• แล้วไง ปรากฏว่าการปิดกั้นของอเมริกาไม่ได้ผล (หรือได้ผลอีกแบบ) การสู้รบขยายวงกว้างไปทั่ว และยืดเยื้อ เกิดเป็นสงครามอินโดจีนของจริง อเมริกา (ปล่อยข่าวว่า) ทำท่าจะเอาไม่อยู่
    ปี พ.ศ.2496 (ค.ศ.1953) อเมริกาจึงปรับการให้ความช่วยเหลือแก่ไทยใหม่ คราวนี้ขุดหลุมลึกซึ้งเหลือ เชื่อขึ้นไปอีก โดยผ่านกลไกของ CIA ซึ่งสมัยนู้น ยังเรียก OSS อยู่ (ชื่อเต็มคือ Office of the Strategic Services) คงพอเดาออกนะครับ ว่าหน่วยงานนี้เขาทำหน้าที่อะไร
    โดยกลไกของพี่ซี (CIA) อเมริกาตั้งบริษัทซีซัพ พลาย (Sea Supply) ขึ้นในไทย มาทำหน้าที่ซื้อ ขายอาวุธ จัดตั้งกองกำลัง ให้การฝึก และวิทยาการฯลฯ (ทำกิจกรรมตรงตามชื่อเลย ไม่มีปิดบัง เหนียมอาย)
    ผู้ที่มาทำหน้าที่ดูแลซีซัพพลาย เป็นทีมใหญ่ซึ่งถูกฝึกมาจากมือเก๋าของ OSS คือคุณวิลเลี่ยม โดโนแวน (William Donovan) คนเก่ง ซีตัวพ่อของจริง (สมญา “Wild Bill Donovan”) เขาว่า แกเก่งแบบพระ เอกหนังเลยนะคุณโดคนนี้
    คุณโดโนแวน (Donovan) วางแผนรูปแบบขบวนการกระชับวงล้อมคอมมี่อินโดจีน อย่างจัดเต็ม วางแผนเสร็จแล้ว ก็มอบให้แก๊งคุณเบิร์ด (Bird) คนพี่ และคุณเบิร์ด (Bird) คนน้อง เป็นชุดปฏิบัติการ แว่วว่า เดี๋ยวนี้ลูกหลานคุณเบิร์ด ก็ยังสืบถอดงานบางประการของคุณป๊ะป๋าอยู่แถวเชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ไปทำอะไร ตามหากันเองแล้วกัน
    อ้อ ลืมเล่า คุณเบิร์ด อยู่เมืองไทยนานๆ ก็แน่นอน ย่อมมีภรรยาเป็นสาวไทย อย่าให้พูดเลยนะ ว่าเป็นใคร ญาติใคร รู้แล้วจะหนาว ก๊วนคุณเบิร์ดนี่ยังกะหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) หนึ่งในก๊วนก็คือคุณจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ราชาผ้าไหมไทย ชีวิตคุณจิมนี่ สนุก โลดโผน น่าเอาไปทำหนัง ว่างๆ ไปหาหนังสือชีวประวัติแกอ่านดูนะครับ
    ผู้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากซีซัพพลายคือ กรมตำรวจ ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์… หวังว่ายังคงจำชื่อนี้กันได้ และถ้าไม่บอกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง พล.ต.อ.เผ่า กับซีซัพพลาย เรื่องก็จะไม่ครบรสชาติ ฟังแล้วรับรอง ร้องซี้ด เขาผู้นั้นเป็นนายทหารอากาศ หนุ่มลูกครึ่ง รูปหล่อ มาดขรึม ชื่อ สิทธิ เศวตศิลา ครับผม…

    ซีซัพพลาย ช่วยกรมตำรวจ จัดตั้งและทำการฝึก ตำรวจพลร่ม ตำรวจตระเวนชายแดน และสร้างศูนย์ฝึกชื่อ ค่ายนเรศวรอยู่แถวบ่อฝ้าย หัวหิน เพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึก ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยครบเครื่อง มีตำรวจอะไรอีกมั้ย ที่ยังไม่ได้ตั้ง อ้อ ตำรวจแก๊สน้ำตา อันนี้มาตั้งตอนหลัง เดี๋ยวก็มาเอง ไม่ต้องรอนาน
    ทุกวันนี้ค่ายนเรศวร ยังใช้การอยู่ สภาพเป็นอย่างไร คงต้องไปถาม วีระ ตู่ เต้น ฯลฯ ช่วงหลังกระชับวงล้อมที่ราชประสงค์ เขาว่าเหมือนกับอยู่รีสอร์ทหรูชายทะเล นี่ขนาดตั้งมากว่า 50 ปีแล้วนะ
    แต่โปรดอย่าลืมชื่อค่ายนี้ …มีของดีเล่าตอนหลัง หลังจากฝึกกันจนเข้าฝัก ตชด. บวกคนของซีซัพพลาย ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามคำสั่งของคุณพี่ซี งานหลักของกองกำลังซีซัพพลายกับ ตชด. คือ ร่วมมือกับกองพลก๊กมินตั๋ง (จีนไต้หวัน ภายใต้การนำของนายพลเจียงไคเช็ค เด็กสร้างของอเมริกา ที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เขาสร้างมาให้สู้…) สู้กับจีนคอมมิวนิสต์
    ขณะเดียวกัน ก็รับฝิ่นจากกองพลก๊กมินตั๋งส่งขายทั่วโลก เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้เป็นเงินทุนสู้รบกับคอมมี่ เขาอ้างว่าอย่างนั้น เพราะปฏิบัติการซีซัพพลาย (operation sea supply) มันอยู่ off book (นอกระบบ) มันส์จริงๆ ! นี่เอามาจากรายงานของคุณพี่มหามิตรเองนะ ไม่ได้มั่ว คงพอนึกออกแล้วนะ คำว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” มาจากไหน
    เอ๊ะ! แล้วรูปแบบกองกำลังตำรวจของ พวกตำรวจ ประเภทมีวันนี้เพราะพี่ให้ วันสอยม็อบเสธอ้าย กับวันสยบม็อบลุงเอี่ยม นี่มาจากไหนนะ คลับคล้ายคลับคลาจริงมาแล้วไง ตำรวจแก๊สน้ำตา รูปแบบเหมือน Homeland Security ของใครนะ
    สงครามอินโดจีน เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) จบสิ้นเอาปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979)
    ระหว่างนั้นรัฐบาลไทยเปลี่ยนไปหลายยุค แต่ไม่ว่ายุคไหน ก็อยู่ในความดูแลของพี่เบิ้ม มหามิตรอเมริกาทั้งสิ้น
    อเมริกาไม่เคยเล่นไพ่ใบเดียว จำตรงนี้ให้ดีๆ เมื่อให้ซีซัพพลายกับ คุณป๋าเผ่า มือขวาของจอมพลแปลกอเมริกาก็ต้องมีอะไรให้มือซ้าย คือ คุณป๋าสฤษดิ์ด้วย
    ช่วงปี พ.ศ.2490 ถึงพ.ศ.2499 แม้จอมพล ป จะเป็นนายกฯ แต่ไม่มีกองกำลังจริงๆอยู่ในมือ กำลังตำรวจซึ่งแข็งปึกอยู่กับ คุณป๋าเผ่า ส่วนกำลังทหารขึ้นอยู่กันคุณป๋าสฤษดิ์ ทั้ง 2ฝ่ายก็ต่างกินก๋วยเตี๋ยวไม่เส้นด้วยกัน

    การเมืองไทยช่วงนั้นสนุกจริงๆ แต่ต้องนับถือสายตาพญาอินทรี มองการณ์ไกลรู้ว่าจะเลี้ยงใคร ใช้ใคร
    อเมริกาก็ใช้ทั้ง 2 คน สนับสนุนทั้ง 2 คนนั่นแหละ เพราะหวยยังไม่ออกว่า เมื่อจอมพล ป. หมดอำนาจแล้ว ใครจะขึ้นมาแทน ระหว่างนั้น อเมริกาก็จะประเมิน ผลได้ผลเสียของอเมริกาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การบริหารของไพ่ทุกใบที่อเมริกาเล่น จนถึงจุดหนึ่งที่เห็นชัดพอว่า ตัวเลือกหรือไพ่ใบไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นภาระอเมริกาก็จะมีวิธีจัดการกับไพ่ที่อเมริกาไม่เล่นต่อ  อืม… น่าสนใจ หัดสังเกตกันไว้นะครับ
    แล้วตอนนี้ละจ๊ะ อเมริกาเขาเล่นทั้งหน้าเหลี่ยมและหน้าหล่อ สีเหลือง สีแดง สีฟ้า กีฬาสีหรือเปล่านะ
    และยังมีพี่ทหารอีกด้วย โปรดอย่าลืมเรื่องนี้สำมคัญ อ่านๆ ไปแล้วจะรู้ว่าพี่ทหารนี้ยอดดวงใจของอเมริกาขนาดไหน!

    คนเล่านิทาน
     แล้วไง ปรากฏว่าการปิดกั้นของอเมริกาไม่ได้ผล (หรือได้ผลอีกแบบ) การสู้รบขยายวงกว้างไปทั่ว และยืดเยื้อ เกิดเป็นสงครามอินโดจีนของจริง อเมริกา (ปล่อยข่าวว่า) ทำท่าจะเอาไม่อยู่ ปี พ.ศ.2496 (ค.ศ.1953) อเมริกาจึงปรับการให้ความช่วยเหลือแก่ไทยใหม่ คราวนี้ขุดหลุมลึกซึ้งเหลือ เชื่อขึ้นไปอีก โดยผ่านกลไกของ CIA ซึ่งสมัยนู้น ยังเรียก OSS อยู่ (ชื่อเต็มคือ Office of the Strategic Services) คงพอเดาออกนะครับ ว่าหน่วยงานนี้เขาทำหน้าที่อะไร โดยกลไกของพี่ซี (CIA) อเมริกาตั้งบริษัทซีซัพ พลาย (Sea Supply) ขึ้นในไทย มาทำหน้าที่ซื้อ ขายอาวุธ จัดตั้งกองกำลัง ให้การฝึก และวิทยาการฯลฯ (ทำกิจกรรมตรงตามชื่อเลย ไม่มีปิดบัง เหนียมอาย) ผู้ที่มาทำหน้าที่ดูแลซีซัพพลาย เป็นทีมใหญ่ซึ่งถูกฝึกมาจากมือเก๋าของ OSS คือคุณวิลเลี่ยม โดโนแวน (William Donovan) คนเก่ง ซีตัวพ่อของจริง (สมญา “Wild Bill Donovan”) เขาว่า แกเก่งแบบพระ เอกหนังเลยนะคุณโดคนนี้ คุณโดโนแวน (Donovan) วางแผนรูปแบบขบวนการกระชับวงล้อมคอมมี่อินโดจีน อย่างจัดเต็ม วางแผนเสร็จแล้ว ก็มอบให้แก๊งคุณเบิร์ด (Bird) คนพี่ และคุณเบิร์ด (Bird) คนน้อง เป็นชุดปฏิบัติการ แว่วว่า เดี๋ยวนี้ลูกหลานคุณเบิร์ด ก็ยังสืบถอดงานบางประการของคุณป๊ะป๋าอยู่แถวเชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ไปทำอะไร ตามหากันเองแล้วกัน อ้อ ลืมเล่า คุณเบิร์ด อยู่เมืองไทยนานๆ ก็แน่นอน ย่อมมีภรรยาเป็นสาวไทย อย่าให้พูดเลยนะ ว่าเป็นใคร ญาติใคร รู้แล้วจะหนาว ก๊วนคุณเบิร์ดนี่ยังกะหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) หนึ่งในก๊วนก็คือคุณจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ราชาผ้าไหมไทย ชีวิตคุณจิมนี่ สนุก โลดโผน น่าเอาไปทำหนัง ว่างๆ ไปหาหนังสือชีวประวัติแกอ่านดูนะครับ ผู้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากซีซัพพลายคือ กรมตำรวจ ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์… หวังว่ายังคงจำชื่อนี้กันได้ และถ้าไม่บอกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง พล.ต.อ.เผ่า กับซีซัพพลาย เรื่องก็จะไม่ครบรสชาติ ฟังแล้วรับรอง ร้องซี้ด เขาผู้นั้นเป็นนายทหารอากาศ หนุ่มลูกครึ่ง รูปหล่อ มาดขรึม ชื่อ สิทธิ เศวตศิลา ครับผม… ซีซัพพลาย ช่วยกรมตำรวจ จัดตั้งและทำการฝึก ตำรวจพลร่ม ตำรวจตระเวนชายแดน และสร้างศูนย์ฝึกชื่อ ค่ายนเรศวรอยู่แถวบ่อฝ้าย หัวหิน เพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึก ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยครบเครื่อง มีตำรวจอะไรอีกมั้ย ที่ยังไม่ได้ตั้ง อ้อ ตำรวจแก๊สน้ำตา อันนี้มาตั้งตอนหลัง เดี๋ยวก็มาเอง ไม่ต้องรอนาน ทุกวันนี้ค่ายนเรศวร ยังใช้การอยู่ สภาพเป็นอย่างไร คงต้องไปถาม วีระ ตู่ เต้น ฯลฯ ช่วงหลังกระชับวงล้อมที่ราชประสงค์ เขาว่าเหมือนกับอยู่รีสอร์ทหรูชายทะเล นี่ขนาดตั้งมากว่า 50 ปีแล้วนะ แต่โปรดอย่าลืมชื่อค่ายนี้ …มีของดีเล่าตอนหลัง หลังจากฝึกกันจนเข้าฝัก ตชด. บวกคนของซีซัพพลาย ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามคำสั่งของคุณพี่ซี งานหลักของกองกำลังซีซัพพลายกับ ตชด. คือ ร่วมมือกับกองพลก๊กมินตั๋ง (จีนไต้หวัน ภายใต้การนำของนายพลเจียงไคเช็ค เด็กสร้างของอเมริกา ที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เขาสร้างมาให้สู้…) สู้กับจีนคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกัน ก็รับฝิ่นจากกองพลก๊กมินตั๋งส่งขายทั่วโลก เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้เป็นเงินทุนสู้รบกับคอมมี่ เขาอ้างว่าอย่างนั้น เพราะปฏิบัติการซีซัพพลาย (operation sea supply) มันอยู่ off book (นอกระบบ) มันส์จริงๆ ! นี่เอามาจากรายงานของคุณพี่มหามิตรเองนะ ไม่ได้มั่ว คงพอนึกออกแล้วนะ คำว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” มาจากไหน เอ๊ะ! แล้วรูปแบบกองกำลังตำรวจของ พวกตำรวจ ประเภทมีวันนี้เพราะพี่ให้ วันสอยม็อบเสธอ้าย กับวันสยบม็อบลุงเอี่ยม นี่มาจากไหนนะ คลับคล้ายคลับคลาจริงมาแล้วไง ตำรวจแก๊สน้ำตา รูปแบบเหมือน Homeland Security ของใครนะ สงครามอินโดจีน เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) จบสิ้นเอาปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979) ระหว่างนั้นรัฐบาลไทยเปลี่ยนไปหลายยุค แต่ไม่ว่ายุคไหน ก็อยู่ในความดูแลของพี่เบิ้ม มหามิตรอเมริกาทั้งสิ้น อเมริกาไม่เคยเล่นไพ่ใบเดียว จำตรงนี้ให้ดีๆ เมื่อให้ซีซัพพลายกับ คุณป๋าเผ่า มือขวาของจอมพลแปลกอเมริกาก็ต้องมีอะไรให้มือซ้าย คือ คุณป๋าสฤษดิ์ด้วย ช่วงปี พ.ศ.2490 ถึงพ.ศ.2499 แม้จอมพล ป จะเป็นนายกฯ แต่ไม่มีกองกำลังจริงๆอยู่ในมือ กำลังตำรวจซึ่งแข็งปึกอยู่กับ คุณป๋าเผ่า ส่วนกำลังทหารขึ้นอยู่กันคุณป๋าสฤษดิ์ ทั้ง 2ฝ่ายก็ต่างกินก๋วยเตี๋ยวไม่เส้นด้วยกัน การเมืองไทยช่วงนั้นสนุกจริงๆ แต่ต้องนับถือสายตาพญาอินทรี มองการณ์ไกลรู้ว่าจะเลี้ยงใคร ใช้ใคร อเมริกาก็ใช้ทั้ง 2 คน สนับสนุนทั้ง 2 คนนั่นแหละ เพราะหวยยังไม่ออกว่า เมื่อจอมพล ป. หมดอำนาจแล้ว ใครจะขึ้นมาแทน ระหว่างนั้น อเมริกาก็จะประเมิน ผลได้ผลเสียของอเมริกาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การบริหารของไพ่ทุกใบที่อเมริกาเล่น จนถึงจุดหนึ่งที่เห็นชัดพอว่า ตัวเลือกหรือไพ่ใบไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นภาระอเมริกาก็จะมีวิธีจัดการกับไพ่ที่อเมริกาไม่เล่นต่อ  อืม… น่าสนใจ หัดสังเกตกันไว้นะครับ แล้วตอนนี้ละจ๊ะ อเมริกาเขาเล่นทั้งหน้าเหลี่ยมและหน้าหล่อ สีเหลือง สีแดง สีฟ้า กีฬาสีหรือเปล่านะ และยังมีพี่ทหารอีกด้วย โปรดอย่าลืมเรื่องนี้สำมคัญ อ่านๆ ไปแล้วจะรู้ว่าพี่ทหารนี้ยอดดวงใจของอเมริกาขนาดไหน! คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก—แต่ข้อมูลที่หลุดอาจมาจากอดีตคู่แข่งที่ล้มละลาย

    INC Ransom ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรทั่วโลก ได้โพสต์ชื่อ Dollar Tree บนเว็บไซต์ของตน พร้อมอ้างว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 1.2TB ซึ่งรวมถึงเอกสารสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง และขู่ว่าจะเปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่

    แต่ Dollar Tree ออกแถลงการณ์ปฏิเสธทันที โดยระบุว่า “ข้อมูลที่หลุดนั้นเป็นของ 99 Cents Only” ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 และ Dollar Tree ได้ซื้อสิทธิ์การเช่าอาคารบางแห่งมาเปิดร้านใหม่เท่านั้น ไม่ได้ซื้อระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทนั้นแต่อย่างใด

    99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ทำให้ไม่สามารถยืนยันข้อมูลจากฝั่งนั้นได้ ขณะที่ Dollar Tree ยืนยันว่า “ไม่มีการเจาะระบบของเรา” และ “ไม่มีการซื้อข้อมูลหรือระบบจาก 99 Cents Only”

    INC Ransom อ้างว่าเจาะระบบ Dollar Tree และขโมยข้อมูล 1.2TB
    รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง
    ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่จ่ายค่าไถ่

    Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก และระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ 99 Cents Only
    บริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024
    Dollar Tree ซื้อแค่สิทธิ์การเช่าอาคาร ไม่ได้ซื้อระบบหรือข้อมูล

    99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว
    Dollar Tree เปิดร้านใหม่ในอาคารเดิม 170 แห่ง
    ไม่มีการรวมระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทเดิม

    Dollar Tree เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ มีรายได้กว่า $17.6 พันล้านในปี 2024
    มีสาขากว่า 15,000 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา
    มีพนักงานมากกว่า 65,000 คน

    INC Ransom เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ multi-extortion ที่โจมตีองค์กรทั่วโลก
    เคยโจมตีองค์กรในภาครัฐ การศึกษา และสุขภาพ
    ใช้เทคนิคขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่

    99 Cents Only ยื่นล้มละลายในเดือนเมษายน 2024 จากผลกระทบของเงินเฟ้อ โควิด และการแข่งขันที่รุนแรง
    ปิดกิจการทั้งหมดภายในกลางปี 2024
    เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกที่ล้มละลายจากภาวะเศรษฐกิจ

    INC Ransom เคยโจมตีองค์กรระดับสูง เช่น Stark AeroSpace และ Xerox Corporation
    ไม่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง
    มีเหยื่อมากกว่า 200 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

    การโจมตีแบบ multi-extortion คือการขโมยข้อมูล + ขู่เปิดเผย + เรียกค่าไถ่ เป็นรูปแบบที่เพิ่มแรงกดดันให้เหยื่อยอมจ่าย ต้องมีระบบป้องกันและแผนตอบสนองที่ชัดเจน

    การซื้อกิจการหรือทรัพย์สินจากบริษัทที่ล้มละลายต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด
    ไม่ใช่แค่ตรวจสอบทรัพย์สินทางกายภาพ แต่ต้องรวมถึงระบบดิจิทัล
    ควรมีการล้างข้อมูลและ audit ก่อนนำมาใช้งาน

    แม้ Dollar Tree จะไม่ถูกเจาะโดยตรง แต่ข้อมูลจาก 99 Cents Only อาจมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าเดิมหรือพนักงานที่ยังมีผลกระทบ
    หากข้อมูลนั้นยังมีความเชื่อมโยงกับระบบที่ Dollar Tree ใช้ อาจเกิดความเสี่ยง
    ต้องตรวจสอบว่าไม่มีการนำข้อมูลเดิมมาใช้ซ้ำในระบบใหม่

    การซื้อสิทธิ์เช่าอาคารโดยไม่ซื้อระบบ ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลจะปลอดภัยเสมอไป
    หากมีการโอนอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ได้ล้างข้อมูล อาจเกิดการรั่วไหล
    ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินดิจิทัลอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้งาน

    การปฏิเสธการถูกแฮกอาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการตรวจสอบระบบอย่างโปร่งใส
    ควรมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก
    เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตร

    การโจมตีแบบ multi-extortion ของ INC Ransom อาจยังดำเนินต่อไป แม้บริษัทจะไม่จ่ายค่าไถ่
    ข้อมูลอาจถูกเปิดเผยในอนาคตเพื่อกดดันเพิ่มเติม
    ต้องเตรียมแผนรับมือด้านสื่อและกฎหมายล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/pro/security/dollar-tree-denies-data-breach-says-hacker-targeted-its-rival-instead
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก—แต่ข้อมูลที่หลุดอาจมาจากอดีตคู่แข่งที่ล้มละลาย INC Ransom ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรทั่วโลก ได้โพสต์ชื่อ Dollar Tree บนเว็บไซต์ของตน พร้อมอ้างว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 1.2TB ซึ่งรวมถึงเอกสารสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง และขู่ว่าจะเปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ Dollar Tree ออกแถลงการณ์ปฏิเสธทันที โดยระบุว่า “ข้อมูลที่หลุดนั้นเป็นของ 99 Cents Only” ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 และ Dollar Tree ได้ซื้อสิทธิ์การเช่าอาคารบางแห่งมาเปิดร้านใหม่เท่านั้น ไม่ได้ซื้อระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทนั้นแต่อย่างใด 99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ทำให้ไม่สามารถยืนยันข้อมูลจากฝั่งนั้นได้ ขณะที่ Dollar Tree ยืนยันว่า “ไม่มีการเจาะระบบของเรา” และ “ไม่มีการซื้อข้อมูลหรือระบบจาก 99 Cents Only” ✅ INC Ransom อ้างว่าเจาะระบบ Dollar Tree และขโมยข้อมูล 1.2TB ➡️ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง ➡️ ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่จ่ายค่าไถ่ ✅ Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก และระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ 99 Cents Only ➡️ บริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 ➡️ Dollar Tree ซื้อแค่สิทธิ์การเช่าอาคาร ไม่ได้ซื้อระบบหรือข้อมูล ✅ 99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ➡️ Dollar Tree เปิดร้านใหม่ในอาคารเดิม 170 แห่ง ➡️ ไม่มีการรวมระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทเดิม ✅ Dollar Tree เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ มีรายได้กว่า $17.6 พันล้านในปี 2024 ➡️ มีสาขากว่า 15,000 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา ➡️ มีพนักงานมากกว่า 65,000 คน ✅ INC Ransom เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ multi-extortion ที่โจมตีองค์กรทั่วโลก ➡️ เคยโจมตีองค์กรในภาครัฐ การศึกษา และสุขภาพ ➡️ ใช้เทคนิคขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ✅ 99 Cents Only ยื่นล้มละลายในเดือนเมษายน 2024 จากผลกระทบของเงินเฟ้อ โควิด และการแข่งขันที่รุนแรง ➡️ ปิดกิจการทั้งหมดภายในกลางปี 2024 ➡️ เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกที่ล้มละลายจากภาวะเศรษฐกิจ ✅ INC Ransom เคยโจมตีองค์กรระดับสูง เช่น Stark AeroSpace และ Xerox Corporation ➡️ ไม่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ➡️ มีเหยื่อมากกว่า 200 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ✅ การโจมตีแบบ multi-extortion คือการขโมยข้อมูล + ขู่เปิดเผย + เรียกค่าไถ่ ➡️ เป็นรูปแบบที่เพิ่มแรงกดดันให้เหยื่อยอมจ่าย ➡️ ต้องมีระบบป้องกันและแผนตอบสนองที่ชัดเจน ✅ การซื้อกิจการหรือทรัพย์สินจากบริษัทที่ล้มละลายต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด ➡️ ไม่ใช่แค่ตรวจสอบทรัพย์สินทางกายภาพ แต่ต้องรวมถึงระบบดิจิทัล ➡️ ควรมีการล้างข้อมูลและ audit ก่อนนำมาใช้งาน ‼️ แม้ Dollar Tree จะไม่ถูกเจาะโดยตรง แต่ข้อมูลจาก 99 Cents Only อาจมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าเดิมหรือพนักงานที่ยังมีผลกระทบ ⛔ หากข้อมูลนั้นยังมีความเชื่อมโยงกับระบบที่ Dollar Tree ใช้ อาจเกิดความเสี่ยง ⛔ ต้องตรวจสอบว่าไม่มีการนำข้อมูลเดิมมาใช้ซ้ำในระบบใหม่ ‼️ การซื้อสิทธิ์เช่าอาคารโดยไม่ซื้อระบบ ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลจะปลอดภัยเสมอไป ⛔ หากมีการโอนอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ได้ล้างข้อมูล อาจเกิดการรั่วไหล ⛔ ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินดิจิทัลอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้งาน ‼️ การปฏิเสธการถูกแฮกอาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการตรวจสอบระบบอย่างโปร่งใส ⛔ ควรมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก ⛔ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตร ‼️ การโจมตีแบบ multi-extortion ของ INC Ransom อาจยังดำเนินต่อไป แม้บริษัทจะไม่จ่ายค่าไถ่ ⛔ ข้อมูลอาจถูกเปิดเผยในอนาคตเพื่อกดดันเพิ่มเติม ⛔ ต้องเตรียมแผนรับมือด้านสื่อและกฎหมายล่วงหน้า https://www.techradar.com/pro/security/dollar-tree-denies-data-breach-says-hacker-targeted-its-rival-instead
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต'

