• “Microsoft เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์ AI กับสื่อมวลชน — เปลี่ยนโมเดลจากการดึงฟรี สู่การจ่ายจริงเพื่อความยั่งยืน”

    ในยุคที่ AI ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์และสื่อมวลชนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต Microsoft ประกาศเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ที่พลิกแนวทางเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยจะจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการนำข้อมูลไปใช้ฝึกโมเดล AI และตอบคำถามผ่าน Copilot

    โครงการนี้จะเริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้าง “ตลาดสองฝั่ง” ที่ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถขายสิทธิ์การใช้งานให้กับ Microsoft ได้โดยตรง โดย Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบนี้ ซึ่ง Microsoft มองว่าเป็นก้าวแรกสู่โมเดลธุรกิจ AI ที่ยั่งยืนและเป็นธรรม

    Microsoft ระบุว่า AI ไม่สามารถให้คำตอบที่แม่นยำและมีคุณภาพได้ หากไม่มีเนื้อหาต้นฉบับจากผู้ผลิตข่าวสาร และย้ำว่า “คุณสมควรได้รับค่าตอบแทนตามคุณภาพของทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมประกาศว่าจะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาใหม่สำหรับการซื้อขายเนื้อหาในระบบ PCM (Publisher Content Monetization)

    แม้ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Microsoft ได้เริ่มทดลองภายในกับพันธมิตรบางราย และมีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ในอนาคต โดยแนวทางนี้แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Google ที่ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหา แม้จะใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ในการสร้าง AI Overviews ซึ่งส่งผลให้หลายสื่อสูญเสียทราฟฟิกและรายได้โฆษณาอย่างหนัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft เปิดโครงการนำร่องจ่ายเงินให้ผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อใช้ใน AI
    เริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้างตลาดสองฝั่งระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ AI
    Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบ Publisher Content Marketplace
    Microsoft จะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาสำหรับ PCM
    เน้นความยั่งยืนของระบบ AI โดยให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ผลิตเนื้อหา
    ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัว แต่เริ่มทดลองกับพันธมิตรบางรายแล้ว
    มีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ของ Microsoft ในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cloudflare กำลังพัฒนาเครื่องมือให้เว็บไซต์บล็อก AI scrapers และเสนอโมเดลการจ่ายเงินเช่นกัน
    Google ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้สื่อ แต่ใช้เนื้อหาในการสร้าง AI Overviews
    สื่อหลายแห่งฟ้อง Google ฐานละเมิดลิขสิทธิ์และทำให้ทราฟฟิกลดลง
    การสร้างตลาดคอนเทนต์ AI อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม
    Microsoft เคยเซ็นสัญญากับบางสื่อเพื่อเข้าถึงเนื้อหาอย่างถูกต้องมาแล้ว

    https://securityonline.info/microsoft-to-pay-publishers-for-ai-content-in-new-pilot-program/
    📰 “Microsoft เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์ AI กับสื่อมวลชน — เปลี่ยนโมเดลจากการดึงฟรี สู่การจ่ายจริงเพื่อความยั่งยืน” ในยุคที่ AI ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์และสื่อมวลชนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต Microsoft ประกาศเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ที่พลิกแนวทางเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยจะจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการนำข้อมูลไปใช้ฝึกโมเดล AI และตอบคำถามผ่าน Copilot โครงการนี้จะเริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้าง “ตลาดสองฝั่ง” ที่ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถขายสิทธิ์การใช้งานให้กับ Microsoft ได้โดยตรง โดย Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบนี้ ซึ่ง Microsoft มองว่าเป็นก้าวแรกสู่โมเดลธุรกิจ AI ที่ยั่งยืนและเป็นธรรม Microsoft ระบุว่า AI ไม่สามารถให้คำตอบที่แม่นยำและมีคุณภาพได้ หากไม่มีเนื้อหาต้นฉบับจากผู้ผลิตข่าวสาร และย้ำว่า “คุณสมควรได้รับค่าตอบแทนตามคุณภาพของทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมประกาศว่าจะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาใหม่สำหรับการซื้อขายเนื้อหาในระบบ PCM (Publisher Content Monetization) แม้ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Microsoft ได้เริ่มทดลองภายในกับพันธมิตรบางราย และมีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ในอนาคต โดยแนวทางนี้แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Google ที่ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหา แม้จะใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ในการสร้าง AI Overviews ซึ่งส่งผลให้หลายสื่อสูญเสียทราฟฟิกและรายได้โฆษณาอย่างหนัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft เปิดโครงการนำร่องจ่ายเงินให้ผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อใช้ใน AI ➡️ เริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้างตลาดสองฝั่งระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ AI ➡️ Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบ Publisher Content Marketplace ➡️ Microsoft จะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาสำหรับ PCM ➡️ เน้นความยั่งยืนของระบบ AI โดยให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ผลิตเนื้อหา ➡️ ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัว แต่เริ่มทดลองกับพันธมิตรบางรายแล้ว ➡️ มีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ของ Microsoft ในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cloudflare กำลังพัฒนาเครื่องมือให้เว็บไซต์บล็อก AI scrapers และเสนอโมเดลการจ่ายเงินเช่นกัน ➡️ Google ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้สื่อ แต่ใช้เนื้อหาในการสร้าง AI Overviews ➡️ สื่อหลายแห่งฟ้อง Google ฐานละเมิดลิขสิทธิ์และทำให้ทราฟฟิกลดลง ➡️ การสร้างตลาดคอนเทนต์ AI อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม ➡️ Microsoft เคยเซ็นสัญญากับบางสื่อเพื่อเข้าถึงเนื้อหาอย่างถูกต้องมาแล้ว https://securityonline.info/microsoft-to-pay-publishers-for-ai-content-in-new-pilot-program/
    SECURITYONLINE.INFO
    Microsoft to Pay Publishers for AI Content in New Pilot Program
    Microsoft is reportedly building a pilot program to pay publishers when their content is used by its AI, signaling a new path for content monetization.
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • เข้าคิวด่านสะเดา 3 ชั่วโมง ทำลายการท่องเที่ยวไทย

    ในช่วงวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และปิดภาคเรียนระยะสั้น ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา แต่ก็ประสบปัญหาต่อคิวยาวนาน ขาไปต้องรอกว่า 3 ชั่วโมง ส่วนขากลับรถติดหน้าด่านยาวเหยียด มาไม่ทันเวลาด่านปิด 5 ทุ่ม ต้องค้างคืนจ่ายค่าโรงแรมเกือบ 3,000 บาท กลายเป็นไวรัลในสื่อมาเลเซีย

    ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ถึงกับตั้งคำถามว่า "เราจะต้อนรับเพื่อนบ้านที่มาอุดหนุนพี่น้องคนไทย ด้วยการปล่อยให้เขาเข้าแถวรอข้ามแดน 3 ชั่วโมง โดยที่ส่วนกลางไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นเลยเหรอ? โดยกล่าวว่า หลายปีแล้วที่ต้องเจอกับภาพนักท่องเที่ยวแออัดที่ด่านสะเดา คนยืนรอเข้าแถวนานหลายชั่วโมงเพื่อเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ล่าสุดยังคงได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า ต้องใช้เวลาข้ามด่านนานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่ส่วนกลางไม่เคยแก้ไขใดๆ เลย ลำพังให้หน้างานแก้ไขอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้

    เรื่องนี้ต้องแก้ที่โครงสร้างของระบบ กรมศุลกากรควรให้ความสำคัญกับคนไม่น้อยไปกว่าสินค้า เพราะปัจจุบันรูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก ควรปรับรูปแบบการยื่นเอกสารนำรถยนต์เข้ามาท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อลดการจราจรที่แออัด นอกจากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังสร้างความโปร่งใส เท่าเทียมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอีกด้วย ดังเช่นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินการแก้ไขการยื่นเอกสาร ตม.6 เป็นออนไลน์แล้ว แก้ปัญหาได้มากเลยทีเดียว

    "ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผม มีอีกหลายๆ คนที่ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นส่วนกลางไม่ควรมองนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย อะไรที่เห็นปัญหาแล้วไม่แก้ไข แปลว่าอะไร เรื่องนี้ผมจะรอ รมว.คลังคนใหม่ ที่เป็นคนนอกวงการการเมือง หวังว่าท่านจะเข้าใจและจะให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาให้กับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งผมจะได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อท่านและคาดหวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะหลุดพ้นจากบ่วงปัญหานี้ที่หมักมานานเสียที"

    อีกด้านหนึ่ง เถกิง สมทรัพย์ อดีตสื่อมวลชนอาวุโส ที่ผันตัวทำบริษัททัวร์ Around the world แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า "อวสานการท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ถ้ารัฐบาลไม่ลงไปกำกับดูแลให้เกิดความคล่องตัวจริงจัง อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย" โดยเห็นว่า เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องลงไปดูแล เพราะเป็นรายได้ทั้งนั้น เชื่อว่าด้วยความสามารถของด่านไทยจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้

    #Newskit
    เข้าคิวด่านสะเดา 3 ชั่วโมง ทำลายการท่องเที่ยวไทย ในช่วงวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และปิดภาคเรียนระยะสั้น ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา แต่ก็ประสบปัญหาต่อคิวยาวนาน ขาไปต้องรอกว่า 3 ชั่วโมง ส่วนขากลับรถติดหน้าด่านยาวเหยียด มาไม่ทันเวลาด่านปิด 5 ทุ่ม ต้องค้างคืนจ่ายค่าโรงแรมเกือบ 3,000 บาท กลายเป็นไวรัลในสื่อมาเลเซีย ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ถึงกับตั้งคำถามว่า "เราจะต้อนรับเพื่อนบ้านที่มาอุดหนุนพี่น้องคนไทย ด้วยการปล่อยให้เขาเข้าแถวรอข้ามแดน 3 ชั่วโมง โดยที่ส่วนกลางไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นเลยเหรอ? โดยกล่าวว่า หลายปีแล้วที่ต้องเจอกับภาพนักท่องเที่ยวแออัดที่ด่านสะเดา คนยืนรอเข้าแถวนานหลายชั่วโมงเพื่อเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ล่าสุดยังคงได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า ต้องใช้เวลาข้ามด่านนานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่ส่วนกลางไม่เคยแก้ไขใดๆ เลย ลำพังให้หน้างานแก้ไขอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ต้องแก้ที่โครงสร้างของระบบ กรมศุลกากรควรให้ความสำคัญกับคนไม่น้อยไปกว่าสินค้า เพราะปัจจุบันรูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก ควรปรับรูปแบบการยื่นเอกสารนำรถยนต์เข้ามาท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อลดการจราจรที่แออัด นอกจากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังสร้างความโปร่งใส เท่าเทียมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอีกด้วย ดังเช่นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินการแก้ไขการยื่นเอกสาร ตม.6 เป็นออนไลน์แล้ว แก้ปัญหาได้มากเลยทีเดียว "ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผม มีอีกหลายๆ คนที่ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นส่วนกลางไม่ควรมองนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย อะไรที่เห็นปัญหาแล้วไม่แก้ไข แปลว่าอะไร เรื่องนี้ผมจะรอ รมว.คลังคนใหม่ ที่เป็นคนนอกวงการการเมือง หวังว่าท่านจะเข้าใจและจะให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาให้กับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งผมจะได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อท่านและคาดหวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะหลุดพ้นจากบ่วงปัญหานี้ที่หมักมานานเสียที" อีกด้านหนึ่ง เถกิง สมทรัพย์ อดีตสื่อมวลชนอาวุโส ที่ผันตัวทำบริษัททัวร์ Around the world แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า "อวสานการท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ถ้ารัฐบาลไม่ลงไปกำกับดูแลให้เกิดความคล่องตัวจริงจัง อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย" โดยเห็นว่า เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องลงไปดูแล เพราะเป็นรายได้ทั้งนั้น เชื่อว่าด้วยความสามารถของด่านไทยจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ #Newskit
    Like
    Sad
    3
    2 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี

    คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ

    จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา

    แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง

    อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง

    หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน

    โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

    สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี

    คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ

    #Newskit
    ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ #Newskit
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี”

    ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม

    คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า

    แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง

    ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง

    องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025
    เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง
    จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ
    เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ
    การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน
    สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม
    การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร
    การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ
    ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่
    การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    🌐 “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี” ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025 ➡️ เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง ➡️ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ ➡️ เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ✅ ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ➡️ ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ ➡️ การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน ➡️ สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ ➡️ ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่ ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าฯ สระแก้ว นำสื่อมวลชนลงพิสูจน์ข้อเท็จจริงพื้นที่ด่านถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด หลังถูกปล่อยข่าวในโลกออนไลน์ลอบเปิดด่านช่วยเขมร ยันยังปิดสนิด สั่ง นอภ.แจ้งเอาผิดคนปล่อย Fake News ลั่นทุกด่านชายแดนสระแก้วไม่เปิดตามนโยบายความมั่นคง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090734

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผู้ว่าฯ สระแก้ว นำสื่อมวลชนลงพิสูจน์ข้อเท็จจริงพื้นที่ด่านถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด หลังถูกปล่อยข่าวในโลกออนไลน์ลอบเปิดด่านช่วยเขมร ยันยังปิดสนิด สั่ง นอภ.แจ้งเอาผิดคนปล่อย Fake News ลั่นทุกด่านชายแดนสระแก้วไม่เปิดตามนโยบายความมั่นคง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090734 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 1 Shares 332 Views 0 Reviews
  • “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี

    ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน

    เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก

    เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง

    เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944

    ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด

    การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน
    ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง
    ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป

    คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
    แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ
    ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย

    การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ
    เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร
    คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

    ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
    ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์
    หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้

    https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    📰 “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944 ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน ➡️ ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง ➡️ ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ✅ คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ➡️ แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ ➡️ ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย ✅ การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ ➡️ เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร ➡️ คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น” ✅ ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ➡️ ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์ ➡️ หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้ https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • กองกำลังบูรพานำสื่อมวลชนไทย-เทศ ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝั่งกัมพูชาตามส่องหน้าสลอน ขณะเด็กเขมรปีนต้นไม้ชูนิ้วกลางเย้ย ด้าน ผบ.เผยยึดพื้นที่คืนได้แล้ว 100 ไร่ เหลืออีก 25 ไร่ แฉ “กำนันลี” ยุม็อบเขมรป่วนวันก่อน และน่าจะมีเบื้องหลังระดับสูงกว่านั้น เผยคุยทหารฝั่งกัมพูชาแล้วแต่ยังไม่รับปากจะห้ามชาวบ้านป่วนอีกหรือไม่ แต่ถ้ามาอีกจะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089962

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองกำลังบูรพานำสื่อมวลชนไทย-เทศ ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝั่งกัมพูชาตามส่องหน้าสลอน ขณะเด็กเขมรปีนต้นไม้ชูนิ้วกลางเย้ย ด้าน ผบ.เผยยึดพื้นที่คืนได้แล้ว 100 ไร่ เหลืออีก 25 ไร่ แฉ “กำนันลี” ยุม็อบเขมรป่วนวันก่อน และน่าจะมีเบื้องหลังระดับสูงกว่านั้น เผยคุยทหารฝั่งกัมพูชาแล้วแต่ยังไม่รับปากจะห้ามชาวบ้านป่วนอีกหรือไม่ แต่ถ้ามาอีกจะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089962 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    1 Comments 0 Shares 522 Views 0 Reviews
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 Comments 0 Shares 326 Views 0 Reviews
  • กองทัพไทยนำ IOT ลงพื้นที่ชายแดน ดูแนวลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ หัวหน้าคณะชื่นชมกองทัพไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างมีมาตรฐาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089179

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    กองทัพไทยนำ IOT ลงพื้นที่ชายแดน ดูแนวลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ หัวหน้าคณะชื่นชมกองทัพไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างมีมาตรฐาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089179 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ”

    เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม

    สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง

    แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก

    แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น

    ข้อมูลจากคดี Rockenhaus
    ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า
    เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web
    FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง

    พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว
    ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ
    เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน
    การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข
    มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้
    การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT
    การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025
    คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล

    กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ
    หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล
    ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ
    มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain

    กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค
    มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web
    บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง
    มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน
    มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว

    กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP
    มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า
    บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ
    มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา

    https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    ⚖️ “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ” เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น ✅ ข้อมูลจากคดี Rockenhaus ➡️ ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า ➡️ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web ➡️ FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง ✅ พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ➡️ ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ ➡️ เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข ➡️ มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้ ➡️ การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT ➡️ การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025 ➡️ คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล ✅ กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ ➡️ หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ ➡️ มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain ✅ กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค ➡️ มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web ➡️ บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง ➡️ มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน ➡️ มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ‼️ กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP ⛔ มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า ⛔ บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript ⛔ มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ ⛔ มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • สเปนทำการฉีกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล ในความเคลื่อนไหวแถลงมาตรการจัดการกับรัฐยิว ที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000088824

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สเปนทำการฉีกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล ในความเคลื่อนไหวแถลงมาตรการจัดการกับรัฐยิว ที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000088824 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Angry
    4
    0 Comments 0 Shares 627 Views 0 Reviews
  • สื่อมวลชนท้องถิ่นกัมพูชารายงานเมื่อวันอาทิตย์(14ก.ย.) ทางกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา เรียกร้องอีกครั้งไปยังชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย ให้หางานภายในประเทศแทนที่จะลักลอบกลับไปอย่างผิดกฎหมาย พร้อมอ้างว่ากัมพูชามีตำแหน่งงานที่ให้เงินเดือนเหมาะสมและสิทธิประโยชน์ต่างๆนานามากมาย รองรับพลเมืองอีกเกือบ 100,000 อัตรา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088105

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สื่อมวลชนท้องถิ่นกัมพูชารายงานเมื่อวันอาทิตย์(14ก.ย.) ทางกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา เรียกร้องอีกครั้งไปยังชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย ให้หางานภายในประเทศแทนที่จะลักลอบกลับไปอย่างผิดกฎหมาย พร้อมอ้างว่ากัมพูชามีตำแหน่งงานที่ให้เงินเดือนเหมาะสมและสิทธิประโยชน์ต่างๆนานามากมาย รองรับพลเมืองอีกเกือบ 100,000 อัตรา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088105 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • การปิดจุดผ่านดินแดนสำคัญๆของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายแดนติดกับไทย กำลังก่อความปั่นป่วนทางลอจิสติกส์อย่างรุนแรงและก่อความเสี่ยงแก่ความน่าดึงดูดใจของประเทศในฐานะจุดหมายหลักของการลงทุน ตามรายงานของเว็บไซต์ทราเวลแอนด์ทัวร์เวิลด์ อ้างอิงคำเตือนของญี่ปุ่นที่ฝากไปยังกัมพูชา หลังจากก่อนหน้านี้สื่อมวลชนกัมพูชาตีข่าวอ้างว่าประเทศที่ 3 ที่กดดันให้ไทยและกัมพูชาเปิดด่านท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังมีอยู่ ก็คือญี่ปุ่น คำกล่าวอ้างที่โหมกระพือเสียงโวยวายอย่างดุเดือดจากผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ในไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087906

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    การปิดจุดผ่านดินแดนสำคัญๆของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายแดนติดกับไทย กำลังก่อความปั่นป่วนทางลอจิสติกส์อย่างรุนแรงและก่อความเสี่ยงแก่ความน่าดึงดูดใจของประเทศในฐานะจุดหมายหลักของการลงทุน ตามรายงานของเว็บไซต์ทราเวลแอนด์ทัวร์เวิลด์ อ้างอิงคำเตือนของญี่ปุ่นที่ฝากไปยังกัมพูชา หลังจากก่อนหน้านี้สื่อมวลชนกัมพูชาตีข่าวอ้างว่าประเทศที่ 3 ที่กดดันให้ไทยและกัมพูชาเปิดด่านท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังมีอยู่ ก็คือญี่ปุ่น คำกล่าวอ้างที่โหมกระพือเสียงโวยวายอย่างดุเดือดจากผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ในไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087906 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 434 Views 0 Reviews
  • เตีย เซยฮา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยในวันพุธ(10ก.ย.) กัมพูชาและไทยเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นในการถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์ออกจากพื้นที่ชายแดน ส่วนหนึ่งเป็นการคำนึงถึงคำร้องจากบรรดานักลงทุนญี่ปุ่น ที่ขอให้เปิดจุดผ่านแดนบางส่วน ตามรายงานของแคมโบเดียเนสส์ สื่อมวลชนเขมรภาคภาษาอังกฤษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086897

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เตีย เซยฮา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยในวันพุธ(10ก.ย.) กัมพูชาและไทยเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นในการถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์ออกจากพื้นที่ชายแดน ส่วนหนึ่งเป็นการคำนึงถึงคำร้องจากบรรดานักลงทุนญี่ปุ่น ที่ขอให้เปิดจุดผ่านแดนบางส่วน ตามรายงานของแคมโบเดียเนสส์ สื่อมวลชนเขมรภาคภาษาอังกฤษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086897 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก

    เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก

    โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

    ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต

    #Newskit
    โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต #Newskit
    1 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • สะพัด! ‘ทักษิณ’ เตรียมบินไปสิงคโปร์ หลังเอกสารห้ามเดินทางออกนอกประเทศ คดี ม.112 สิ้นสุด
    .
    วันที่ 4 กันยายน 2568 มีรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) จาก M JET ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีข่าวลือในช่วงแรกว่าปลายทางคือ หัวหิน ประจวบฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันว่านายทักษิณมีแผนจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์
    .
    รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยาน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของนายทักษิณอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 ซึ่งขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงพาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อก ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อย่างไรก็ดี ยังคงมีคดีบังคับโทษกรณีชั้น 14 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม
    .
    ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ตม. และการท่าอากาศยาน ยังคงเจรจากับทีมกฎหมายของนายทักษิณ เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด
    .
    ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางและความคืบหน้าทางคดีจะมีการรายงานต่อไป
    สะพัด! ‘ทักษิณ’ เตรียมบินไปสิงคโปร์ หลังเอกสารห้ามเดินทางออกนอกประเทศ คดี ม.112 สิ้นสุด . วันที่ 4 กันยายน 2568 มีรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) จาก M JET ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีข่าวลือในช่วงแรกว่าปลายทางคือ หัวหิน ประจวบฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันว่านายทักษิณมีแผนจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ . รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยาน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของนายทักษิณอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 ซึ่งขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงพาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อก ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อย่างไรก็ดี ยังคงมีคดีบังคับโทษกรณีชั้น 14 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม . ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ตม. และการท่าอากาศยาน ยังคงเจรจากับทีมกฎหมายของนายทักษิณ เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด . ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางและความคืบหน้าทางคดีจะมีการรายงานต่อไป
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • 4 กันยายน 2568
    ภาพตัวเงินตัวทอง "2 ตัว" ขณะกำลังคลานเข้าทำเนียบรัฐบาล จนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนที่มาทำข่าวที่บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าจำนวนมาก

    ตัวนึงเข้า โดยมีอีกตัวนึงคอยช่วย! เดานะ
    4 กันยายน 2568 ภาพตัวเงินตัวทอง "2 ตัว" ขณะกำลังคลานเข้าทำเนียบรัฐบาล จนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนที่มาทำข่าวที่บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าจำนวนมาก ตัวนึงเข้า โดยมีอีกตัวนึงคอยช่วย! เดานะ 😂
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • รัสเซียจะช่วยจีนให้แซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายหญ่ที่สุดของโลก จากการเปิดเผยของประธานบริษัทนิวคลียร์แห่งรัฐัสเซีย 'โรซาตอม' ระหว่างแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนแห่งรัฐ ตามหลังการพบปะพูดคุยกันในปักกิ่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084492

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัสเซียจะช่วยจีนให้แซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายหญ่ที่สุดของโลก จากการเปิดเผยของประธานบริษัทนิวคลียร์แห่งรัฐัสเซีย 'โรซาตอม' ระหว่างแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนแห่งรัฐ ตามหลังการพบปะพูดคุยกันในปักกิ่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084492 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 631 Views 0 Reviews
  • ปอยเปตไม่หลับใหล แม้ไทยจะปิดด่าน

    ข่าวคราวที่สร้างความสับสน เมื่อจู่ๆ ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดสระแก้ว ประชาสัมพันธ์ว่า "หลังจากวันที่ 29 ส.ค.เป็นต้นไป จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะเปิดให้บริการคนไทยและคนกัมพูชา เพื่อเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนา ทุกวันพุธและทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึง 16.00 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.68 เป็นต้นไป สำหรับจุดผ่านแดนอื่นๆ ยังไม่เปิดให้บริการ" กลายเป็นที่วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

    เมื่อนักข่าวสอบถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมช.กลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ปรากฎว่าไม่ใช่คำสั่งของ ศบ.ทก. แต่เป็นตำรวจ ตม. อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาไม่เกี่ยวข้อง ที่สุดแล้ว ตม.สระแก้วจึงชี้แจงว่า เป็นการอนุโลมให้คนไทยที่ยังตกค้าง และคนกัมพูชาที่จะกลับประเทศเป็นวันสุดท้าย โดยมีเอกสารถูกต้องเท่านั้น ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ยืนยันว่าทุกจุดผ่านแดนฯ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ยังคงปิดเช่นเดิม แต่ความสงสัยจากสังคมยังไม่หมดไป เพราะประกาศก่อนหน้านี้ เหมือนจะให้เปิดด่านทุกวันพุธและอาทิตย์

    แหล่งข่าวจากสื่อมวลชนรายหนึ่ง (ขอสงวนนามเพื่อความปลอดภัย) กล่าวกับ Newskit ว่า ปัจจุบันแม้ด่านพรมแดนบ้านคลองลึกจะปิดไม่ให้เข้า-ออกประเทศ แต่บ่อนกาสิโนในฝั่งเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย จำนวน 17 แห่ง ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการอยู่ นักเสี่ยงโชคจากทุกสารทิศต้องเดินทางไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ (SAI) แล้วเดินทางต่อด้วยรถยนต์ อีกทั้งยังมีประชากรแฝง ที่เป็นนักเสี่ยงโชคจากจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ อาศัยอยู่ในปอยเปตประมาณ 2 แสนคน และยังคงใช้ไฟฟ้าบางส่วนจากไทย มีเสาส่งไฟฟ้าบริเวณบ้านป่าไร่ ซื้อขายกันระหว่างเอกชนกับเอกชน

    แหล่งข่าวยังส่งภาพที่แสดงให้เห็นว่าอาคารสูงซึ่งเป็นโรงแรมและบ่อนกาสิโนยังเปิดไฟสว่างไสว หนึ่งในนั้นคือตีก Crown Casino ที่ตั้งประชิดด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต สามารถมองเห็นได้จากตลาดโรงเกลือ ฝั่งประเทศไทย

    สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ (SAI) อยู่ห่างจากด่านปอยเปต 196 กิโลเมตร มีเที่ยวบินขาเข้าต่อสัปดาห์ จากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ 24 เที่ยวบิน ดอนเมือง 14 เที่ยวบิน จากเวียดนาม โฮจิมินห์ 21 เที่ยวบิน ฮานอย 13 เที่ยวบิน ดานัง 7 เที่ยวบิน จากสิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และคุนหมิง ประเทศจีน 7 เที่ยวบิน ส่วนเที่ยวบินในประเทศ มีพนมเปญ 13 เที่ยวบิน และสีหนุวิลล์ 7 เที่ยวบิน

    #Newskit
    ปอยเปตไม่หลับใหล แม้ไทยจะปิดด่าน ข่าวคราวที่สร้างความสับสน เมื่อจู่ๆ ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดสระแก้ว ประชาสัมพันธ์ว่า "หลังจากวันที่ 29 ส.ค.เป็นต้นไป จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะเปิดให้บริการคนไทยและคนกัมพูชา เพื่อเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนา ทุกวันพุธและทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึง 16.00 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.68 เป็นต้นไป สำหรับจุดผ่านแดนอื่นๆ ยังไม่เปิดให้บริการ" กลายเป็นที่วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อนักข่าวสอบถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมช.กลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ปรากฎว่าไม่ใช่คำสั่งของ ศบ.ทก. แต่เป็นตำรวจ ตม. อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาไม่เกี่ยวข้อง ที่สุดแล้ว ตม.สระแก้วจึงชี้แจงว่า เป็นการอนุโลมให้คนไทยที่ยังตกค้าง และคนกัมพูชาที่จะกลับประเทศเป็นวันสุดท้าย โดยมีเอกสารถูกต้องเท่านั้น ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ยืนยันว่าทุกจุดผ่านแดนฯ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ยังคงปิดเช่นเดิม แต่ความสงสัยจากสังคมยังไม่หมดไป เพราะประกาศก่อนหน้านี้ เหมือนจะให้เปิดด่านทุกวันพุธและอาทิตย์ แหล่งข่าวจากสื่อมวลชนรายหนึ่ง (ขอสงวนนามเพื่อความปลอดภัย) กล่าวกับ Newskit ว่า ปัจจุบันแม้ด่านพรมแดนบ้านคลองลึกจะปิดไม่ให้เข้า-ออกประเทศ แต่บ่อนกาสิโนในฝั่งเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย จำนวน 17 แห่ง ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการอยู่ นักเสี่ยงโชคจากทุกสารทิศต้องเดินทางไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ (SAI) แล้วเดินทางต่อด้วยรถยนต์ อีกทั้งยังมีประชากรแฝง ที่เป็นนักเสี่ยงโชคจากจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ อาศัยอยู่ในปอยเปตประมาณ 2 แสนคน และยังคงใช้ไฟฟ้าบางส่วนจากไทย มีเสาส่งไฟฟ้าบริเวณบ้านป่าไร่ ซื้อขายกันระหว่างเอกชนกับเอกชน แหล่งข่าวยังส่งภาพที่แสดงให้เห็นว่าอาคารสูงซึ่งเป็นโรงแรมและบ่อนกาสิโนยังเปิดไฟสว่างไสว หนึ่งในนั้นคือตีก Crown Casino ที่ตั้งประชิดด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต สามารถมองเห็นได้จากตลาดโรงเกลือ ฝั่งประเทศไทย สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ (SAI) อยู่ห่างจากด่านปอยเปต 196 กิโลเมตร มีเที่ยวบินขาเข้าต่อสัปดาห์ จากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ 24 เที่ยวบิน ดอนเมือง 14 เที่ยวบิน จากเวียดนาม โฮจิมินห์ 21 เที่ยวบิน ฮานอย 13 เที่ยวบิน ดานัง 7 เที่ยวบิน จากสิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และคุนหมิง ประเทศจีน 7 เที่ยวบิน ส่วนเที่ยวบินในประเทศ มีพนมเปญ 13 เที่ยวบิน และสีหนุวิลล์ 7 เที่ยวบิน #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 451 Views 0 Reviews
  • ๒ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "อดีตพระอลงกต-หมอบี" ฝากขังศาลผัดแรก พร้อมค้านประกันตัว เกรงหลบหนี-ยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน ด้านอดีเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุยิ้มแย้มปัดตอบคำถามผู้สื่อข่าว

    วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (กก.1 บก.ป.) ได้ควบคุมตัว อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ 81/2568 ลง 22 สิงหาคม 2568 ข้อหา"เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด

    เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิขอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคนโดยการตกลงกันตั้งแต่

    สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" และ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เจ้าของเพจ "งมงาย สไตล์หมอบี" ไปฝากขังศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

    โดยอดีตหลวงอลงกต สวมเสื้อผ้าสีกรัก (น้ำตาลเข้ม) คล้ายจีวรพระสงฆ์สายธรรมยุติกนิกาย โดยคลุมผ้าสีคล้ายจีวรพระ ซึ่งขณะกำลังเดินขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา อดีตหลวงพ่ออลงกต มีสีหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวจำนวนมาก

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะชี้แจงไหม, รับสารภาพหรือปฏิเสธ,จะกลับมาบวชอีกไหม แต่อดีตหลวงพ่ออลงกต ได้ปฏิเสธที่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่นำขึ้นรถส่งศาลต่อไป

    ทั้งนี้ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเนื่องจากเกรงจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000081678

    #MGROnline #อดีตพระอลงกต #หมอบี #หมอบีทูตสื่อวิญญาณ #วัดพระบาทน้ำพุ #หลวงพ่ออลงกต
    ๒ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "อดีตพระอลงกต-หมอบี" ฝากขังศาลผัดแรก พร้อมค้านประกันตัว เกรงหลบหนี-ยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน ด้านอดีเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุยิ้มแย้มปัดตอบคำถามผู้สื่อข่าว • วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (กก.1 บก.ป.) ได้ควบคุมตัว อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ 81/2568 ลง 22 สิงหาคม 2568 ข้อหา"เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด • เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิขอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคนโดยการตกลงกันตั้งแต่ • สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" และ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เจ้าของเพจ "งมงาย สไตล์หมอบี" ไปฝากขังศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ • โดยอดีตหลวงอลงกต สวมเสื้อผ้าสีกรัก (น้ำตาลเข้ม) คล้ายจีวรพระสงฆ์สายธรรมยุติกนิกาย โดยคลุมผ้าสีคล้ายจีวรพระ ซึ่งขณะกำลังเดินขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา อดีตหลวงพ่ออลงกต มีสีหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวจำนวนมาก • เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะชี้แจงไหม, รับสารภาพหรือปฏิเสธ,จะกลับมาบวชอีกไหม แต่อดีตหลวงพ่ออลงกต ได้ปฏิเสธที่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่นำขึ้นรถส่งศาลต่อไป • ทั้งนี้ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเนื่องจากเกรงจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000081678 • #MGROnline #อดีตพระอลงกต #หมอบี #หมอบีทูตสื่อวิญญาณ #วัดพระบาทน้ำพุ #หลวงพ่ออลงกต
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 20 : เจ้ามือมาแล้ว
    ย้อนกลับไประหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังขับเคี้ยวกันอยู่ ประธานาธิบดีอเมริกา Woodrow Wilson นั่งบนกำแพงดูทิศทางลม ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสงครามพวกนักธุรกิจเห็นว่ามัวแต่นั่งดูทางลมแบบนั้น มันจะเข้าทางพวกเราหรือ ว่าแล้วพวกเขาก็รวบรวมพรรคพวก ตั้งคณะกำหนดทิศทางลมแทน ชื่อ “The Inquiry” เพื่อทำการศึกษา (ตามโผ !) และแนะนำประธานาธิบดี Wilson ว่า หาก Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันล้มคว่ำ โลกนี้ควรจะมีทิศทางในการเดินเกมการเมืองอย่างไร การเสนอแนะของ The Inquiry ทำผ่าน Col. Edward M. House คนสนิทของประธานาธิบดี Wilson ท่านนายพัน House นี้ เป็นตัวสำคัญในการผลักดันให้เกิด Federal Reserve System
    The Inquiry นี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของ The Council on Foreign Relations (CFR) ผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุด พวกเขาคือคนถือเข็มทิศ กำหนดทิศทางเดินของอเมริกานั่นเอง CFR เริ่มต้นจากการรวมตัวของนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา เขาตกลงกันในที่ประชุมเมื่อพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ว่า พวกเราควรจัดให้มีสถาบันร่วมมือกันระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เพื่อ “ดูแล” เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ (International Affairs) หลังจากนั้น ใน ค.ศ. 1921 พวกเขาก็ได้ขยายแนวร่วมไปยังกลุ่ม นักกฎหมายและนักการเงิน และร่วมกันตั้ง The Council on Foreign Relations ขึ้นในปี ค.ศ. 1921
    CFR มีเป้าหมายที่จะกำหนดที่ยืนของอเมริกาในโลกเสียใหม่ จากที่ทำแต่อุตสาหกรรมโดยลำพัง อยู่โดดเดี่ยว เปลี่ยนสภาพเป็นตัวกลไกสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเงินระหว่างประเทศ และกำหนดทิศทางการเดินของอเมริกาที่จะก้าวไปสู่การเป็นจักรวรรดิอเมริกา ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ การเงิน การเมืองระหว่างประเทศ การทหาร สื่อมวลชน และนักวิชาการ ในสังคมระดับสูง และทิศทางดังกล่าวจะต้องทำเป็นนโยบายระดับนานาชาติ โดยมีกลุ่มทุนใหญ่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง
    เงินคืออำนาจ อำนาจคือเงิน อย่าถามว่าพวกเขาจะสร้างอำนาจนี้ได้จริงหรือ และเมื่อมีอำนาจแล้วจะใช้อำนาจนี้ไหม จักรวรรดิอเมริกามีจริงหรือไม่ เขาว่าถามแบบนี้ แน่นอน คนถามต้องไม่ใช่เป็นพวก CFR และไม่มีวันได้เป็น ฮา !
    แต่ก่อนจะมีอำนาจ ต้องมีเงินก่อนตามสูตร แล้วนักเล่นกล ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องมีธนาคารกลาง แต่เป็นธนาคารกลางที่พวกเขา ควรเป็น (เจ้ามือ) เจ้าของและควบคุม มันเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักการเงิน 2 ฝั่งคาบสมุทร Atlantic
    J P Morgan ร่ายมนต์ให้นักการเมืองฟังว่า เหตุการณ์วิกฤติทางการเงินของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1907 น่ะ เพราะพวกคุณไม่มีระบบการเงินที่ดี รัฐบาลก็ไม่มีกระเป๋าเงินของตัวเองที่ใหญ่พอ ตอนเกิดเรื่องนะจำได้มั้ย เราน่ะ J P Morgan เป็นคนให้รัฐบาลยืมเงินนะ จะเสียหน้าแบบนั้นอีกเหรอ คำขู่ได้ผลประธานาธิบดี Wilson มือไม้สั่นรีบออก Federal Reserve Act ในปี ค.ศ. 1913 ผลของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้อเมริกาถูกควบคุม โดยผู้มีอำนาจทางการเงิน Federal Reserve Bank หรือ “Fed” (เจ้ามือตัวจริง !) ซึ่งรัฐบาลอเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ Fed สามารถที่กำหนดหลักเกณฑ์ ในการพิมพ์เงินดอลล่าร์ได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน Congress เยี่ยมจริง ๆ!!!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 20 : เจ้ามือมาแล้ว ย้อนกลับไประหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังขับเคี้ยวกันอยู่ ประธานาธิบดีอเมริกา Woodrow Wilson นั่งบนกำแพงดูทิศทางลม ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสงครามพวกนักธุรกิจเห็นว่ามัวแต่นั่งดูทางลมแบบนั้น มันจะเข้าทางพวกเราหรือ ว่าแล้วพวกเขาก็รวบรวมพรรคพวก ตั้งคณะกำหนดทิศทางลมแทน ชื่อ “The Inquiry” เพื่อทำการศึกษา (ตามโผ !) และแนะนำประธานาธิบดี Wilson ว่า หาก Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันล้มคว่ำ โลกนี้ควรจะมีทิศทางในการเดินเกมการเมืองอย่างไร การเสนอแนะของ The Inquiry ทำผ่าน Col. Edward M. House คนสนิทของประธานาธิบดี Wilson ท่านนายพัน House นี้ เป็นตัวสำคัญในการผลักดันให้เกิด Federal Reserve System The Inquiry นี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของ The Council on Foreign Relations (CFR) ผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุด พวกเขาคือคนถือเข็มทิศ กำหนดทิศทางเดินของอเมริกานั่นเอง CFR เริ่มต้นจากการรวมตัวของนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา เขาตกลงกันในที่ประชุมเมื่อพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ว่า พวกเราควรจัดให้มีสถาบันร่วมมือกันระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เพื่อ “ดูแล” เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ (International Affairs) หลังจากนั้น ใน ค.ศ. 1921 พวกเขาก็ได้ขยายแนวร่วมไปยังกลุ่ม นักกฎหมายและนักการเงิน และร่วมกันตั้ง The Council on Foreign Relations ขึ้นในปี ค.ศ. 1921 CFR มีเป้าหมายที่จะกำหนดที่ยืนของอเมริกาในโลกเสียใหม่ จากที่ทำแต่อุตสาหกรรมโดยลำพัง อยู่โดดเดี่ยว เปลี่ยนสภาพเป็นตัวกลไกสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเงินระหว่างประเทศ และกำหนดทิศทางการเดินของอเมริกาที่จะก้าวไปสู่การเป็นจักรวรรดิอเมริกา ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ การเงิน การเมืองระหว่างประเทศ การทหาร สื่อมวลชน และนักวิชาการ ในสังคมระดับสูง และทิศทางดังกล่าวจะต้องทำเป็นนโยบายระดับนานาชาติ โดยมีกลุ่มทุนใหญ่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง เงินคืออำนาจ อำนาจคือเงิน อย่าถามว่าพวกเขาจะสร้างอำนาจนี้ได้จริงหรือ และเมื่อมีอำนาจแล้วจะใช้อำนาจนี้ไหม จักรวรรดิอเมริกามีจริงหรือไม่ เขาว่าถามแบบนี้ แน่นอน คนถามต้องไม่ใช่เป็นพวก CFR และไม่มีวันได้เป็น ฮา ! แต่ก่อนจะมีอำนาจ ต้องมีเงินก่อนตามสูตร แล้วนักเล่นกล ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องมีธนาคารกลาง แต่เป็นธนาคารกลางที่พวกเขา ควรเป็น (เจ้ามือ) เจ้าของและควบคุม มันเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักการเงิน 2 ฝั่งคาบสมุทร Atlantic J P Morgan ร่ายมนต์ให้นักการเมืองฟังว่า เหตุการณ์วิกฤติทางการเงินของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1907 น่ะ เพราะพวกคุณไม่มีระบบการเงินที่ดี รัฐบาลก็ไม่มีกระเป๋าเงินของตัวเองที่ใหญ่พอ ตอนเกิดเรื่องนะจำได้มั้ย เราน่ะ J P Morgan เป็นคนให้รัฐบาลยืมเงินนะ จะเสียหน้าแบบนั้นอีกเหรอ คำขู่ได้ผลประธานาธิบดี Wilson มือไม้สั่นรีบออก Federal Reserve Act ในปี ค.ศ. 1913 ผลของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้อเมริกาถูกควบคุม โดยผู้มีอำนาจทางการเงิน Federal Reserve Bank หรือ “Fed” (เจ้ามือตัวจริง !) ซึ่งรัฐบาลอเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ Fed สามารถที่กำหนดหลักเกณฑ์ ในการพิมพ์เงินดอลล่าร์ได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน Congress เยี่ยมจริง ๆ!!! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลนาสเซอร์ในทางใต้ของฉนวนกาซา สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 20 ราย ในนั้นรวมถึงสื่อมวลชน 5 คน ที่ทำงานให้กับรอยเตอร์, เอพี, อัลจาซีราห์และอื่นๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081204

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลนาสเซอร์ในทางใต้ของฉนวนกาซา สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 20 ราย ในนั้นรวมถึงสื่อมวลชน 5 คน ที่ทำงานให้กับรอยเตอร์, เอพี, อัลจาซีราห์และอื่นๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081204 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 611 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน?

    ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน

    ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม

    อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด

    ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง

    #Newskit
    ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน? ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews
  • ตามนี้!!

    ‘กรมการปกครอง’ โพสต์ชี้แจง กรณี ’เลขบัตรประจำตัวประชาชน‘ ของ ’หลวงพ่ออลงกต‘

    ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า “หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว” นั้น

    สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

    จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า

    พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต พูลมุข) หรือ หลวงพ่ออลงกต
    เลขประจำตัวประชาชน
    x-xxxx-xxx036-50-7
    (นามสกุล พูลมุข มีสระ อู)
    เกิดปี 2503

    นายอลงกต พลมุข (ผู้เสียชีวิตแล้ว)
    มีเลขประจำตัวประชาชน
    x-xxxx-xxx796-46-3
    (นามสกุล พลมุข ไม่มีสระ อู)
    เกิดปี 2505

    ทั้งนี้ รายการบุคคลทั้งสองมิใช่บุคคลคนเดียวกัน และเลขประจำตัวประชาชน ไม่ซ้ำกัน แต่อย่างใด

    ดังนั้น ข่าวที่เผยแพร่ว่าเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกตตรงกับบุคคลที่เสียชีวิต จึงไม่เป็นความจริง

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง 0 2791 7938
    ตามนี้!! ‘กรมการปกครอง’ โพสต์ชี้แจง กรณี ’เลขบัตรประจำตัวประชาชน‘ ของ ’หลวงพ่ออลงกต‘ ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า “หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว” นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต พูลมุข) หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 (นามสกุล พูลมุข มีสระ อู) เกิดปี 2503 นายอลงกต พลมุข (ผู้เสียชีวิตแล้ว) มีเลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx796-46-3 (นามสกุล พลมุข ไม่มีสระ อู) เกิดปี 2505 ทั้งนี้ รายการบุคคลทั้งสองมิใช่บุคคลคนเดียวกัน และเลขประจำตัวประชาชน ไม่ซ้ำกัน แต่อย่างใด ดังนั้น ข่าวที่เผยแพร่ว่าเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกตตรงกับบุคคลที่เสียชีวิต จึงไม่เป็นความจริง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง 0 2791 7938
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • Scan to support Newskit

    เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 นำเสนอเรื่องราวแตกต่างจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ทุกเช้าวันจันทร์-พฤหัสบดี ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Thaitimes, Facebook และ Instagram ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร

    ที่ผ่านมามีคนสงสัยว่า เพจ Newskit ทำคนเดียวหรือไม่ เป็นเพจส่วนตัว หรือทำในนามองค์กร ขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารกับคุณผู้อ่านว่า เป็นเพจส่วนตัวที่ทำคนเดียว หลังเว้นวรรคจากงานคอลัมนิสต์ออนไลน์ ที่หยุดเขียนไปเมื่อเดือน เม.ย.2567 และได้รับความกรุณาจากทีมงาน Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย ให้ทดสอบระบบและนำเสนอเนื้อหาถึงปัจจุบัน โดยยึดหลักการ One Man Journalism แม้จะมีงานประจำและกิจการของครอบครัว แต่พื้นที่ตรงนี้มีไว้ "ปล่อยของ" ในสิ่งที่งานประจำทำไม่ได้

    การเดินทางของเพจ Newskit ทำเป็นงานอดิเรกด้วยใจล้วนๆ เนื้อหาของเราไม่ได้ทำตามกระแส คนที่เข้ามาอ่านจะต้องรู้จักงานเขียนหรือตัวตนของเราจริงๆ แม้อัลกอริทึมจะปิดกั้นก็ตาม อีกทั้งการแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ย่อมมีค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาใช้รายได้จากงานประจำเป็นหลัก เราใช้ความคิดและหัวใจ ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่พบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน

    ถึงกระนั้น เราเชื่อว่าทั้งในวันนี้และอนาคต อาจมีคนที่อยากสนับสนุนผลงาน อีกทั้งเริ่มเห็นสื่อเอกชน และสื่อมวลชนอิสระหลายราย เริ่มประกาศขอรับการสนับสนุนหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ทุกโพสต์ของ Newskit จะติด QR Code ของแอปพลิเคชัน K SHOP สำหรับผู้อ่านที่ต้องการสนับสนุนโดยตรง แม้เราจะไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนักก็ตาม โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" เท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง

    เหตุผลที่ไม่แจ้งบัญชีธนาคารโดยตรง เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล และป้องกันมิจฉาชีพ อีกทั้งด้วยฟังก์ชันของ K SHOP ยังอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย สามารถเลือกชำระด้วยคะแนนสะสม K Point ได้ในอัตรา 10 คะแนนเท่ากับ 1 บาท และผู้ใช้แอปพลิเคชัน MaxMe Wallet สามารถเลือกชำระด้วยแต้มในบัตรแมกซ์การ์ด ของปั๊มน้ำมันพีทีได้ในอัตรา 10 คะแนนเท่ากับ 1 บาทเช่นกัน

    ขอขอบคุณทุกการสแกนเพื่อสนับสนุนเรามา ณ โอกาสนี้

    #Newskit
    Scan to support Newskit เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 นำเสนอเรื่องราวแตกต่างจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ทุกเช้าวันจันทร์-พฤหัสบดี ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Thaitimes, Facebook และ Instagram ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร ที่ผ่านมามีคนสงสัยว่า เพจ Newskit ทำคนเดียวหรือไม่ เป็นเพจส่วนตัว หรือทำในนามองค์กร ขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารกับคุณผู้อ่านว่า เป็นเพจส่วนตัวที่ทำคนเดียว หลังเว้นวรรคจากงานคอลัมนิสต์ออนไลน์ ที่หยุดเขียนไปเมื่อเดือน เม.ย.2567 และได้รับความกรุณาจากทีมงาน Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย ให้ทดสอบระบบและนำเสนอเนื้อหาถึงปัจจุบัน โดยยึดหลักการ One Man Journalism แม้จะมีงานประจำและกิจการของครอบครัว แต่พื้นที่ตรงนี้มีไว้ "ปล่อยของ" ในสิ่งที่งานประจำทำไม่ได้ การเดินทางของเพจ Newskit ทำเป็นงานอดิเรกด้วยใจล้วนๆ เนื้อหาของเราไม่ได้ทำตามกระแส คนที่เข้ามาอ่านจะต้องรู้จักงานเขียนหรือตัวตนของเราจริงๆ แม้อัลกอริทึมจะปิดกั้นก็ตาม อีกทั้งการแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ย่อมมีค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาใช้รายได้จากงานประจำเป็นหลัก เราใช้ความคิดและหัวใจ ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่พบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน ถึงกระนั้น เราเชื่อว่าทั้งในวันนี้และอนาคต อาจมีคนที่อยากสนับสนุนผลงาน อีกทั้งเริ่มเห็นสื่อเอกชน และสื่อมวลชนอิสระหลายราย เริ่มประกาศขอรับการสนับสนุนหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ทุกโพสต์ของ Newskit จะติด QR Code ของแอปพลิเคชัน K SHOP สำหรับผู้อ่านที่ต้องการสนับสนุนโดยตรง แม้เราจะไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนักก็ตาม โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" เท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง เหตุผลที่ไม่แจ้งบัญชีธนาคารโดยตรง เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล และป้องกันมิจฉาชีพ อีกทั้งด้วยฟังก์ชันของ K SHOP ยังอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย สามารถเลือกชำระด้วยคะแนนสะสม K Point ได้ในอัตรา 10 คะแนนเท่ากับ 1 บาท และผู้ใช้แอปพลิเคชัน MaxMe Wallet สามารถเลือกชำระด้วยแต้มในบัตรแมกซ์การ์ด ของปั๊มน้ำมันพีทีได้ในอัตรา 10 คะแนนเท่ากับ 1 บาทเช่นกัน ขอขอบคุณทุกการสแกนเพื่อสนับสนุนเรามา ณ โอกาสนี้ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
More Results