Recent Updates
  • สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในปี2026/2027

    Martin Armstrong นักการเงิน และนักวิเคราะห์ชื่อดังให้สัมภาษณ์กับFinancial Senseว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในปี2026/2027 ซึ่งจะเป็นช่วงไซเกิ้ลของสงครามโลกคร้ังที่ 3ที่จะเกิดขึ้นพอดี

    การผิดนัดชำระหนี้หมายถึงการที่กระทรวงการคลังสหรัฐออกพันธะบัตรแล้วไม่มีคนซื้อ เพราะว่าไม่มั่นใจกับปริมาณหนี้มหาศาลที่สหรัฐแบกรับอยู่ และนโยบายแซงชั่นของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ดอกเบี้ยจะพุ่งสูง ค่าเงินดอลล่าร์จะด้อยค่า จนท้ายที่สุดไม่มีใครต้องการถือครองทรัพย์สินดอลล่าร์อีกต่อไป

    หรืออีกวิธีหนึ่งของการผิดนัดชำระหนี้คือการก่อสงคราม แล้วหยุดจ่ายหนี้ หรือเบี้ยวหนี้ไปเลย

    อาร์มสตรองบอกว่า ความจริงพันธะบัตรสหรัฐมีปัญหาอยู่แล้ว อันเห็นได้จากการที่เจเน็ต เยลเลน รมว คลังสหรัฐบินไปปักกิ่งหลายคร้ังในช่วงที่ผ่านมา เพื่อขอร้องให้รัฐบาลจีนไม่ให้ขายพันธบัตรสหรัฐ หรือให้ซื้อพันธบัตรล็อตใหม่ แต่ถูกทางจีนปฏิเสธ

    ตัวเลขหนี้สาธารณะล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่$35.2ล้านล้าน เทียบกับขนาดของจีดีพีที่$28ล้านล้าน ในขณะที่มีหนี้นอกงบประมาณที่$70ล้านล้าน ซึ่งเป็นพันธะด้านสวัสดิการสังคมต่างๆที่ต้องจ่ายในอนาคต ลำพังแค่ต้องจ่ายเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยด้วยการออกพัน
    ธะบัตรมารีไฟแนนซ์ รัฐบาลสหรัฐมีภาระต้องจ่าย$1ล้านล้านต่อปี ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่สูงสุดในงบประมาณ สูงกว่างบของกระทรวงกลาโหมที่800,000กว่าล้านเสียอีก หนี้ส่วนที่เป็นเงินต้นสหรัฐไม่คิดที่จะจ่ายคืนอยู่แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐยังขาดดุลงบประมาณปีละ2ล้านล้าน

    หนี้สินทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 313 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประมาณ 55% ของการเพิ่มขึ้นนี้มาจากเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว โดยส่วนใหญ่คือสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี หนี้สินที่ไม่ได้รับการจัดสรร (unfunded liabilities)ในสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 72 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 300% ของ GDP ซึ่งอาจดูสูงเกินไปจนกว่าจะหันไปดูสเปนที่มีหนี้ต่อ GDPที่ 500% ฝรั่งเศสที่มีหนี้ต่อ GDP เกือบ 400% หรือเยอรมนีที่มีหนี้ต่อ GDP เกือบ 350%

    งบดุลของประเทศแบบนี้ถือว่าล้มละลายแล้ว หนี้ของประเทศในยุโรปท้ังในงบดุลและนอกงบดุลก็ประสบวิกฤตคล้ายๆกับสหรัฐ ทำให้สหรัฐและยุโรปจับมือกันก่อสงครามกับรัสเซียผ่านตัวแทนยูเครนเพื่อหาทางเบี้ยวหนี้ หรือรีเซ็ตระบบการเงินใหม่เพื่อรักษาสถานภาพเดิมทางอำนาจทางการเงิน

    การยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียโดยสหรัฐและยุโรปทำให้หลายประเทศทิ้งทรัพย์สินดอลล่าร์ และหันไปถือครองทองคำแทน เพราะเกรงว่าจะถูกยึดเหมือนรัสเซียถ้าดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่ถูกใจวอชิงตัน ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดราคาทองคำ2,574เหรียญต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญต่อออนซ์ไปแล้ว

    ธนาคารกลางทั่วโลกก็หันมาตุนทองคำ โดยขายพันธะบัตรสหรัฐออกไปเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินท่ามกลางความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น การซื้อทองคำของธนาคารกลาง1,136ตันในปี 2022 และ1,037ตันในปี 2023 เป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีน้ำหนักมากที่สุดที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงในช่วงที่ผ่านมา ปี2024น่าจะเป็นอีกปีของการสร้างสถิติการซื้อทองคำของธนาคารกลาง

    กลุ่มBRICSมีนโยบายออกจากดอลล่าร์ (de-dollarization) ด้วยการค้าการกันเองผ่านเงินสกุลประจำชาติ และไม่ใช้ดอลล่าร์ รวมท้ังการวางโครงการที่จะเอาทองคำมาหนุนหลังค่าเงินของเงินสกุลร่วมBRICS ที่เรียกกันว่า the Unit โดยใช้ทองคำ40%หนุนหลัง และอีก60%หนุนหลังค่าเงินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของความเป็นเงินสกุลหลักของโลกของดอลล่าร์ที่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นเงินกระดาษเปล่าๆที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุนหลัง

    อย่างไรก็ดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าเขาจะเก็บภาษี100%สำหรับประเทศใดก็ตามที่หันหลังให้กับดอลล่าร์ เพื่อที่จะปกป้องดอลล่าร์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ท่าทีของทรัมป์แม้ว่าจะเป็นการพูดหาเสียงแต่ก็สะท้อนความเข้าใจของทรัมป์ว่าเงินดอลล่าร์กำลังหมดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิ อาราเบียได้ออกมาให้ข่าวว่าจะขายน้ำมันแลกเงินหยวนของจีน ซึ่งถือว่าเป็นการออกจากเปโตรดอลล่าร์ที่ซาอุฯเป็นผู้ค้ำประกันมาตั้งแต่ปี1974

    สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในปี2026/2027 Martin Armstrong นักการเงิน และนักวิเคราะห์ชื่อดังให้สัมภาษณ์กับFinancial Senseว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในปี2026/2027 ซึ่งจะเป็นช่วงไซเกิ้ลของสงครามโลกคร้ังที่ 3ที่จะเกิดขึ้นพอดี การผิดนัดชำระหนี้หมายถึงการที่กระทรวงการคลังสหรัฐออกพันธะบัตรแล้วไม่มีคนซื้อ เพราะว่าไม่มั่นใจกับปริมาณหนี้มหาศาลที่สหรัฐแบกรับอยู่ และนโยบายแซงชั่นของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ดอกเบี้ยจะพุ่งสูง ค่าเงินดอลล่าร์จะด้อยค่า จนท้ายที่สุดไม่มีใครต้องการถือครองทรัพย์สินดอลล่าร์อีกต่อไป หรืออีกวิธีหนึ่งของการผิดนัดชำระหนี้คือการก่อสงคราม แล้วหยุดจ่ายหนี้ หรือเบี้ยวหนี้ไปเลย อาร์มสตรองบอกว่า ความจริงพันธะบัตรสหรัฐมีปัญหาอยู่แล้ว อันเห็นได้จากการที่เจเน็ต เยลเลน รมว คลังสหรัฐบินไปปักกิ่งหลายคร้ังในช่วงที่ผ่านมา เพื่อขอร้องให้รัฐบาลจีนไม่ให้ขายพันธบัตรสหรัฐ หรือให้ซื้อพันธบัตรล็อตใหม่ แต่ถูกทางจีนปฏิเสธ ตัวเลขหนี้สาธารณะล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่$35.2ล้านล้าน เทียบกับขนาดของจีดีพีที่$28ล้านล้าน ในขณะที่มีหนี้นอกงบประมาณที่$70ล้านล้าน ซึ่งเป็นพันธะด้านสวัสดิการสังคมต่างๆที่ต้องจ่ายในอนาคต ลำพังแค่ต้องจ่ายเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยด้วยการออกพัน ธะบัตรมารีไฟแนนซ์ รัฐบาลสหรัฐมีภาระต้องจ่าย$1ล้านล้านต่อปี ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่สูงสุดในงบประมาณ สูงกว่างบของกระทรวงกลาโหมที่800,000กว่าล้านเสียอีก หนี้ส่วนที่เป็นเงินต้นสหรัฐไม่คิดที่จะจ่ายคืนอยู่แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐยังขาดดุลงบประมาณปีละ2ล้านล้าน หนี้สินทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 313 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประมาณ 55% ของการเพิ่มขึ้นนี้มาจากเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว โดยส่วนใหญ่คือสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี หนี้สินที่ไม่ได้รับการจัดสรร (unfunded liabilities)ในสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 72 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 300% ของ GDP ซึ่งอาจดูสูงเกินไปจนกว่าจะหันไปดูสเปนที่มีหนี้ต่อ GDPที่ 500% ฝรั่งเศสที่มีหนี้ต่อ GDP เกือบ 400% หรือเยอรมนีที่มีหนี้ต่อ GDP เกือบ 350% งบดุลของประเทศแบบนี้ถือว่าล้มละลายแล้ว หนี้ของประเทศในยุโรปท้ังในงบดุลและนอกงบดุลก็ประสบวิกฤตคล้ายๆกับสหรัฐ ทำให้สหรัฐและยุโรปจับมือกันก่อสงครามกับรัสเซียผ่านตัวแทนยูเครนเพื่อหาทางเบี้ยวหนี้ หรือรีเซ็ตระบบการเงินใหม่เพื่อรักษาสถานภาพเดิมทางอำนาจทางการเงิน การยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียโดยสหรัฐและยุโรปทำให้หลายประเทศทิ้งทรัพย์สินดอลล่าร์ และหันไปถือครองทองคำแทน เพราะเกรงว่าจะถูกยึดเหมือนรัสเซียถ้าดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่ถูกใจวอชิงตัน ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดราคาทองคำ2,574เหรียญต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญต่อออนซ์ไปแล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกก็หันมาตุนทองคำ โดยขายพันธะบัตรสหรัฐออกไปเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินท่ามกลางความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น การซื้อทองคำของธนาคารกลาง1,136ตันในปี 2022 และ1,037ตันในปี 2023 เป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีน้ำหนักมากที่สุดที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงในช่วงที่ผ่านมา ปี2024น่าจะเป็นอีกปีของการสร้างสถิติการซื้อทองคำของธนาคารกลาง กลุ่มBRICSมีนโยบายออกจากดอลล่าร์ (de-dollarization) ด้วยการค้าการกันเองผ่านเงินสกุลประจำชาติ และไม่ใช้ดอลล่าร์ รวมท้ังการวางโครงการที่จะเอาทองคำมาหนุนหลังค่าเงินของเงินสกุลร่วมBRICS ที่เรียกกันว่า the Unit โดยใช้ทองคำ40%หนุนหลัง และอีก60%หนุนหลังค่าเงินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของความเป็นเงินสกุลหลักของโลกของดอลล่าร์ที่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นเงินกระดาษเปล่าๆที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุนหลัง อย่างไรก็ดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าเขาจะเก็บภาษี100%สำหรับประเทศใดก็ตามที่หันหลังให้กับดอลล่าร์ เพื่อที่จะปกป้องดอลล่าร์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ท่าทีของทรัมป์แม้ว่าจะเป็นการพูดหาเสียงแต่ก็สะท้อนความเข้าใจของทรัมป์ว่าเงินดอลล่าร์กำลังหมดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิ อาราเบียได้ออกมาให้ข่าวว่าจะขายน้ำมันแลกเงินหยวนของจีน ซึ่งถือว่าเป็นการออกจากเปโตรดอลล่าร์ที่ซาอุฯเป็นผู้ค้ำประกันมาตั้งแต่ปี1974
    Like
    14
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • สหรัฐจะเข้ากันได้ดีกับรัสเซียและจีนถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

    อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า หากเขาชนะการเลือกตั้ง วอชิงตันจะเข้ากับมอสโกและปักกิ่งได้ดี

    “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรู ผมคิดว่าเราจะเข้ากันได้ดีกับจีน ผมคิดว่าเราจะเข้ากันได้ดีกับรัสเซีย ผมอยากให้รัสเซียจัดการเรื่องยูเครน” ทรัมป์กล่าวในการสัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ ฟารุก ซาร์มาด ซึ่งออกอากาศทางช่อง X
    สหรัฐจะเข้ากันได้ดีกับรัสเซียและจีนถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้ง อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า หากเขาชนะการเลือกตั้ง วอชิงตันจะเข้ากับมอสโกและปักกิ่งได้ดี “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรู ผมคิดว่าเราจะเข้ากันได้ดีกับจีน ผมคิดว่าเราจะเข้ากันได้ดีกับรัสเซีย ผมอยากให้รัสเซียจัดการเรื่องยูเครน” ทรัมป์กล่าวในการสัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ ฟารุก ซาร์มาด ซึ่งออกอากาศทางช่อง X
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • การต่อสู้เพื่อปกป้องอารยธรรมโลก

    “จอร์จ ออร์เวลล์มีจินตนาการล้ำเลิศ แต่แม้แต่เขาเองก็ยังสามารถเข้าถึงความลึกซึ้งของระบอบเผด็จการที่เราเห็นในกรอบระเบียบโลกที่อิงกฎเกณฑ์ได้ในปัจจุบัน” — เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ

    “คุณคงทราบดีว่ามี 50 ประเทศกำลังต่อสู้กับรัสเซียในฐานะพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา ประเทศเหล่านี้ทั้งหมด รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ไม่มีอำนาจอธิปไตย เนื่องจากถูกควบคุมจากศูนย์กลางเดียว ศูนย์กลางนี้มักเรียกว่าดีพสเตต ดังนั้น ดีพสเตตจึงไม่สนใจสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นใด พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะทำงานให้พวกเขาในประเทศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นประชากรพื้นเมืองหรือผู้อพยพ พวกเขาสนใจแต่ผลกำไรและอำนาจเหนือโลกเท่านั้น ประเทศที่ไม่ต้องการยอมจำนนต่ออำนาจเหนือชาติเหล่านี้จะต้องต่อสู้เพื่ออำนาจอธิปไตยของตน รัสเซียกำลังเป็นผู้นำการต่อสู้ครั้งนี้ นี่คือการต่อสู้เพื่ออนาคตไม่เพียงแต่ของรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารยธรรมทั้งหมดด้วย”