    3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่

    1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ

    2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก

    3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน

    ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

    ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป

    แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง

    อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น

    #Newskit
    เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต' 3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ 2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก 3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว

    ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

    เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต

    ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร

    UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์
    มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง
    สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม

    เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม
    หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud
    ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง

    เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ
    หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ
    UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ

    IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022
    ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม
    สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ

    UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา
    ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง
    ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    🧠 เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร ✅ UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์ ➡️ มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง ➡️ สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม ✅ เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม ➡️ หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud ➡️ ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง ✅ เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ➡️ หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ ➡️ UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ ✅ IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022 ➡️ ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม ➡️ สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ✅ UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา ➡️ ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง ➡️ ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UN sounds alarm on SE Asia scam centre surge
    Too often, instead of getting help, victims are arrested for crimes they were forced to commit, the head of the UN's migration agency said on World Day Against Trafficking in Persons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของกระบวนการเกิดความอยากอาหาร รวมทั้งความเข้าใจที่ยังไม่สมบูรณ์ในเรื่องนี้ เราก็ไม่ควรแปลกใจที่ยา ปรับความอยากอาหารประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในการทำให้ คนกินอาหารลดลง (ยาผสมระหว่างเฟนฟลูรามีน (fenfluramine) และ เฟนเทอร์มิน (phentermine) หรือ “เฟนเฟน” (fen-phen) ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการลดความอยากอาหาร แต่ก็พบว่ายาตัวนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลิ้นหัวใจ ทำให้ถูกถอนออกจากตลาด ไปแล้ว) นักวิจัยในมหาวิทยาลัยและในบริษัทยายังคงทำงานอย่างจริง จังเพื่อค้นหายาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคอ้วนชนิดรุนแรงจน ถึงตอนนี้เรายังคงห่างไกลจากการค้นพบยาดังกล่าว อย่างไรก็ตามมีการรักษาชนิดหนึ่งที่พบว่ามีประสิทธิภาพ และที่น่าแปลกก็คือมันไม่ใช่ยาแต่เป็นการผ่าตัด

    จากหนังสือ #เหยื่อหมอ? #Complications
    เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของกระบวนการเกิดความอยากอาหาร รวมทั้งความเข้าใจที่ยังไม่สมบูรณ์ในเรื่องนี้ เราก็ไม่ควรแปลกใจที่ยา ปรับความอยากอาหารประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในการทำให้ คนกินอาหารลดลง (ยาผสมระหว่างเฟนฟลูรามีน (fenfluramine) และ เฟนเทอร์มิน (phentermine) หรือ “เฟนเฟน” (fen-phen) ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการลดความอยากอาหาร แต่ก็พบว่ายาตัวนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลิ้นหัวใจ ทำให้ถูกถอนออกจากตลาด ไปแล้ว) นักวิจัยในมหาวิทยาลัยและในบริษัทยายังคงทำงานอย่างจริง จังเพื่อค้นหายาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคอ้วนชนิดรุนแรงจน ถึงตอนนี้เรายังคงห่างไกลจากการค้นพบยาดังกล่าว อย่างไรก็ตามมีการรักษาชนิดหนึ่งที่พบว่ามีประสิทธิภาพ และที่น่าแปลกก็คือมันไม่ใช่ยาแต่เป็นการผ่าตัด จากหนังสือ #เหยื่อหมอ? #Complications
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อทวดหลังหนังสือนูน วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
    หลวงพ่อทวดหลังหนังสือนูน พิมพ์ใหญ่ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี //พระเก่า พศ.ลีก ไม่ทราบปีครับ // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณ"แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>

    ** หลวงพ่อทวดหลังหนังสือ วัดช้างให้ ราคาขยับขึ้นทุกวันเพราะรุ่นอืนๆ ราคาหลักหมื่น - แสน กันหมดแล้ว ในส่วนของพระพิมนีัเริ่มหายากขึ้นทุกวันแล้วครับ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ,พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาที่รู้จักกันดีในประเทศไทย ผู้ที่ศรัทธาในหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่าพระเครื่องที่สร้างเนื่องด้วยท่านจะมีอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้มีพระเครื่องหลวงปู่ทวดในครอบครอง ปัจจุบันหลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาในประเทศไทยที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก ซึ่งเป็นพระที่มีผู้เคารพ บูชานับถือทั่วประเทศไทย >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวดหลังหนังสือนูน วัดช้างให้ จ.ปัตตานี หลวงพ่อทวดหลังหนังสือนูน พิมพ์ใหญ่ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี //พระเก่า พศ.ลีก ไม่ทราบปีครับ // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณ"แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** หลวงพ่อทวดหลังหนังสือ วัดช้างให้ ราคาขยับขึ้นทุกวันเพราะรุ่นอืนๆ ราคาหลักหมื่น - แสน กันหมดแล้ว ในส่วนของพระพิมนีัเริ่มหายากขึ้นทุกวันแล้วครับ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ,พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาที่รู้จักกันดีในประเทศไทย ผู้ที่ศรัทธาในหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่าพระเครื่องที่สร้างเนื่องด้วยท่านจะมีอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้มีพระเครื่องหลวงปู่ทวดในครอบครอง ปัจจุบันหลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาในประเทศไทยที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก ซึ่งเป็นพระที่มีผู้เคารพ บูชานับถือทั่วประเทศไทย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศบ.ทก.เผยคืนที่ผ่านมากัมพูชายังคุกคามไทย 4 พื้นที่ แต่ไทยอดทนอดกลั้นยึดแนวทางสันติภาพ หวังกัมพูชาเดินตามกรอบความตกลง-เกิดสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ รอหนังสือเชิญประชุม GBC 4 ส.ค.นี้ สั่งห้าม 14 พื้นที่บินโดรนโดยเด็ดขาด ขอสื่อช่วยกันรีเช็คข้อมูลก่อนเผยแพร่ ขณะ กต.ทำงานเชิงรุก รายงานกงสุลทั่วโลก เน้นสื่อสารข้อเท็จจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072001

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศบ.ทก.เผยคืนที่ผ่านมากัมพูชายังคุกคามไทย 4 พื้นที่ แต่ไทยอดทนอดกลั้นยึดแนวทางสันติภาพ หวังกัมพูชาเดินตามกรอบความตกลง-เกิดสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ รอหนังสือเชิญประชุม GBC 4 ส.ค.นี้ สั่งห้าม 14 พื้นที่บินโดรนโดยเด็ดขาด ขอสื่อช่วยกันรีเช็คข้อมูลก่อนเผยแพร่ ขณะ กต.ทำงานเชิงรุก รายงานกงสุลทั่วโลก เน้นสื่อสารข้อเท็จจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072001 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มาริษ" เผยส่งหนังสือประท้วงพร้อมหลักฐานกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึงอาเซียน-มาเลเซีย-สหรัฐฯ-จีน-ทูต UN รับทราบแล้ว ลั่น! ไทยยังมีสิทธิตอบโต้ตามสัดส่วน มั่นใจการบิดเบือนไม่สามารถเอาชนะได้ ลั่น! ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความสุภาพบุรุษ - ไม่ยอมเสียอธิปไตย-บูรณภาพแห่งดินแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071663

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "มาริษ" เผยส่งหนังสือประท้วงพร้อมหลักฐานกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึงอาเซียน-มาเลเซีย-สหรัฐฯ-จีน-ทูต UN รับทราบแล้ว ลั่น! ไทยยังมีสิทธิตอบโต้ตามสัดส่วน มั่นใจการบิดเบือนไม่สามารถเอาชนะได้ ลั่น! ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความสุภาพบุรุษ - ไม่ยอมเสียอธิปไตย-บูรณภาพแห่งดินแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071663 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    จับ 'สายลับเขมร' ยศร้อยโทสังกัดหน่วยข่าวกรอง คอยแจ้งพิกัดทหารไทยแนวชายแดนจันทบุรี-ตราด

    29 ก.ค.68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงทางทหารจันทบุรี-ตราด เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จังหวัดจันทบุรี(ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ทำการเชิญตัว MR.OEUN KHOEM หรือนายคึม เอือน อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ที่ถือวีซ่า NON-LA เดินทางเข้ามาเมื่อ 12 MAR 2025 วันที่การอนุญาตสิ้นสุด 11 MAR 2027 แจ้งที่พักอาศัยหมู่ 1 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มาทำการตรวจสอบที่ฝ่ายสืบสวน สภ.โป่งน้ำร้อน โดยมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี และกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมตรวจสอบและสอบปากคำ

    ทั้งนี้ เนื่องจากจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นย.จันทบุรี ได้สืบทราบว่า นาย OEUN KHOEM ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับทหารกัมพูชา เนื่องจากได้โพสต์ข้อความใน FB พร้อมภาพถ่ายว่า “THAILAND ATTACKS FIRST CAMBODIA DEFEDS” และพบชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาในรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กล 2141 จันทบุรี และที่บ้านพักที่นาย OEUN KHOEM อาศัยอยู่

    จากการตรวจสอบสวนเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ พบว่าหนังสือเดินทางและวีซ่ายังไม่หมดอายุ และจะส่ง โทรศัพท์มือถือให้ผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบข้อมูลในทั้งหมด ทำการสอบสวนเพิ่มเติม

    จนกระทั่ง ให้การรับสารภาพว่าเป็นทหารหน่วยข่าวของกองทัพกัมพูชา คือ ร้อยโท คึม เอือน หมายเลขประจำตัว 157625 เข้ามาสอดแนมหาข่าว ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งประเทศไทย แล้วส่งไปยังกองทัพกัมพูชา ใช้ในการสู้รบกับทหารไทย

    เครดิตข่าว: แนวหน้า
    ด่วน! จับ 'สายลับเขมร' ยศร้อยโทสังกัดหน่วยข่าวกรอง คอยแจ้งพิกัดทหารไทยแนวชายแดนจันทบุรี-ตราด 29 ก.ค.68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงทางทหารจันทบุรี-ตราด เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จังหวัดจันทบุรี(ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ทำการเชิญตัว MR.OEUN KHOEM หรือนายคึม เอือน อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ที่ถือวีซ่า NON-LA เดินทางเข้ามาเมื่อ 12 MAR 2025 วันที่การอนุญาตสิ้นสุด 11 MAR 2027 แจ้งที่พักอาศัยหมู่ 1 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มาทำการตรวจสอบที่ฝ่ายสืบสวน สภ.โป่งน้ำร้อน โดยมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี และกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมตรวจสอบและสอบปากคำ ทั้งนี้ เนื่องจากจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นย.จันทบุรี ได้สืบทราบว่า นาย OEUN KHOEM ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับทหารกัมพูชา เนื่องจากได้โพสต์ข้อความใน FB พร้อมภาพถ่ายว่า “THAILAND ATTACKS FIRST CAMBODIA DEFEDS” และพบชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาในรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กล 2141 จันทบุรี และที่บ้านพักที่นาย OEUN KHOEM อาศัยอยู่ จากการตรวจสอบสวนเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ พบว่าหนังสือเดินทางและวีซ่ายังไม่หมดอายุ และจะส่ง โทรศัพท์มือถือให้ผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบข้อมูลในทั้งหมด ทำการสอบสวนเพิ่มเติม จนกระทั่ง ให้การรับสารภาพว่าเป็นทหารหน่วยข่าวของกองทัพกัมพูชา คือ ร้อยโท คึม เอือน หมายเลขประจำตัว 157625 เข้ามาสอดแนมหาข่าว ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งประเทศไทย แล้วส่งไปยังกองทัพกัมพูชา ใช้ในการสู้รบกับทหารไทย เครดิตข่าว: แนวหน้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกของ AI: เมื่อคำแนะนำเรื่องเงินเดือนกลายเป็นการกดค่าตัวโดยไม่รู้ตัว

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคนิค Würzburg-Schweinfurt ในเยอรมนีได้ทำการทดลองกับแชตบอทยอดนิยมหลายตัว เช่น ChatGPT, Claude, Llama และอื่นๆ โดยตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ควรขอเงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่?” แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ “ตัวตน” ของผู้ถาม—ชายหรือหญิง, เชื้อชาติใด, เป็นคนท้องถิ่นหรือผู้ลี้ภัย

    ผลลัพธ์ชวนตกใจ: แม้คุณสมบัติจะเหมือนกันทุกประการ แต่ AI กลับแนะนำให้ผู้หญิงและผู้ลี้ภัยขอเงินเดือนต่ำกว่าผู้ชายหรือผู้ที่ระบุว่าเป็น expatriate อย่างมีนัยสำคัญ เช่น แพทย์ชายในเดนเวอร์ถูกแนะนำให้ขอ $400,000 ขณะที่หญิงในบทบาทเดียวกันถูกแนะนำให้ขอเพียง $280,000

    สิ่งนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้ “คิดเอง” แต่เรียนรู้จากข้อมูลมหาศาลที่มนุษย์สร้างขึ้น—ซึ่งเต็มไปด้วยอคติทางสังคมที่ฝังอยู่ในโพสต์งาน, คำแนะนำ, สถิติรัฐบาล และแม้แต่คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย

    งานวิจัยพบว่า AI แนะนำเงินเดือนต่ำกว่าสำหรับผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย
    แม้คุณสมบัติและตำแหน่งงานจะเหมือนกันทุกประการ
    ตัวอย่าง: แพทย์ชายในเดนเวอร์ได้คำแนะนำ $400,000 แต่หญิงได้เพียง $280,000

    AI แสดงอคติจากคำใบ้เล็กๆ เช่นชื่อหรือสถานะผู้ลี้ภัย
    “ชายเอเชีย expatriate” ได้คำแนะนำสูงสุด
    “หญิงฮิสแปนิกผู้ลี้ภัย” ได้ต่ำสุด แม้คุณสมบัติเหมือนกัน

    แชตบอทเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอคติในโลกจริง
    ข้อมูลจากหนังสือ, โพสต์งาน, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ
    คำว่า “expatriate” สื่อถึงความสำเร็จ ส่วน “refugee” สื่อถึงความด้อยโอกาส

    AI ที่มีระบบจดจำผู้ใช้อาจสะสมอคติจากบทสนทนาเดิม
    ไม่จำเป็นต้องระบุเพศหรือเชื้อชาติในคำถาม
    AI อาจใช้ข้อมูลจากบทสนทนาเก่าในการให้คำแนะนำ

    นักวิจัยเสนอให้ใช้ “ช่องว่างเงินเดือน” เป็นตัวชี้วัดอคติของโมเดล
    แทนการวัดจากความรู้หรือคำตอบที่ถูกต้อง
    เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจมีความสำคัญและวัดได้จริง

    คำแนะนำจาก AI อาจทำให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยขอเงินเดือนต่ำกว่าที่ควร
    ส่งผลต่อรายได้ระยะสั้นและโอกาสในระยะยาว
    อาจกลายเป็นวงจรที่ฝังอคติในข้อมูลฝึกโมเดลรุ่นถัดไป

    ผู้ใช้ไม่รู้ว่า AI ใช้ข้อมูลส่วนตัวในการให้คำแนะนำ
    การจดจำบทสนทนาอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติแบบ “ล่องหน”
    ผู้ใช้ควรระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในแชต

    การใช้ AI ในการเจรจาเงินเดือนต้องมีวิจารณญาณ
    คำแนะนำอาจไม่เป็นกลาง แม้ดูเหมือนเป็นกลาง
    ควรลองถามในหลายบทบาทเพื่อเปรียบเทียบคำตอบ

    การพัฒนา AI ที่ปราศจากอคติยังเป็นความท้าทายใหญ่
    การ “de-bias” โมเดลต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากหลายฝ่าย
    ต้องมีมาตรฐานจริยธรรมและการตรวจสอบอิสระ

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/salary-advice-from-ai-low-balls-women-and-minorities-report
    🤖 เรื่องเล่าจากโลกของ AI: เมื่อคำแนะนำเรื่องเงินเดือนกลายเป็นการกดค่าตัวโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคนิค Würzburg-Schweinfurt ในเยอรมนีได้ทำการทดลองกับแชตบอทยอดนิยมหลายตัว เช่น ChatGPT, Claude, Llama และอื่นๆ โดยตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ควรขอเงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่?” แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ “ตัวตน” ของผู้ถาม—ชายหรือหญิง, เชื้อชาติใด, เป็นคนท้องถิ่นหรือผู้ลี้ภัย ผลลัพธ์ชวนตกใจ: แม้คุณสมบัติจะเหมือนกันทุกประการ แต่ AI กลับแนะนำให้ผู้หญิงและผู้ลี้ภัยขอเงินเดือนต่ำกว่าผู้ชายหรือผู้ที่ระบุว่าเป็น expatriate อย่างมีนัยสำคัญ เช่น แพทย์ชายในเดนเวอร์ถูกแนะนำให้ขอ $400,000 ขณะที่หญิงในบทบาทเดียวกันถูกแนะนำให้ขอเพียง $280,000 สิ่งนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้ “คิดเอง” แต่เรียนรู้จากข้อมูลมหาศาลที่มนุษย์สร้างขึ้น—ซึ่งเต็มไปด้วยอคติทางสังคมที่ฝังอยู่ในโพสต์งาน, คำแนะนำ, สถิติรัฐบาล และแม้แต่คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย ✅ งานวิจัยพบว่า AI แนะนำเงินเดือนต่ำกว่าสำหรับผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย ➡️ แม้คุณสมบัติและตำแหน่งงานจะเหมือนกันทุกประการ ➡️ ตัวอย่าง: แพทย์ชายในเดนเวอร์ได้คำแนะนำ $400,000 แต่หญิงได้เพียง $280,000 ✅ AI แสดงอคติจากคำใบ้เล็กๆ เช่นชื่อหรือสถานะผู้ลี้ภัย ➡️ “ชายเอเชีย expatriate” ได้คำแนะนำสูงสุด ➡️ “หญิงฮิสแปนิกผู้ลี้ภัย” ได้ต่ำสุด แม้คุณสมบัติเหมือนกัน ✅ แชตบอทเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอคติในโลกจริง ➡️ ข้อมูลจากหนังสือ, โพสต์งาน, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ ➡️ คำว่า “expatriate” สื่อถึงความสำเร็จ ส่วน “refugee” สื่อถึงความด้อยโอกาส ✅ AI ที่มีระบบจดจำผู้ใช้อาจสะสมอคติจากบทสนทนาเดิม ➡️ ไม่จำเป็นต้องระบุเพศหรือเชื้อชาติในคำถาม ➡️ AI อาจใช้ข้อมูลจากบทสนทนาเก่าในการให้คำแนะนำ ✅ นักวิจัยเสนอให้ใช้ “ช่องว่างเงินเดือน” เป็นตัวชี้วัดอคติของโมเดล ➡️ แทนการวัดจากความรู้หรือคำตอบที่ถูกต้อง ➡️ เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจมีความสำคัญและวัดได้จริง ‼️ คำแนะนำจาก AI อาจทำให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยขอเงินเดือนต่ำกว่าที่ควร ⛔ ส่งผลต่อรายได้ระยะสั้นและโอกาสในระยะยาว ⛔ อาจกลายเป็นวงจรที่ฝังอคติในข้อมูลฝึกโมเดลรุ่นถัดไป ‼️ ผู้ใช้ไม่รู้ว่า AI ใช้ข้อมูลส่วนตัวในการให้คำแนะนำ ⛔ การจดจำบทสนทนาอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติแบบ “ล่องหน” ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในแชต ‼️ การใช้ AI ในการเจรจาเงินเดือนต้องมีวิจารณญาณ ⛔ คำแนะนำอาจไม่เป็นกลาง แม้ดูเหมือนเป็นกลาง ⛔ ควรลองถามในหลายบทบาทเพื่อเปรียบเทียบคำตอบ ‼️ การพัฒนา AI ที่ปราศจากอคติยังเป็นความท้าทายใหญ่ ⛔ การ “de-bias” โมเดลต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากหลายฝ่าย ⛔ ต้องมีมาตรฐานจริยธรรมและการตรวจสอบอิสระ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/salary-advice-from-ai-low-balls-women-and-minorities-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาฬิกาปลุก
    ปี พศ 2568

    วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม
    อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ
    สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา
    เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน
    ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน …
    ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ
    ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา

    แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ
    ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย
    ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ
    เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น
    เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น
    ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม…
    วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา

    เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์
    มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
    ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว …

    แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง
    กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม
    กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้
    แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก
    ไม่สะอาดหมดจดเสียที

    ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา
    ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง
    กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด
    ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้
    ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ
    และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น

    หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา
    แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก
    มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่

    และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน
    อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป
    และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม
    สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ
    ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง
    ที่เราเห็นในข่าว !?!

    คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด

    ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง
    และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น
    จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ

    ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย

    แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร
    เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง
    ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก
    ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 …
    ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง
    มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568)
    ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง

    เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ
    ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย
    มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง…
    บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!!

    และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่
    ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน

    บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ
    สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน
    เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ
    เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย
    หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ
    กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก…
    ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!!

    นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด
    ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน
    โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ
    การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ
    เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568)
    ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่
    หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง
    และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม …

    ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม
    การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน
    และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา…
    และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป
    ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง
    เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560
    รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567)
    (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์
    อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น…

    ขอบคุณครับ
    จากคนเล่านิทาน
    20 เมษายน 2568
    นาฬิกาปลุก ปี พศ 2568 วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน … ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม… วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์ มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว … แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก ไม่สะอาดหมดจดเสียที ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้ ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่ และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง ที่เราเห็นในข่าว !?! คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 … ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568) ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง… บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!! และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก… ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!! นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568) ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่ หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม … ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา… และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560 รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567) (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์ อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น… ขอบคุณครับ จากคนเล่านิทาน 20 เมษายน 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: เมื่อ “บ้านของเรา” อาจไม่ใช่ที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลของเรา

    ลองจินตนาการว่าคุณซื้อหนังสือดิจิทัลจาก Kindle มา 400 เล่ม แล้ววันหนึ่ง Amazon ประกาศว่าไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป คุณยังเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น—แปลว่าคุณไม่ได้ “เป็นเจ้าของ” หนังสือเหล่านั้นจริงๆ แต่แค่ “เช่า” สิทธิ์ในการอ่าน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” และนำไปสู่การทดลองของผู้เขียนบทความ ที่ตัดสินใจสร้าง “คลาวด์ส่วนตัว” ขึ้นมาเองในบ้าน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส เช่น Immich (แทน Google Photos), Nextcloud (แทน Google Drive), Jellyfin (แทน Netflix) และ Audiobookshelf (แทน Audible)

    แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปหลายสัปดาห์ เขากลับพบว่าแม้จะได้อิสระและความเป็นเจ้าของ แต่การดูแลระบบทั้งหมดด้วยตัวเองนั้น “ไม่ใช่อนาคตที่เหมาะกับทุกคน”

    Amazon ปรับนโยบาย Kindle: ผู้ใช้ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือได้อีก
    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น
    Amazon เปลี่ยนคำว่า “ซื้อหนังสือ” เป็น “ซื้อสิทธิ์การใช้งาน”

    แนวคิด Self-Hosting คือการตั้งเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ด้วยตัวเอง
    ใช้ฮาร์ดแวร์ของตนเอง ติดตั้งระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน
    ดูแลความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการอัปเดตทั้งหมดด้วยตัวเอง

    ผู้เขียนสร้างคลาวด์ส่วนตัวด้วยเซิร์ฟเวอร์ Lenovo และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส
    ใช้ Proxmox, Docker, Snapraid, MergerFS และ Tailscale
    ติดตั้งบริการต่างๆ เช่น Immich, Jellyfin, Nextcloud และ Audiobookshelf

    ข้อดีของ Self-Hosting คือความเป็นเจ้าของและความยืดหยุ่น
    ไม่มีการเก็บข้อมูลโดยบริษัทใหญ่
    สามารถปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ

    Self-Hosting ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคสูงและเวลามาก
    การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ใช้เวลาหลายสัปดาห์
    ต้องเข้าใจ Docker, Linux, VPN และระบบไฟล์

    ความผิดพลาดในการตั้งค่าอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม
    ไม่มีทีมซัพพอร์ตเหมือนบริการคลาวด์
    ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองเมื่อเกิดปัญหา

    การดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเป็นภาระที่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
    ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์และตรวจสอบความปลอดภัยสม่ำเสมอ
    หากไม่มีเวลาหรือความรู้ อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์

    แม้จะปลอดภัยจากบริษัทใหญ่ แต่ก็เสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หากตั้งค่าไม่ดี
    การเปิดพอร์ตหรือใช้รหัสผ่านอ่อนอาจถูกแฮกได้ง่าย
    ต้องมีระบบสำรองข้อมูลและไฟร์วอลล์ที่ดี

    https://www.drewlyton.com/story/the-future-is-not-self-hosted/
    🏠 เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: เมื่อ “บ้านของเรา” อาจไม่ใช่ที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลของเรา ลองจินตนาการว่าคุณซื้อหนังสือดิจิทัลจาก Kindle มา 400 เล่ม แล้ววันหนึ่ง Amazon ประกาศว่าไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป คุณยังเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น—แปลว่าคุณไม่ได้ “เป็นเจ้าของ” หนังสือเหล่านั้นจริงๆ แต่แค่ “เช่า” สิทธิ์ในการอ่าน นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” และนำไปสู่การทดลองของผู้เขียนบทความ ที่ตัดสินใจสร้าง “คลาวด์ส่วนตัว” ขึ้นมาเองในบ้าน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส เช่น Immich (แทน Google Photos), Nextcloud (แทน Google Drive), Jellyfin (แทน Netflix) และ Audiobookshelf (แทน Audible) แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปหลายสัปดาห์ เขากลับพบว่าแม้จะได้อิสระและความเป็นเจ้าของ แต่การดูแลระบบทั้งหมดด้วยตัวเองนั้น “ไม่ใช่อนาคตที่เหมาะกับทุกคน” ✅ Amazon ปรับนโยบาย Kindle: ผู้ใช้ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือได้อีก ➡️ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น ➡️ Amazon เปลี่ยนคำว่า “ซื้อหนังสือ” เป็น “ซื้อสิทธิ์การใช้งาน” ✅ แนวคิด Self-Hosting คือการตั้งเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้ฮาร์ดแวร์ของตนเอง ติดตั้งระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน ➡️ ดูแลความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการอัปเดตทั้งหมดด้วยตัวเอง ✅ ผู้เขียนสร้างคลาวด์ส่วนตัวด้วยเซิร์ฟเวอร์ Lenovo และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ➡️ ใช้ Proxmox, Docker, Snapraid, MergerFS และ Tailscale ➡️ ติดตั้งบริการต่างๆ เช่น Immich, Jellyfin, Nextcloud และ Audiobookshelf ✅ ข้อดีของ Self-Hosting คือความเป็นเจ้าของและความยืดหยุ่น ➡️ ไม่มีการเก็บข้อมูลโดยบริษัทใหญ่ ➡️ สามารถปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ ‼️ Self-Hosting ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคสูงและเวลามาก ⛔ การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ⛔ ต้องเข้าใจ Docker, Linux, VPN และระบบไฟล์ ‼️ ความผิดพลาดในการตั้งค่าอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม ⛔ ไม่มีทีมซัพพอร์ตเหมือนบริการคลาวด์ ⛔ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองเมื่อเกิดปัญหา ‼️ การดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเป็นภาระที่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์และตรวจสอบความปลอดภัยสม่ำเสมอ ⛔ หากไม่มีเวลาหรือความรู้ อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ‼️ แม้จะปลอดภัยจากบริษัทใหญ่ แต่ก็เสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หากตั้งค่าไม่ดี ⛔ การเปิดพอร์ตหรือใช้รหัสผ่านอ่อนอาจถูกแฮกได้ง่าย ⛔ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลและไฟร์วอลล์ที่ดี https://www.drewlyton.com/story/the-future-is-not-self-hosted/
    WWW.DREWLYTON.COM
    The Future is NOT Self-Hosted
    Hey friends 👋, A few months ago, Amazon announced that Kindle users would no longer be able to download and back up their book libraries to their computers. Thankfully, I still have access to my library because I saw this video by Jared Henderson warning of the change and downloaded all
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คู่บาป – คู่บุญ”
    เปลี่ยนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ‘ใจที่รู้ทัน’ ของทั้งสองฝ่าย

    ‘บาป’ ไม่ใช่คำที่อยู่แต่ในหนังสือธรรมะ
    แต่คือสภาวะของใจที่ถูกปรุงแต่งให้มัวหมอง
    เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด
    คล้ายถูกเสียดแทงอยู่ข้างใน… แม้ไม่มีใครลงโทษ

    ที่น่ากลัวคือ…
    ตอนก่อบาป บางครั้งมันกลับ “สุข”
    สุขจากการได้ทำร้ายใคร
    สุขจากการเอาชนะคนที่เคยขัดใจ
    สุขจากความสะใจที่เหนือกว่า

    นี่แหละคือกับดักของบาป
    ที่มันปลอมตัวมาในรูป “ความฟินชั่วคราว”
    แต่ผลสุดท้ายคือการผลักให้เราตกต่ำ
    ไปสู่ทุกข์ที่สะสมลึกในใจ

    แล้ว “คู่บาป” คือใคร?

    คือคนที่เรา เคยมีสายใยดี
    แต่วันหนึ่งค่อยๆกลายเป็น
    คนที่ “ตั้งใจทำร้ายกัน” เป็นนิสัย

    ไม่ว่าจะด้วยคำพูดกัด
    สีหน้าปึงปัง
    การกระแทกอารมณ์
    หรือแม้แต่การใช้ความเฉยชาที่เจ็บยิ่งกว่า…

    คนเราจะไม่เป็นคู่บาปกัน
    ถ้าไม่มีช่วงเวลาดีๆร่วมกันมาก่อน
    เพราะความรักปะปนกับความเจ็บ
    เลยทำให้ “ไปไหนไม่รอด”
    เพราะเสียดาย และยังผูกใจ

    แล้วเราจะเปลี่ยน ‘คู่บาป’ ให้เป็น ‘คู่บุญ’ ได้หรือไม่?

    คู่บาป ใช้เพียง “ความตั้งใจร้ายข้างเดียว”
    ก็สร้างความเสียหายได้แล้ว

    แต่คู่บุญ
    ต้องใช้ “ความตั้งใจดีจากทั้งสองฝ่าย”
    จึงจะเยียวยา สร้างใหม่ และประคองใจให้เติบโตได้

    หากวันใดมีสติร่วมกัน
    เห็นทันอารมณ์ร้ายที่กำลังผุด
    แล้วช่วยกันหันหลังให้ความเคยชินเดิม
    หันหน้าเข้าหานิสัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเมตตา

    นั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนจาก “คู่เวร”
    เป็น “คู่ฟื้นใจ”

    บทสรุปจากใจธรรมะ

    คู่บาปนึกถึงแล้วเจ็บจริง

    คู่บุญนึกถึงแล้วอุ่นจริง

    คู่บาปเกิดขึ้นได้ง่าย

    คู่บุญต้องร่วมกันสร้าง!

    “จะกลายเป็นคู่บุญได้ไหม
    ไม่ขึ้นอยู่กับใครคนเดียว…
    แต่อยู่ที่ ‘ทั้งคู่’
    มีใจจริงแค่ไหน
    ที่จะตั้งต้นใหม่ด้วยความเข้าใจและสติ”

    #คู่บาปคู่บุญ #ธรรมะเปลี่ยนชีวิต #ก้าวพ้นเวร #รักอย่างมีสติ
    🌿 “คู่บาป – คู่บุญ” เปลี่ยนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ‘ใจที่รู้ทัน’ ของทั้งสองฝ่าย ‘บาป’ ไม่ใช่คำที่อยู่แต่ในหนังสือธรรมะ แต่คือสภาวะของใจที่ถูกปรุงแต่งให้มัวหมอง เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด คล้ายถูกเสียดแทงอยู่ข้างใน… แม้ไม่มีใครลงโทษ ที่น่ากลัวคือ… ตอนก่อบาป บางครั้งมันกลับ “สุข” สุขจากการได้ทำร้ายใคร สุขจากการเอาชนะคนที่เคยขัดใจ สุขจากความสะใจที่เหนือกว่า นี่แหละคือกับดักของบาป ที่มันปลอมตัวมาในรูป “ความฟินชั่วคราว” แต่ผลสุดท้ายคือการผลักให้เราตกต่ำ ไปสู่ทุกข์ที่สะสมลึกในใจ 👥 แล้ว “คู่บาป” คือใคร? คือคนที่เรา เคยมีสายใยดี แต่วันหนึ่งค่อยๆกลายเป็น คนที่ “ตั้งใจทำร้ายกัน” เป็นนิสัย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดกัด สีหน้าปึงปัง การกระแทกอารมณ์ หรือแม้แต่การใช้ความเฉยชาที่เจ็บยิ่งกว่า… คนเราจะไม่เป็นคู่บาปกัน ถ้าไม่มีช่วงเวลาดีๆร่วมกันมาก่อน เพราะความรักปะปนกับความเจ็บ เลยทำให้ “ไปไหนไม่รอด” เพราะเสียดาย และยังผูกใจ 💡 แล้วเราจะเปลี่ยน ‘คู่บาป’ ให้เป็น ‘คู่บุญ’ ได้หรือไม่? คู่บาป ใช้เพียง “ความตั้งใจร้ายข้างเดียว” ก็สร้างความเสียหายได้แล้ว แต่คู่บุญ ต้องใช้ “ความตั้งใจดีจากทั้งสองฝ่าย” จึงจะเยียวยา สร้างใหม่ และประคองใจให้เติบโตได้ หากวันใดมีสติร่วมกัน เห็นทันอารมณ์ร้ายที่กำลังผุด แล้วช่วยกันหันหลังให้ความเคยชินเดิม หันหน้าเข้าหานิสัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเมตตา นั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนจาก “คู่เวร” เป็น “คู่ฟื้นใจ” 🕊️ บทสรุปจากใจธรรมะ คู่บาปนึกถึงแล้วเจ็บจริง คู่บุญนึกถึงแล้วอุ่นจริง คู่บาปเกิดขึ้นได้ง่าย คู่บุญต้องร่วมกันสร้าง! “จะกลายเป็นคู่บุญได้ไหม ไม่ขึ้นอยู่กับใครคนเดียว… แต่อยู่ที่ ‘ทั้งคู่’ มีใจจริงแค่ไหน ที่จะตั้งต้นใหม่ด้วยความเข้าใจและสติ” 🌱 #คู่บาปคู่บุญ #ธรรมะเปลี่ยนชีวิต #ก้าวพ้นเวร #รักอย่างมีสติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..หลานคุณลุงอังเคิลมันไม่กล้าเดินเรื่องแน่นอน,จะทำมันทำหลายวันแล้วและสมควรคืดอ่านออกทั้งคณะชุดรัฐบาลนี้ เสือกไม่กล้าดำเนินคดีอะไรเลย,ชัดเจนว่ามันคืออาชญากรทางสงครามและกระทำการเป็นอาชญากรรมทางสงครามอีกด้วย,นี้คือค่าจริงของรัฐบาลชุดนี้ ปากเอาแต่พูดเรื่องกระทบการค้าขาย ส่งผลกระทบทางการค้าระหว่างประเทศมาโดยตลอดจนถึงวินาทีสุดท้ายแม้ตัดความสัมพันธ์เป็นหนังสืออย่างเป็นทางการก็ไม่ทำ ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและทางใดๆมันก็ไม่ทำ มันกลัวกระทบความสัมพันธ์แม้ทการไทยขาขาดก็ตาม ทหารไทยเสียชีวิตก็ตาม เด็กๆถูกระเบิดเสียชีวิตก็ตาม,รัฐบาลนี้ต้องโดยข้อหาทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาลต้องโดนทั้งหมด.ทุกๆพรรคในรัฐบาลด้วย,ถ้าคนรักชาติจริงๆ,ยุทธการกำจัดศัตรูของชาติจะมีทั้งใต้ดินและเปิดเผยแบบเป็นข่าวปัจจุบัน จะเกิดทีมเฉพาะกิจไล่ล่าสังหารศัตรูภายในประเทศเขมรทันทีที่ส่งไปกำจัดทางลับ,หรือจ้างนักฆ่าสังหารมืออาชีพก็ได้,เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติกำจัดศัตรูของประเทศหรืออ้างแบบละครตัวเอกเพื่อไม่ให้ประชาชนคนบริสุทธิ์มารับกรรมในผลกระทบครั้งนี้หรือทหารที่ไม่สมควรเสียชีวิตนั้นเองจากฮุนเซนหลอกใช้เขา,และจริงๆอาเชียนต้องรับรู้เรื่องนี้ด้วย อะไรถูกผิดต้องรู้,ร่วมกันกำจัดภัยคุกคามของอาเชียนตนเอง.,หรือชาติเอเชียก็ตามสามารถลงขันฆ่ากำจัดภัยคุกคามเอเชียอาชญากรรมเอเชียได้ด้วย.,จะบอกว่าแล้วแต่ชาติใครมัมมิได้,หากผู้นำนั้นดี ก็ร่วมกันสนับสนุนร่วมมือพัฒนาเอเชียอาเชียเราไปทางที่ดี,นี้เปิดเผยตัวตนเองก่อสงครามชัดเจนยิงผู้บริสุทธิ์ด้วย,ทั้งภายในประเทศก็แสนเลว ฮับอาชญากรมารวมในประเทศเขมร นักการเมืองไทยหนีคดีมากมายก็อยู่ในเขมรนี้เป็นต้น,ฮับอาชญากรรมสาระพัดเจริญรุ่งเรืองในเขมรก็ด้วย,ประเทศชุมชนโจรเลวชั่วๆนี้เองเสือกประเทศเอเชียประเทศอาเชียนปกป้องไว้มั่นคงเหลือเกินก็ด้วย.เช่นนั้นในนามตัวแทนเอเชียตัวแทนของโลกตัวแทนของอาเชียนก็ขอเก็บเขมรเก็บฮุนเซนตระกูลฮุนเซนและตระกูลคนชั่วเลวทั้งหลายแทนชาวโลกแล้วกัน,โดยกำจัดทหารเขมรเลวชั่วในแนวหน้าก่อนอาจก่อชั่วเลวสาระพัดแก่ประชาชนมามากในอดีตถึงปัจจุบัน,และจะจบลงด้วยฮุนมาเนตฮุนเซนคือจบสงครามนี้.




    https://youtube.com/watch?v=HSlr5AmfMAY&si=8__Z7WSpLJItzn2u
    ..หลานคุณลุงอังเคิลมันไม่กล้าเดินเรื่องแน่นอน,จะทำมันทำหลายวันแล้วและสมควรคืดอ่านออกทั้งคณะชุดรัฐบาลนี้ เสือกไม่กล้าดำเนินคดีอะไรเลย,ชัดเจนว่ามันคืออาชญากรทางสงครามและกระทำการเป็นอาชญากรรมทางสงครามอีกด้วย,นี้คือค่าจริงของรัฐบาลชุดนี้ ปากเอาแต่พูดเรื่องกระทบการค้าขาย ส่งผลกระทบทางการค้าระหว่างประเทศมาโดยตลอดจนถึงวินาทีสุดท้ายแม้ตัดความสัมพันธ์เป็นหนังสืออย่างเป็นทางการก็ไม่ทำ ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและทางใดๆมันก็ไม่ทำ มันกลัวกระทบความสัมพันธ์แม้ทการไทยขาขาดก็ตาม ทหารไทยเสียชีวิตก็ตาม เด็กๆถูกระเบิดเสียชีวิตก็ตาม,รัฐบาลนี้ต้องโดยข้อหาทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาลต้องโดนทั้งหมด.ทุกๆพรรคในรัฐบาลด้วย,ถ้าคนรักชาติจริงๆ,ยุทธการกำจัดศัตรูของชาติจะมีทั้งใต้ดินและเปิดเผยแบบเป็นข่าวปัจจุบัน จะเกิดทีมเฉพาะกิจไล่ล่าสังหารศัตรูภายในประเทศเขมรทันทีที่ส่งไปกำจัดทางลับ,หรือจ้างนักฆ่าสังหารมืออาชีพก็ได้,เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติกำจัดศัตรูของประเทศหรืออ้างแบบละครตัวเอกเพื่อไม่ให้ประชาชนคนบริสุทธิ์มารับกรรมในผลกระทบครั้งนี้หรือทหารที่ไม่สมควรเสียชีวิตนั้นเองจากฮุนเซนหลอกใช้เขา,และจริงๆอาเชียนต้องรับรู้เรื่องนี้ด้วย อะไรถูกผิดต้องรู้,ร่วมกันกำจัดภัยคุกคามของอาเชียนตนเอง.,หรือชาติเอเชียก็ตามสามารถลงขันฆ่ากำจัดภัยคุกคามเอเชียอาชญากรรมเอเชียได้ด้วย.,จะบอกว่าแล้วแต่ชาติใครมัมมิได้,หากผู้นำนั้นดี ก็ร่วมกันสนับสนุนร่วมมือพัฒนาเอเชียอาเชียเราไปทางที่ดี,นี้เปิดเผยตัวตนเองก่อสงครามชัดเจนยิงผู้บริสุทธิ์ด้วย,ทั้งภายในประเทศก็แสนเลว ฮับอาชญากรมารวมในประเทศเขมร นักการเมืองไทยหนีคดีมากมายก็อยู่ในเขมรนี้เป็นต้น,ฮับอาชญากรรมสาระพัดเจริญรุ่งเรืองในเขมรก็ด้วย,ประเทศชุมชนโจรเลวชั่วๆนี้เองเสือกประเทศเอเชียประเทศอาเชียนปกป้องไว้มั่นคงเหลือเกินก็ด้วย.เช่นนั้นในนามตัวแทนเอเชียตัวแทนของโลกตัวแทนของอาเชียนก็ขอเก็บเขมรเก็บฮุนเซนตระกูลฮุนเซนและตระกูลคนชั่วเลวทั้งหลายแทนชาวโลกแล้วกัน,โดยกำจัดทหารเขมรเลวชั่วในแนวหน้าก่อนอาจก่อชั่วเลวสาระพัดแก่ประชาชนมามากในอดีตถึงปัจจุบัน,และจะจบลงด้วยฮุนมาเนตฮุนเซนคือจบสงครามนี้. https://youtube.com/watch?v=HSlr5AmfMAY&si=8__Z7WSpLJItzn2u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องนี้เก่าไปนิด แต่เป็นเรื่องที่ Storyฯ ประทับใจไม่ลืม
    ความมีอยู่ว่า

    ... “ซื้อตั๋วเครื่องบินเถอะ”
    เวยเวยตะลึงไป
    ภายในห้องทำงานของผู้ที่อยู่อีกปลายสาย เซียวไน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาหยุดลงอยู่ที่กระถางต้นกระบองเพชรที่กำลังมีดอกบาน แววตาที่จับจ้องอยู่บนกลีบดอกไม้สีเหลืองนวลนั้นทอประกายอ่อนโยน
    “เวยเวย ดอกไม้ริมทางผลิบาน ค่อยๆ เดินทางกลับมาได้แล้ว” ...

    - จากเรื่อง <เวยเวย ยิ้มนี้พิชิตใจ> ผู้แต่ง กู้ม่าน

    ไม่ทราบยังพอจะจำกันได้บ้างไหม? ลูกเพจท่านที่อ่านหนังสือจะทราบว่าผู้แต่งมีแปลความหมายของประโยคสุดท้ายข้างต้นไว้สั้นๆ แต่ผู้ที่ดูแต่ละครจะงงหรือไม่... ทำไมนางเอกต้องทำหน้า “อิน” ขนาดนั้นเมื่อได้ยินประโยคนี้?

    “ดอกไม้ริมทางผลิบาน ค่อยๆ เดินทางกลับมาได้แล้ว” หรือ “陌上花开 可缓缓归矣” (ม่อซ่างฮวาคาย เข่อหวนห่วนกุยอี่) ประโยคนี้เป็นวลีที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จริง อยู่ใน "จดหมายรัก" ขององค์เฉียนหลิว

    องค์เฉียนหลิวคืออ๋องผู้ก่อตั้งและเจ้าผู้ปกครองแคว้นอู๋เยวี่ย สมัยปีค.ศ. 852-932 (ยุคสมัยห้าราชวงศ์สิบแคว้น) มีพระชายาที่ทรงรักมากคือจวงมู่ฟูเหริน เพราะเป็นภรรยาที่เข้าหอร่วมพิธีแต่งงานและติดสอยห้อยตามพระองค์ไปทุกที่ จวงมู่ฟูเหรินมักจะเสด็จกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองหลิงอันทุกปีในช่วงฤดูหนาว จวบจนฤดูใบไม้ผลิจึงเสด็จกลับมาหาพระสวามี

    มีอยู่ปีหนึ่ง อ๋องอู๋เยวี่ยทรงพระราชหัตถเลขาถึงพระนาง ส่วนหนึ่งของใจความนั้นมีวลีนี้ เป็นประโยคสั้นแต่แฝงด้วยความหมายประมาณว่า 1) ดอกไม้เริ่มผลิบานแล้ว ไฉนยังไม่กลับมา? คิดถึงนัก 2) ไม่ต้องรอจนเข้าฤดูใบไม้ผลิเต็มที่ก็ได้ เริ่มเดินทางกลับมาก็จะสัมผัสมันได้ในระหว่างทาง

    จวงมู่ฟูเหรินทรงเข้าพระทัยในความหมาย จึงเสด็จกลับโดยทันที (เอิ่ม... อ้อนสำเร็จด้วยเพียงอักษรเก้าตัว) เหตุการณ์นี้เป็นที่เล่าขานกันต่อมา เป็นวลีที่มีความหมายว่า สามีรักและคิดถึงภรรยายิ่งนัก รอคอยเธออยู่

    ในเรื่อง “เวยเวยฯ” นี้ เซียวไน่ใช้วลีนี้เพื่อชวนให้เวยเวยกลับไปหา Storyฯ ทึ่งที่ว่า ทั้งเซียวไน่และเวยเวยต่างเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แต่เป็นสองคนที่ผิดแปลกจากเพื่อนฝูงตรงที่ต่างมีความชอบในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีน ลูกเพจลองคิดสิคะ ถ้าเป็นคนอื่นในคณะเดียวกัน เซียวไน่ใช้วลีนี้ คนฟังจะ “เก๊ท” ไหมนะ

    Credit เนื้อหารวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com
    https://www.sohu.com/a/350631198_120260771

    #เวยเวยยิ้มนี้พิชิตใจ #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    เรื่องนี้เก่าไปนิด แต่เป็นเรื่องที่ Storyฯ ประทับใจไม่ลืม ความมีอยู่ว่า ... “ซื้อตั๋วเครื่องบินเถอะ” เวยเวยตะลึงไป ภายในห้องทำงานของผู้ที่อยู่อีกปลายสาย เซียวไน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาหยุดลงอยู่ที่กระถางต้นกระบองเพชรที่กำลังมีดอกบาน แววตาที่จับจ้องอยู่บนกลีบดอกไม้สีเหลืองนวลนั้นทอประกายอ่อนโยน “เวยเวย ดอกไม้ริมทางผลิบาน ค่อยๆ เดินทางกลับมาได้แล้ว” ... - จากเรื่อง <เวยเวย ยิ้มนี้พิชิตใจ> ผู้แต่ง กู้ม่าน ไม่ทราบยังพอจะจำกันได้บ้างไหม? ลูกเพจท่านที่อ่านหนังสือจะทราบว่าผู้แต่งมีแปลความหมายของประโยคสุดท้ายข้างต้นไว้สั้นๆ แต่ผู้ที่ดูแต่ละครจะงงหรือไม่... ทำไมนางเอกต้องทำหน้า “อิน” ขนาดนั้นเมื่อได้ยินประโยคนี้? “ดอกไม้ริมทางผลิบาน ค่อยๆ เดินทางกลับมาได้แล้ว” หรือ “陌上花开 可缓缓归矣” (ม่อซ่างฮวาคาย เข่อหวนห่วนกุยอี่) ประโยคนี้เป็นวลีที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จริง อยู่ใน "จดหมายรัก" ขององค์เฉียนหลิว องค์เฉียนหลิวคืออ๋องผู้ก่อตั้งและเจ้าผู้ปกครองแคว้นอู๋เยวี่ย สมัยปีค.ศ. 852-932 (ยุคสมัยห้าราชวงศ์สิบแคว้น) มีพระชายาที่ทรงรักมากคือจวงมู่ฟูเหริน เพราะเป็นภรรยาที่เข้าหอร่วมพิธีแต่งงานและติดสอยห้อยตามพระองค์ไปทุกที่ จวงมู่ฟูเหรินมักจะเสด็จกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองหลิงอันทุกปีในช่วงฤดูหนาว จวบจนฤดูใบไม้ผลิจึงเสด็จกลับมาหาพระสวามี มีอยู่ปีหนึ่ง อ๋องอู๋เยวี่ยทรงพระราชหัตถเลขาถึงพระนาง ส่วนหนึ่งของใจความนั้นมีวลีนี้ เป็นประโยคสั้นแต่แฝงด้วยความหมายประมาณว่า 1) ดอกไม้เริ่มผลิบานแล้ว ไฉนยังไม่กลับมา? คิดถึงนัก 2) ไม่ต้องรอจนเข้าฤดูใบไม้ผลิเต็มที่ก็ได้ เริ่มเดินทางกลับมาก็จะสัมผัสมันได้ในระหว่างทาง จวงมู่ฟูเหรินทรงเข้าพระทัยในความหมาย จึงเสด็จกลับโดยทันที (เอิ่ม... อ้อนสำเร็จด้วยเพียงอักษรเก้าตัว) เหตุการณ์นี้เป็นที่เล่าขานกันต่อมา เป็นวลีที่มีความหมายว่า สามีรักและคิดถึงภรรยายิ่งนัก รอคอยเธออยู่ ในเรื่อง “เวยเวยฯ” นี้ เซียวไน่ใช้วลีนี้เพื่อชวนให้เวยเวยกลับไปหา Storyฯ ทึ่งที่ว่า ทั้งเซียวไน่และเวยเวยต่างเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แต่เป็นสองคนที่ผิดแปลกจากเพื่อนฝูงตรงที่ต่างมีความชอบในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีน ลูกเพจลองคิดสิคะ ถ้าเป็นคนอื่นในคณะเดียวกัน เซียวไน่ใช้วลีนี้ คนฟังจะ “เก๊ท” ไหมนะ Credit เนื้อหารวบรวมจาก: https://baike.baidu.com https://www.sohu.com/a/350631198_120260771 #เวยเวยยิ้มนี้พิชิตใจ #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    百度百科_全球领先的中文百科全书
    百度百科是一部内容开放、自由的网络百科全书,旨在创造一个涵盖所有领域知识,服务所有互联网用户的中文知识性百科全书。在这里你可以参与词条编辑,分享贡献你的知识。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ต่างประเทศแถลง ยันชี้แจงเวทียูเอ็นแล้ว ย้ำกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศตลอด ล่าสุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยของไทย เผยพบประธาน UNSC ยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ย้ำกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ส่วนที่ประชุม UNSC เมื่อเช้าไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แค่กล่าวหลักการกว้าง ๆ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคี สนับสนุนบทบาทของอาเซียน โดยที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใด ๆ

    วันนี้(26 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ มีรายละเอียดคำแถลงดังนี้

    ผมเพิ่งเดินทางกลับถึงไทยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ High-Level Political Forum (HLPF) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

    ในห้วงการประชุมดังกล่าว ผมได้มีโอกาสพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ผมจึงขอถือโอกาสมาแถลงถึงผลการเยือน เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ
    ประเด็นแรก พัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070557

    #Thaitimes #MGROnline #ทูตทหารไทย #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา
    รมว.ต่างประเทศแถลง ยันชี้แจงเวทียูเอ็นแล้ว ย้ำกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศตลอด ล่าสุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยของไทย เผยพบประธาน UNSC ยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ย้ำกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ส่วนที่ประชุม UNSC เมื่อเช้าไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แค่กล่าวหลักการกว้าง ๆ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคี สนับสนุนบทบาทของอาเซียน โดยที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใด ๆ • วันนี้(26 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ มีรายละเอียดคำแถลงดังนี้ • ผมเพิ่งเดินทางกลับถึงไทยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ High-Level Political Forum (HLPF) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา • ในห้วงการประชุมดังกล่าว ผมได้มีโอกาสพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ผมจึงขอถือโอกาสมาแถลงถึงผลการเยือน เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ ประเด็นแรก พัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070557 • #Thaitimes #MGROnline #ทูตทหารไทย #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: หนังสือที่เปลี่ยนผู้นำให้กลายเป็นนักคิดเชิงกลยุทธ์

    ลองนึกภาพว่าคุณเป็น CISO (Chief Information Security Officer) ที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ตลอดเวลา ทั้งการโจมตีแบบใหม่ ความเสี่ยงจากพฤติกรรมมนุษย์ และแรงกดดันจากผู้บริหารระดับสูง คุณจะพึ่งพาอะไรเพื่อพัฒนาทักษะการตัดสินใจและความเป็นผู้นำ?

    คำตอบของผู้นำหลายคนคือ “หนังสือ” — ไม่ใช่แค่คู่มือเทคนิค แต่เป็นแหล่งความรู้ที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจความเสี่ยง มนุษย์ และตัวเองได้ลึกซึ้งขึ้น

    จากการสำรวจของ CSO Online พบว่า CISO ชั้นนำแนะนำหนังสือหลากหลายแนว ตั้งแต่จิตวิทยาการตัดสินใจอย่าง Thinking, Fast and Slow ไปจนถึงการวัดความเสี่ยงแบบใหม่ใน How to Measure Anything in Cybersecurity Risk และแม้แต่หนังสืออย่าง The Art of Deception ที่เผยกลยุทธ์ของแฮกเกอร์ในการหลอกล่อมนุษย์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายคนยังแนะนำหนังสือที่ไม่เกี่ยวกับไซเบอร์โดยตรง เช่น The Alchemist หรือ Our Town เพื่อเตือนตัวเองให้กลับมาโฟกัสกับชีวิตและความหมายที่แท้จริง

    หนังสือที่ช่วยพัฒนาทักษะการวัดและจัดการความเสี่ยง

    How to Measure Anything in Cybersecurity Risk โดย Douglas Hubbard & Richard Seiersen
    เสนอวิธีวัดความเสี่ยงแบบกึ่งปริมาณที่แม่นยำกว่าการใช้ risk matrix
    ได้รับการแนะนำจากหลาย CISO เช่น Daniel Schatz และ James Blake

    Superforecasting โดย Philip Tetlock & Dan Gardner
    เจาะลึกศาสตร์แห่งการพยากรณ์อนาคตอย่างมีหลักการ
    มีตัวอย่างจริงและแนวทางสร้างการคาดการณ์ที่แม่นยำ

    หนังสือที่ช่วยลด “เสียงรบกวน” ในการตัดสินใจ

    Thinking, Fast and Slow โดย Daniel Kahneman
    อธิบายระบบคิดแบบเร็ว (System 1) และช้า (System 2)
    ช่วยให้เข้าใจอคติและข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ

    Noise โดย Kahneman และทีม
    วิเคราะห์ว่าทำไมมนุษย์ถึงตัดสินใจผิดเพราะ “เสียงรบกวน”
    เสนอวิธีลดความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์

    Yeah, But โดย Marc Wolfe
    ช่วยให้ผู้นำจัดการกับเสียงในหัวที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง
    ส่งเสริมความชัดเจนในการคิดและการนำทีม

    Digital Minimalism โดย Cal Newport
    ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ
    ช่วยปกป้องเวลาและความสนใจของผู้นำ

    Better Than Before โดย Gretchen Rubin
    เสนอกรอบการสร้างนิสัยที่ดีเพื่อสนับสนุนเป้าหมายชีวิตและงาน

    หนังสือที่เน้นความเสี่ยงจากพฤติกรรมมนุษย์

    The Art of Deception โดย Kevin Mitnick
    เผยกลยุทธ์ social engineering ที่แฮกเกอร์ใช้หลอกมนุษย์
    ยังคงเป็นหนังสือพื้นฐานที่มีคุณค่าแม้จะตีพิมพ์มานาน

    Secrets and Lies โดย Bruce Schneier
    อธิบายความซับซ้อนของความปลอดภัยดิจิทัล
    เน้นว่าการจัดการพฤติกรรมมนุษย์สำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี

    Human Hacked โดย Len Noe
    เจาะลึกผลกระทบของ AI ต่อการตัดสินใจของมนุษย์
    เตือนถึงผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจากการผสานมนุษย์กับเทคโนโลยี

    ความเสี่ยงจากการละเลยพฤติกรรมมนุษย์ในระบบความปลอดภัย
    องค์กรที่เน้นเทคโนโลยีอย่างเดียวอาจพลาดช่องโหว่จากมนุษย์
    การไม่เข้าใจ social engineering ทำให้ระบบถูกเจาะง่ายขึ้น

    หนังสือที่ช่วยพัฒนาภาวะผู้นำ

    Dare to Lead โดย Brené Brown
    เน้นความกล้าหาญทางอารมณ์และความยืดหยุ่น
    ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและรับผิดชอบ

    Radical Candor โดย Kim Scott
    เสนอกรอบการให้ feedback ที่ตรงไปตรงมาแต่มีความเห็นอกเห็นใจ
    ช่วยสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

    ความเสี่ยงจากการเป็นผู้นำที่ขาดความเห็นอกเห็นใจ
    ผู้นำที่เน้นเทคนิคแต่ละเลยมนุษย์อาจสร้างทีมที่ไม่ยั่งยืน
    การขาด feedback ที่มีคุณภาพทำให้ทีมขาดการพัฒนา

    หนังสือที่เตือนให้กลับมาโฟกัสกับชีวิต

    Our Town โดย Thornton Wilder
    เตือนให้เห็นคุณค่าของชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์
    ช่วยให้ผู้นำกลับมาโฟกัสกับสิ่งสำคัญนอกเหนือจากงาน

    The Alchemist โดย Paulo Coelho
    เรื่องราวการเดินทางตามความฝันที่เต็มไปด้วยบทเรียนชีวิต
    สะท้อนความกล้าหาญในการเลือกเส้นทางที่ไม่เป็นไปตามกรอบเดิม

    Get Out of I.T. While You Can โดย Craig Schiefelbein
    ท้าทายให้ผู้นำไอทีทบทวนบทบาทและคุณค่าของตน
    กระตุ้นให้สร้างผลกระทบเชิงกลยุทธ์มากกว่าการทำงานเชิงเทคนิค

    https://www.csoonline.com/article/4027000/the-books-shaping-todays-cybersecurity-leaders.html
    📚 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: หนังสือที่เปลี่ยนผู้นำให้กลายเป็นนักคิดเชิงกลยุทธ์ ลองนึกภาพว่าคุณเป็น CISO (Chief Information Security Officer) ที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ตลอดเวลา ทั้งการโจมตีแบบใหม่ ความเสี่ยงจากพฤติกรรมมนุษย์ และแรงกดดันจากผู้บริหารระดับสูง คุณจะพึ่งพาอะไรเพื่อพัฒนาทักษะการตัดสินใจและความเป็นผู้นำ? คำตอบของผู้นำหลายคนคือ “หนังสือ” — ไม่ใช่แค่คู่มือเทคนิค แต่เป็นแหล่งความรู้ที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจความเสี่ยง มนุษย์ และตัวเองได้ลึกซึ้งขึ้น จากการสำรวจของ CSO Online พบว่า CISO ชั้นนำแนะนำหนังสือหลากหลายแนว ตั้งแต่จิตวิทยาการตัดสินใจอย่าง Thinking, Fast and Slow ไปจนถึงการวัดความเสี่ยงแบบใหม่ใน How to Measure Anything in Cybersecurity Risk และแม้แต่หนังสืออย่าง The Art of Deception ที่เผยกลยุทธ์ของแฮกเกอร์ในการหลอกล่อมนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายคนยังแนะนำหนังสือที่ไม่เกี่ยวกับไซเบอร์โดยตรง เช่น The Alchemist หรือ Our Town เพื่อเตือนตัวเองให้กลับมาโฟกัสกับชีวิตและความหมายที่แท้จริง 📙📖 หนังสือที่ช่วยพัฒนาทักษะการวัดและจัดการความเสี่ยง ⭕ ✅ How to Measure Anything in Cybersecurity Risk โดย Douglas Hubbard & Richard Seiersen ➡️ เสนอวิธีวัดความเสี่ยงแบบกึ่งปริมาณที่แม่นยำกว่าการใช้ risk matrix ➡️ ได้รับการแนะนำจากหลาย CISO เช่น Daniel Schatz และ James Blake ✅ Superforecasting โดย Philip Tetlock & Dan Gardner ➡️ เจาะลึกศาสตร์แห่งการพยากรณ์อนาคตอย่างมีหลักการ ➡️ มีตัวอย่างจริงและแนวทางสร้างการคาดการณ์ที่แม่นยำ ⭐📖 หนังสือที่ช่วยลด “เสียงรบกวน” ในการตัดสินใจ ⭕ ✅ Thinking, Fast and Slow โดย Daniel Kahneman ➡️ อธิบายระบบคิดแบบเร็ว (System 1) และช้า (System 2) ➡️ ช่วยให้เข้าใจอคติและข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ ✅ Noise โดย Kahneman และทีม ➡️ วิเคราะห์ว่าทำไมมนุษย์ถึงตัดสินใจผิดเพราะ “เสียงรบกวน” ➡️ เสนอวิธีลดความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ ✅ Yeah, But โดย Marc Wolfe ➡️ ช่วยให้ผู้นำจัดการกับเสียงในหัวที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง ➡️ ส่งเสริมความชัดเจนในการคิดและการนำทีม ✅ Digital Minimalism โดย Cal Newport ➡️ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ➡️ ช่วยปกป้องเวลาและความสนใจของผู้นำ ✅ Better Than Before โดย Gretchen Rubin ➡️ เสนอกรอบการสร้างนิสัยที่ดีเพื่อสนับสนุนเป้าหมายชีวิตและงาน 🙎‍♂️📖 หนังสือที่เน้นความเสี่ยงจากพฤติกรรมมนุษย์ ⭕ ✅ The Art of Deception โดย Kevin Mitnick ➡️ เผยกลยุทธ์ social engineering ที่แฮกเกอร์ใช้หลอกมนุษย์ ➡️ ยังคงเป็นหนังสือพื้นฐานที่มีคุณค่าแม้จะตีพิมพ์มานาน ✅ Secrets and Lies โดย Bruce Schneier ➡️ อธิบายความซับซ้อนของความปลอดภัยดิจิทัล ➡️ เน้นว่าการจัดการพฤติกรรมมนุษย์สำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี ✅ Human Hacked โดย Len Noe ➡️ เจาะลึกผลกระทบของ AI ต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ➡️ เตือนถึงผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจากการผสานมนุษย์กับเทคโนโลยี ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยพฤติกรรมมนุษย์ในระบบความปลอดภัย ⛔ องค์กรที่เน้นเทคโนโลยีอย่างเดียวอาจพลาดช่องโหว่จากมนุษย์ ⛔ การไม่เข้าใจ social engineering ทำให้ระบบถูกเจาะง่ายขึ้น 🔝📖 หนังสือที่ช่วยพัฒนาภาวะผู้นำ ⭕ ✅ Dare to Lead โดย Brené Brown ➡️ เน้นความกล้าหาญทางอารมณ์และความยืดหยุ่น ➡️ ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและรับผิดชอบ ✅ Radical Candor โดย Kim Scott ➡️ เสนอกรอบการให้ feedback ที่ตรงไปตรงมาแต่มีความเห็นอกเห็นใจ ➡️ ช่วยสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ‼️ ความเสี่ยงจากการเป็นผู้นำที่ขาดความเห็นอกเห็นใจ ⛔ ผู้นำที่เน้นเทคนิคแต่ละเลยมนุษย์อาจสร้างทีมที่ไม่ยั่งยืน ⛔ การขาด feedback ที่มีคุณภาพทำให้ทีมขาดการพัฒนา 🔎📖 หนังสือที่เตือนให้กลับมาโฟกัสกับชีวิต ⭕ ✅ Our Town โดย Thornton Wilder ➡️ เตือนให้เห็นคุณค่าของชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ ➡️ ช่วยให้ผู้นำกลับมาโฟกัสกับสิ่งสำคัญนอกเหนือจากงาน ✅ The Alchemist โดย Paulo Coelho ➡️ เรื่องราวการเดินทางตามความฝันที่เต็มไปด้วยบทเรียนชีวิต ➡️ สะท้อนความกล้าหาญในการเลือกเส้นทางที่ไม่เป็นไปตามกรอบเดิม ✅ Get Out of I.T. While You Can โดย Craig Schiefelbein ➡️ ท้าทายให้ผู้นำไอทีทบทวนบทบาทและคุณค่าของตน ➡️ กระตุ้นให้สร้างผลกระทบเชิงกลยุทธ์มากกว่าการทำงานเชิงเทคนิค https://www.csoonline.com/article/4027000/the-books-shaping-todays-cybersecurity-leaders.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The books shaping today’s cybersecurity leaders
    Cybersecurity leaders reveal the books that have influenced how they lead, think, and manage security in the enterprise — and their own lives.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน
    ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที.
    ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน,
    ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด,
    ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน,
    ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น


    .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที. ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน, ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด, ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน, ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยาวชนต้านกัญชาฯ ยื่นหนังสือ ศาลรธน. คืนตำแหน่ง "นายกฯ" หวั่นไร้ผู้นำสู้ภัยกัมพูชา หลัง "แพทองธาร" ยื่นขอขยายเวลา 15 วันเอง
    https://www.thai-tai.tv/news/20543/
    .
    #แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #YNAC #คืนอำนาจ #ภัยคุกคามกัมพูชา #ความมั่นคงของชาติ #นายกรัฐมนตรี #เอกภาพรัฐบาล #ชายแดนไทยกัมพูชา

    เยาวชนต้านกัญชาฯ ยื่นหนังสือ ศาลรธน. คืนตำแหน่ง "นายกฯ" หวั่นไร้ผู้นำสู้ภัยกัมพูชา หลัง "แพทองธาร" ยื่นขอขยายเวลา 15 วันเอง https://www.thai-tai.tv/news/20543/ . #แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #YNAC #คืนอำนาจ #ภัยคุกคามกัมพูชา #ความมั่นคงของชาติ #นายกรัฐมนตรี #เอกภาพรัฐบาล #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทูตไทย ร่อนหนังสือแจง UN กัมพูชารุกราน! เริ่มจากทหารไทยเหยียบกับระเบิดใหม่ ก่อนถูกเปิดฉากยิงโดยไม่เลือกเป้าหมายไม่เว้นร.ร.-รพ. ทำปชช.เจ็บตายอื้อ ประณามโจมตีต่อเนื่องแบบไม่เลือกไร้มนุษยธรรม ละเมิดอนุสัญญา ไทยป้องกันขจัดภัยคุกคามเฉพาะจากกองทัพกัมพูชา ย้ำยึดยุติข้อพิพาทโดยสันติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070226

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ทูตไทย ร่อนหนังสือแจง UN กัมพูชารุกราน! เริ่มจากทหารไทยเหยียบกับระเบิดใหม่ ก่อนถูกเปิดฉากยิงโดยไม่เลือกเป้าหมายไม่เว้นร.ร.-รพ. ทำปชช.เจ็บตายอื้อ ประณามโจมตีต่อเนื่องแบบไม่เลือกไร้มนุษยธรรม ละเมิดอนุสัญญา ไทยป้องกันขจัดภัยคุกคามเฉพาะจากกองทัพกัมพูชา ย้ำยึดยุติข้อพิพาทโดยสันติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070226 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เค้าตามหาตัวกันทั่วแผ่นดิน ไหนบอกไม่มีใครรบกันแล้ว ที่แท้ก็มัวแต่ขายหนังสืออยู่ ไม่มีเวลามาห่วงใยใครคับตอนนี้
    #7ดอกจิก
    #พิธา
    ♣ เค้าตามหาตัวกันทั่วแผ่นดิน ไหนบอกไม่มีใครรบกันแล้ว ที่แท้ก็มัวแต่ขายหนังสืออยู่ ไม่มีเวลามาห่วงใยใครคับตอนนี้ #7ดอกจิก #พิธา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกของการอ่าน: เมื่อ Kindle สำหรับเด็กมีสีสันและความปลอดภัยมากขึ้น

    หลังจากเปิดตัว Kindle Colorsoft รุ่นแรกในปี 2024 ซึ่งเป็น Kindle ที่มีหน้าจอสี Amazon ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ 2 รุ่นในปี 2025:

    Kindle Colorsoft Kids
    เป็น Kindle รุ่นหน้าจอสีสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
    มีความสามารถเหมือนรุ่น 16GB ของผู้ใหญ่ เช่น หน้าจอ high-contrast, ปรับแสงอุ่นได้, และเปลี่ยนหน้ารวดเร็ว
    เพิ่มฟีเจอร์สำหรับเด็ก เช่น:
    - เคสป้องกัน
    - การรับประกัน 2 ปีแบบ “worry-free”
    - ระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง
    - สมาชิก Amazon Kids+ ฟรี 1 ปี
    ไม่มีแอป, การแจ้งเตือน หรือข้อความที่รบกวนสมาธิ
    มีการเพิ่มหนังสือใหม่ใน Kids+ เช่น Artemis Fowl และ Percy Jackson

    Kindle Colorsoft รุ่น 16GB สำหรับผู้ใหญ่
    ลดราคาจากรุ่น 32GB เหลือ $249.99
    ตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น:
    - ไม่มี wireless charging
    - ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ
    แถม Kindle Unlimited ฟรี 3 เดือน

    https://www.neowin.net/news/kindle-colorsoft-now-has-a-colored-display-model-for-kids/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกของการอ่าน: เมื่อ Kindle สำหรับเด็กมีสีสันและความปลอดภัยมากขึ้น หลังจากเปิดตัว Kindle Colorsoft รุ่นแรกในปี 2024 ซึ่งเป็น Kindle ที่มีหน้าจอสี Amazon ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ 2 รุ่นในปี 2025: 🧒 Kindle Colorsoft Kids ✅ เป็น Kindle รุ่นหน้าจอสีสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ✅ มีความสามารถเหมือนรุ่น 16GB ของผู้ใหญ่ เช่น หน้าจอ high-contrast, ปรับแสงอุ่นได้, และเปลี่ยนหน้ารวดเร็ว ✅ เพิ่มฟีเจอร์สำหรับเด็ก เช่น: - เคสป้องกัน - การรับประกัน 2 ปีแบบ “worry-free” - ระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง - สมาชิก Amazon Kids+ ฟรี 1 ปี ✅ ไม่มีแอป, การแจ้งเตือน หรือข้อความที่รบกวนสมาธิ ✅ มีการเพิ่มหนังสือใหม่ใน Kids+ เช่น Artemis Fowl และ Percy Jackson 💰 Kindle Colorsoft รุ่น 16GB สำหรับผู้ใหญ่ ✅ ลดราคาจากรุ่น 32GB เหลือ $249.99 ✅ ตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น: - ไม่มี wireless charging - ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ ✅ แถม Kindle Unlimited ฟรี 3 เดือน https://www.neowin.net/news/kindle-colorsoft-now-has-a-colored-display-model-for-kids/
    WWW.NEOWIN.NET
    Kindle Colorsoft now has a colored display model for kids
    Amazon has announced two new variants of the Kindle Colorsoft, one is a cheaper version with significant downgrades, and the other is kid-friendly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าไม่พูดถึงความรักก็จะดูตกเทรนด์ วันนี้เลยขอพูดถึงวลีคลาสสิคที่โด่งดังจากปากของเทพธิดาไหมแดงลี้มกโช้ว

    ความมีอยู่ว่า
    ... ทันใดนั้น ในอัคคีเพลิงบังเกิดเสียงเพลงอันเกรี้ยวกราดโหยหวนดังออกมาว่า
    “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด
    จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต
    วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ...” ...

    - จากเรื่อง <เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี> ผู้แต่ง กิมย้ง แปลและเรียบเรียงโดย น.นพรัตน์
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ)

    มีคนวิเคราะห์ไปแล้วมากมายถึงบทกวีนี้และเรื่องราวความรักของตัวละครต่างๆ ของกิมย้ง Storyฯ จะไม่กล่าวซ้ำ แต่ Storyฯ เชื่อว่าคงมีลูกเพจไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเรื่องราวเบื้องหลังของบทกวีนี้ ไม่ใช่เรื่องราวความรักของคน

    บทกวีนี้ปรากฎในยุคสมัยราชวงศ์จินโดยอัจฉริยะกวีและนักประวัติศาสตร์หยวนฮ่าวเวิ่น (ปีค.ศ. 1190-1297) ว่ากันว่า หยวนฮ่าวเวิ่นเมื่อครั้งยังอายุเพียง 16 ปี ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมชั้นเพื่อไปสอบ ระหว่างทางพบนายพรานคนหนึ่งกำลังรำพึงรำพันกับซากศพห่านป่าคู่หนึ่ง พรานเล่าให้ฟังว่าห่านป่าคู่นี้ ตัวหนึ่งโดนดักจับตาย อีกตัวหนึ่งบินหลุดรอดไปได้ แต่มันไม่หนีไป กลับบินวนส่งเสียงร้องไห้โหยหวน สุดท้ายพุ่งตัวดิ่งลงมาชนพื้นตายอยู่ข้างๆ คู่ของมัน

    หยวนฮ่าวเวิ่นรู้สึกโดนใจกับเรื่องราวของห่านป่าคู่นี้ จึงซื้อมันแล้วนำไปฝังไว้ด้วยกันที่ริมน้ำและตั้งชื่อหลุมฝังศพนั้นว่า “เนินห่านป่า” (เยี่ยนชิว หรือ 雁丘) เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนกลุ่มนี้ต่างแต่งบทกลอนขึ้นมา โดยหยวนฮ่าวเวินแต่งกลอนเนินห่านป่าบทนี้ขึ้น ต่อมามีการปรับปรุงเพิ่มเติมและเอาไปรวมอยู่ในชุดกลอน “ลูบคลำปลาน้อย” (ม้ออวี๋เอ่อร์ หรือ 摸鱼儿) ที่มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบหกอักษร โดยเรียกกลอนวรรคนี้ว่า “ลูบคลำปลาน้อย: บทกวีเนินห่านป่า” (摸鱼儿.雁丘词)

    เข้าใจที่มาและเรื่องราวเบื้องหลังแล้ว ลองอ่านบทกวีเต็มๆ อีกทีนะคะว่า เห็นเงาร่างของห่านฟ้าคู่นี้ในบทกวีกันบ้างไหม

    “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล ร่วมหรรษาเริงรื่น ขื่นขมยามพลัดพรากหาย กอปรด้วยบุตรธิดางมงาย ท่านพึงหมายจำนรรจา ชั้นเฆฆาสูงหมื่นลี้ ทัศนีย์พันภูพาไศล เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร”

    Credit รูปภาพจาก: https://board.postjung.com/796272
    Credit เนื้อหารวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com
    https://zhidao.baidu.com/question/621016209188011772.html
    https://m.sohu.com/a/434620154_99929216/?pvid=000115_3w_a

    #กิมย้ง #เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    ถ้าไม่พูดถึงความรักก็จะดูตกเทรนด์ วันนี้เลยขอพูดถึงวลีคลาสสิคที่โด่งดังจากปากของเทพธิดาไหมแดงลี้มกโช้ว ความมีอยู่ว่า ... ทันใดนั้น ในอัคคีเพลิงบังเกิดเสียงเพลงอันเกรี้ยวกราดโหยหวนดังออกมาว่า “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ...” ... - จากเรื่อง <เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี> ผู้แต่ง กิมย้ง แปลและเรียบเรียงโดย น.นพรัตน์ (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ) มีคนวิเคราะห์ไปแล้วมากมายถึงบทกวีนี้และเรื่องราวความรักของตัวละครต่างๆ ของกิมย้ง Storyฯ จะไม่กล่าวซ้ำ แต่ Storyฯ เชื่อว่าคงมีลูกเพจไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเรื่องราวเบื้องหลังของบทกวีนี้ ไม่ใช่เรื่องราวความรักของคน บทกวีนี้ปรากฎในยุคสมัยราชวงศ์จินโดยอัจฉริยะกวีและนักประวัติศาสตร์หยวนฮ่าวเวิ่น (ปีค.ศ. 1190-1297) ว่ากันว่า หยวนฮ่าวเวิ่นเมื่อครั้งยังอายุเพียง 16 ปี ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมชั้นเพื่อไปสอบ ระหว่างทางพบนายพรานคนหนึ่งกำลังรำพึงรำพันกับซากศพห่านป่าคู่หนึ่ง พรานเล่าให้ฟังว่าห่านป่าคู่นี้ ตัวหนึ่งโดนดักจับตาย อีกตัวหนึ่งบินหลุดรอดไปได้ แต่มันไม่หนีไป กลับบินวนส่งเสียงร้องไห้โหยหวน สุดท้ายพุ่งตัวดิ่งลงมาชนพื้นตายอยู่ข้างๆ คู่ของมัน หยวนฮ่าวเวิ่นรู้สึกโดนใจกับเรื่องราวของห่านป่าคู่นี้ จึงซื้อมันแล้วนำไปฝังไว้ด้วยกันที่ริมน้ำและตั้งชื่อหลุมฝังศพนั้นว่า “เนินห่านป่า” (เยี่ยนชิว หรือ 雁丘) เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนกลุ่มนี้ต่างแต่งบทกลอนขึ้นมา โดยหยวนฮ่าวเวินแต่งกลอนเนินห่านป่าบทนี้ขึ้น ต่อมามีการปรับปรุงเพิ่มเติมและเอาไปรวมอยู่ในชุดกลอน “ลูบคลำปลาน้อย” (ม้ออวี๋เอ่อร์ หรือ 摸鱼儿) ที่มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบหกอักษร โดยเรียกกลอนวรรคนี้ว่า “ลูบคลำปลาน้อย: บทกวีเนินห่านป่า” (摸鱼儿.雁丘词) เข้าใจที่มาและเรื่องราวเบื้องหลังแล้ว ลองอ่านบทกวีเต็มๆ อีกทีนะคะว่า เห็นเงาร่างของห่านฟ้าคู่นี้ในบทกวีกันบ้างไหม “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล ร่วมหรรษาเริงรื่น ขื่นขมยามพลัดพรากหาย กอปรด้วยบุตรธิดางมงาย ท่านพึงหมายจำนรรจา ชั้นเฆฆาสูงหมื่นลี้ ทัศนีย์พันภูพาไศล เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร” Credit รูปภาพจาก: https://board.postjung.com/796272 Credit เนื้อหารวบรวมจาก: https://baike.baidu.com https://zhidao.baidu.com/question/621016209188011772.html https://m.sohu.com/a/434620154_99929216/?pvid=000115_3w_a #กิมย้ง #เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    BOARD.POSTJUNG.COM
    ลี้ม๊กโช้ว เทพธิดาไหมแดง
    ลี้ม๊กโช้ว เทพธิดาไหมแดง ลี้มกโช้ว เป็นตัวละครใน นิยายกำลังภายในของกิมย้ง เรื่องมังกรหยก ลี้มกโช้ว เป็นศิษย์สำนักสุสานโบราณ รุ่นที่ 3 ฉายา เทพธิดาไหมแดง ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts