาวสวนดอกไม้ และงานกาชาด ณ บริเวณลานพระพุถถทธมหาราชกิตเฉลิมบ้านห้วยนกแล ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานท่องเที่ยวฤดูหนาวสวนดอกไม้ และงานกาชาด ณ บริเวณลานพระพุถถทธมหาราชกิตเฉลิมบ้านห้วยนกแล ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหาอดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่า พยายามใช้กำลังยึดสำนักงานใหญ่ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของ

    18 กันยายน 2567-รายงานข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหานาย วลาดิสลาฟ บากัลชุก (Vladislav Bakalchuk )อดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่าพยายามยึดสำนักงานใหญ่ในมอสโกของ Wildberries แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียซึ่งเธอเป็นเจ้าของ

    รายงานระบุว่าการทะเลาะวิวาทเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยวลาดิสลาฟ บากัลชุก พยายามจะเข้าไปในอาคาร วิดีโอที่เผยแพร่โดยสถานีข่าว Mash ซึ่งเป็นสถานีข่าวเทเลแกรมที่สนับสนุนเครมลิน แสดงให้เห็นการทะเลาะวิวาทนอกสำนักงาน ตามมาด้วยเสียงปืนและเสียงตะโกน

    ปรากฏว่า รปภ.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และมีผู้ถูกจับกุม 30 ราย

    ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างทาเทียนาและวลาดิสลาฟ บากัลชุกทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการหย่าร้างของพวกเขาในเดือนกรกฎาคม วลาดิสลาฟได้ขอความช่วยเหลือจากรามซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชนอย่างเปิดเผย โดยอ้างว่าเขากำลังเผชิญกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทอย่างไม่เป็นมิตร

    กรณีที่ Wildberriesได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Russ Group เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายดิจิทัลใหม่ที่ชื่อ RWB ภายใต้การควบรวมกิจการนี้ Robert Mirzoyan แห่ง Russ Group จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการของ RWB โดยมี Tatiana Bakalchuk ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไป

    สื่อธุรกิจชี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็น "เรื่องแปลกมาก" เนื่องจากเป็นการควบรวมกิจการระหว่างWildberries ที่มีขนาดใหญ่กว่า Russ Group ถึง 20 เท่า โดยมีรายได้ 538,700 ล้านรูเบิล (2,700 ล้านดอลลาร์) เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับ Russ Group ที่มีรายได้ 27,900 ล้านรูเบิล (300 ล้านดอลลาร์)และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สนับสนุนข้อตกลงควบรวมระหว่าง Russ Group และ Wildberries

    #Thaitimes
    Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหาอดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่า พยายามใช้กำลังยึดสำนักงานใหญ่ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของ 18 กันยายน 2567-รายงานข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหานาย วลาดิสลาฟ บากัลชุก (Vladislav Bakalchuk )อดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่าพยายามยึดสำนักงานใหญ่ในมอสโกของ Wildberries แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียซึ่งเธอเป็นเจ้าของ รายงานระบุว่าการทะเลาะวิวาทเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยวลาดิสลาฟ บากัลชุก พยายามจะเข้าไปในอาคาร วิดีโอที่เผยแพร่โดยสถานีข่าว Mash ซึ่งเป็นสถานีข่าวเทเลแกรมที่สนับสนุนเครมลิน แสดงให้เห็นการทะเลาะวิวาทนอกสำนักงาน ตามมาด้วยเสียงปืนและเสียงตะโกน ปรากฏว่า รปภ.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และมีผู้ถูกจับกุม 30 ราย ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างทาเทียนาและวลาดิสลาฟ บากัลชุกทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการหย่าร้างของพวกเขาในเดือนกรกฎาคม วลาดิสลาฟได้ขอความช่วยเหลือจากรามซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชนอย่างเปิดเผย โดยอ้างว่าเขากำลังเผชิญกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทอย่างไม่เป็นมิตร กรณีที่ Wildberriesได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Russ Group เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายดิจิทัลใหม่ที่ชื่อ RWB ภายใต้การควบรวมกิจการนี้ Robert Mirzoyan แห่ง Russ Group จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการของ RWB โดยมี Tatiana Bakalchuk ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไป สื่อธุรกิจชี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็น "เรื่องแปลกมาก" เนื่องจากเป็นการควบรวมกิจการระหว่างWildberries ที่มีขนาดใหญ่กว่า Russ Group ถึง 20 เท่า โดยมีรายได้ 538,700 ล้านรูเบิล (2,700 ล้านดอลลาร์) เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับ Russ Group ที่มีรายได้ 27,900 ล้านรูเบิล (300 ล้านดอลลาร์)และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สนับสนุนข้อตกลงควบรวมระหว่าง Russ Group และ Wildberries #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1094 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■■■■■
    ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม
    》Ep.1
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS
    》Ep.2
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0
    》Ep.3
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp
    ■■■■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■■■■■ ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม 》Ep.1 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS 》Ep.2 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0 》Ep.3 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp ■■■■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1120 มุมมอง 275 0 รีวิว
  • Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา

    17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว

    “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์

    ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้”

    ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก”

    “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น”

    แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน

    บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย”

    ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา

    สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

    ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป

    เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้

    เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว

    นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024”

    #Thaitimes
    Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา 17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์ ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้” ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก” “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น” แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย” ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้ เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024” #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1044 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคารที่ ๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๗

    - คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
    นำโดยท่านพระอาจารย์พระธรรมธรสันชัย สญฺชโย เลขานุการวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
    ลงจัดสถานที่ ณ พระวิหาร เพื่อรับศรัทธาญาติโยม
    ที่นำปิ่นโตมารับตายายในวันสารทเดือนสิบที่จะมีในวันพรุ่งนี้ สถานที่พร้อม

    ขอเรียนเชิญทุกท่าน ช่วยสืบสานประเพณี
    โดยแบ่งช่วงเวลา
    #เวลาเช้า ๐๘.๐๐ น. & #เวลาเพล ๑๐.๐๐ น.
    ท่านสะดวกเวลาไหนก็มาได้ มี ๒ช่วงเวลานะ

    สารทไทย หมายถึงอะไร

    พระยาอนุมานราชธน ได้เขียนเล่าในหนังสือเทศกาลและประเพณีไทยว่า คำว่า "สารท" เป็นคำอินเดีย หมายถึง "ฤดู" ตรงกับฤดูในภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า "ออทั่ม" หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะมีเฉพาะบางเขตของโลกอย่างยุโรป จีน และอินเดียตอนเหนือ เท่านั้น ช่วงนั้นเป็นระยะที่พืชพรรณธัญชาติ และผลไม้ เริ่มสุกให้พืชผลครั้งแรกในฤดู ดังนั้น ประชาชนจึงรู้สึกยินดี และถือเป็นเทศกาลแห่งความรื่นเริง จึงมักทำพิธีตามความเชื่อและเลี้ยงดูกันอย่างที่เรียกว่า "Seasonal Festival"

    โดยบางแห่งก็จะมีการนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ครั้งแรกที่เรียกว่า "ผลแรกได้" ไปสังเวยหรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และแสดงความเคารพที่ท่านช่วยบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จนเก็บเกี่ยวได้ เช่น พิธีปงคัล ในอินเดียตอนใต้ ที่มีพิธีต้มข้าวกับน้ำนมทำเป็นขนม เรียกว่า ข้าวทิพย์ ข้าวปายาส ถวายพระคเณศ เป็นต้น

    ที่มาบทความ : เว็บกระปุกดอทคอม

    อย่าลืมมารับ คุณตาคุณยายที่วัดพัฒนารามนะ

    เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์ นาถธมฺโม 
    วันอังคารที่ ๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๗ - คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) นำโดยท่านพระอาจารย์พระธรรมธรสันชัย สญฺชโย เลขานุการวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) ลงจัดสถานที่ ณ พระวิหาร เพื่อรับศรัทธาญาติโยม ที่นำปิ่นโตมารับตายายในวันสารทเดือนสิบที่จะมีในวันพรุ่งนี้ สถานที่พร้อม ขอเรียนเชิญทุกท่าน ช่วยสืบสานประเพณี โดยแบ่งช่วงเวลา #เวลาเช้า ๐๘.๐๐ น. & #เวลาเพล ๑๐.๐๐ น. ท่านสะดวกเวลาไหนก็มาได้ มี ๒ช่วงเวลานะ สารทไทย หมายถึงอะไร พระยาอนุมานราชธน ได้เขียนเล่าในหนังสือเทศกาลและประเพณีไทยว่า คำว่า "สารท" เป็นคำอินเดีย หมายถึง "ฤดู" ตรงกับฤดูในภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า "ออทั่ม" หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะมีเฉพาะบางเขตของโลกอย่างยุโรป จีน และอินเดียตอนเหนือ เท่านั้น ช่วงนั้นเป็นระยะที่พืชพรรณธัญชาติ และผลไม้ เริ่มสุกให้พืชผลครั้งแรกในฤดู ดังนั้น ประชาชนจึงรู้สึกยินดี และถือเป็นเทศกาลแห่งความรื่นเริง จึงมักทำพิธีตามความเชื่อและเลี้ยงดูกันอย่างที่เรียกว่า "Seasonal Festival" โดยบางแห่งก็จะมีการนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ครั้งแรกที่เรียกว่า "ผลแรกได้" ไปสังเวยหรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และแสดงความเคารพที่ท่านช่วยบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จนเก็บเกี่ยวได้ เช่น พิธีปงคัล ในอินเดียตอนใต้ ที่มีพิธีต้มข้าวกับน้ำนมทำเป็นขนม เรียกว่า ข้าวทิพย์ ข้าวปายาส ถวายพระคเณศ เป็นต้น ที่มาบทความ : เว็บกระปุกดอทคอม อย่าลืมมารับ คุณตาคุณยายที่วัดพัฒนารามนะ เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์ นาถธมฺโม 
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคารที่๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
    วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
    อุโบสถ ที่ ๔ ฤดูฝน

    คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
    ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๓รูป
    องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาณรงค์ศักดิ์
    จิตวิริโย

    เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์

    การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น

    พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ

    การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
    เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม
    วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    วันอังคารที่๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ อุโบสถ ที่ ๔ ฤดูฝน คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๓รูป องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาณรงค์ศักดิ์ จิตวิริโย เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์ การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันสิ้นโลก
    พายุ โหมกระหน่ำ
    คอยตอกย้ำ ความฉิบหาย
    เดือดร้อน ทั้งหญิงชาย
    ดูคลับคล้าย อเวจี
    โคลนตม ที่ตรงหน้า
    ถูกพัดมา พาหมองศรี
    เจ็บปวด ร้าวฤดี
    ความอัปรีย์ มาเยี่ยมเยือน
    สมดุล ถูกทำลาย
    ความโชคร้าย หาใดเหมือน
    ไร้สุข ทุกชานเรือน
    จากวันเดือน เป็นแรมปี
    เพราะป่า ถูกทำลาย
    คนชั่วร้าย เหมือนภูตผี
    ครอบครอง ปฐพี
    ร้าวฤดี แสนโศกตรม
    รบกวน สิ่งแวดล้อม
    ไร้ถนอม ตรอมขื่นขม
    กอบโกย อย่างโง่งม
    ทุกสังคม ล้มชีพวาย
    เร่งเร้า เหล่าชาวโลก
    พ้นทุกข์โศก ก่อนจักสาย
    ร่วมสร้าง พรรณราย
    เป็นที่หมาย คลายทุกข์ใจ
    ปลูกป่า ต้องร้อยปี
    ต่อแต่นี้ ดีสดใส
    รักษา พนาไพร
    ร่วมรวมใจ ให้โลกา
    รักษา สิ่งแวดล้อม
    ให้ถึงพร้อม ปรารถนา
    สานสร้าง ทุกเพลา
    ชาวประชา สุขนิรันดร์
    ร่วมมือ พร้อมร่วมใจ
    เสริมสร้างได้ ดังใฝ่ฝัน
    ทุกข์สุข ล้วนร่วมกัน
    ตราบถึงวัน โลกมลาย
    คนเรียนไพร
    ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗
    วันสิ้นโลก พายุ โหมกระหน่ำ คอยตอกย้ำ ความฉิบหาย เดือดร้อน ทั้งหญิงชาย ดูคลับคล้าย อเวจี โคลนตม ที่ตรงหน้า ถูกพัดมา พาหมองศรี เจ็บปวด ร้าวฤดี ความอัปรีย์ มาเยี่ยมเยือน สมดุล ถูกทำลาย ความโชคร้าย หาใดเหมือน ไร้สุข ทุกชานเรือน จากวันเดือน เป็นแรมปี เพราะป่า ถูกทำลาย คนชั่วร้าย เหมือนภูตผี ครอบครอง ปฐพี ร้าวฤดี แสนโศกตรม รบกวน สิ่งแวดล้อม ไร้ถนอม ตรอมขื่นขม กอบโกย อย่างโง่งม ทุกสังคม ล้มชีพวาย เร่งเร้า เหล่าชาวโลก พ้นทุกข์โศก ก่อนจักสาย ร่วมสร้าง พรรณราย เป็นที่หมาย คลายทุกข์ใจ ปลูกป่า ต้องร้อยปี ต่อแต่นี้ ดีสดใส รักษา พนาไพร ร่วมรวมใจ ให้โลกา รักษา สิ่งแวดล้อม ให้ถึงพร้อม ปรารถนา สานสร้าง ทุกเพลา ชาวประชา สุขนิรันดร์ ร่วมมือ พร้อมร่วมใจ เสริมสร้างได้ ดังใฝ่ฝัน ทุกข์สุข ล้วนร่วมกัน ตราบถึงวัน โลกมลาย คนเรียนไพร ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งพี่ปู……….เชิญทางนี้ค่าาาา……………!!!!

    ตอนสอง………นักศึกษาชั้นดี…ที่…เข้าตาแมวมอง KGB…!!!

    ชีวิตในมหาวิทยาลัยในระยะแรกๆของปูติน เขาค่อนข้างที่จะเป็นเด็กเรียน ไม่เน้นกิจกรรมอื่น นอกจากยังอยู่ในทีมยูโดที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้เขาเป็นหนึ่งในทีมของมหาวิทยาลัย แต่เขาปฏิเสธ เพราะความผูกพันที่มีกับโค้ชคนเก่า
    ความเป็นดาวยูโด ได้นำพาเขาเข้าสู่การแข่งขันในระดับแคว้น

    ในปี 1972 มาเรียโชคดี ได้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ เป็นรถยนตร์ Zaporozhets คันกระทัดรัด ที่เธอสามารถขายต่อด้วยราคาถึง
    3,500 รูเบิ้ล แต่ความรักลูกมีเหนืออื่นใด เธอไม่ขาย…
    ยกให้กับปูตินเอาไว้ใช้……
    ในยุคนั้น……คนธรรมดาก็หายากที่จะมีรถยนตร์ใช้ แต่นักศึกษาหน้าใหม่ปูติน……ขับรถปร๋อไปปร๋อมา……
    จัดว่าโก้มาก…มีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปโน่นมานี่
    และการขับนั้นก็ไม่ธรรมดา……ห้าวไปตามประสาหนุ่มวัยรุ่น
    หากแต่ความเป็นอยู่ยังเหมือนเดิม ในห้องชุดในอาคารสงเคราะห์ที่ต้องแบ่งครึ่งกับเพื่อนบ้าน
    เขาไม่เคยมีห้องนอนส่วนตัว นอกจากการกั้นม่านมุมหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัว

    ภายในปี 1973 เขาได้เดินทางไปแข่งยูโดที่ Moldova, Georgia, Komi และไปใช้ชีวิตช่วงปิดภาคในแค้มป์ที่ Abkhazia (Georgia)
    ในเวลาว่าง ก็ไปรับทำงานพิเศษรับจ้างตัดต้นไม้ เพื่อหาสตังค์ไปซื้อเสื้อกันหนาวอย่างดีที่สามารถใช้ได้นานถึงสิบปีอัฟ