    การต่อสู้เพื่อปกป้องอารยธรรมโลก “จอร์จ ออร์เวลล์มีจินตนาการล้ำเลิศ แต่แม้แต่เขาเองก็ยังสามารถเข้าถึงความลึกซึ้งของระบอบเผด็จการที่เราเห็นในกรอบระเบียบโลกที่อิงกฎเกณฑ์ได้ในปัจจุบัน” — เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ “คุณคงทราบดีว่ามี 50 ประเทศกำลังต่อสู้กับรัสเซียในฐานะพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา ประเทศเหล่านี้ทั้งหมด รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ไม่มีอำนาจอธิปไตย เนื่องจากถูกควบคุมจากศูนย์กลางเดียว ศูนย์กลางนี้มักเรียกว่าดีพสเตต ดังนั้น ดีพสเตตจึงไม่สนใจสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นใด พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะทำงานให้พวกเขาในประเทศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นประชากรพื้นเมืองหรือผู้อพยพ พวกเขาสนใจแต่ผลกำไรและอำนาจเหนือโลกเท่านั้น ประเทศที่ไม่ต้องการยอมจำนนต่ออำนาจเหนือชาติเหล่านี้จะต้องต่อสู้เพื่ออำนาจอธิปไตยของตน รัสเซียกำลังเป็นผู้นำการต่อสู้ครั้งนี้ นี่คือการต่อสู้เพื่ออนาคตไม่เพียงแต่ของรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารยธรรมทั้งหมดด้วย”
    Like
    8
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • ค่ายรถจีนแซงหน้ายักษ์ใหญ่ในตะวันตกด้านต้นทุนและคุณภาพ
    ขอบคุณภาพจาก CGTN
    16.09.2024
    ผู้ผลิตรถยนต์จีนใช้ประโยชน์จากต้นทุนแรงงานที่ลดต่ำลง การเข้าถึงวัตถุดิบที่ถูกกว่า และกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลิตยานยนต์ในราคาที่ถูกลงอย่างมาก ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเสนอราคาที่แข่งขันในตลาดโลกได้

    แบรนด์รถยนต์จีนได้ก้าวหน้าอย่างมากในการควบคุมคุณภาพในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยได้ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ขั้นตอนการทดสอบคุณภาพที่เข้มงวด และระบบการจัดการการจัดการซัพพลายเออร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือเกินกว่านั้น การเน้นย้ำด้านคุณภาพนี้ช่วยปรับปรุงการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์จีนในหมู่ผู้บริโภคทั่วโลก

    ผู้ผลิตรถยนต์จีนยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยทุ่มลงทุนมหาศาลในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบขับขี่อัตโนมัติ และฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ แบรนด์จีนจึงมักแซงหน้าผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมในแง่ของฟีเจอร์และความสามารถทางเทคโนโลยี โดยวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผู้นำในอนาคตของการเดินทาง

    ผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลังขยายฐานการผลิตทั่วโลกอย่างแข็งขัน โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำลังสร้างโรงงานผลิต จัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่าย และจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทในท้องถิ่นเพื่อสร้างฐานที่มั่นในภูมิภาคเหล่านี้ กลยุทธ์การขยายตัวนี้ช่วยให้แบรนด์จีนเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและแข่งขันโดยตรงกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในตะวันตกอย่าง Ford และ GM ได้

    By IMCT NEWS
    อ้างอิงจาก: https://www.njcee.org/finance/chinese-automakers-are-far-ahead-of-ford-and-gm-on-cost-and-quality.html





    ค่ายรถจีนแซงหน้ายักษ์ใหญ่ในตะวันตกด้านต้นทุนและคุณภาพ ขอบคุณภาพจาก CGTN 16.09.2024 ผู้ผลิตรถยนต์จีนใช้ประโยชน์จากต้นทุนแรงงานที่ลดต่ำลง การเข้าถึงวัตถุดิบที่ถูกกว่า และกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลิตยานยนต์ในราคาที่ถูกลงอย่างมาก ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเสนอราคาที่แข่งขันในตลาดโลกได้ แบรนด์รถยนต์จีนได้ก้าวหน้าอย่างมากในการควบคุมคุณภาพในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยได้ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ขั้นตอนการทดสอบคุณภาพที่เข้มงวด และระบบการจัดการการจัดการซัพพลายเออร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือเกินกว่านั้น การเน้นย้ำด้านคุณภาพนี้ช่วยปรับปรุงการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์จีนในหมู่ผู้บริโภคทั่วโลก ผู้ผลิตรถยนต์จีนยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยทุ่มลงทุนมหาศาลในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบขับขี่อัตโนมัติ และฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ แบรนด์จีนจึงมักแซงหน้าผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมในแง่ของฟีเจอร์และความสามารถทางเทคโนโลยี โดยวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผู้นำในอนาคตของการเดินทาง ผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลังขยายฐานการผลิตทั่วโลกอย่างแข็งขัน โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำลังสร้างโรงงานผลิต จัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่าย และจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทในท้องถิ่นเพื่อสร้างฐานที่มั่นในภูมิภาคเหล่านี้ กลยุทธ์การขยายตัวนี้ช่วยให้แบรนด์จีนเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและแข่งขันโดยตรงกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในตะวันตกอย่าง Ford และ GM ได้ By IMCT NEWS อ้างอิงจาก: https://www.njcee.org/finance/chinese-automakers-are-far-ahead-of-ford-and-gm-on-cost-and-quality.html
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ

    ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/

    ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก

    ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ

    สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ

    1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน

    ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ

    1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น

    2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า
    การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น

    3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น
    การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย

    4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง
    การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก

    5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์
    ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด

    ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
    เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ

    2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก
    การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

    IMCT News

    ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/ ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ 1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น 2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น 3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย 4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก 5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้ 1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ 2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น IMCT News ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    BHATTANDJOSHIASSOCIATES.COM
    Saudi Arabia’s Petrodollar Exit: Enhancing Diplomatic and Economic Leverage - Bhatt & Joshi Associates
    Explore the impact of Saudi Arabia’s petrodollar exit on global diplomacy, trade dynamics, and economic stability.
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • อดีตรมว.กลาโหมอังกฤษ5คนเรียกร้องให้ส่งStorm Shadowให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย

    อดีตรัฐมนตรีกลาโหม 5 คนและบอริส จอห์นสันเรียกร้องให้เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์โจมตีรัสเซีย แม้ว่าจะไม่มีสหรัฐฯ หนุนหลังก็ตาม

    แกรนท์ แชป, เบน วอลเลซ, แกวิน วิลเลียมสัน, เพนนี มอร์ดอนต์, เลียม ฟ็อกซ์, และจอห์นสัน ร่วมกันเตือนสตาร์เมอร์ว่าการเลื่อนเวลาออกไปอีกจะยิ่งทำให้ปูตินมีความมุ่งมั่นมากขึ้น

    การเจรจาระหว่างสตาร์เมอร์กับไบเดนในกรุงวอชิงตันเมื่อไม่นานนี้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงว่าสหรัฐและอังกฤษจะส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งจะเท่ากับว่าสหรัฐและอังกฤษเข้าสู่สงครามกับรัสเซียโดยตรง

    แกรนท์ แชปส์ กล่าวกับเดอะซันเดย์ไทมส์ว่า "แทนที่จะรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ เซอร์คีร์จำเป็นต้องจัดหาสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันให้กับประธานาธิบดีเซเลนสกี นั่นคือวิธีที่เราถือเอาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในการสนับสนุนยูเครน"

    เบน วอลเลซเตือนว่า "อังกฤษกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการตกอยู่ภายใต้กลุ่มคนที่ไม่แน่นอน ประนีประนอม และผู้ถ่วงเวลา ในขณะที่วิธีเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้รังแกอย่างปูตินได้อย่างแท้จริงก็คือความเข้มแข็ง สามัคคี และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้สำเร็จ"

    การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานที่ว่ารัสเซียได้รับขีปนาวุธพิสัยไกลจากอิหร่าน ซึ่งอาจแลกมาด้วยความลับทางนิวเคลียร์

    แกวิน วิลเลียมสันกล่าวเสริมว่า "ตั้งแต่สงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น อังกฤษไม่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ประเทศอื่นๆ ลังเล สตาร์เมอร์จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันนี้ หากไม่ทำเช่นนั้นก็จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ของเขา"

    บอริส จอห์นสันกล่าวว่า “ไม่มีกรณีที่เป็นไปได้ที่จะเกิดความล่าช้า"

    การออกมาแสดงควาวมเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจจัดหารถถังและเครื่องบินขับไล่ให้กับยูเครนเช่นกัน

    วอลเลซเน้นย้ำถึงบทบาทนำของอังกฤษในการสนับสนุนยูเครน โดยกล่าวว่า "เราเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ส่งอาวุธสังหาร และเรายังคงสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด"

    ยูเครนเรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ให้ฝ่ายตะวันตกอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธโจมตีรัสเซียในระยะไกลยิ่งขึ้น หลังจากการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นดังกล่าวได้

    ที่มา https://www.standard.co.uk/news/world/ukraine-war-missile-appeal-russia-putin-us-uk-white-house-b1182098.html
    อดีตรมว.กลาโหมอังกฤษ5คนเรียกร้องให้ส่งStorm Shadowให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย อดีตรัฐมนตรีกลาโหม 5 คนและบอริส จอห์นสันเรียกร้องให้เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์โจมตีรัสเซีย แม้ว่าจะไม่มีสหรัฐฯ หนุนหลังก็ตาม แกรนท์ แชป, เบน วอลเลซ, แกวิน วิลเลียมสัน, เพนนี มอร์ดอนต์, เลียม ฟ็อกซ์, และจอห์นสัน ร่วมกันเตือนสตาร์เมอร์ว่าการเลื่อนเวลาออกไปอีกจะยิ่งทำให้ปูตินมีความมุ่งมั่นมากขึ้น การเจรจาระหว่างสตาร์เมอร์กับไบเดนในกรุงวอชิงตันเมื่อไม่นานนี้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงว่าสหรัฐและอังกฤษจะส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งจะเท่ากับว่าสหรัฐและอังกฤษเข้าสู่สงครามกับรัสเซียโดยตรง แกรนท์ แชปส์ กล่าวกับเดอะซันเดย์ไทมส์ว่า "แทนที่จะรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ เซอร์คีร์จำเป็นต้องจัดหาสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันให้กับประธานาธิบดีเซเลนสกี นั่นคือวิธีที่เราถือเอาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในการสนับสนุนยูเครน" เบน วอลเลซเตือนว่า "อังกฤษกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการตกอยู่ภายใต้กลุ่มคนที่ไม่แน่นอน ประนีประนอม และผู้ถ่วงเวลา ในขณะที่วิธีเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้รังแกอย่างปูตินได้อย่างแท้จริงก็คือความเข้มแข็ง สามัคคี และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้สำเร็จ" การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานที่ว่ารัสเซียได้รับขีปนาวุธพิสัยไกลจากอิหร่าน ซึ่งอาจแลกมาด้วยความลับทางนิวเคลียร์ แกวิน วิลเลียมสันกล่าวเสริมว่า "ตั้งแต่สงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น อังกฤษไม่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ประเทศอื่นๆ ลังเล สตาร์เมอร์จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันนี้ หากไม่ทำเช่นนั้นก็จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ของเขา" บอริส จอห์นสันกล่าวว่า “ไม่มีกรณีที่เป็นไปได้ที่จะเกิดความล่าช้า" การออกมาแสดงควาวมเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจจัดหารถถังและเครื่องบินขับไล่ให้กับยูเครนเช่นกัน วอลเลซเน้นย้ำถึงบทบาทนำของอังกฤษในการสนับสนุนยูเครน โดยกล่าวว่า "เราเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ส่งอาวุธสังหาร และเรายังคงสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด" ยูเครนเรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ให้ฝ่ายตะวันตกอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธโจมตีรัสเซียในระยะไกลยิ่งขึ้น หลังจากการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นดังกล่าวได้ ที่มา https://www.standard.co.uk/news/world/ukraine-war-missile-appeal-russia-putin-us-uk-white-house-b1182098.html
    WWW.STANDARD.CO.UK
    Five former defence secretaries urge PM to let Ukraine fire UK missiles
    Western allies have been reluctant to allow Kyiv to use long-range missiles to strike targets in Russia
    Like
    Sad
    6
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่

    ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว

    ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ

    “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง

    รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ”

    เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว

    ที่มา RT
    รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่ ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ” เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว ที่มา RT
    Like
    21
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ

    ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก

    ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์

    ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน

    เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา

    เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน

    แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม

    อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ที่มา Kitco
    ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์ ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ที่มา Kitco
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 Comments 1 Shares 504 Views 0 Reviews
  • ซาอุฯแอบซื้อทอง160ตันจากสวิตเซอปร์แลนดืตั้งแต่ปี2022

    ซาอุดิ อาระเบียได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียในการมองข้ามความอ่อนไหวต่อราคาทองคำในระยะยาว Jan Nieuwenhuijs แห่งMoney Metals Exchangeรายงานว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียแอบซื้อทองคำจำนวน 160 ตันในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนตลาดกระทิงของทองคำในปัจจุบัน

    แม้ว่าซาอุดิ อาระเบียจะมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิดมาตรฐานดอลลาร์โลกในช่วงต้นทศวรรษ 1970 แต่คราวนี้พวกเขาอาจกลายเป็นแกนหลักในการยกเลิกเปโตรดอลล่าร์ หรือการขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์อย่างเดียว อันเห็นได้จากการที่ซาอุดิ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับกลุ่มBRICSซึ่งมีนโยบายต้องการออกจากระบบดอลล่าร์ (de-dollarization)

    จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความต้องการทองคำของซาอุดิอาระเบียจะลดลงเมื่อราคาทองคำสูงขึ้นและความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อราคาลง ทำให้สร้างความผันผวนในตลาดทองคำ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกมานานหลายทศวรรษ

    นับตั้งแต่ตะวันตกยึดทรัพย์สินดอลลาร์ของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ผู้ที่มีความขัดแย้งทางการทูตกับชาติตะวันตกก็เริ่มแลกเปลี่ยนดอลลาร์ของตนเป็นทองคำมากขึ้น

    ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศล่าสุด รองจากจีนและไทย ซึ่งมีสถิติการค้าข้ามพรมแดนที่แสดงว่าซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนจากปัจจัยความอ่อนไหวด้านราคามาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา


    Trading Economicsรายงานว่า ทองคำสำรองในซาอุดีอาระเบียยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2024 จาก 323.07 ตันในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ทองคำสำรองในซาอุดิอาระเบียเฉลี่ย 263.59 ตันในช่วงปี 2000 ถึงปี 2024 ซึ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2016 และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 142.95 ตันในไตรมาสที่สองของปี 2000

    อย่างไรก็ตาม Nieuwenhuijsเชื่อว่า ซาอุดิ อาราเบียมีทองคำสำรองมากกว่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการ

    ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/saudi-central-bank-caught-secretly-buying-160-tonnes-gold-bv3ue
    ซาอุฯแอบซื้อทอง160ตันจากสวิตเซอปร์แลนดืตั้งแต่ปี2022 ซาอุดิ อาระเบียได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียในการมองข้ามความอ่อนไหวต่อราคาทองคำในระยะยาว Jan Nieuwenhuijs แห่งMoney Metals Exchangeรายงานว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียแอบซื้อทองคำจำนวน 160 ตันในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนตลาดกระทิงของทองคำในปัจจุบัน แม้ว่าซาอุดิ อาระเบียจะมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิดมาตรฐานดอลลาร์โลกในช่วงต้นทศวรรษ 1970 แต่คราวนี้พวกเขาอาจกลายเป็นแกนหลักในการยกเลิกเปโตรดอลล่าร์ หรือการขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์อย่างเดียว อันเห็นได้จากการที่ซาอุดิ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับกลุ่มBRICSซึ่งมีนโยบายต้องการออกจากระบบดอลล่าร์ (de-dollarization) จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความต้องการทองคำของซาอุดิอาระเบียจะลดลงเมื่อราคาทองคำสูงขึ้นและความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อราคาลง ทำให้สร้างความผันผวนในตลาดทองคำ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกมานานหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ตะวันตกยึดทรัพย์สินดอลลาร์ของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ผู้ที่มีความขัดแย้งทางการทูตกับชาติตะวันตกก็เริ่มแลกเปลี่ยนดอลลาร์ของตนเป็นทองคำมากขึ้น ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศล่าสุด รองจากจีนและไทย ซึ่งมีสถิติการค้าข้ามพรมแดนที่แสดงว่าซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนจากปัจจัยความอ่อนไหวด้านราคามาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา Trading Economicsรายงานว่า ทองคำสำรองในซาอุดีอาระเบียยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2024 จาก 323.07 ตันในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ทองคำสำรองในซาอุดิอาระเบียเฉลี่ย 263.59 ตันในช่วงปี 2000 ถึงปี 2024 ซึ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2016 และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 142.95 ตันในไตรมาสที่สองของปี 2000 อย่างไรก็ตาม Nieuwenhuijsเชื่อว่า ซาอุดิ อาราเบียมีทองคำสำรองมากกว่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการ ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/saudi-central-bank-caught-secretly-buying-160-tonnes-gold-bv3ue
    WWW.LINKEDIN.COM
    Saudi Central Bank Caught Secretly Buying 160 Tonnes of Gold in Switzerland
    Money Metals Exchange By Jan Nieuwenhuijs The Saudis have joined other Asian countries in ditching their long-term sensitivity to the gold price. Evidence suggests the Saudi central bank has been covertly buying 160 tonnes of gold in Switzerland since early 2022, contributing to the current gold bul
    Like
    9
    0 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews
  • หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย

    อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป

    ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา”

    “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม

    วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้

    ที่มา RT
    หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา” “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้ ที่มา RT
    Like
    8
    2 Comments 0 Shares 447 Views 0 Reviews
  • Elon Musk เตือนสหรัฐกำลังจะล้มละลายอย่างรวดเร็ว ในบทสัมภาษณ์กับพอดแคสต์ All-In Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้อ้างว่า ดอกเบี้ยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ตอนนี้ คิดเป็นมูลค่าเกินงบกลาโหมไปแล้ว และประเทศกำลังจะล้มละลายอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศในปลายเดือนกรกฎาคมว่าหนี้สาธารณะของประเทศเกิน 35 ล้านล้านดอลลาร์หรือ 1,176 ล้านล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา

    เมื่อเดือนมิถุนายน ส.ส.สหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายนโยบายกลาโหมประจำปี ซึ่งอนุญาตให้จ่ายงบได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8.9 แสนล้านดอลลาร์ (29 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า Musk จึงเตือนว่า " ดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะตอนนี้สูงกว่างบประมาณทั้งหมดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เสียอีก และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"

    เขาเน้นย้ำด้วยว่า หนี้ที่เพิ่มขึ้น ทุก ๆ ล้านล้านดอลลาร์ เป็นเงินที่ "ลูกหลานของพวกเรา จะต้องจ่ายคืนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง" โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ Muskได้แชร์โพสต์บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ระบุว่าสหรัฐฯ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยหนี้มากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ (40 ล้านล้านบาท) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเท่ากับประมาณ 25% ของรายรับรัฐบาล

    ต้นเดือนนี้ Musk ยังเตือนอีกว่าอัตราการใช้จ่ายของรัฐบาลในปัจจุบันกำลังทำให้สหรัฐฯ เข้าใกล้ภาวะล้มละลายอย่างรวดเร็ว และการใช้จ่ายเกินดุลของรัฐบาลกำลังกระตุ้นเงินเฟ้อด้วย โดยในเดือนสิงหาคม กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีลดลงต่ำกว่า 3% ในเดือนก่อนหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่เงินเฟ้อ ซึ่งไม่รวมอุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.2% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

    12/9/2024
    Elon Musk เตือนสหรัฐกำลังจะล้มละลายอย่างรวดเร็ว ในบทสัมภาษณ์กับพอดแคสต์ All-In Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้อ้างว่า ดอกเบี้ยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ตอนนี้ คิดเป็นมูลค่าเกินงบกลาโหมไปแล้ว และประเทศกำลังจะล้มละลายอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศในปลายเดือนกรกฎาคมว่าหนี้สาธารณะของประเทศเกิน 35 ล้านล้านดอลลาร์หรือ 1,176 ล้านล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เมื่อเดือนมิถุนายน ส.ส.สหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายนโยบายกลาโหมประจำปี ซึ่งอนุญาตให้จ่ายงบได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8.9 แสนล้านดอลลาร์ (29 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า Musk จึงเตือนว่า " ดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะตอนนี้สูงกว่างบประมาณทั้งหมดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เสียอีก และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ" เขาเน้นย้ำด้วยว่า หนี้ที่เพิ่มขึ้น ทุก ๆ ล้านล้านดอลลาร์ เป็นเงินที่ "ลูกหลานของพวกเรา จะต้องจ่ายคืนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง" โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ Muskได้แชร์โพสต์บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ระบุว่าสหรัฐฯ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยหนี้มากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ (40 ล้านล้านบาท) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเท่ากับประมาณ 25% ของรายรับรัฐบาล ต้นเดือนนี้ Musk ยังเตือนอีกว่าอัตราการใช้จ่ายของรัฐบาลในปัจจุบันกำลังทำให้สหรัฐฯ เข้าใกล้ภาวะล้มละลายอย่างรวดเร็ว และการใช้จ่ายเกินดุลของรัฐบาลกำลังกระตุ้นเงินเฟ้อด้วย โดยในเดือนสิงหาคม กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีลดลงต่ำกว่า 3% ในเดือนก่อนหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่เงินเฟ้อ ซึ่งไม่รวมอุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.2% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 12/9/2024
    Like
    Love
    Haha
    24
    0 Comments 2 Shares 621 Views 0 Reviews
  • รัสเซียต้องให้ตะวันตกรับรู้ว่า รัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์
    หลักนิยมด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้สามารถตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อการรุกรานทางทหารครั้งใหญ่ต่อประเทศนี้ อดีตที่ปรึกษาเครมลิน เซอร์เกย์ คารากานอฟ กล่าวเมื่อวันพุธ

    อดีตที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของรองหัวหน้าฝ่ายบริหารประธานาธิบดีรัสเซีย บอกกับหนังสือพิมพ์ Kommersant ว่าเอกสารด้านหลักนิยมทางทหารที่มีอยู่นั้น “ล้าสมัยอย่างยิ่ง” และไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องปรามที่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป

    หลักนิยมด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียซึ่งนำมาใช้ในปี 2020 ไม่ได้กำหนดไว้สำหรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ล่วงหน้า และมองเห็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์เฉพาะใน “กรณีพิเศษ” เท่านั้น เมื่อเผชิญกับ “ภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” ของประเทศ ตามคำกล่าวของ Karaganov วิธีการนี้ทำให้เกือบไร้ประโยชน์ และได้ "แยก" ปัจจัยป้องปรามนิวเคลียร์ออกจากคลังแสงนโยบายการทหารและนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย

    “เราปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่จนถึงจุดที่ศัตรูของเราเชื่อว่าเราจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม” นักรัฐศาสตร์กล่าว “การมีอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่สามารถโน้มน้าวศัตรูว่าคุณพร้อมที่จะใช้พวกมัน ถือเป็นการฆ่าตัวตาย”

    ความล้มเหลวในการมีนโยบายป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ที่มีประสิทธิภาพ “จะทำให้โลกตกอยู่ในสงครามต่อเนื่องกัน ซึ่งจะไปสู่การใช้นิวเคลียร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3” คารากานอฟเชื่อ พร้อมเสริมว่าสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ “ภายในระยะเวลาหลายปี ”

    เป้าหมายหลักของหลักนิยมควรจะโน้มน้าวศัตรูทั้งในปัจจุบันและอนาคตว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์”
    คำพูดของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางการที่ยูเครนบุกโจมตีภูมิภาคเคิร์สต์ของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง และความพยายามของเคียฟที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกภายในประเทศ



    “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องระบุว่าการโจมตีครั้งใหญ่ต่อดินแดนของเราจะทำให้เรามีสิทธิ์ตอบโต้ด้วยการโจมตีด้วยนิวเคลียร์” คารากานอฟยืนกราน นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มอสโกกำหนดขั้นตอน “การยกระดับนิวเคลียร์” อย่างชัดเจนในหลักนิยมถัดไป เพื่อไม่ให้ศัตรูของรัสเซียมีข้อสงสัยว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้คลังแสงนิวเคลียร์ของตนหรือไม่ และเมื่อใด



    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงให้เห็นจุดยืนที่สงวนไว้มากขึ้นในประเด็นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะพูดคุยกับคารากานอฟที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีกล่าวว่ารัสเซีย “ไม่ได้เลิกอาวุธนิวเคลียร์” และแสดงความหวังว่า “มันจะไม่มีวันมาถึง” ในการแลกเปลี่ยนนิวเคลียร์ระหว่างมอสโกวและตะวันตก

    12/9/2024
    รัสเซียต้องให้ตะวันตกรับรู้ว่า รัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ หลักนิยมด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้สามารถตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อการรุกรานทางทหารครั้งใหญ่ต่อประเทศนี้ อดีตที่ปรึกษาเครมลิน เซอร์เกย์ คารากานอฟ กล่าวเมื่อวันพุธ อดีตที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของรองหัวหน้าฝ่ายบริหารประธานาธิบดีรัสเซีย บอกกับหนังสือพิมพ์ Kommersant ว่าเอกสารด้านหลักนิยมทางทหารที่มีอยู่นั้น “ล้าสมัยอย่างยิ่ง” และไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องปรามที่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป หลักนิยมด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียซึ่งนำมาใช้ในปี 2020 ไม่ได้กำหนดไว้สำหรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ล่วงหน้า และมองเห็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์เฉพาะใน “กรณีพิเศษ” เท่านั้น เมื่อเผชิญกับ “ภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” ของประเทศ ตามคำกล่าวของ Karaganov วิธีการนี้ทำให้เกือบไร้ประโยชน์ และได้ "แยก" ปัจจัยป้องปรามนิวเคลียร์ออกจากคลังแสงนโยบายการทหารและนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย “เราปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่จนถึงจุดที่ศัตรูของเราเชื่อว่าเราจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม” นักรัฐศาสตร์กล่าว “การมีอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่สามารถโน้มน้าวศัตรูว่าคุณพร้อมที่จะใช้พวกมัน ถือเป็นการฆ่าตัวตาย” ความล้มเหลวในการมีนโยบายป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ที่มีประสิทธิภาพ “จะทำให้โลกตกอยู่ในสงครามต่อเนื่องกัน ซึ่งจะไปสู่การใช้นิวเคลียร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3” คารากานอฟเชื่อ พร้อมเสริมว่าสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ “ภายในระยะเวลาหลายปี ” เป้าหมายหลักของหลักนิยมควรจะโน้มน้าวศัตรูทั้งในปัจจุบันและอนาคตว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์” คำพูดของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางการที่ยูเครนบุกโจมตีภูมิภาคเคิร์สต์ของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง และความพยายามของเคียฟที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกภายในประเทศ “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องระบุว่าการโจมตีครั้งใหญ่ต่อดินแดนของเราจะทำให้เรามีสิทธิ์ตอบโต้ด้วยการโจมตีด้วยนิวเคลียร์” คารากานอฟยืนกราน นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มอสโกกำหนดขั้นตอน “การยกระดับนิวเคลียร์” อย่างชัดเจนในหลักนิยมถัดไป เพื่อไม่ให้ศัตรูของรัสเซียมีข้อสงสัยว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้คลังแสงนิวเคลียร์ของตนหรือไม่ และเมื่อใด ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงให้เห็นจุดยืนที่สงวนไว้มากขึ้นในประเด็นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะพูดคุยกับคารากานอฟที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีกล่าวว่ารัสเซีย “ไม่ได้เลิกอาวุธนิวเคลียร์” และแสดงความหวังว่า “มันจะไม่มีวันมาถึง” ในการแลกเปลี่ยนนิวเคลียร์ระหว่างมอสโกวและตะวันตก 12/9/2024
    Like
    16
    0 Comments 0 Shares 580 Views 0 Reviews
  • CIA, MI6เตือนว่าจีนรัสเซียเป็นภัยต่อระเบียบโลก 9/9/2024

    หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของอเมริกาและอังกฤษอย่าง CIA และ MI6 กล่าวอ้างในบทบรรณาธิการร่วมที่ตีพิมพ์โดย Financial Times เมื่อวันเสาร์ว่า ระเบียบโลกกำลังถูกคุกคามจากรัฐต่างๆ

    ในบทความดังกล่าว บิล เบิร์นส์ และ ริชาร์ด มัวร์ ให้คำมั่นว่า วอชิงตันและลอนดอนจะทำงานควบคู่กันเพื่อรักษาสถานะเดิมในโลกที่เทคโนโลยีได้เร่งให้แนวโน้มทางภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้นอย่างมาก

    หลังจากความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วกับตะวันตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะความเป็นจ้าวโลกของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว และโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่การระบอบมหาอำนาจหลายขั้ว

    ในบทบรรณาธิการ เบิร์นส์และมัวร์ตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระเบียบโลกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระบบที่สมดุลซึ่งนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในระดับหนึ่ง และเสริมสร้างมาตรฐานการครองชีพ โอกาส และความเจริญรุ่งเรืองที่สูงขึ้นตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามเย็น"

    “วันนี้ เราร่วมมือกันในระบบระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกัน ซึ่งทั้งสองประเทศของเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หัวหน้าสายลับระดับสูงทั้งสองเขียนไว้

    บทความดังกล่าวเน้นย้ำถึง “รัสเซียที่กล้าแสดงออก” ในบริบทของความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งทั้ง CIA และ MI6 “มองเห็น… ว่ากำลังจะเกิดขึ้น” หัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองระบุว่าการสู้รบได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไร้คนควบคุมและการลาดตระเวนผ่านดาวเทียม

    นอกจากนี้ เบิร์นส์และมัวร์ยังกล่าวหาว่ามอสโกว่า “มีแคมเปญที่จะบ่อนทำลายทั่วทั้งยุโรป” ตลอดจนเผยแพร่ “คำโกหกและข้อมูลบิดเบือนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างเรา”

    อย่างไรก็ตาม ตามบทบรรณาธิการ ในสายตาของ CIA และ MI6 “ความท้าทายด้านข่าวกรองและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21” คือ “การเติบโตของจีน” หน่วยงานทั้งสองได้ปรับกระบวนการของตนใหม่เพื่อ “สะท้อนถึงลำดับความสำคัญนั้น” แล้ว

    โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าวที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) เมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า “เรากำลังพูดถึงแนวคิดพหุศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานเดิม และเราเห็นการต่อต้านอย่างสิ้นหวังของชาติตะวันตกโดยรวม... พวกเขาเห็นบรรทัดฐานนี้แตกต่างออกไป โดยมองว่าเป็นอำนาจเหนือกว่าผู้อื่นของพวกเขาเอง เป็นระเบียบโลกที่มีพื้นฐานอยู่บนกฎเดียว พวกเขาต้องครอบงำเหมือนเช่นก่อน และทุกคนต้องทำเฉพาะสิ่งที่มหาอำนาจที่มีอำนาจเหนือกว่าอนุญาตให้พวกเขาทำได้”

    นักการทูตคนดังกล่าวยืนกรานว่าวาทะกรรมของชาติตะวันตกไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยประเทศใหญ่ในโลก ซึ่งน้อมรับแนวคิดของอำนาจหลายขั้ว
    ซาคาโรวาเน้นย้ำในขณะนั้นว่า “เราไม่ควรลืมว่าชาติตะวันตกโดยรวมเป็นชนกลุ่มน้อย”


    CIA, MI6เตือนว่าจีนรัสเซียเป็นภัยต่อระเบียบโลก 9/9/2024 หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของอเมริกาและอังกฤษอย่าง CIA และ MI6 กล่าวอ้างในบทบรรณาธิการร่วมที่ตีพิมพ์โดย Financial Times เมื่อวันเสาร์ว่า ระเบียบโลกกำลังถูกคุกคามจากรัฐต่างๆ ในบทความดังกล่าว บิล เบิร์นส์ และ ริชาร์ด มัวร์ ให้คำมั่นว่า วอชิงตันและลอนดอนจะทำงานควบคู่กันเพื่อรักษาสถานะเดิมในโลกที่เทคโนโลยีได้เร่งให้แนวโน้มทางภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วกับตะวันตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะความเป็นจ้าวโลกของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว และโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่การระบอบมหาอำนาจหลายขั้ว ในบทบรรณาธิการ เบิร์นส์และมัวร์ตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระเบียบโลกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระบบที่สมดุลซึ่งนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในระดับหนึ่ง และเสริมสร้างมาตรฐานการครองชีพ โอกาส และความเจริญรุ่งเรืองที่สูงขึ้นตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามเย็น" “วันนี้ เราร่วมมือกันในระบบระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกัน ซึ่งทั้งสองประเทศของเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หัวหน้าสายลับระดับสูงทั้งสองเขียนไว้ บทความดังกล่าวเน้นย้ำถึง “รัสเซียที่กล้าแสดงออก” ในบริบทของความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งทั้ง CIA และ MI6 “มองเห็น… ว่ากำลังจะเกิดขึ้น” หัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองระบุว่าการสู้รบได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไร้คนควบคุมและการลาดตระเวนผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ เบิร์นส์และมัวร์ยังกล่าวหาว่ามอสโกว่า “มีแคมเปญที่จะบ่อนทำลายทั่วทั้งยุโรป” ตลอดจนเผยแพร่ “คำโกหกและข้อมูลบิดเบือนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างเรา” อย่างไรก็ตาม ตามบทบรรณาธิการ ในสายตาของ CIA และ MI6 “ความท้าทายด้านข่าวกรองและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21” คือ “การเติบโตของจีน” หน่วยงานทั้งสองได้ปรับกระบวนการของตนใหม่เพื่อ “สะท้อนถึงลำดับความสำคัญนั้น” แล้ว โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าวที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) เมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า “เรากำลังพูดถึงแนวคิดพหุศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานเดิม และเราเห็นการต่อต้านอย่างสิ้นหวังของชาติตะวันตกโดยรวม... พวกเขาเห็นบรรทัดฐานนี้แตกต่างออกไป โดยมองว่าเป็นอำนาจเหนือกว่าผู้อื่นของพวกเขาเอง เป็นระเบียบโลกที่มีพื้นฐานอยู่บนกฎเดียว พวกเขาต้องครอบงำเหมือนเช่นก่อน และทุกคนต้องทำเฉพาะสิ่งที่มหาอำนาจที่มีอำนาจเหนือกว่าอนุญาตให้พวกเขาทำได้” นักการทูตคนดังกล่าวยืนกรานว่าวาทะกรรมของชาติตะวันตกไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยประเทศใหญ่ในโลก ซึ่งน้อมรับแนวคิดของอำนาจหลายขั้ว ซาคาโรวาเน้นย้ำในขณะนั้นว่า “เราไม่ควรลืมว่าชาติตะวันตกโดยรวมเป็นชนกลุ่มน้อย”
    Like
    Haha
    29
    1 Comments 2 Shares 878 Views 0 Reviews
  • อนาคตของามนุษยชาติอยู่ในมือใคร?

    Sergei Naryshkin ผู้อำนวยการข่าวกรองระหว่างประเทศของรัสเซีย: "เห็นได้ชัดว่าอำนาจที่แท้จริงในตะวันตกอยู่ในมือของกลุ่มและบริษัทข้ามชาติที่มีทรัพยากร"

    นักข่าว: "คุณไม่ได้หมายถึง Rockefeller และ Rothschilds เหรอ?"

    Naryshikin: "ในความเป็นจริง มีบริษัทและกลุ่มดังกล่าวอีกมากมาย ดังนั้น ตามข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ รายได้รวมของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 500 แห่งจึงสูงถึงเกือบ 38 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2021

    ส่วนแบ่งหลักของบริษัทข้ามชาติคิดเป็นของบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รายได้ของพวกเขานำมาซึ่งประมาณ 16 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรสุทธิ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์

    ทุนของบริษัทข้ามชาติจำนวนหนึ่งมีมากกว่า GDP ของเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโลก และเงินกองทุนที่สร้างขึ้นโดยบริษัทเหล่านี้เพื่อเพิ่มความร่ำรวยอ้างว่าเป็นกลไกที่อยู่เหนือระดับโลกในการจัดการอนาคตของมนุษยชาติ"
    8/9/2024
    อนาคตของามนุษยชาติอยู่ในมือใคร? Sergei Naryshkin ผู้อำนวยการข่าวกรองระหว่างประเทศของรัสเซีย: "เห็นได้ชัดว่าอำนาจที่แท้จริงในตะวันตกอยู่ในมือของกลุ่มและบริษัทข้ามชาติที่มีทรัพยากร" นักข่าว: "คุณไม่ได้หมายถึง Rockefeller และ Rothschilds เหรอ?" Naryshikin: "ในความเป็นจริง มีบริษัทและกลุ่มดังกล่าวอีกมากมาย ดังนั้น ตามข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ รายได้รวมของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 500 แห่งจึงสูงถึงเกือบ 38 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2021 ส่วนแบ่งหลักของบริษัทข้ามชาติคิดเป็นของบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รายได้ของพวกเขานำมาซึ่งประมาณ 16 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรสุทธิ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ทุนของบริษัทข้ามชาติจำนวนหนึ่งมีมากกว่า GDP ของเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโลก และเงินกองทุนที่สร้างขึ้นโดยบริษัทเหล่านี้เพื่อเพิ่มความร่ำรวยอ้างว่าเป็นกลไกที่อยู่เหนือระดับโลกในการจัดการอนาคตของมนุษยชาติ" 8/9/2024
    Like
    Love
    Angry
    33
    0 Comments 2 Shares 806 Views 0 Reviews
  • เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ
    มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
    อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
    เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก
    “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง)
    พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน:

    “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
    อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน
    ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต
    ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
    ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่”

    IMCT News

    ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน: “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่” IMCT News ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    WWW.ARMSTRONGECONOMICS.COM
    US 2024 May be Our Last
    This year's election is shaping up to be decided in court rather than the ballot box. Both Donald Trump and Kamala Harris are preparing for what will become a
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    36
    1 Comments 1 Shares 950 Views 0 Reviews
  • ยุคเงินเฟ้อ1920sที่เยอรมัน ชาวบ้านเอาเงินกระดาษเป็นฟืนเผาไฟ
    ยุคเงินเฟ้อ1920sที่เยอรมัน ชาวบ้านเอาเงินกระดาษเป็นฟืนเผาไฟ
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    23
    1 Comments 0 Shares 730 Views 0 Reviews
  • จีนยกเลิกภาษีสินค้าจาก33ประเทศแอฟริกัน หมายความว่าผู้บริโภคจีนสามารถซื้อสินค้าจากแอฟิรกาได้โดยไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า การส่งออกจากแอฟริกาเข้าจีนจะเพิ่มขึ้น จีนซื้อใจแอฟริกาท้ังทวีป
    จีนยกเลิกภาษีสินค้าจาก33ประเทศแอฟริกัน หมายความว่าผู้บริโภคจีนสามารถซื้อสินค้าจากแอฟิรกาได้โดยไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า การส่งออกจากแอฟริกาเข้าจีนจะเพิ่มขึ้น จีนซื้อใจแอฟริกาท้ังทวีป
    Like
    Wow
    Love
    Haha
    Angry
    28
    0 Comments 0 Shares 777 Views 0 Reviews
  • มีไบเดนกี่ตัว?
    มีไบเดนกี่ตัว?
    Like
    Haha
    Yay
    31
    3 Comments 0 Shares 1237 Views 1 Reviews
  • Cut คือไม่ปกป้องดอลล่าร์ ไม่cut คือไม่ปกป้องเศรษฐกิจ นี้คือจุดจบของไซเกิ้ลทุนนิยมการเงิน คือให้เลือกเอาระหว่างค่าเงินล่มสลาย กับเศรษฐกิจพัง
    https://www.theguardian.com/business/article/2024/aug/23/us-feds-cut-interest-rates-powell
    Cut คือไม่ปกป้องดอลล่าร์ ไม่cut คือไม่ปกป้องเศรษฐกิจ นี้คือจุดจบของไซเกิ้ลทุนนิยมการเงิน คือให้เลือกเอาระหว่างค่าเงินล่มสลาย กับเศรษฐกิจพัง https://www.theguardian.com/business/article/2024/aug/23/us-feds-cut-interest-rates-powell
    WWW.THEGUARDIAN.COM
    ‘Time has come’ for US Federal Reserve to cut interest rates, says Powell
    Fed chairman hails progress in battle to bring down inflation, with cut rates starting from September
    Like
    Haha
    Wow
    33
    2 Comments 1 Shares 883 Views 0 Reviews
  • เยอรมันกำลังล่มสลาย ยุโรปจะตามมาสู่หนทางหายนะจากผลพวงของสงครามยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย
    เยอรมันกำลังล่มสลาย ยุโรปจะตามมาสู่หนทางหายนะจากผลพวงของสงครามยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย
    Like
    30
    1 Comments 1 Shares 885 Views 0 Reviews
  • ฐานยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง และไกลของสหรัฐปรากฎโฉมที่ฟิลิปินส์
    4/9/2024

    เซอร์เก้ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่า ระบบขีปนาวุธของสหรัฐที่ถูกแบนได้ปรากฏตัวที่เอเชียตะวันออก และ เอเชียเหนือ
    เขาบอกว่าระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง และ พิสัยไกลของสหรัฐได้ถูกติดตั้งที่เดนมาร์ก และฟิลิปปินส์แล้ว
    ถ้าระบบขีปนาวุธนี้ถูกติดตั้งที่ประเทศไทย ก็เป็นอันปิดฉากประเทศไทย
    เพราะไทยจะตกเป็นเป้าของขีปนาวุธจีน


    ฐานยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง และไกลของสหรัฐปรากฎโฉมที่ฟิลิปินส์ 4/9/2024 เซอร์เก้ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่า ระบบขีปนาวุธของสหรัฐที่ถูกแบนได้ปรากฏตัวที่เอเชียตะวันออก และ เอเชียเหนือ เขาบอกว่าระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง และ พิสัยไกลของสหรัฐได้ถูกติดตั้งที่เดนมาร์ก และฟิลิปปินส์แล้ว ถ้าระบบขีปนาวุธนี้ถูกติดตั้งที่ประเทศไทย ก็เป็นอันปิดฉากประเทศไทย เพราะไทยจะตกเป็นเป้าของขีปนาวุธจีน
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    19
    0 Comments 2 Shares 907 Views 0 Reviews
  • Is Thailand being colonized by the World Economic Forum? https://www.youtube.com/watch?v=dU--iT8mt5U
    Is Thailand being colonized by the World Economic Forum? https://www.youtube.com/watch?v=dU--iT8mt5U
    Like
    Sad
    Wow
    Haha
    Angry
    21
    1 Comments 0 Shares 839 Views 0 Reviews
  • ใครมีนุ๊กแค่ไหน
    ใครมีนุ๊กแค่ไหน
    Like
    Haha
    Wow
    17
    2 Comments 0 Shares 907 Views 0 Reviews
  • ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ มารเป็นเลิศ
    ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ มารเป็นเลิศ
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    Sad
    82
    19 Comments 0 Shares 3620 Views 0 Reviews
More Stories