    การใช้ชีวิตกับเพื่อนก็เป็นไปตามวัยที่อยากผจญโลก เขาและเพื่อนๆได้ไปล่องเรือมุ่งหน้าสู่ Odessa ด้วยเงินที่มีเพียงน้อยนิด กับอาหารกระป๋องจำนวนไม่มาก นอนตากแดดตากลม ล่องเรือดูดาวอยู่สองวันสองคืน

    สี่ปีในมหาวิทยาลัย ที่วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีการแนะนำตัวเอง แต่บอกสั้นๆว่า
    “ถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกับนายเรื่องงานที่จะต้องมอบหมายให้ทำแล้ว……ไปพบกับเราได้ที่ห้องรับรองที่คณะฯ”
    ปูตินไปตามนัด……เขารอประมาณยี่สิบนาที จนแทบจะแน่ใจว่าโดนหลอก เตรียมตัวกลับ
    จึงปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง…ที่มีท่าทางสุภาพ ขอโทษขอโพยในการล่าช้า ………
    สิ่งที่เขาได้คุยกันนั้น คือ เรื่อง”งาน” ที่ทางราชการได้เฝ้าดูพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด และพร้อมที่จะมอบหมายให้
    แต่.…ขั้นตอนต่อไป คือการที่จะต้องไปสัมภาษณ์บิดา มารดา
    รวมทั้งสาวประวัติส่วนตัว ส่วนครอบครัวยาวขึ้นไปสามสี่ชั้น

    ในเดือนมกราคม 1975 เจ้าหน้าที่วัยกลางคน ชื่อว่า Dmitry Gantserov ได้พบกับ Vladimir และ Maria ที่บ้านเป็นการส่วนตัว
    ในการพูดคุย…สังเกตได้ว่า วลาดิเมียร์ผู้พ่อมีความปลาบปลื้มและภูมิใจในตัวบุตรชายมาก เพราะในครอบครัวไม่เคยมีใครได้ร่ำเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
    เมื่อทั้งพ่อและแม่ได้รับการอธิบายถึงเนื้องานและหน้าที่ที่ปูตินน้อยจะได้รับ……
    ผู้พ่อ…ได้หลุดปากเอ่ยเอื้อนความในใจถึงความรักที่มีต่อบุตรชายให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ว่า
    “ท่านครับ โวโลเดียร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมและภรรยา เขาคือความหวังเดียวที่เรามี ท่านคงทราบแล้วว่า
    เราเคยมีบุตรชายมาก่อนสองคน ที่มาเสียชีวิตเมื่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จากการปิดล้อมของเลนินกราด จนเมื่อหมดสงคราม เราได้พยายามมีลูกสืบทอด และ ก็ได้เขามา เราไม่มีความหวังอื่นใดในอนาคตของเราอีกแล้ว นอกจากจะฝากความหวังไว้
    ที่เขาคนเดียว……ผมขอฝากโวโลเดียร์ไว้ในความเมตตาของท่าน……”

    โวโลเดียร์ หรือ ปูตินน้อย ก็เหมือนจะเตรียมตัวกับงานของ KGB มาดี เพราะเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบุหรี่ (เพราะวินัยของนักยูโด) และไม่ใช่อันธพาล (เพราะยังไม่มีโอกาส)
    ไม่เคยประวัติเสียใดๆมาก่อนทั้งในรัสเซีย หรือ นอกเขต(พ่อดุซะขนาดนั้น…)
    เขารู้ดีว่า หน้าที่การทำงานในหน่วยสืบราชการลับนั้น ไม่ใช่ว่ารายได้ดี แต่มันคือหน้าที่ของประชาชนผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นมา
    เพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับชาติ

    ในกลางฤดูร้อนของปี 1975 วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เข้ารับปริญญา ในตอนนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศว่า เขาจะต้องไปสอบเอาตั๋วทนาย
    แต่มีเสียงขัดขึ้นมาจากชายคนหนึ่ง ว่า…… คนนี้ไม่ต้อง……
    เพราะมีงานอื่นให้ทำรออยู่แล้ว……

    นั่นคือคำประกาศิต……จากนั้นปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นข้าราชการในหน่วยของ KGB ตามที่สายลับประจำมหาวิทยาลัยได้ตามเฝ้าดูเขาอยู่นานแล้ว
    ปูตินดีใจสุดขีด……เขารีบไปสะกิดเพื่อนรัก Viktor Borisenko
    ให้รีบขึ้นรถ แล้วขับพาไปร้านอาหารเจ้าประจำ และสั่งเหล้าหวานมาจิบคนละแก้ว
    วิคเตอร์……รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นปูตินดื่มเหล้า……
    และมารู้ทีหลัง หลังจากเวลาที่ผ่านไปนานมาก ว่า
    นั่นคือสิ่งที่ปูตินได้เลี้ยงฉลองให้กับหน้าที่การงานใหม่ ที่เพิ่งได้รับมอบหมาย…

    ในช่วงที่ปูตินได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกงานนั้น KGB เป็นองค์กรใหญ่มาก เพราะมีทั้งสายใน-นอกประเทศ , หน่วยประจำเส้นชายแดน ศุลกากร, หน่วยรบพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำ, สื่อสาร เจาะโค้ดลับ ดักฟังโทรศัพท์ แถมมีหน่วยสืบสายลับซ้อนสายลับกันเองอีกด้วย……
    หน้าที่แรกขอบเขาคือการทำหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับหัวหน้าหน่วยฝ่ายบุคคล ประจำที่สำนักงานใหญ่ในเลนินกราด
    ที่เป็นที่เดียวกับที่เขาเคยเดินเบ๋อบ๋าเข้าไปสมัครเมื่อหลายปีก่อน

    แต่ในคราวนี้ ในวัยเพียง 23 ปี เขาคือหนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่ KGB
    ตัวจริง ไม่ใช่ฝันลมๆแล้วๆอย่างแต่ก่อน
    และรายล้อมรอบตัวเขา คือ เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เก่าแก่ขนาดจดจำเรื่องคุกที่ไซบีเรีย สมัยสตาลินได้นั่นแหละ
    หน้าที่จริงๆของปูติน คือ รับคำสั่ง และ ต้องหูไว ตาไว
    ในตึกหนึ่งของสำนักงาน ที่ติดกับคลอง Okhta ออกสู่แม่น้ำ Neva มีสภาพเป็นโรงเรียน “ยุทธการเรือดำน้ำ” ที่เหล่านักเรียนนายเรือจะต้องมาอยู่ประจำฝึกร่างกาย เรียนวิชาเฉพาะ นานถึงหกเดือนโดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย

    สองปีผ่านไปในการทำงานด้านเอกสาร พ่อของเขาได้เกษียณจากงานประจำ (รถไฟ) และได้รับที่อยู่ใหม่ เป็นอาคารสงเคราะห์เช่นเดิม หากแต่ย้ายไปที่ Avtovo ที่อยู่ทางใต้ของเลนินกราด แต่คราวนี้ เป็นห้องที่ใหญ่กว่าเดิม และปูตินได้มีห้องเป็นส่วนตัวในครั้งแรกในชีวิต
    ในย่านที่อยู่อาศัย ค่อนข้างหนาแน่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ KGB อย่างปูตินก็ไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด
    สิทธิอย่างเดียวที่เขามี คือ สามารถต่อรอง ทอนอำนาจกับตำรวจได้ในแทบทุกกรณี……และทางองค์กรจะเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด……

    เมื่อมีเวลา มีเงินเดือนใช้ ไปโน่นมานี่สะดวกเพราะมีรถใช้
    เพื่อนฝูงเยอะ พ่อไม่คุมเข้มอย่างแต่ก่อน
    งานปะทะกับจิ๊กโก๋ตามสี่แยกก็มีตามมา เช่นครั้งหนึ่งเขาไปกับเพื่อนรัก Sergei Roldugin**
    เหตุเกิดคือ การที่อันธพาลคนหนึ่งทำทีว่ามาไถเงินซื้อบุหรี่ ท่าท่าไม่ดี ปูตินเริ่มก่อน เข้าชาร์ทก่อนจับทุ่มลงไปนอนกลางถนน……
    ทั้งกลุ่มได้เข้ามาหมายรุม ……แต่ ปูตินชี้ไปที่รถ บอกว่า เพื่อนกูเป็นตำรวจ……!!
    ทั้งหมดจึงกระเจิงหายไป
    พอขึ้นรถได้…เซอร์เกปากคอสั่น……บอกว่า
    “เมริงง……กูเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่ตำรวจ……”

    ตอนนั้นเซอร์เกเองก็ไม่เคยรู้ว่าเพื่อที่คบกันมานานนมนั้น ทำงานทำการอะไร แต่ท้าทายได้ในทุกองค์กร เช่นพาเขาเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามต่างๆได้ เช่นชั้นในของในพระวิหารสำคัญ หรือ ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และทุกครั้งปูตินจะแนะนำว่าเขาเป็นหมอบ้าง ตำรวจบ้าง……
    จนในที่สุด ปูตินได้บอกกับเขาตามตรงว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศ ที่เซอร์เกเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นงานอะไร
    ปูตินตอบว่า……ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านมนุษย์ก็แล้วกัน…แต่ถ้าไปอยู่ในภาวะที่เลี่ยงการปะทะไม่ได้……เราจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่คอยให้เสียเวลา……”

    ปี 1979 ปูตินได้รับยศเป็นร้อยเอก และได้ถูกส่งไปยัง Felix Dzerzhinsky (เทียบเท่าโรงเรียนเสธ. KGB ) ที่กรุงมอสโคว์
    ที่จะฝึกให้เขาเป็น มนุษย์ผู้มี a warm heart, a cool head and clean hands (หมายถึง ใจแน่ว , สตินิ่ง, มือปฏิบัติการที่ไร้ร่องรอย…)
    พอจบจากหลักสูตรนี้ เขาถูกส่งตัวกลับไปยังเลนินกราด
    เพื่อรับหน้าที่ในด้านการต่างประเทศ คือ สืบหาสายลับที่มาจากต่างแดน เพราะโซเวียตได้เปิดฉากสงครามกับอัฟกานิสถานในตอนปลายปี ที่โซเวียตสนับสนุนรัฐบาลโปรคอมมิวนิสต์ในกรุง Kabul
    (หมายเหตุ รัสเซียได้เสียทหารไปเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งนี้…)

    พอเริ่มปี 1980 ที่โรนัล รีแกน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สงครามเย็นเริ่มตึงเครียด มีการพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์
    โซเวียตมีการตรียมตัวกดปุ่ม ในโค้ดปฏิบัติการว่า RYAN
    ที่เหล่าสายลับทั้งหลายในโลก……ทุกฝ่ายต่างทำงานกันอย่างเต็มสตรีม……
    ปูตินเริ่มอึดอัด เพราะ เขามีอายุ 28 และยังเป็นโสด ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคที่จะก้าวโตต่อไปในหน้าที่การงาน สำหรับการที่จะไปประจำอยู่ต่างประเทศ (ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิม)
    เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาใช้ได้ ฉลาดเฉลียว แต่เรื่องผู้หญิง
    เขากลายเป็นคนไม่ประสีประสา จีบไม่เป็นบางครั้งเข้าขั้นพูดตะกุกตะกัก ติดอ่าง……
    ในช่วงท้ายๆในมหาวิทยาลัย เขามีเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า
    Ludmila Khmarina (คนละคนกับลุดมิลาภริยาที่แต่งงาน) ที่เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ที่เขาได้ขอหมั้น และถึงขั้นที่ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส
    ครอบครัวเจ้าสาวไปเตรียมตัดชุดแต่งงาน ตัดสูท เตรียมแหวน

    แต่ในที่สุด ปูตินขอยกเลิกงานทั้งหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า
    “เลิกกันตอนนี้ดีกว่า ที่เราทั้งคู่จะต้องทนอยู่ด้วยกันไปในอนาคต..”

    ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง เพราะปูตินไม่เคยปริปากบอกใคร แต่……เชื่อว่าไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชายเพราะเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของฝ่ายหญิงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง..!!!!

    ** Sergei Roldugin เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของปูติน จนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นทั้งเพื่อน พ่อสื่อ และพ่อทูนหัวให้กับธิดาของปูติน ฐานะของเขาจากนักดนตรีสีเซลโล่ ปัจจุบันคือ อภิมหาเศรษฐีเข้าขั้นพันล้านคนหนึ่ง

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งพี่ปู……….เชิญทางนี้ค่าาาา……………!!!! ตอนสอง………นักศึกษาชั้นดี…ที่…เข้าตาแมวมอง KGB…!!! ชีวิตในมหาวิทยาลัยในระยะแรกๆของปูติน เขาค่อนข้างที่จะเป็นเด็กเรียน ไม่เน้นกิจกรรมอื่น นอกจากยังอยู่ในทีมยูโดที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้เขาเป็นหนึ่งในทีมของมหาวิทยาลัย แต่เขาปฏิเสธ เพราะความผูกพันที่มีกับโค้ชคนเก่า ความเป็นดาวยูโด ได้นำพาเขาเข้าสู่การแข่งขันในระดับแคว้น ในปี 1972 มาเรียโชคดี ได้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ เป็นรถยนตร์ Zaporozhets คันกระทัดรัด ที่เธอสามารถขายต่อด้วยราคาถึง 3,500 รูเบิ้ล แต่ความรักลูกมีเหนืออื่นใด เธอไม่ขาย… ยกให้กับปูตินเอาไว้ใช้…… ในยุคนั้น……คนธรรมดาก็หายากที่จะมีรถยนตร์ใช้ แต่นักศึกษาหน้าใหม่ปูติน……ขับรถปร๋อไปปร๋อมา…… จัดว่าโก้มาก…มีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปโน่นมานี่ และการขับนั้นก็ไม่ธรรมดา……ห้าวไปตามประสาหนุ่มวัยรุ่น หากแต่ความเป็นอยู่ยังเหมือนเดิม ในห้องชุดในอาคารสงเคราะห์ที่ต้องแบ่งครึ่งกับเพื่อนบ้าน เขาไม่เคยมีห้องนอนส่วนตัว นอกจากการกั้นม่านมุมหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัว ภายในปี 1973 เขาได้เดินทางไปแข่งยูโดที่ Moldova, Georgia, Komi และไปใช้ชีวิตช่วงปิดภาคในแค้มป์ที่ Abkhazia (Georgia) ในเวลาว่าง ก็ไปรับทำงานพิเศษรับจ้างตัดต้นไม้ เพื่อหาสตังค์ไปซื้อเสื้อกันหนาวอย่างดีที่สามารถใช้ได้นานถึงสิบปีอัฟ การใช้ชีวิตกับเพื่อนก็เป็นไปตามวัยที่อยากผจญโลก เขาและเพื่อนๆได้ไปล่องเรือมุ่งหน้าสู่ Odessa ด้วยเงินที่มีเพียงน้อยนิด กับอาหารกระป๋องจำนวนไม่มาก นอนตากแดดตากลม ล่องเรือดูดาวอยู่สองวันสองคืน สี่ปีในมหาวิทยาลัย ที่วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีการแนะนำตัวเอง แต่บอกสั้นๆว่า “ถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกับนายเรื่องงานที่จะต้องมอบหมายให้ทำแล้ว……ไปพบกับเราได้ที่ห้องรับรองที่คณะฯ” ปูตินไปตามนัด……เขารอประมาณยี่สิบนาที จนแทบจะแน่ใจว่าโดนหลอก เตรียมตัวกลับ จึงปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง…ที่มีท่าทางสุภาพ ขอโทษขอโพยในการล่าช้า ……… สิ่งที่เขาได้คุยกันนั้น คือ เรื่อง”งาน” ที่ทางราชการได้เฝ้าดูพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด และพร้อมที่จะมอบหมายให้ แต่.…ขั้นตอนต่อไป คือการที่จะต้องไปสัมภาษณ์บิดา มารดา รวมทั้งสาวประวัติส่วนตัว ส่วนครอบครัวยาวขึ้นไปสามสี่ชั้น ในเดือนมกราคม 1975 เจ้าหน้าที่วัยกลางคน ชื่อว่า Dmitry Gantserov ได้พบกับ Vladimir และ Maria ที่บ้านเป็นการส่วนตัว ในการพูดคุย…สังเกตได้ว่า วลาดิเมียร์ผู้พ่อมีความปลาบปลื้มและภูมิใจในตัวบุตรชายมาก เพราะในครอบครัวไม่เคยมีใครได้ร่ำเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เมื่อทั้งพ่อและแม่ได้รับการอธิบายถึงเนื้องานและหน้าที่ที่ปูตินน้อยจะได้รับ…… ผู้พ่อ…ได้หลุดปากเอ่ยเอื้อนความในใจถึงความรักที่มีต่อบุตรชายให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ว่า “ท่านครับ โวโลเดียร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมและภรรยา เขาคือความหวังเดียวที่เรามี ท่านคงทราบแล้วว่า เราเคยมีบุตรชายมาก่อนสองคน ที่มาเสียชีวิตเมื่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จากการปิดล้อมของเลนินกราด จนเมื่อหมดสงคราม เราได้พยายามมีลูกสืบทอด และ ก็ได้เขามา เราไม่มีความหวังอื่นใดในอนาคตของเราอีกแล้ว นอกจากจะฝากความหวังไว้ ที่เขาคนเดียว……ผมขอฝากโวโลเดียร์ไว้ในความเมตตาของท่าน……” โวโลเดียร์ หรือ ปูตินน้อย ก็เหมือนจะเตรียมตัวกับงานของ KGB มาดี เพราะเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบุหรี่ (เพราะวินัยของนักยูโด) และไม่ใช่อันธพาล (เพราะยังไม่มีโอกาส) ไม่เคยประวัติเสียใดๆมาก่อนทั้งในรัสเซีย หรือ นอกเขต(พ่อดุซะขนาดนั้น…) เขารู้ดีว่า หน้าที่การทำงานในหน่วยสืบราชการลับนั้น ไม่ใช่ว่ารายได้ดี แต่มันคือหน้าที่ของประชาชนผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นมา เพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับชาติ ในกลางฤดูร้อนของปี 1975 วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เข้ารับปริญญา ในตอนนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศว่า เขาจะต้องไปสอบเอาตั๋วทนาย แต่มีเสียงขัดขึ้นมาจากชายคนหนึ่ง ว่า…… คนนี้ไม่ต้อง…… เพราะมีงานอื่นให้ทำรออยู่แล้ว…… นั่นคือคำประกาศิต……จากนั้นปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นข้าราชการในหน่วยของ KGB ตามที่สายลับประจำมหาวิทยาลัยได้ตามเฝ้าดูเขาอยู่นานแล้ว ปูตินดีใจสุดขีด……เขารีบไปสะกิดเพื่อนรัก Viktor Borisenko ให้รีบขึ้นรถ แล้วขับพาไปร้านอาหารเจ้าประจำ และสั่งเหล้าหวานมาจิบคนละแก้ว วิคเตอร์……รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นปูตินดื่มเหล้า…… และมารู้ทีหลัง หลังจากเวลาที่ผ่านไปนานมาก ว่า นั่นคือสิ่งที่ปูตินได้เลี้ยงฉลองให้กับหน้าที่การงานใหม่ ที่เพิ่งได้รับมอบหมาย… ในช่วงที่ปูตินได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกงานนั้น KGB เป็นองค์กรใหญ่มาก เพราะมีทั้งสายใน-นอกประเทศ , หน่วยประจำเส้นชายแดน ศุลกากร, หน่วยรบพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำ, สื่อสาร เจาะโค้ดลับ ดักฟังโทรศัพท์ แถมมีหน่วยสืบสายลับซ้อนสายลับกันเองอีกด้วย…… หน้าที่แรกขอบเขาคือการทำหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับหัวหน้าหน่วยฝ่ายบุคคล ประจำที่สำนักงานใหญ่ในเลนินกราด ที่เป็นที่เดียวกับที่เขาเคยเดินเบ๋อบ๋าเข้าไปสมัครเมื่อหลายปีก่อน แต่ในคราวนี้ ในวัยเพียง 23 ปี เขาคือหนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่ KGB ตัวจริง ไม่ใช่ฝันลมๆแล้วๆอย่างแต่ก่อน และรายล้อมรอบตัวเขา คือ เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เก่าแก่ขนาดจดจำเรื่องคุกที่ไซบีเรีย สมัยสตาลินได้นั่นแหละ หน้าที่จริงๆของปูติน คือ รับคำสั่ง และ ต้องหูไว ตาไว ในตึกหนึ่งของสำนักงาน ที่ติดกับคลอง Okhta ออกสู่แม่น้ำ Neva มีสภาพเป็นโรงเรียน “ยุทธการเรือดำน้ำ” ที่เหล่านักเรียนนายเรือจะต้องมาอยู่ประจำฝึกร่างกาย เรียนวิชาเฉพาะ นานถึงหกเดือนโดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย สองปีผ่านไปในการทำงานด้านเอกสาร พ่อของเขาได้เกษียณจากงานประจำ (รถไฟ) และได้รับที่อยู่ใหม่ เป็นอาคารสงเคราะห์เช่นเดิม หากแต่ย้ายไปที่ Avtovo ที่อยู่ทางใต้ของเลนินกราด แต่คราวนี้ เป็นห้องที่ใหญ่กว่าเดิม และปูตินได้มีห้องเป็นส่วนตัวในครั้งแรกในชีวิต ในย่านที่อยู่อาศัย ค่อนข้างหนาแน่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ KGB อย่างปูตินก็ไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด สิทธิอย่างเดียวที่เขามี คือ สามารถต่อรอง ทอนอำนาจกับตำรวจได้ในแทบทุกกรณี……และทางองค์กรจะเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด…… เมื่อมีเวลา มีเงินเดือนใช้ ไปโน่นมานี่สะดวกเพราะมีรถใช้ เพื่อนฝูงเยอะ พ่อไม่คุมเข้มอย่างแต่ก่อน งานปะทะกับจิ๊กโก๋ตามสี่แยกก็มีตามมา เช่นครั้งหนึ่งเขาไปกับเพื่อนรัก Sergei Roldugin** เหตุเกิดคือ การที่อันธพาลคนหนึ่งทำทีว่ามาไถเงินซื้อบุหรี่ ท่าท่าไม่ดี ปูตินเริ่มก่อน เข้าชาร์ทก่อนจับทุ่มลงไปนอนกลางถนน…… ทั้งกลุ่มได้เข้ามาหมายรุม ……แต่ ปูตินชี้ไปที่รถ บอกว่า เพื่อนกูเป็นตำรวจ……!! ทั้งหมดจึงกระเจิงหายไป พอขึ้นรถได้…เซอร์เกปากคอสั่น……บอกว่า “เมริงง……กูเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่ตำรวจ……” ตอนนั้นเซอร์เกเองก็ไม่เคยรู้ว่าเพื่อที่คบกันมานานนมนั้น ทำงานทำการอะไร แต่ท้าทายได้ในทุกองค์กร เช่นพาเขาเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามต่างๆได้ เช่นชั้นในของในพระวิหารสำคัญ หรือ ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และทุกครั้งปูตินจะแนะนำว่าเขาเป็นหมอบ้าง ตำรวจบ้าง…… จนในที่สุด ปูตินได้บอกกับเขาตามตรงว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศ ที่เซอร์เกเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นงานอะไร ปูตินตอบว่า……ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านมนุษย์ก็แล้วกัน…แต่ถ้าไปอยู่ในภาวะที่เลี่ยงการปะทะไม่ได้……เราจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่คอยให้เสียเวลา……” ปี 1979 ปูตินได้รับยศเป็นร้อยเอก และได้ถูกส่งไปยัง Felix Dzerzhinsky (เทียบเท่าโรงเรียนเสธ. KGB ) ที่กรุงมอสโคว์ ที่จะฝึกให้เขาเป็น มนุษย์ผู้มี a warm heart, a cool head and clean hands (หมายถึง ใจแน่ว , สตินิ่ง, มือปฏิบัติการที่ไร้ร่องรอย…) พอจบจากหลักสูตรนี้ เขาถูกส่งตัวกลับไปยังเลนินกราด เพื่อรับหน้าที่ในด้านการต่างประเทศ คือ สืบหาสายลับที่มาจากต่างแดน เพราะโซเวียตได้เปิดฉากสงครามกับอัฟกานิสถานในตอนปลายปี ที่โซเวียตสนับสนุนรัฐบาลโปรคอมมิวนิสต์ในกรุง Kabul (หมายเหตุ รัสเซียได้เสียทหารไปเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งนี้…) พอเริ่มปี 1980 ที่โรนัล รีแกน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สงครามเย็นเริ่มตึงเครียด มีการพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์ โซเวียตมีการตรียมตัวกดปุ่ม ในโค้ดปฏิบัติการว่า RYAN ที่เหล่าสายลับทั้งหลายในโลก……ทุกฝ่ายต่างทำงานกันอย่างเต็มสตรีม…… ปูตินเริ่มอึดอัด เพราะ เขามีอายุ 28 และยังเป็นโสด ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคที่จะก้าวโตต่อไปในหน้าที่การงาน สำหรับการที่จะไปประจำอยู่ต่างประเทศ (ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิม) เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาใช้ได้ ฉลาดเฉลียว แต่เรื่องผู้หญิง เขากลายเป็นคนไม่ประสีประสา จีบไม่เป็นบางครั้งเข้าขั้นพูดตะกุกตะกัก ติดอ่าง…… ในช่วงท้ายๆในมหาวิทยาลัย เขามีเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า Ludmila Khmarina (คนละคนกับลุดมิลาภริยาที่แต่งงาน) ที่เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ที่เขาได้ขอหมั้น และถึงขั้นที่ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ครอบครัวเจ้าสาวไปเตรียมตัดชุดแต่งงาน ตัดสูท เตรียมแหวน แต่ในที่สุด ปูตินขอยกเลิกงานทั้งหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า “เลิกกันตอนนี้ดีกว่า ที่เราทั้งคู่จะต้องทนอยู่ด้วยกันไปในอนาคต..” ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง เพราะปูตินไม่เคยปริปากบอกใคร แต่……เชื่อว่าไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชายเพราะเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของฝ่ายหญิงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง..!!!! ** Sergei Roldugin เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของปูติน จนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นทั้งเพื่อน พ่อสื่อ และพ่อทูนหัวให้กับธิดาของปูติน ฐานะของเขาจากนักดนตรีสีเซลโล่ ปัจจุบันคือ อภิมหาเศรษฐีเข้าขั้นพันล้านคนหนึ่ง Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts